รีวิวฉบับที่ 1536 … Supalai Essence ลาดพร้าว เป็นโครงการรูปแบบที่มีโปรดักส์ให้เลือกทั้ง บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม (เป็น 3 ชั้นทั้งหมด) โดยในคราวนี้เรียกว่าเป็นการปรับโฉมภาพลักษณ์ ดีไซน์ของตัวบ้านครั้งใหญ่ของศุภาลัยเลยก็ว่าได้ ทั้งรูปร่างหน้าตาภายนอกบ้าน ที่ทำเป็น Modern แบบเต็มตัว และยังเน้นไปที่พื้นที่ใช้สอยที่ให้มาสามชั้น กับฟังก์ชันภายในที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย เราไปชมกันเลยครับ

Fact @ 13 February 2018

  • Supalai Essence Ladprao 107 ( ศุภาลัย เอสเซ้นส์ ลาดพร้าว 107 )
  • บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
  • HIGH CLASS (บ้านเดี่ยว) (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • UPPER CLASS (บ้านแฝด) และ ​MAIN  CLASS (ทาวน์โฮม)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ
  • เนื้อที่โครงการ 26-2-56.7 ไร่ จำนวน 190 ยูนิต
  • บ้านเดี่ยว 3 ชั้น (ศุภศิริ) จำนวน 16 แปลง
    – ขนาดที่ดินเริ่มที่ 52 ตร.วา , พื้นที่ใช้สอย 321 ตร.ม.
    – 5 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ  1 ห้องเอนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้าน 4 ที่จอดรถ
  • บ้านแฝด 3 ชั้น (ศุภศิลป์) จำนวน 62 แปลง
    – ขนาดที่ดินเริ่มที่ 38 ตร.วา , พื้นที่ใช้สอย 243 ตร.ม.
    – 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ  1 ห้องเอนกประสงค์  3 ที่จอดรถ
  • ทาวน์โฮม 3 ชั้น  (ศุภวิชญ์) จำนวน 112 แปลง
    – ขนาดที่ดินเริ่มที่ 20 ตร.วา , พื้นที่ใช้สอย 181 ตร.ม.  หน้ากว้าง 5 เมตร
    – 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ  1 ห้องเอนกประสงค์ 2 ที่จอดรถ
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 – 2.80 เมตร (แล้วแต่ชั้น)
  • ราคาเริ่มต้นบ้านเดี่ยว 10.8 ลบ. / บ้านแฝด 7.7 ลบ. / ทาวน์โฮม 4.15 ลบ.
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละประมาณ 84,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : ต.ค. 2559
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : ต.ค. 2563
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • Call Center : 1720

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด :

13.786917, 100.635227

แผนที่จากทางโครงการ แสดงข้อมูลการเดินทางหลักๆไว้ 2 แบบ ได้แก่

  1. จากถนนลาดพร้าว มุ่งหน้าบางกะปิ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาดพร้าว 107 ตรงเข้าไปตามทางจนเจอ มหาลัย RBAC เลี้ยวซ้าย ตรงต่อไปประมาณ 800 ม. โครงการอยู่ขวามือ
  2. จาก The Mall บางกะปิ มุ่งหน้าลาดพร้าว ประมาณ 1.2 ก.ม. เลี้ยวขวา3แยกสัญญาณไฟแดง เข้าซอยลาดพร้าว 101 ตรงเข้าไปประมาณ 1.2 ก.ม. เลี้ยวขวาเข้าซอยลาดพร้าว 101 แยก 38 ตรงเข้าไปประมาณ 600 ม. จะเจอโครงการ

ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอย ลาดพร้าว 107 ซึ่งห่างจากปากซอยประมาณ 1.7 กม. หรือ จะเข้าจากทางซอยลาดพร้าว 101 แยก 38 ก็ได้ระยะเท่ากัน สภาพแวดล้อมภายในซอยนี้ส่วนใหญ่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบทั้งทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว เป็นชุมชนที่เรียกว่าอยู่อาศัยปานกลางไปทางเยอะหน่อย อีกทั้งมีการประกอบการร้านค้า ธุรกิจอยู่ไม่น้อย ทำให้คึกคักพอสมควร ซึ่งก่อนทางเข้ามาทางฝั่งลาดพร้าวจะมีรพ.เวชธานี และก็ม.รัตนบัณฑิต(RBAC) ตั้งอยู่ด้วย

แหล่งอาหารการกินจะมีร้านอาหารตึกแถวกระจายตัวอยู่ตลอดทั้งซอย หน้าโครงการจะมีมินิมาร์ทเพียบ มีวินมอเตอร์ไซค์ด้วย เราจะเห็น 7-11 อยู่มากมายหลายสาขา ขยับขึ้นไปจน Supermarket เลย และร้านค้าอาหารตึกแถวรถเข็นริมทางในระยะขับรถเพียง 1-2 นาที ความอุดมสมบูรณ์หลักใกล้ๆก็คือขับลัดเลาะไปที่ซอยลาดพร้าว 101 ที่มีเยอะหน่อยจะเป็นกลางซอยจนก่อนถึงวัดบึงทองหลาง มีทั้ง Tesco Lotus Supermarket, Community เล็กๆของ Happy Avenue ที่มี MaxValu อยู่อีก ส่วนห้างสรรพสินค้าต่างๆจะมี  CDC, Crystal Park, Tesco Lotus, Food land, The Mall บางกะปิ และสถานที่ต่างๆสำหรับสำนักงานก็มี Makro และ Office Depot อยู่ติดกันกับ The Mall

การเดินทางด้วยรถถือว่าสะดวกดี เพราะในซอยลาดพร้าว 107 ถือเป็นซอยใหญ่ประกอบกับมีทางลัดให้ออกได้หลายทางเส้นทางเลยล่ะ วิ่งไปสุดทางเข้าซอยโพธิ์แก้วจะทะลุ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนรามอินทรา) และถนนนวมินทร์(สุขาภิบาล 1)ที่ใช้ไปออกเส้น ประเสริฐมนูกิจ(เกษตร-นวมินทร์)ได้ ทางด่วนที่มีให้ใช้ใกล้สุดจะเป็นด่านลาดพร้าว และด่านโยธินพัฒนา (ผมทำแผนที่ประกอบจุดขึ้น-ลง ไว้ให้แล้วนะ) โดยรวมๆแล้วรัศมีการใช้งาน จะอยู่ราว 5-7 กิโลเมตร

ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถ บริเวณหน้าทางเข้าออกโครงการอยู่ติดกับวินมอเตอร์ไซค์เลยด้วย การผ่านไปมาของ Taxi ไม่ได้หนาแน่นเท่าถนนหลักแต่ก็มีผ่านไปมาระดับนึงเลย เพราะซอยนี้คนมักใช้เป็นทางลัดเลาะเชื่อมกับ 101 ที่คึกคัก / นอกจากจะเป็นโครงการในรูปแบบแนวราบแล้ว ในปัจจุบันตอนนี้ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีการเซ็นอนุมัติก่อสร้างแล้วด้วยจ้า “ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-บางกะปิ-สำโรง)” ซึ่งถ้าเราลองเอาแผนที่สถานีมาแปะดูคร่าวๆแล้ว ถ้าได้ใช้งานก็คงเป็นสถานีลาดพร้าว 101 ในระยะโดยประมาณ 2-2.5 กิโลเมตร

อย่างที่ผมเกริ่นไปตอนแรก ความอุดมสมบูรณ์หลักจะมาเกาะอยู่ในซอยลาดพร้าว 101 มากกว่า แต่เราก็ลัดเลาะผ่านไปมาได้ง่ายๆเลย ผมทำแผนที่ประกอบให้ดูจะเห็นว่าเป็นซอยที่มีครบเครื่องเรื่องการใช้ชีวิต ทั้งอาหาร มินิมาร์ท ซูเปอร์ ปั๊ม ร้านยา คลีนิค วัด และธนาคารมากมายเพราะเป็นแหล่ง SME ขนาดย่อมเต็มไปหมด แต่ถึงกระนั้นในตัวลาดพร้าวซอย 107 เองก็ยังมีม.รัตนบัณฑิต(RBAC)อยู่ ทำให้มีคนสัญจรผ่านไปมาไม่น้อยเช่นกัน เห็นไหมครับมี 7-Eleven อยู่ถึง 3 จุดในระยะใกล้ๆกันเลย

ซึ่งการเดินทางในวันนี้ที่ผมมา ก็มาจากฝั่งลาดพร้าวตอนต้นนี่แหละ วิ่งตรงยาวมาเรื่อยๆเลย ผมจะเลี้ยวซ้ายที่ซอยลาดพร้าว 101 (ตรงนี้เป็นสามแยกที่มีไปรษณีย์ตั้งอยู่นะ) พอเลี้ยวเข้ามาให้แล้ว ให้ตรงมา 1.2 กิโลเมตร หลังจากนั้นจะเห็นป้าย ซ.ลาดพร้าว 101 แยก 38 ให้เราเลี้ยวขวาแล้วตรงมาตามทางบังคับ มันจะมาเชื่อมกับซ.ลาดพร้าว 107 แยก 35 นั่นเอง พอมาบรรจบที่สามแยกก็เป็นซอยลาดพร้าว 107 แล้ว เจอที่ตั้งโครงการเลยทางเข้าจะอยู่เยื้องๆมาทางขวานิดนึง

เริ่มบนนถนนลาดพร้าว มุ่งหน้าฝั่งขาออกไปยังทางรามคำแหง บางกะปิ เราจะเห็นห้างหลักในย่านนี้คือ Big C Center บริเวณนี้ช่วงเย็นๆ รถจะติดมากเป็นพิเศษหน่อย เพราะคนมาจากทางเลียบด่วนเลี้ยวเข้ามาถนนลาดพร้าวที่อยู่อาศัยช่วงนี้ค่อนข้างเยอะ

เลยมานิดหน่อยจะเป็น Foodland  ที่เปิดตลอด 24 ชม.อีกด้วย ถัดไปไม่ไกลคือรพ.ลาดพร้าว ซึ่งมีซอยลาดพร้าว 95 คั่นกลางครับ

หลังจากเจอไฟแดง ให้เราสังเกตแยกนี้จะเป็นสามแยก ที่มีป้ายบอกว่าเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยลาดพร้าว 101

เข้าไปเพียงนิดเดียวจะเจอกับ “ตลาดสดลาดพร้าว” ช่วงปากซอยจะเป็นแห่งร้านอาหารมากมาย และซอยนี้เป็นซอยเส้นทางลัดที่สามารถไปเชื่อมกับถนนนวมินทร์ได้ด้วย

เข้ามาไม่ถึง 100 เมตร ก็จะเจอจุดที่ใช้รถสาธารณะกันได้ 2 อย่างคือวินรถสองแถวที่วิ่งไปกลับจากตรงนี้ไปถึงวัดบึงทองหลาง และวินมอเตอร์ไซค์อยู่ฝั่งตรงข้าม

ตัวถนนในซอยนี้มีขนาด 4 เลนวิ่งได้สบายครับแต่จะมีรถติดบ้างช่วงเวลาเร่งด่วน เพราะในซอยนี้เป็นแหล่งชุมชนอยู่อาศัยกันเยอะพอสมควร อีกทั้งรถจะสามารถจอดที่ริมฟุตบาทสองฝั่งข้างทางได้

ภายในซอยมีทั้งปั๊มแก๊สและปั๊มน้ำมัน มินิมาร์ท ซูเปอร์มาร์เก็ต เหล่าร้านต่างที่จำเป็นต่อการอยู่อาศัยมากมายเต็มไปหมด

ซึ่งหลังจากเราตรงเข้ามาแล้วประมาณ 1.2 กิโลเมตร เราก็จะเจอซอยลาดพร้าว 101 แยก 38 ที่อยู่ทางขวามือ (จุดสังเกตด้านหน้าอีกหน่อยจะมี Tesco Lotus Supermarket อยู่ด้วย)

พอเลี้ยวขวาเข้าซอยลาดพร้าว 101 แยก 38 สภาพแวดล้อมจะเป็นชุมชนพักอาศัย มีอพาร์ทเมนท์ให้เห็นไม่น้อย

เราตรงมาจนถึงสามแยกตรงนี้ ให้เลี้ยวขวานะครับ

ทีนี้พอเลี้ยวซ้ายมาแล้วนิดเดียว ให้เราเลี้ยวซ้ายต่อเลย สังเกตจะมีป้ายบอกไป RBAC ได้ ซึ่งถ้าเราเลี้ยวซ้ายแล้วซอยนี้จะถูกบรรจบกับซอยลาดพร้าว 107 แยก 35

ในซอยลาดพร้าว 107 แยก 35 ก็จะมีสภาพเป็นชุมชนอยู่อาศัยเหมือนกัน เราวิ่งตรงมาจนสุดสามแยกเลย นั่น.. เราเห็นป้ายโครงการอยู่ที่สุดสามแยกแล้วครับ

นี่ครับ พอเราพ้นสามแยกมาแล้วก็ถึงที่ตั้งโครงการเลย แต่ว่าประตูทางเข้าออกจะอยู่เยื้องๆไปทางขวามือนิดนึงนะ ด้านหน้าโครงการมีป้ายชื่อเห็นเด่นชัดขนาดใหญ่เลย ทั้งอังกฤษและไทย

หันไปมองทางซ้ายมือที่เราพึ่งมากันนิดนึง สภาพแวดล้อมรอบๆต้องบอกเลยว่า ไม่เปลี่ยวนะครับ มีอพาร์ทเมนท์อยู่ 2 อาคารใกล้กัน ซึ่งด้านล่างทั้งคู่มีมินิมาร์ทด้วย อีกทั้งมีจุดวินมอเตอร์ไซค์ตั้งอยู่ตรงนี้ด้วย เรียกว่าอยู่ติดทางเข้าโครงการเลย

หันไปทางขวามือ ฝั่งตรงข้ามโครงการจะเป็นบ้านที่ถูกตกแต่งเป็นร้านคาเฟ่เก๋ๆชื่อว่า Urban Shade ซึ่งชั้นบนยังเป็นร้านตัดผมชิคๆอีกด้วย

มองไปทางในซอยลาดพร้าว 107 ก็เป็นถนนกว้างพอสมควร อีกทั้งคึกคักระดับนึงเลยนะ จะเห็นทั้งบ้านพักอาศัย อพาร์ทเมนท์ ร้านค้า ตรงไปอีกหน่อยจะมีแหล่งของกินร้านอาหารข้างตามเต็มไปหมด(แถวหน้า RBAC)

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ ที่ด้านหน้าโครงการมีทั้งร้านอาหาร อพาร์ทเมนท์ บ้านเดี่ยว มินิมาร์ท และพี่วินมอเตอร์ไซค์ตั้งอยู่ แค่ออกมายืนมองด้านหน้า เรียกว่าเป็นชุมชนที่ไม่เปลี่ยว ส่วนถ้ามองขยายออกไปจากแผนที่ที่ทำไว้ให้ เราจะเห็นเกือบทั้งหมดเป็นชุมชนพักอาศัยที่มีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมในรูปแบบสร้างเองและจัดสรรครับ แต่ก็ยังมีที่เหลือให้พัฒนาไปต่อได้อีกหน่อยด้วย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

การคมนาคม

  • ถ.ลาดพร้าว 2.0 ถ.ศรีนครินทร์ 3.3 กม.
  • ถ.รามคำแหง 3.8 ถ.นวมินทร์ 4.2 กม.
  • ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์  5.0 ถ.เกษตร-นวมินทร์ 5.2 กม.
  • ถ.รัชดาภิเษก 8.0 ทางด่วนขั้นที่ 2 (พระราม 9) 8.5 กม.

รถไฟฟ้าต่างๆ

  • สถานีในอนาคต รฟฟ.สายสีเหลือง (สถานีลาดพร้าว 101) 2-2.5 กม.
  • สถานีในอนาคต รฟฟ.สายสีเทา (สถานีฉลองรัช) 3.7 กม.
  • MRT สถานีลาดพร้าว 8.8 กม.

ศูนย์การค้า

  • Lotus Supermarket 700 ม. / Max Value 900 ม.
  • Starbucks 900 ม. / Foodland 2.7 กม.
  • The Mall บางกะปิ 3.0 กม. / Lotus 3.1 กม.
  • Big C 4.0 กม. / Central Festival East Ville 6.2 กม.
  • CDC 6.5 กม. / Central ลาดพร้าว 9.5 กม.

อื่นๆ

  • ม. RBAC 800 ม. / รพ. เวชธานี 1.8 กม.
  • รพ. ลาดพร้าว 2.5 / รพ.รามคำแหง 4.0 กม.
  • ม.รามคำแหง 5.8 ร.ร. / บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 6.6 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

Supalai Essence Ladprao มีมูลค่าโครงการ 1,200 ลบมีพื้นที่ 26 ไร่กว่า และมีบ้านจำนวนทั้งหมด 190 ยูนิต มีโปรดักส์ให้เลือกทั้ง บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม (เป็น 3 ชั้นทั้งหมด) เริ่มกันที่ด้านหน้าจะเป็นทางเข้าออกหลักใช้ระบบ RFID หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า Easypass นั่นเอง ตัวประตูจะเป็นแบบรั้วเหล็กเลื่อนอัตโนมัติ มี CCTV ที่ซุ้มและก็ถนนภายในโครงการทั้งหมด และมีรั้วคอนกรีตรอบโครงการสูง 3 เมตร

และที่ซ้ายมือของซุ้มทางเข้า เราจะเห็นตัวอาคารอยู่นั่นคือพื้นที่ของสนง.นิติบุคคลในอนาคต และก็ส่วนของสระว่ายน้ำด้านในนั่นเอง ถนนหลักของโครงการนี้กว้าง 12 และจะค่อยๆลดเหลือ 9 เมตร ส่วนถนนรองกว้าง 8 เมตร โดยที่ดินโครงการจะมีส่วนนึงที่ต้องข้ามคลองลำพังพวยไป พอลงสะพานข้ามแล้วจะเจอกับพื้นที่สีเขียว นอกจากจะเป็นสวนหย่อมเดินเล่นแล้ว ยังมีการวางเครื่องเล่นเด็กเอาไว้ให้ระดับนึง

ซุ้มทางเข้าออกโครงการจะถอยร่นจากถนนซอยด้านหน้าไว้หน่อย เพื่อให้รถที่จะเข้าออกไปต่อท้ายออกไปหน้าซอยเกินไป (เผื่อกรณีมีรถรอเข้าโครงการ 2-3 คัน) ถือว่าดีนะครับ

พื้นบริเวณนี้จะปูด้วยคอนกรีตพิมพ์ลายทั้งหมด ตัวซุ้มมีหลังคาคลุมกันแดดและฝน ประตูทางเข้าออกจะปิดมิดชิดด้วยเหล็กบานเลื่อนไฟฟ้า

ซึ่งระบบการเปิดปิดจะเป็นแบบ RFID หรือเรียกง่ายๆว่าเหมือน Easypass แบบเดียวกับทางด่วน ไม่ต้องยื่นมือออกมาแตะคีย์การ์ดครับ ส่วนผู้มาติดต่อก็ต้องแลกบัตรเอา ที่จุดนี้จะมี CCTV อยู่ด้วย

หันมามองทางซ้ายมือติดกันจะเป็นส่วนทางเดินเท้าเข้าออก และก็มีตัวอาคารนิติบุคคลอยู่

ภายในตัวอาคารนิติบุคคลจะมีห้องอยู่ 2 ห้อง ซ้ายมือและขวามือ

ห้องฝั่งซ้ายมือ ตอนนี้ยังโล่งๆอยู่ครับ ยังไม่ได้จัดชุดโต๊ะทำงานใดมาลง

อันนี้ห้องกระจกทางขวามือ ด้านในจะเป็นพื้นที่ของนิติบุคคลในอนาคตเช่นเดียวกัน

ที่ด้านนอกจะมีพื้นที่อาบน้ำกลางแจ้งอยู่ สำหรับคนที่จะมาใช้งานส่วนของสระว่ายน้ำ และด้านหลังเป็นห้องน้ำ เก็บของ แยกชายหญิง

พื้นที่กลางแจ้ง จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 5 x 18.8 เมตร สามารถใช้ออกกำลังจริงจังได้เลย ซึ่งตรงปลายสระจะมีส่วนกว้างขยายเพิ่มออกไปอีก มุมนั่นเป็นโซนจากกุชชี่ ด้านข้างทางขวาเป็นทางเดินไม้ระแนงพร้อมเก้าอี้นั่งเล่น

ส่วนของปลายสระที่เป็น Freeform เป็นส่วนเว้าขยายออกมาก เป็นมุมนั่งแช่น้ำเล่นพักผ่อน พร้อมเจ็ทสปาเป็นจากกุชชี่ โดยพื้นที่สระทั้งหมดจะถูกปลูกพุ่มไม้บังเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน

แผงเหล็กพ่นสีส้มส่วนนี้ นอกจากเป็นมุมตกแต่งที่ขนานไปกับรั้วกำแพงแล้ว ยังเป็นตัวบังสายตา จากอพาร์ทเมนท์ข้างๆ ในเวลาใช้งาน

กลับออกมาด้านนอก เข้ามาด้านในตัวโครงการอีกครั้ง ส่วนของถนนเมนแรกจะมีความกว้างถึง 12 เมตร ด้านหน้าจะยังไม่ค่อยมีบ้านนัก

ตรงเข้ามาจะเป็นทางบังคับเลี้ยวซ้าย ที่เราเห็นเนินนี่ คือสะพานข้ามคลองลำแพงพวยนะครับ มีไฟส่องสว่างข้างทางเปิดช่วยในตอนเย็น

ขึ้นมายืนที่กลางสะพาน ถึงน้ำจะดูเขียวๆแต่ตัวคลองไม่ได้มีกลิ่นแต่อย่างใดนะ

มองไปทางฝั่งลงเนิน เราจะเห็นทางขวามือที่เป็นพื้นที่สีเขียวอยู่ นั่นเป็นสวนหย่อมและก็พื้นที่สนามเด็กเล่นในตัว

ส่วนทางซ้ายมือซอยแรกที่พ้นทางข้ามสะพานมาจะเป็นโซนของบ้านตัวอย่างทั้งบ้านแฝด และบ้านเดี่ยว โดย Sale Office ที่เข้ามาติดต่อก็อยู่ที่ตรงนี้ด้วยครับ

ฝั่งตรงข้ามกับบ้านตัวอย่าง ที่เราเห็นลานสนามหญ้ากว้างๆ ตอนนี้จัดเอาไว้ชั่วคราวนี้ อนาคตจะเป็นพื้นที่บ้านพักอาศัยด้วยเช่นกัน

ส่วนของรั้วกำแพงโครงการจะเป็นคอนกรีตทึบทาสี สูงถึง 3 เมตร อีกทั้งมีการปลูกพุ่มไม้และต้นไม้ขนานกับแนวรั้วเอาไว้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและดูไม่อึดอัดครับ

ในส่วนของทาวน์โฮม 3 ชั้นจะอยู่ส่วนท้ายโครงการหน่อย ซึ่งมีบ้านมาตรฐานจริงเสร็จแล้วบางส่วน แต่ไม่ได้มีบ้านตัวอย่างให้ดูครับ เลยเก็บแต่ภาพด้านหน้าบ้านมาฝากเท่านั้น

ทาวน์โฮม 3 ชั้น  “ศุภวิชญ์” / 181 ตร.ม. – หน้ากว้าง 5 ม. สร้างบนที่ดินขนาดประมาณ 20 ตร.ว. ขึ้นไป 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องเอนกประสงค์ (ชั้น 2) ที่จอดรถ 2 คัน  จุดเด่น “Peace & Joy Room” กับพื้นที่ส่วนตัวที่ห้องเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ ชั้น 2

กลับมาที่ริมถนนเมนโครงการ ฝั่งตรงข้ามกับ Sale Office บริเวณนี้จะเป็นส่วนพื้นที่สวนหย่อมภายในโครงการ

เข้ามาในพื้นที่แล้ว ตัวพื้นตรงกลางจะปูด้วยทรายล้างไว้ให้เดินเล่น มีวางส่วนพื้นที่นั่งเล่นไว้ตามจุด พร้อมใต้ต้นไม้ใหญ่

ส่วนของเครื่องเล่นเด็ก วางเอาไว้ตรงกลางเลย หน้าตาประมาณนี้ สีสันสดใสหน่อย

มีมุมตกแต่งด้วยน้ำพุเล็กๆ เพื่อได้ยินเสียงน้ำ เวลามาเดินเล่น

สวนจัดออกมาได้ดูเขียวชอุ่มและสวยน่าใช้ทีเดียว มีมุมศาลาเล็กๆเอาไว้มานั่งเล่นได้ ถ้าอนาคตออกดอกใบมากกว่านี้คงจะเพิ่มความร่มรื่นมากขึ้น

มีทางเดินปูด้วยทรายล้างพร้อมไฟส่องสว่างต่อเนื่องทอดยาวไป ระหว่างทางมีเก้าอี้คอนกรีตก่อเอาไว้ให้นั่งเล่นได้

และสุดปลายทางเดิน จะเป็นส่วนของลานอเนกประสงค์ทรงกลมเล็กๆตรงนี้

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคารนิติบุคคล
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5 x 18.8 เมตร (พร้อมโซนจากุชชี่)
  • สวนสาธารณะ  “Space Garden” พร้อมเครื่องเล่นเด็ก
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และถนนภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร
  • Key Card Access ระยะไกล แบบ Bluetooth หรือ Easypass
  • ประตูรั้วโครงการแบบเลื่อนไฟฟ้า 1 ตอน
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม.และลดลงเหลือ 9 เมตร และถนนซอยกว้าง 8 ม.

 


Product Walkthrough

บ้านตัวอย่างแรกที่จะพาไปชมก็คือ บ้านเดี่ยว 3 ชั้น “ศุภศิริ” สร้างบนที่ดินขนาดประมาณ 52 ตร.ว. ขึ้นไป และมีพื้นที่ใช้สอย 321 ตร.ม.  มี 5 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องเอนกประสงค์(ชั้น 2) 1 ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ ที่จอดรถ 4 คัน จุดเด่นของบ้านนี้คือ ห้องรับแขก Grand Vertical Living Room สูง 6 เมตร กับโฉมหน้าตาตัวบ้านที่ดูทันสมัยมากขึ้นกว่าแบเก่าๆของศุภาลัย ที่เน้นกระจกช่องแสงแบบจุใจ

ก่อนเข้าไปเรามาดูแปลนชั้น 1 กันก่อน ส่วนของด้านหน้าสามารถจอดรถได้ถึง 4 คัน ด้านในจะเป็นส่วนโถงนั่งเล่นรับแขกแบบสูงโปร่งไปจนถึงพื้นที่ชั้นบนสูงถึง 6 เมตร และเชื่อมต่อไปด้วยพื้นที่รับประทานอาหารด้านหลังพร้อมครัวปิด มีห้องนอนผู้สูงอายุด้วยอยู่ติดกับที่จอดรถ แต่ต้องออกมาใช้ห้องน้ำด้านนอกที่อยู่ติดกัน และส่วนของแม่บ้านมีการแยกการใช้งานชัดเจน โดยต้องเข้าออกฝั่งด้านนอกและมีห้องน้ำอยู่ติดกันเลย ทำให้ไม่ต้องไปรบกวนของเจ้าของบ้านครับ

เนื่องจากบ้านตัวอย่างจะไม่ได้ทำรั้วเอาไว้ แต่จากมุมนี้เราจะเห็นส่วนที่จอดรถชัดเจนที่สามารถจอดได้ถึง 4 คัน อีกทั้งตัวพื้นที่จอดรถยังจะปูกระเบื้องให้พร้อมเสร็จสรรพแบบบ้านตัวอย่างอีกด้วยไม่ต้องไปปูเพิ่มเอง

ก่อนจะเข้าไปในบ้านขอไปดูพื้นที่ดินด้านข้างรอบบ้านกันก่อน อย่างส่วนนี้คือพื้นที่อยู่ติดกับส่วนรับประทานอาหารด้านในบ้าน โดยสามารถจัดเป็นมุมสวนนั่งเล่นพักผ่อน หรือไม่ก็ทำเป็นมุมน้ำตกบ่อปลาเล็กๆก็ได้แล้วแต่ความชอบ

ส่วนของด้านหลังบ้าน เราจะเห็นประตูที่เป็นทางออกจากครัว และด้านนอกเป็นพื้นที่ลานซักล้าง

อ้อมมาที่มุมนี้ ผมทำตำแหน่งห้องต่างๆให้ดูง่ายต่อความเข้าใจ คือพอพ้นมุมครัวมาแล้ว เราจะเจอกับส่วนของพื้นที่ห้องน้ำและห้องนอนของแม่บ้าน ที่แยกกการใช้งานออกมาด้านนอกนี้เลย ไม่ต้องไปรบกวนการใช้ร่วมกันกับเจ้าของบ้านครับ โดยผนังด้านนอกมีติดไฟส่องสว่างไว้ให้

เงยหน้าไปนิดนึง เราจะเห็นส่วนคอนกรีตก่อที่ยื่นออกมา นั้นถูกคิดไว้ให้แล้วเอาไว้สำหรับวางคอมเพรสซเอร์แอร์แบบนี้เป็นต้น

ให้ดูด้านในพื้นที่ส่วนต่างของแม่บ้าน ถึงแม้ขนาดไม่ได้ใหญ่มากแต่ฟังก์ชันการใช้งานก็ครบ มีหน้าต่างช่องแสงในห้องนอนด้วย

ออกมาจากห้องนอนแม่บ้านเดินต่อไปยังฝั่งหน้าบ้าน เราจะเห็นพื้นที่ห้องเก็บของอยู่ตรงนี้ก่อน

ภายในห้องเก็บของ ปูพื้นด้วยกระเบื้องไซส์ 30 ซม. ตำแหน่งจะอยู่ใต้บันไดพอดีเลย เอาไว้ใช้เก็บอุปกรณ์หนักที่จำเป็นในบ้าน

กลับมาที่ประตูทางเข้าหน้าบ้านอีกครั้ง เราจะเห็นว่าผนังหน้าบ้านมีการกรุด้วยหินสลักบางส่วนด้วย ก่อนจะเข้าบ้านมีเฉลียงเล็กๆปูด้วยกระเบื้องสลับทรายล้างเป็นตัวปรับอารมณ์ก่อน / วัสดุกรอบบานทั้งหมดเป็นอลูมิเนียมสีดำและตัวกระจกบานสีเขียวตัดแสง

เข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้รองเท้า และก็เก้าอี้นั่งเล็กสำหรับเวลาใส่-ถอด รองเท้าก่อนเข้าออกบ้านครับ จะอยู่ติดกับประตูทางเข้าเลย

เข้ามาส่วนแรก ที่บ้านนี้ตั้งใจออกแบบห้องรับแขกเป็นพิเศษ โดยจะเจาะช่องไปจนถึงชั้น 2 เพื่อเน้นความสูงโปร่งสบายตา และความหรูหรา พื้นที่บริเวณนี้มีคอนเซปท์ว่า Grand Vertical Living Room สูง 6 เมตร

มายืนบริเวณด้านหลังโซฟา มองไปทางประตูทางเข้า ตำแหน่งชั้นบนเป็นห้องนอน Master Bedroom พอดี

ตรงกลางเป็นมุมสำหรับชั้นวางทีวีจัดความกว้างของชั้นวางเต็มผนัง ไอเดียการแต่งผนังของบ้านตัวอย่างสวยดีนะครับ อีกทั้งพื้นที่มุมนี้เราจะเห็นช่องแสงด้านข้าง 2 ฝั่ง ที่สูงมาก ยังไม่พอ ด้านบนสุดยังมีช่องแสงอีก เรียกว่าตั้งใจจะจัดเต็มสำหรับช่องแสงธรรมชาติเลย

มุมโซฟานี่เราสามารถปรับเปลี่ยนขนาดและรูปร่างตามจำนวนสมาชิกได้เลย เพราะมีพื้นที่รับรอง ระยะดูทีวีอยู่ราวๆ 2.8 – 3 เมตร

จากที่เดิม ลองเงยหน้าให้ดูส่วนชั้น 2 ที่บริเวณโถงบันได และห้องนั่งเล่น มีส่วนเปิดโล่งเชื่อมต่อกับ ห้องรับแขก Grand Vertical Living Room สูง 6 เมตรนี้เอง โดยจะมีส่วนเซฟตี้เป็น Tempered Glass(กระจกนิรภัย)

ถัดมาส่วนด้านหลัง จะถูกจัดเป็น Dining Area ขนาดใหญ่จัดเต็ม ซึ่งจะอยู่ใกล้กับประตูบานเลื่อนทางออกข้างบ้าน และผนังด้านหลังก็เป็นหน้าต่างบานเลื่อนไซส์ใหญ่ โดยบ้านตัวอย่างเลือกโต๊ะทานอาหารแบบ Full Size ทรงสี่เหลี่ยมมาให้ดู ว่าสามารถรองรับได้ 8-10 ที่นั่ง

ระยะทางเดินรอบๆโต๊ะก็ไม่ต้องห่วงนะครับ จะมีพื้นที่เหลือสำหรับเดินได้ไม่ติดขัดสบายๆ

จากมุมโต๊ะอาหาร มองไปข้างๆ เราจะเห็นพื้นที่ครัว โดยจะมีการเจาะช่องผนังเปิดเอาไว้ ทำให้ได้อารมณ์เชื่อมต่อกัน (แต่ว่าบ้านมาตรฐานจะปิดทึบนะ) อันนี้เป็นไอเดีย

ทีนี้ลองมาดูมุมนี้ ผมยืนจากโซฟานั่งเล่นกลางบ้าน หันมาด้านหลัง โดยเดี๋ยวผมจะเริ่มไปดูจาก “ซ้ายไปขวา” นะครับ

เริ่มแรกที่ห้องครัวก่อน พื้นที่ซ้ายขวาขนาบทางเดิน จะเป็นสำหรับเตรียม Built-In Pantry ทั้งหมด (บ้านมาตรฐานเป็นห้องเปล่า เดินระบบท่อเอาไว้ให้)

มุมนี้เป็นมุม Pantry ฝั่งซ้ายมือ ที่จัดเตรียม Hob&Hood ไว้อยู่ตรงกลาง ทำโชว์เป็นครัวเปิดแบบนี้ก็สวยอยู่ แต่เวลาใช้งานจริงจะไม่เหมาะกับทำอาหารหนัก เพราะกลิ่นจะไปรบกวนผู้พักอาศัยนะครับ

พื้นที่ซ้ายขวา สามารถทำ Built-In เต็มผนังสูงจรดฝ้าได้ หรือจะเป็นมุมเก็บเตาอบ ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้าก็ได้ครับ

ฝั่งตรงข้ามกัน บ้านตัวอย่างจัดไอเดียให้ดูเป็นมุมเคาน์เตอร์อ่างล้างจาน วางตู้เย็น และใช้ประโยชน์พื้นที่ใช้สอยด้านบนเป็นตู้แขวนผนังทั้งหมด (การติดไฟเส้น LED ทำให้มุมครัวดูน่าใช้งานเพิ่มขึ้นแหะ)

ส่วนนี้คือประตูทางออกไปยังลานซักล้างหลังบ้าน ข้างๆมีหน้าต่างช่องแสงบานกระทุ้งมาให้ 1 จุด

ออกมาด้านนอก ห้องถัดไปเป็นห้องน้ำชั้นล่าง ซึ่งเป็นห้องนี้ที่มีฟังก์ชันสามารถอาบน้ำได้ด้วยนะครับ แต่ตำแหน่งอาบน้ำจะอยู่เฉียงกับใต้บันไดนิดนึง ตัวผมสูง 181 cm. ลองเดินไปยังพื้นที่อาบน้ำก็ไม่ติดใดๆนะ(บริเวณพื้นที่อาบน้ำมีการลดระดับพื้นลงไปอีก)

มุมซ้ายมือจะเป็นส่วนของเคาน์เตอร์อ่างล้างมือทั้งหมด ได้กระจกเงาบานใหญ่เบิ้ม ซ่อนไฟด้านหลังให้ด้วย และมีพื้นที่วางของเต็มความกว้าง อีกทั้งมีชุดตู้ใต้อ่างมาให้แบบนี้เลย / ส่วนขวามือจะเป็นมุมวางสุขภัณฑ์ ระยะซ้ายขวาสบายๆ โดยอุปกรณ์ในห้องน้ำทั้งหมดจะใช้ของ COTTO เกือบทุกจุดเลยครับ

มาดูตัวพื้นสักนิด ห้องน้ำจะแยกพื้นที่ส่วนแห้งและส่วนเปียกไว้ด้วย โดยมีการปรับระดับสเต็ป 2 ชั้น ตั้งแต่เข้ามาจนถึงพื้นที่อาบน้ำแบบนี้ให้ เพื่อสะดวกต่อการแยกโซนทำความสะอาดครับ อีกทั้งหน้าตาส่วนแห้งจะเป็นกระเบื้องลายไม้สีธรรมชาติ และส่วนเปียกจะเป็นกระเบื้องผิวด้านสีเทาดูไกลคล้ายหินหน่อยๆ

มุมอาบน้ำนี่ไม่ได้กระจกฉากกั้นมานะครับ แต่จะเป็น Rain Shower เดี่ยวของ COTTO มาให้แบบนี้เลย (ด้านข้างมีหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับระบายความชื้น)

ออกมาห้องถัดไปที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ตามแปลนห้องนี้คือจัดเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้เลย แถมอยู่ติดกับห้องน้ำด้วย แต่ว่าบ้านตัวอย่างเค้าจัดเป็นห้องอ่านหนังสือนั่งเล่น ทำงานครับ ช่องแสงที่เราเห็นทางขวามือจะอยู่ติดกับพื้นที่จอดรถ (จะสามารถเห็นได้ก่อนว่าใครไปใครมาในบ้านเรา)

อ้อ ลืมบอกเลยครับ ในส่วนชั้นนี้จะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.80 เมตรนะครับ / มุมห้องนอน ฝั่งติดกับหน้าบ้านชั้นล่าง

มุมห้องนอน ฝั่งติดกับหน้าบ้านชั้นล่าง (พร้อมไอเดียการตกแต่งจากโครงการ)

ทีนี้เราไปดูส่วนบันไดทางขึ้นกันบ้าง ในส่วนวัสดุจะเป็นพื้นไม้แผ่นสำเร็จเคลือบเงามา มีไฟส่องสว่างตามทางเดินให้ด้วย และมีส่วนเซฟตี้คือเป็นมือราวจับ อีกทั้งการออกแบบชานพักบันได ทำได้มาเป็นทรงสี่เหลี่ยม ถือว่าดีในเรื่องความปลอดภัยเวลาใช้งานครับ

ตรงนี้ผมขึ้นมาที่ชั้น 2 แล้วนะครับ ผมขอมองย้อนกลับไปบริเวณบันไดทางขึ้นหน่อย คือช่องแสงบริเวณด้านข้างทางเดินขึ้นบันได้ ต้องบอกว่าอลังการมาก เพราะเจาะตั้งแต่ชั้น 2 สูงไปจนถึงชั้น 3 (ขออภัยบ้านตัวอย่างเลื่อนผ้าม่านไม่ได้) แต่เจาะช่องแสงมาได้โหดจริงๆ ผมชอบมุมนี้ กลางวันไม่ต้องเปิดไฟเลยล่ะ

แปลนชั้น 2 พอเราขึ้นบันไดมาแล้ว จะเป็นส่วนโถงทางเดินขนาดกว้างๆหน่อย สามารถมองจากมุมนี้ไปยังชั้นล่างได้ เพราะเป็นพื้นที่เจาะเชื่อมหากัน ฝั่งด้านหลังบ้านจะถูกเตรียมเป็น Family หรือ Relax Area และฝั่งด้านหน้าจะเป็นส่วนของ Master Bedroom ซึ่งฟังก์ชั่นภายในครบเครื่องทั้งมุมที่นอนขนาดใหญ่ มีระเบียงในตัว มีพื้นที่ Walk in Closet และห้องน้ำขนาดใหญ่แยกพื้นที่การใช้งานมีอ่างอาบน้ำให้ด้วย

ส่วนโถงทางเดินขนาดกว้างๆหน่อย สามารถมองจากมุมนี้ไปยังชั้นล่างได้ เพราะเป็นพื้นที่เจาะเชื่อมหากัน ตัวพื้นชั้นนี้จะได้เป็น Engineering Wood นะครับ / ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานชั้นนี้คือ 2.80 เมตร

การเชื่อมต่อพื้นที่กับ Grand Vertical Living ด้านล่าง ทำให้รู้ลึกโปร่งโล่ง อีกทั้งทุกส่วนถูกออกแบบให้ช่องแสงส่องผ่านหากันได้แบบนี้

เดี๋ยวเราไปดูฝั่งหน้าบ้านกันก่อน

เข้ามาด้านในเป็นส่วนของ Master Bedroom จะเป็นแบบหน้ากว้างรับกับผนังช่องแสงฝั่งหน้าบ้านทั้งหมด โดยบ้านตัวอย่างจะจัดมุมกั้นเป็นพื้นที่ Walk in Closet อยู่ตรงกลาง / ห้องน้ำอยู่ซ้ายมือ / พื้นที่วางเตียงอยู่ขวามือ (และในส่วนของห้องนอนบ้านเดี่ยวจะมีการติดวอลเปเปอร์ให้ด้วย)

พื้นที่มุมวางเตียง นอกจากจะวาง King Size ได้แล้วจะเหลือทางเดินรอบฝั่งแบบสบาย โดยตำแหน่งหัวเตียงจะมีช่องแสงคู่ขนาบมาให้

ด้านข้างเตียงฝั่งขวามือ นี่คือช่องแสงบานฟิค ที่ถ้าเวลากลางวันเราเปิดผ้าม่านไว้ แสงจากชั้น 2 ช่องช่วยส่องผ่านไปยัง Grand Living ด้านล่างได้อีกด้วย (และสามารถแอบสอดส่องสมาชิกภายในบ้านได้ด้วยนะ)

ในห้องนี้จะมีระเบียงในตัว สามารถออกไปเดินเล่นสูดอากาศปรับอารมณ์ได้ หรือไม่ก็ทำเป็นพื้นที่สีเขียวเล็กๆ ในส่วนเซฟตี้จะได้เป็นกระจก tempered glass พร้อมมือจับเป็นสแตนเลส

ที่ปลายเตียงจัดตัวอย่างให้ดูวางทำตู้ชั้นวางโชว์ของสะสม พร้อมกับชั้นวาง TV แขวนผนังได้

กลับมาที่มุม Walk in Closet จะมีช่องแสงขนาดใหญ่ให้ในพื้นที่นี้ พื้นที่ข้างๆแนะนะ Built-In ตู้ขนาบเลยครับ ได้พื้นที่เก็บเสื้อผ้าของใช้แต่งตัวเต็มๆ

ในส่วนของห้องน้ำ ค่อนข้างใส่ใจกับ Space ทั้งสองส่วนการใช้งานเลย ทางซ้ายจะเป็นส่วนแห้ง และขวามือเป็นส่วนเปียก โดยยังมีช่องแสงมาก

มุมอ่างล้างมือที่ได้ความกว้างของเคาน์เตอร์รอบอ่างเพิ่มขึ้นมา ยังมีชั้นวางเก็บของติดผนังเพิ่มมาอีกด้วย

ฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นส่วนของสุขภัณฑ์ ที่ผนังรอบๆจะก่อเอาไว้ให้เป็นพื้นที่เก็บของใช้ได้ด้วย

พื้นที่ส่วนเปียกอาบน้ำ ได้ tempered glass(กระจกนิรภัย) เป็นตัวกั้นโซน โดยด้านในจะมีทั้งมุมอ่างอาบน้ำ และก็มุม Rain Shower ที่สามารถนั่งอาบได้ด้วย ด้านในมีหน้าต่างช่องแสงบานกระทุ้งมาให้ถึงสองจุดเลย

อ่างอาบน้ำที่ให้มาก็ของ COTTO นะครับ แต่ว่ายาวแค่ 1.40 เมตรเท่านั้น อาจจะยืดเหยียดขามากไม่ได้

ออกมาจากห้องนอน Master มองไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็น Family หรือ Relax Area

จริงๆแล้วพื้นที่ส่วน Family หรือ Relax Area ฝั่งด้านหลังบ้านก็ใหญ่พอๆกับห้องนอนด้านหน้า เพราะฉะนั้นในห้องนี้จะถูกจัดไว้ตามความชอบของเจ้าบ้านมากกว่า ว่าอยากจัดให้มีมุมไหนใช้ทำอะไรบ้าง อาทิเช่นมุมเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมเครื่องดื่ม จิบไวน์แบบนี้

เชื่อมต่อไปยัง Living Area ก็ได้ หรือเราจะสามารถจัดเป็น Home Treatre ก็ได้นะครับ โดยรอบๆห้องจะมีหน้าต่างช่องแสงมาให้ล้อมรอบเหมือนกัน

มุม Living Area ในห้องนี้ก็ยังมีพื้นที่เปิดโล่งไปเชื่อมกับ Grand Living ชั้นล่างได้เช่นกัน

มายืนมองว่ามีแขกไป ใครมาได้เหมือนกันนะ

ไปต่อกันที่ชั้น 3  กันครับ ลักษณะบันไดจะเหมือนกับชั้นแรก แต่ว่าไม่มีผนังล้อมรอบ เลยทำให้ดูโปร่งสบายตากว่า

ให้ดูมุมชานพักอีกมุมนึงครับ ชอบช่องแสงที่เจาะผนังด้านข้าง 😀

แปลนชั้น 3 ขึ้นมาโถงทางเดินบันได จะแจกทางไปยังห้องต่างๆ เริ่มจากหน้าบ้านเป็นห้องนอนใหญ่ ตรงกลางบ้านมีระเบียงร่วมกันในตัวแบบ Semi Outdoor ถัดมาจะเป็นส่วนของห้องน้ำ ที่ห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องฝั่งหลังบ้านต้องออกมาใช้ร่วมกันที่ตรงนี้ แต่ข้อดีอีกอย่างคือห้องนอนเล็กที่มีพื้นที่ระเบียงในตัวให้สามารถใช้ได้

ชั้น 3 ขึ้นมาโถงทางเดินบันได จะแจกทางไปยังห้องต่างๆ (เดี๋ยวเราจะไล่ไปดูจากซ้ายไปขวานะ) / ที่ชั้นนี้ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.80 เมตรเช่นกัน

ภายในห้องนอนใหญ่ มุมนี้จะแอบคล้ายกับ  Master Bedroom ที่ชั้น 2 จะแตกต่างตรงทางเข้าออกการใช้งานพื้นที่ระเบียงครับ

มุมวางเตียงนอนยังคงให้พื้นที่กว้างเช่นกัน พร้อมช่องแสงขนาบรอบด้าน อีกทั้งพื้นที่ทางขวามือสามารถจัดเป็นมุมโซฟา Bed เล็กๆแยกออกมานอนเล่นอ่านหนังสือได้

ที่ปลายเตียงทำเป็นมุมชั้นวางทีวี ตู้โชว์ โดยด้านหลังจะเป็นส่วนพื้นที่แต่งตัวครับ

อ้อมมาด้านหลังกันแล้ว พื้นที่ Walk in Closet ก็สามารถจัดเต็มพวกตู้ที่เราจะ Built-In ได้นะ และก็เอาตำแหน่งที่อยู่ติดกับช่องแสงเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้ง

ส่วนของการใช้งานระเบียงและห้องน้ำ จะอยู่บริเวณนี้

จริงๆแล้วระเบียงไม่ได้แคบนะครับ ผมว่าบ้านตัวอย่างออกแบบผิดที่เอาคอมแอร์มาวางไว้ที่พื้นแบบนี้ จริงๆต้องเอาไว้แขวนผนังด้านบนสิ เราจะได้ใช้พื้นที่ของระเบียงได้เต็มที่นะ

และก็ส่วนของระเบียงยังมีพื้นที่ยืดออกมาเล็กๆแบบนี้ แต่คงไม่ได้ใช้งานไปยืนเดินอะไรหรอกเพราะมันแคบมาก แค่พอวางกระถางต้นไม้เล็กได้อยู่

เข้ามาด้านในห้องน้ำ ถึงแม้ขนาดจะไม่ได้ใหญ่เท่าห้องนอน Master แต่ก็ยังฟังก์ชันการใช้งานครบ และวัสดุอุปกรณ์ก็คล้ายๆกัน

ห้องนี้พื้นที่อาบน้ำจะอยู่เข้ามุม และด้วยระยะพื้นที่เลยทำให้เป็นรูปทรงห้าเหลี่ยมแบบนี้ครับ (ด้านในยังมีช่องแสง หน้าต่างบานกระทุ้งให้)

ออกมาโถงทางเดินด้านนอกอีกครั้ง

ทางซ้ายมือเราจะเห็นระเบียงร่วมกัน มุมนี้คือสามารถทำเป็นมุมตกแต่งสวนเล็กๆแบบนี้ ออกมานั่งปรับอารมณ์ โทรศัพท์หาเพื่อน ฯลฯ ในส่วนการเข้าออกต้องระวังนิดนึงเพราะก่อธรณีสูงขึ้นมามากหน่อย ช่วยในเรื่องของเวลาฝนสาดไม่เข้ามาในส่วนบ้าน ถ้าเปิดประตูทิ้งไว้ให้ลม Flow

พื้นที่ระเบียงจะเป็นแบบ Semi Outdoor คือไม่ได้รับแดดเต็มๆแต่จะอยู่ในร่มใต้ชายคาแบบนี้

ถัดไปเป็นส่วนของห้องน้ำ ที่ห้องนอนเล็กทั้งสองจะต้องออกมาใช้ร่วมกันที่ห้องนี้นะ โดยห้องน้ำจะเป็นแบบลึก ทำให้เรียงการใช้งานส่วนต่างๆไล่ลงไปทั้ง อ่างล้างมือ สุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำครับ

สิ่งที่เพิ่มมาในห้องน้ำนี้ก็คือ พื้นที่นั่งอาบแบบนี้

ในห้องนอนเล็กส่วนแรกครับ ให้ลองดูไอเดียการจักตกแต่งจากบ้านตัวอย่าง

โดยข้อดีอีกอย่างของห้องนี้ก็คือมีระเบียงในตัว ถึงแม้ระเบียงขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ผมว่าดีที่มีให้ ผมเป็นคนนึงที่แค่ขอพื้นที่ปรับอารมณ์เล็กๆ เดินออกไปสูดอากาศด้านนอกบ้างในขณะที่พื้นที่นี้ยังเป็นพื้นที่ส่วนตัวในห้องเราเองด้วย

ส่วนอีกห้องนึงก็มีระยะพื้นที่เท่าๆกันเลยนะครับ ถึงแม้ขึ้นชื่อว่าเป็นห้องนอนเล็ก แต่ว่าพื้นที่ต่างๆก็สามารถเตรียมจัดวางได้ทั้งมุมชั้นวางทีวี มุมนั่งเล่น อ่านหนังสือ ทำการบ้าน และมุมตู้เสื้อผ้ามีครบ โดยไม่เสียมพื้นที่ทางเดิน คือเดินได้สบายๆ

มุมนี้สำหรับวางเตียงอยู่ระหว่างช่องแสง(ระเบียง) และมุมตู้เสื้อผ้า

พื้นที่ระเบียงด้านนอกครับ (แนะนำอย่าลืมหาที่แขวนคอมแอร์ฯใหม่ด้วย)


บ้านตัวอย่างถัดไปเป็น บ้านแฝด 3 ชั้น  “ศุภศิลป์”  สร้างบนที่ดินขนาดประมาณ 38 ตร.ว. ขึ้นไป มีพื้นที่ใช้สอย 243 ตร.ม.  มี 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องเอนกประสงค์ (ชั้น 2) ที่จอดรถ 3 คัน จุดเด่นของบ้านนี้คือ “Sky Terrace” ระเบียงขนาดใหญ่ที่ชั้น 2 เดี๋ยวเราไปดูกัน

แปลนที่ชั้นล่าง ด้านหน้าเป็นส่วนพื้นที่จอดรถ 3 คัน มีพื้นที่ดินรอบบ้านฝั่งนึง ด้านหลังเป็นลานซักล้างทั่วไป โดยเข้าไปในบ้านจะเจอกับ Living Area เชื่อมต่อกับโซนรับประทานอาหาร และก็มีครัวปิดอยู่ด้านหลัง ทีนี้ฝั่งหน้าบ้านยังมีพื้นที่ทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้เช่นกันนะ ซึ่งการใช้งานห้องน้ำก็คล้ายหลังบ้านเดี่ยว ออกจากห้องนอนก็เจอเลย และมีห้องเก็บของตำแหน่งอยู่ใต้บันไดด้วย

ส่วนพื้นที่จอดรถแบบ 3 คัน โดยพื้นบริเวณนี้โครงการจะปูกระเบื้องให้มาตรฐานเลย

พื้นที่ที่เชื่อมกันในส่วนของบ้านแฝดนี้ โดยชั้นล่างจะเป็นห้องนอน(ห้องอเนกประสงค์) และชั้นบนคือไฮไลท์ที่ชื่อว่า Sky Terrace เป็นมุมระเบียงสวน

พื้นที่ดิน ทางเดินด้านข้างบ้าน ยังคงจัดเป็นสวนพื้นที่สีเขียวได้เช่นกัน

อ้อมมาทางด้านหลังบ้านเป็นส่วนของลานซักล้าง ที่ประตูตรงนั้นเชื่อมต่อกับพื้นที่ครัวปิดในตัวบ้าน

ประตูทางเข้าออกบ้าน ก่อนเข้าจะเจอเฉลียงความกว้าง 80 ซม.ก่อน

พอเข้ามาแล้วหันไปทางซ้าย มุมนี้จะเป็นกระจกเข้ามุม เพื่อช่วยเปิดรับมุมมองที่กว้างขึ้น รวมถึงรับแสงได้มากขึ้นด้วย

เข้าไปในบ้านจะเจอกับ Living Area เชื่อมต่อกับโซนรับประทานอาหารด้านหลัง

พื้นที่วางโซฟา ยังคงจัดเต็มได้เหมือนกัน รองรับได้ 4-6 ที่นั่ง และด้านหลังเต็มไปด้วยช่องแสงธรรมชาติ

ส่วนติดกับผนังหลังบ้านจะเป็นมุมรับประทานอาหารแบบนี้ ได้ 6-8 ที่นั่งกำลังดีครับ

จากมุมโต๊ะรับประทานอาหาร เราจะมองไปเห็นส่วนของครัวที่อยู่ติดกัน

ตัวครัวจะได้เป็นแบบครัวปิด มีประตูกระจกฉากกั้นบานเลื่อนแบบนี้ (ให้แสงส่องผ่านกันได้)

เข้ามาในพื้นที่ครัว ต้องบอกกว่าว่าบ้านมาตรฐานจะเป็นพื้นที่โล่งนะครับ อันนี้คือโครงการเค้าอยากจัดให้ดูวางถ้าจะ Built-In ชุดครัวเนี่ย มันมีพื้นที่พอจะวางอะไรแบบนี้บ้าง ก็เอาไปใช้เป็นไอเดียกันได้เลย

มุมหน้าต่างช่องแสงตรงนี้เหมาะกับตำแหน่งของอ่างล้างจานที่สุด เพราะช่วยในเรื่องของระบายกลิ่นอับและความชื้นจ้า

กลับมาที่กลางบ้านกันอีกครั้ง มุมนี้ชั้นเป็นมุมชั้นวางทีวีเล็ก อยู่ตรงข้ามโซฟา

โดยด้านข้างติดกันจะมีการแจกห้องส่วนต่างๆดังนี้

ในห้องน้ำที่ชั้นล่างก็ยังคงมีฟังก์ชันอาบน้ำได้เหมือนกันนะ มีพื้นที่นั่งอาบด้วย แต่ว่าไม่ได้กระจกนิรภัยฉากกั้นมาต้องหาติดเพิ่มเอง

ให้ดูมุมวัสดุชัดๆฮะ Full Option by COTTO

ออกมาที่ห้องนอนฝั่งด้านหน้า ที่สามารถจัดเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ ซึ่งก็มีหน้าต่างช่องแสงเพียงพอ และตำแหน่งนี้จะเห็นใครไปมาเข้าออกในบ้านได้ด้วย

ปิดท้ายภาพรวมชั้น 1 สวยๆด้วยมุมนี้

เราไปดูชั้น 2 กันต่อ โดยบันได้ยังออกแบบได้ชานพักสี่เหลี่ยมเพื่อความปลอดภัย

ขึ้นมาเกือบถึงชั้น 2 เราจะเห็นช่องแสงทางซ้ายมือ

ซึ่งเจ้าช่องแสงนี้จะไปเชื่อมต่อกับเจ้า Sky Terrace นั่นเอง

แปลนชั้น 2 โดยด้านหน้าจะเป็น Master Bedroom ที่ครบทั้งมุมนั่งเล่นพักผ่อน มุมเตียงนอน มีพื้นที่แต่งตัวอยู่ก่อนทางเข้าห้องน้ำ และระเบียงในตัว และอีกอย่าง เราจะเห็นตัว Sky Terrace ที่อยู่ด้านข้างบ้านติดกับเพื่อนบ้าน สามารถจัดเป็นมุมพื้นที่สีเขียวขนาดย่อมแบบ Semi Outdoor ได้ และยังสามารถเข้าออกได้จากห้องนั่งเล่นฝั่งด้านหลังบ้านด้วย

ขึ้นมาที่ชั้น 2 กันแล้ว โถงทางเดินแจกทางซ้ายขวา เดี๋ยวเราไปชม Master Bedroom ฝั่งหน้าบ้านกันก่อน

ภายใน Master Bedroom ยังคงคอนเซปท์พื้นที่กว้างขวางอยู่สบายอยู่ โดยซ้ายมือจะมีมุมนั่งเล่นดูทีวีแยกออกมาเลย ตรงกลางเป็นพื้นที่ระเบียงในตัว และขวามือเป็นมุมวางเตียงนอน

พื้นที่ระเบียงห้องนี้จะกว้างและใช้งานได้ดีกว่า โดยจะเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนยามเย็นด้านนอกได้เลยล่ะ

มุมวางเตียงนอน ยังคงวางเตียง King Size ได้ และมีช่องแสงหัวเตียงขนาบเช่นกัน

ทางขวามือเราจะมีทางเดินเล็กๆเป็นส่วนของ Walk In Closet แบบนี้ และก็เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำได้

ให้ดูระยะพื้นที่ที่ต้อง Built-In ตู้เสื้อผ้าในโซนแต่งตัวซ้ายขวาครับ

ในส่วนของห้องน้ำก็จะคล้ายกัน มีหน้าต่างช่องแสงบานกระทุ้งอยู่ในบริเวณพื้นที่อาบน้ำ

ระยะทางเดินต่างๆ (ตัวพื้นใช้กระเบื้องทูโทนลายไม้และหินดูตัดกันดี)

ในส่วนของห้องนอนอย่างที่บอก เค้าจัดมุมนั่งเล่นดูทีวีแยกออกมาเลย ไม่ต้องนอนดูแบบนี้ครับ ระยะดูทีวีประมาณ 2.70 เมตร

โดยด้านข้างติดกันจะมีประตูทางออกระเบียง เชื่อมต่อกับไฮไลท์ของบ้านนี้คือ Sky Terrace

พื้นที่ Sky Terrace ก็คือระเบียง แบบ Semi Outdoor นี่แหละครับ ถ้าเราใช้การจัดสรรดีๆเข้ามาช่วย มันก็จะกลายเป็นมุมสีเขียวที่น่าออกมาใช้งานมากๆ อีกทั้งเวลาเราเดินขึ้นลงบันได เราก็จะเห็นสวสีเขียวบริเวณนี้ทะลุช่องแสงมาอีกด้วย

ประตูทางเข้าออกเข้าได้สองฝั่ง จากส่วน Relax Area ด้านหลังบ้าน

เข้ามาในห้อง Relax Area ด้านหลังบ้าน กันแล้ว สามารถจัดเป็นพื้นที่พักผ่อนได้ตามใจเจ้าของบ้านเลยนะ

นอนเล่นชิลๆ มองออกไปยังสวน Sky Terrace

ในห้องนี้มีพื้นที่กว้างกว่าที่คิดนะครับ ยังมีมุมที่สามารถทำอะไรได้อีก อย่างบ้านตัวอย่างจัดเป็น Family Area เขตที่ 2 ที่เวลากลางคืนเราอาจไม่ต้องไปอยู่ที่ชั้น 1 มาเจอกันทั้งครอบครัวที่ตรงนี้ก็ได้

มุมนี้ก็ยังได้ช่องแสงดีเหมือนเดิม สองฝั่งด้านข้างและด้านหลัง

ไปต่อกันที่ชั้น 3 ครับ เห็นไหมมุมนี้หน้าต่างช่องแสง ก็ยังมองออกไปยังพื้นที่สีเขียวด้านนอก

แปลนชั้น 3 ไม่มีอะไรมาก โดยจะแบ่งเป็นห้องนอนทั้งคู่ฝั่งด้านหน้าและด้านหลัง ทั้งคู่มีห้องน้ำในตัวเลย จะต่างกันก็ตรงที่ห้องฝั่งหน้าบ้านให้น้ำหนักกับพื้นที่ระเบียงมากกว่านั่นเอง

ทางเดินแจกทางเหมือนกับชั้นล่าง เดี๋ยวเราดูฝั่งหน้าบ้านกันก่อน

ห้องนอนฝั่งหน้าบ้านที่ถึงแม้จะเน้นน้ำหนักแบ่งส่วนไปให้ระเบียงด้วย แต่ก็ยังกว้างขวางอยู่ดี

มุมพื้นที่วางเตียง โดยด้านข้างทางซ้ายมือสามารถทำเป็นตู้เสื้อผ้าได้ โดยเดินไปมาได้อยู่

พื้นที่ระเบียงใช้งานได้จริงจัง หลากหลาย ทั้งพื้นที่นั่งเล่น จัดสวนกระถาง ฯลฯ พร้อมยังคงให้ tempered glass เพื่อให้แสงส่องผ่านได้เช่นกัน

มุมปลายเตียงจัดออกมาได้ดีเลยนะครับ คือเป็นพื้นที่ 2 in 1 ทั้งมุมโต๊ะทำงาน และก็มุมนั่งเล่นดูทีวี

มุมโซฟานั่งเล่นดูทีวี สามารถเดินอ้อมได้รอบทิศทาง

ทางขวามือจะมีห้องน้ำในตัวแบบนี้

ฟังก์ชันต่างๆในห้องน้ำ ผมทำภาพแยกส่วนมุมต่างๆไว้ให้แล้ว (ไม่ได้กระจกฉากกั้นอาบน้ำ)

ไปดูห้องนอนฝั่งหลังกันบ้างครับ

ห้องนี้ถูกจัดไว้เป็นห้องนอนลูกเด็กเล็กสุด อื้อฮือ สวรรค์ของคุณลูกๆ 😀

โดยทางขวามือก็จะเป็นมุมเตียงนอนได้ปกติฮะ มีหน้าต่างช่องแสงอีก 1 จุด ซึ่งสามารถมองลงไปยังพื้นที่สีเขียว Sky Terrace ได้

ซ้ายมือเป็นมุมพื้นที่ต่างๆที่จะอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าห้องน้ำ ได้แสงธรรมชาติมากหน่อย

พื้นที่ภายในห้องน้ำเหมือนกันกับห้องด้านหน้าเลยครับผม

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 February 2018

  • บ้านเดี่ยว 3 ชั้น (ศุภศิริ) จำนวน 16 แปลง
    – ขนาดที่ดินเริ่มที่ 52 ตร.วา , พื้นที่ใช้สอย 321 ตร.ม.
    – 5 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ  1 ห้องเอนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้าน 4 ที่จอดรถ
    – ยกตัวอย่าง แปลงที่ S-028 ขนาด 59.3 ตร.วา ราคา 10.88 ล้านบาท
  • บ้านแฝด 3 ชั้น (ศุภศิลป์) จำนวน 62 แปลง
    – ขนาดที่ดินเริ่มที่ 38 ตร.วา , พื้นที่ใช้สอย 243 ตร.ม.
    – 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ  1 ห้องเอนกประสงค์  3 ที่จอดรถ
    – ยกตัวอย่าง แปลงที่ D044 ขนาด 40.4 ตร.วา ราคา 7.7 ล้านบาท
  • ทาวน์โฮม 3 ชั้น  (ศุภวิชญ์) จำนวน 112 แปลง
    – ขนาดที่ดินเริ่มที่ 20 ตร.วา , พื้นที่ใช้สอย 181 ตร.ม.  หน้ากว้าง 5 เมตร
    – 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ  1 ห้องเอนกประสงค์ 2 ที่จอดรถ
    – ยกตัวอย่าง แปลงที่ T101(แปลงกลาง) ขนาด 20.5 ตร.วา ราคา 4.15 ล้านบาท
    – ยกตัวอย่าง แปลงที่ T100(แปลงมุม) ขนาด 29.7 ตร.วา ราคา 5.2 ล้านบาท

  • บ้านเดี่ยว : จอง 50,000 บาท, ทำสัญญา 250,000 บาท
  • บ้านแฝด : จอง 50,000 บาท, ทำสัญญา 200,000 บาท
  • ทาวน์โฮม : จอง 30,000 บาท, ทำสัญญา 70,000 บาท
  • ผ่อนดาวน์ 9-12 งวด (รวมแล้วประมาณ 15-20%)
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละประมาณ 84,000 บาท
  • ค่าส่วนกลางบ้านเดี่ยวหลังละ 2,000 บาท/เดือน
  • ค่าส่วนกลางบ้านแฝดหลังละ 1,900 บาท/เดือน
  • ค่าส่วนกลางทาวน์โฮมหลังละ 1,700-1,800 บาท/เดือน (กลาง,มุม)
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

โปรโมชั่น ของแถม ณ ตอนนี้ (กรุณาสอบถามทุกครั้งที่เข้าไปติดต่อ)

  • แอร์ทุกห้องนอน (บ้านเดี่ยว 7 เครื่อง, บ้านแฝด 5 เครื่อง)
  • ติดมุ้งลวดให้(เฉพาะบานหน้าต่าง)
  • ปั๊มน้ำ, ถังเก็บน้ำ, จัดสวนให้มาตรฐาน
  • ปูกระเบื้องให้บริเวณที่จอดรถ
  • เฉพาะบ้านเดี่ยว จะติดวอลเปเปอร์ให้ในห้องนอน
  • เฉพาะบ้านเดี่ยว ได้ Gift Voucher Central มูลค่า 100,000 บาท

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลและความสะดวกในการเดินทางตัวโครงการตั้งอยู่ในซอย ลาดพร้าว 107 ซึ่งห่างจากปากซอยประมาณ 1.7 กม. หรือ จะเข้าจากทางซอยลาดพร้าว 101 แยก 38 ก็ได้ระยะเท่ากัน สภาพแวดล้อมภายในซอยนี้ส่วนใหญ่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบทั้งทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว เป็นชุมชนที่เรียกว่าอยู่อาศัยปานกลางไปทางเยอะหน่อย อีกทั้งมีการประกอบการร้านค้า ธุรกิจอยู่ไม่น้อย ทำให้คึกคักพอสมควร ซึ่งก่อนทางเข้ามาทางฝั่งลาดพร้าวจะมีรพ.เวชธานี และก็ม.รัตนบัณฑิต(RBAC) ตั้งอยู่ด้วย

ความอุดมสมบูรณ์หลักใกล้ๆก็คือขับลัดเลาะไปที่ซอยลาดพร้าว 101 ที่มีเยอะหน่อยจะเป็นกลางซอยจนก่อนถึงวัดบึงทองหลาง เป็นซอยที่มีครบเครื่องเรื่องการใช้ชีวิต ทั้งอาหาร มินิมาร์ท ซูเปอร์ ปั๊ม ร้านยา คลีนิค วัด และธนาคารมากมายเพราะเป็นแหล่ง SME ขนาดย่อมเต็มไปหมด มีทั้ง Tesco Lotus Supermarket, Community เล็กๆของ Happy Avenue ที่มี MaxValu อยู่อีก ส่วนห้างสรรพสินค้าต่างๆจะมี  CDC, Crystal Park, Food land, The Mall บางกะปิ เป็นต้น

การเดินทางด้วยรถถือว่าสะดวกดี เพราะในซอยลาดพร้าว 107 ถือเป็นซอยใหญ่ประกอบกับมีทางลัดให้ออกได้หลายทางเส้นทางเลยล่ะ วิ่งไปสุดทางเข้าซอยโพธิ์แก้วจะทะลุ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนรามอินทราและถนนนวมินทร์(สุขาภิบาล 1)ที่ใช้ไปออกเส้น ประเสริฐมนูกิจ(เกษตรนวมินทร์)ได้ ทางด่วนที่มีให้ใช้ใกล้สุดจะเป็นด่านลาดพร้าว และด่านโยธินพัฒนา โดยรวมๆแล้วรัศมีการใช้งาน จะอยู่ราว 5-7 กิโลเมตร

นอกจากนี้บริเวณหน้าทางเข้าออกโครงการอยู่ติดกับวินมอเตอร์ไซค์เลยด้วย การผ่านไปมาของ Taxi ไม่ได้หนาแน่นเท่าถนนหลักแต่ก็มีผ่านไปมาระดับนึงเลย เพราะซอยนี้คนมักใช้เป็นทางลัดเลาะเชื่อมกับ 101 ที่คึกคัก / นอกจากจะเป็นโครงการในรูปแบบแนวราบแล้ว ในปัจจุบันตอนนี้ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีการเซ็นอนุมัติก่อสร้างแล้วด้วยจ้าส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าวบางกะปิสำโรง)” ซึ่งถ้าเราลองเอาแผนที่สถานีมาแปะดูคร่าวๆแล้ว ถ้าได้ใช้งานก็คงเป็นสถานีลาดพร้าว 101 ในระยะโดยประมาณ 2-2.5 กิโลเมตร

ความปลอดภัย : เริ่มจากการใช้ทางเข้าออกจะเป็นแบบระบบ Easypass เพื่อใช้เปิดประตูเหล็กบานเลื่อน มีรปภ.อยู่ที่ซุ้มตลอด 24 ชม. มี CCTV ที่ทางเขาออกและถนนภายในโครงการทั้งหมด และสุดท้ายกำแพงรั้วของโครงการเป็นแบบคอนกรีตทึบสูงถึง 3 เมตร น่าเสียดายที่ไม่ได้ให้ระบบรักษาความปลอดภัยในตัวบ้านมา

การออกแบบ : ตัวโครงการถือเป็นขนาดเล็ก-กลางนะครับ มีแค่ 190 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งบ้านจะเป็นแบบสไตล์โมเดิร์นทั้งหมด แต่มีการปรับรูปแบบ หน้าตาดีไซน์ ที่หลุดออกมาจากบ้านศุภาลัยเดิมๆทั้งหมดก็ว่าได้ เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาครั้งใหญ่ของเค้าเลย ตัวบ้านจะมีทั้ง บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม(เป็น 3 ชั้นทั้งหมด) ทำให้มีตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับกลุ่มคนที่งบไม่เท่ากัน ซึ่งพอเป็น 3 ชั้น ก็จะเน้นไปที่พื้นที่ใใช้สอยภายในด้วย ทำให้ในบ้านมีฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายหน่อยเพราะมีพื้นที่รองรับ อาทิเช่น สามารถทำห้องนอนผู้สูงอายุไว้ชั้นล่างได้, ทำมุมห้องทำงาน ห้องดูหนัง ปรับเปลี่ยนเพิ่มตามความต้องการและจำนวนสมาชิกในบ้าน

วัสดุให้ค่อนข้างสมกับราคา โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ให้ฉนวนกันความร้อนฝ้าเพดาน ผนังก่ออิฐมวลเบาข้อดีคือไม่อมความร้อน ชายคาบ้านเป็นไวนิลระบายอากาศช่วยลดความร้อน ผนังเป็นแบบฉาบปูนเรียบทาสีทั้งหลัง พื้นที่ชั้นล่างส่วนใหญ่จะได้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ไซส์ 60 x 60 เซนติเมตร  ส่วนชั้นบนจะได้ Engineering Wood (บ้านเดี่ยว,บ้านแฝด) วงกบหน้าต่างและประตูบานเลื่อนเป็นอลูมิเนียมสีดำทั้งหมดพร้อมกระจกเขียวตัดแสง มีการเจาะช่องแสงให้เยอะมากทั้งรอบบ้านและในบ้าน, ชุดสุขภัณฑ์ของ COTTO หรือเทียบเท่าได้ฉากกั้นเฉพาะห้องน้ำ Master, ครัวไม่ได้เลยต้องทำเอง

พื้นที่สีเขียวและสาธารณูปโภค : สาธารณูปโภคหลักๆจะเป็นสวนสาธารณะ 1 จุด โดยด้านในมีการจัดพื้นที่เป็นสนามเด็กเล่นที่มีเครื่องเล่นให้ด้วย และศาลานั่งเล่นอีกนิดหน่อย มีอาคารนิติบุคลลด้านในประกอบไปด้วยพื้นที่ห้องทำงานของนิติบุคคล ด้านนอกเป็นสระว่ายน้ำแบบกลางแจ้งพร้อมมุมจากุชชี่ และห้องน้ำแยกชาย-หญิง โดยค่าส่วนกลางบ้านเดี่ยวจะอยู่ที่ 1,700 – 2,000 บาท/เดือน(คิดเป็นหลังและตามขนาดบ้าน)

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 7.7 – 10.8 ล้านบาท, 13 February 2018

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.25/10 – อยู่ในซอยแต่มีความอุดมสมบูรณ์ระดับนึง และมีทางเชื่อมลัดเลาะได้หลากหลาย อนาคตมีรถไฟฟ้าปากซอย(2 กม.) อีกทั้งตัวบ้านให้ที่จอดรถเยอะ
  • ความปลอดภัย 7.75/10 – รั้วเหล็กเลื่อนไฟฟ้า RFID, CCTV ทั้งโครงการ, รั้ว 3 เมตร
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.75/10 – แบบสวยเปลี่ยนโฉมใหม่ เน้นช่องแสง และพื้นที่ใช้สอย มีตัวเลือกบ้านหลากหลาย
  • วัสดุ 8.25/10 – มาตรฐานของระดับนี้ ถ้าเป็นบ้านเดี่ยวและแฝด ชั้นบนเป็น Engineer Wood, สุขภัณฑ์ COTTO, แอร์ทุกห้อง, มีการเจาะช่องแสงเยอะพิเศษเน้นกระจกรอบบ้านและภายใน
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – มีสวนหย่อมที่ออกแบบ Landscape ได้ดี และมีต้นไม้ขนานกับรั้ว
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 –  อาคารนิติบุคคลพร้อมสระว่ายน้ำ, สวนหย่อม, พร้อมสนามเด็กเล่น 1 จุด
  • 8.18 / 10.00 (บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด)

BOTTOM LINE

Supalai Essence ลาดพร้าว เหมาะสำหรับครอบครัวขยายที่อยู่ในย่านลาดพร้าวตอนปลาย ซึ่งมีตัวเลือกบ้านตั้งแต่ขนาดเล็กไล่ไปใหญ่(ทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยว) อยู่ในซอยแต่พื้นที่รอบข้างมีความอุดมสมบูรณ์ระดับนึงและไม่เปลี่ยว ใช้ส่วนตัวเป็นหลักในการเดินทาง แต่หวังใช้รถไฟฟ้าในอนาคตอยู่บ้าง และมีส่วนกลางให้ใช้ในโครงการ มีงบประมาณ 4 – 11 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ  28,000 – 77,000 บาท