The Astoria Chaiyapruek – Chaengwattana (ดิ แอสโทเรีย ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ)  เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้นสไตล์ European Modern เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางและใหญ่หรือมีผู้สูงอาศัยอยู่ด้วย ที่กำลังมองหาบ้านย่านปทุมธานีและนนทบุรีที่เข้า – ออกเมืองสะดวก ในราคาเริ่มต้น 7.9 – 11 ล้านบาท

โครงการจะมีจุดเด่นน่าสนใจอย่างไรบ้าง ติดตามอ่านต่อกันได้เลยค่ะ

  • ทำเล : โครงการตั้งอยู่ติดถนนหลวงชนบท นนทบุรี หมายเลข 2051 เชื่อมถนนหลักชัยพฤกษ์และถนนหลวง 345 ใกล้ทางด่วน เข้า – ออกเมืองสะดวก ไปรังสิต แจ้งวัฒนะและบางใหญ่ได้ง่าย ใกล้แหล่งอุดมสมบูรณ์ในรัศมีประมาณ 5 กิโลเมตร
  • ความเป็นส่วนตัว : มีจำนวน 78 ยูนิต ทำให้มีความสงบ ได้ความเป็นส่วนตัวสูง
  • การออกแบบ : ออกแบบมาในสไตล์ European Modern มีความเรียบง่าย เลือกใช้หน้าต่างบานใหญ่และสูง รวมถึงมีลูกเล่นตรงระเบียงชั้น 2 เป็นการดีไซน์ Facade หน้าบ้าน
  • แบบบ้าน : เหมาะกับครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ หรืออยู่อาศัยกับผู้สูงอายุ ภายในบ้านออกแบบ Open Plan พื้นที่เชื่อมต่อขนาดใหญ่  ได้ครัวปิด มี Family Area บริเวณชั้น 2 ของบ้านทุกหลัง ห้องนอนส่วนใหญ่มีห้องน้ำในตัว
  • ความโปร่งของบ้าน : ความสูงของชั้น 1 และ 2 อยู่ที่ 2.8 เมตร รวมถึงออกแบบบ้านมีเพดานสูง 6.3 เมตรด้วย มีการใช้กระจกบานใหญ่และสูง ทำให้ได้ความโปร่งสบาย

ข้อมูลโครงการ

The Astoria Chaiyapruek – Chaengwattana (ดิ แอสโทเรีย ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ) ณ วันที่ 4 กันยายน 2566

 ชื่อโครงการ   The Astoria Chaiyapruek – Chaengwattana (ดิ แอสโทเรีย ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ)
 ชื่อผู้ประกอบการ   Able Asset Group Co.. Ltd.
 SEGMENT CLASS   UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนนทางหลวงชนบท อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี
 ที่ดิน   18-1-18.44 ไร่
 จำนวนยูนิต    จำนวน 78 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • Advent (Type M) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 7.9 ล้านบาท
  • Alpine (Type L) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 58 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 242 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 9.6 ล้านบาท
  • Aritque (Type XL) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 69 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 309 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 11 ล้านบาท

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   2.8 เมตร  / ห้องน้ำ 2.4 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ                      80,000 บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ม.ค. ปี 2566
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   N/A
 เว็บไซต์โครงการ   คลิกที่นี่
 โทร   064 995 9666

 

ทำเลที่ตั้ง

Highlights

  • ตั้งอยู่ติดถนนทางหลวงชนบท นนทบุรี 2051 เชื่อมต่อกับถนนชัยพฤกษ์และถนนทางหลวงหมายเลข 345
  • ใกล้จุดขึ้น – ลงทางด่วนกาญจนาภิเษกและอุดรรัถยา เดินทางเข้า – ออกเมืองได้สะดวก
  • อยู่จุดกึ่งกลางของย่านปทุมธานีและนนทบุรี
  • ใกล้ห้างสรรพสินค้า, ตลาด, ร้านอาหาร, โรงเรียน และโรงพยาบาลชั้นนำ ในรัศมีประมาณ 5 กิโลเมตร เหมาะกับการอยู่อาศัย

พิกัด Google Maps : 13.932076462598703, 100.47895097703866
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

The Astoria Chaiyapruek – Chaengwattana (ดิ แอสโทเรีย ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ)  ตั้งอยู่ติดถนนทางหลวงชนบท นนทบุรี 2051 ซึ่งเป็นถนนรองเชื่อมต่อกับถนนชัยพฤกษ์และถนนทางหลวงหมายเลข 345 และมีเส้นทางเดินทางหลากหลายในการเข้า – ออกเมือง เป็นทำเลที่เหมาะกับผู้ที่ใช้รถส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลักค่ะ อีกทั้งยังใกล้ทางด่วนกาญจนาภิเษกและทางพิเศษอุดรรัถยาที่เชื่อมต่อทางพิเศษศรีรัชด้วยค่ะ สามารถใช้สะพานนนทบุรี เชื่อมต่อกับถนนสรงประภา เพื่อขึ้นทางด่วนศรีรัชได้ หรือใช้สะพานปทุมธานี 2 ก็จะไปทางฝั่งรังสิตได้ค่ะ หรือถ้าใครอยากเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟฟ้าก็มี MRT สายสีม่วงและสายสีชมพูที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างค่ะ

ถึงแม้ตัวโครงการจะอยู่ชานเมือง แต่รอบข้างส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยแนวราบหรือหมู่บ้านที่เริ่มขยับขยายออกมาจากในตัวเมือง ทำให้มีแหล่งความอุดมสมบูรณ์อยู่หลากหลาย ใกล้ๆโครงการจะมีตลาดสดขนาดใหญ่อย่างตลาด ส.รุ่งเรืองที่คนแถวนี้มาจับจ่ายใช้สอยกัน ส่วนความอุดมสมบูรณ์หลักของทำเลจะอยู่ในเส้นราชพฤกษ์มีทั้งโรบินสัน , Home Pro , Index , โลตัส , ไทวัสดุ ร้านอาหาร และ Community Mall อีกหลายแห่งให้ได้เดินจับจ่ายใช้สอยกัน ซึ่งโดยรอบโครงการมีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ร้านค้า ห้างทั้งขนาดเล็กและใหญ่ในระยะ 5 กิโลเมตรค่ะ

สำหรับการเดินทางเข้า-ออกโครงการ จะใช้เส้นทางหลักด้วยกัน 4 สายคือ

  • เส้นทางที่ 1 ถนนชัยพฤกษ์ กลับรถใต้สะพานข้ามคลองพระอุดมแล้วเลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าสู่ถนนหอการค้าไทย ขับต่อมาประมาณ 700 เมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยนวลละออ ขับตรงไป 180 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 2051 ขับต่อมาประมาณ 650 เมตร ทางเข้าโครงการจะอยู่ทางขวามือ
  • เส้นทางที่ 2 ถนนชัยพฤกษ์ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนโยธาธิการนนทบุรี 2020 ขับตรงต่อมาประมาณ 1.4 กิโลเมตร จะเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนทางหลวงชนบท หมายเลข 2051 ขับต่อไปอีก 450 กิโลเมตร โครงการจะอยู่ขวามือค่ะ
  • เส้นทางที่ 3 ถนนราชพฤกษ์ ขับตรงตามป้ายเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนทางหลวงหมายเลข 345 ขึ้นสะพานกลับรถ ขับต่อมาประมาณ 2 กิโลเมตร กลับรถอีกครั้งใต้สะพาน ซอยเพื่อเข้าสู่ถนนทางหลวงชนบท นนทบุรี 2051 ขับตรงมา 2.4 กิโลเมตร โครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ
  • เส้นทางที่ 4 ทางหลวงหมายเลข 345 มุ่งหน้าจากแยกบางคูวัด ขับตรงมาประมาณ 4.5 กิโลเมตร จะเจอซอยเพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าถนนทางหลวงชนบท นนทบุรี 2051 เข้าซอยมาประมาณ 2.4 กิโลเมตร ที่ตั้งโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ

ซึ่งวันนี้เราจะเลือกใช้เส้นทางที่ 1 จากถนนชัยพฤกษ์ไปถนนหอการค้า เพื่อเข้าสู่โครงการกันค่ะ โดยเราได้เก็บรายละเอียดการเดินทางมาให้ชมกันค่ะ

Image 1/12
ใช้ถนนชัยพฤกษ์ขับตรง เตรียมเบี่ยงซ้าย

ใช้ถนนชัยพฤกษ์ขับตรง เตรียมเบี่ยงซ้าย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ The Astoria ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ ส่วนใหญ่ยังเป็นที่ดินเปล่าและที่พักอาศัยแนวราบทั้งแบบบ้านจัดสรรและไม่จัดสรรค่ะ โดยตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่ มีคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาตลอดและมีร้านค้าอยู่ตามแนวถนนบ้างประปรายค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายมากนัก แต่ก็ไม่อยากพักอาศัยอยู่ไกลจากตัวเมืองค่ะ

  • ทิศเหนือ ติดกับ คลองและโครงการบ้านจัดสรร
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ที่ดินเปล่า
  • ทิศใต้ ติดกับ ที่ดินเปล่าและที่พักอาศัยแนวราบ
  • ทิศตะวันตก ติดกับ ที่ดินเปล่าและอาคารสำนักงาน

บรรยากาศถนนหลวงชนบทหมายเลข 2051 ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่า

บรรยากาศด้านหน้าโครงการเมื่อมองไปทางทิศตะวันออก

บรรยากาศด้านหน้าโครงการเมื่อมองไปทางทิศตะวันตก

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • The Crystal PTT ~ 4.1 กิโลเมตร
  • ตลาดพวงสว่าง 345 ~ 5.0 กิโลเมตร
  • โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ ~ 5.7 กิโลเมตร
  • ตลาด ส.รุ่งเรือง ~ 5.9 กิโลเมตร
  • โลตัส โกเฟรช บางคูวัด ~ 6.8 กิโลเมตร
  • ไทวัสดุ ชัยพฤกษ์ ~ 7.1 กิโลเมตร
  • Home Pro ชัยพฤกษ์ ~ 7.6 กิโลเมตร
  • โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ ~ 7.9 กิโลเมตร
  • Central แจ้งวัฒนะ ~ 9.0 กิโลเมตร
  • Pure Place ~ 11.6 กิโลเมตร
  • Central Westgate / IKEA บางใหญ่ ~ 15.6 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลปากเกร็ด 2 ~ 3.8 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลวิภารามปากเกร็ด ~ 4.9 กิโลเมตร
  • World Medical Center ~ 9.4 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ~ 17.2 กิโลเมตร

โรงเรียน

  • โรงเรียนนานาชาติ SISB ~ 1.5 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ ราชพฤกษ์ ~ 4.4 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสวนกุหลาบ นนทบุรี ~ 6.8 กิโลเมตร
  • โรงเรียนนานาชาติ เด่นหล้า ~ 7.9 กิโลเมตร
  • โรงเรียนพระหฤทัย นนทบุรี ~ 11.4 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสาธิตปทุม ~ 11.8 กิโลเมตร
  • โรงเรียนหอวัง นนทบุรี ~ 14.4 กิโลเมตร

สถานที่ราชการ

  • สำนักงานเทศบาลเมืองบางคูวัด ~ 5.8 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

Highlights

  • โครงการบ้านเดี่ยว มียูนิตน้อยเพียง 78 ยูนิต ได้ความสงบและเป็นส่วนตัว
  • ออกแบบโครงการสไตล์ European Modern ดูเรียบง่าย เข้ากับคนรุ่นใหม่มากขึ้น
  • มีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ด้านหน้าทำให้บรรยากาศดี ดูสวยงามตั้งแต่ทางเข้า พร้อมพื้นที่สีเขียวเป็นวิวและพื้นที่พักผ่อนให้ลูกบ้านใช้งานได้สะดวก

The Astoria ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวออกแบบสไตล์ European Modern ได้บรรยากาศความคลาสสิกแบบร่วมสมัยตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าเชื่อมต่อกับอาคาร Clubhouse จนถึงตัวบ้านหลังคาทรงปั้นหยา

โครงการนี้มีจำนวนทั้งหมด 78 ยูนิต ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 18 ไร่ ตั้งอยู่ภายในซอยถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 2051 ซึ่งโครงการในปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แต่มีบ้านที่สร้างเสร็จแล้วบางส่วนอย่างบ้านโซนริมสวนที่ทางโครงการได้เปิดการขายแล้วนะคะ

ก่อนจะเข้าสู่ตัวโครงการ เราจะมาเริ่มกันที่ Master Plan กันก่อนนะคะ The Astoria ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ มีทางเข้า – ออกทางเดียวที่ด้านหน้าโครงการติดกับถนนหลวงชนบท 2051 มีป้อม รปภ.พร้อมระบบ Key Card ควบคุมการเข้า – ออกเพื่อความปลอดภัยค่ะ ส่วนโซนบ้านพักอาศัยจะขยับเข้ามาด้านใน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

ในส่วนของโซนบ้านพักอาศัย เราแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งโดยใช้เส้นถนนหลักเป็นเส้นแบ่งฝั่งนะคะ โซนฝั่งเดียวกับ Clubhouse ทางโครงการก็จัดวางบ้านให้ในซอยเดียวกันมีเพื่อนบ้านสูงสุดเพียง 6 หลัง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม Clubhouse ที่นอกจากจะได้ความเป็นส่วนตัวแล้ว ก็สามารถใช้ส่วนกลางได้สะดวกและขับเข้าโครงการมาไม่ลึกด้วยค่ะ ทิศทางหน้าบ้านฝั่งนี้จะหันขนานไปตามทิศเหนือและใต้ ซึ่งเป็นทิศที่ไม่โดนแดดโดยตรง สำหรับบ้านที่หันไปทางทิศใต้ก็จะได้ลมแรงดีด้วยค่ะ

ส่วนโซนบ้านพักอาศัยอีกฝั่ง ทางโครงการออกแบบเป็นบ้านที่เรียงกันเป็นแนวยาวหันหน้าเข้าถนนหลักและถนนในซอยค่ะ ส่วนทิศทางบ้านจะหันขนานไปตามทิศตะวันออกที่ทำให้หน้าบ้านไม่ร้อน และทิศตะวันตกที่โดนแดดเยอะ จึงแนะนำให้ติดที่บังแดดมิดชิดอย่างม่านสะท้อนแดดเพิ่มก็ช่วยลดความร้อนและแสงเข้ามาในบ้านแล้วค่ะ

สำหรับการจัดตำแหน่งรูปแบบบ้าน ทางโครงการออกแบบให้บ้านทั้ง 3 รูปแบบวางกระจายอยู่ทั่วโครงการ ไม่ได้มีการแบ่งว่าบ้านรูปแบบเดียวกันจะอยู่โซนเดียวกันค่ะ ดังนั้นเลยทำให้มีบ้านหลังเล็กใกล้ Clubhouse สำหรับครอบครัวที่ชอบใช้ส่วนกลางและครอบครัวที่อยู่บ้านหลังใหญ่ แต่ไม่ค่อยได้ใช้ส่วนกลางและความคึกคักมากนักก็เลือกอยู่บ้านด้านในโครงการได้ค่ะ

ด้านหน้าโครงการใกล้ๆซุ้มทางเข้าเป็นที่ตั้งของอาคาร Clubhouse สูง 2 ชั้น สามารถใช้เป็นหน้าเป็นตาเวลาแขกมาเยี่ยม รวมถึงเป็นการแยกการใช้งานระหว่างส่วนกลางและบ้านพักอาศัย ทำให้บริเวณบ้านพักอาศัยมีความสงบ เป็นส่วนตัวขึ้น นอกจากเรื่องการใช้งานของลูกบ้านแล้ว ทางด้านนิติบุคคลและเจ้าหน้าที่ของโครงการก็สามารถดูแล รักษา Clubhouse ได้ง่าย ดูใหม่และสวยงามตลอดเวลาค่ะ

ส่วนภายใน Clubhouse ประกอบด้วย Lobby สระว่ายน้ำระบบเกลือแบ่งเป็นสระผู้ใหญ่และสระเด็ก รวมถึงมีห้องออกกำลังกายด้วยค่ะ ส่วนกลางของโครงการที่นอกเหนือจาก Clubhouse แล้วยังมีสวนสีเขียวที่ให้ออกมาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ มีทางสำหรับ Jogging Track รวมถึงสนามเด็กเล่นพร้อมอุปกรณ์เครื่องเล่นเสริมพัฒนาการด้วยค่ะ

เริ่มเข้าสู่ตัวโครงการกันเลยค่ะ ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ The Astoria ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ ออกแบบซุ้มประตูสไตล์ European Modern หลังคาขนาดใหญ่สามารถกันแดดและฝนได้ดี สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากถนนหลวงชนบทหมายเลข 2051 เลยค่ะ รวมถึงออกแบบไม้พุ่มสีเขียวตัดกันกับสีขาวของซุ้มประตูได้ดีค่ะ

ทางเข้ามีระยะร่นจากถนนหลักทำให้รถสามารถต่อแถวเข้า – ออก ได้สะดวกไม่ทำให้การจราจรติดขัด ทางเข้า – ออกแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ด้านละ 2 ช่องทางโดยจะมีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลาง มีการแบ่งช่องสำหรับลูกบ้านและ Visitor ชัดเจน รถวิ่งผ่านได้สะดวก ทำให้ลูกบ้านไม่ต้องรอผู้มาติดต่อแลกบัตรค่ะ

ประตูทางเข้า – ออกโครงการเป็นแบบประตูรั้วเหล็กรางเลื่อน พร้อมระบบ Keycard Access ลูกบ้านสามารถขับผ่านได้เลย ส่วนแขกที่มาติดต่อจะต้องแลกบัตรกับเจ้าหน้าที่ในช่องทางขวา มี CCTV บริเวณทางเข้า – ออกมาช่วยดูแลความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ส่วนทางด้านซ้ายมีประตูโครงเหล็กสำหรับคนเดินเข้า – ออกโครงการด้วยค่ะ

เมื่อขับเข้ามาในโครงการ จะเห็นว่ามีปลูกต้นไม้ใหญ่อยู่ติดกับป้อม รปภ. เป็นเหมือนวงเวียนต้นไม้ที่ใช้ในการกลับรถได้สะดวกค่ะ รวมถึงเพิ่มบรรยากาศร่มรื่นและร่มเงาให้โครงการเมื่อต้นไม้โตเต็มที่อีกด้วย

ถนนหลักของโครงการมีความกว้าง 17 เมตร ตรงบริเวณด้านหน้า Clubhouse ส่วนถนนในซอยถนนกว้างประมาณ 9 เมตร เป็นระยะที่รถยนต์วิ่งสวนกันได้สบายๆเลยค่ะ

ต่อมาเรามาดูกันต่อที่ Clubhouse กันค่ะ เป็นอาคารสูง 2 ชั้น ในโทนสีขาว – ดำ ตั้งอยู่ใกล้ๆกับซุ้มประตูทางเข้า บริเวณด้านหน้ามีที่จอดรถยนต์ได้ประมาณ 4 คัน สำหรับลูกบ้านที่สะดวกขับรถมาจอดเพื่อเข้าใช้ส่วนกลางค่ะ

ด้านหน้าประตูของ Clubhouse นอกจากจะมีบันไดเป็นทางขึ้น – ลงอาคารแล้ว ยังมีการออกแบบทางลาดรองรับวีลแชร์สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้พิการด้วย สำหรับครอบครัวที่พาผู้สูงอายุมาใช้ส่วนกลางร่วมกันค่ะ ถือเป็นการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่คำนึงถึงผู้ใช้งานที่หลากหลาย ตามหลัก Universal Design ที่ดีค่ะ

บรรยากาศบริเวณ Lobby ออกแบบเป็น Double Volume เพดานสูง พร้อมจัดที่นั่งไว้หลายรูปแบบรองรับ จะมานั่งพักผ่อน พูดคุยกันได้ค่ะ พื้นเป็นกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาวประกอบกับผนังสีขาวและหน้าต่างบานใหญ่หลายจุด ทำให้บรรยากาศภายใน Clubhouse ดูโปร่งสบายค่ะ

ออกแบบห้องน้ำแบ่งฝั่งชาย – หญิง รองรับไว้ด้วยค่ะ โดยจะตั้งซ่อนอยู่บริเวณด้านหลัง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ

เราพามาดูฝั่งห้องน้ำหญิงนะคะ ภายในห้องน้ำจะมีเคาน์เตอร์อ่างล้างมือและห้องน้ำอีก 2 ห้องค่ะ

มีอ่างล้างมือเพียง 1 อ่าง อยู่ติดกับเคาน์เตอร์ลายหินอ่อน มีพื้นที่วางของอย่างขวดสบู่ล้างมือและของตกแต่งค่ะ ส่วนภายในห้องน้ำมีโถสุขภัณฑ์ พร้อมสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษทิชชูค่ะ

หากเราเดินลึกไปตามโถงทางเดินผ่านห้องน้ำไป จะเป็นประตูเปิดไปสระว่ายน้ำด้านนอกค่ะ ทำให้เวลาเล่นน้ำแล้วสามารถมาใช้ห้องน้ำหรือเปลี่ยนชุดได้ค่ะ ตัวบานประตูก็ใช้เป็นกระจกขุ่น ทำให้เวลาคนเดินมาใช้ห้องน้ำก็รู้สึกส่วนตัวดีค่ะ

จากประตูเข้า Clubhouse แล้วเดินมาทางซ้าย จะเห็นบันไดค่ะ ทีนี้เราจะเดินขึ้นไปชมชั้น 2 กันนะคะ

บริเวณชั้น 2 จะเป็น Fitness Lounge ค่ะ ซึ่งก็จะเป็นด้านที่หันไปทางด้านหน้าโครงการค่ะ ออกแบบเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่แทบเต็มผนังเลยค่ะ เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวขณะออกกำลังกายเลย ทางโครงการมีเครื่องออกกำลังกายมาให้ 3 เครื่องค่ะ และมีเสื่อและบอลโยคะมาให้ด้วยค่ะ ซึ่งถ้าดูจากขนาดห้องแล้วถ้าในอนาคตทางโครงการอยากจะเพิ่มเครื่องออกกำลังกายก็สามารถทำได้ค่ะ

หรือใครที่ชอบออกกำลังกายบ่อยๆอาจทำมุมออกกำลังกายในบ้านเลย เพราะทางโครงการได้ออกแบบพื้นที่ใช้สอยในบ้านมีขนาดใหญ่ค่ะ

เราพาออกมาด้านนอก Clubhouse กันแล้วนะคะ เราจะพาไปเดินดูสวนหย่อมที่อยู่ติดกับ Clubhouse กันค่ะ กำแพงด้านซ้ายเป็นกำแพงไว้บังสายตาจากถนนหลักไปสระว่ายน้ำค่ะ มีทางเดินที่ใช้เป็น Jogging Track ได้ รวมถึงปลูกไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่เป็นระยะ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและบรรยากาศร่มรื่นให้โครงการค่ะ

มีพื้นที่สนามหญ้าให้มานั่งปิกนิกกันได้ ส่วนทางด้านขวาเป็นสนามเด็กเล่นพร้อมอุปกรณ์เสริมสร้างพัฒนาการเด็กด้วยค่ะ ซึ่งจะมีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบพื้นที่สีเขียวนี้อยู่ เมื่อต้นไม้โตเต็มที่ก็จะให้ร่มเงาและความร่มรื่นดี

Image 1/6
พื้นที่สนามกว้าง

พื้นที่สนามกว้าง

ทางโครงการพยายามออกแบบการใช้ประโยชน์ของพื้นที่สีเขียวที่นอกจากจะให้ความร่มรื่นแล้ว ยังเป็นพื้นที่พักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆได้ด้วย มีพื้นที่นั่งพักท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ สนามเด็กเล่นและ Jogging Track ซึ่งพื้นที่สีเขียวนี้ก็เชื่อมต่อกับตัวอาคาร Clubhouse ค่ะ

สระว่ายน้ำระบบเกลือตรง Clubhouse นอกจากจะเข้าจากทางด้านหน้าแล้ว ยังมาจากทางด้านหลังได้ด้วยค่ะ

Image 1/3
สระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำ

ทางโครงการมีสระว่ายน้ำระบบเกลือมาให้ 1 สระ โดยแบ่งเป็นสระผู้ใหญ่ ขนาด 5.4 x 8 เมตร ลึก 1.2 เมตร และสระเด็ก ขนาด 2.5 x 5.4 เมตร ลึก 0.5 เมตรค่ะ ด้านข้างสระมีเตียงนอนและโต๊ะสำหรับวางของต่างๆได้ด้วยค่ะ

สำหรับสระผู้ใหญ่มีบันไดขึ้น – ลงสระว่ายน้ำอยู่จุดเดียว ใกล้ๆกับสระเด็กเลย ใกล้ๆกันมีพื้นที่อาบน้ำล้างตัวหลังว่ายน้ำเสร็จอยู่ 1 จุดด้วยค่ะ หรือหากอยู่บ้านใกล้ๆส่วนกลางก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่บ้านเลยก็สะดวกดีเหมือนกันค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse บริเวณด้านหน้าโครงการประกอบไปด้วย
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ / สระผู้ใหญ่ ขนาด 5.4 x 8 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • แบ่งสระเด็กลึกขนาด 2.5 x 5.4 เมตร ลึก 0.5 เมตร
  • Fitness Lounge
  • พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 1 จุด รวมประมาณ 946.96 ตร.ม.
  • Jogging Track
  • สนามเด็กเล่น พร้อมอุปกรณ์เครื่องเล่นเสริมพัฒนาการ
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 30 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.50 เมตร
  • ถนนหลักกว้าง 17 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วเหล็กรางเลื่อน
  • Key Card Access
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • Digital Door Lock ทุกหลัง
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Motion Sensor ทุกหลัง
  • ระบบ Smart Home ของ SCG
  • เดินสายไฟรองรับการติดตั้ง Solar Cell

แบบบ้าน

Highlights

  • แบบบ้านสไตล์ European Modern โทนสีขาวดำ ดูสวยงาม
  • Facade หน้าบ้าน ใช้หน้าต่างบานใหญ่และสูง มีลูกเล่นตรงระเบียงหน้าต่างชั้น 2 ทำให้หน้าบ้านดูน่าสนใจ
  • Open Plan บริเวณพื้นที่นั่งเล่น กินข้าวและมุม Pantry ออกแบบให้พื้นที่เชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่
  • ความสูงจากพื้นถึงเพดานของชั้น 1 และ 2 อยู่ที่ 2.8 เมตร และมี Double Volume Space เพดานสูงประมาณ 6.3 เมตร ทำให้บ้านดูสูงโปร่ง
  • ห้องครัวแบบปิด กันกลิ่นและควันลอยเข้าไปติดเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน
  • Family Area บนชั้น 2 ในทุกแบบบ้าน เป็นพื้นที่นั่งเล่นของครอบครัว มีความเป็นกันเองมากขึ้น
  • ห้องนอนขนาดใหญ่ มีห้องน้ำในตัว สามารถใช้งานได้สะดวก

รูปแบบบ้านในโครงการ The Astoria ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ เป็นบ้านเดี่ยวทั้งหมด และมีให้เลือก 3 แบบค่ะ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • Advent (Type M) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  • Alpine (Type L) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 58 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 242 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
  • Aritque (Type XL) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 69 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 309 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ

โครงสร้างบ้านทั้งหมดเป็นแบบ Precast หรือก็คือผนังที่ถูกออกแบบมาเพื่อสามารถรับน้ำหนักตัวบ้านได้แทนที่เสาบ้าน จึงมีความแข็งแรง ทนทาน รวมถึงสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ลงตัว เพราะว่าไม่มีเหลี่ยมมุมภายในตัวบ้านที่เกิดจากเสาบ้านนั่นเองค่ะ แต่ว่าข้อควรระวังที่สำคัญของบ้านแบบ Precast คือไม่เหมาะสมในการทุบหรือปรับเปลี่ยนผนังบ้านเลยค่ะ อย่างที่ได้บอกไปว่าผนังบ้านทำหน้าที่รับน้ำหนักของโครงสร้างบ้าน การทุบผนังออกก็เหมือนกับการทุบเสาบ้านเลยค่ะ ดังนั้นหากต้องการทุบปรับเปลี่ยนผนังจริงๆ ควรปรึกษาวิศวกรโครงการก่อนเสมอนะคะ

โดยเราจะพาไปดูแบบบ้านทั้ง 3 แบบเลย แต่จะเจาะลึกที่บ้าน Advent (Type M) และ Aritque (Type XL) กันค่ะ

Aritque (Type XL)

บ้านตัวอย่างแบบแรกที่เราจะพาไปดูคือ Aritque (Type XL) ซึ่งเป็นแบบบ้านที่ขนาดใหญ่สุดของโครงการค่ะ โดยมีขนาดที่ดินเริ่มต้น 69 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 309 ตร.ม. และฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ และ 1 ห้องแม่บ้าน

ออกแบบมีพื้นที่รอบบ้านทั้ง 4 ด้าน ทำให้เหมือนเป็น Buffer Zone กันเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านได้ ยิ่งถ้าปลูกต้นไม้ที่นอกจากจะทำให้บ้านดูร่มรื่นและให้ร่มเงากับตัวบ้านแล้ว ยังช่วยในการดูดซับเสียงรบกวนเข้าสู่ตัวบ้านด้วยค่ะ

ชั้น 1

  • ที่จอดรถ 3 คัน พร้อมทางลาดรองรับรถเข็นสำหรับผู้สูงอายุ
  • โถงทางเข้าด้านหน้าบ้านมีซุ้มชายคากันแดดและฝน เป็นพื้นที่วางร่มและถอดเก็บรองเท้าได้สะดวก
  • Foyer พื้นที่ต้อนรับก่อนเข้าบ้าน
  • พื้นที่ Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น กินข้าวและ Pantry
  • โถงเพดานสูงแบบ Double Volume ตรงบริเวณพื้นที่นั่งเล่น
  • ห้องครัวแบบปิด มีประตูกั้นทำเป็นครัวไทยได้
  • ห้องน้ำชั้น 1 แบบ Powder Room รองรับสำหรับแขก
  • ห้องเก็บของใต้บันได
  • ห้องนอนชั้นล่าง พร้อมห้องน้ำในตัว รองรับเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ
  • ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ อยู่ด้านหลังบ้าน เชื่อมต่อกับลานซักล้างและห้องครัว

ชั้น 2

  • Family Area 2 จุด ทำมุมนั่งเล่นและทำงานได้
  • ทุกห้องนอนมีห้องน้ำในตัวพร้อม Walk – in Closet
  • Master Bedroom ขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ภายในห้อง
  • ห้องนอนรองสามารถวางเตียง 3.5 ฟุต และ 5 ฟุตได้ มีมุมนั่งเล่นในห้องได้

บ้านออกแบบสไตล์ European Modern โทนสีขาวและดำ ออกแบบหลังคาทรงปั้นหยาที่เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา สามารถกันแดด กันฝนได้ดี เลือกใช้หน้าต่างขนาดใหญ่หลายบาน และจะสังเกตว่าบริเวณชั้น 2 มีออกแบบเป็นเหมือนระเบียงยื่นออกมา ทำให้หน้าตาบ้านดูสวยงาม มีลูกเล่น บ้านมีหน้ากว้างถึง 18 เมตร

ประตูรั้วบ้านเป็นโครงเหล็กบานเลื่อน ที่เลื่อนเข้าไปซ่อนที่ผนังได้ค่ะ ออกแบบให้เป็นซี่ๆดูโปร่งไม่อึดอัด

ด้านหน้าบ้านมีติดตั้งโคมไฟ กริ่ง กล่องไปรษณีย์ รวมถึงถังขยะที่เปิดทิ้งได้จากด้านใน และออกแบบช่วยพรางตาให้หน้าบ้านดูเรียบร้อยด้วยค่ะ

Image 1/3
พื้นที่สวนรอบบ้าน

พื้นที่สวนรอบบ้าน

บริเวณรอบบ้านสามารถทำทางเดินหิน ปูหญ้าและปลูกต้นไม้ได้ ซึ่งตอนนี้ทางโครงการก็มีโปรโมชันจัดสวนฟรี ทั้งปูหญ้าและให้ต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น

ออกแบบที่จอดรถสามารถจอดได้ 3 คันในร่ม โครงสร้างเป็น Slab on Ground หากใครต้องการติดตั้ง CCTV หรือ EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติม ทางโครงการก็มีออกแบบรองรับไว้ให้แล้วนะคะ

แบบบ้านมาตรฐานของโครงการ (รูปล่าง) บริเวณที่จอดรถปูเป็นพื้นคอนกรีตขัดเรียบมาให้นะคะ มีประตูเข้าบ้านที่ติดตั้ง Digital Door Lock จากแบรนด์ Hafele มาให้ด้วย ดังนั้นจึงสามารถล็อกประตูตรงโถงทางเข้า แล้วใช้ประตูบานนี้สำหรับตอนกลางคืนที่คนในบ้านกลับมาดึกและกดรหัสเข้าบ้านได้เลย สะดวกดีค่ะ รวมถึงสะดวกเวลายกของจากท้ายรถยนต์ไปห้องครัว ไม่ต้องเดินผ่านกลางบ้านค่ะ

มีการออกแบบทางลาดรองรับสำหรับวีลแชร์ผู้สูงอายุด้วยค่ะ ซึ่งอาจจะติดตั้งราวจับเพิ่มเติมได้นะคะ จะได้ปลอดภัยมากขึ้นเวลาเข็นรถขึ้น – ลงค่ะ

บริเวณเสาของที่จอดรถมีช่องเก็บของมาให้ 2 จุดด้วยค่ะ ซึ่งที่จริงแล้วเป็นช่องที่ซ่อนพวกท่อน้ำต่างๆ แต่เราก็สามารถเก็บอุปกรณ์ทำสวน อุปกรณ์ทำความสะอาดรถ หรือร่มต่างๆได้สะดวก โดยไม่ต้องเดินเข้าไปในบ้านค่ะ

บริเวณด้านหน้าบ้าน นอกจากจะปูหญ้า ปลูกต้นไม้แล้ว ยังทำทางเดินคอนกรีตพร้อมโรยหินตกแต่งที่นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังช่วยซับน้ำกันเลอะทางเดินเวลารดน้ำต้นไม้ได้ด้วยค่ะ ก็สามารถนำไอเดียนี้ไปปรับใช้ได้นะคะ

Image 1/3
ซุ้มประตูทางเข้าบ้าน

ซุ้มประตูทางเข้าบ้าน

บริเวณประตูทางเข้าบ้านจะมีหลังคาเป็นซุ้มโถงทางเข้าที่กันแดดกันฝน และทำให้แสงแดดไม่ส่องเข้าบ้านตรงๆ พื้นที่ชานบ้านขนาด 1.2 x 3.6 เมตร สูง 17 เซนติเมตร สามารถวางชั้นวางรองเท้า ที่เก็บร่ม และวางของก่อนเข้าบ้านได้ด้วย เวลากล่องพัสดุมาส่งก็นั่งแกะบริเวณนี้ได้เลย จะได้ไม่มีฝุ่นจากพัสดุเข้าไปในบ้านและนำไปทิ้งถังขยะหน้าบ้านได้เลยด้วย ส่วนประตูหน้าบ้านออกแบบเป็นประตูกระจกแบบผลัก โดยผลักประตูบานที่ขนาดใหญ่กว่าค่ะ

เมื่อเข้ามาในบ้านจะเจอกับ Foyer ที่เป็นโถงทางเข้าส่วนต้อนรับ ปรับความรู้สึกก่อนเข้าภายในบ้าน ขนาด 2.2 x 3.4 เมตร ซึ่งสามารถใช้ตั้งโต๊ะหรือตู้โชว์ของได้ จะทำเป็นเก้าอี้สำหรับนั่งใส่รองเท้าก็ดีเหมือนกัน อย่างในบ้านตัวอย่างออกแบบกำแพงตรงข้ามประตูเป็นกระจกเงา ที่นอกจากจะทำให้พื้นที่ดูใหญ่ขึ้นแล้ว เราสามารถส่องกระจกเช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านได้ด้วยค่ะ ทางโครงการมีกำแพงกั้นระหว่างโถงทางเข้ากับพื้นที่นั่งเล่นมาให้ แต่ใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย ก็สามารถทำประตูปิดเพิ่มได้นะคะ

พื้นที่ชั้น 1 จะมีความสูงที่ 2.8 เมตร ซึ่งทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดเลย ประกอบกับพื้นที่นั่งเล่นที่ออกแบบเป็น Open Plan พื้นที่ขนาดใหญ่เชื่อมกันไปถึงโซนกินข้าว ทำให้ยิ่งดูโปร่งสบายมากๆเลยค่ะ และมีออกแบบเป็นเพดานสูง Double Volume ประมาณ 6.3 เมตร ทำให้เพิ่มความสูงโปร่งภายในบ้านอีกด้วย ซึ่งเพดานนี้ก็สามารถติดโคมไฟยาวห้อยลงมาก็ดูสวยงามเลยค่ะ

พื้นที่นั่งเล่นสามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งได้สบายๆ พร้อมโซฟาด้านข้างได้ด้วย รวมถึงสามารถตั้งโต๊ะกลางและโต๊ะเล็กๆด้านข้างได้ มีพื้นที่ทางเดินผ่านเข้า – ออกได้สะดวกด้วย มีระยะดูทีวีอยู่ที่ 3.1 เมตร ทำให้สามารถวางทีวีขนาด 60 – 65 นิ้วได้เลยค่ะ พื้นของชั้น 1 ปูเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนสีขาว ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร

บริเวณด้านข้างของพื้นที่นั่งเล่นที่ออกแบบเป็นพื้นที่ Double Volume ทำให้ออกแบบเป็นกระจกบานใหญ่ เปิดรับแสงและวิวได้เต็มที่ ส่วนบริเวณด้านหลังของพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นโซนกินข้าว พื้นที่เชื่อมกันขนาดใหญ่ถึง 6.4 x 10.5 เมตร บ้านตัวอย่างมีการดรอปฝ้าเพดานและซ่อนไฟไว้ ทำให้ห้องดูมีมิติขึ้น แต่บ้านมาตรฐานของโครงการไม่ได้ตกแต่งส่วนนี้มาให้นะคะ ทางโครงการจะให้มาเป็นไฟดาวน์ไลท์ ซึ่งสามารถนำไอเดียที่ทางบ้านตัวอย่างตกแต่งให้ดูไปปรับแต่งได้ค่ะ

เต้ารับและสวิตช์ไฟได้หน้ากากสีขาว ดีไซน์เรียบเข้ากับผนัง ส่วนเต้ารับที่ติดตั้งอยู่ด้านนอกตัวบ้านจะมีฝาครอบ กันความชื้นและน้ำฝนค่ะ

พื้นที่กินข้าว สามารถตั้งโต๊ะกินข้าวได้มากถึง 8 ที่นั่ง และพื้นที่ด้านหลังทำเป็นมุม Pantry สำหรับเตรียมอาหารง่ายๆได้สะดวกหรือเวลาเชิญแขกมาบ้านก็สามารถโชว์ทำอาหารได้ด้วยค่ะ มีจุดที่ต้องคำนึงถึงสำหรับบ้านไหนที่อยู่อาศัยกับผู้สูงอายุที่ใช้วีลแชร์ เนื่องจากว่ามีประตูเข้า – ออก พร้อมทางลาดตรงส่วน Pantry ดังนั้นถ้าจะต้องเผื่อพื้นที่ด้านข้างโต๊ะกินข้าวไว้สำหรับเข็นวีลแชร์เข้ามาได้ด้วยนะคะ ในโซนกินข้าวนี้มีการออกแบบช่องแสงหลายจุดทั้งด้านหน้าและด้านข้างบ้านเลยค่ะ

Pantry สำหรับเตรียมอาหาร ซึ่งเราสามารถทำ Built – in เคาน์เตอร์ครัวและตู้เก็บของได้ รวมถึงตั้ง Island ตรงกลางได้ ทำให้ประกอบอาหารได้สะดวกขึ้นค่ะ

จากมุม Pantry แล้วหันออกไปทางด้านหน้าบ้าน จะเป็นประตูที่เปิดไปบริเวณที่จอดรถค่ะ สามารถใช้เป็นประตูเข้า – ออกตอนกลางคืนและสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้วีลแชร์ค่ะ

คราวนี้เราหันมาทางด้านหลังบ้านจากมุม Pantry ค่ะ จะเป็นประตูเข้าไปห้องครัวแบบปิดค่ะ

ห้องครัวขนาด 2.5 x 3.0 เมตร มีประตูกระจกบานเลื่อน ที่เลื่อนไปซ่อนตรงผนังได้กั้นพื้นที่ปิดไว้ จึงสามารถใช้เป็นครัวไทย ทำอาหารหนักๆได้ ซึ่งแบบบ้านมาตรฐานก็จะเป็นห้องเปล่าๆมาเลย แล้วเราก็มาทำ Built – in เคาน์เตอร์ครัวและตู้เก็บของได้ รวมถึงวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าไว้ในห้องได้เลย ทางโครงการได้เตรียมระบบท่อน้ำมาให้เรียบร้อยแล้ว จริงๆทางโครงการมีออกแบบหน้าต่างสามารถเปิดระบายกลิ่นและควันได้ด้วยค่ะ แต่เรามองว่าเปิดประตูที่ไปลานซักล้างสำหรับระบายอากาศก็ได้เหมือนกันนะคะ

พอเดินออกมาจากห้องครัวจะเป็นลานซักล้างขนาด 2.0 x 5.0 เมตร ที่ทางโครงการจะปูพื้นเป็นคอนกรีตขัดเรียบแบบ Slab on Ground ค่ะ และเป็นทางเดินเชื่อมไปส่วนของห้องแม่บ้านด้วยนะคะ

Image 1/3
ห้องนอนแม่บ้าน

ห้องนอนแม่บ้าน

ห้องแม่บ้านมีขนาด 2.0 x 2.5 เมตร มีช่องหน้าต่างอยู่ด้านข้างประตู ส่วนภายในห้องก็มีพวกตู้ไฟฟ้าติดตั้งอยู่ค่ะ ถัดออกมาจะเป็นห้องน้ำสำหรับแม่บ้านขนาด 1.3 x 2.5 เมตร มีแยกส่วนแห้ง – เปียก พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.9 x 1.3 เมตรค่ะ ซึ่งพื้นที่สำหรับแม่บ้านนี้จะอยู่ด้านหลังบ้าน เชื่อมกับลานซักล้างและห้องครัวค่ะ

เราพากลับมาดูในบ้านกันต่อค่ะ ตรงบริเวณพื้นที่นั่งเล่นและก่อนขึ้นบันได จะมีห้องนอนชั้นล่าง ที่สามารถรองรับสำหรับผู้สูงอายุได้ค่ะ

ห้องนอนชั้นล่างมีขนาด 2.9 x 3.3 เมตร สามารถวางเตียงคิงไซซ์ได้ มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือเดินผ่านได้สบาย แต่ว่าถ้าจะจัดให้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุ เราแนะนำว่าเลือกเป็นเตียงเดี่ยวดีกว่าค่ะ เพื่อที่จะได้มีพื้นที่รอบเตียงเหลือมากกว่า 90 เซนติเมตร สำหรับเข็นวีลแชร์เข้าไปได้ง่าย รวมถึงคนเข้าไปดูแลได้สะดวกค่ะ ส่วนบริเวณปลายเตียงมีพื้นที่เหลือประมาณ 1.3 เมตร เราแนะนำให้แขวนทีวีดีกว่าจะได้มีพื้นที่เหลือเดินได้สะดวกด้วยค่ะ พื้นห้องนอนจะปูเป็นพื้น SPC ลายไม้ค่ะ

บริเวณพื้นที่ด้านข้างหัวเตียงสามารถวางโต๊ะเล็กๆได้ สำหรับวางจานกินข้าว น้ำดื่มและยาต่างๆได้ค่ะ ซึ่งก็มีการออกแบบช่องแสงให้ห้องดูสว่าง บรรยากาศภายในห้องไม่ดูอึมครึมด้วยค่ะ

ออกแบบมี Walk – in Closet และห้องน้ำภายในห้องนอนเลย ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกค่ะ และกั้นพื้นที่ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งขนาดของประตูกว้าง 1.1 เมตร ทำให้สามารถเข็นวีลแชร์เข้าไปได้เลยค่ะ

ทางโครงการออกแบบห้องน้ำและส่วนแต่งตัวเชื่อมต่อกันโดยไม่มีผนังหรือประตูกั้น จะมีผนังกั้นเฉพาะส่วนพื้นที่อาบน้ำ พอไม่มีผนังกั้นก็สามารถเข็นวีลแชร์มาและดูแลผู้สูงอายุได้สะดวกเลยค่ะ แต่เราแนะนำว่าควรกั้นประตูบานเลื่อนเพิ่มนะคะ เพราะเวลาอาบน้ำหรือทำความสะอาดห้องน้ำ น้ำอาจจะกระเด็นไปเปียกหรือเกิดความชื้นกับพื้น SPC ลายไม้ตรง Walk – in Closet และตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ

พื้นที่แต่งตัว สามารถ Built – in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะวางของได้ มีหน้าต่างเปิดรับแสงธรรมชาติและระบายอากาศได้ ซึ่งเราก็จะติดม่านไว้ แล้วพอตอนแต่งตัวก็ปิดม่านเอาค่ะ

ห้องน้ำมีการแบ่งแยกส่วนแห้งและเปียกมาให้เรียบร้อย ซึ่งเราสามารถติดตั้งพวกราวจับต่างๆเพิ่มเติมได้ ให้ผู้สูงอายุมีที่จับยึดเวลาลุก – นั่งและใช้งานค่ะ

อุปกรณ์ภายในห้องน้ำอย่างโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือจะเป็นแบรนด์ Kohler ส่วนก๊อกน้ำจะมาจาก Englefield ซึ่งการเลือกใช้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำเป็นแบบขอบโค้งมน ไม่เหลี่ยม ทำให้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายค่ะ

พื้นที่อาบน้ำจะไม่มีการก่อขอบหรือทำพื้นลดระดับ เพื่อเป็นการป้องกันผู้สูงอายุจากการสะดุดหรือล้มจากพื้นต่างระดับ แต่จะใช้เป็นการทำทางลาดแทน ซึ่งก็สามารถระบายน้ำที่ไหลได้ค่ะ และทางโครงการไม่ได้ก่อที่นั่งอาบน้ำมาให้ เราก็สามารถใช้เก้าอี้สำเร็จรูปมาแทนได้ แล้วอย่าลืมติดยางกันลื่นที่ขาเก้าอี้ไว้ด้วยนะคะ

มีติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจากแบรนด์ Englefield พร้อมเดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้แล้วค่ะ ข้างๆฝักบ้ว มีหน้าต่างบานกระทุ้งภายในห้องน้ำสามารถเปิดระบายอากาศ กลิ่นและลดความอับชื้นภายในห้องน้ำ

เมื่อออกจากห้องนอนมาจะเห็นห้องเก็บของใต้บันได และด้านข้างๆจะเป็นห้องน้ำส่วนรวมค่ะ

ห้องเก็บของใต้บันได ค่อนข้างเตี้ยและลึก จึงต้องเดินก้มเข้าไปนะคะ

ห้องน้ำแบบ Powder Room ขนาด 1.4 x 1.5 เมตร จะเป็นห้องน้ำแบบไม่มีส่วนของพื้นที่อาบน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำสำหรับใช้ร่วมกันและรองรับแขกด้วย กระเบื้องในห้องน้ำนี้ก็จะดูหรูหรามากขึ้นด้วยนะคะ พวกโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือจะเป็นแบรนด์ Kohler ส่วนก๊อกน้ำจะมาจาก Englefield ค่ะ ความสูงของห้องน้ำจะอยู่ที่ 2.4 เมตรค่ะ

บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความแข็งแรง กว้างประมาณ 1 เมตร มีราวจับไม้สำเร็จรูปอยู่ด้านข้าง ปูลูกนอนด้วยไม้ยางพาราอัดประสาน ลูกนอนกว้างประมาณ 27 ซม. ลูกตั้งสูง 18 ซม. เดินได้สบาย มีหน้าต่างตรงบันไดได้แสงธรรมชาติเข้ามาช่วยให้โถงบันไดไม่มืด แต่ก็สามารถติดตั้งโคมไฟแบบยาวหรือด้านข้างเพิ่มเติมได้ด้วยค่ะ

เมื่อขึ้นบันไดมาเจอกับพื้นที่ Family Area ขนาด 3.1 x 5.8 เมตร เป็นพื้นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัว มีความเป็นกันเองมากขึ้น ด้านข้างเป็นหน้าต่างบานใหญ่ ได้แสงธรรมชาติเข้ามาพื้นที่ตรงนี้ได้เต็มที่เลย ตอนกลางวันไม่ต้องเปิดไฟเลยค่ะ ตรงราวกันตกมองลงไปข้างล่างจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นค่ะ ซึ่งแบ่งห้องนอนออกเป็น 2 ฝั่งค่ะ

ชั้น 2 จะเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็นพื้น SPC ลายไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมาะกับการพักผ่อนมากขึ้น ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.8 เมตร เท่ากันกับชั้น 1 ค่ะ

เมื่อหันกลับไปตรงบันไดจะมีพื้นที่ด้านข้างเหลืออยู่ขนาด 1.8 x 2.5 เมตร สามารถทำเป็นมุมห้องพระหรือมุมนั่งทำงานได้ มีหน้าต่างอยู่หนึ่งบาน ที่นอกจากจะเป็นช่องแสงแล้ว ยังรับวิวด้วย

 แบบบ้านมาตรฐาน (รูปล่าง) จะมีราวกันตกมาให้ และมีก่อกำแพงสูงประมาณ 90 เซนติเมตรตรงข้างบันได แต่ในบ้านตัวอย่างจะออกแบบผนังซุ้มโค้งบริเวณข้างราวกันตก และผนังกระจกกั้นตรงพื้นที่ข้างบันไดค่ะ ทำให้พื้นที่ได้ความเป็นสัดส่วนมากขึ้น

ทางด้านซ้ายของ Family Area จะเป็นส่วนของ Master Bedroom และห้องนอนรอง 2 พื้นที่น้าห้องนอนมีขนาด 1.7 x 3.1 เมตร สามารถกั้นผนังซุ้มโค้งแบบบ้านตัวอย่างได้ค่ะ ทำให้ดูเป็นสัดส่วน รวมถึงห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยเฉพาะห้องนอนรอง 2 ที่เวลาเปิดประตูห้องจะได้ไม่เจอกับประตูห้องนอนรอง 1 แบบตรงๆกันค่ะ

ต่อมาเราจะพาไปดู Master Bedroom กันค่ะ ซึ่งจะอยู่ทางด้านหน้าบ้าน และตรงพื้นที่เล็กๆหน้าห้องสามารถวางตู้เก็บของได้ด้วยนะคะ

Master Bedroom มีพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 3.3 x 6.3 เมตร ทำให้วางเตียงคิงไซซ์แล้วยังมีพื้นที่ปลายเตียงเหลืออีก 4.3 เมตรเลยค่ะ จึงจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นในห้องได้ วางโซฟา โต๊ะกลาง และชั้นวางทีวีได้เลย และเว้นระยะวางโซฟากับปลายเตียงสัก 1 เมตร ก็จะมีระยะดูทีวี อยู่ที่ 3.3 เมตร เหมาะกับการตั้งทีวีได้ใหญ่ถึง 65 – 70 นิ้วเลยค่ะ ส่วนบริเวณข้างหัวเตียงก็สามารถตั้งโต๊ะเล็กๆ วางโคมไฟ หนังสือ หรือมือถือก่อนนอนได้ด้วยค่ะ

ห้องนอนนี้ออกแบบประตูกระจกสูงไว้ 2 จุด คือ ตรงข้างเตียงนอนและพื้นที่นั่งเล่นค่ะ ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติและวิวจากภายในห้องเต็มที่เลย

ห้องนี้มีระเบียงมาให้ด้วย แต่สังเกตว่ามันไม่ได้กว้างเท่าไหร่ ที่เป็นเช่นนี้เพราะตัวบ้านมีการออกแบบช่องแสงเป็นประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่สูงถึงพื้น  จึงต้องทำระเบียงเอาไว้กันตกนั่นเอง และยังช่วยทำให้หน้าตาบ้านมีความสวยงาม ดูอบอุ่นมากขึ้นด้วย

Master Bathroom และ Walk – in Closet ภายในห้อง Master Bedroom ไม่ได้มีผนังกั้นระหว่างกันเหมือนห้องนอนชั้นล่างเลยค่ะ จึงแนะนำให้กั้นกำแพงเพิ่มนะคะ เพราะอย่างเวลาแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ รวมถึงทำความสะอาดห้องน้ำ อาจทำให้น้ำกระเด็นไปส่วน Walk – in Closet เกิดการเปียกและความชื้นได้ค่ะ

ด้านหน้าห้องน้ำเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ทางโครงการก่อผนังยื่นออกมาด้านข้างทำให้สามารถทำ Built – in ตู้เสื้อผ้าเหมือนที่บ้านตัวอย่างได้ตกแต่งไว้ได้ค่ะ ออกจากห้องน้ำมาแล้วแต่งตัวได้เลย มีขนาดประมาณ 1.8 x 2.9 เมตร ถ้า Built-in แล้วก็จะเหลือพื้นที่ด้านหน้าประมาณ 1 เมตร สามารถยืนแต่งตัวได้พอดีๆ มีพื้นที่ทำโต๊ะแต่งหน้าเล็กได้ และติดกระจกเงาบานใหญ่ไปได้เลยค่ะ

ฝั่งตรงข้าม Walk – in Closet จะเป็น Master Bathroom ขนาด 2.9 x 2.9 เมตร มีกระจกข้างๆอ่างอาบน้ำมองไปเห็นพื้นที่เตียงนอนค่ะ ความสูงของห้องน้ำทุกห้องอยู่ที่ 2.4 เมตรค่ะ

ภายในห้องน้ำจะมีอ่างล้างหน้าแบบ His & Her สามารถใช้งานได้พร้อมกัน ติดตั้งแบบบนเคาน์เตอร์มาให้พร้อมกระจกเงาบานสูง พร้อมพื้นที่ด้านข้างวางอุปกรณ์ในห้องน้ำได้ โถสุขภัณฑ์จากแบรนด์ Kohler และสำหรับ Master Bathroom ของแบบบ้าน XL นี้ จะมีอ่างอาบน้ำมาให้ด้วย ขนาดประมาณ 0.8 x 1.5 เมตร สามารถนั่งแช่น้ำ ยืดขาได้

สำหรับ Master Bathroom ทางโครงการจะมีฉากกระจกกั้นอาบน้ำมาให้ด้วยค่ะ น้ำจะได้ไม่กระเด็นไปเลอะด้านนอกเวลาใช้งานค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1 x 1 เมตร ยืนอาบน้ำได้สะดวก ฝักบัวอาบน้ำใน Master Bathroom มีทั้งแบบ Rain Shower และฝักบัวสายอ่อน ซึ่งมาจากแบรนด์ Englefield ค่ะ

ต่อมาเรามาดูห้องนอนรอง 2 กันค่ะ จะอยู่ทางด้านหลังบ้านและอยู่ติดกับ Master Bedroom ค่ะ

เมื่อเข้ามาในห้องนอนรอง 2 จะเป็นช่องทางเดินกว้าง 0.9 เมตร ด้านซ้ายจะเป็นส่วน Walk – in Closet และ ห้องน้ำภายในห้อง ซึ่งจะเห็นว่าแบบบ้านมาตรฐาน (รูปล่าง) จะมีกั้นผนังตรง Walk – in Closet ไว้อยู่แล้ว จึงสามารถตั้งตู้เสื้อผ้าได้เลย และเมื่อเดินลึกเข้าไปด้านในห้องนอนจะเป็นพื้นที่เตียงนอนค่ะ

พื้นที่ภายในห้องมีขนาด 2.9 x 3.5 เมตร วางเตียงขนาดควีนไซซ์ได้สบาย มีพื้นที่ด้านข้างหัวเตียงเหลือเยอะเลย นอกจากจะวางโต๊ะเล็กๆข้างเตียงแล้ว ยังสามารถวางโซฟา 1 ที่นั่ง ทำเป็นมุมนั่งเล่นภายในห้องได้ด้วยค่ะ บริเวณปลายเตียงมีพื้นที่เหลือประมาณ 0.9 เมตร แนะนำว่าใช้ทีวีแบบแขวนดีกว่าค่ะ จะได้สามารถเดินผ่านได้สบาย

Walk – in Closet มีขนาด 1.8 x 2.5 เมตร สามารถทำ Built – in ตู้เสื้อผ้าได้ หรือหากใครอยากประหยัดงบหน่อยก็สามารถเลือกใช้เป็นตู้เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่โดยปกติแล้วด้านหลังตู้จะไม่สวยงาม เราก็เลือกขนาดตู้ให้พอดีกับช่องที่กั้นไว้ค่ะ ในส่วนของโต๊ะแต่งหน้าและกระจกส่อง ทางบ้านตัวอย่างจะไม่สามารถติดกระจกส่องได้ เพราะว่าเป็นช่องหน้าต่างที่เปิดรับแสงธรรมชาติ

เรามีไอเดียว่าสามารถทำเป็นกระจกเงาที่เลื่อนไปซ่อนด้านข้างของตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ เวลาจะส่องกระจกก็เลื่อนเปิดมาจากข้างตู้เสื้อผ้าแล้วบังช่องหน้าต่างนั่นเองค่ะ ทำให้เราไม่เสียช่องหน้าต่างไปและยังสามารถใช้งานแต่งหน้าแต่งตัวได้ด้วยค่ะ ซึ่งทุกคนก็อาจจะลองเอาไปปรับใช้ดูได้นะคะ

ห้องน้ำภายในห้องนอนรอง 2 ก็แบ่งโซนเป็นส่วนแห้ง – เปียก มีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดระบายอากาศได้ ขนาดห้องประมาณ 1.4 x 2.5 เมตรค่ะ สำหรับใครที่มีอุปกรณ์อาบน้ำเยอะ ก็สามารถหาชั้นวางมาตั้งเพิ่มในห้องน้ำได้ค่ะ

อุปกรณ์ภายในห้องน้ำมีสเปคแบบเดียวกับห้องน้ำอื่นเลยค่ะ โถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือของแบรนด์ Kohler ส่วนก๊อกน้ำของแบรนด์ Englefield

พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.9 x 1.4 เมตร ติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจากแบรนด์ Englefield และสามารถติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มได้ค่ะ เพราะทางโครงการได้เดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้แล้วนะคะ ทางโครงการไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำให้นะคะ ซึ่งเราก็สามารถไปติดตั้งเพิ่มเองได้ค่ะ

ออกมาจากฝั่ง Master Bedroom และห้องนอนรอง 2 เราจะต้องเดินผ่าน Family Area ไปอีกฝั่งที่มีห้องนอนรอง 1 เพียงห้องเดียว ไม่ได้แชร์ผนังร่วมกับห้องนอนอื่น ได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ

พื้นที่ภายในห้องมีขนาด 3.3 x 4.8 เมตร สามารถวางเตียงคิงไซซ์ได้สบายๆ มีพื้นที่รอบเตียงเยอะประมาณ 1.2 เมตร จึงสามารถตั้งโต๊ะทำงานข้างเตียงได้เลย หรือจะวางโซฟาทำเป็นมุมนั่งเล่นภายในห้องได้ ส่วนปลายเตียงก็ตั้งชั้นวางทีวีได้และยังมีพื้นที่เดินผ่านได้สะดวกค่ะ

ห้องนอนรอง 1 มีระเบียงตกแต่งเหมือน Master Bedroom เลยค่ะ ขนาดกว้างพอดีเท้า จึงใช้เปิดประตูเพื่อรับลม ระบายอากาศภายในห้องได้ดีค่ะ

ส่วนด้านหลังของห้องนอนรอง 1 จะเป็นส่วน Walk -in Closet และห้องน้ำภายในห้องค่ะ ทางโครงการได้กั้นผนังมาให้แล้ว เราจึงทำประตูกั้นปิดได้นะคะ เป็นแบบประตูเลื่อนไปซ่อนตรงผนังก็ได้ค่ะ ห้องก็จะได้ความเป็นสัดส่วนมากขึ้น ป้องกันฝุ่นต่างๆจะได้ไม่ไปเลอะเสื้อผ้าด้วยค่ะ

พื้นที่ Walk – in Closet มีขนาด 1.7 x 2.5 เมตร มีพื้นที่ยืนแต่งตัวด้านหน้าห้องน้ำได้ประมาณ 1.2 เมตร มีที่ตั้งโต๊ะแต่งหน้า วางของได้ มีช่องหน้าต่างให้แสงเข้ามาในห้อง และหากจะติดกระจกส่องก็สามารถทำซ่อนไว้ด้านข้างตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ

ห้องน้ำภายในห้องน้ำรอง 1 อยู่ติดกับ Walk – in Closet มีการแบ่งโซนเปียกและแห้ง มีหน้าต่างบานกระทุ้งระบายอากาศและความอับชื้นในห้องน้ำ พื้นที่ห้องน้ำมีขนาด 1.4 x 2.5 เมตร

สเปควัสดุในห้องน้ำเหมือนกับห้องน้ำอื่นๆ โถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือจากแบรนด์ Kohler ส่วนก๊อกน้ำจากแบรนด์ Englefield ค่ะ

พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.9 x 1.4 เมตร สามารถยืนอาบน้ำได้สบาย ทางโครงการติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจากแบรนด์ Englefield ค่ะ ไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้เหมือนกัน สามารถหาซื้อติดตั้งได้เองเลยค่ะ


ต่อมาเราจะพาไปเจอะลึกแบบบ้าน Advent (Type M) กันค่ะ

บ้านตัวอย่างหลังต่อมาที่จะพาไปดูเป็นบ้านเดี่ยว Advent (Type M) ซึ่งเป็นบ้านขนาดเล็กสุดและมีจำนวนเยอะสุดของโครงการ ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ เหมาะสำหรับคนที่ชอบบ้านขนาดพอดีกับครอบครัว ชอบพื้นที่สวนกว้าง มีสนามหญ้าค่ะ

ชั้น 1

  • ที่จอดรถ 2 คัน
  • โถงทางเข้าด้านหน้าบ้านมีซุ้มชายคากันแดดและฝน เป็นพื้นที่วางรองเท้าได้
  • พื้นที่ Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่อเนกประสงค์ พื้นที่กินข้าวและ Pantry
  • ห้องครัวแบบปิด มีประตูกั้นทำเป็นครัวไทยได้
  • ห้องน้ำชั้น 1 มีส่วนพื้นที่อาบน้ำ รองรับการใช้งานพร้อมกันได้
  • ห้องเก็บของขนาดใหญ่ใต้บันได

ชั้น 2

  • Family Area ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัวได้
  • Master Bedroom ขนาดใหญ่ พร้อม Walk – in Closet และห้องน้ำภายในห้อง
  • มีระเบียงส่วนตัวภายใน Master Bedroom
  • ห้องนอนรองสามารถวางเตียง 3.5 ฟุต และ 5 ฟุตได้ มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าด้านข้าง
  • ห้องน้ำร่วมกันสำหรับห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง

บ้านตัวอย่างของแบบบ้านนี้เป็นแปลงมุมพอดี ทำให้บ้านดูหลังใหญ่ ได้พื้นที่สวนข้างบ้านเพิ่มมากขึ้น สังเกตว่าจะมีพื้นที่ Court เล็กๆอยู่ระหว่างที่จอดรถและประตูทางเข้าบ้านหลัก ทำให้สามารถปลูกต้นไม้ เพิ่มความร่มรื่นได้ค่ะ แบบบ้านนี้มีหน้ากว้างอยู่ที่ 13.5 เมตรค่ะ

บริเวณด้านหน้าบ้าน ทางโครงการได้ติดตั้งโคมไฟ กริ่ง กล่องไปรษณีย์ รวมถึงถังขยะที่เปิดทิ้งได้จากด้านใน สะดวกต่อการใช้งานด้วยค่ะ

ที่จอดรถตามแบบบ้านมาตรฐานจะปูเป็นพื้นคอนกรีตขัดเรียบมาให้ โครงสร้างเป็น Slab on Ground ค่ะ ออกแบบที่จอดรถเป็นซุ้มเหลี่ยม มีความกว้างประมาณ 5.1 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คันแบบพอดีๆค่ะ

ประตูทางเข้าบ้านจากที่จอดรถติดตั้งระบบ Digital Door Lock สำหรับกดรหัสเข้าบ้าน จากแบรนด์ Hafele ค่ะ และด้านบนมีปลั๊กไฟมาให้ สามารถติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มได้ค่ะ

บริเวณด้านข้างเสาของที่จอดรถ มีช่องเก็บของได้ทั้ง 2 เสาเลย ที่นอกจากจะใช้เป็นที่ซ่อนงานระบบท่อน้ำแล้ว ยังเก็บอุปกรณ์ทำสวนและเกี่ยวกับรถยนต์ได้ เวลาใช้งานก็หยิบใช้ได้สะดวกค่ะ

พื้นที่ว่างระหว่างที่จอดรถและทางเข้าบ้านหลัก สามารถปลูกต้นไม้ใหญ่หรือไม้พุ่มแบบบ้าตัวอย่างได้ ทำให้เพิ่มพื้นที่สีเขียวและบรรยากาศร่มรื่นให้กับตัวบ้านด้วยค่ะ ซึ่งจะมีทางเดินเชื่อมจากที่จอดรถไปตรงประตูทางเข้าหลักด้วยค่ะ

บริเวณประตูทางเข้าหลักของบ้านจะมีหลังคาเป็นซุ้มโถงทางเข้าที่กันแดดกันฝน

มีพื้นที่ชานบ้านขนาด 1.3 x 3.2 เมตร สูง 17 เซนติเมตร สามารถตั้งชั้นวางรองเท้าและที่เก็บร่มไว้ข้างๆได้

ประตูหน้าบ้านออกแบบเป็นประตูกระจกสีเขียวตัดแสงบานเลื่อน 2 ตอน ของแบรนด์ Amigo

เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะเจอกับพื้นที่ Open Plan ขนาดใหญ่ที่เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่อเนกประสงค์ พื้นที่กินข้าวและมุม Pantry ซึ่งพื้นของชั้น 1 จะปูเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนสีขาว ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร และมีความสูงจากพื้นถึงเพดานอยู่ที่ 2.8 เมตร พอเราเข้าไปในบ้านแล้วเจอกับพื้นที่ขนาดใหญ่ประกอบกับความสูงของชั้น ทำให้รู้สึกถึงความโปร่งของตัวบ้าน รวมถึงการเลือกใช้ตัวบ้านและพื้นสีขาวก็ทำให้บ้านดูสว่าง รู้สึกสบายๆ ไม่อึดอัดเลยค่ะ

พื้นที่นั่งเล่นมีความกว้างประมาณ 3.2 เมตร วางโซฟา 3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางได้ ระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.9 เมตร สามารถตั้งทีวีขนาด 55 – 60 นิ้วได้เลยค่ะ

พื้นที่อเนกประสงค์จะอยู่ถัดเข้ามาจากพื้นที่นั่งเล่น มีขนาด 2.6 x 3.2 เมตร สามารถทำเป็นมุมทำงานหรือวางตู้ของสะสมได้ ซึ่งหากใครที่ต้องการเป็นมุมทำงานแบบใช้สมาธิ ก็สามารถกั้นปิดเป็นห้องไปเลยก็ได้ค่ะ แต่ที่ทางโครงการให้มาไม่ได้กั้นผนังมา ก็จะได้เป็นความโปร่งของพื้นที่ดีเลยค่ะ มีช่องหน้าต่างจากทั้ง 2 ด้าน เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวสวนด้านข้างค่ะ

พื้นที่อเนกประสงค์เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น ทำให้ได้พื้นที่ไหลต่อเนื่องกัน ตรงพื้นที่นั่งเล่นมีช่องแสงมาจากทางด้านข้างและด้านหน้าบ้าน ทำให้ได้แสงส่องมาถึงพื้นที่อเนกประสงค์นี้ด้วยค่ะ ซึ่งระยะจากพื้นที่นั่งเล่นถึงพื้นที่อเนกประสงค์มีความยาวถึง 6.7 เมตรเลยค่ะ

ถัดมาด้านหลังของพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นพื้นที่กินข้าวและ Pantry มีขนาด 3.1 x 5.8 เมตร พื้นที่นั่งกินข้าวสามารถวางโต๊ะกินข้าวได้ 4 – 6 ที่นั่ง มีการออกแบบช่องแสงขนาดใหญ่จากด้านหน้าบ้าน และมีช่องหน้าต่างอีกจุดตรงบริเวณ Pantry ส่วนด้านขวาของพื้นที่นั่งกินข้าวจะเป็นห้องครัว ห้องน้ำ และบันไดพร้อมห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ

พื้นที่ Pantry อยู่ติดกับพื้นที่กินข้าว สามารถเตรียมทำอาหารง่ายๆได้ ทำ Built – in เคาน์เตอร์ครัวและตู้เก็บของสำหรับเก็บอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ที่ใช้งานบ่อยๆ จะได้หยิบใช้ได้ง่ายๆ

รวมถึงมีพื้นที่ตั้ง Island เพื่อจัดเตรียมอาหารและวางของได้สะดวกด้วยค่ะ ด้านซ้ายจะเป็นประตูที่ออกไปบริเวณที่จอดรถ ทำให้เวลาซื้อของมาสามารถยกจากท้ายรถยนต์เข้ามาในส่วนครัวได้เลยค่ะ ส่วนด้านขวาจะเป็นประตูเปิดไปห้องครัวแบบปิด

ทางโครงการออกแบบห้องครัวแบบปิดมาให้ค่ะ ขนาดอยู่ที่ 2.0 x 2.6 เมตร ซึ่งสามารถใช้เป็นครัวไทยได้ สำหรับใครที่ทำอาหารบ่อยๆ ก็ใช้งานได้สะดวก จะผัดหรือทอด ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องควันและกลิ่นอาหารจะไปติดเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน เพราะว่าได้ออกแบบมีหน้าต่างและประตูเปิดระบายอากาศค่ะ

แบบบ้านมาตรฐานจะเป็นห้องเปล่าๆที่ทางโครงการเตรียมงานระบบมาให้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเราก็สามารถออกแบบทำ Built – in ครัวได้ตามชอบเลยค่ะ รวมถึงวางเครื่องซักผ้าไว้ได้ด้วยนะคะ

ประตูของห้องครัวจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนไปซ่อนที่ผนังค่ะ เวลาเราทำ Built – in ครัว รวมถึงวางเครื่องซักผ้าแล้ว อย่าลืมเว้นระยะให้ประตูเลื่อนไปซ่อนได้ด้วยนะคะ และหากเรามีอุปกรณ์ทำอาหารเยอะ เก็บในตู้เก็บของไม่พอ เราสามารถติดตั้งชั้นวางของเพิ่มตรงผนังได้ค่ะ

ถัดจากห้องครัวเป็นห้องน้ำค่ะ มีขนาด 1.4 x 2.6 เมตร ซึ่งออกแบบมีส่วนของพื้นที่อาบน้ำมาให้ด้วย ทำให้สามารถอาบน้ำได้พร้อมกัน 3 ห้องเลยค่ะ มีแยกพื้นที่ส่วนเปียก – แห้งมาให้นะคะ แต่ว่าไม่ได้มีฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้ ลูกบ้านต้องไปติดตั้งเพิ่มกันเองค่ะ ความสูงของจากพื้นถึงเพดานของห้องน้ำทุกห้องจะอยู่ที่ 2.4 เมตรค่ะ

สเปคอุปกรณ์ในห้องน้ำเหมือนบ้านแบบ XL เลยค่ะ พวกโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือจะเป็นแบรนด์ Kohler ส่วนก๊อกน้ำจะมาจาก Englefield ค่ะ

พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.9 x 1.4 เมตร ติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจากแบรนด์ Englefield พร้อมรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น

ถัดจากห้องน้ำเป็นห้องเก็บของใต้บันได ขนาดใหญ่ สามารถเดินเข้าไปได้ มีขนาดประมาณ 0.9 x 2.6 เมตร

โครงสร้างของบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้างประมาณ 1 เมตร ด้านข้างมีราวจับไม้สำเร็จรูป ลูกนอนบันไดปูด้วยไม้ยางพาราอัดประสาน ขนาดของลูกนอนกว้าง 27 ซม. ลูกตั้งสูง 18 ซม.

สีของบันไดจะเข้ากันกับพื้นชั้น 2 ที่ปูด้วยพื้น SPC ลายไม้ค่ะ ตรงข้างๆบันไดชั้น 2 มีพื้นที่ตั้งโต๊ะวางของได้ด้วยค่ะ มีออกแบบหน้าต่างตรงบันไดรับแสงเข้ามาช่วยให้โถงบันไดไม่มืดค่ะ

เมื่อขึ้นมาชั้น 2 จะเจอกับ Family Area ขนาด 3.2 x 4.1 เมตร วางโซฟา 3 นั่งหรือโซฟาตัว L พร้อมตั้งโต๊ะกลางได้ด้วย สามารถตั้งชั้นวางทีวีและมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.8 เมตร เหมาะวางทีวีขนาด 55 – 60 นิ้วค่ะ มีหน้าต่างอยู่ด้านข้างรับแสงและวิวหน้าบ้าน ความสูงของชั้น 2 อยู่ที่ 2.8 เมตร เท่ากับความสูงชั้น 1 เลยค่ะ

ทางด้านซ้ายของ Family Area จะเป็น Master Bedroom ที่แยกมาอยู่ฝั่งซ้ายเพียงห้องเดียว ได้ความเป็นส่วนตัวสูงเลยค่ะ

Master Bedroom มีขนาด 3.2 x 4.0 เมตร บริเวณด้านหน้าบ้านจะเป็นพื้นที่เตียงนอน ตั้งเตียงขนาดคิงไซซ์ได้ มีพื้นที่รอบเตียงกว้างวางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้ง 2 ข้าง มีพื้นที่ปลายเตียงประมาณ 1.2 เมตร ตั้งชั้นวางทีวีได้ มีพื้นที่เดินผ่านได้สะดวก มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนเปิดออกไประเบียงได้

พื้นที่ระเบียงนี้กว้างประมาณ 60 เซนติเมตร เรามองว่าระเบียงนี้มีความกว้างที่สามารถออกไปยืนรับลม ชมวิวได้อยู่ จึงมองว่าเป็นระเบียงส่วนตัวของ Master Bedroom เลยค่ะ

หันกลับไปด้านหลังบ้านจะเป็นส่วนของ Walk – in Closet และห้องน้ำ ซึ่งทางโครงการได้กั้นผนังด้านข้างไว้ข้างละประมาณ 60 เซนติเมตร ซึ่งเราสามารถติดตั้งประตูกั้นเป็นห้องปิดได้เลย ก็ดูมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่แบบที่โครงการทำไว้ก็ดูพื้นที่ไหลต่อเนื่องดี

จากผนังที่ทางโครงการได้กั้นไว้ จะมีพื้นที่ให้เราก็ทำ Built – in ตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะแต่งหน้าได้ประมาณ 1.5 เมตรค่ะ ส่วนตรงกลางก็ตั้งเป็น Island เล็กๆสำหรับเก็บของได้ หรือตั้งเป็นที่นั่งสำหรับไว้นั่งลองเสื้อผ้าและเครื่องประดับได้ค่ะ

ห้องน้ำมีขนาด 1.4 x 3.2 เมตร อุปกรณ์ภายในห้องน้ำมีสเปคแบบเดียวกับห้องน้ำอื่นเลยค่ะ โถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือของแบรนด์ Kohler ส่วนก๊อกน้ำของแบรนด์ Englefield ในส่วนของอ่างล้างมือจะเป็นแบบเหลี่ยมมาพร้อมชั้นเก็บของใต้อ่างล้างมือด้วย เก็บพวกทิชชู แปรงสีฟัน สบู่ต่างๆได้ค่ะ

พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.9 x 1.4 เมตร ติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจากแบรนด์ Englefield และสามารถติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มได้ค่ะ เพราะทางโครงการได้เดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้แล้วนะคะ ซึ่งสำหรับ Master Bathroom จะมีฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะคะ

ต่อมาเราพามาดูห้องนอนรอง 1 กันค่ะ ซึ่ง Family Area ตั้งอยู่ด้านหน้าห้องนอนรอง 1 เวลาจะเข้า – ออกห้องนอนก็ต้องเดินผ่าน Family Area ก่อนนะคะ ซึ่งจริงๆแล้วเราก็เข้าออกห้องนอนแค่เฉพาะตอนกลางคืนอยู่แล้ว และไม่ได้ออกมานอกห้องบ่อยด้วย เราจึงมองว่าห้องนอนรอง 1 ไม่ได้เสียความเป็นส่วนตัวไปนะคะ ส่วน Family Area นี้ใช้เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวอีกจุดหนึ่งด้วยค่ะ

 ขนาดห้องนอนรอง 1 อยู่ที่ 2.9 x 3.6 เมตร สามารถวางเตียงควีนไซซ์หรือคิงไซซ์ได้เลยค่ะ เราแนะนำว่าวางเตียงควีนไซซ์ก็จะได้พื้นที่รอบเตียงกว้าง ทำให้มีพื้นที่ยืนแต่งตัวและเดินได้สะดวกค่ะ

ระยะปลายเตียงประมาณ 1.6 เมตร ตั้งชั้นวางทีวีได้ มีพื้นที่เหลือเดินผ่านได้ค่ะ ออกแบบช่องแสงด้านหน้าแทบเต็มผนังห้อง ทำให้ได้แสงและวิวเต็มที่เลย

มีระเบียงเล็กๆกว้างประมาณ 30 เซนติเมตร พร้อมราวกันตก ที่ออกแบบเพื่อให้หน้าตาบ้านดูสวยงาม มีลูกเล่น ออกแบบมีประตูเปิด – ปิดได้ ไว้ใช้สำหรับระบายอากาศภายในห้องได้ค่ะ

ทางโครงการกั้นผนังเป็นช่องว่างบริเวณด้านข้างหัวเตียงขนาดประมาณ 0.7 x 1.5 เมตร ไว้สำหรับทำ Built – in ตู้เสื้อผ้าหรือตั้งตู้เสื้อผ้าสำเร็จรูปได้ค่ะ พอเราวางเตียงขนาดควีนไซซ์แล้ว ก็จะมีพื้นที่ยืนแต่งตัวได้กว้างขึ้นค่ะ

ออกมาจากห้องนอนรอง 1 จะเจอห้องตรงข้ามที่เป็นห้องนอนรอง 2 เลยค่ะ อยู่ติดกับบันได ส่วนด้านซ้ายจะเป็นห้องน้ำสำหรับใช้ร่วมกันของห้องนอนรองทั้ง 2 ห้องค่ะ

ห้องนอนรอง 2 จะมีขนาดเล็กกว่า โดยมีขนาดอยู่ที่ 2.5 x 3.6 เมตร เหมาะวางเตียง 3.5 ฟุต และดันชิดเข้าผนังเลย จะได้มีพื้นที่เดินได้สะดวก ภายในห้องวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะอ่านหนังสือได้ด้วยค่ะ ออกแบบมีช่องแสงขนาดใหญ่จากทั้ง 2 ด้านของห้อง ทำให้ห้องรับแสงและดูสว่าง  สามารถติดม่านไว้ปิดหน้าต่างสำหรับตอนกลางคืนก่อนนอนค่ะ

ห้องน้ำใช้งานร่วมกัน มีขนาด 1.4 x 2.5 เมตร ออกแบบแบ่งโซนแห้ง – เปียก มีหน้าต่างบานกระทุ้งเปิดระบายอากาศได้ สามารถหาชั้นวางของมาใส่อุปกรณ์อาบน้ำต่างๆได้ค่ะ อาจจะจัดกันเป็นคนละมุมก็ได้ จะได้ไม่ใช้ปนกันค่ะ

สเปคสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเหมือนห้องน้ำชั้น 1 เลยค่ะ เลือกใช้แบรนด์ Kohler และ Englefield ค่ะ

พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.9 x 1.4 เมตร สเปคฝักบัวในห้องน้ำเหมือนกับห้องน้ำชั้น 1 เลยค่ะ เลือกใช้แบรนด์ Englefield ค่ะ ทางโครงการไม่ได้มีฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะคะ สามารถเลือกติดเป็นฉากกั้นกระจกหรือผ้าม่านกั้นได้เลยค่ะ


Alpine (Type L)

แบบบ้านสุดท้ายเป็นบ้านเดี่ยว Alpine (Type L) ที่ดินเริ่มต้น 58 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 242 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ ซึ่งเป็นขนาดกลางของโครงการในส่วนของการออกแบบพื้นที่บ้านจะมีความคล้ายคลึงกับแบบบ้านขนาด M แต่มีการออกแบบเพดานสูง Double Volume เหมือนแบบบ้าน XL ค่ะ

ชั้น 1

  • ที่จอดรถ 3 คัน
  • โถงทางเข้าด้านหน้าบ้านมีซุ้มชายคากันแดดและฝน
  • พื้นที่ Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่อเนกประสงค์ พื้นที่กินข้าวและ Pantry
  • โถงเพดานสูงแบบ Double Volume ตรงบริเวณพื้นที่นั่งเล่น
  • ห้องครัวแบบปิด มีประตูกั้นทำเป็นครัวไทยได้
  • ห้องน้ำชั้น 1 มีส่วนพื้นที่อาบน้ำ รองรับการใช้งานพร้อมกันได้
  • ห้องเก็บของขนาดใหญ่ใต้บันได

ชั้น 2

  • Family Area ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัว
  • ระเบียงส่วนรวม ใช้ทำเป็นมุมนั่งเล่น Semi – Outdoor ได้
  • ห้องนอนทุกห้องมีห้องน้ำในตัว
  • Master Bedroom ขนาดใหญ่ พร้อม Walk – in Closet
  • ห้องนอนรองสามารถวางเตียง 3.5 ฟุต และ 5 ฟุตได้

เราได้เก็บภาพบรรยากาศภายในบ้านตัวอย่างของแบบบ้าน Alpine (Type L) มาให้ด้วยค่ะ

Image 1/10
Double Volume เพดานสูงประมาณ 6.3 เมตร

Double Volume เพดานสูงประมาณ 6.3 เมตร

บรรยากาศภายในบ้านตัวอย่าง บริเวณชั้น 1 รูปแบบบ้าน Alpine (Type L)

Image 1/10
Family Area

Family Area

บรรยากาศภายในบ้านตัวอย่าง บริเวณชั้น 2 รูปแบบบ้าน Alpine (Type L)

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคา

The Astoria ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ ราคา ณ วันที่ 4 กันยายน 2566

  • Advent (Type M) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 7.9 ล้านบาท
  • Alpine (Type L) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 58 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 242 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 9.6 ล้านบาท
  • Aritque (Type XL) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 69 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 309 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 11 ล้านบาท
  • ค่าจอง 20,000 บาท
  • ค่าทำสัญญา 150,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 80,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 40 บาท/ตร.วา/เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :

The Astoria ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ อยู่ติดถนนหลวงชนบท นนทบุรี 2051 เป็นถนนที่ทะลุจากต้นซอยหรือถนนชัยพฤกษ์ไปท้ายซอยอย่างถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 345 ได้ มีหลากหลายเส้นทางในการเดินทางเข้า – ออกเมือง เป็นทำเลที่สะดวกมากๆสำหรับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว เป็นทำเลที่อยู่กึ่งกลางระหว่างย่านปทุมธานีและนนทบุรี ทำให้ได้ความอุดมสมบูรณ์ของทั้ง 2 ย่านเลย จะข้ามสะพานปทุมธานี 2 จะมีห้างขนาดใหญ่อย่างฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และเซียร์ รังสิต ส่วนในย่านนนทบุรี มุ่งไปแจ้งวัฒนะและบางใหญ่ได้ ก็จะมีทั้งเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เซ็นทรัล เวสต์เกต และ IKEA บางใหญ่ค่ะ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :

ภายในโครงการมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ทางเข้า – ออกด้วยระบบ Keycard Access แบ่งทางเข้า-ออกเป็น 2 ช่องทางเพื่อความสะดวกของลูกบ้าน พร้อมกล้อง CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการรวม 30 จุด นอกจากนั้นยังได้ Digital Door Lock และสัญญาณกันขโมยระบบ Magnetic & Motion Sensor ทุกหลัง รวมถึงมี ระบบ Smart Home ของ SCG ด้วยค่ะ

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :

โครงการออกแบบในสไตล์ European Modern ตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าเชื่อมต่อกับอาคาร Clubhouse ส่วนการจัดวางผังของโครงการดูง่ายและไม่ซับซ้อน เป็นโครงการที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูงมีจำนวนเพียง 78 ยูนิต

การออกแบบภายในบ้านเดี่ยวมีการจัดฟังก์ชันโดยรวมแล้วค่อนข้างลงตัวทีเดียว ได้ห้อง 3 -4 ห้องนอน / 3-5 ห้องน้ำ / 2-3 ที่จอดรถ ซึ่งบ้านขนาด M และ L ก็ได้พื้นที่อเนกประสงค์เพิ่มด้วย รองรับการอยู่อาศัยทั้งครอบครัวแบบพ่อแม่ลูก ไปจนถึงบ้านขนาด XL ที่รองรับครอบครัวใหญ่พร้อมผู้สูงอายุอยู่อาศัยด้วยค่ะ ได้ห้องครัวปิดและ Family Area บนชั้น 2 ในทุกแบบบ้าน รวมถึงมีบ้านเพดานสูง Double Volume สูง 6.3 เมตรด้วยค่ะ

วัสดุ :

โครงสร้างบ้านเป็นแบบ Precast ซึ่งเป็นผนังที่ทำหน้าที่รับน้ำหนักแทนเสา ทั้งตัวบ้านและลานจอดรถด้านหน้าบ้านเป็น Slab on Ground พื้นชั้นล่างเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนสีขาว ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ทนต่อรอยขีดข่วน ทนน้ำ และทำความสะอาดง่าย ส่วนชั้น 2 เป็นพื้น SPC ที่มีความทนทาน ได้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยการเลือกใช้พื้นลายไม้ และห้องน้ำได้สุขภัณฑ์ครบชุดทั้งจาก Kohler และ Englefield เพิ่มความปลอดภัยของบ้านด้วย การติดตั้ง Digital Door Lock ตรงประตูทางเข้าจากที่จอดรถ และมีระบบ Magnetic & Motion Sensor รวมถึงมีระบบ Home Automation ช่วยอำนวยความสะดวกค่ะ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :

มีสวนหย่อมอยู่ 1 จุดที่บริเวณด้านหน้าโครงการขนาด 946.96 ตร.ม. ประกอบด้วยสนามหญ้า สนามเด็กเล่นพร้อมเครื่องเล่นเสริมสร้างพัฒนาการสำหรับเด็ก ลานเล่นสเก็ตบอร์ด และมีที่นั่งพักในสวนด้วย บรรยากาศโดยรวมค่อนข้างร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่ล้อมสวนหย่อมรวมถึงมีต้นไม้ปลูกไว้ตลอดแนวถนน 2 ฝั่ง ทั้งไม้พุ่มขนาดเล็กและต้นไม้ขนาดใหญ่ สามารถมาเดินเล่นพักผ่อนสบายๆค่ะ

สาธารณูปโภค :

พื้นที่ส่วนกลางให้มาครบครันแต่ขนาดจะไม่ได้ใหญ่มากนักเพราะมีจำนวนบ้านเพียง 78 หลัง อาคาร Clubhouse ประกอบไปด้วยพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน, สระว่ายน้ำระบบเกลือพร้อมสระเด็ก และ Fitness บริเวณชั้น 2 มองเห็นวิวด้านหน้าโครงการ ส่วนถนนภายในโครงการกว้าง 7.5 – 17 เมตร สามารถขับรถสวนกันได้สบายๆ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 6 – 15 ล้านบาท, 4 กันยายน 2566

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ติดถนนหลวงชนบท นนทบุรี หมายเลข 2051 เดินทางทะลุไปถนนชัยพฤกษ์และถนนหลวงหมายเลข 345 ได้
  • ความปลอดภัย 7.5/10 – มีรั้วเหล็กรางเลื่อน, รปภ.หน้าหมู่บ้าน, CCTV ในโครงการ, Digital Door Lock ภายในบ้านทุกยูนิต
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัว ฟังก์ชันเป็นสัดส่วน แยกโซนการใช้งานดี
  • วัสดุ 7.5/10 – โครงสร้างแบบ Precast มีระบบ Home Automation มาให้ พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock และ Magnetic Sensor วัสดุอื่นๆเป็นไปตามมาตรฐาน
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – บรรยากาศร่มรื่น มีการปลูกไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่ตลอดแนวถนน
  • สาธารณูปโภค 8/10 – มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ Clubhouse, สระว่ายน้ำ, Fitness, พื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน และสวน
  • 7.63 / 10.00

The Astoria ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ เหมาะกับใคร

โครงการ The Astoria ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่หรือมีผู้สูงอายุอยู่ด้วยที่มองหาบ้านในย่านนนทบุรี – ปทุมธานี สามารถเข้า – ออกเมืองได้สะดวก มีรถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลัก ชอบทำเลที่ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ ไม่ไกลจากตัวเมือง แต่ก็ยังเป็นพื้นที่ที่มีความสงบ ชอบโครงการที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก มีความเป็นส่วนตัว มีพื้นที่ใช้สอยในบ้านเยอะ ฟังก์ชันครบ มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 7.9 – 11 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 47,400 – 77,000 บาท


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc