รีวิวโครงการ
บ้านเดี่ยวใกล้ทางด่วนฉลองรัช เริ่ม 18.9 ล้าน | SHAWN Wongwaen – Chatuchot | คิดเรื่องอยู่ EP.758
6 เมษายน 2024
SHAWN Wongwaen – Chatuchot (ฌอน วงแหวน – จตุโชติ) โครงการบ้านเดี่ยวติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก ใกล้ทางด่วน 2 สาย ทั้งทางด่วนรามอินทรา ด่านจตุโชติและทางด่วนวงแหวนฯ รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีคู้บอน ตัวบ้านออกแบบในสไตล์ Modern Classic รองรับครอบครัวขนาดใหญ่ ทุกห้องนอนมีห้องน้ำในตัว มี Double Volume สูง 6.5 เมตร ให้บรรยากาศโปร่งโล่ง พร้อมนวัตกรรมการอยู่อาศัยสบาย เริ่ม 18.9-30 ล้านบาท
ซึ่งแบรนด์ SHAWN เป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวใหม่ที่มีเอกลักษณ์งานดีไซน์หรูหราตามสไตล์ Singha Estate ที่ก่อนหน้านี้เราได้พาไปรีวิว SHAWN ปัญญาอินทรา กันมาแล้ว มาดูกันต่อเลยค่ะว่าโครงการนี้ออกแบบได้แตกต่างและน่าสนใจอย่างไรบ้าง
- ทำเลเดินทางสะดวก ติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก ใกล้ทางพิเศษฉลองรัช ด่านจตุโชติและวงแหวนกาญจนาภิเษก อีกท้ังใกล้ MRT สายสีชมพู สถานีคู้บอน เชื่อมไป BTS สายสีเขียวอ่อน, MRT สายสีม่วงและรถไฟฟ้าในอนาคตอย่างสายสีส้ม
- บ้านที่ดินใหญ่ พื้นที่ใช้สอยเยอะ เมื่อเทียบกับโครงการอื่นในละแวกเดียวกัน เป็นแบบบ้านที่มีทั้งที่ดินและฟังก์ชันใหญ่ มี 4-5 ห้องนอน รองรับครอบครัวใหญ่ได้สบายๆ
- โครงสร้างบ้านแบบ Conventional สามารถทุบต่อเติมได้ ปรับได้ตามการใช้งานและได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นด้วย
- ทุกยูนิตมี Double Volume สูง 6.5 เมตร ทำให้ได้บรรยากาศภายในบ้านโปร่งสบาย ออกแบบห้องมีหน้าต่าง 2 ฝั่งเพื่อให้ลมพัดผ่าน และเลือกใช้หน้าต่างกระจกทรงสูงรับแสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านดูสว่าง มีเตรียมโครงสร้างให้รองรับต่อเติมพื้นชั้น 2 บริเวณ Double Volume ได้
ข้อมูลโครงการ
SHAWN Wongwaen – Chatuchot (ฌอน วงแหวน – จตุโชติ) ณ วันที่ 19 มีนาคม 2567
ชื่อโครงการ | SHAWN Wongwaen – Chatuchot (ฌอน วงแหวน – จตุโชติ) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท สิงห์ เอสเตท จํากัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ติดถ.เลียบวงแหวนกาญจนา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 |
ที่ดิน | ประมาณ 46 ไร่ |
จำนวนยูนิต | จำนวน 158 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.8 เมตร และ Double Volume 6.5 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | N/A บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2566 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2569 |
เว็บไซต์โครงการ | คลิกที่นี่ |
Call Center | 1221 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights
- ติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก เดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวกสบาย
- ใกล้ 2 ทางด่วน ได้แก่ ทางพิเศษฉลองรัช (ด่านจตุโชติ) 3.4 กิโลเมตร และวงแหวนกาญจนาภิเษก ประมาณ 7.8-12.6 กิโลเมตร
- ใกล้ MRT สายสีชมพู สถานีคู้บอน มีระยะห่างประมาณ 5.3 กิโลเมตร เป็นตัวเลือกในการเดินทาง เชื่อมไป BTS สายสีเขียวอ่อน, MRT สายสีม่วงและรถไฟฟ้าในอนาคตอย่างสายสีส้ม
- ใกล้จุดตัดของถนนเทพรักษ์ ถนนตัดใหม่เชื่อมตั้งแต่ถนนวิภาวดีรังสิตไปถึงถนนนิมิตใหม่ เมื่อสร้างเสร็จจะช่วยทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น
- ความอุดมสมบูรณ์อิงมาทางสุขาภิบาล 5 ถนนสายไหม และถนนคู้บอน อย่าง Jas Green Village อีกทั้งบนเส้นรามอินทราก็มีทั้ง Fashion Island และ The Promenade
พิกัด Google Maps : 13.875521799485561, 100.6812851269813
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
SHAWN Wongwaen – Chatuchot (ฌอน วงแหวน – จตุโชติ) ตั้งอยู่ติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก เชื่อมต่อไปถนนคู้บอน ถนนรามอินทรา ถนนจตุโชติและถนนสุขาภิบาล 5 เดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกเลย
ถือเป็นอีกโครงการที่ตั้งอยู่ในย่านที่มีโครงการบ้านจัดสรรใหม่เกิดขึ้นเยอะมากๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ส่วนหนึ่งมาจากการขยายตัวมาจากแถวเกษตรนวมินทร์ – เลียบด่วนรามอินทรา – วัชรพล นอกจากโซนนี้แล้วยังมีโซนถนนคู้บอน-เลียบคลองสองที่เด่นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ จะอิงมาทาง Fashion Island, The Promenade มีร้านค้าร้านอาหารรายล้อมหลายแห่ง
ส่วนโซนเกษตรนวมินทร์หรือเลียบด่วนรามอินทราก็จะมี Community Mall อย่าง Central Easville, CDC และ The Crystal ซึ่งเดินทางมาจากโซนจตุโชติ ประมาณ 15 นาที ก็เชื่อมต่อเข้าสู่โซนนี้ได้เลย และหากวิ่งจาก Central Eastville มายังโครงการ ก็สามารถใช้ทางด่วนรามอินทรา (ฉลองรัช) ด่านรามอินทรา 1 มาลงด่านจตุโชติ เพื่อเดินทางมาโครงการได้สะดวกมากๆค่ะ
ส่วนที่ตั้งโครงการนี้จะได้เปรียบในเรื่องการเดินทาง ใกล้ทางด่วน 2 สายทั้งทางพิเศษฉลองรัช ด่านจตุโชติ และวงแหวนกาญจนาภิเษก อีกทั้งในอนาคตมีโครงการถนนตัดใหม่ส่วนต่อขยายในอนาคตของถนนเทพรักษ์ (เส้นประสีแดง) ที่หากทำเสร็จแล้วก็จะเชื่อมทำเลตั้งแต่ถนนวิภาวดีรังสิตไปจนถึงถนนนิมิตใหม่ได้เลยทีเดียว ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเวนคืนที่ดิน ถ้าถนนสร้างเสร็จก็จะช่วยทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น แถมที่ตั้งโครงการยังใกล้จุดตัดของถนนเส้นนี้อีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูเป็นตัวเลือกในการเดินทาง โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีคู้บอนในระยะ 5.3 กิโลเมตร ซึ่งได้เปิดบริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเดินทางเชื่อมไป BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีม่วงได้ อีกทั้งไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าในอนาคตอย่างสายสีส้มด้วยค่ะ
เส้นทางขึ้น-ลงทางด่วน
ทางพิเศษฉลองรัช
อย่างที่เราได้บอกไปนะคะว่าโครงการนี้โดดเด่นในเรื่องทำเลใกล้ทางด่วนถึง 2 สาย ทำให้สะดวกสบายมากเวลาที่ต้องไปทำงานหรือทำธุระทั้งในเมืองและนอกเมืองค่ะ
- ทางพิเศษฉลองรัช เป็นทางด่วนที่เชื่อมต่อกับถนนกาญจนาภิเษกอีกทีและใช้เพื่อวิ่งเข้าสู่ใจกลางเมืองง่ายทั้ง ลาดพร้าว, พระราม 9 – รัชดาภิเษก และเอกมัย – อ่อนนุชได้ โดยจุดขึ้น-ลงที่ใกล้ที่สุด คือ ด่านจตุโชติ อยู่ห่างจากโครงการ 3.4 กิโลเมตร
– ไปสนามบินดอนเมือง : ขับรถขึ้นทางด่วนตรงด่านจตุโชติแล้ว ใช้เส้นถนนตัดใหม่เทพรักษ์ออกมาตรงถนนพหลโยธิน เชื่อมต่อไปยังถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อเข้าสู่สนามบินดอนเมืองได้เลย
- วงแหวนกาญจนาภิเษก เป็นเส้นวงเเหวนที่วิ่งรอบเมืองกรุงเทพ ที่สามารถวิ่งออกนอกเมืองไปยังลาดกระบัง สุวรรณภูมิ รวมถึงบางนา – ตราด หรือจะใช้ขึ้นเหนือไปยังรังสิต – อยุธยาได้
– ไปทางอยุธยา : ขับรถเลียบทางคู่ขนานกาญจนาภิเษกมาเรื่อยๆ ฝั่งทางไปลำลูกกาและออกเมืองไปทางบางปะอิน-อยุธยา โดยมีระยะทางประมาณ 12.6 กิโลเมตร
ความอุดมสมบูรณ์หลักๆของโครงการจะอิงมาแถวสุขาภิบาล 5 ถนนสายไหม และถนนคู้บอนจะมีทั้งห้างใหญ่อย่าง Jas Green Village และตลาดอยู่หลายแห่ง ใกล้กับสถานศึกษาและโรงพยาบาลในระยะ 10 กิโลเมตร เช่น โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย, โรงเรียนร่วมฤดี (RIS Early Years Campus), โรงเรียนสาธิตพัฒนา, โรงพยาบาลสินแพทย์, โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ และโรงพยาบาลซีจีเอช สายไหม เป็นต้น นอกจากนั้นตรงเส้นรามอินทราก็มีทั้ง Fashion Island และ The Promenade
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริเวณโดยรอบโครงการ SHAWN Wongwaen – Chatuchot (ฌอน วงแหวน – จตุโชติ) เป็นโซนที่อยู่อาศัยเลียบถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่จึงเป็นหมู่บ้านสลับกับที่ดินเปล่าที่มีศักยภาพในการพัฒนาในอนาคต ทำให้บรรยากาศของทำเลค่อนข้างเงียบสงบ เป็นส่วนตัว
- ทิศเหนือ ติดกับ หมู่บ้านและที่ดินเปล่า
- ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก
- ทิศใต้ ติดกับ ที่ดินเปล่า
- ทิศตะวันตก ติดกับ ที่ดินเปล่า
ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการเมื่อมองไปฝั่งตรงข้ามจะเป็น Motorway สาย 9
ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการเมื่อมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นที่ดินเปล่า
ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการเมื่อมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหมู่บ้านจัดสรร
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- JAS Green Village ~ 3.6 กม.
- Maxvalu คู้บอน ~ 3.8 กม.
- Lotus’s คู้บอน ~ 4.5 กม.
- Fashion Island ~ 6.0 กม.
- The Promenade ~ 10 กม.
- Plearnary Mall ~ 11.0 กม.
- Central Eastville ~ 13.0 กม.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลสินแพทย์ ~ 6.5 กม.
- โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ ~ 6.7 กม.
- โรงพยาบาลซีจีเอช สายไหม ~ 8.5 กม.
โรงเรียน
- โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย ~ 4.0 กม.
- โรงเรียนร่วมฤดี (RIS Early Years Campus) ~ 6.0 กม.
- โรงเรียนสาธิตพัฒนา ~ 7.0 กม.
- โรงเรียนนานาชาติกีรพัฒน์ ~ 8.9 กม.
- โรงเรียนเลิศหล้า (เกษตร-นวมินทร์) ~ 9.3 กม.
อื่นๆ
- ซาฟารีเวิลด์ ~ 8.1 กม.
- สวนสยาม ~ 8.8 กม.
- สนามบินดอนเมือง ~ 22.0 กม.
รายละเอียดโครงการ
Highlights
- บ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ ออกแบบในสไตล์ Modern Classic จาก Singha Estate
- ส่วนกลางแบ่งเป็น 2 โซน กระจายส่วนกลางเพื่อให้ลูกบ้านใช้งานได้อย่างทั่วถึง
- Main Park บริเวณกลางโครงการ ลูกบ้านเข้าถึงและใช้งานได้ง่าย
- ตำแหน่งบ้านหลากหลาย เลือกได้ทั้งขับรถเข้าออกง่าย รับวิวส่วนกลางหรือได้ความเป็นส่วนตัวทั้งโซนบ้านที่ติดถนนหลัก, อยู่ในซอยที่เป็นซอยตันและถนนหน้าบ้านแบบวน Loop
- บ้านหันหน้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีให้เลือกทั้งบ้านได้แดดอ่อนๆ รับลมดี หรือบ้านที่ชอบแดดจัด ตากผ้าแห้งเร็ว
SHAWN (ฌอน) เป็นบ้านเดี่ยวระดับ HIGH – LUXURY CLASS แบรนด์ใหม่ของ Singha Estate ที่มีราคาจับต้องง่ายขึ้นกว่าแบรนด์ S’RIN, SIRANINN และ SANTIBURI นั่นเอง แต่ทางโครงการก็ยังคงความใส่ใจในรายละเอียดและความน่าสนใจในตัวบ้านไม่แพ้กับแบรนด์รุ่นพี่เลยค่ะ
แบรนด์ SHAWN (ฌอน) นี้เพิ่งเปิดตัวบน 2 ทำเลด้วยกัน ซึ่งเราได้พาไปรีวิวเจาะลึก SHAWN ปัญญาอินทรา บ้านเดี่ยวในสไตล์ Modern Tropical ราคาเริ่มต้น 22-45 ล้านบาทกันมาแล้ว ในวันนี้เราพามาดู SHAWN Wongwaen – Chatuchot (ฌอน วงแหวน – จตุโชติ) เป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Classic ตั้งอยู่ติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก มีจำนวนทั้งหมด 158 ยูนิต บนเนื้อที่ประมาณ 46 ไร่ มีราคาเริ่มต้น 18.9-30 ล้านบาท โครงการในปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างค่ะ แต่จะมีโซนบ้านใกล้ Clubhouse ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วและเปิดให้เยี่ยมชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 30-31 มี.ค.นี้
จากที่เราได้สังเกต Master Plan โครงการแล้ว สามารถสรุปจุดเด่นที่น่าสนใจได้ 4 อย่าง ดังนี้
- ส่วนกลางแบ่งเป็น 2 โซน ทำให้ลูกบ้านมาใช้งานได้อย่างทั่วถึง โดย Clubhouse อยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ เป็นเหมือนมุมต้อนรับที่สวยงามเวลาขับรถเข้า-ออกโครงการ นิติบุคคลก็ดูแลรักษาให้สวยงามได้ตลอดเวลา รวมถึงเป็นการแยกการใช้งาน ทำให้โซนบ้านมีความสงบและส่วนตัวขึ้น ส่วนบริเวณกลางโครงการจะเป็น Main Park ที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แต่เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วจะช่วยเพิ่มบรรยากาศร่มรื่นและน่าอยู่อาศัยให้โครงการ
- ตำแหน่งบ้านหลากหลาย ทั้งโซนบ้านที่ติดถนนหลักเดินทางเข้าออกสะดวก, โซนที่อยู่ในซอยที่เป็นซอยตันก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และโซนที่ถนนหน้าบ้านแบบวน Loop ก็สามารถเข้าออกได้หลายทาง
- การจัดโซนบ้าน โซนบ้านหลังใหญ่จะอยู่ตรงกลางโครงการ ติดถนนหลัก ใกล้ทั้ง Clubhouse และ Main Park ทำให้เดินทางเข้า-ออกและเปิดรับวิวส่วนกลางได้ดี ส่วนแบบบ้านเริ่มต้นและบ้านหลังกลางจะกระจายอยู่โดยรอบ ซึ่งแบบบ้านหลังกลางส่วนใหญ่จะอยู่ติดถนนหลักและอยู่ใกล้ Main Park ได้วิวสวนสีเขียว ในขณะที่แบบบ้านเริ่มต้นของโครงการจะมีบ้านแปลงมุมที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูง ในราคาเริ่มต้นดีค่ะ
- ทิศของบ้าน ส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะได้แดดอ่อนๆในตอนเช้าและได้ลมดีๆพัดเข้าบ้านเย็นสบาย และบ้านที่หันไปทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะโดนแดดเยอะ แต่ก็ได้ลมดี มีข้อดีในเรื่องบ้านดูสว่างและการตากผ้าต่างๆก็แห้งเร็ว แต่ใครที่อยากลดความร้อนจากแดดก็สามารถติดที่บังแดดอย่างม่านสะท้อนแดดเพิ่มได้ค่ะ
โครงการจะอยู่ติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนา ดูโอ่อ่าตั้งแต่ Maingate ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับอาคาร Clubhouse 2 ชั้น สามารถมองเห็นป้ายชื่อโครงการได้ชัดเจนจากถนนเลย โดยซุ้มประตูจะมีระยะร่นจากถนนหลัก ทำให้รถสามารถต่อแถวเข้า – ออกได้สะดวก ไม่ทำให้การจราจรติดขัดตรงถนนด้านหน้าโครงการนั่นเอง
ส่วนบริเวณด้านข้างของซุ้มประตูจะมีการจัดสวนอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งปลูกหญ้า ต้นไม้ต้นเล็กและใหญ่ เพิ่มบรรยากาศร่มรื่น สดชื่น และช่วยนำสายตาเข้าสู่ด้านในของโครงการได้ดีเลยค่ะ
ซุ้มประตูของโครงการมีหลังคาคลุมกันแดดกันฝน ออกแบบในสไตล์ Modern Classic ใช้ขาว-ดำเป็นหลัก มีการย่อมุมอาคารดูสวยงาม ส่วนประตูทางเข้า – ออกโครงการเป็นรั้วไม้กั้นกระดกและประตูเหล็กบานเลื่อน แยกใช้งานเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 2 ช่องทาง โดยมีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลางและมีการแบ่งช่องแยกการใช้งานระหว่างลูกบ้านและแขก
ระบบในการเปิด-ปิดประตูจะเป็นระบบ RFID เหมือน Easy Pass ทางด่วน ทำให้ลูกบ้านสามารถขับเข้าภายในโครงการได้เลย ส่วนแขกที่มาติดต่อจะต้องแลกบัตรกับเจ้าหน้าที่ในช่องทางขวา พร้อมติดตั้งระบบ CCTV ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยค่ะ
ข้างๆ ซุ้มประตูจะมีทางเดินเข้า-ออกแยกไว้ สำหรับลูกบ้านที่ไม่ได้ใช้รถก็สามารถเดินเข้าออกได้อย่างปลอดภัย และมีกล้อง CCTV ติดตั้งรอบโครงการทั้งหมด 41 จุด
เมื่อเข้ามาภายในโครงการจะเจอกับวงเวียนต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่สร้างบรรยากาศและความประทับใจแรกเวลามีแขกมาเยี่ยมโครงการได้ดีค่ะ โดยเป็นพื้นที่ให้สามารถกลับรถได้สะดวกด้วย
จากตรงวงเวียนต้นไม้จะมองเห็น Clubhouse และสวนสีเขียวที่อยู่บริเวณด้านหน้าโครงการค่ะ
ถนนหลักของโครงการมีความกว้างอยู่ที่ 12 เมตร เพื่อแยกไปซอยย่อยต่างๆในโครงการ
ส่วนถนนภายในโครงการมีความกว้าง 9 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่รถยนต์สามารถขับสวนกันได้สบาย
Clubhouse ออกแบบเป็นสไตล์ Modern Classic เน้นโทนสีขาว-ดำ และการย่อมุมอาคารดูเรียบหรู โดยตั้งอยู่ติดซุ้มประตูโครงการเลยค่ะ ที่นอกจากจะเป็นมุมต้อนรับแขกที่สวยงามแล้ว ยังเป็นการออกแบบเพื่อแบ่งแยกจากโซนบ้านพักอาศัย ทำให้ลูกบ้านได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนทางนิติบุคคลก็ดูแลรักษา Clubhouse ให้สวยงามได้ง่ายด้วย
บริเวณโดยรอบของ Clubhouse มีการจัดสวนสีเขียวไว้อย่างสวยงามเลย ทั้งสนามหญ้า ไม้พุ่ม ไม้ดอกและต้นไม้ใหญ่ ที่เลือกใช้หลากหลายสายพันธุ์ ทำให้สวนโดยรอบนี้ดูมีมิติและสีสันสดใส เพิ่มบรรยากาศน่าอยู่อาศัยให้โครงการ ส่วนบริเวณด้านหน้าอาคารจะมีบันไดทางขึ้น-ลง ส่วนทางลาดและพื้นที่จอดรถส่วนกลางจะอยู่ทางด้านข้างอาคารค่ะ
โถงทางเข้าของ Clubhouse เป็นโถงสูง มีหลังคาคลุมกันแดดกันฝน เมื่อเข้าไปด้านในจะเป็นพื้นที่แบบ Double Volume ฝ้าเพดานสูง ดูเรียบหรู สร้างความประทับใจแรกได้ดี
ภายในอาคารก็เลือกตกแต่งเป็นโทนสีขาว และเน้นกรอบบานประตูหน้าต่างด้วยสีดำ ทำให้ได้บรรยากาศภายในโปร่งโล่ง ดูสว่าง สบายตา แต่ยังคงความเรียบหรูได้ดี
ทางฝั่งซ้ายของอาคารจะเป็น Leisure Lounge (Lobby) และทางเดินไปสระว่ายน้ำด้านหน้าอาคาร ส่วนทางฝั่งขวาของอาคารจะเป็น Biz Lounge (Co-Working Space) และบันไดขึ้นไปชั้น 2 ที่มี S Gym และ Joy Chamber (Game Room)
เราจะพาไปดูฝั่งซ้ายกันก่อนนะคะ จะเริ่มที่ Leisure Lounge (Lobby) และค่อยพาเดินออกไปดูสระว่ายน้ำ
Leisure Lounge (Lobby) เป็นพื้นที่ต้อนรับรองรับแขกนั่นเอง หรือจะมานั่งเล่นพูดคุยพักผ่อนก็ได้เหมือนกัน โดยออกแบบเป็น Double Volume ฝ้าเพดานสูง นอกจากนั้นยังออกแบบผนังทั้ง 3 ด้านของห้องเป็นกระจก ทำให้เพิ่มบรรยากาศภายในดูโปร่งโล่งมากขึ้น พร้อมจัดชุดโซฟาและโต๊ะกลางไว้ 2 จุด เผื่อการใช้งานพร้อมกัน
ผนังของห้องฝั่งนี้ที่ออกแบบเป็นกระจก นอกจากจะช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้องแล้ว เวลาที่นั่งใช้งานอยู่ภายในห้องนี้ก็ได้วิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านหน้าอาคารด้วยค่ะ
มีทางเดินยาวอยู่ข้างๆกับ Leisure Lounge (Lobby) เพื่อเดินเชื่อมออกไปสระว่ายน้ำด้านนอกอาคาร ส่วนด้านข้างของทางเดินก็มี Juristic Room ห้องทำงานของนิติบุคคลด้วย
เมื่อออกมาจากอาคารจะเป็นโซนห้องน้ำที่แบ่งฝั่งชาย-หญิง และมีห้องน้ำรองรับผู้ที่ใช้วีลแชร์ด้วย
ห้องน้ำรองรับวีลแชร์
ห้องน้ำนี้ออกแบบรองรับผู้ใช้งานวีลแชร์ โดยเลือกใช้เป็นประตูบานเลื่อน เปิด-ปิดประตูได้สะดวก ทางเข้าห้องน้ำมีขนาดใหญ่ สามารถเข็นวีลแชร์เข้าไปได้เลย นอกจากนั้นทางโครงการก็เลือกใช้สุขภัณฑ์ที่มีความโค้งมน พร้อมราวจับช่วยพยุงลุก-นั่งเวลาใช้งานด้วยค่ะ
ห้องน้ำ
เราพาไปดูห้องน้ำหญิงนะคะ ภายในห้องน้ำจะมีเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ มีพื้นที่กว้าง ด้านข้างจะมีตู้ Locker ไว้เก็บกระเป๋าหรือเสื้อผ้าเวลาที่มาใช้งานสระว่ายน้ำได้สะดวก และนอกจากจะมีห้องน้ำแล้วยังมีพื้นที่อาบน้ำล้างตัวมาให้ 2 ห้อง เผื่อคนที่อยากอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยหลังว่ายน้ำเสร็จค่ะ ซึ่งทั้งห้องน้ำชาย-หญิงจะมีประตูทางเข้า-ออกอีกทางอยู่ด้านหลังด้วยนะคะ
เมื่อเราเดินออกมาจากทางด้านขวาของรูปภาพนี้ จะเห็นว่าด้านข้างกำแพงจะมีช่องที่สามารถเดินเข้าไปได้ด้วย ซึ่งเป็นทางเดินเพื่อเข้าใช้งานห้องน้ำจากทางด้านหลังนั่นเอง
เมื่อเราเดินเข้าไปจะเจอกับประตูทางเข้า-ออกห้องน้ำ ซึ่งเป็นประตูด้านหลังห้องน้ำนะคะ เหมาะกับคนที่ว่ายน้ำก็สามารถเดินเข้าใช้งานได้จากตรงนี้เลย สะดวกดีค่ะ ไม่ต้องเดินตัวเปียกไปเข้าด้านหน้า ส่วนประตูทางเข้าด้านหน้าของห้องน้ำที่เราพาไปดูก่อนหน้านี้ เรามองว่าเหมาะกับคนที่มาใช้งานภายในอาคาร Clubhouse มากกว่า
สระว่ายน้ำ
เมื่อเดินออกมาจากตรงโซนห้องน้ำที่เราไปพาไปดูก่อนหน้านี้ จะออกมาเจอกับทางเดินเชื่อมไปบริเวณสระว่ายน้ำ ซึ่งบริเวณโดยรอบจะมีจัดสวนสีเขียวไว้ดูร่มรื่นเลย
สระว่ายน้ำของโครงการจะอยู่ด้านหน้าอาคาร Clubhouse เลย เป็นสระระบบเกลือ ขนาด 6.00×25.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร โดยแบ่งสระเด็ก ขนาด 1.80×4.00 เมตร ลึก 0.50 เมตร พร้อม Jacuzzi และพื้นที่นั่งริมสระ
สระว่ายน้ำจะเป็นสระกลางแจ้งที่มาใช้งานตอนกลางวันจะแดดแรงหน่อย แต่โดยรอบของสระมีการปลูกต้นไม้ไว้ เพิ่มบรรยากาศร่มรื่นและบังแดดได้บางส่วน อีกทั้งมีการยกระดับสระที่สูงกว่าพื้นถนนและมีต้นไม้ใหญ่ที่ช่วยพรางสายตาจากคนบนถนนและเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย
ต่อมาเรากลับเข้ามาด้านใน Clubhouse บริเวณ Foyer กันต่อค่ะ ทางฝั่งด้านขวาจะเป็น Biz Lounge (Co-Working Space) และบันไดขึ้นไปชั้น 2
Biz Lounge (Co-Working Space) มีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย แต่ยังคงความเรียบหรูไว้ได้ดี รวมถึงความโปร่งโล่งภายในห้องที่มีช่องหน้าต่างกระจกเกือบเต็มผนังทั้ง 2 ด้าน เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวสวนสีเขียวโดยรอบอาคาร Clubhouse
ภายในห้องจัดมุมโซฟาไว้ 2 มุม รองรับการใช้งานพร้อมกันได้ เหมาะมานั่งทำงานหรือพักผ่อนในบรรยากาศที่เป็นกันเองมากขึ้น
ด้านข้าง Biz Lounge (Co-Working Space) จะเป็นบันไดเดินขึ้นไปชั้น 2 ซึ่งมีติดป้ายชื่อห้องไว้เรียบร้อย เห็นได้ชัดเจนดี
พอขึ้นมาชั้น 2 จะเป็นทางเดินที่ตรงไปพื้นที่นั่งพักผ่อนอีกจุด และทางแยกไป S Gym และ Joy Chamber (Game Room)
พื้นที่นั่งเล่นบริเวณนี้จะเป็นแบบ Semi Outdoor ที่จะได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังได้บรรยากาศที่เป็นกันเองอยู่ มีช่องแสงจากทั้ง 3 ด้านได้วิวสวนสีเขียวด้วย
ต่อมาเราจะพาไปบริเวณของ S Gym และ Joy Chamber (Game Room) โดยบริเวณด้านหน้านี้จะมีมุมตั้งชั้นวางของเป็นมุมต้อนรับสวยงามดีค่ะ
หลังจากเราผ่านประตูมาแล้วจะเป็นทางเดินยาวที่ด้านข้างจะเป็น Joy Chamber (Game Room) ส่วนด้านในสุดทางเดินจะเป็น S Gym ส่วนด้านข้างทางเดินนี้จะเป็น Double Volume จาก Leisure Lounge (Lobby) นั่นเอง ทำให้บริเวณนี้ได้ลมแอร์จากด้านล่างด้วยค่ะ
Joy Chamber (Game Room)
Joy Chamber (Game Room) เป็นห้องเล่นเกม ทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งทางโครงการก็ได้มีตั้งโต๊ะสนุกเกอร์ บอร์ดเกม และชุดโซฟา-ทีวี สำหรับเล่นเกมกับเพื่อนๆได้ มี PlayStation 5 พร้อมจอยเกมมาให้ครบเลย
S Gym
S Gym พื้นที่ออกกำลังกายที่ทางโครงการได้เลือกใช้เครื่องออกกำลังกายของ Rebox (แบรนด์จากประเทศอังกฤษ) มาให้ครบครันทั้ง Cardio และ Weight Training ให้ลูกบ้านมาออกกำลังกายพร้อมกันได้ประมาณ 10 คน ซึ่ง S Gym จะมีระเบียงเปิดออกไปเพื่อมายืนพัก รับลมชมวิว มองเห็นวิวสวนและสระว่ายน้ำด้านล่างได้ทั้งตรงระเบียงและขณะออกกำลังกายเลย
สวนสีเขียว 170 ตารางวา ตรงข้าม Clubhouse
บริเวณตรงข้าม Clubhouse จะมีสวนสีเขียวขนาดประมาณ 170 ตารางวา ที่เป็นพื้นที่พักผ่อนและเดินออกกำลังกายได้ เราชอบตรงที่นอกจากจะมีสนามหญ้า ปลูกต้นไม้ใหญ่ พร้อมที่นั่งพักผ่อนแล้ว ยังมีการออกแบบเป็นเนินให้เด็กๆมาปีนป่ายได้ รวมถึงเนินนี้ยังมีความสูงบังพื้นที่นั่งพักผ่อน เมื่อมองจากถนนด้วย เป็นการช่วยพรางสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวขณะมานั่งที่สวนนี้ได้ดีเลย นอกจากนั้นสวนนี้ยังเป็นวิวสีเขียวต้อนรับ ให้บรรยากาศร่มรื่นตั้งแต่เข้าสู่โครงการได้ดีเลยค่ะ
ส่วนกลางโครงการนอกจากจะมีอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการแล้ว ยังมีส่วนกลางอยู่บริเวณกลางโครงการด้วย เพื่อให้ลูกบ้านเข้าใช้ส่วนกลางได้อย่างทั่วถึง โดยจะเป็น Main park สวนสีเขียวขนาดประมาณ 628 ตารางวา ออกแบบเป็นสวนที่สามารถใช้งานได้ทุกวัย ประกอบด้วย Children’s Playground ให้เด็กๆมาเล่นสนุกกัน, Pet Potty สำหรับสัตว์เลี้ยง, Pavilion พื้นที่นั่งพักผ่อน และหินนวดเท้าสำหรับผู้สูงอายุค่ะ ซึ่งปัจจุบันยังคงอยู่ในระหว่างก่อสร้างนะคะ แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็จะช่วยเพิ่มบรรยากาศร่มรื่น น่าอยู่อาศัยให้โครงการได้ดีเลย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse บริเวณด้านหน้าโครงการประกอบไปด้วย
- Leisure Lounge (Lobby)
- Biz Lounge (Co-Working Space)
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6.00×25.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร
- แบ่งสระเด็ก ขนาด 1.80×4.00 เมตร ลึก 0.50 เมตร
- Jacuzzi
- S Gym
- Joy Chamber (Game Room)
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 2 จุด ได้แก่ บริเวณตรงข้าม Clubhouse 170 ตารางวา และ Main park กลางโครงการ 628 ตารางวา
- Children’s Playground
- Pet Potty
- Pavilion
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ จำนวน 41 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 3.00 เมตร พร้อมรั้วเหล็กแหลมขึ้นมาอีก 1 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 12 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร
- Key Card Access ใช้ระบบ RFID เหมือน Easy Pass ทางด่วน
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบรั้วกั้นไม้กระดกและรั้วเหล็กรางเลื่อน
- ระบบไฟในโครงการ รองรับ 3 เฟส (มีเสาไฟ, สายไฟร้อยท่อลงดิน, มี Junction EV Charger ได้ถึง 22 kW. ในทุกตัวบ้าน)
แบบบ้าน
Highlights
- บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Classic ในโทนสีขาว-ดำ
- โครงสร้างแบบ Conventional แข็งแรงทนทาน สามารถต่อเติมและทุบปรับเปลี่ยนได้ พร้อมลงเสาเข็มทั้งตัวบ้านและพื้นที่จอดรถ
- ทุกยูนิตมีพื้นที่แบบ Double Volume สูง 6.5 เมตร ทำให้บรรยากาศในบ้านดูโปร่งสบาย
- เตรียมโครงสร้างต่อเติมพื้นชั้น 2 บริเวณ Double Volume รองรับการใช้งานตามความต้องการ ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นด้วย
- มีทางลาดรองรับวีลแชร์ เชื่อมจากที่จอดรถเพื่อเข้าสู่ตัวบ้าน
- พื้นที่ภายในบ้านโปร่งโล่ง ออกแบบเป็น Open Plan ขนาดใหญ่ เชื่อมทั้งพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหารและมุม Pantry
- ห้องนอนชั้นล่างและห้องน้ำในตัว รองรับเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ ออกแบบพื้นเรียบเสมอกัน เข็นวีลแชร์ได้สะดวก
- ออกแบบแยกฝั่งห้องนอน Master Bedroom ที่แยกอยู่ห้องเดียว ได้ความเป็นส่วนตัวสูง
- ทุกห้องนอนมีห้องน้ำในตัว ใช้งานได้สะดวก
- Master Bedroom ขนาดใหญ่ มีพื้นที่นั่งเล่น, Walk – in Closet, ห้องน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำ
- Family Area ในทุกแบบบ้าน ใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นหรือทำงานได้
SHAWN Wongwaen – Chatuchot (ฌอน วงแหวน – จตุโชติ) เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์ Modern Classic ออกแบบโทนสีขาว-ดำ เพิ่มลูกเล่นด้วยการย่อมุมอาคาร เลือกใช้หน้าต่างกระจกทรงสูง และเน้นกรอบประตูหรือหน้าต่างด้วยสีดำ เพิ่มมิติและความสวยงามให้กับหน้าบ้านค่ะ
นอกจากนี้ทางโครงการได้ออกแบบคำนึงถึงทิศทางแดด, ลม, ฝน เพื่อให้บ้านมีสภาวะอยู่อาศัยสบายอย่างห้องส่วนใหญ่จะมีหน้าต่าง 2 ฝั่งเพื่อให้ลมพัดผ่านได้, หน้าต่างกระจกทรงสูงทำให้ภายในบ้านดูโปร่งโล่ง และออกแบบรองรับการต่อเติมในอนาคต ด้วยการเตรียมโครงสร้างให้รองรับการเติมพื้นชั้น 2 บริเวณ Double Volume ได้นั่นเอง โดยรูปแบบบ้านในโครงการมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบบ้าน ดังนี้
- Residence I (Type L) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 94 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 369 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 2 พื้นที่พักผ่อน / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ (3 คันในร่ม) - Residence II (Type M) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 83 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 327 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 พื้นที่พักผ่อน / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ - Residence III (Type S) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 72 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 283 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 พื้นที่พักผ่อน / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
บ้านของโครงการนี้มีพื้นที่ชั้น 1 แบบ Open Plan เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่,ห้องครัวแบบปิดทำอาหารได้จริงจัง, Service area แยกจากบ้านชัดเจนเป็นสัดส่วน, ห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง และ Family area จัดเป็นห้องพักผ่อนหรือห้องทำงานส่วนตัวได้ อีกทั้งได้พื้นที่แบบ Double Volume ในทุกยูนิตทำให้บรรยากาศภายในบ้านโปร่งโล่งมากๆ
เรามองว่าโครงการนี้เหมาะกับครอบครัวที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 2-6 คนได้เลย ไม่ว่าจะมีลูก มีสัตว์เลี้ยง หรือ ผู้สูงอายุก็อยู่สบาย มีทั้งทางลาดและห้องนอนชั้นล่างในทุกยูนิต รวมถึงห้องแม่บ้านเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกอีกด้วย
โดยแบบบ้าน Residence III (Type S) และ Residence II (Type M) จะเป็นบ้านหน้ากว้าง มีฟังก์ชันคล้ายกันเลย แต่ Residence II (Type M) จะมีพื้นที่ใช้สอยใหญ่ขึ้นและมีฟังก์ชันบางอย่างเพิ่มขึ้นมา ส่วน Residence I (Type L) จะออกแบบเป็นแปลนรูปตัว L ทำให้ได้พื้นที่ Backyard สวนสีเขียวในบ้าน และมีฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ และ 4 ที่จอดรถ (3 คันในร่ม) มีที่ดินเริ่มต้นเกือบ 100 ตร.วาเลยด้วย อีกทั้งแบบบ้านนี้ออกแบบมารองรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยทั้งห้องนอนและห้องน้ำที่สามารถเข็นวีลแชร์เข้า-ออกใช้งานได้ง่าย
โครงสร้างและวัสดุภายในบ้าน
- หลังคาทรงปั้นหยา โครงหลังคาเหล็กรูปพรรณกึ่งสำเร็จรูป (SMART TRUSS)
- โครงสร้างบ้านแบบ Conventional สามารถทุบผนังต่อเติม ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันในอนาคตสะดวก
- ที่จอดรถ ลงเสาเข็มเฉพาะที่หลังคาโรงจอดรถคลุม วัสดุพื้นทรายล้าง
- ลานซักล้างเป็นแบบ Slab on Ground
- ประตูรั้วหน้าบ้าน : ประตูเหล็กเลื่อนทำสี / มีการเดินสายไฟรอระบบอัตโนมัติไว้
- พื้นชั้น 1
– พื้นที่ Common Area และ ห้องครัว : กระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 80×80 เซนติเมตร
– Terrace : กระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร
– ห้องนอนชั้นล่าง : พื้น SPC ลายไม้
– ห้องแม่บ้านและห้องเก็บของ : กระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 30×30 เซนติเมตร - พื้นชั้น 2 : พื้น SPC ลายไม้
- พื้นของ Powder Room และห้องน้ำ : กระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร
- ผนังภายในติด Wallpaper ไวนิลมาให้ทั้งชั้น 1 และ 2
- ห้องครัว ก่อเคาน์เตอร์ครัวปูน กรุกระเบื้องพอร์ซเลน Top หินแกรนิต พร้อมบานปิดหน้าตู้ด้านล่าง, ติดตั้งกระเบื้อง Backsplash และ อ่างล้างจานจาก TEKA พร้อมปลั๊กไฟใต้อ่างล้างจานรองรับอุปกรณ์เครื่องกรองน้ำและต่องานระบบรองรับ Hood ไว้ให้ด้วย
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก COTTO, KOHLER และ LAVENZ เป็นหลัก
- บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วย SPC (เฉพาะ Residence I (Type L) ปิดผิวด้วยไม้ยางประสาน)
- กรอบประตูหน้าต่างอลูมิเนียม ผิว powder coated
- ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 30(100)A รองรับการติดตั้ง EV Charger ได้ถึง 22 kW.
- ไฟ LED แบบดาวน์ไลท์
- จัดสวนตามมาตรฐานโครงการ ปูสนามหญ้าและต้นไม้ใหญ่ (เฉพาะ Residence I (Type L) มีไม้พุ่มแลโรยหิน)
เทคโนโลยี
- S-Air system (Active Air Flow) ลดความร้อนภายในบ้าน
- Magnetic Sensor ทั้ง 2 ชั้น ทุกบานประตูหน้าต่าง เป็นระบบ Wire Sensor เดินสายให้ เสถียรกว่าแบบแบตเตอรี่
- Smart Outdoor Camera แจ้งเตือนหากมีคน/สัตว์/รถ ผ่านมาใกล้บ้าน ด้วย Motion Sensor ยี่ห้อ NETATMO
- Digital Door Lock ที่ประตูหลักของ Residence I (Type L) และประตูทางเข้ารองของ Residence II (Type M) และ Residence III (Type S)
- Emergency Light System 2 จุด บริเวณโถงบันได 2 ชั้น และ Electrical Room
- Heat Detector ในห้องครัว
- Smoke Detector ใน Electrical Room
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
Residence I (Type L)
แบบบ้านแรกที่เราจะพาไปดูจะเป็นบ้านหลังใหญ่สุดของโครงการ Residence I (Type L) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 94 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 369 ตร.ม. ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 2 พื้นที่พักผ่อน / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ (3 คันในร่ม) ซึ่งโดดเด่นด้วยแปลนบ้านรูปตัว L ทำให้มี Backyard พื้นที่สวนเพิ่มขึ้นมานั่นเอง เป็นวิวสีเขียวให้กับตัวบ้านและห้องนอน ได้บรรยากาศน่าอยู่อาศัยมากขึ้น และเป็นแบบบ้านที่มีถึง 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ และจอดรถได้มากถึง 4 คัน รองรับการอยู่อาศัยได้ 6-7 คนเลยค่ะ
ชั้น 1
- ที่จอดรถ 4 คัน (จอด 3 คันในร่ม)
- โถงทางเข้าด้านหน้าบ้านมีซุ้มชายคากันแดดและฝน มีตู้เก็บรองเท้าและร่มได้สะดวก พร้อมทางลาดรองรับวีลแชร์จากพื้นที่จอดรถ
- ประตูทางเข้าบ้าน ออกแบบร่นเข้าไปด้านใน ทำให้ไม่โดนแดดและฝน
- Foyer พื้นที่ต้อนรับ สามารถตั้งชั้นวางของ หรือพวกชั้นวางรองเท้าและที่นั่งใส่รองเท้าได้
- Shoes Room พื้นที่สำหรับเก็บรองเท้า
- พื้นที่ Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น Pantry และพื้นที่รับประทานอาหาร
- พื้นที่นั่งเล่น 2 จุดเชื่อมต่อกัน ใช้รองรับแขกและสำหรับนั่งพักผ่อนภายในครอบครัวได้
- พื้นที่รับประทานอาหารและ Pantry ออกแบบ Double Volume
- ห้องน้ำชั้น 1 แบบ Powder Room รองรับแขก
- ห้องครัวแบบปิด มีประตูกั้นทำเป็นครัวไทยได้
- ลานซักล้าง สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากผ้า
- ห้องนอนชั้นล่าง พร้อมห้องน้ำในตัว ออกแบบรองรับผู้สูงอายุ พร้อม Terrace ที่เชื่อมต่อ Backyard สำหรับพักผ่อน
- ห้องเก็บของใต้บันไดขนาดใหญ่ เปิดใช้งานจากด้านข้างบ้าน
- ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ เดินเชื่อมไปห้องครัวได้ง่าย
ชั้น 2
- Family Area พื้นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัว หรือทำเป็นพื้นที่ทำงานได้
- ออกแบบแยกฝั่ง Master Bedroom และห้องนอนอื่นๆ
- พื้นที่ Double Volume สามารถต่อเติมกั้นพื้นปิด ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น
- Master Bedroom ขนาดใหญ่ มีพื้นที่นั่งเล่นในห้อง พร้อม Walk – in Closet และห้องน้ำในตัว
- Master Bathroom แบ่งเป็นสัดส่วน มีอ่างอาบน้ำและฉากกั้นกระจกอาบน้ำติดตั้งมาให้
- ห้องนอนรองสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้ มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง
- ห้องนอนรอง 1 และ 2 มี Walk – in Closet และระเบียงยาวเชื่อมต่อกัน
- ห้องนอนรอง 3 เปิดรับวิว Backyard สวนภายในบ้าน
ประตูรั้วบ้านจะได้ประตูเหล็กบานเลื่อนทำสี แบบซี่ๆ ทำให้หน้าบ้านดูโปร่ง ไม่อึดอัด โดยจะเลื่อนเข้าไปซ่อนอยู่ที่ผนัง สามารถขับรถเข้า-ออกได้สะดวก พร้อมเดินสายไฟรอติดตั้งระบบอัตโนมัติไว้ให้
บริเวณด้านหน้าบ้านมีติดตั้งถังขยะที่เปิดทิ้งได้จากด้านใน และออกแบบช่วยพรางตาให้หน้าบ้านดูเรียบร้อย และมีกล่องไปรษณีย์ที่มีขนาดใหญ่ สามารถเปิดใส่พัสดุขนาดเล็ก-กลางได้สะดวกดี
แบบบ้านนี้จะสามารถจอดได้ 4 คัน แต่จะมีหลังคาที่ยื่นเกินออกมาทางด้านขวาที่บังแดดและฝนไม่ให้โดนรถได้เพียงบางส่วน ทำให้มีจำนวนรถที่จอดในร่ม 3 คัน
ส่วนที่จอดรถอีก 1 คันทางด้านขวา เรามองเป็นตำแหน่งสำหรับจอดรถที่ใช้งานบ่อยๆ หรือรถที่ใช้งานมานานแล้ว ไม่ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ หรือใครอยากต่อเติมหลังคาออกมาให้บังแดดรถได้เต็มคันก็แนะนำให้ลงเสาเข็มเพิ่มเติมนะคะ
พื้นที่จอดรถนี้จะลงเสาเข็มมาให้เฉพาะที่หลังคาโรงจอดรถคลุมไว้นะคะ ส่วนวัสดุของพื้นจะเป็นทรายล้าง สามารถดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่าย
บริเวณพื้นที่จอดรถมีติดตั้ง Smart Outdoor Camera ยี่ห้อ NETATMO ที่คอยตรวจจับคน, สัตว์ และรถยนต์ที่ผ่านเข้ามาใกล้ๆตัวบ้านและส่งแจ้งเตือนเข้าโทรศัพท์ คอยดูแลความปลอดภัยภายในตัวบ้าน สะดวกมากๆเวลาที่เราไม่อยู่บ้าน ไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศหลายวัน นอกจากนั้นมี Junction รองรับการติดตั้ง EV Charger ได้ถึง 22 kW. ไว้ให้สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ก็สามารถซื้อเครื่องชาร์จมาติดตั้งเพิ่มได้เองเลย
โถงทางเข้าด้านหน้าบ้านมีซุ้มชายคากันแดดและฝน พร้อมตู้เก็บรองเท้าและร่มได้สะดวก ซึ่งทางแบบบ้านมาตรฐานจะเป็นหน้าตาอีกแบบนะคะ อันนี้ทางบ้านตัวอย่างตกแต่งให้เป็นไอเดียค่ะ
บริเวณพื้นที่เฉลียงหน้าบ้านได้ออกแบบมีทางลาดมีความกว้างประมาณ 1.80 เมตร รองรับวีลแชร์และรถเข็นเด็กจากพื้นที่จอดรถ รวมถึงสามารถลากกระเป๋าเดินทางได้ง่ายดีด้วยค่ะ
ประตูทางเข้าบ้านจะเป็นประตูสีดำ ที่มีช่องกระจกเล็กๆอยู่ด้านข้าง ทำให้สามารถมองเช็กได้ว่าใครมาหา พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock จาก HAFELE
เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะเจอกับ Foyer พื้นที่ต้อนรับที่สามารถตั้งชั้นวางรองเท้าและที่นั่งใส่รองเท้าได้ด้วย
วัสดุปูพื้นชั้น 1 เป็นกระเบื้องพอร์ซเลนลายหินอ่อนสีขาวครีม ขนาด 80×80 เซนติเมตร ทำให้บ้านดูเรียบหรู พร้อมติด Wallpaper มาให้ทั้งหลัง ส่วนความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.80 เมตร ติดตั้งไฟ LED แบบดาวน์ไลท์
แบบบ้านมาตรฐานของโครงการจะเป็นพื้นที่ห้องโล่งๆ ไม่ได้กั้นกำแพงอะไรมาให้ ทำให้เราสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์และกั้นแบ่งพื้นที่ได้อย่างยืดหยุ่นตามการใช้งานค่ะ ซึ่งพอแปลนบ้านเป็นรูปตัว L ทำให้เปิดรับวิวสีเขียวจากทั้ง 2 ฝั่งบ้านเลย
เทคโนโลยีภายในบ้านจะมีอยู่หลายส่วนเลยอย่าง Emergency Light System ที่จะสว่างขึ้นอัตโนมัติ เมื่อไฟฟ้าหลักดับ ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน บริเวณโถงบันได 2 ชั้น และ Electrical Room
บริเวณประตูและหน้าต่างทั้งชั้น 1 และ 2 จะมี Magnetic Sensor เป็นระบบ Wire Sensor เดินสายให้ เสถียรกว่าแบบแบตเตอรี่ โดยจะมี Home Panel จาก Inim เป็นจอควบคุมระบบ Smart Home ต่างๆ ให้เราเช็กความปลอดภัยภายในบ้านและคลายความกังวลใจเวลาที่เราไปทำงานหรือเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศหลายวัน
ระบบ S-AIR (Active Air Flow) ที่ช่วยลดความร้อนภายในบ้าน ด้วยการดูดอากาศขึ้นไปและไล่ออกให้ไหลไปทางชายคาของหลังคา อีกทั้งยังมีติดตั้ง Heat Detector ภายในห้องครัว และ Smoke Detector ใน Electrical Room มาให้ด้วย
เมื่อยืนตรง Foyer มองตรงไปจะมีพื้นที่สำหรับเก็บรองเท้าขนาด 0.90×1.70 เมตร ซึ่งตามแบบบ้านมาตรฐานของโครงการจะมีติดตั้งประตูมาให้นะคะ ทำให้ดูเป็นสัดส่วนและช่วยป้องกันฝุ่นได้อีกด้วย ส่วนด้านหน้าของพื้นที่นี้จะตั้งเป็นชั้นวางของหรือที่นั่งใส่รองเท้าก็ดีเหมือนกันค่ะ
Grand Living Room เป็นพื้นที่นั่งเล่น 2 จุดทั้งพื้นที่รองรับแขกและพื้นที่นั่งเล่นภายในครอบครัว โดยออกแบบพื้นที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่ประมาณ 4.20×10.5 เมตร
สำหรับพื้นที่นั่งเล่นรองรับแขกจะอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าเลย เมื่อแขกเดินเข้ามาก็สามารถนั่งคุยงานต่างๆได้สะดวก โดยจัดเป็นชุดโซฟาพร้อมเก้าอี้ด้านข้าง และโต๊ะตรงกลางได้สบายๆ
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัว รับวิวสวนได้ 3 ด้าน ทั้งหน้าบ้าน ข้างบ้านและ Backyard สวนในบ้าน ดูร่มรื่นดี บริเวณนี้สามารถวางโซฟา 5-6 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางได้สบายๆ
ตามแบบบ้านมาตรฐานจะเป็นพื้นที่ยาวต่อเนื่องกัน ได้ความโปร่งโล่งของพื้นที่ดีเลย แต่ใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวและเป็นสัดส่วนขึ้นหน่อย ก็สามารถกั้นแบ่งพื้นที่นั่งเล่นของครอบครัวและพื้นที่รองรับแขกได้นะคะ สามารถรับวิวสวนได้ทั้งหน้าบ้านและข้างบ้าน ดูร่มรื่นดี
ต่อมาเราจะพาไปพื้นที่ด้านในบ้านกัน ซึ่งทางบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งเป็นกำแพงซุ้มโค้งและมีบานกระจกด้วย ทำให้ได้ความรู้สึกการแยกพื้นที่เป็นสัดส่วนดีหรือใครอยากจะกั้นเป็นกำแพงปิดไปเลยก็ได้ แต่ใครที่ยังอยากได้ความโปร่งโล่งอยู่ก็เลือกใช้เป็นกระจกเต็มผนังก็ดีเหมือนกัน โดยเราจะพาไปดูที่พื้นที่รับประทานอาหารและมุม Pantry กันก่อนนะคะ
สำหรับแบบบ้านนี้ออกแบบพื้นที่รับประทานอาหารและมุม Pantry เป็น Double Volume สูง 6.50 เมตร แตกต่างกับแบบบ้านอื่นที่จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Double Volume ค่ะ ซึ่งเราว่าทางโครงการก็คิดมาได้ดีเลยค่ะ เพราะว่ามุมนี้เนี่ยจะได้วิว Backyard สวนสีเขียวของบ้านเต็มตานั่นเอง รวมถึงเปิดรับแสงเข้ามาตรงกลางบ้านที่ส่วนใหญ่แล้วจะมืดทึบกว่าบริเวณอื่นนั่นเอง
บริเวณนี้มีขนาด 4.60×4.90 เมตร ซึ่งทำเป็นมุม Pantry ติดตั้ง Built-in เคาน์เตอร์ ไว้สำหรับวางอุปกรณ์ทำอาหารง่ายๆได้ พร้อมเว้นช่องวางตู้เย็นได้ด้วย หรือจะทำเป็นมินิบาร์ก็ดีเหมือนกันนะคะ
ส่วนโต๊ะรับประทานอาหารสามารถวางโต๊ะ 6 ที่นั่งได้สบายๆ มีพื้นที่รอบโต๊ะกว้าง เดินผ่านได้สบายๆค่ะ ซึ่งประตูกระจกบานเลื่อนด้านข้างนี้สามารถเปิดออกไป Backyard ข้างบ้านได้นะคะ
ฝั่งตรงข้ามกับพื้นที่รับประทานอาหารจะเป็น Powder Room และห้องครัวแบบปิด เราจะไปดูห้อง Powder Room กันก่อนเลย
Powder Room ขนาด 1.60×1.70 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร เป็นห้องน้ำที่มีเฉพาะส่วนแห้ง ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ ใช้เพียงรองรับแขกและพื้นที่พักผ่อนนั่นเอง ภายในห้องน้ำจะมีเฉพาะโถสุขภัณฑ์กับอ่างล้างหน้า มีก่อกำแพงตรงผนังด้านหลังสำหรับวางของตกแต่งในห้องน้ำได้
นอกจากนั้นระดับพื้นห้องน้ำจะเท่ากับพื้นบ้านส่วนอื่นเลย จึงทำให้เวลาผู้สูงอายุที่อยู่ตรงพื้นที่นั่งเล่นก็สามารถเข็นวีลแชร์เข้าใช้งานได้สะดวกเลย โดยจะมี Floor Drain เรียบๆ มาให้ กันน้ำย้อนไปยังพื้นบ้านส่วนอื่น
สำหรับก๊อกน้ำและอ่างล้างมือเลือกใช้ COTTO ส่วนชุดเคาน์เตอร์พร้อมช่องเก็บของด้านล่างมาจาก LAVENZ และโถสุขภัณฑ์ห้องน้ำนี้จะได้โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก COTTO จึงใช้งานได้สะดวกทั้งคนในบ้านและแขก
ห้องครัวแบบปิดทำเป็นครัวไทยได้สบายๆ มีขนาด 2.60×3.00 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 80×80 เซนติเมตร ทำความสะอาดได้ง่ายและไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นอาหารหรือควันจะลอยเข้าไปในตัวบ้าน มีหน้าต่างเปิดระบายอากาศและประตูเปิดออกไปลานซักล้างได้
ซึ่งทางแบบบ้านมาตรฐานของโครงการได้ก่อเคาน์เตอร์ครัวปูนทั้ง 2 ฝั่งห้องตามภาพด้านล่างเลยนะคะ
ห้องครัว
เคาน์เตอร์ครัวกรุกระเบื้องพอร์ซเลน Top หินแกรนิต ทำความสะอาดได้ง่าย พร้อมบานปิดหน้าตู้ด้านล่าง พร้อมช่องสำหรับวางถังแก๊สนอกบ้าน เพื่อให้สามารถเปลี่ยนถังแก๊สได้สะดวกโดยที่คนส่งแก๊สไม่ต้องเข้ามาในตัวบ้าน
อีกทั้งติดตั้งกระเบื้อง Backsplash ป้องกันรอยคราบอาหารติดผนังบ้าน และอ่างล้างจานจาก TEKA พร้อมปลั๊กไฟใต้อ่างล้างจานรองรับอุปกรณ์เครื่องกรองน้ำ และต่องานระบบรองรับ Hood ไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะคะ
อย่างที่บอกไปว่าจากห้องครัวนี้จะเปิดออกไปเป็นลานซักล้าง มีขนาดประมาณ 1.00×4.80 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร เป็นพื้นที่สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากผ้าได้ รวมถึงใกล้กับห้องแม่บ้านด้วย ทำให้แม่บ้านมาทำอาหาร ทำความสะอาดได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเดินผ่านเข้ามาในตัวบ้านเลย
จากพื้นที่ลานซักล้างเดินตามสวนข้างบ้านไปจะเจอกับตู้เก็บของสำหรับเก็บอุปกรณ์ทำสวนหรือทำความสะอาดบ้านได้ และสามารถวางแผ่นหินเรียงยาวไปถึงห้องแม่บ้านอย่างที่ทางบ้านตัวอย่างตกแต่งได้เลยค่ะ
โซนแม่บ้าน
โซนของแม่บ้านจะมีการแยกพื้นที่ไว้ให้เรียบร้อย โดยออกแบบแยกมาอยู่ทางด้านข้างบ้านเลย ห้องแม่บ้านจะมีขนาด 2.20×2.20 เมตร และห้องน้ำมีขนาด 1.50×1.70 เมตร มีแบ่งโซนเแห้งและเปียก และวัสดุในการปูพื้นทั้งห้องแม่บ้านและห้องน้ำเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 30×30 เซนติเมตร
เรากลับมาภายในบ้านและไปดูห้องด้านในสุดของบ้านกัน จะเป็นห้องนอนรองรับผู้สูงอายุนั่นเอง มีขนาดประมาณ 4.00×6.50 เมตร โดยเลือกปูพื้นเป็น SPC ลายไม้ ให้บรรยากาศอบอุ่นเหมาะแก่การพักผ่อน มีคุณสมบัติทนน้ำได้ดีกว่าพื้นที่มีส่วนผสมของไม้จริงด้วย
โดยออกแบบแบ่งฝั่งด้านซ้ายเป็น Walk-in Closet และห้องน้ำ ส่วนฝั่งด้านขวาเป็นเตียงนอนและ Terrace เปิดไป Backyard ข้างบ้านค่ะ
พื้นที่ขนาด 3.50×4.00 เมตร สามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายๆ มีพื้นที่ด้านข้างตั้งโซฟาเป็นมุมนั่งเล่นในห้อง และมีทางเดินเหลือรอบเตียงค่อนข้างกว้างเลย สามารถติดตั้งทีวีขนาด 60 นิ้วขึ้นไปได้เลย มีประตูกระจกบานเลื่อนด้านข้างรับแสงและวิวจาก Backyard สวนสีเขียวของบ้าน
อีกฝั่งของห้องจะเป็น Walk-in Closet และห้องน้ำนะคะ
บริเวณนี้สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้ายาว 3 เมตร และมีมุมโต๊ะแต่งหน้าได้ด้วย มีพื้นที่ยืนแต่งตัวกว้างประมาณ 1.00 เมตร แต่เรามองว่าความกว้างของพื้นที่ทางเดินมีความกว้างพอดีกับวีลแชร์มากไปหน่อย เวลาเข็นวีลแชร์เพื่อเข้าใช้ห้องน้ำจะไม่ค่อยสะดวกมากนัก
เราแนะนำว่าหาเป็นตู้เสื้อผ้าที่มีความลึกของตู้ไม่กินพื้นที่ทางเดินมากเกินไป จะใช้เป็นราวแขวนเสื้อผ้าตั้งอยู่หน้าประตูห้องน้ำประกอบกับตู้ลิ้นชักก็ได้ค่ะ จะได้มีพื้นที่หน้าห้องน้ำเยอะขึ้น สามารถเข็นวีลแชร์เข้า-ออกได้ง่ายด้วย
ประตูของห้องน้ำจะเป็นประตูบานเลื่อนที่เปิด-ปิดได้ง่าย มีความกว้างประมาณ 0.90 เมตร จึงสามารถเข็นวีลแชร์เข้าไปในห้องน้ำได้เลย
ห้องน้ำนี้มีขนาด 1.90×3.00 เมตร มีขนาดใหญ่เพื่อรองรับการใช้งานวีลแชร์ โดยออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียก ส่วนวัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร
พื้นห้องน้ำจะเป็นระดับเดียวกับพื้นห้องนอน จึงสามารถเดินหรือนั่งรถเข็นเข้าไปในห้องน้ำได้ไม่มีสะดุด อีกทั้งทำ Floor Drain ตรงบริเวณประตูห้องน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำไหลออกไปด้านนอกห้องน้ำค่ะ
สุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดมาจาก COTTO และ American Standard ทางโครงการเลือกใช้สุขภัณฑ์ที่มีความโค้งมน เพื่อป้องกันการกระแทกหรือขีดข่วน นอกจากนั้นเราสามารถหาซื้อราวจับด้านข้าง เพื่อติดตั้งไว้ช่วยพยุงเวลาลุกนั่งได้ด้วยนะคะ
พื้นที่อาบน้ำขนาด 1.00×3.00 เมตร ถือว่ากว้างเลย พื้นเป็น Slope จึงสามารถเข็นวีลแชร์ได้สะดวก พร้อมเจาะช่องผนังวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เรียบร้อยและติดตั้งฝักบัวอาบน้ำสายอ่อนจาก Switch และก๊อกน้ำจาก COTTO
นอกจากนี้สามารถติดตั้งพวกราวจับและก่อเก้าอี้คอนกรีตสำหรับนั่งอาบน้ำเพิ่มได้ก็ดีเหมือนกันนะคะ คุณปู่คุณย่าจะได้สามารถใช้งานได้สะดวก
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้นะคะว่าห้องนอนผู้สูงอายุนี้จะมีประตูกระจกบานเลื่อนด้านข้างห้องที่นอกจากจะเปิดออกไปเจอกับ Terrace แล้ว ยังใช้เปิดรับแสงธรรมชาติ ลมและวิวสีเขียวของ Backyard ได้ด้วย ทำให้เวลาที่คุณปู่คุณย่าที่นั่งหรือนอนอยู่ในห้องนี้จะได้บรรยากาศสดชื่น ไม่อุดอู้ค่ะ
Backyard สวนสีเขียวมีขนาดประมาณ 7.00×8.20 เมตร ถือเป็นจุดเด่นของบ้านนี้ที่มีแปลนบ้านรูปตัว L เพราะทำให้ได้วิวสีเขียวภายในบ้านและพื้นที่สวนเพิ่มขึ้น ซึ่งตามแบบบ้านมาตรฐานจะได้เหมือนภาพด้านล่างเลยนะคะ มีการปูสนามหญ้า ไม้พุ่ม ไม้ดอก ต้นไม้พรางสายตาและต้นไม้ใหญ่ พร้อมโรยกรวดหินมาให้ด้วย
Backyard สวนสีเขียว
ทางบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งเป็นสนามหญ้า ให้ลูกๆหลานๆมาวิ่งเล่นสนุกกัน พาน้องสุนัขมาเดินเล่นได้ มีวางแผ่นหินทางเดินเรียงไปบริเวณมุมนั่งเล่นกลางแจ้ง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการพักผ่อนบ้าง หรืออาจจะหาร่มมาตั้งไว้กางบังแสงแดดในวันแดดจ้าก็ดีเหมือนกัน
แต่เรามีอีกไอเดียนะคะคือทำทางลาดจากห้องนอนมา Terrace และทำพื้นที่ Terrace ยาวไปตามขอบที่ดินบ้านเพื่อไปโผล่ตรงพื้นที่จอดรถตรงด้านหน้าบ้านเลย ทำให้เราสามารถเข็นวีลแชร์ไปพื้นที่จอดรถโดยไม่ต้องผ่านในตัวบ้าน เผื่อในกรณีฉุกเฉินนั่นเอง อีกทั้งยังไม่เสียความเป็น Backyard สวนสีเขียว ที่จะมีพื้นที่สนามหญ้าน้อยลงหน่อย แต่ก็ยังได้บรรยากาศความร่มรื่นและสดชื่นอยู่ดี เป็นวิวให้กับตัวบ้านได้เหมือนเดิม
Backyard สวนสีเขียว เมื่อมองจากพื้นที่จอดรถ
เราได้เก็บภาพบรรยากาศ Court สวนสีเขียวของแบบบ้านมาตรฐานมาให้ด้วยนะคะ ว่าทางโครงการก็จัดสวนมาตรฐานมาให้แบบจัดเต็ม ดูสวยงาม ได้บรรยากาศร่มรื่นดีเลย เพียงตั้งชุดโต๊ะนั่งกลางแจ้งก็เพียงพอแล้ว หรือจะซื้อต้นไม้มาลงเพิ่มนิดหน่อยก็ได้เหมือนกัน
บันไดจะอยู่บริเวณด้านหน้าบ้าน โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ซึ่งมีความแข็งแรงและเวลาเดินก็จะไม่มีเสียงดังรบกวน ปิดผิวด้วยไม้ยางประสาน ด้านข้างมีราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็ก มือจับเป็นไม้สำเร็จรูป ทำสีเหมือนตัวบันได
โถงบันไดมีหน้าต่างรับแสงและเปิดระบายอากาศได้ ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูสว่าง โปร่งโล่งมากๆ หรือจะติดตั้งโคมไฟระย้าก็ได้นะคะ ดูสวยงามดี อีกทั้งทางโครงการมีการติดตั้ง Emergency Lighting และ S-Air system (Active Air Flow) ไว้ให้ด้วย
พอขึ้นมาชั้น 2 จะออกแบบแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง โดยฝั่งทางด้านซ้ายจะเป็น Master Bedroom ที่แยกอยู่เพียงห้องเดียว ได้ความเป็นส่วนตัวสูง ส่วนทางฝั่งขวาของบ้านจะเป็นห้องนอนรอง 3 ห้อง และ Family Area ค่ะ โดยเราจะพาไปดู Master Bedroom กันก่อนเลย
วัสดุปูพื้นชั้น 2 เป็น SPC ลายไม้ที่เป็นสีเดียวกับบันไดได้ความต่อเนื่องของพื้นที่ ซึ่งการเลือกใช้ลายไม้นี้จะทำให้รู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลายมากขึ้น ส่วนความสูงของพื้นชั้น 2 ถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.80 เมตร ได้ความโปร่งโล่งดีเลยค่ะ
พื้นที่ทางเดินนี้จะมีความกว้างประมาณ 1.35 เมตร ซึ่งทางโครงการได้เตรียมโครงสร้างรองรับน้ำหนักเผื่อไว้ สำหรับต่อเติมพื้นเพิ่มตรง Double Volume ที่อยู่ข้างๆกับทางเดินไว้แล้วนะคะ พอต่อเติมพื้นเพิ่มก็จะได้พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย อีกทั้งยังรับวิว Court สวนสีเขียวด้านล่างได้เต็มที่
Master Bedroom ตามแบบบ้านมาตรฐานจะเป็นห้องโล่งๆเหมือนภาพด้านล่างเลยนะคะ แต่ทางบ้านตัวอย่างได้กั้นกำแพงแบ่งฝั่งเป็นส่วนเตียงนอนและ Walk-in Closet พร้อมห้องน้ำในตัวค่ะ
พื้นที่เตียงนอนจะมีขนาด 4.10×4.30 เมตร พร้อมพื้นที่สามารถทำมุมนั่งเล่นภายในห้องได้อีกด้วย
วางเตียงขนาด 6 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง มีพื้นที่รอบเตียงเดินผ่านได้สบายๆ มีหน้าต่างเปิดรับแสงทั้งจากด้านหน้าและด้านข้างบ้าน
บริเวณปลายเตียงตั้งโซฟาและ Built-in ชั้นวางทีวีได้เหมือนที่ทางบ้านตัวอย่างตกแต่งให้เป็นไอเดียได้เลย
Master Bedroom มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่เปิดรับแสงและวิวสีเขียวของ Court บ้านเราได้ อีกทั้งมีพื้นที่ระเบียงเล็กตั้งกระถางต้นไม้ได้ตลอดแนว เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบ้านได้ดีเลย
อีกฝั่งของห้องจะเป็น Walk-in Closet และ Master Bathroom ที่ทางบ้านตัวอย่างได้กั้นเป็นกำแพงแบ่งฝั่ง เป็นการแยกการใช้งานเป็นสัดส่วนดี
บริเวณนี้มีขนาดประมาณ 2.80×3.70 เมตร ซึ่งทางโครงการได้ตกแต่ง Walk-in Closet ของบ้านตัวอย่างเป็น Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งหน้าเป็นรูปตัว U พร้อมตั้ง Island วางเครื่องประดับและนาฬิกาต่างๆได้ ซึ่งมีพื้นที่เหลือด้านข้างเดินรอบ Island ได้สะดวก
บริเวณด้านหน้า Master Bathroom ก็สามารถทำเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย Built-in เป็นชั้นวางกระเป๋าหรือรองเท้าต่างๆได้
Master Bathroom มีขนาด 2.90 x 3.50 เมตร มีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร ออกแบบพื้นที่ภายในห้องน้ำแบ่งโซนแห้งและเปียก มีความกว้างระหว่างเคาน์เตอร์อ่างล้างมือและอ่างอาบน้ำอยู่ที่ 1 เมตร
เคาน์เตอร์อ่างล้างมือ 2 อ่างแบบ His & Her โดยก๊อกน้ำและอ่างล้างมือจาก COTTO ส่วนชุดเคาน์เตอร์พร้อมช่องเก็บของด้านล่างมาจาก LAVENZ
โถสุขภัณฑ์ห้องน้ำนี้จะได้โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก COTTO ใช้งานได้สะดวกค่ะ
สำหรับ Master Bathroom จะมีอ่างอาบน้ำติดตั้งมาให้ด้วย วางอยู่ริมหน้าต่างตรงข้ามกับเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ โดยอ่างอาบน้ำเป็นอ่างขนาดใหญ่นอนแช่ได้ยาวประมาณ 1.5 เมตร จาก KOHLER
พื้นที่อาบน้ำจะได้มาเป็น Shower Box มีผนังกระจกกั้นเป็นสัดส่วน
พื้นที่อาบน้ำกว้าง 1.15 x 1.50 เมตร หมุนตัวอาบน้ำได้สะดวก พร้อมเจาะช่องผนังด้านข้างวางอุปกรณ์อาบน้ำได้ ภายในติดตั้งฝักบัวให้ทั้งแบบ Hand shower และ Rain shower จาก Switch และ COTTO
ต่อมาเราพามาอีกฝั่งของบ้านกันจะเจอกับ Family Area ขนาด 3.70×4.40 เมตร ซึ่งทางบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งเป็นพื้นที่ทำงานค่ะ หรือเราจะตกแต่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นอีกจุดเพิ่มได้นะคะ ก็จะได้พื้นที่นั่งเล่นที่มีความเป็นส่วนตัวสูงขึ้น เราจะพามาดูห้องนอนรอง 1 ที่อยู่ทางด้านขวากันก่อนเลยนะคะ
ห้องนอนรอง 1 มีขนาดประมาณ 3.20×6.00 เมตร หันไปทางด้านหน้าบ้าน สามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายๆ พร้อมโต๊ะเล็กๆข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง ภายในห้องได้หน้าต่างและประตูกระจก 2 ฝั่ง ทำให้ลมพัดผ่าน อากาศถ่ายเทได้ดี
ห้องนี้มีประตูกระจกบานเลื่อนเปิดออกไประเบียงทางด้านหน้าบ้านได้นะคะ
ระเบียงนี้มีขนาด 0.90×9.00 เมตร เป็นระเบียงยาวที่เชื่อมจากห้องนอนรอง 1 ไปยังห้องนอนรอง 2 เลย เป็นระเบียงที่ใช้งานร่วมกันค่ะ หากทำเป็นมุมต้นไม้เล็กๆก็จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้หน้าบ้านด้วย
อีกฝั่งของห้องนอนรอง 1 จะเป็น Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว หากใครที่ต้องการความเป็นสัดส่วนก็สามารถกั้นกำแพงปิดแยกส่วนเตียงนอนได้ ช่วยกันฝุ่นจากเสื้อผ้าและความชื้นจากห้องน้ำไปยังบริเวณเตียงนอนด้วย
ห้องน้ำมีขนาดประมาณ 1.50×2.50 เมตร แบ่งโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วน วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร สำหรับห้องนอนรองทุกห้องจะไม่มีฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะคะ แต่ก็สามารถหาซื้อติดตั้งเพิ่มเองได้ค่ะ
ก๊อกน้ำ อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์เลือกใช้ COTTO ส่วนชุดเคาน์เตอร์พร้อมช่องเก็บของด้านล่างมาจาก LAVENZ พร้อมติดตั้งกระจกเงาเกือบเต็มความกว้างผนังห้อง
พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.95×1.45 เมตร พร้อมเจาะช่องผนังวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เรียบร้อยและติดตั้งฝักบัวอาบน้ำสายอ่อนจาก Switch และก๊อกน้ำจาก COTTO
ต่อมาเป็นห้องนอนรอง 2 ที่มีขนาดห้อง จัดวางฟังก์ชันและหันไปทางด้านหน้าบ้านเหมือนห้องนอนรอง 1 เลย ห้องนี้มีขนาด 3.20×6.00 เมตร สามารถวางเตียง 5-6 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง
มีประตูกระจกบานเลื่อนอยู่ด้านข้างเตียง เพื่อเปิดออกไประเบียงใช้งานร่วมกันกับห้องนอนรอง 1 ด้วย
พื้นที่ Walk-in Closet ที่สามารถกั้นกำแพงปิดแยกส่วนเตียงนอนได้ ช่วยกันฝุ่นจากเสื้อผ้าและความชื้นจากห้องน้ำไปยังบริเวณเตียงนอน
ห้องน้ำมีขนาดประมาณ 1.50×2.50 เมตร ออกแบบเหมือนห้องน้ำในห้องนอนรองห้องอื่นเลย ปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร ไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้
การเลือกใช้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำส่วนใหญ่จะเป็น COTTO และ LAVENZ
การออกแบบพื้นที่อาบน้ำก็เหมือนห้องน้ำอื่นเลย มีขนาด 0.95×1.45 เมตร พร้อมเจาะช่องผนังวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เรียบร้อยและติดตั้งฝักบัวอาบน้ำสายอ่อนจาก Switch และก๊อกน้ำจาก COTTO
ห้องนอนรอง 3 จะเป็นห้องนอนรองที่จะได้วิว Court สวนสีเขียวเพียงห้องเดียว มีขนาด 4.10×4.80 เมตร เหมาะวางเตียง 5 ฟุต พร้อมมุมนั่งเล่นในห้อง แต่สำหรับครอบครัวที่ไม่ได้มีสมาชิกภายในบ้านเยอะก็ใช้เป็นห้องทำกิจกรรมต่างๆได้ อย่างทางบ้านตัวอย่างก็ใช้เป็นห้องออกกำลังกายแทนค่ะ
บริเวณทางเข้าห้องมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าได้ แต่มีขนาดไม่ใหญ่เท่าห้องนอนรองห้องอื่นๆ
อย่างที่บอกไปนะคะว่าห้องนอนรองนี้มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เปิดรับแสงธรรมชาติและวิว Court สวนสีเขียวด้านล่างได้ด้วย ให้บรรยากาศสดชื่น ผ่อนคลายดีค่ะ
ห้องนอนนี้จะมีระเบียงเล็กๆ เหมาะปลูกต้นไม้เล็กๆ ก็ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับตัวห้องได้ดีเลยค่ะ
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 3 ก็ออกแบบเหมือนห้องน้ำอื่นๆเลย มีแบ่งโซนแห้ง-เปียกเป็นสัดส่วนดี
สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำส่วนใหญ่จะเลือกใช้เป็น COTTO และ LAVENZ เหมือนห้องน้ำอื่นๆ
พื้นที่อาบน้ำก็เหมือนห้องน้ำอื่นมีขนาด 0.95×1.45 เมตร เจาะช่องผนังวางอุปกรณ์อาบน้ำและติดตั้งฝักบัวอาบน้ำสายอ่อนจาก Switch และก๊อกน้ำจาก COTTO มาให้เรียบร้อยค่ะ
Residence III (Type S)
ต่อมาเราพามาดูแบบบ้านเริ่มต้นของโครงการกัน Residence III (Type S) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 72 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 283 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 พื้นที่พักผ่อน / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
ซึ่งมีจำนวนฟังก์ชันและการออกแบบคล้ายกับแบบบ้าน Residence II (Type M) เลย แค่มีพื้นที่ใช้สอยที่น้อยกว่านั่นเอง มีฟังก์ชันและการออกแบบหลักๆเหมือนกันทั้ง Double Volume สูง 6.50 ตรงบริเวณพื้นที่นั่งเล่น มีห้องนอนชั้นล่าง และแบ่งฝั่ง Master Bedroom แยกอยู่ห้องเดียว
ชั้น 1
- ที่จอดรถในร่ม 3 คัน พร้อมตู้เก็บของใต้บันได เปิดได้จากพื้นที่จอดรถ
- พื้นที่เฉลียงหน้าบ้าน วางตู้เก็บรองเท้าและร่มได้สะดวก พร้อมทางลาดรองรับวีลแชร์จากพื้นที่จอดรถ
- มีประตูทางเข้าบ้านหลักและประตูทางเข้ารองจากพื้นที่จอดรถ
- พื้นที่ Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น Pantry และพื้นที่รับประทานอาหาร
- พื้นที่นั่งเล่น ออกแบบเป็น Double Volume สูง 6.50 เมตร
- ห้องเก็บของข้างบันไดมีขนาดใหญ่
- ห้องน้ำชั้น 1 แบบ Powder Room รองรับแขก
- ห้องครัวแบบปิด มีประตูกั้นทำเป็นครัวไทยได้
- ลานซักล้าง สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากผ้า
- ห้องนอนชั้นล่าง พร้อมห้องน้ำในตัวใช้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้
- ออกแบบแยกโซนแม่บ้าน มีห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ
ชั้น 2
- Family Area พื้นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัว หรือทำเป็นพื้นที่ทำงานได้ พร้อมระเบียง
- ออกแบบแยกฝั่ง Master Bedroom และห้องนอนอื่นๆ
- พื้นที่ Double Volume สามารถต่อเติมกั้นพื้นปิด ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น
- Master Bedroom ขนาดใหญ่ มีพื้นที่นั่งเล่นในห้อง พร้อม Walk – in Closet และห้องน้ำในตัว
- Master Bathroom แบ่งเป็นสัดส่วน มีอ่างอาบน้ำและฉากกั้นกระจกอาบน้ำติดตั้งมาให้
- ห้องนอนรองสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ มีพื้นที่ด้านข้างตั้งตู้เสื้อผ้าได้ มีห้องน้ำในตัว
ประตูรั้วบ้านจะได้ประตูเหล็กบานเลื่อนทำสีแบบซี่ๆ พร้อมเดินสายไฟรอติดตั้งระบบอัตโนมัติไว้ให้ พร้อมติดตั้งถังขยะที่เปิดทิ้งได้จากด้านในและมีกล่องไปรษณีย์ที่มีขนาดใหญ่
พื้นที่จอดรถจะสามารถจอดในร่มได้ทั้ง 3 คันเลย ซึ่งทางโครงการได้ลงเสาเข็มมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ วัสดุของพื้นจะเป็นทรายล้างที่ดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่าย
บริเวณด้านหลังของพื้นที่จอดรถจะมีประตูทางเข้ารองด้วย ทำให้เราสามารถเข้า-ออกบ้านได้ทั้ง 2 ทางเลย และในบริเวณนี้ได้ติดตั้ง Smart Outdoor Camera ยี่ห้อ NETATMO ที่คอยตรวจจับคน, สัตว์ และรถยนต์ที่ผ่านเข้ามาใกล้ๆตัวบ้านด้วย รวมถึงมี Junction รองรับการติดตั้ง EV Charger ได้ถึง 22 kW. ไว้ให้เรียบร้อยค่ะ
ประตูทางเข้ารองติดตั้ง Digital Door Lock จาก HAFELE ทำให้เวลากลับมาจากเรียนพิเศษหรือที่ทำงานก็สามารถลงจากรถยนต์แล้วเข้าบ้านได้เลย ไม่ต้องเดินอ้อมไปเข้าจากประตูหลักค่ะ
จากพื้นที่จอดรถจะมีทางลาดออกแบบรองรับวีลแชร์ รถเข็นเด็กและลากกระเป๋าเดินทางขึ้น-ลงรถยนต์ได้สะดวกค่ะ มีความกว้างประมาณ 1.85 เมตร
ด้านข้างพื้นที่จอดรถยังมีตู้เก็บของด้วย สำหรับเก็บอุปกรณ์ทำสวนหรือเกี่ยวกับรถยนต์ ทำให้หยิบใช้งานได้สะดวก ไม่ต้องเดินเข้าไปหยิบจากภายในบ้านค่ะ นอกจากนั้นเรายังชอบที่ทางโครงการออกแบบใส่ใจรายละเอียดดี อย่างบานตู้เก็บของนี้ก็มีติดมุ้งลวดกันแมลงมาให้ด้วย ทำให้ภายในตู้จะไม่สกปรกหรือมีแมลงเข้าไปอยู่นั่นเอง
เมื่อเข้ามาภายในตัวบ้านจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่ออกแบบเป็น Double Volume ฝ้าเพดานสูง 6.50 เมตร แตกต่างกับแบบบ้าน Residence I (Type L) ที่จะอยู่ตรงบริเวณพื้นที่รับประทานอาหาร
การที่เดินเข้าบ้านมาเจอกับพื้นที่ Double Volume ที่ให้บรรยากาศโปร่งโล่งและสร้างความประทับใจแรกเมื่อเดินเข้ามาในบ้านได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีกระจกทั้งด้านล่างและด้านบนเปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาตัวบ้านได้เต็มที่ บ้านดูสว่างดีด้วย
พื้นที่นั่งเล่นบริเวณนี้มีขนาดประมาณ 3.40×4.00 เมตร ใช้เป็นพื้นที่รองรับแขกและนั่งเล่นสำหรับคนในครอบครัวได้ เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวสวนจากทั้งด้านหน้าบ้านและด้านข้างบ้าน สามารถตั้งโซฟา 5-6 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางและชั้นวางทีวีได้เลย มีพื้นที่เดินผ่านไป-มาได้ จะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 3.70 เมตร ตั้งทีวีขนาด 50 นิ้วขึ้นไปได้เลยค่ะ
ส่วนวัสดุปูพื้นชั้น 1 เป็นกระเบื้องพอร์ซเลนลายหินอ่อนสีขาวครีม ขนาด 80×80 เซนติเมตร พร้อมติด Wallpaper ไวนิลมาให้ทั้งหลัง ส่วนความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.80 เมตร และติดตั้งไฟ LED แบบดาวน์ไลท์
ส่วนเทคโนโลยีภายในบ้านก็มีเหมือนกันในบ้านทุกหลังเลยทั้ง Emergency Light System บริเวณโถงบันได 2 ชั้น และ Electrical Room, Magnetic Sensor เป็นระบบ Wire Sensor ตรงบริเวณประตูและหน้าต่างทั้งชั้น 1 และ 2, ระบบ S-AIR (Active Air Flow) ที่ช่วยลดความร้อนภายในบ้าน, Heat Detector ภายในห้องครัว และ Smoke Detector ใน Electrical Room มาให้เรียบร้อยค่ะ
เมื่อเข้ามาด้านในบ้านจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารและมุม Pantry มีความกว้างประมาณ 5.95 เมตร มีหน้าต่างเปิดรับแสงธรรมชาติมาจากทั้งด้านข้างบ้านและด้านหลังบ้าน ยิ่งใครที่จัดสวนไว้สวยงาม ก็จะเป็นวิวสวนสีเขียวให้กับบริเวณนี้นั่นเอง
พื้นที่รับประทานอาหารสามารถตั้งโต๊ะ 6 ที่นั่งได้สบายๆเลย มีพื้นที่เดินรอบโต๊ะกว้าง โดยจะตั้งอยู่ติดกับมุม Pantry
บริเวณ Pantry จะเป็นพื้นที่โล่งๆนะคะ อันนี้ทางบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งมาให้ดูเป็นไอเดียกันค่ะ ว่าสามารถทำ Built-in เคาน์เตอร์ครัว วางอุปกรณ์ประกอบอาหารง่ายๆได้ มีพื้นที่วางตู้เย็น และมีพื้นที่วาง Island เตรียมอาหารได้ด้วย หรือจะใช้มุมนี้เป็นมินิบาร์ก็ดีเหมือนกัน
ถัดจากพื้นที่รับประทานอาหารและมุม Pantry จะมีทางเดินกว้างประมาณ 1 เมตร เชื่อมต่อไปห้องครัว, Powder Room และห้องนอนชั้นล่างค่ะ
ห้องครัวแบบปิดทำเป็นครัวไทยได้ มีขนาด 2.75×2.80 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 80×80 เซนติเมตร มีหน้าต่างเปิดระบายอากาศและประตูเปิดออกไปลานซักล้างได้
ซึ่งทางแบบบ้านมาตรฐานของโครงการได้ก่อเคาน์เตอร์ครัวปูนทั้ง 2 ฝั่งห้องมาให้นะคะ
ห้องครัว
ทางโครงการออกแบบเหมือนแบบบ้านก่อนหน้านี้ที่เราพาไปดูมาเลยค่ะ เป็นเคาน์เตอร์ครัวกรุกระเบื้องพอร์ซเลน Top หินแกรนิต พร้อมบานปิดหน้าตู้ด้านล่าง มีติดตั้งกระเบื้อง Backsplash ป้องกันรอยคราบอาหารติดผนังบ้าน และอ่างล้างจานจาก TEKA พร้อมปลั๊กไฟใต้อ่างล้างจานรองรับอุปกรณ์เครื่องกรองน้ำ และต่องานระบบรองรับ Hood ไว้ให้เรียบร้อย
ลานซักล้างแบบ Slab on Ground อยู่ถัดจากห้องครัว มีขนาดประมาณ 1.65×3.00 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากผ้าได้สะดวกดี
Powder Room เป็นห้องน้ำที่มีเฉพาะส่วนแห้ง ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ โดยมีขนาดห้องอยู่ที่ 1.50×2.15 เมตร วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร ส่วนระดับพื้นห้องน้ำจะเท่ากับพื้นบ้านส่วนอื่น มี Floor Drain เรียบๆมาให้ กันน้ำย้อนไปยังพื้นบ้านส่วนอื่นด้วย
ทางโครงการเลือกใช้ก๊อกน้ำและอ่างล้างมือจาก COTTO ส่วนชุดเคาน์เตอร์พร้อมช่องเก็บของด้านล่างมาจาก LAVENZ และโถสุขภัณฑ์ห้องน้ำนี้เป็นโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก COTTO ใช้งานได้สะดวกดีเลย
ส่วนสุดทางเดินจะเป็นห้องนอนชั้นล่างที่สามารถใช้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้นะคะ เมื่อเข้ามาแล้วจะมีพื้นที่ว่างเล็กๆก่อน แล้วเลี้ยวเข้าไปด้านในจึงจะเจอพื้นที่ห้องขนาดใหญ่ด้านในค่ะ
ห้องนอนชั้นล่างนี้มีขนาดประมาณ 3.60×3.70 เมตร ปูพื้นเป็น SPC ลายไม้ ให้บรรยากาศอบอุ่นเหมาะแก่การพักผ่อน เราสามารถใช้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ แต่เรามองว่าพื้นที่ห้องนี้มีการเหลี่ยมมุมกำแพงเยอะ รวมถึงห้องน้ำที่ไม่ได้มีประตูห้องน้ำและพื้นที่ใหญ่เหมือนแบบบ้าน Residence I (Type L)
เราจึงมองห้องนี้เป็นห้องทำกิจกรรมต่างๆมากกว่าอย่างห้องของเล่น ห้องหนังสือหรือห้องทำงาน รวมถึงเป็นห้องสัตว์เลี้ยงได้ด้วยอย่างบ้านตัวอย่างก็ตกแต่งเป็นห้องน้องแมว มีพื้นที่ให้เดินเล่นในห้องได้ รวมถึงพื้น SPC ก็มีคุณสมบัติทนน้ำได้ดีกว่าพื้นที่มีส่วนผสมของไม้จริงและพื้นไม่ลื่น จึงเหมาะทำเป็นห้องสัตว์เลี้ยงได้เหมือนกัน
อย่างที่บอกไปนะคะว่าห้องน้ำในตัวของห้องนอนนี้จะเป็นประตูบานเปิดทั่วไป ไม่ได้เป็นประตูบานเลื่อนเหมือน Residence I (Type L) แต่ก็สามารถใช้งานได้ปกตินะคะ
ห้องน้ำมีขนาดประมาณ 1.55×2.45 เมตร มีแบ่งโซนแห้ง-เปียก ส่วนวัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร
พื้นห้องน้ำก็ออกแบบเป็นระดับเดียวกับพื้นห้องนอนเลย อีกทั้งทำ Floor Drain ตรงบริเวณประตูห้องน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำไหลออกไปด้านนอกห้องน้ำด้วย
สำหรับอ่างล้างมือเลือกใช้จาก American Standard ส่วนโถสุขภัณฑ์มาจาก COTTO โดยทางโครงการเลือกใช้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำที่มีความโค้งมน เพื่อป้องกันการกระแทกหรือขีดข่วนด้วย
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.00×1.55 เมตร พร้อมเจาะช่องผนังวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เรียบร้อยและติดตั้งฝักบัวอาบน้ำสายอ่อนจาก Switch และก๊อกน้ำจาก COTTO
ข้างๆกับห้องนอนชั้นล่างนี้จะเป็นห้องแม่บ้านและห้องน้ำ ที่ถึงแม้ตำแหน่งห้องจะอยู่ติดกับห้องนอนชั้นล่าง แต่เวลาแม่บ้านเดินเข้า-ออกบ้านจะต้องเดินผ่านพื้นที่จอดรถหรือเดินอ้อมไปตรงลานซักล้างและห้องครัวค่ะ
ห้องแม่บ้านมีขนาด 1.95×2.80 เมตร และห้องน้ำมีขนาด 1.50×1.70 เมตร มีแบ่งโซนเแห้งและเปียก ส่วนวัสดุปูพื้นทั้งห้องแม่บ้านและห้องน้ำเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 30×30 เซนติเมตร
เวลาเดินเข้าจากประตูทางเข้ารอง จะเจอกับพื้นที่บันไดที่มีห้องเก็บของใต้บันไดอยู่ด้านข้างค่ะ
ห้องเก็บของมีขนาดประมาณ 1.30×1.70 เมตร สามารถเดินเข้าไปได้เลย ซึ่งบริเวณนี้มีการติดตั้ง Emergency Light System และ Smoke Detector มาให้ด้วย
บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่ปิดผิวด้วย SPC ลายไม้ บันไดมีความกว้างประมาณ 1.15 เมตร ด้านข้างมีราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็ก มือจับเป็นไม้สำเร็จรูป ทำสีเหมือนตัวบันได ลูกนอนกว้างประมาณ 27 ซม. ลูกตั้งสูง 18 ซม. เดินขึ้น-ลงได้สบาย และตรงโถงบันไดมีติดตั้ง Emergency Lighting และ S-Air system (Active Air Flow) ไว้ให้ด้วย
เมื่อเดินขึ้นมาชั้น 2 จะออกแบบแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง โดยฝั่งทางด้านซ้ายจะเป็น Master Bedroom ที่แยกอยู่เพียงห้องเดียว ได้ความเป็นส่วนตัวสูง ส่วนทางฝั่งขวาของบ้านจะเป็นห้องนอนรอง 2 ห้อง และ Family Area ค่ะ โดยเราจะพาไปดู Master Bedroom กันก่อนนะคะ มีทางเดินไป Master Bedroom กว้างประมาณ 1.45 เมตร
สำหรับวัสดุปูพื้นชั้น 2 เป็น SPC ลายไม้ที่เป็นสีเดียวกับบันได ให้รู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ส่วนความสูงของพื้นชั้น 2 ถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.80 เมตรค่ะ
Master Bedroom มีขนาด 4.20×5.65 เมตร วางเตียงขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ มีพื้นที่รอบเตียงเดินผ่านได้ มีหน้าต่างเปิดรับแสงทั้งจากด้านหน้าและด้านข้างบ้าน รวมถึงมีพื้นที่ทำมุมนั่งเล่นภายในห้องได้ด้วย
บริเวณปลายเตียงทำ Built-in ชั้นวางทีวีได้สบายๆ มีพื้นที่เดินผ่านไป-มาได้สะดวก
ตรงกำแพงส่วนนี้สามารถทุบออก เพื่อต่อเติมพื้นปิด Double Volume ได้ เพราะว่าทางโครงการได้ออกแบบโครงสร้างรับน้ำหนักเผื่อไว้แล้ว เหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง Master Bedroom เพิ่ม ทำเป็นมุมนั่งเล่นจริงจังอีกจุดได้เลยนั่นเอง
สามารถตั้งโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งเตียงนอนได้ มีหน้าต่างเปิดรับแสงจากทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้บรรยากาศในห้องดูสว่าง โปร่งโล่ง
พื้นที่ปลายเตียงของ Master Bedroom จะเดินเชื่อมต่อไป Walk-in Closet และ Master Bathroom ได้ค่ะ
Walk-in Closet ของ Master Bedroom
Walk-in Closet ของ Master Bedroom มีขนาดใหญ่ถึง 2.60×3.65 เมตร โดยเราตกแต่งเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย ทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นตัว U ส่วนอีกฝั่งก็เป็นโต๊ะแต่งหน้า ส่วนตรงกลางห้องจะตั้งเป็นเก้าอี้ไว้นั่งลองเสื้อผ้าหรือ Island เก็บเครื่องประดับและนาฬิกาก็ดีเหมือนกันค่ะ
ถัดจาก Walk-in Closet จะเป็น Master Bathroom มีขนาด 2.60×3.55 เมตร มีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ทำให้ภายในห้องดูสว่างและเปิดระบายความชื้นได้ด้วย มีแบ่งโซนแห้งและเปียก มีความกว้างระหว่างเคาน์เตอร์อ่าล้างมือและอ่างอาบน้ำอยู่ที่ 1 เมตร ส่วนพื้นปูเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร
เคาน์เตอร์อ่างล้างมือ 2 อ่างแบบ His & Her สามารถใช้งานพร้อมกันได้ โดยก๊อกน้ำและอ่างล้างมือจาก COTTO ส่วนชุดเคาน์เตอร์พร้อมช่องเก็บของด้านล่างมาจาก LAVENZ
โถสุขภัณฑ์ของ Master Bathroom จะได้เป็นโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก COTTO ใช้งานได้สะดวก
Master Bathroom ของทุกแบบบ้านจะติดตั้งอ่างอาบน้ำจาก KOHLER มาให้ด้วย อยู่ริมหน้าต่างตรงข้ามกับเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ โดยอ่างอาบน้ำมีความยาวประมาณ 1.5 เมตร สามารถนอนแช่น้ำได้เลย
พื้นที่อาบน้ำจะได้มาเป็น Shower Box มีผนังกระจกกั้นเป็นสัดส่วนดี ทำให้เวลาใช้งานน้ำจะไม่กระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นของห้องน้ำ
พื้นที่อาบน้ำกว้าง 1.00 x 1.50 เมตร พร้อมเจาะช่องผนังด้านข้างวางอุปกรณ์อาบน้ำได้ ภายในห้องน้ำได้ติดตั้งฝักบัวให้ทั้งแบบ Hand shower และ Rain shower จาก Switch และ COTTO
ถัดมาเรามาดูอีกฝั่งของบ้านกัน จะมีพื้นที่ Family Area และห้องนอนรองทั้ง 2 ห้อง
Family Area มีขนาด 3.75×5.75 เมตร เป็นพื้นที่นั่งเล่นสำหรับคนในครอบครัวมาใช้เวลาร่วมกัน หรือจะปรับเป็นพื้นที่ทำงาน หรือทำกิจกรรมต่างๆได้ตามการใช้งานเลย ด้านข้างจะมีประตูกระจกบานเลื่อนเปิดออกไประเบียงได้
พื้นที่ระเบียงจะมีขนาดประมาณ 0.85×3.75 เมตร สามารถตั้งเก้าอี้เล็กมานั่งรับลม ชมวิวได้ พร้อมปลูกต้นไม้เล็กๆก็พื้นที่สีเขียวในบ้านเพิ่มด้วย
บริเวณด้านหน้าห้องนอนรอง 1 จะมีพื้นที่ว่างตั้งชั้นวางของต่างๆหรือของสะสมได้ด้วยนะคะ
เราพามาดูข้างในห้องนอนรอง 1 กันเลย มีขนาดประมาณ 3.50×4.20 เมตร หันไปทางด้านหน้าบ้าน เมื่อเข้ามาจะเป็นพื้นที่ตั้งชั้นวางของหรือตู้เสื้อผ้าได้
บริเวณนี้สามารถตั้งเตียงขนาด 5 ฟุตและโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งได้สบายๆ แต่สำหรับครอบครัวที่มีจำนวนสมาชิกไม่เยอะ ก็ปรับเปลี่ยนห้องนี้เป็นห้องอเนกประสงค์ได้ อย่างบ้านตัวอย่างก็ใช้เป็น Live Studio ไว้ออกแบบและขายเสื้อผ้าค่ะ
ภายในห้องนอนรองทุกห้องจะมีห้องน้ำในตัว ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกดีค่ะ
ห้องน้ำมีขนาดประมาณ 1.40×2.55 เมตร แบ่งโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วน วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร สำหรับห้องนอนรองทุกห้องจะไม่มีฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะคะ แต่ก็สามารถหาซื้อติดตั้งเพิ่มเองได้ค่ะ
ทางโครงการเลือกใช้ก๊อกน้ำ อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์จาก COTTO ส่วนชุดเคาน์เตอร์พร้อมช่องเก็บของด้านล่างมาจาก LAVENZ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.80×1.25 เมตร พร้อมเจาะช่องผนังวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เรียบร้อย พร้อมติดตั้งฝักบัวอาบน้ำสายอ่อนจาก Switch และก๊อกน้ำจาก COTTO
ห้องนอนรอง 2 จะมีการออกแบบและจัดฟังก์ชันเหมือนห้องนอนรอง 1 เลยค่ะ แต่แตกต่างกันที่ห้องนี้จะหันหน้าห้องไปทางด้านหลังบ้านค่ะ
เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและถัดเข้าไปด้านในจะเป็นพื้นที่เตียงนอนค่ะ โดยห้องนี้จะมีขนาดประมาณ 3.65×4.30 เมตร
สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้สบายๆ มีพื้นที่ด้านข้างหัวเตียงวางโต๊ะเล็กๆได้ทั้ง 2 ฝั่ง และพื้นที่ด้านข้างวางโต๊ะนั่งอ่านหนังสือหรือตู้เสื้อผ้าได้ด้วย มีช่องหน้าต่างทั้งจากด้านข้างและด้านหลังบ้าน ทำให้ภายในห้องดูสว่างดีเลย
ห้องน้ำมีขนาดประมาณ 1.40×2.55 เมตร ออกแบบเหมือนห้องน้ำในห้องนอรองห้องอื่นเลย ปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ขนาด 60×60 เซนติเมตร และไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะคะ
ทางโครงการเลือกใช้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำส่วนใหญ่เป็น COTTO และ LAVENZ ค่ะ
การออกแบบพื้นที่อาบน้ำก็เหมือนห้องน้ำอื่นเลย มีขนาด 0.80×1.25 เมตร พร้อมเจาะช่องผนังวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เรียบร้อยและติดตั้งฝักบัวอาบน้ำสายอ่อนจาก Switch และก๊อกน้ำจาก COTTO
Residence II (Type M)บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 83 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 327 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 พื้นที่พักผ่อน / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ ซึ่งแบบบ้านนี้เป็นบ้านไซซ์กลางของโครงการ ที่มีการออกแบบเป็นบ้านหน้ากว้าง มี Facade หน้าตาบ้านและการจัดฟังก์ชันคล้ายกับ Residence III (Type S) เลย แต่มีพื้นที่ใช้สอยใหญ่ขึ้นและมีฟังก์ชันบางอย่างเพิ่มมาอย่าง พื้นที่นั่งเล่น 2 จุด สำหรับรองรับแขกและครอบครัว, ห้องนอนชั้นล่างมี Terrace, ห้องนอนรองมี Walk-in Closet และ Master Bedroom มีระเบียงส่วนตัว
ชั้น 1
- ที่จอดรถในร่ม 3 คัน พร้อมตู้เก็บของใต้บันได เปิดได้จากพื้นที่จอดรถ
- พื้นที่เฉลียงหน้าบ้าน วางตู้เก็บรองเท้าและร่มได้สะดวก พร้อมทางลาดรองรับวีลแชร์จากพื้นที่จอดรถ
- มีประตูทางเข้าบ้านหลักและประตูทางเข้ารองจากพื้นที่จอดรถ
- พื้นที่ Common Area เชื่อมพื้นที่นั่งเล่น Pantry และพื้นที่รับประทานอาหาร
- พื้นที่นั่งเล่น 2 จุดเชื่อมต่อกัน ใช้รองรับแขกและสำหรับนั่งพักผ่อนภายในครอบครัวได้
- พื้นที่นั่งเล่นสำหรับรองรับแขก ออกแบบเป็น Double Volume สูง 6.50 เมตร
- ห้องเก็บของข้างบันไดมีขนาดใหญ่
- พื้นที่เก็บรองเท้าข้างประตูทางเข้ารอง
- ห้องน้ำชั้น 1 แบบ Powder Room
- ห้องครัวแบบปิด มีประตูกั้นทำเป็นครัวไทยได้
- ลานซักล้าง สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากผ้า
- ห้องนอนชั้นล่าง พร้อมห้องน้ำในตัว ออกแบบรองรับผู้สูงอายุ พร้อม Terrace สำหรับพักผ่อน
- ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ เดินเชื่อมไปห้องครัวได้ง่าย
ชั้น 2
- Family Area พื้นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัว หรือทำเป็นพื้นที่ทำงานได้ พร้อมระเบียง
- ออกแบบแยกฝั่ง Master Bedroom และห้องนอนอื่นๆ
- พื้นที่ Double Volume สามารถต่อเติมกั้นพื้นปิด ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น
- Master Bedroom ขนาดใหญ่ มีพื้นที่นั่งเล่นในห้อง พร้อม Walk – in Closet และห้องน้ำในตัว
- Master Bathroom แบ่งเป็นสัดส่วน มีอ่างอาบน้ำและฉากกั้นกระจกอาบน้ำติดตั้งมาให้
- ห้องนอนรองสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้ พร้อมพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว
พื้นที่จอดรถในร่มได้ 3 คัน มีทางลาดและประตูทางเข้ารอง
ภาพบรรยากาศภายใน Residence II (Type M) บริเวณชั้น 1
Master Bedroom จะออกแบบแยกฝั่งอยู่ห้องเดียว ได้ความเป็นส่วนตัวสูง
ภาพบรรยากาศภายใน Residence II (Type M) บริเวณชั้น 2
ราคา
SHAWN Wongwaen – Chatuchot (ฌอน วงแหวน – จตุโชติ) ราคา ณ วันที่ 19 มีนาคม 2567
- Residence I (Type L) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 94 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 369 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 2 พื้นที่พักผ่อน / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ (3 คันในร่ม) - Residence II (Type M) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 83 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 327 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 พื้นที่พักผ่อน / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ - Residence III (Type S) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 72 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 283 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 พื้นที่พักผ่อน / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 18.9 ล้านบาท - ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.วา/เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
โครงการติดกับถนนเลียบวงแหวนกาญจนา ใกล้ทางพิเศษฉลองรัช ด่านจตุโชติและวงแหวนกาญจนาภิเษก เดินทางเข้าเมืองไปทางเลียบด่วนรามอินทรา, พระราม 9, เอกมัย ได้สะดวกขึ้น อีกทั้งใกล้ MRT สายสีชมพู สถานีคู้บอน เชื่อมไป BTS สายสีเขียวอ่อน, MRT สายสีม่วงและรถไฟฟ้าในอนาคตอย่างสายสีส้ม ถือเป็นตัวเลือกในการเดินทางอีกอย่าง
ส่วนความอุดมสมบูรณ์หลักๆของโครงการจะอิงมาแถวสุขาภิบาล 5 ถนนสายไหม และถนนคู้บอนจะมีทั้งห้างใหญ่อย่าง Jas Green Village และตลาดอยู่หลายแห่ง และตรงเส้นรามอินทราจะมีทั้ง Fashion Island และ The Promenade มาเดินช้อปปิ้งกันได้ง่ายๆ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
ทางเข้า – ออกใช้ระบบ RFID เหมือน Easypass ทางด่วน ควบคู่กับรั้วกั้นไม้กระดก + รั้วเหล็กรางเลื่อน รวมถึงติดตั้งกล้อง CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการรวม 41 จุด พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และรั้วทึบรอบโครงการสูง 3.00 เมตร พร้อมรั้วเหล็กแหลมขึ้นมาอีก 1 เมตร
ระบบรักษาความปลอดภัยของตัวบ้านจะได้ Magnetic Sensor ติดที่ประตูหน้าต่างทุกบานทั้ง 2 ชั้น, Digital Door Lock, Smart Outdoor Camera แจ้งเตือนหากมีคน/สัตว์/รถ ผ่านมาใกล้บ้าน ด้วย Motion Sensor ยี่ห้อ NETATMO, Emergency Light System 2 จุด บริเวณโถงบันได 2 ชั้น และ Electrical Room อีกทั้งยังมี Heat Detector ในห้องครัว และ Smoke Detector ใน Electrical Room ด้วยค่ะ
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
โครงการออกแบบในสไตล์ Modern Classic ในโทนสีขาว-ดำและมีการย่อมุมอาคาร ดูเรียบหรู สวยงาม พื้นที่ส่วนกลางจะเน้นบรรยากาศความเป็นธรรมชาติและฟังก์ชันการพักผ่อน โดยแบ่งส่วนกลางเป็น 2 โซน ให้ลูกบ้านใช้งานได้ทั่วถึง แยกโซนส่วนกลางและที่อยู่อาศัย มีตำแหน่งบ้านหลากหลายและบ้านส่วนใหญ่หันหน้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีให้เลือกทั้งบ้านได้แดดอ่อนๆ รับลมดี หรือบ้านที่ชอบแดดจัด ตากผ้าแห้งเร็ว
แบบบ้านของโครงการจะเป็นบ้านเดี่ยวมี 3 แบบบ้าน มีที่ดินบ้านและพื้นที่ใช้สอยในแต่ละฟังก์ชันใหญ่ เหมาะกับครอบครัว 2-6 คน และรองรับผู้สูงอายุ ออกแบบมีทางลาดและห้องนอนชั้นล่างในทุกยูนิต รวมถึงห้องส่วนใหญ่จะมีหน้าต่าง 2 ฝั่งเพื่อให้ลมพัดผ่านได้ ทุกห้องนอนมีห้องน้ำในตัว และมีพื้นที่แบบ Double Volume เพิ่มความโอ่อ่าและโปร่งโล่งให้กับตัวบ้านด้วย นอกจากนั้นยังคิดเผื่อการต่อเติมในอนาคต เตรียมโครงสร้างต่อเติมพื้นชั้น 2 บริเวณ Double Volume รองรับการใช้งานตามความต้องการ ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นด้วย
วัสดุ :
เป็นไปตามมาตรฐานราคา โครงสร้างบ้านเป็น Conventional จึงสามารถทุบต่อเติมได้ และมีการเตรียมโครงสร้างต่อเติมพื้นชั้น 2 บริเวณ Double Volume พื้นชั้น 1 เป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ส่วนชั้น 2 เป็นพื้น SPC
ห้องครัวได้ก่อเคาน์เตอร์ครัวปูน กรุกระเบื้องพอร์ซเลน Top หินแกรนิต พร้อมบานปิดหน้าตู้ด้านล่าง, ติดตั้งกระเบื้อง Backsplash และ อ่างล้างจานจาก TEKA ส่วนสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำจะเป็น COTTO, KOHLER และ LAVENZ เป็นหลัก นอกจากนี้มีนวัตกรรมการอยู่อาศัยสบายอย่าง S-Air system (Active Air Flow) ลดความร้อนภายในบ้านและเดินระบบรองรับ EV Charger ด้วย
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
ทางโครงการจัดสวนและปลูกต้นไม้ทั้งเล็ก-ใหญ่ตลอดแนวถนนตั้งแต่ซุ้มประตูโครงการมายังด้านในโครงการ บริเวณด้านหน้ามีอาคาร Clubhouse พร้อมสวนด้านข้างจัดไว้อย่างสวยงามและฝั่งตรงข้ามจะเป็นสวนหย่อม 170 ตารางวาที่ให้บรรยากาศร่มรื่น สดชื่นตั้งแต่เข้ามาภายในโครงการ และมี Main Park บริเวณกลางโครงการขนาด 628 ตารางวา ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างก่อสร้างค่ะ
สาธารณูปโภค :
ส่วนกลางภายในโครงการจัดมาให้อย่างครบครัน โดยบริเวณด้านหน้าโครงการจะมีสวนหย่อมและอาคาร Clubhouse ประกอบด้วย Leisure Lounge, Biz Lounge, Fitness และสระว่ายน้ำ ส่วนบริเวณกลางโครงการจะมีสวนสีเขียวของโครงการอีกจุด ประกอบด้วย Children’s Playground ให้เด็กๆมาเล่นสนุกกัน, Pet Potty สำหรับสัตว์เลี้ยง, Pavilion พื้นที่นั่งพักผ่อน และหินนวดเท้าสำหรับผู้สูงอายุค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 18.9-30 ล้านบาท, 19 มีนาคม 2567
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.25/10 – ติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก ใกล้ทางด่วน 2 สายและ MRT สายสีชมพู ส่วนความอุดมสมบูรณ์อิงมาแถวสุขาภิบาล 5 ถนนสายไหม และถนนคู้บอน
- ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วกั้นไม้กระดกและประตูล้อเลื่อน, รปภ. 24 ชั่วโมง, ระบบ RFID, CCTV พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยในบ้าน
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – แบบสวย ดูหรูหรา เน้นพื้นที่ใช้สอย ฟังก์ชันเป็นสัดส่วน แยกโซนการใช้งานดี
- วัสดุ 8/10 – มาตรฐานของระดับนี้ และโครงสร้างรองรับการต่อเติมในอนาคต
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – มีการจัดสวนตลอดแนวถนน มีพื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 2 จุด ได้แก่ บริเวณตรงข้าม Clubhouse 170 ตารางวา และ Main park กลางโครงการ 628 ตารางวา ทำให้ได้บรรยากาศร่มรื่น สดชื่น
- สาธารณูปโภค 8/10 – มีฟังก์ชันหลักๆครบครันทั้ง Clubhouse, สระว่ายน้ำ, Fitness และเน้นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน
- 8.00 / 10.00
SHAWN Wongwaen – Chatuchot (ฌอน วงแหวน – จตุโชติ) เหมาะกับใคร
โครงการ SHAWN Wongwaen – Chatuchot (ฌอน วงแหวน – จตุโชติ) เหมาะกับครอบครัวทุกขนาด ไม่ว่าจะอยู่กันแค่ 2 คน มีสัตว์เลี้ยง หรืออยู่กัน 5-6 คน มีลูกและผู้สูงอายุ ต้องการมองหาบ้านเดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วน 2 สายและรถไฟฟ้า แหล่งความอุดมสมบูรณ์ก็ไม่อยู่ไม่ไกล มีพื้นที่ใช้สอยในบ้านเยอะเมื่อเทียบโครงการอื่น ฟังก์ชันอยู่อาศัยสบาย มีส่วนกลางครบครัน รองรับการต่อเติมในอนาคต มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 18.9 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 113,400 บาท
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่