รีวิวโครงการ
บ้านเดี่ยวที่มองไม่เห็นข้างใน เริ่ม 9-18 ล้าน | The ARBOR รามอินทรา – วัชรพล | คิดเรื่องอยู่ EP.773
3 กรกฎาคม 2024
The Arbor Ramintra-Watcharapol (ดิ อาเบอร์ รามอินทรา-วัชรพล) เป็นหนึ่งในโครงการบ้านเดี่ยวที่มีดีไซน์ Modern เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในย่าน อีกทั้งยังโดดเด่นในเรื่องของฟังก์ชัน และมีความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยภายในบ้านที่สูงมากๆอีกด้วยครับ ซึ่งโครงการนี้ก็เป็น The Arbor แห่งที่ 2 ต่อจากทำเลดอนเมือง-แจ้งวัฒนะที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีที่แล้ว แน่นอนว่าจุดเด่นและความน่าสนใจยังคงอัดแน่นอยู่ครบ และถูกหยิบยกตามมาในโครงการแห่งใหม่นี้ด้วยอย่างแน่นอน เพราะโปรเจคก่อนได้ feedback ในเชิงบวกมาค่อนข้างดีมากๆเลยครับ โดยจะมี Highlights ดังต่อไปนี้
- ออกแบบ Facade ด้านหน้าให้มีความเป็นส่วนตัว โดยจะไปเน้นช่องเปิดที่หลังบ้าน และตรงบริเวณ Inner Courtyard กลางบ้านแทน ทำให้มีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่งกว่าที่เห็นภายนอก
- Double Security Gate 2 ชั้น โครงการมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสูง
- ให้พื้นที่ส่วนกลางมาเยอะ บรรยากาศสวยงามน่าใช้งาน โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมของอาคาร Clubhouse ที่มีความ Art เหมาะกับตัวบ้านมากๆ
- ทำเลอยู่ติดถนนจตุโชติ ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน และอยู่ในตำแหน่งที่สามารถลงทางด่วนแล้วเลี้ยวเข้าสู่โครงการได้เลย จึงไม่ต้องเสียเวลาอ้อมหรือกลับรถ
ข้อมูลโครงการ
The Arbor Ramintra-Watcharapol (ดิ อาเบอร์ รามอินทรา-วัชรพล) ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2567
ชื่อโครงการ | The Arbor Ramintra-Watcharapol (ดิ อาเบอร์ รามอินทรา-วัชรพล) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | UPPER – HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนน จตุโชติ เขต สายไหม |
ที่ดิน | ประมาณ 32 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 127 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 3 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | N/A บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2566 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี n/a |
เว็บไซต์โครงการ | https://pg.thinkofliving.com/TheArborRamintraWatcharapol |
โทร | 02-168-0000 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ทำเลดี ติดถนนใหญ่จตุโชติ ใกล้ทางด่วนฉลองรัชด่านจตุโชติเพียง 1.5 km. สามารถเข้า-ออกเมืองได้ง่าย เหมาะกับคนใช้ทางด่วนเป็นประจำ
- อยู่ในตำแหน่งที่สามารถลงทางด่วนแล้วเลี้ยวเข้าสู่โครงการได้เลย
พิกัด Google Maps : 13.898020, 100.684858
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ The Arbor รามอินทรา-วัชรพล ตั้งอยู่ติดถนนจตุโชติ และใกล้กับจุดขึ้น-ทางด่วนมากๆครับ เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่เข้าเมืองสะดวก เหมาะกับคนที่ขับรถเข้าเมืองด้วยทางด่วนเป็นประจำทุกวัน เพื่อไปทำงานแถวๆย่านเลียบด่วนรามอินทรา – ลาดพร้าว – ทองหล่อ โดยความอุดมสมบูรณ์ของบริเวณนี้ก็จะอิงแถวๆสุขาภิบาล 5 – วัชรพล – สายไหม ซึ่งก็จะมีทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดใหญ่ๆ และร้านอาหารอร่อยๆมากมายเลยครับ เนื่องจากเป็นย่านชุมชนของกรุงเทพทางตอนเหนือที่มีหมู่บ้านจัดสรรเกิดขึ้นเยอะมากๆ
สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวในโซนนี้นับว่ามีตัวเลือกเยอะมากๆ โดยจะแบ่งออกได้เป็น 2 โซนใหญ่คือ โซนที่อยู่ติดถนนสุขาภิบาล 5 และถนนจตุโชติ บ้านในโซนนี้จะเหมาะกับคนใช้ทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนศรีรัชเพื่อเข้าเมืองเป็นประจำ อีกทั้งยังมีความอุดมสมบูรณ์ที่ค่อนข้างครบครัน
ส่วนอีกโซนหนึ่งจะเป็นบ้านที่อยู่บนทางคู่ขนานกาญจนาภิเษก โซนนี้จะเหมาะกับคนที่ไม่เน้นใช้ทางด่วน แต่สามารถลัดเลาะไปตามถนนทางคู่ขนาน เพื่อไปแถวๆรามอินทรา-คู้บอนได้นั่นเอง โดยบ้านทั้ง 2 โซนนี้จะมีช่วงราคาที่พอๆกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้รถใช้ถนนในการเดินทางของแต่ละคนครับ แต่สำหรับ The Arbor รามอินทรา-วัชรพล แน่นอนว่าจะเน้นใช้ทางด่วนที่สะดวกมากๆอย่างแน่นอน
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :
แน่นอนว่าเป็นทางด่วนฉลองรัชตรงด่านจตุโชติ ที่เรียกได้ว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโครงการนี่เอง โดยจะมีระยะห่างจากโครงการเพียง 1.5 km. ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็ได้ขึ้นทางด่วนแล้วครับ เพราะเมื่อเราออกมาจากโครงการก็สามารถกลับรถ แล้วเบี่ยงขึ้นทางด่วนได้เลย
นอกจากนี้จุดเด่นที่น่าสนใจมากๆของทำเลโครงการก็คือ ตำแหน่งที่ตั้งจะอยู่ใกล้ทางออกของทางด่วนฉลองรัช ที่เราสามารถเบี่ยงออกมาแล้วเลี้ยวเข้าโครงการได้พอดี ทำให้เป็นโครงการที่มีความสะดวกทั้งขาไป-ขากลับเลยครับ โดยมีระยะห่างประมาณ 170 m. เท่านั้น ถือว่ามีความได้เปรียบกว่าเพื่อนบ้านในย่านเดียวกันมากๆ
โดยนี่ก็เป็นภาพบรรยากาศของทางออกจากทางด่วนฉลองรัช ที่มาเชื่อมกับถนนจตุโชติ ซึ่งตัวโครงการก็จะตั้งอยู่ทางด้านหน้าห่างออกไปเพียง 170 m. เท่านั้น เรียกได้ว่าลงจากทางด่วนก็ถึงบ้านทันที
หรือถ้าใครที่มาจากถนนกาญจนาภิเษก ก็จะมีทางเชื่อมต่อมายังทางด่วนฉลองรัชได้แบบนี้ครับ ซึ่งบริเวณก่อนจะถึงด่านเก็บเงินจะมีทางเบี่ยงออกมายังถนนจตุโชติด้านนอก ซึ่งเราก็สามารถไปกลับรถเพื่อมายังโครงการได้ไม่ยากเลย
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านจัดสรรทั้งหมดเลย และจะมีที่ว่างอยู่บ้างนิดหน่อย ส่วนทางด้านหน้าโครงการจะเป็นถนนจตุโชติและทางด่วนฉลองรัช แน่นอนว่ารถที่ผ่านไป-มาค่อนข้างเยอะ แต่ด้วยลักษณะที่ดินโครงการที่เป็นตอนลึกเข้าไปด้านใน ก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากเสียงหรือฝุ่นควันด้านหน้ามากนัก ทั้งนี้ก็อาจต้องแลกความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆที่ไม่ได้คึกคักเท่าไหร่ จะต้องขับรถไปแถวๆสุขาภิบาล 5 แทนนั่นเอง
- ทิศเหนือ : ติดกับ หมู่บ้านจัดสรร
- ทิศใต้ : เป็นทางเข้า-ออกโครงการ ติดกับ ถนนจตุโชติ และทางด่วนฉลองรัช
- ทิศตะวันออก : ติดกับ ที่ว่าง
- ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่างและหมู่บ้านจัดสรร
ส่วนภาพนี้จะเป็นบริเวณด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะมีสะพานข้ามคลองเล็กๆ ที่เชื่อมต่อจากถนนจตุโชติเข้าสู่โครงการโดยตรง ทำให้มีความสวยงามและยังเป็นการเว้น Set Back จากความวุ่นวายของถนนใหญ่ภายนอกได้เป็นอย่างดี
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- ตลาดออเงิน ~ 4.3 km.
- Big C Food Place สุขาภิบาล 5 ~ 5.3 km.
- ตลาดวงศกร สายไหม ~ 6.1 km.
- Saimai Avenue ~ 6.5 km.
โรงพยาบาล
- รพ.ซีจีเอช สายไหม ~ 6.4 km.
โรงเรียน
- รร.นวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย ~ 2.2 km.
- ม.เวสเทิร์น วิทยาเขตกรุงเทพ-วัชรพล ~ 3.7 km.
- รร.สารสาสน์วิเทศสายไหม ~ 6.9 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- Double Security Gate 2 ชั้น ทำให้โครงการมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย
- ให้ส่วนกลางมาเยอะ บรรยากาศสวยน่าใช้งาน สามารถได้วิวสระว่ายน้ำและสวนที่อยู่ข้างๆ Clubhouse ได้แบบเต็มๆ
- บ้านในโซนแรกด้านหน้าจะอยู่ในซอยย่อย มีความเป็นส่วนตัวเพียง 2 – 4 หลัง/ซอย และยังมาใช้ส่วนกลางได้สะดวกด้วย
The Arbor เป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวตัว Top ของ AssetWise ที่รองมาจาก The Honor เท่านั้น และถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์น้องใหม่ที่มีความน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งโครงการ The Arbor รามอินทรา-วัชรพล นี้เป็นโปรเจคแห่งที่ 2 แล้วครับ โดยโครงการแรกก็คือ The Arbor ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว และถือว่าได้รับเสียงตอบรับที่ดีในเรื่องฟังก์ชันการออกแบบของตัวบ้านมากๆ
ดังนั้นทาง AssetWise จึงได้นำโมเดลและคอนเซ็ปต์เดิม มาเปิดตัวในทำเลใหม่อีกครั้ง ในย่านรามอินทรา-วัชรพลแห่งนี้ และหากใครที่กำลังมองหาบ้านดีไซน์โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในย่านอยู่ ก็ลองมารับชมข้อมูลเจาะลึกไปพร้อมๆกันได้เลยครับ
โครงการ The Arbor รามอินทรา-วัชรพล มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 127 หลัง ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 32 ไร่ และจัดพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ด้านหน้าสุด เพื่อให้เป็นทั้งส่วนต้อนรับและง่ายต่อการใช้งานของลูกบ้าน อีกทั้งยังมีจุดเด่นในเรื่อง Double Gate Security จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสูง
โดยหากเป็นแขกหรือ Visitor จะสามารถเข้ามาพักคอยลูกบ้านได้แค่โซน Clubhouse ด้านหน้าเท่านั้น แต่ถ้าเป็นลูกบ้านก็จะสามารถผ่าน Gate ที่ 2 เข้าไปได้เลย ด้วยการสแกนป้ายทะเบียนรถครับ และในส่วนของโซนบ้านพักอาศัยจะมีตำแหน่งที่น่าสนใจต่างกันออกไป โดยแบ่งออกได้เป็น 4 โซนใหญ่ๆดังนี้
- กรอบสีส้ม : เป็นโซนที่มีความเป็นส่วนตัวสูงที่สุด เพราะบ้านพักอาศัยจะอยู่ภายในซอยแยกย่อยสั้นๆ และมีเพื่อนบ้านเพียง 2 – 4 ยูนิตเท่านั้น และยังมาใช้ส่วนกลางได้ง่ายด้วย
- กรอบสีชมพู : เป็นโซนที่มีความเป็นส่วนตัวรองลงมา และยังอยู่ทางด้านหน้าโครงการ จึงสามารถเข้า-ออกได้ค่อนข้างสะดวก และมาใช้ Facilities ได้ง่ายอีกเช่นกัน
- กรอบสีเขียว : เป็นโซนที่อยู่ติดถนน Main และมีความกว้างมากพอสมควร จึงมีระยะห่างจากเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามมากกว่าบ้านที่อยู่ในซอย แต่ถ้าใครไม่อยากให้มีคนขับรถผ่านไป-มาหน้าบ้านเยอะ ก็อาจลองมองเป็นบ้านที่อยู่ท้ายๆโครงการหน่อยก็ได้ครับ
- กรอบสีน้ำเงิน : เป็นโซนบ้านหน้าสวน มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดในบรรดาบ้านที่อยู่ติดถนน Main อีกทั้งยังได้วิวพื้นที่สีเขียวสวยๆ และเดินมาใช้สวนก็ง่ายครับ
บริเวณด้านหน้าสุดของโครงการจะมีวงเวียนต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่ไม่ใช่แค่สวยงามและช่วยเพิ่มความร่มรื่นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การสัญจรของรถเวลาเข้า-ออกสะดวก และปลอดภัยมากขึ้นด้วยครับ
ซุ้มประตูทางเข้าจะเป็นสไตล์ Modern ที่นอกจากจะมีการแยกทางเข้า-ออกชัดเจนแล้ว ยังแยกทางเข้าของลูกบ้านและ Visitor ออกจากกันอีกด้วย
การเข้า-ออกจะเป็นระบบจดจำป้ายทะเบียนรถ LPR (License Plate Recognition) ที่ประตูรั้วเหล็กจะเปิดให้อัติโนมัติ และจะมีกล้อง CCTV ติดไว้เพื่อความปลอดภัย ส่วนถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับ รปภ. ที่จะคอยดูแลตลอด 24 ชม. ทางด้านหน้าก่อนนะครับ
เมื่อผ่านเข้ามาด้านในเราจะเจอกับอาคาร Clubhouse เป็นส่วนต้อนรับด้านหน้า และมีดีไซน์ที่ไม่ทำให้ภายในตัวอาคารเสียความเป็นส่วนตัวจากรถที่ผ่านไป-มาเลยครับ
โดยสำหรับแขกหรือ Visitor จะสามารถเข้ามาจอดได้ ตรงที่จอดรถด้านซ้ายมือของซุ้มประตูทางเข้า (พอดีหน้างานมีรถเยอะ และไม่ค่อยเรียบร้อย ก็เลยอาจไม่ได้มีภาพให้ดูนะครับ) และแขกก็จะเดินเข้าไปหา/นั่งคอยลูกบ้านในอาคาร Clubhouse ได้เลย
ถัดเข้ามาเราจะเจอกับ Gate ประตูที่ 2 ของโครงการ เรียกได้ว่าเป็น Double Security ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวแก่ลูกบ้านในโครงการได้เป็นอย่างดี
ซึ่งเป็นบริเวณที่แขกหรือ Visitor ที่ไม่ได้รับอนุญาตจะไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ครับ เพราะจะต้องใช้ระบบจดจำป้ายทะเบียนรถ LPR เหมือนตรง Gate ที่ 1 อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง
ส่วนบรรยากาศถนนภายในโครงการก็จะมีความร่มรื่นดีครับ โดยสองข้างทางจะมีการปลูกต้นไม้เพิ่มความสดชื่นเป็นระยะๆ เนื่องจากโครงการนี้ก็ค่อนข้างเน้นพื้นที่สีเขียว และความสำคัญกับธรรมชาติมากๆเลยนั่นเอง
กลับมาที่อาคาร Clubhouse ดีไซน์เป็นสไตล์ Modern โดดเด่นด้วย Facade ผนังทึบสีขาวเช่นเดียวกับตัวบ้าน แต่ก็มีการสอดแทรกธรรมชาติเข้าไปด้วยอย่างสวยงามดีทีเดียว
ซึ่งด้านหลังของกำแพงสีขาวจะเป็นทางเดินแบบทางลาด สำหรับใช้เข็นรถวีลแชร์หรือรถเข็นอื่นๆให้ขึ้น-ลงได้สะดวกครับ
และระหว่างทางด้านซ้ายมือ เราก็จะสามารถมองเห็นวิวต้นไม้และสระว่ายน้ำสวยๆแบบนี้ เป็นบรรยากาศส่วนต้อนรับครับ
อีกหนึ่งจุดที่ผมชอบก็คือ Sculpture ที่ตั้งอยู่ตรงสุดทางเดิน ซึ่งส่วนตัวมองว่าสวยและโดดเด่นดีทีเดียว ยิ่งเล่นกับแสงและเงาตอนเที่ยงๆคือดีมากๆ
เข้ามาภายในอาคารชั้น 1 จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและสันทนาการ ซึ่งลูกบ้านสามารถมาพักผ่อนหรือนัดพบปะพูดคุยกับแขกก็ได้
ซึ่งความเจ๋งของจุดนี้คือ จะมีวิวให้เรารับชมได้ 2 ด้านเลยคือ วิวพื้นที่สีเขียวด้านซ้ายมือ และวิวสระว่ายน้ำทางด้านขวาครับ
หรือถ้าใครที่อยากนั่งตากแอร์เย็นๆ เค้าก็จะมีห้องกระจกอยู่ด้านในให้เข้าไปหลบร้อนกันได้ด้วย
โดยฟังก์ชันนี้คือ Co-Creation Space ที่จะมีทั้งโต๊ะเก้าอี้แบบจริงจัง หรือพื้นหลุมแบบเบาะญี่ปุ่นให้เราได้เลือกนั่งใช้งานตามความชอบ ซึ่งเราสามารถมานั่งทำงานอ่านหนังสือ หรือเด็กๆก็สามารถมานั่งทำการบ้านด้วยกันได้ครับ
สระว่ายน้ำมีขนาดกว้าง 25 x 6 m. สามารถว่ายออกกำลังกายแบบจริงจังได้เลย โดยจะเป็นสระแบบกลางแจ้งที่ผมแนะนำให้มาใช้งานตอนแดดร่มๆนะ ส่วนทางด้านขวาก็จะมี Day Bed ให้นั่งพักผ่อนในโซนน้ำตื้นได้ 2 ชุดแบบนี้
ติดกันจะเป็นสระสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับจุดที่ผู้ปกครองสามารถดูแลน้องๆอย่างใกล้ชิดได้สะดวก
แต่จุดเด่นอย่างหนึ่งที่ผมชอบมากๆคือ ‘ความเป็นส่วนตัว’ เพราะอย่างที่เราเห็นตั้งแต่ภายนอกแล้วว่า ผนังทึบของอาคารจะช่วยบังสายตาจากรถด้านนอกได้เป็นอย่างดี จึงทำให้คนที่มาใช้งานมีความเป็นส่วนตัวสูง แถมยังมีต้นไม้ช่วยเพิ่มความสดชื่นอีกด้วย
ส่วนอีกด้านหนึ่งของริมทางเดินข้างสระว่ายน้ำ จะมี Shower ให้ล้างตัวก่อนลงสระ และมีทางเข้าห้องน้ำแยกชาย-หญิง ให้ใช้งานสะดวกๆอยู่ใกล้ๆแบบนี้เลย
ภายในห้องน้ำก็จะมีอ่างล้างหน้า ตู้ล็อคเกอร์ โถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำให้ใช้งานครบ
ส่วนบริเวณปลายสระจะมีอาคารเล็กๆ อีกฟังก์ชันหนึ่งให้ไปใช้งานกันได้ด้วยครับ
ภายในคือ Yoga Room ที่เราสามารถมาเล่นโยคะ เต้นแอโรบิค หรือออกกำลังกายอื่นๆก็ได้
แต่จุดเด่นของห้องนี้จริงๆก็คือ เราจะสามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำทั้งหมดได้แบบนี้เลย
กลับมาที่ใต้อาคารในตอนแรกกันอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เราจะไปดูทางฝั่งของพื้นที่สวนกันบ้าง โดยจะมีบันไดทางเดินเชื่อมต่อจาก Clubhouse ไปยังสวนได้เลย
พื้นที่สวนมีขนาดประมาณ 1 – 2 ไร่ ซึ่งจะมี Jogging Track ให้เราได้มาเดิน/วิ่งออกกำลังกายกันได้
รวมถึงบริเวณตรงกลางก็จะมี Playground ที่เป็นเครื่องเล่นสำหรับเด็ก ให้น้องๆมาเล่นสนุกกับเพื่อนๆกันได้ด้วยครับ และปูพื้นยางเพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บเอาไว้ด้วยแบบนี้เลย
นอกจากพื้นที่สวนทางด้านหน้าโครงการแบบนี้แล้ว เค้ายังมีพื้นที่สวนจุดที่ 2 ที่จะอยู่ด้านในบริเวณกลางๆโครงการอีกจุดหนึ่งด้วย
ซึ่งเป็นการกระจายความหนาแน่นในการใช้งาน และช่วยทำให้บ้านที่อยู่โซนด้านในมีจุดให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น (ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง อาจต้องรอดูของจริงอีกครั้งนะครับ)
เอาล่ะ.. คราวนี้เราจะกลับไปที่อาคาร Clubhouse อีกครั้ง เพื่อขึ้นไปดูชั้น 2 กันต่อเลยครับ
บันไดทางขึ้นจะอยู่ด้านข้างของสระใกล้กับห้องน้ำในตอนแรกแบบนี้
เมื่อขึ้นมาด้านบนเราจะเจอกับห้องกระจกที่แยกเป็น 2 ฟังก์ชัน เพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน
ซ้ายมือจะเป็น Cycling Studio มาพร้อมกับหน้าจอทีวีขนาดใหญ่ ให้เราสามารถออกกำลังกายไปด้วยและดูทีวี/ดูหนังที่เราชอบไปด้วยได้
ส่วนทางด้านขวามือจะเป็นห้อง Fitness ขนาดใหญ่ ที่รวมอุปกรณ์หลักต่างๆเอาไว้ในนี้ให้ใช้งานครบ
เริ่มจากโซน Cardio จะเน้นเป็นเครื่องวิ่งที่สามารถชมวิวพื้นที่สีเขียว ของสวนที่อยู่ด้านล่างก่อนหน้านี้เลยเพลินๆเลย
ส่วนอีกด้านจะเป็นโซนของ Weight Training ที่จะได้วิวเป็นสระว่ายน้ำแบบนี้ครับ
และนี่ก็คือส่วนกลางทั้งหมดของโครงการ จะเห็นว่ามีความสวยงามและน่าใช้งานไม่น้อยเลยใช่มั้ยครับ ส่วนตัวผมชอบในเรื่องการจัดตำแหน่งของฟังก์ชันแต่ละจุด ที่ส่วนใหญ่จะสามารถชมวิวดีๆแบบเต็มๆได้หมดเลย ทั้งวิวสระว่ายน้ำ และวิวพื้นที่สีเขียวของสวน เรียกได้ว่าจัดออกมาสวยแล้วก็ยังได้ใช้งานในเรื่องบรรยากาศได้คุ้มมากๆเลยทีเดียว
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse
- Co-Creation Space
- Fitness
- Cycling Studio
- Yoga Room
- Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 6 x 25 m.
- Playground
- Jogging Track
- พื้นที่สวนสาธารณะ 2 จุด ขนาดรวมประมาณ 2 ไร่
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 2.8 เมตร และเสริม Digital Fence
- ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- Double Gate Security ประตูรั้วโครงการแบบ 2 ชั้น เป็นรั้วเหล็กเลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน
- เข้า-ออกด้วยระบบจดจำป้ายทะเบียนรถ LPR (License Plate Recognition)
แบบบ้าน
Highlights :
- บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern เน้นออกแบบ Facade ด้านหน้าให้มีความเป็นส่วนตัวสูง แต่จะหันไปเน้นช่องแสงทางด้านข้างและหลังบ้านแทน
- มีฟังก์ชัน Inner Courtyard ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มช่องแสงให้แก่ห้องต่างๆ แล้วยังเป็นการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านได้เป็นอย่างดี
- มีห้องนอนชั้นล่าง และพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งานทุกแบบบ้าน สามารถตอบสนองความต้องการของครอบครัวที่มี Lifestyle ไม่เหมือนกันได้
โครงการ The Arbor รามอินทรา-วัชรพล มีแบบบ้านทั้งหมด 4 Type เป็นสไตล์ Modern และมีดีไซน์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวของ Facade ด้านหน้าเป็นอย่างมาก แต่ภายในบ้านกลับมีบรรยากาศของความสว่างโปร่งโล่งแบบไม่น่าเชื่อ เพราะเค้าจะมีการเปิดช่องแสงที่บริเวณด้านข้างและหลังบ้านเยอะมาก รวมถึงยังมีการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวเข้ามาด้วย ซึ่งทางโครงการจะเรียกฟังก์ชันพิเศษนี้ว่า ‘Inner Courtyard’ ครับ
โดยแบบบ้านนี้จะคล้ายๆกับโครงการรุ่นพี่ The Arbor ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้เลย แต่จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย ที่โครงการนี้จะเล็กลงนิดหน่อย และทดแทนด้วยพื้นที่รอบบ้านที่มากขึ้นแทนครับ ซึ่งแบบบ้านทั้ง 4 จะประกอบด้วย
- ASH (แอช) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 215 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ - AETHER (เอเธอร์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 52 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 240 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ - BIRCH (เบิช) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 267 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน - BEECH (บีช) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 67 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 305 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
สเป็คและวัสดุหลักของบ้าน :
- โครงสร้างบ้าน : ผนังก่ออิฐมวลเบา สามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย
- พื้นที่จอดรถ : ลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้าน พื้นเป็นทรายล้าง
- พื้นที่ซักล้างหลังบ้าน : ลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้าน
- โครงสร้างบันได : คอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวไม้สำเร็จรูป
- วัสดุพื้นชั้น 1 : กระเบื้องแกรนิตโต้ 80 x 80 cm.
- วัสดุพื้นชั้น 2 : พื้นกระเบื้อง SPC ลายไม้
- ครัว : ก่อเคาน์เตอร์ Top กระเบื้อง / ไม่มีหน้าบานตู้
- มี Junction รองรับ EV Charger ในบ้านทุกหลัง : ระบบไฟในโครงการแบบ 15/45 A 3 Phase (สำหรับแบบบ้าน Ash, Aether ) และ 30/100 A 3 Phase (สำหรับแบบบ้าน Birch, Beech)
- ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้าน : Magnetic Sensor & Shock Sensor ชั้น 1 / Motion 1 จุด / Digital Door Lock ที่ประตูหลักหน้าบ้าน
- BIRCH (เบิช) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 267 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
บ้านหลังนี้เป็นไซน์ L หรือหลังเกือบใหญ่สุดของโครงการ โดยจะเป็นบ้านหน้ากว้างที่แบ่งฟังก์ชันออกเป็นสัดส่วน เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ เพราะสามารถจอดรถได้ถึง 3 คัน แถมยังมีห้องนอนชั้นล่างที่มาพร้อมกับห้องน้ำในตัว ซึ่งสามารถทำเป็นห้องผู้สูงอายุของคุณพ่อคุณแม่ได้ครับ
ชั้น 1 มีการแบ่งโซนได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างดี เริ่มจาก Foyer ที่เป็นทั้งส่วนต้อนรับและทำให้แขกหน้าบ้านไม่สามารถมองเห็นส่วนอื่นๆของบ้านได้ จนกว่าเราจะเชิญเข้ามาในบ้าน เลยทำให้สมาชิกอื่นๆที่อาจพักผ่อนอยู่ก็จะไม่เสียความเป็นส่วนตัว ตรงกลางบ้านเป็น Common Area ขนาดใหญ่ ที่เน้นเปิดช่องแสงไปทางด้านข้างและหลังบ้านแทนด้านหน้า ส่วนแม่บ้านก็จะมีพื้นที่ทำงานแยกออกไปด้านนอกเลย จึงทำให้ไม่รบกวนพื้นที่ของเจ้าของบ้านที่อยู่ด้านในนั่นเองครับ
ชั้น 2 ผมมองว่าเป็นจุดเด่นของบ้านหลังนี้เลยนะ โดยเฉพาะ Family Area ที่อยู่ตรงโถงกลางบ้าน ซึ่งมีขนาดใหญ่และใช้งานได้จริงจัง จะกั้นห้องเพิ่มอีกก็ยังได้ หรือจะทุบขยายพื้นที่ห้องนอนให้กลายเป็น Double Master Bedroom ได้สบายๆ แต่จุดเด่นอีกอย่างก็คือ พื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ที่สามารถปลูกต้นไม้ได้ ซึ่งโครงการเรียกว่า ‘Inner Courtyard’ เป็นการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวเข้ามาในตัวบ้าน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มช่องแสงและความโปร่งโล่งของห้องต่างๆในบ้านได้อีกด้วย ส่วนห้องนอนทั้ง 3 ก็จะมีขนาดใหญ่ แถมยังมีห้องน้ำส่วนตัวทุกห้องเลยครับ
พามาชมบ้านเปล่ามาตรฐานกันก่อนนะครับ ซึ่งประตูรั้วเราจะได้เป็นเหล็กรางเลื่อน 2 ตอนแบบนี้เลย ทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย หรือใครจะติดเป็นประตูไฟฟ้าก็ได้นะ เพราะทางโครงการได้เตรียม Junction เอาไว้เผื่อให้แล้วเรียบร้อย
นอกจากนี้ด้านหน้าบ้านก็จะมี Mail Box และถังขยะที่เปิดได้ 2 ด้านสะดวกแบบนี้ด้วยครับ
รวมถึงพื้นที่รอบๆบ้านก็จะมีการจัดสวนมาให้เป็นมาตรฐานแบบนี้เลย ซึ่งจำนวนของต้นไม้ก็อาจแตกต่างกันไปในแต่ละ Type หรือขนาดของแปลงที่ดินบ้านนั้นๆนะครับ
กลับมาที่บ้านตัวอย่างกันครับ ที่จอดรถจะมีขนาดกว้าง 5.1 m. และ 2.5 m. สามารถจอดรถรวมกันได้ 3 คันสบายๆ โดยพื้นจะลงเสาเข็มมาให้ลึกเท่ากับตัวบ้านเลย จึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีการทรุดตัวในอนาคต รวมถึงจะปูพื้นด้วยทรายล้างแบบนี้ ทำให้ป้องกันไม่ให้พื้นลื่นได้ดีเลยครับ
นอกจากนี้ยังมีการติดตั้ง Junction ของ EV Charger สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาให้แล้วด้วย แต่ที่พิเศษหน่อยก็คือ จะมีการติดตั้งปลั๊กไฟบริเวณเสามาเพิ่มด้วยครับ ซึ่งเวลาที่เราจะใช้งานดูดฝุ่นหรือทำความสะอาดรถต่างๆ จะมีปลั๊กใกล้ๆให้ใช้งานสะดวกมากขึ้น
ส่วนบริเวณชายคาบ้านด้านบนก็จะมีการเซาะร่องเอาไว้ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้น้ำฝนไหลย้อนกลับเข้ามาในบ้านได้แบบนี้ด้วยครับ
ทางเข้าบ้านหลักจะเป็นประตูไม้ (ปิดผิวด้วยไม้จริง) กรอบด้านบนติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย Magnetic Sensor & Shock Sensor ตามประตู-หน้าต่างชั้น 1 ทุกจุดของบ้าน
พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เป็นมาตรฐานแบบนี้ด้วย ซึ่งจะรองรับได้ 5 ฟังก์ชันคือ ลายนิ้วมือ / Key Card / กุญแจ / Password และ Password แบบตั้งเวลาชั่วคราว (สมมุติว่าเราไม่อยู่บ้าน แต่มีนัดแม่บ้าน/ช่างมาทำงานที่บ้าน ก็สามารถให้ Password ที่กำหนดช่วงเวลาใช้งานว่ากี่โมงถึงกี่โมงไปได้เลย ทำให้มีความสะดวกมากขึ้นครับ)
ด้านในเราจะเจอกับ Foyer ที่เป็นพื้นต่างระดับกับพื้นบ้าน เพื่อป้องกันเศษฝุ่นต่างๆไม่ให้เข้ามาในบ้านนั่นเองครับ (แต่เวลาใช้งานจริงต้องระวังเดินสะดุดหน่อยนะ เพราะผมนี่สะดุดไปหลายรอบมากๆ)
ขนาดพื้นที่กว้าง 1.55 x 1.45 m. สามารถ Built-in เป็นตู้เก็บรองเท้าและที่นั่งใส่รองเท้าได้ เพื่อที่เวลาเข้า-ออกบ้านจะได้หยิบใช้งานและถอด-ใส่ได้สะดวกๆ
เมื่อเข้ามาในบ้านเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ (กว้างประมาณ 5.4 x 10 m.) และจะเห็นว่าบรรยากาศมีความสว่างโปร่งโล่งมากๆครับ
เพราะมีช่องแสงขนาดใหญ่ด้านข้างและด้านหลังบ้านเพียบเลย ซึ่งต่างจากทางหน้าบ้านที่จะมีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะมองไม่ค่อยเห็นช่องแสงเลยนั่นเอง
ขวามือเป็นพื้นที่ Living Area ซึ่งจะอยู่ติดกับประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่เราสามารถมองเชื่อมต่อออกไปชมสวนข้างบ้านที่เราจัดไว้ได้สบายๆ หรือจะเปิดออกไปเดินเล่นเลยก็ได้ ส่วนพื้นจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ และมีฝ้าเพดานสูง 3 m. เป็นมาตรฐาน
นอกจากนี้ทางด้านข้างทีวียังมีประตูห้องนอนชั้นล่างให้ใช้งานด้วยครับ ซึ่งหากใครที่ทำเป็นห้องผู้สูงอายุของคุณพ่อคุณแม่ ก็จะเป็นตำแหน่งที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับ Living Area ที่ลูกหลานหรือสมาชิกคนอื่นในครอบครัวจะมารวมตัวทำกิจกรรมร่วมกัน ท่านก็ได้จะไม่เหงานั่นเอง
ภายในห้องจะมีขนาด 3 x 3 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้สบายๆ เพื่อทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ครับ หรือใครจะใช้เป็นห้องอเนกประสงค์แล้วจัดเป็นฟังก์ชันอื่นๆก็ได้ เช่น บ้านตัวอย่างที่จัดเป็นห้องทำงานมาให้ดูแบบนี้นั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำให้ใช้งานในตัวด้วยครับ ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนชัดเจน ได้สุขภัณฑ์จาก American Standard และ INAX เป็นมาตรฐาน พื้นที่อาบน้ำกว้าง 1.2 x 0.8 m. ใช้งานได้พอดีๆ แต่อาจต้องติดม่านหรือฉากกั้นเพิ่มเติมเองนะครับ
ถัดมาเราจะไปดูอีกด้านของตัวบ้านกันครับ
บริเวณตรงกลางจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารได้ประมาณ 6 – 8 ที่นั่ง ซึ่งมีพื้นที่เหลือเฟือให้เราทำ Island Table เพิ่มเติมได้สบายๆ หรือจะใช้เป็นโต๊ะที่ใหญ่กว่านี้ก็ได้นะ
แต่จุดเด่นของฟังก์ชันนี้จริงๆก็คือ ตำแหน่งของเค้านอกจากจะอยู่ใกล้ครัวให้ยกกับข้าวมาเสิร์ฟได้สะดวกแล้ว ก็ยังอยู่ใกล้ประตูกระจกบานเลื่อนให้มองชมวิวสวนหลังบ้านได้อีกด้วย
พื้นที่หลังบ้านของจริงจะเป็นพื้นปูหญ้าตามปกติ ความกว้างมาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 2 m. ซึ่งเราสามารถจัดเป็นสวนแบบที่ชอบได้เลย เช่น ปลูกต้นไม้ร่มรื่นๆ มีไม้ดอกสวยๆ ทำเป็นมุมน้ำตก บ่อปลา หรือโซนปาร์ตี้ BBQ ด้านนอกก็ได้
ถัดมาจะเป็นครัวที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน จึงมีความโปร่งโล่งและเชื่อมต่อพื้นที่ให้ดูกว้างมากขึ้น แต่ก็ยังช่วยกันกลิ่น/ควันจากการประกอบอาหาร ไม่ให้เข้ามารบกวนโซนพักผ่อนในบ้านได้ครับ
ครัวของจริงจะได้เป็นเคาน์เตอร์ปูนก่อที่กรุด้วยกระเบื้องลายหินสีดำ (เหมือนรูปที่ 2) ซึ่งเราจะต้องติดหน้าบานตู้ และ Hob and Hood เพิ่มเติมเองนะครับ
พื้นที่ครัวกว้าง 2.35 x 3 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ โดยที่พื้นจะเป็นความสูงระดับเดียวกับในบ้านเลย ทำให้ไม่มีปัญหาในการเดินสะดุด ส่วนประตูหลังบ้านก็สามารถเปิดเชื่อมต่อไปยังโซนแม่บ้านด้านข้างได้ครับ
โดยที่โซนของแม่บ้านจะอยู่แยกออกมาด้านข้างเลย จึงทำให้มีพื้นที่ทำงานของตัวเองได้เต็มที่ ไม่รบกวนเจ้าของบ้าน
ซึ่งบริเวณนี้จะเรียกว่าเป็นโซน Laundry ที่เราสามารถวางเครื่องซักผ้า/เครื่องอบผ้าในร่มตรงนี้ได้ (มีปลั๊กไฟและท่อน้ำเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว)
รวมถึงจะมีห้องนอนและห้องน้ำแม่บ้านให้ใช้งานด้วยครับ (ถ้าใครที่ไม่มีแม่บ้านอยู่ประจำ ก็สามารถใช้เป็นห้องเก็บของได้)
กลับมาในบ้านอีกครั้ง ตรงกลางบ้านจะเป็นบันได และใต้บันไดก็จะมีห้องน้ำให้ใช้งานด้วยครับ
ภายในเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ที่ใช้งานร่วมกันในส่วนของ Common Area มีขนาด 2.3 x 1.35 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ
บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก เวลาใช้งานจะแข็งแรงดีและไม่มีเสียงรบกวนเลย ความกว้างประมาณ 1 m. ปิดผิวด้วยไม้ประสาน
ความน่าสนใจของบริเวณจุดนี้คือ ที่ช่องหน้าต่างขนาดใหญ่จะมีระเบียงเล็กๆอยู่ด้านนอก ซึ่งเราสามารถปลูกต้นไม้หรือทำเป็นมุมสวยๆ ไว้มองเวลาเดินขึ้น-ลงบ้านได้ด้วยครับ
ขึ้นมาบนชั้น 2 จะเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้อง SPC ลายไม้ ที่ดูเป็นธรรมชาติสวยงาม และมีฝ้าเพดานสูง 3 m. เท่ากับชั้นล่างเลยครับ
เริ่มจากห้องนอนแรกทางซ้ายมือติดกับบันได ภายในกว้าง 4.2 x 3.15 m. สามารถวางเตียง 3.5 – 5 ฟุต เพื่อทำเป็นห้องนอนได้ตามปกติเลยครับ หรือถ้าใครที่มีลูกคนเดียว ก็อาจทำห้องนี้เป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ เช่น ห้องพระ หรือห้องทำงาน เป็นต้น
ด้านในห้องจะเป็นเหมือนมุม Walk-in Closet หน้าห้องน้ำ ซึ่งเราอาจ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าหรือโต๊ะแบบนี้ก็ได้ครับ แต่จุดเด่นจริงๆก็คือ ช่องหน้าต่างนี้จะสามารถมองเห็นต้นไม้ที่เราปลูกอยู่ตรงระเบียงของบันไดก่อนหน้านี้ได้ด้วย
ส่วนห้องน้ำก็จะมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนชัดเจน มาพร้อมสุขภัณฑ์จาก American Standard และ INAX ให้ใช้งานครบ
โดยพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้าง 1.65 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ แต่อาจต้องติดม่านหรือฉากกั้นเพิ่มเติมเองนะครับ และถ้าใครจะติดเครื่องทำน้ำอุ่นก็สามารถทำได้เลย เพราะเค้าเตรียม Junction เอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย
ถัดเข้ามาจากโถงบันไดเราจะเจอกับ Family Area ขนาดใหญ่บนชั้น 2 ที่จะแบ่งพื้นที่ใช้งานออกได้เป็น 2 ฝั่ง ซึ่งเป็นขนาดพื้นที่ที่สามารถใช้งานได้จริงจัง และน่านั่งมากๆเลยครับ
เริ่มจากทางด้านขวามือจะเป็นโซนที่อยู่ติดกับระเบียง ซึ่งเราสามารถจัดเป็นมุมนั่งพักผ่อน และชมวิวธรรมชาติภายนอกไปด้วยแบบนี้ได้
ระเบียงมีกว้าง 3.5 x 2.25 m. สามารถออกมาใช้งานได้สบายๆ อีกทั้งทางโครงการก็จะให้ต้นไม้ที่ปลูกอยู่ในกระบะแบบนี้มาให้อีก 1 ต้น (พันธุ์ไม้สอบถามโครงการอีกครั้ง อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)
โดยตรงจุดนี้จะเป็นส่วนที่ทางโครงการเรียกว่า Inner Courtyard เป็นการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวเข้ามาในบ้าน และทำให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น อีกทั้งยังมีข้อดีในเรื่องการเพิ่มช่องแสง และ Ventilation ในบ้านได้อีกด้วยครับ
อีกด้านหนึ่งของ Family Area เราก็สามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนได้อีกจุดหนึ่ง หรือจะสามารถต่อเติมและปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้ต่างจากเดิมไปเลยก็ได้ เช่น
- สามารถกั้นผนังทึบ/ผนังกระจก เพื่อให้ได้ห้องอเนกประสงค์ที่เป็นส่วนตัวเพิ่มอีกห้องหนึ่ง และสามารถจัดเป็นฟังก์ชันต่างๆได้ เช่น ห้องพระ ห้องทำงาน ห้องนอนเสริม เป็นต้น
- สามารถกั้นผนังและทุบเชื่อมต่อกับห้องนอนเล็กข้างๆ (ซ้ายมือก่อนหน้านี้) เพื่อขยายพื้นที่ใช้สอยในห้องให้กลายเป็น Double Master Bedroom สำหรับลูกคนโตที่คาดว่าจะอยู่อาศัยกับคุณพ่อคุณแม่ไปยาวๆได้เลยนั่นเอง
สำหรับห้องนอนที่ 2 จะอยู่ทางโซนหน้าบ้านครับ (ติดกับระเบียงหน้าบ้านทางซ้ายมือ)
ภายในมีขนาด 4.6 x 3.4 m. สามารถใช้เตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ และยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้จัดเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ได้ตามต้องการ เช่น โต๊ะทำงาน มุมนั่งพักผ่อน เป็นต้น
แต่จุดเด่นของห้องนี้จริงๆก็คือ จะมีช่องแสงขนาดใหญ่ถึง 2 ด้าน โดยหนึ่งในนั้นก็จะเชื่อมต่อกับระเบียงหน้าบ้านก่อนหน้านี้ได้ด้วย ซึ่งเราก็จะสามารถมองเห็นต้นไม้สีเขียวสดชื่นๆได้นั่นเองครับ
ส่วนทางด้านในของห้องก็จะมีทั้ง Walk-in Closet และห้องน้ำส่วนตัวให้ใช้งานแบบนี้ด้วย
ภายในห้องน้ำมีฟังก์ชันให้ใช้งานครบ และแบ่งเป็นสัดส่วนเหมือนห้องนอนอื่นๆ โดยพื้นที่อาบน้ำจะกว้าง 1.4 x 1 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ
สุดท้ายจะเป็นห้อง Master Bedroom ภายในมีขนาดใหญ่ 3.7 x 6.8 m. สามารถแบ่งพื้นที่เป็นโซนเตียงนอน และโซนแต่งตัวแยกออกจากกันได้สบายๆ
ความพิเศษของห้องนี้ที่ต่างจากห้องอื่นๆคือ จะมีฝ้าเพดานที่สูงกว่าปกติถึง 3.5 m. ทำให้มีบรรยากาศที่โปร่งโล่งมากขึ้น และสามารถช่วยทดแทนในส่วนของช่องหน้าต่าง ที่อาจมีไม่มากนักได้ด้วย เราเลยไม่ค่อยรู้สึกมืดทึบหรืออึดอัดมากนัก ทั้งๆที่ห้องนี้มีช่องแสงน้อยแค่ด้านเดียวครับ
ส่วนอีกด้านของห้องจะเป็น Walk-in Closet ที่อยู่หน้าห้องน้ำ ซึ่งเราสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าหรือชั้นวางต่างๆ ให้เต็มความสูงของฝ้าเพดานได้เลย เพื่อที่จะได้เพิ่มพื้นที่เก็บของให้ได้เยอะและคุ้มค่ามากที่สุดนั่นเองครับ
ภายในห้องน้ำจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าห้องนอนอื่นๆ และเพิ่มฟังก์ชันอ่างอาบน้ำเข้ามาให้ได้ใช้งานด้วยครับ
โดยอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวจาก Cristina จะตั้งอยู่ใกล้กับช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ที่จะติดกระจกฝ้าเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัว และเมื่อเปิดหน้าต่างออกไปก็จะเจอกับต้นไม้ ที่ปลูกอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านพอดีๆเลยครับ
อีกด้านจะเป็นโถสุขภัณฑ์และพื้นที่ยืนอาบน้ำ แต่จุดที่น่าสนใจจริงๆก็คือ จะมีช่องหน้าต่างบานกระทุ้งอีกหนึ่งจุดด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มแสงสว่างแล้ว ยังช่วยในเรื่องการระบายอากาศที่พัดผ่านหน้าต่างทั้ง 2 จุดได้ดีมากๆอีกด้วยครับ
นอกจากนี้เรายังจะได้โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติที่ใช้งานได้สะดวก และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1 x 1 m. ให้ใช้งานได้พอดีๆ ส่วนใครที่ชอบอาบน้ำอุ่นก็สามารถติดเครื่องทำน้ำร้อนที่ใต้อ่างล้างหน้าเพิ่มได้เลยครับ ซึ่งเค้าจะมีท่อน้ำร้อนส่งไปยังอ่างอาบน้ำและ Hand Shower ได้โดยตรงเหมือนโรงแรมเลย
- AETHER (เอเธอร์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 52 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 240 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
เป็นบ้านไซส์ M ที่มีฟังก์ชันชั้น 1 ค่อนข้างน่าสนใจ และออกแบบมาได้ตรงกับคอนเซ็ปต์ของโครงการมากๆครับ โดยเฉพาะ Inner Courtyard ที่มีอย่างชัดเจนทั้ง 2 ชั้น เลยทำให้เป็นหนึ่งในบ้านที่ได้ช่องแสงที่เยอะ และยังใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุดด้วยครับ แถมยังเป็นแบบบ้านที่เริ่มเหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง-ใหญ่ หรือคนที่ต้องการฟังก์ชันเยอะๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้สอยพื้นที่ที่หลากหลาย ของแต่ละคนในครอบครัวด้วยนั่นเอง
ชั้นที่ 1 ฟังก์ชันจะคล้ายกับบ้านไซส์ L ก่อนหน้านี้ครับ เพียงแต่จะลดทอนในส่วนของห้องแม่บ้านออกไป และจุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือ Inner Courtyard ขนาดใหญ่ที่เว้าเข้ามาในบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มช่องแสงให้กับฟังก์ชันต่างๆถึง 3 ด้านแล้ว ยังเป็นตัวแบ่งฟังก์ชันให้เป็นส่วนตัวออกจากกันด้วย โดยเฉพาะพื้นที่อเนกประสงค์ที่อยู่ด้านหลังบ้าน จะแยกออกไปออกจาก Common Area และเราสามารถจัดเป็นมุมส่วนตัวในการพักผ่อน นั่งทำงาน หรือจะกั้นผนังไปเลยก็ยังได้ นอกจากนี้ผมยังชอบที่ลานซักล้างสามารถออกไปใช้งานได้สะดวกมากขึ้นอีกด้วยครับ
ชั้นที่ 2 จุดเด่นของชั้นนี้จะอยู่ที่ห้อง Master Bedroom เลยครับ เพราะระเบียงของ Inner Courtyard จะอยู่ภายในห้องนี้เป็นส่วนตัวเลย ซึ่งช่วยเรื่องช่องแสงที่ทำให้ภายในสว่างโปร่งโล่งเป็นพิเศษ อีกทั้งยังแบ่งฟังก์ชันการใช้งานออกจากกันเป็นสัดส่วนดีมากๆอีกด้วย ส่วนห้องนอนอื่นๆก็เรียกได้ว่ามีขนาดที่ใหญ่พอๆกัน สามารถรองรับครอบครัวที่มีลูก 2 คนได้สบายๆ รวมถึงยังมีพื้นที่ Family Area ตรงกลางให้ใช้งานได้หลากหลาย และยังมีระเบียงขนาดใหญ่ที่ช่วยทำให้โถงกลางบ้านดูโปร่งโล่งอีกด้วยครับ
มาชมบ้านตัวอย่างของจริงกันครับ โดยบริเวณที่จอดรถและประตูทางเข้าบ้านก็จะเหมือนกับบ้านไซส์ L ก่อนหน้านี้เลยนะ ดังนั้นเราจะข้ามไปดูในบ้านกันต่อเลย
เข้ามาด้านในเราจะเจอกับ Foyer ขนาด 1.7 x 1.25 m. มีพื้นที่ด้านข้างเหลือให้ Built-in ตู้เก็บของเท้าได้เหมือนเดิม
ซ้ายมือติดกับทางเข้าจะเป็นห้องนอนชั้นล่างที่มีขนาด 2.4 x 3.4 m. สามารถวางเตียงขนาด 3.5 – 5 ฟุต เพื่อทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุหรือห้องนอนแขกชั้นล่างได้พอดีๆ หรือใครจะปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ เช่น ในบ้านตัวอย่างก็จัดเป็นห้องออกกำลังกายมาให้ดูเป็นไอเดีย
รวมถึงภายในยังมีห้องน้ำส่วนตัวให้ใช้งานด้วย ซึ่งก็มีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์จาก American Standard + INAX พื้นที่อาบน้ำกว้าง 1.3 x 1 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ แต่อาจต้องติดม่านหรือกั้นกระจกเพิ่มเติมเองนะ
ถัดเข้ามาในบ้านเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ที่กว้างถึง 6.9 m. พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ และได้ฝ้าเพดานสูง 3 m. ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างสว่างโปร่งโล่งมากๆ
พื้นที่ส่วนแรกจะเป็น Living Area ที่เราสามารถใช้โซฟาตัว L ขนาดใหญ่ เพื่อนอนดูทีวีกับครอบครัวได้สบายๆ จุดเด่นคือจะอยู่ใกล้กับช่องแสงขนาดใหญ่ 2 ด้าน ทำให้เรารู้สึกสว่างโปร่งโล่ง และยังมองชมวิวสวนที่อยู่ภายนอกได้ด้วยครับ
สำหรับด้านข้างบ้านจะเป็น Inner Courtyard ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นหลักของโครงการนี้ ขนาดกว้าง 2.15 x 2.5 m. สามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อน หรือทำเป็นบ่อปลา/ปลูกต้นไม้ได้ตามต้องการ
โดยบริเวณนี้จะยังคงเป็นพื้นที่ใต้ชายคาบ้าน ที่เราอาจไม่สามารถปลูกไม้ยืนต้นให้สูงทะลุขึ้นไปด้านบนได้นะครับ แต่ก็จะทำให้มีร่มเงาและเราสามารถออกมานั่งพักผ่อนในช่วงกลางวันได้จริงจังนั่นเอง
ติดกันทางด้านขวาจะมีพื้นที่อเนกประสงค์เล็กๆแยกออกจาก Comon Area ออกไปด้วย ซึ่งเราจะเปิดพื้นที่เชื่อมต่อกันแบบนี้ หรือจะกั้นผนังแยกออกไปเป็นส่วนตัวเลยก็ได้
ภายในมีขนาดกว้าง 2 x 2.5 m. สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อน หรือมุมนั่งทำงานแบบส่วนตัวได้ เพราะเวลาครอบครัวอยู่ด้วยกันในบ้าน บางทีก็อาจต้องมีเวลาส่วนตัว หรือทำงานที่ต้องใช้สมาธิมากๆ ซึ่งฟังก์ชันแบบนี้จะตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว
ต่อมาเราจะไปดูอีกฝั่งของตัวบ้านกันบ้างครับ
เริ่มจากบริเวณด้านหลังโซฟาจะมีพื้นที่ให้วางโต๊ะทานอาหารได้ 4 – 6 ที่นั่ง ซึ่งนอกจากจะอยู่ติดกับประตูกระจกที่ได้ทั้งแสงสว่าง และชมวิวสวนด้านนอกไปด้วยได้แล้ว ยังเป็นตำแหน่งที่เราสามารถนั่งดูทีวีได้ด้วยนั่นเองครับ
ติดกันจะเป็นครัวที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ จึงทำให้พื้นที่ในบ้านดูสว่างโปร่งโล่ง และยังช่วยป้องกันกลิ่น/ควันไม่ให้เข้ามารบกวนในบ้าน จึงสามารถทำอาหารได้จริงจังเลยครับ
ภายในมีขนาด 2.1 x 2.8 m. ของจริงจะเป็นเคาน์เตอร์ปูนก่อและกรุกระเบื้องเหมือนบ้านก่อนหน้านี้ พร้อมช่องหน้าต่างบานเลื่อนให้เปิดระบายอากาศได้โดยตรง
จุดเด่นของห้องครัวคือ จะมีกระจกเข้ามุมตรงผนังด้านในบ้าน ซึ่งจะทำให้สามารถมองเชื่อมต่อเห็นกันได้ระหว่างในบ้านและครัว ทำให้บรรยากาศดูกว้างขวางโปร่งโล่งมากๆ
อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ให้กับคนในบ้านได้เป็นอย่างดี ว่าใครกำลังทำอะไรกันอยู่ หรือคุณแม่ทำกับข้าวเสร็จหรือยัง จะได้เข้าไปช่วยยกจานมาเสิร์ฟที่โต๊ะด้านนอกได้เลย
ประตูตรงกลางจะเปิดออกไปยังลานซักล้างที่อยู่ด้านข้างบ้าน ซึ่งตั้งอยู่บนโครงสร้างเดียวกับตัวบ้าน หมดปัญหาเรื่องพื้นทรุดตัวในอนาคตไปได้เลย
มีขนาดกว้าง 3 x 1 m. สามารถวางพวกเครื่องซักผ้าต่างๆได้สบายๆ ซึ่งเค้าจะเตรียมงานระบบต่างๆเอาไว้ให้พร้อมใช้งานแล้วครับ
และติดกับประตูซักล้างจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ที่ไว้ใช้งานร่วมกันของพื้นที่ชั้นล่าง ขนาดกว้าง 1.55 x 1.3 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ
ก่อนจะขึ้นบันไดไปชั้น 2 ผมอยากจะพามาดูพื้นที่ข้างบันไดกันสักหน่อย ซึ่งมีความกว้างเหลือเฟือเลยครับ เราสามารถวางโต๊ะหรือตู้ต่างๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้สบายๆเลย
บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่ปิดผิวไม้สำเร็จรูป กว้าง 1 m. และมีพื้นที่ระเบียงเล็กๆนอกหน้าต่างขนาดใหญ่ ให้เราสามารถวางพวกต้นไม้สดชื่นๆประดับได้เหมือนเดิม
ขึ้นมาบนชั้น 2 จะมีห้องนอนแยกออกไป 3 ห้อง พร้อมกับพื้นที่อเนกประสงค์ตรงกลางให้ใช้งาน
เริ่มจากห้องนอนแรกทางขวามือที่อยู่ติดกับบันได มีขนาด 2.9 x 3.3 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุตและยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้ใช้งานได้สบายๆ รวมถึงยังมีมุมแต่งตัวหน้าห้องน้ำเป็นสัดส่วนอีกด้วยครับ
ภายในห้องน้ำมีการแบ่งฟังก์ชันกันชัดเจน และมีสุขภัณฑ์ให้ใช้งานครบ
สำหรับพื้นที่อาบน้ำจะกว้าง 1.55 x 0.8 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ และอาจต้องติดฉากกั้นเพิ่มเติมเองครับ
ติดกันจะเป็นห้องนอนอีกห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็น 3.2 x 3.8 m. สามารถทำเป็นห้องนอนของลูกคนโตได้สบายๆครับ ซึ่งทางโครงการจัดเป็นห้องทำงานให้ดูเป็นไอเดีย
จุดเด่นจริงๆของห้องนี้คือ เราจะมีช่องแสงเยอะถึง 3 ด้าน ทำให้มีความสว่างโปร่งโล่งเป็นพิเศษ เหมาะที่จะจัดเป็นมุมนั่งทำงานหรือมุมพักผ่อนของห้องนอนได้เลยครับ
ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องก็จะมีพื้นที่แต่งตัว และห้องน้ำเหมือนกับห้องนอนก่อนหน้านี้เลย
บริเวณโถงกลางของชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ Family Area ที่สามารถจัดเป็นฟังก์ชันอเนกประสงค์ต่างๆได้ตามต้องการ เช่น พื้นที่นั่งเล่น พื้นที่วางหิ้งพระ เป็นต้น
ซึ่งเราสามารถปล่อยโล่งๆ ให้พื้นที่เชื่อมต่อกว้างๆกันแบบนี้ หรือจะกั้นผนังกระจกแยกห้องเป็นสัดส่วนไปเลยก็ได้ ขนาดประมาณ 2.1 x 2.4 m.
แต่จุดเด่นจริงๆของพื้นที่นี้คือ จะมีช่องแสงขนาดใหญ่ที่ช่วยให้โถงกลางบ้านสว่าง และโปร่งโล่งน่าใช้งานนั่นเองครับ
ภายนอกเป็นระเบียงขนาด 2.1 x 0.9 m. สามารถออกไปใช้งานได้พอดีๆ หรือจะปลูกเป็นต้นไม้ในกระถางเพิ่มความสดชื่นก็ได้ ซึ่งด้านบนจะเป็นพื้นที่เปิดโล่งเชื่อมต่อกับท้องฟ้า ทำให้ปลูกเป็นพื้นทรงสูงๆเพื่อให้ร่มเงาได้สบายๆเลยครับ
สุดท้ายจะเป็นห้อง Master Bedroom โดยพอเข้ามาด้านในเราจะเจอกับพื้นที่ Sixnature ของห้องก็คือ Inner Courtyard ที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสว่างโปร่งโล่งได้ดีมากๆ
ภายนอกเป็นระเบียงขนาดประมาณ 2 x 2.15 m. มาพร้อมกับก่อพื้นที่ปลูกต้นไม้ และจะให้ต้นไม้มาเลยเป็นมาตรฐาน (Deck ไม้จะเป็นการตกแต่ง ของจริงจะไม่ได้มีให้ครับ)
ด้านขวาของห้องจะเป็นพื้นที่วางเตียงนอนขนาด 3.4 x 4.3 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ และยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือเฟือให้ใช้งานด้วย โดยผนังด้านข้างจะได้ช่องแสง 3 ด้านเหมือนกับห้องนอนก่อนหน้านี้เลย
และเมื่อรวมกับช่องแสงที่ Inner Courtyard ตรงกลางห้อง ก็จะกลายเป็นว่าห้องนี้มีช่องแสงเยอะถึง 4 ด้านเลยครับ จึงทำให้มีความสว่างโปร่งโล่งเป็นพิเศษ
ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องก็จะเป็นทางเดินเชื่อมต่อไปยัง Walk-in Closet และห้องน้ำ ซึ่งจะมี Courtyard กลางห้องเป็นตัวช่วยแบ่งฟังก์ชันให้เป็นสัดส่วนได้ดีทีเดียว
Walk-in Closet กว้าง 2.9 x 3.8 m. ซึ่งมีขนาดใหญ่มากพอที่เราจะ Built-in ตู้ได้ทั้ง 4 ด้าน และเพิ่ม Island ตรงกลางเพื่อเก็บของได้อีกด้วย เหมาะกับสาวๆที่อาจมีเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับเยอะๆ รับรองว่าห้องนี้สามารถรองรับได้เพียงพอแน่นอนครับ
ส่วนภายในห้องน้ำก็จะมีขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นๆ และเพิ่มฟังก์ชันอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวมาให้ได้ใช้งานกันด้วย
ซ้ายมือจะเป็นอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวจาก Cristina ที่อยู่ใกล้กับช่องหน้าต่าง ที่จะช่วยทำให้ภายในห้องสว่าง และยังเปิดระบายอากาศได้ด้วยครับ
ส่วนขวามือจะเป็นโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ และพื้นที่ยืนอาบน้ำขนาด 1.25 x 1.1 m. ให้ใช้งานได้พอดีๆ แต่อาจต้องติดฉากกั้นเพิ่มเติมเองนะ
- ASH (แอช) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 215 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
แบบบ้านไซส์ S ที่เป็นขนาดเริ่มต้นของโครงการ เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก มีที่จอดรถ 2 คัน + จอดรถมอเตอร์ไซค์ได้อีก 1 คัน ฟังก์ชันภายในจะเน้นพื้นที่ Common Area อยู่ทางโซนหลังบ้านชัดเจน โดยมี Inner Courtyard และบันไดเป็นตัวแบ่งโซนแยกจากหน้าบ้าน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวที่ดีทีเดียวครับ
โดยจุดเด่นของบ้านหลังนี้คือ Inner Courtyard จะมีขนาดใหญ่ และยังสูงเชื่อมต่อไปยังชั้นบนของบ้านในแนวเดียวกันได้ จึงทำให้เราสามารถปลูกต้นไม้ทรงสูงๆได้สบายๆ และสิ่งที่ลดทอนลงไปก็คือ ห้องนอนชั้นล่างจะไม่ได้มีห้องน้ำในตัวเหมือนแบบบ้านอื่นๆ แต่ก็ยังเหมาะจะทำเป็นห้องอเนกประสงค์ต่างๆได้นั่นเองครับ
ชั้น 2 ของบ้านมีความน่าสนใจไม่น้อย โดยบันไดจะอยู่ตรงกลางบ้าน และโถงด้านบนก็จะอยู่ตรงกับ Inner Courtyard พอดีๆ จึงทำให้มีความสว่างโปร่งโล่งเป็นพิเศษ อีกทั้งห้องนอนแต่ละห้องก็จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีห้องน้ำในตัว แต่ก็ยังแบ่งพื้นที่ทำเป็นมุมอเนกประสงค์ให้ใช้งานด้านบนได้ด้วยครับ ซึ่งเราก็มีตัวเลือกในการทำเป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกัน หรือจะทุบผนังเพื่อขยายห้องนอนข้างๆ ให้กลายเป็น Double Master Bedroom ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นก็ได้
- BEECH (บีช) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 67 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 305 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
เป็นแบบบ้านไซส์ XL ที่มีขนาดใหญ่สุดของโครงการ เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ และคนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยเยอะๆ ฟังก์ชันจะมีลักษณะคล้ายๆกับบ้านไซส์ L ที่เรารีวิวกันไปก่อนหน้านี้เลย เพียงแต่พื้นที่ใช้สอยแต่ละฟังก์ชันจะมีขนาดที่ใหญ่และกว้างขวางมากขึ้น โดยจุดเด่นของบ้านหลังนี้จะอยู่บนชั้น 2 ที่มีห้องนอนขนาดใหญ่ให้เราได้ใช้งานเยอะถึง 4 ห้อง ตอบโจทย์คนที่มีลูก 2 – 3 คน หรือคนที่ต้องการอยู่อาศัยร่วมกันยาวๆ ลูกแต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้วก็ยังอยู่บ้านเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ได้ และมีห้องนอนรองรับให้รุ่นหลานในอนาคตได้ด้วยนั่นเองครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
The ARBOR รามอินทรา-วัชรพล ราคา ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2567
- ASH (แอช) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 215 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท (ราคารอบ VIP) - AETHER (เอเธอร์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 52 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 240 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท (ราคารอบ VIP) - BIRCH (เบิช) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 267 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 14.9 ล้านบาท (ราคารอบ VIP) - BEECH (บีช) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 67 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 305 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 17.9 ล้านบาท (ราคารอบ VIP) - ค่าจอง n/a บาท
- ค่าทำสัญญา n/a บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
- ค่าส่วนกลาง 42 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ติดถนนจตุโชติและใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนฉลองรัชเพียง 1.5 km. เหมาะกับคนที่เน้นการขึ้นทางด่วนเป็นประจำ อาจทำงานในเมืองแถวๆเลียบด่วนรามอินทรา-ลาดพร้าว-ทองหล่อ แต่ต้องการมองหาบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ และยอมขยับออกมาในทำเลรอบนอกทางตอนเหนือแบบนี้ รวมถึงยังมีถนนกาญจนาภิเษกให้ใช้งานได้อีกด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ทำเลโครงการนี้น่าสนใจมากขึ้นก็คือ ตำแหน่งของเค้าจะอยู่ใกล้กับทางออกของทางด่วนพอดี ซึ่งเราสามารถเลี้ยวเข้าสู่โครงการได้ทันสบายๆ
ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของบริเวณนี้ ก็เป็นที่รู้กันดีว่าอาจไม่ได้คึกคักมาเท่าไหร่นัก เนื่องจากเป็นทำเลใกล้ทางด่วนและทางคู่ขนาน ที่หลายๆคนมักจะใช้เดินทางผ่านเป็นหลัก ดังนั้นจึงต้องพึ่งทำเลข้างเคียงอย่างสุขาภิบาล 5 – วัชรพล – สายไหม ที่จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ครบครันมากกว่า แต่ก็เป็นระยะทางที่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ครับ เราสามารถขับรถไปจับจ่ายใช้สอยได้สบายๆ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ได้ซุ้มประตูทางเข้าแบบ Double Security Gate 2 ชั้น ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสูง เข้า-ออกด้วยระบบจดจำป้ายทะเบียนรถ LPR (License Plate Recognition) ซึ่งแขกหรือ Visitor จะสามารถเข้ามาหาได้แค่บริเวณ Clubhouse ที่อยู่ Gate แรกเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีกล้อง CCTV และใช้เป็นประตูเหล็กรางเลื่อนทั้ง 2 จุด จึงมีความแข็งแรงและพรางสายตาจากภายนอกได้ดีครับ ส่วนภายในบ้านก็จัดเต็มเหมือนกัน มีครบทั้ง Magnetic Sensor & Shock Sensor ชั้น 1 / Motion 1 จุด / Digital Door Lock ที่ประตูหลักหน้าบ้าน
การออกแบบโครงการ : มีเพื่อนบ้านทั้งหมด 127 ยูนิต ถือว่าไม่เยอะมากนัก มาพร้อมกับ Double Security Gate 2 ชั้น ที่คนภายนอกจะเข้ามาติดต่อหรือพักคอยได้เฉพาะตรง Clubhouse ที่อยู่ใน Gate ชั้นแรกเท่านั้น ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย โดยภายในโซนของบ้านพักอาศัยจะมีตำแหน่งที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไปหลายจุดให้เลือก
โดยเฉพาะโซนด้านหน้าจะเป็นบ้านที่อยู่ในซอยแยกย่อยสั้นๆ และมีเพื่อนร่วมซอยน้อยเพียง 2 – 4 ยูนิตเท่านั้น แถมยังมาใช้ส่วนกลางด้านหน้าได้สะดวกอีกด้วย ส่วนบ้านที่อยู่โซนด้านในส่วนใหญ่จะอยู่ติดถนน Main ที่มีระยะห่างจากบ้านฝั่งตรงข้ามมากขึ้นหน่อย รวมถึงยังมีบ้านที่อยู่หน้าสวนจุดที่ 2 ด้านในให้เลือกด้วย ใครสนใจก็ลองรีบจับจองตำแหน่งที่ชอบกันเอาไว้ได้เลยนะครับ เพราะแปลงที่ดีๆมีค่อนข้างจำกัดพอสมควรนะ
การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : เป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ Modern ที่เน้นในเรื่องความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากๆ โดยเฉพาะ Facade ด้านหน้าของตัวบ้าน ที่ส่วนใหญ่จะเป็นผนังทึบไม่สามารถมองเห็นกิจกรรมภายในจากหน้าบ้านได้เลย ซึ่งดูเผินๆเหมือนจะทึบตัน แต่จริงๆแล้วเค้ามีการดีไซน์ช่องแสงภายใน ให้เน้นเปิดออกทางด้านข้างและด้านหลังบ้านแทน อีกทั้งยังมีไอเดียของ Inner Courtyard ที่มีส่วนช่วยเพิ่มช่องแสงและความสว่างภายในบ้านได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังเป็นการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวเข้ามาภายในบ้าน ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและมีความร่มรื่นสดชื่นมากขึ้นอีกด้วยครับ
แบบบ้านมี 4 ขนาดให้เลือก สามารถรองรับครอบครัวขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่ได้สบายๆ จุดเด่นของบ้านทุกหลังที่มีเหมือนกันคือ มีห้องนอนชั้นล่างทุกแบบ สามารถรองรับครอบครัวที่อาจมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยได้ รวมถึงยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งานหลายจุดมากๆครับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นล่างและชั้น 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ช่วยเพิ่มความ Flexible ในการใช้งานได้เป็นอย่างดี เช่น เราสามารถมีมุมส่วนตัวให้ทำงานที่ต้องใช้สมาธิแบบแยกตัวมาจากคนอื่นๆได้ หรือเป็นพื้นที่ที่สามารถกั้นห้องเพิ่ม และทุบขยายพื้นที่ห้องนอนข้างๆให้กลายเป็น Double Master Bedroom ได้นั่นเอง
ซึ่งผมแนะนำให้ลองไปเดินดูบ้านตัวอย่างของจริงด้วยตัวเองกันดูครับ แล้วเราจะสัมผัสได้จริงๆว่าตัวบ้านไม่ได้ทึบตันเหมือนที่เห็นจากรูปร่างภายนอกเลย รวมถึงยังจะได้ลองจินตนาการดูได้ว่า พื้นที่อเนกประสงค์แต่ละจุดเราสามารถปรับเปลี่ยน หรือใช้สอยเป็นฟังก์ชันอะไรในแบบที่เราต้องการได้บ้าง ส่วนตัวผมก็รับรองว่าฟังก์ชันของโครงการนี้ค่อนข้างจัดได้สนุก และไม่เหมือนใครในย่านอย่างแน่นอน
วัสดุ : ให้มาค่อนข้างดีเหมาะสมกับราคาเลยนะครับ เริ่มจากโครงสร้างบ้านที่เป็นก่ออิฐมวลเบา ซึ่งสามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย เหมาะกับดีไซน์บ้านที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามต้องการ รวมถึงพื้นที่จอดรถ + ลานซักล้างก็ลงเข็มลึกเท่ากับตัวบ้านเลย โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งแรง ครัวก็ก่อเคาน์เตอร์มาให้แล้วพร้อมใช้งาน เรียกได้ว่าจุดสำคัญหลักๆ ที่ใช้ทั้งต้นทุนเยอะและทำยากๆของบ้าน ทางโครงการก็จัดมาให้หมดแล้ว
แต่ที่ชอบอีกอย่างก็คือ ช่องแสงในบ้านมีเยอะมากๆ และส่วนใหญ่ก็จะเป็นช่องกระจกขนาดใหญ่ รวมถึงบ้านหลังใหญ่ๆไซส์ L,XL บริเวณ Inner Courtyard ก็จะมีการเตรียมที่ปลูกต้นไม้ พร้อมกับมีการทำท่องานระบบน้ำดี/การระบายน้ำเอาไว้เรียบร้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาไม่เหมือนโครงการอื่นๆครับ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : โครงการนี้ค่อนข้างเน้นเรื่องต้นไม้เป็นพิเศษอยู่พอสมควร โดยพื้นที่สีเขียวทั้งโครงการจะมีอยู่ประมาณ 2 ไร่ รวมถึงมีการปลูกต้นไม้ที่ถนนตลอดทั้งโครงการ ตั้งแต่วงเวียนด้านหน้าสุดที่จะมีต้นไม้ประธานขนาดใหญ่เลย และริมถนนก็จะมีไม้ยืนต้นปลูกเป็นระยะๆด้วย รวมถึงภายในบ้านก็จะมีการจัดสวนมาให้เป็นมาตรฐาน และบนชั้น 2 ของบ้านก็จะให้ต้นไม้ขนาดกลางตรง Inner Courtyard มาให้ทุกหลัง ทำให้ภาพรวมเวลาที่มองดูภายในโครงการ เราก็จะสามารถมองเห็นต้นไม้ได้เกือบทุกจุดเลยครับ
สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ และเพียงพอต่อจำนวนยูนิต ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ห้องโยคะ, Co-Creation Space, พื้นที่สวน และสนามเด็กเล่น แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นจริงๆผมมองว่าเป็นบรรยากาศ เริ่มตั้งแต่ตัวอาคาร Clubhouse ที่เป็นสไตล์ Modern มีความสวยงามเหมือนเป็น Sculpture สถาปัตยกรรมสวยๆแห่งหนึ่งเลยครับ
อีกทั้งยังได้ในเรื่องความเป็นส่วนตัวจากคนที่ขับรถผ่านไป-มาด้านหน้า และยังมีการวางตำแหน่งของฟังก์ชันแต่ละจุด ให้สามารถชมวิวทั้งสระว่ายน้ำและสวนด้านข้างได้แบบเต็มๆพร้อมกันทั้ง 2 ด้าน โดยที่คนใช้งานก็จะไม่เสียความเป็นส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย ถือว่าคนออกแบบคิดมาได้ดีมากๆเลย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 8.99 – 17.9 ล้านบาท, 30 พฤษภาคม 2567
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ติดถนนจตุโชติ ใกล้ทางด่วนมากๆ เหมาะกับคนใช้รถทำงานในเมือง ความอุดมสมบูรณ์อาจยังต้องพึ่งพิงทำเลข้างเคียงเป็นหลัก
- ความปลอดภัย 8.25/10 – Double Security Gate 2 ชั้น / รปภ. 24 ชม. / ประตูเหล็กรางเลื่อน / CCTV / ระบบจำป้ายทะเบียนรถ และให้สัญญาณกันขโมยในบ้านมาครบ
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – บ้านสไตล์ Modern เป็นส่วนตัว เน้นเปิดช่องแสงตรง Inner Courtyard บรรยากาศโปร่งโล่ง ฟังก์ชันยืดหยุ่น
- วัสดุ 8/10 – ให้มาดี โครงสร้างก่ออิฐทุบ/ต่อเติมง่าย ลงเสาเข็มที่จอดรถและซักล้างให้ แถมยังได้ช่องแสงเยอะและเตรียมงานระบบปลูกต้นไม้มาพร้อมใช้งาน
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – ให้พื้นที่สีเขียวมา 2 ไร่ พร้อมจัดสวนและต้นไม้ในบ้านทุกหลัง บรรยากาศสดชื่นต้นไม้ค่อนข้างเยอะดี
- สาธารณูปโภค 9/10 – Clubhouse สวยงาม บรรยากาศดี มีฟังก์ชันครบ ได้ความเป็นส่วนตัว และเพียงพอต่อจำนวนยูนิต
- 8.29 / 10.00
The ARBOR รามอินทรา-วัชรพล เหมาะกับใคร
โครงการ The Arbor Ramintra-Watcharapol (ดิ อาเบอร์ รามอินทรา-วัชรพล) เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยวบนถนนจตุโชติ ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน สามารถเข้า-ออกได้สะดวกมาก โดยจะเป็นบ้านสไตล์ Modern ที่เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวของหน้าบ้านสูง แต่ภายในมีช่องแสงเยอะ ได้ความสว่างโปร่งโล่งเพียงพอ พร้อมพื้นที่ Courtyard ให้เราเปิดรับแสง/ระบายอากาศ และปลูกต้นไม้ที่ระเบียงได้ มีฟังก์ชันยืนหยุ่นรองรับครอบครัวขนาดเล็ก-ใหญ่ พร้อมพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งานปรับเปลี่ยนได้หลายจุด มาพร้อมกับส่วนกลางสวยๆให้ใช้งานครบ โดยมีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 8.99 – 17.9 ล้านบาท
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่