รีวิว THE CITY Kanchana-Bangkae (เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ระดับ Luxury เริ่ม 30-50 ล้านบาท จาก AP ใกล้ The mall บางแค มาในสไตล์ English Modern Classic มีหลังคาหน้าจั่วทรงสูงโดดเด่น ทำให้มีพื้นที่ใต้หลังคาสำหรับใช้งาน ได้กลิ่นอายความเป็นสถาปัตยกรรมอังกฤษโดยตัวโครงการมีความน่าสนใจดังนี้ค่ะ
- ใกล้ The mall บางแค : เพียง 1.8 กิโลเมตร ถือใกล้กว่าโครงการรอบข้างที่มีระดับราคาเดียวกัน
- สังคมส่วนตัว : เพื่อนบ้านเพียง 26 ครอบครัว นับว่าน้อยที่สุดในโซนนี้เลย
- มีห้องใต้หลังคา : เพราะหลังคาทรงสูงพิเศษ ทำให้มีพื้นที่เพียงพอที่จะทำเป็นห้องใต้หลังคา
รายละเอียดโครงการจะเป็นอย่างไร ตามไปชมกันเลย
ข้อมูลโครงการ
THE CITY Kanchana-Bangkae(เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2567
ชื่อโครงการ | THE CITY Kanchana-Bangkae (เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร |
ที่ดิน | 14-0-89.2 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 26 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.8 เมตร |
ราคา | เริ่ม 30 – 50 ล้าน |
เว็บไซต์โครงการ | คลิกที่นี่ |
โทร | 1623 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.726270346802233 , 100.40668548068763
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการ THE CITY Kanchana-Bangkae(เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค)
โครงการ THE CITY Kanchana-Bangkae(เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) อยู่ในโซนกาญจนาภิเษก – เพชรเกษม หากใครเคยขับรถผ่านแถวนี้จะเห็นว่ามีโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Hi-end ตั้งอยู่หลายโครงการ เพราะถนนกาญจนาภิเษก อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างห้างสรรพสินค้า รวมถึงแหล่งของกินต่าง ๆ และยังเชื่อมต่อไปยังถนนเส้นอื่นๆได้ง่าย เช่น ถนนบรมราชชนนี ถนนเพชรเกษม และ ถนนกัลปพฤกษ์ เราจึงคาดว่าในอนาคตจะมีอีกหลายโครงการมาเปิด เพราะยังพอมีที่ว่างให้พัฒนา
THE CITY Kanchana-Bangkae(เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) ตั้งอยู่ในซอย ศิริสุข ซอย 1 ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ จากถนนกาญจนาภิเษกในระยะประมาณ 100 เมตร ถือว่าใกล้กับถนนใหญ่มาก ๆ และอยู่ห่างจาก The mall บางแค เพียง 1.8 กิโลเมตร ซึ่งหากเทียบกับโครงการรอบข้างที่อยู่ใน Segment เดียวกัน โครงการนี้ใกล้ The mall บางแค มากที่สุดเลย
นอกจากนี้ จากตัวโครงการยังเดินทางไปโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งได้อย่างสะดวก เช่น โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม , โรงเรียนเลิศหล้า กาญจนาภิเษก , SISB Thonburi และ Pioneers Inter Bangkhae Campus ใครที่มีลูกเรียนโรงเรียนเหล่านี้ ก็สามารถไปรับ-ส่งได้สบาย ๆ
โครงการนี้เหมาะกับคนที่ทำงานแถว บางแค บางบอน ตลิ่งชัน เพราะเชื่อมจากถนนกาญจนาภิเษกได้ง่าย หรือกลุ่มคนที่ทำงานโซนพระราม 3 ก็สามารถใช้ถนนเส้นเพชรเกษม เชื่อมต่อไปยังถนนรัชดาภิเษก เพื่อเข้าไปยังโซนพระราม 3 ได้ไม่ยากค่ะ
ตัวช่วยในการเดินทาง
หากใครที่ต้องการเดินทางไปยังโซนจตุจักร ลาดพร้าว หรือไปสนามบินดอนเมือง จะมีตัวช่วยอย่าง ทางด่วนศรีรัชที่ห่างจากโครงการประมาณ 13.8 กิโลเมตร ให้เดินทางเข้าเมืองได้สะดวกขึ้นด้วย
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
พื้นที่รอบข้างโครงการส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัย และพื้นที่รอการพัฒนาที่คาดว่าน่าจะขึ้นเป็นหมู่บ้านจัดสรรอีก เพราะซอยนี้มีบรรยากาศสงบ เหมาะกับการอยู่อาศัย แต่ก็ใกล้กับแหล่งอุดมความสมบูรณ์ครบครัน บนถนนกาญจนาภิเษก
- ทิศเหนือ : ที่พักอาศัย 1-3 ชั้น
- ทิศตะวันออก : ที่ว่างรอการพัฒนา
- ทิศใต้ : ที่ว่างรอการพัฒนา , ที่พักอาศัย 1-2 ชั้น
- ทิศตะวันตก : ร้านค้า 1 ชั้น , สำนักงานประปานครหลวงภาษีเจริญ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- The Mall บางแค ~ 1.8 กิโลเมตร
- Lotus’s บางแค ~ 3.2 กิโลเมตร
- The Explace Mall ~ 3.9กิโลเมตร
- ตลาดบางแค ~ 4.6 กิโลเมตร
- Makro เพชรเกษม ~ 5.1 กิโลเมตร
- Bic C เพชรเกษม ~ 5.3 กิโลเมตร
- Victoria Gardens ~ 5.6 กิโลเมตร
- สำเพ็ง 2 ~ 5.6 กิโลเมตร
- Seacon บางแค ~ 6.4 กิโลเมตร
- Indy Market กัลปพฤกษ์ ~ 6.5 กิโลเมตร
- Home Pro กัลปพฤกษ์ ~ 6.6 กิโลเมตร
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค ~3.7 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลพญาไท 3 ~8.3 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลบางปะกอก 8 ~8.7 กิโลเมตร
โรงเรียน
- โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม ~ 5.4 กิโลเมตร
- โรงเรียนเลิศหล้า กาญจนาภิเษก ~ 6.2 กิโลเมตร
- SISB Thonburi ~7.2 กิโลเมตร
- Pioneers Inter Bangkhae Campus ~ 7.3 กิโลเมตร
- British Columbia International School ~ 8.3 กิโลเมตร
- โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ~ 10.3 กิโลเมตร
สถานที่ราชการ
- สำนักงานเขตบางแค ~3.7 กิโลเมตร
รายละเอียดโครงการ
THE CITY Kanchana-Bangkae (เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ระดับ Hi-end จาก AP ที่สร้างบนที่ดิน 14-0-89.2 ไร่ บ้านแต่ละหลัง มีขนาดที่ดินในบ้านเริ่มต้นที่ 109 ตารางวา จนถึง 146.5 ตารางวา และมีพื้นที่ใช้สอย 390-580 ตารางเมตร ทำให้มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 26 ยูนิต ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยที่สุดของบ้านโซนนี้ เพราะโครงการบ้านเดี่ยวในละแวกนี้มักมีประมาณ 50 กว่า ๆ ไปจนถึง 100 ปลาย ๆ ยูนิตเลยทีเดียว โครงการนี้จึงเหมาะกับครอบครัวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง
Master Plan
โครงการ THE CITY Kanchana-Bangkae (เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) มีการวางผังโครงการที่น่าสนใจทีเดียว ซึ่งเรามองว่ามีเรื่องที่น่าสนใจอยู่ 3 ประเด็น ดังนี้ค่ะ
ประเด็นที่หนึ่ง : ส่วนกลางทั้งหมดอยู่หน้าโครงการ เวลาที่คนเข้ามาในโครงการ จะเห็นวงเวียนและสวนส่วนกลางก่อน เป็นลำดับแรก ช่วยเสริมบรรยากาศที่ดีให้กับโครงการ หากใครที่ชอบใช้ Facility ส่วนกลาง แนะนำให้อยู่บ้านโซนเส้นประสีแดง เพื่อเข้าใช้ The club ได้สะดวก
ประเด็นที่สอง : ความเป็นส่วนตัวสูง เพราะบ้านส่วนใหญ่ในโครงการอยู่ในซอยย่อย ซึ่งแต่ละซอยมีจำนวนยูนิตที่น้อย คือ 1-6 ยูนิต แล้วซอยที่มี 6 ยูนิต มีแค่ 1 ซอยเท่านั้น นอกจากนี้ทุกซอยเป็นซอยตัน ถนนในซอยจึงมีแค่ลูกบ้านของแต่ละซอยใช้เท่านั้น
ถ้าเปรียบเทียบบ้านโซนที่ติดถนนหลักของโครงการกับในซอยย่อย ก็จะมีข้อดี-ข้อเสียต่างกันไป บ้านที่ติดถนนหลักจะไม่หันหน้าชนกับเพื่อนบ้าน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว ส่วนบ้านที่อยู่ในซอยจะได้ความสงบ เพราะไม่ค่อยมีรถผ่านไปมาหน้าบ้าน และได้ตำแหน่งแปลงมุมเกือบทุกหลัง
ประเด็นที่สาม : บ้านในโครงการมีทั้งแปลงที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ, ตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งบ้านทิศเหนือฝั่งหน้าบ้านจะโดนแดดในช่วงเช้าและร่มในช่วงบ่าย ส่วนบ้านทิศใต้ฝั่งหน้าบ้านจะร่มในช่วงเช้าและโดนแดดในช่วงบ่าย การเลือกบ้านว่าหันทิศไหนดีจะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เช่น หากเป็นคนชอบตื่นสายก็ควรเลือกบ้านที่มีตำแหน่งเตียงนอนอยู่ทางทิศใต้ เพื่อให้แสงไม่ส่องเข้าบ้านในช่วงเช้า และการวางแปลนบ้านทิศเหนือ-ใต้ จะสอดคล้องกับลมประจำฤดูของไทยมากที่สุด ช่วยให้ลมไหลเวียนเข้าบ้านได้ดี
ซุ้มประตูโครงการ
ซุ้มประตูโครงการมีการแยกฝั่งเข้า-ออกที่ชัดเจน โครงการใช้ระบบสแกนป้ายทะเบียนรถยนต์ พร้อมมีไม้กั้นกระดก และประตูเหล็กรางเลื่อนเพื่อความปลอดภัยให้กับลูกบ้าน และมีชายคาคลุมตลอดแนว ช่วยบังแดดบังฝนให้ผู้ที่มาติดต่อเวลามาแลกบัตร ส่วนด้านข้างมีทางเท้าและประตูสำหรับคนเดินด้วยค่ะ
เมื่อผ่านซุ้มประตูทางเข้ามา จะเจอวงเวียนน้ำพุ ที่มีด้านหลังเป็นสวนสีเขียว ช่วยเสริมบรรยากาศที่ร่มรื่นให้กับโครงการ
เมื่อขับรถเลยวงเวียนมาจะเห็นว่ามีส่วนกลางของโครงการอยู่ข้างๆทั้ง 2 ฝั่ง คือสวนส่วนกลาง และ The Club หรือ Club House ของโครงการนั่นเอง
การเอา Clubhouse ไว้บนซุ้มประตูหน้าโครงการเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของโครงการ The city ทำให้ซุ้มประตู และ Clubhouse ดูอลังการ
ทางเข้า Clubhouse
ทางขึ้นอาคาร Clubhouse ออกแบบเป็น Universal Design มีทางลาดให้ใช้วีลแชร์ได้ด้วย
สระว่ายน้ำ
สระว่ายน้ำเป็นสระกลางแจ้ง ระบบเกลือ แยกโซนเด็กไว้เป็นสัดส่วน โดยสระมีความยาวประมาณ 13×7 เมตร ลูกบ้านสามารถใช้ว่ายน้ำออกกำลังกายได้จริงจังเลย นอกจากนี้ยังมีโซนจากุชชี่อีกด้วย เนื่องจากสระว่ายน้ำอยู่ทางทิศใต้ เหมาะจะมาใช้บริการช่วงเย็นๆ เพื่อไม่ให้แดดร้อนจนเกินไป
อีกหนึ่งมุมที่เราชอบ คือ Sunken Area ข้างๆสระว่ายน้ำ เหมาะกับการมานั่งชิล ๆ ยามเย็นเลย หรือพ่อแม่ที่พาลูกมาว่ายน้ำ ก็สามารถมานั่งรอตรงนี้ได้สบาย ๆ
ข้างสระว่ายน้ำมีจุดล้างตัว ที่สามารถอาบน้ำพร้อมกัน 2 คนได้เลย
ห้องน้ำของ Clubhouse แบ่งเป็นห้องน้ำชาย-หญิง และมีห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุไว้รองรับโดยเฉพาะด้วย
ห้องน้ำส่วนกลาง
ภายในห้องน้ำส่วนกลาง มีครบทั้งห้องสุขา, ห้องอาบน้ำและ Sauna แยกชายหญิงด้วยค่ะ
ภายในห้อง Sauna รองรับการใช้งานพร้อมกันได้ประมาณ 4 คน
ในส่วนของห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุมีขนาดกว้างขวางทีเดียว สามารถเข็นวีลแชร์เข้าไปได้สบายๆ
เข้ามาใน Lobby ส่วนกลาง มีการจัดวางโซฟารูปตัว L ไว้ รองรับการใช้งานได้ 5-6 คน ลูกบ้านสามารถพาแขกมาคุยธุระบริเวณนี้แทนได้ หากไม่สะดวกพาแขกเข้าบ้าน นอกจากนี้ยังมี Meeting Room สำหรับลูกบ้านที่ต้องการจัดประชุมเล็ก ๆ ได้ด้วย
ข้างๆ Meeting Room เป็นบันไดสำหรับขึ้นไปชั้น 2 ของ Clubhouse ซึ่งประกอบไปด้วย Fitness, Theatre และ Estate Lounge
Fitness
ห้อง Fitness มีขนาดกว้างมากพอจะวางเครื่องออกกำลังกายได้ 5-6 เครื่อง ถือว่าเพียงพอต่อการรองรับลูกบ้าน 26 ยูนิต
Estate Lounge
ถัดมาที่ Estate Lounge เป็นพื้นที่พักผ่อน ที่เปิดให้ลูกบ้านมาใช้งานได้ หรือใครที่มีแพลนจัดงานเลี้ยงส่วนตัวก็สามารถจองสถานที่ไว้ก่อนได้ค่ะ เพราะโครงการเตรียมโซนเวที และบาร์สำหรับเตรียมเครื่องดื่มไว้ให้พร้อมเลย
Theatre เป็นห้องที่น่าสนใจของ Clubhouse มากๆ เพราะไม่ใช่ทุกโครงการจะเตรียมห้องดูหนังให้กับลูกบ้านแบบนี้ แถมอาร์มแชร์ในห้องก็ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงหนังเลย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse บริเวณหน้าโครงการประกอบไปด้วย
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ / สระผู้ใหญ่ ขนาด 7×13 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- แบ่งสระเด็กลึกขนาด 2×3 เมตร ลึก 0.4 เมตร
- จากุชชี่
- Sauna
- Lobby และ Meeting Room
- ห้องออกกำลังกาย
- Estate Lounge
- Theatre
แบบบ้าน
แบบบ้านของโครงการ THE CITY Kanchana-Bangkae (เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) มีให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ ในราคาเริ่มต้น 30-50 ล้านบาท
แบบบ้าน ELTHAM
Type เริ่มต้น ELTHAM บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 109.8 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 390 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ห้องพักผ่อน / 1 ห้องพระ / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
แบบบ้าน CAMPTON
ฟังก์ชันเท่าหลังเริ่มต้น แต่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยใหญ่ขึ้นมาหน่อย คือแบบบ้าน CAMPTON บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 124.7 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 430 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ห้องพักผ่อน / 1 ห้องพระ / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
แบบบ้าน WALENTON
Type รองใหญ่ WALENTON บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 129.3 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 500 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 3 ห้องพักผ่อน / 1 ห้องพระ / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ
แบบบ้าน OXBURGH
Type ใหญ่สุด OXBURGH บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 146.5 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 580 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 3 ห้องพักผ่อน / 1 ห้องพระ / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ
บ้านของโครงการ THE CITY Kanchana-Bangkae (เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) ออกแบบมาในสไตล์ English Modern Classic เน้นให้ตัวบ้านเป็นโทนสีเบจด้วยกระเบื้องลายอิฐ ตัดกับกรอบอะลูมิเนียมประตู หน้าต่างสีดำ ทำให้ตัวบ้านดูมีมิติมากขึ้น ที่โดดเด่นที่สุดของบ้านคือ หลังคาหน้าจั่วทรงสูงพิเศษ ที่ทำให้บ้านมีพื้นที่ใช้สอยใต้หลังคาเพิ่มขึ้น และช่วยลดความร้อนที่ถ่ายเทจากหลังคาเข้ามาในตัวบ้านได้ด้วย กลายเป็นอีก 1 จุดที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ
วัสดุและเทคโนโลยี
- โครงสร้างบ้าน : Conventional รองรับการทุบต่อเติมในอนาคต
- หลังคา : ทรงหน้าจั่วผสมปั้นหยา
- พื้นที่จอดรถ : โครงสร้างแบบ On Ground
- ชั้น 1 – ปูกระเบื้อง แกรนิตโต้ 80×80 QAZAN POL-A / ห้องนอนชั้นล่าง ปูพื้น SPC ขนาด 4 มม.
- ชั้น 2 – ปูด้วยปาเก้ไม้สัก ขนาด 18 มม.
- ชั้นลอย – ปูด้วยปาเก้ไม้สัก ขนาด 18 มม.
- DIGITAL DOOR LOCK : สามารถสแกนผ่าน ลายนิ้วมือ / Password / Keycard / กุญแจ / Application
- SPOT : ควบคุมแอร์ผ่านแอปพลิเคชั่น สามารถเปิด-ปิดแอร์ได้แม้ไม่อยู่บ้าน , ตั้งเวลาเปิด/ปิด ได้
- SMART PLUG : ตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ เช่น พัดลม กาต้มน้ำ สปริงเกิล
- CUBE CLICKER : ปุ่มขอความช่วยเหลือในห้องผู้สูงอายุ ซึ่งระบบจะแจ้งเตือนไปยังมือถือของสมาชิกในบ้าน
- MOTION SENSOR : เปิด-ปิด ไฟอัตโนมัติเวลาเดินผ่าน เช่น บริเวณบันได และห้องนอนชั้น 1
- MAGNETIC SENSOR: สัญญาแจ้งเตือนเมื่อเปิดประตูหน้าต่าง ทั้งชั้น 1 และ 2
- SHOCK SENSOR : สัญญากันขโมย เมื่อมีการกระแทกประตู หน้าต่างเฉพาะ ชั้น 1
- TOUCH SWITCH : เปิด-ปิดไฟได้ผ่านมือถือ สามารถตั้งเวลาเปิด/ปิดได้
- IP CAMERA (CCTV) : 2 จุด ที่โรงจอดรถ และโถงรับแขก
โครงการนี้จะมีบ้านตัวอย่างให้ชม 1 Type คือ OXBURGH ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ที่สุด จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย
บ้าน OXBURGH
บ้านแบบใหญ่ที่สุดของโครงการ มีที่ดินเริ่มต้น 146.5 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 580 ตร.ม.
ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 3 ห้องพักผ่อน / 1 ห้องพระ / 1 ห้องรับประทานอาหาร / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ
แปลนชั้น 1
แบบบ้านนี้สามารถรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่อยู่ร่วมกัน 3 Generations ได้ เพราะมีห้องนอนถึง 5 ห้อง รวมห้องนอนผู้สูงอายุที่อยู่ชั้นล่างด้วย ทุกห้องนอนมีห้องน้ำภายในตัว แต่ที่น่าสนใจคือ บ้านหลังนี้มีทั้ง Master Bedroom และ Junior Master Bedroom จึงสามารถรองรับครอบครัวขยายในอนาคตได้อีก เช่น ลูกแต่งงานแล้วก็ยังสามารถอยู่ห้อง Junior Master Bedroom ได้ หากไม่มีแพลนแยกตัวออกไปอยู่ที่อื่น
ส่วนมุมพักผ่อนของบ้านหลังนี้มีหลายจุดทีเดียว รองรับกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป เช่นเวลาที่พ่อแม่มีแขกมาเยี่ยมก็สามารถใช้พื้นที่รับแขกหน้าบ้านได้ ในขณะที่ลูก ๆ ก็อยู่ห้องนั่งเล่นทำการบ้าน เล่นเกมส์กันได้อย่างสนุกสนาน
Highlight ที่แตกต่างจากบ้านโครงการอื่นก็คือ พื้นที่ใต้หลังคาที่อยู่บนชั้นลอย ซึ่งน่าจะเป็นมุมโปรดของเด็กๆ เลยนะคะ
ประตูรั้วของบ้านเป็นประตูเหล็กรางเลื่อนที่แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ทำให้ไม่กินพื้นที่ในการเลื่อนเก็บ นอกจากนี้ยังเดินระบบไฟไว้รองรับการติดตั้งระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยค่ะ
นอกจากประตูที่จอดรถก็จะมีประตูเล็กสำหรับเดินเข้าออกแยกไว้ให้ ซึ่งตำแหน่งประตูจะตรงกับประตูหลักของบ้านพอดี เมื่อเปิดประตูเข้ามาจึงดู Grand หรูหราดีค่ะ
พื้นที่สวนรอบบ้าน
เนื่องจากที่ดินทุกแปลงมีที่ดิน 100 ตารางวา ขึ้นไปทั้งหมด ทำให้พื้นที่รอบบ้านค่อนข้างกว้างทีเดียว ซึ่งทางโครงการจะปูหญ้า ลงไม้พุ่มและไม้ยืนขนาดเล็กไว้ให้บางส่วน ซึ่งพรรณไม้จะเข้ากับสไตล์ยุโรปของตัวบ้าน
สำหรับบ้านตัวอย่างเป็นแปลงมุมจึงมีพื้นที่ใหญ่เป็นพิเศษ สามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นชมบรรยากาศรอบ ๆ บ้านแบบนี้ได้นะคะ
พื้นที่จอดรถ
พื้นที่จอดรถ ของบ้านสามารถจอดรถในร่มได้ 4 คัน แต่หากใครมีรถคันใหญ่ เช่น Alphard ที่มีความยาวมากกว่าปกติ อาจต่อเติมชายคาให้ยาวขึ้นเพื่อให้บังแดดรถได้เต็มคัน
สำหรับพื้นบริเวณที่จอดรถจะเป็นแบบ Slab on Ground ทั้งหมด ไม่ได้ลงเสาเข็ม แต่ก็มีการตัด Joint แยกพื้นออกจากโครงสร้างหลักของบ้านไว้ หากในอนาคตพื้นที่จอดรถมีการทรุดตัวก็จะไม่ส่งผลต่อตัวบ้านหลัก แต่หากจะต่อเติมหลังคาก็แนะนำให้ปรึกษาวิศวกรเพิ่มเติมนะคะ
บริเวณพื้นที่จอดรถจะติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ไว้ให้ 1 ตัว และอีกจุดหนึ่งจะอยู่บริเวณห้องนั่งเล่นภายในตัวบ้าน นอกจากนี้ยังเตรียมระบบไฟรองรับการติดตั้ง EV Changer ไว้ให้ รองรับสูงสุด 22 kW. แต่จะติดตั้งได้กี่ kW. ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านด้วยค่ะ
ประตูเข้าบ้านฝั่งที่จอดรถ
จากที่จอดรถจะมีประตูเข้าบ้านอีกทางหนึ่ง หากวันไหนที่ฝนตกเราสามารถใช้ประตูนี้เข้าบ้านได้โดยไม่เปียกฝนเลย ประตูบานนี้เป็นแบบ Digital door lock หากลูกบ้านลืมกุญแจก็กดรหัสเเทนได้
สำหรับทางเดินไปประตูหลักจะออกแบบเป็นทางลาด รองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ และสามารถเข็นกระเป๋าเดินทางขึ้นลงได้สะดวก
ประตูทางเข้าหลักยกขึ้นสูงจากพื้นหน้าบ้านเล็กน้อย เพื่อกันฝุ่นต่างๆ เป็นประตูไม้สักบานคู่ เปิดได้กว้างประมาณ 1.45 เมตร ทำให้ขนเฟอร์นิเจอร์ เข้า-ออกได้สบาย
สำหรับเรื่องความปลอดภัย โครงการติดตั้งระบบ Magnetic Sensor ไว้ทั้งชั้น 1 และ 2 ระบบจะแจ้งเตือนเมื่อมีการเปิด-ปิด ประตู หน้าต่าง แถมชั้น 1 ยังมีระบบ Shock Sensor แจ้งเตือนเมื่อมีการกระแทกประตู-หน้าต่างอีกด้วย
มือจับและลูกบิดใช้ของ COLT เราลองใช้งานแล้วดูแข็งแรงดี
พื้นที่รับแขก
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับพื้นที่รับแขกขนาดใหญ่ ที่มีฝ้าเพดานแบบ Double Volume พร้อมหน้าต่างโดยรอบ ช่วยให้แสงภายนอกเข้ามาในตัวบ้านได้อย่างทั่วถึง ตอนเราเปิดประตูเข้าไปก็รู้สึกโปร่ง สบาย ไม่อึดอัด
พื้นที่รับแขกมีขนาดประมาณ 5.85 x 5.70 เมตร สามารถวางโซฟารูปตัว L ที่รองรับ 5-6 ที่นั่ง แถมยังวางอาร์มแชร์ 1-2 ตัวได้ด้วย ทำให้พื้นที่ตรงนี้กลายเป็นจุดรวมตัวของสมาชิกในบ้านได้ดีเลย
ถัดจากพื้นที่รับแขก เราจะเจอกับมุมพักผ่อน Semi-Outdoor, พื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่รับประทานอาหาร ที่เชื่อมต่อกัน
มุมพักผ่อน Semi-Outdoor ข้างๆบ้านเหมาะกับคนชอบชมสวน ซึ่งมีหลังคาคลุมบังแดดบังฝน จึงสามารถใช้งานได้ตลอดวัน
พื้นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัวจะอยู่ทางฝั่งหลังบ้าน จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่ามุมรับแขก เราสามารถจัดมุมนี้ตามไลฟ์สไตล์เราได้ เช่น ห้องเล่นเกมส์ ห้องอ่านหนังสือ เพราะบ้านมาตรฐานจะกั้นเป็นห้องมาให้เลย หรือใครอยากให้พื้นที่ดูโปร่งโล่งแบบในบ้านตัวอย่างจะเอาประตูออกก็ได้นะคะ
หน้าต่างข้างๆ ห้องนั่งเล่นเป็นประตูบานเลื่อนแบบ Double Lock ช่วยเสริมความปลอดภัยให้สมาชิกในบ้าน
พื้นที่รับประทานอาหารเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น ทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่ง ดูจากขนาดพื้นที่จะสามารถวางโต๊ะกินข้าวได้ 12 ที่นั่งเลย
ติดกับโต๊ะอาหารจะมีพื้นที่สำหรับจัดเป็น Pantry ขนาดเล็ก รองรับการเตรียมอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือใครทำขนมเป็นงานอดิเรกก็คงจะชอบมุมนี้แน่ๆเลย
พื้นห้องครัวมีการลดระดับเล็กน้อย เราจึงสามารถทำความสะอาดครัวได้ง่ายขึ้น ขัดล้างได้ ไม่ต้องกลัวน้ำไหลย้อนไปส่วนอื่น
ห้องครัวไทย
ห้องครัวไทยมีขนาดใหญ่พอสมควร ได้เป็นครัวปิด ทำให้เราสามารถประกอบอาหารกลิ่นฉุน ๆ ได้ โดยไม่ต้องกลัวว่ากลิ่นจะลอยเข้าบ้าน ทางโครงการให้ เคาน์เตอร์และอุปกรณ์มาครบครัน ทั้ง ซิงค์ล้างจาน, เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้ง พัดลมระบายอากาศ และ Hood ดูดควัน
โซนแม่บ้าน
แบบบ้านนี้มีห้องนอน ห้องน้ำของแม่บ้าน และห้องซักรีดให้ด้วย ซึ่งอยู่ติดกับโซนครัว แม่บ้านจึงสามารถทำงานและอาศัยในโซนนี้ ได้เป็นสัดส่วน
โถงทางเดินกลางบ้านมีความกว้างมาก เราจึงไม่รู้สึกอึดอัดเลยเวลาเดินไปมาภายในบ้าน บริเวณปลายทางเดินของโถงนี้มีห้องน้ำสำหรับแขก และ ห้องนอนผู้สูงอายุ
ห้องน้ำสำหรับแขก
Powder Room ออกแบบให้เหมาะกับการรองรับแขกโดยเฉพาะ จึงมีเพียงพื้นที่ส่วนแห้งไม่ได้มี Shower Box มาให้ ทางโครงการให้ชุดสุขภัณฑ์จาก Kohler มาครบครัน ทั้งอ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของใต้ซิงค์ และโถสุขภัณฑ์
เราชอบที่มีขอบปูนหลังโถสุขภัณฑ์มากเลย เพราะจะได้ใช้วางของ เช่นโทรศัพท์มือถือ เวลาเข้าห้องน้ำได้ แต่น่าเสียดายที่ห้องน้ำนี้ไม่มีหน้าต่าง ต้องพึ่งพาระบบดูดอากาศภายในบ้านค่ะ
ห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ อยู่ใกล้ประตูทางเข้าจากที่จอดรถ จึงสะดวกต่อการเข้าถึงมาก ๆ เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถขึ้นรถได้ง่าย
ห้องนอนมีขนาดกว้างพอประมาณ มีระยะปลายเตียงประมาณ 1.3 เมตร สามารถเข็นวีลแชร์เข้าออกได้สบาย ๆ และพื้นที่ข้างเตียงก็เยอะพอให้เราวาง อาร์มแชร์ 1 ตัวได้เลยนะ เผื่อคุณปู่ ย่า อยากจะนั่งอ่านหนังสือในห้องส่วนตัว
พื้นห้องนอนชั้น 1 ปู SPC หน้า 4 มม. ให้ความรู้สึกเหมือนพื้นไม้ แต่ทนต่อความชื้นได้มากกว่า
ประตูทางเข้าห้องน้ำเป็นบานเลื่อน สะดวกต่อการใช้งานมาก และเปิดได้กว้างพอที่จะเข็นวีลแชร์เข้าไปได้
พื้นห้องน้ำออกแบบให้เรียบเสมอไปกับพื้นห้องนอน เพื่อให้เข็นวีลแชร์เข้าไปได้สะดวก แต่ไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะไหลออกมา เพราะหน้าประตูมีรางระบายน้ำที่โครงการเตรียมไว้แล้ว ภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องทั้งหมดจึงทำความสะอาดง่าย
ห้องน้ำผู้สูงอายุ
ห้องน้ำในห้องนอนผู้สูงอายุมีขนาดกว้างมาก แยกโซนเปียกโซนแห้งไว้ด้วย แต่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ เพื่อความสะดวกในการใช้งานของผู้สูงอายุ
ทางโครงการให้ชุดสุขภัณฑ์มาครบ แต่ที่เราชอบคือมีปุ่ม CUBE CLICKER มาให้ข้างๆโถสุขภัณฑ์ เมื่อผู้สูงอายุต้องการความช่วยเหลือ กดปุ่มนี้ จะมีการแจ้งเตือนไปที่มือถือของเจ้าของบ้าน ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ไม่ค่อยเห็นในบ้านโครงการอื่น ๆ
เราชอบที่บ้านโครงการนี้ ใช้เทคโนโลยีมาช่วยให้อยู่อาศัยได้สะดวกสบายขึ้น เริ่มจาก
- สวิตซ์ไฟเป็นแบบ Touch Switchs ป้องกันไฟดูดขณะที่มือเปียกเวลาเปิดปิดไฟ แถมเรายังสามารถควบคุมกันเปิด-ปิดไฟผ่าน Application ได้ด้วย
- Home Panel เป็นจอควบคุมระบบ Smart Home ต่างๆ
- Motion Sensor ไฟอัตโนมัติเวลามีคนเดินผ่าน บริเวณบันได และห้องนอนชั้น 1
ภายในบ้านจะมีห้องเก็บของขนาดใหญ่อยู่ใต้บันได
ภายในห้องเก็บของ สามารถเก็บของชิ้นใหญ่ ๆ เช่น กระเป๋าเดินทาง , ถุงกอล์ฟ ได้สบายๆ
โครงสร้างของบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กมีความกว้างประมาณ 1.45 เมตร กว้างพอที่จะเดินสวนกันได้เลย ส่วนชานพักบันไดมีขนาดใหญ่ สะดวกต่อการใช้งาน
เมื่อขึ้นมาชั้น 2 เราจะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งในแบบบ้านมาตรฐานจะกั้นเป็นห้องไว้ให้เลย แต่หากใครอยากให้พื้นที่เปิดโล่งก็เปลี่ยนเป็นราวกันตกตามแบบบ้านตัวอย่างก็ได้ มุมนี้จะเป็นมุมที่มองเห็นสวนรอบบ้านด้วยจึงได้บรรยากาศที่ผ่อนคลาย
โถงชั้น 2 ค่อนข้างกว้าง หากใครมีของสะสมจะจัดเป็นมุมตั้งโชว์ตรงนี้ก็ดีนะ โถงนี้เชื่อมต่อไปยัง Master Bedroom และห้องนอนรองอื่น ๆ
เข้ามาใน Master Bedroom จะเจอกับพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำก่อน ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่นั่งเล่นและโซนเตียงนอนที่อยู่ด้านในสุด
บริเวณหน้าห้องน้ำมีพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถจัดเป็น Walk-in Closet ได้ เราสามารถแบ่งตู้เสื้อผ้าเป็น 2 ฝั่ง แยกเป็นฝั่งสามี-ภรรยา เพื่อความสะดวกสบายในการเลือกเสื้อผ้า
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับลงมานิดนึง ทำให้เราสามารถทำความสะอาดห้องน้ำได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกลัวน้ำจะกระเด็นออกมา
Master Bathroom
Master Bathroom มีขนาดใหญ่กว่าห้องอื่น ๆ มาพร้อมสุขภัณฑ์ที่ครบครันกว่าเช่นกัน
– โถสุขภัณฑ์มีขนาดใหญ่กว่าโถสุขภัณฑ์ของห้องน้ำอื่น ๆ เล็กน้อย และมีฉากกั้นกระจกมาให้เป็นสัดส่วน
– พื้นที่อาบน้ำ มี Rain Shower ติดตั้งมาให้
– มีอ่างอาบน้ำแบบ Stand Alone มาให้กลางห้องน้ำ
– อ่างล้างหน้าแบบ His & Her ทำให้สามี-ภรรยาใช้งานพร้อมกันได้
ห้องนั่งเล่นใน Master Bedroom
ขยับเข้ามาด้านในอีกนิดนึงจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น กว้างพอที่จะแบ่งเป็นมุมนั่งเล่น และมุมทำงานได้เลย โดยสามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งได้ แต่ระยะห่างระหว่างทีวีค่อนข้างเยอะ จึงแนะนำให้ติดตั้งทีวีจอใหญ่ไปเลย
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่น่าสนใจคือ Spot เป็นระบบเปิด-ปิดแอร์ที่อยู่ในระยะ 3 เมตร ถ้านำมาวางที่ห้อง Master Bedroom ก็สามารถควบคุมแอร์ได้ 2 ตัว ทั้งพื้นที่นั่งเล่นบริเวณนี้กับโซนเตียงนอน
Master Bedroom
ห้องนอนมีขนาดกว้างมาก เมื่อวางเตียง 6 ฟุตไป แล้วยังมีที่ว่างพอที่จะวางโซฟารอบ ๆ เตียงเพิ่มได้ นอกจากนี้ยังเหลือพื้นที่ทางเดินกว้างขวาง
ห้องนอนนี้มีระเบียงขนาด 4.75 x 1.10 เมตร เป็นแบบ Semi-Outdoor มีหลังคากันแดดกันฝน ใครที่ชอบนั่งชมบรรยากาศรอบๆบ้าน จัดมุมนี้เป็นมุมพักผ่อนได้เลยนะ ในส่วนของพื้นระเบียงมีการลดระดับลงมาเล็กน้อย เพื่อกันน้ำฝนไหลย้อนเข้าตัวบ้าน
ห้องนอนรอง 1
ห้องนอนรอง 1 สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้ แล้วยังมีพื้นที่ปลายเตียงเหลือประมาณ 1 เมตร แต่มีพื้นที่ข้างเตียงเยอะนะ ถ้าจะวางโต๊ะเขียนหนังสือแนะนำให้วางข้างเตียงได้เลย บริเวณหน้าห้องน้ำจะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า ในส่วนของห้องน้ำก็แบ่งโซนเปียกโซนแห้ง มาตามมาตรฐาน พร้อมสุขภัณฑ์ครบครัน
ห้องนอนรอง 2
สำหรับห้องนอนรอง 2 มีพื้นที่ใหญ่กว่าห้องนอนรอง 1 เล็กน้อย สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้ แล้วเหลือพื้นที่ปลายเตียงประมาณ 1.5 เมตร จึงสามารถวางโต๊ะทำงานบริเวณนี้ได้ ด้านในมีพื้นที่หน้าห้องน้ำสำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบเข้ามุมได้ ห้องนี้จึงเหมาะกับคนที่มีเสื้อผ้าเยอะ มากกว่าห้องนอนรอง 1 ส่วนห้องน้ำมีขนาดและฟังก์ชันไม่ต่างจากห้องนอนรอง 1 เลยค่ะ
Junior master bedroom
ปิดท้ายด้วย Junior Master Bedroom เป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจาก Master Bedroom เมื่อวางเตียงขนาด 6 ฟุตลงไปแล้ว ยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลืออีกเยอะ จนสามารถจัดมุมพักผ่อนเพิ่มได้เลย หรือใครอยากได้มุมทำงานส่วนตัวก็วางโต๊ะทำงานข้าง ๆเตียงได้นะ
บริเวณหน้าห้องน้ำกว้างพอที่จะ Built-in ใส่ตู้เสื้อผ้าตามแนวผนังได้เลย น่าจะถูกใจคนที่มีเสื้อผ้าเยอะ
ห้องน้ำภายในห้องนอนกว้างมากเช่นกัน มีชุดสุขภัณฑ์มาให้ครบครัน ทั้งอ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของ โถสุขภัณฑ์ ฝักบัว แต่ที่พิเศษคือ โครงการให้อ่างอาบน้ำแบบฝังมาให้ด้วยซึ่งโดยทั่วไปแล้วอ่างอาบน้ำจะมีแค่ในห้อง Master Bedroom เท่านั้น แต่ที่นี่ให้มาถึง 2 ห้องเลยนะคะ
ส่วนพื้นที่อาบน้ำ มีขนาดประมาณ 1.2 x 1.70 เมตร มาพร้อมฉากกั้นอาบน้ำจึงใช้งานได้สบาย ๆ ภายในห้องน้ำมีหน้าต่างฝ้าบานใหญ่ ใช้ระบายอากาศ และช่วยให้แสงเข้าถึงห้องน้ำ
จากชั้น 2 จะมีบันไดสำหรับขึ้นมายังห้องใต้หลังคา บันไดกว้างประมาณ 1 เมตร เหมาะที่จะใช้เดินทีละคน เราชอบนะ ช่วยสร้างบรรยากาศให้พื้นที่ใต้หลังคาดูลึกลับขึ้น เหมือนเป็นมุมลับสำหรับครอบครัว
พื้นที่ใต้หลังคาบนชั้นลอย
ความพิเศษของบ้าน Type นี้คือมีพื้นที่ใต้หลังคา ที่มีขนาดใหญ่ และฝ้าสูงพอสมควร เราจึงไม่รู้สึกอึดอัดเลย เหมาะกับการจัดเป็นมุมรวมตัวของลูก ๆ จะทำเป็นห้องดูหนังแบบบ้านตัวอย่างก็ดี หรือทำเป็นห้องเล่นเกมส์ก็ได้
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
THE CITY Kanchana-Bangkae(เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2567
- ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 30-50 ล้านบาท
- ค่าส่วนกลาง 49 บาท/ตร.วา/เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : THE CITY Kanchana-Bangkae(เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) อยู่บนถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นถนนที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ทั้งแหล่งของกิน และห้างสรรพสินค้า ซึ่งโครงการนี้ใกล้ The mall บางแค เพียง 1.8 กิโลเมตร หากเทียบกับโครงการอื่น ๆ ใน Segment เดียวกัน ที่นี่ถือว่าใกล้ The Mall ที่สุดเลย
นอกจากนี้โครงการยังเดินทางไปโรงเรียนนานาชาติ เช่น โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า เพชรเกษม , โรงเรียนเลิศหล้า กาญจนาภิเษก , SISB Thonburi และ Pioneers Inter Bangkhae Campus ได้ง่ายด้วย อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ โครงการอยู่บนถนนกาญจนาภิเษกจึงสามารถขับรถเชื่อมต่อไปยังถนนหลักได้หลากหลาย ทั้ง ถนนบรมราชชนนี ถนนเพชรเกษม และ ถนนกัลปพฤกษ์ ทำให้ไปยังโซนอื่นๆ ของเมืองได้สะดวก
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ถือว่าให้มาครบตามมาตรฐาน คือมีไม้กระดก และประตูเหล็ก ควบคู่กับการใช้ระบบ KATSAN อ่านป้ายทะเบียนรถ นอกจากนี้ยังมี CCTV ที่ซุ้มประตูและภายในโครงการ
สำหรับตัวบ้านมี CCTV ที่โรงจอดรถกับห้องนั่งเล่น โครงการติดตั้ง Magnetic Sensor ทั้งชั้น 1 ,2 และติดตั้ง Shock Sensor ให้เฉพาะชั้น 1
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
ตัวโครงการ – เน้นความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านด้วยเพื่อนบ้านเพียง 26 ยูนิต แต่ละซอยมีจำนวนยูนิต 1-6 ยูนิต จัดวาง Clubhouse ไว้หน้าโครงการทำให้ซุ้มประตูและ Clubhouse โครงการดูยิ่งใหญ่ หรูหรา
ตัวบ้าน – มีแบบบ้านให้เลือก 4 แบบ ในสไตล์ English Modern Classic ที่มีหลังคาทรงสูงเป็นพิเศษ ทำให้ได้พื้นที่ใต้หลังคาเพิ่มขึ้นมา และยังช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้านได้ด้วย ที่ดินรอบบ้านมีขนาดใหญ่เริ่มต้นก็ 109 ตร.ว. แล้วน่าจะถูกใจคนที่ชอบจัดสวนนะคะ
ฟังก์ชันบ้านมี 5 ห้องนอน 6ห้องน้ำ 4ที่จอดรถ จึงเหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 5-6 คน แบบ 3 Generations ตัวบ้านมีพื้นที่มากพอที่จะรองรับกิจกรรมที่หลากหลายในเวลาเดียวกัน
วัสดุ : จุดที่เราชอบคือโครงสร้างบ้านเป็น Conventional สามารถทุบต่อเติมได้ โดยรวมแล้ววัสดุค่อนข้างเหมาะสมกับราคา แต่เสียดายนิดเดียวว่าพื้นโรงจอดรถเป็นโครงสร้างแบบ On Ground ไม่ได้ลงเสาเข็ม หากจะต่อเติมหลังคาแนะนำให้ปรึกษาวิศวกรเพิ่มเติมค่ะ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : โครงการมีความสวยงามตั้งแต่ ซุ้มประตูทางเข้า จนถึงบรรยากาศในโครงการ ตกแต่งมาในสไตล์ยุโรปเข้ากับตัวบ้าน
สาธารณูปโภค : Facility ส่วนกลางมีฟังก์ชันหลากหลาย ทั้งห้องดูหนัง, ฟิตเนส, Lobby, Lounge, Meeting Room, สระว่ายน้ำ แต่ละฟังก์ชันมีขนาดใหญ่ๆ ทั้งนั้น เเชร์กันใช้สบาย ๆ กับเพื่อนบ้านเพียง 26 ยูนิต
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 30-50 ล้านบาท, 08 พฤษภาคม 2567
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ใกล้ถนนกาญจนาเพียง 100 เมตร , ใกล้ The mall บางแค
- ความปลอดภัย 8.5/10 – รั้วกั้นไม้กระดก ประตูเหล็กเลื่อน รปภ.หน้าหมู่บ้าน และระบบอ่านป้ายทะเบียน
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ได้ความเป็นส่วนตัว มีพื้นที่ใช้สอยเยอะทั้งในบ้าน และที่ดินรอบบ้าน มีพื้นที่พักผ่อนใต้หลังคา
- วัสดุ 7.5/10 – โดยรวมให้มาดี เหมาะกับการใช้งาน แต่โครงสร้างพื้นโรงจอดรถน่าจะลงเสาเข็มให้อีกนิด ><
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – ซุ้มประตูและบริเวณหน้าโครงการดูสวยงาม พื้นที่สีเขียวเพียงพอต่อลูกบ้าน
- สาธารณูปโภค 9/10 – ฟังก์ชันส่วนกลางเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต
- 8.20 / 10.00
THE CITY Kanchana-Bangkae(เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) เหมาะกับใคร
โครงการ THE CITY Kanchana-Bangkae(เดอะซิตี้ กาญจนาฯ-บางแค) เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ อยู่ร่วมกัน 3 Generation ที่มองหาบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยเยอะ ชอบความเป็นส่วนตัวสูง เพื่อนบ้านไม่เยอะ ต้องการโครงการที่มี Facility ส่วนกลางครบครัน
ทำงานในโซนบางแค, บางบอน, ตลิ่งชัน เพราะเชื่อมจากถนนกาญจนาภิเษกได้ง่าย หรือกลุ่มคนที่ทำงานโซนพระราม 3 ก็สามารถใช้ถนนเส้นเพชรเกษม เชื่อมต่อไปยังถนนรัชดาภิเษก เพื่อเข้าไปยังโซนพระราม 3 ได้ไม่ยาก โดยมีงบประมาณ 30 – 50 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 210,000 -350,000 บาท/เดือน
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่