รีวิวฉบับที่ 2181 … วันนี้จะพามาดูโครงการ PAVE บางนา จาก SC Asset ที่ตั้งอยู่ในย่านบางบ่อกันครับ ซึ่งเป็นทำเลใกล้นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง และอยู่ไม่ไกลจากถนนบางนา-ตราดอีกด้วย โดยโปรดักส์จะเป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ Modern ที่เหมาะกับคนเน้นพื้นที่ใช้สอยเป็นหลัก และมีฟังก์ชันห้องนอนเยอะๆ ให้ได้ใช้งานปรับเปลี่ยนได้ตาม Lifestyle ของครอบครัวได้ โดยปัจจุบันโครงการเฟสแรกสร้างเสร็จ และมีลูกบ้านเริ่มเข้าอยู่บางส่วนแล้วครับ ซึ่งบรรยากาศจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลย

ข้อมูลโครงการ

8 December 2020

  • PAVE Bangna (เพฟ บางนา)
  • บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
  • MAIN – UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถ.บางบ่อ – คลองด่าน  อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ
  • เนื้อที่โครงการ 70-2-23.4 ไร่ จำนวน 267 ยูนิต
  • DELTA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 171 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท
  • BETA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 5.79 ล้านบาท
  • ALPHA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 214 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 6.89 ล้านบาท
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าชั้น 1 – 2.6 เมตร / ชั้น 2 – 2.7 เมตร
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 50,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : ปี 2562
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ n/a
  • เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 061-405-6622
  • Call Center : 1749

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.562244, 100.837503
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการตั้งอยู่ในย่านบางบ่อครับ ซึ่งเป็นแหล่งใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นนิคมอุตสาหกรรมบางพลี นิคมอุตสาหกรรมบางปู และนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ หรือใครจะขับรถไปทำงานแถวชลบุรี ก็สามารถขับไปบนถนนบางนา-ตราด หรือขึ้นทางด่วนวิ่งตรงไปยาวๆแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้วครับ

ดังนั้น จึงเป็นทำเลที่เหมาะกับคนที่ทำงานตามอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิศวกร หัวหน้าแผนก หรือเจ้าของโรงงาน/โกดังต่างๆ อีกทั้งถนนบางบ่อ-คลองด่าน ยังเป็นถนนที่เป็นจุดสิ้นสุดของถนนเทพารักษ์อีกด้วย ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักอีกเส้น ที่ตัดผ่านถนนสำคัญๆหลายสาย ทั้งถนนตำหรุ-บางพลี ถนนศรีนครินทร์ และยาวไปจนถึงถนนสุขุมวิทแถวสำโรงได้เลยล่ะ

ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์ก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะย่านบางบ่อนี้จะมีตลาดสดเสริมสุข ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกล รับรองว่าหาของกินได้ไม่ลำบากแน่นอน แต่ถ้าใครซื้อปลาสลิดมาทำอาหารก็อาจต้องเลือกดูดีๆหน่อยนะครับ เพราะขึ้นชื่อว่าปลาสลิดบางบ่อก็อร่อย-บางบ่อก็ไม่อร่อย …. (ผมแซวเล่นนะ อิอิ) ส่วนห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดคือ BigC บางพลี และ Market Village สุวรรณภูมิ หรือถ้าเลยไปอีกหน่อยก็จะเป็น Mega บางนา นั่นเองครับ

สำหรับการเดินทางไปขึ้นทางด่วนบูรพาวิถี เส้นทางที่ใกล้ที่สุดคือ ถ้าเราใช้ถนนวัดบางบ่อ ก็จะสามารถไปออกถนนใหญ่บางนา-ตราด ตรงช่วงก่อนจะถึงทางขึ้นสะพานกลับรถได้พอดีครับ จากนั้นก็ให้เรากลับรถแล้วขับตรงมาหน่อยก็จะขึ้นทางด่วนได้เลย

รวมระยะทาง 6.1 km. ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้นครับ (ถ้าเราใช้เส้นถนนบางบ่อ-คลองด่าน ตรงไปตามปกติก็สามารถไปได้เช่นกันนะ แต่ในบางช่วงเวลารถในซอยอาจติดตรงตลาดได้เหมือนกัน)

การเดินทาง :

Image 1/8
การเดินทางวันนี้ผมมาจากในตัวเมือง ซึ่งวิ่งมาบนถนนบางนา-ตราดเรื่อยๆ ซึ่งพอเลยมหาลัยอัสสัมชัญมาแล้ว ก็ให้ขึ้นสะพานกลับรถเพื่อมาเลี้ยวเข้าถนนบางบ่อ-คลองด่าน จากนั้นขับตรงเข้ามาเรื่อยๆประมาณ 2.9 km. ก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือครับ โดยบรรยากาศการเดินทางจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลย

การเดินทางวันนี้ผมมาจากในตัวเมือง ซึ่งวิ่งมาบนถนนบางนา-ตราดเรื่อยๆ ซึ่งพอเลยมหาลัยอัสสัมชัญมาแล้ว ก็ให้ขึ้นสะพานกลับรถเพื่อมาเลี้ยวเข้าถนนบางบ่อ-คลองด่าน จากนั้นขับตรงเข้ามาเรื่อยๆประมาณ 2.9 km. ก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือครับ โดยบรรยากาศการเดินทางจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

บริบทโดยรอบโครงการ ก็จะเป็นชุมชนแนวราบและที่ว่างเป็นส่วนใหญ่ครับ ซึ่งปัจจุบันก็จะมีเพื่อนบ้าน 2 โครงการคือ V Compound บางนา และหมู่บ้านทิพมาศ-เสรีบางนา สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ หมู่บ้านทิพมาศ-เสรีบางนา
  • ทิศใต้ : ติดกับ V Compound บางนา
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ หมู่บ้านทิพมาศ-เสรีบางนา
  • ทิศตะวันตก : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ถนนบางบ่อ-คลองด่าน

และนี่คือซุ้มประตูทางเข้าโครงการนะครับ ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก เพราะเค้าใช้เป็นทางเข้าร่วมกันของ 2 โครงการคือ PAVE บางนา และ V Compound บางนา ซึ่งเป็นของ SC Asset เหมือนกัน

ส่วนด้านซ้ายและด้านขวา ก็จะมีบรรยากาศเงียบสงบไม่พลุกพล่าน โดยด้านซ้ายของโครงการ (ภาพแรก) จะเป็นทางที่มุ่งหน้าไปบางนา-ตราด ส่วนด้านขวา (ภาพที่สอง) จะเป็นทางมุ่งหน้าไปคลองด่าน-สุขุมวิทครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาลบางบ่อ ~ 1.4 km.
  • ที่ว่าการอำเภอบางบ่อ ~ 1.6 km.
  • ตลาดสดเสริมสุข ~ 1.9 km.
  • นิคมอุตสาหกรรมบางพลี ~ 7 km.
  • ตลาดคลองด่าน ~ 8.9 km.
  • มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ~ 11.2 km.
  • มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ~ 13.9 km.
  • นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ~ 14.1 km.
  • Big C บางพลี ~ 17 km.
  • Market Village สุวรรณภูมิ ~ 17.7 km.
  • Mega บางนา ~ 22.6 km.

รายละเอียดโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

Master Plan ที่ดินโครงการจะมีลักษณะเป็นแนวยาวเข้าไปด้านใน และมีการกระจาย Facilities เอาไว้ 2 จุดครับ โดยเฟสด้านหน้าหรือส่วนที่กำลังเปิดขายอยู่ในปัจจุบัน จะอยู่ใกล้ประตูทางเข้าและอาคาร Clubhouse มากกว่าครับ จึงเป็นโซนที่เหมาะกับคนชอบความสะดวกในการเข้า-ออกโครงการ และมาใช้ส่วนกลางได้ง่ายนั่นเอง

ส่วนเฟสด้านในที่จะเปิดขายในอนาคตนั้น เค้าจะเริ่มขายโซนที่อยู่ใกล้สวนก่อนครับ ซึ่งคนที่จะเลือกซื้อบ้านในเฟสนี้ก็อาจเป็นคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่มีรถผ่านไป-มาหน้าบ้านบ่อยนัก และชอบใช้พื้นที่สวนสาธารณะเป็นหลัก โดยยอมขยับเข้ามาด้านในโครงการมากขึ้นหน่อย (ลึกสุดอยู่ที่ประมาณ 1.4 km.) และนานๆครั้งก็อาจจะไปใช้ Clubhouse ด้านหน้าบ้างนั่นเองครับ

โดยภาพรวมผังโครงการนี้มีความน่าสนใจ 2 จุดใหญ่ๆด้วยกัน จุดแรกคือเรื่อง “ความเป็นส่วนตัว” ที่อาจไม่ใช่เรื่องจำนวนเพื่อนบ้านนะครับ เพราะ 267 ยูนิต ก็นับว่ามีพอสมควร แต่ผมหมายถึงการวางผังโครงการ ซึ่งถ้าดูดีๆแล้วจะมีบ้านหลายตำแหน่ง (กรอบสีแดง) ที่ฝั่งตรงข้ามจะไม่หันหน้าชนกับใครเลยครับ ส่วนอีกจุดนึงคือ “ทิศของบ้าน” ซึ่งทุกๆหลังจะหันหน้าไปทางทิศเหนือ-ใต้ ซึ่งเป็นทิศที่รับลมได้ดี แต่ถ้าเป็นทิศใต้ก็จะโดนแดดส่องเข้าบ้านมากหน่อย อาจต้องคอยปิดม่าน ติดฟิล์ม และปลูกต้นไม้ หรือทำกันสาดเพิ่มเติมกันสักหน่อยนะครับ ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรบ้างเราไปชมบรรยากาศกันเลย

เริ่มกันที่ซุ้มประตูขนาดใหญ่นี้จะเป็นทางเข้าสำหรับ 2 โครงการคือ PAVE บางนา และ V Compound บางนา แต่ถัดจากวงเวียนต้นไม้นี้เข้าไป เราก็จะเจอซุ้มประตูทางเข้าของแต่ละโครงการแยกเป็นส่วนตัวอีกทีหนึ่งครับ

สำหรับทางเข้าโครงการ PAVE บางนา จะเป็นซุ้มประตูทางซ้ายมือ ซึ่งก็มีลักษณะเป็นทรงหลังคาเรียบๆสไตล์ Modern ที่ช่วยบังแดดบังฝนให้กับผู้ที่มาติดต่อกับป้อม รปภ. ตรงกลางได้ดีครับ

ระบบรักษาความปลอดภัยจะมีกล้อง CCTV ที่ถ่ายทะเบียนรถและผู้ขับ โดยถ้าเป็นลูกบ้านก็จะสามารถขับผ่านเข้าไปได้เลย ด้วยระบบ RFID หรือสัญญาณบลูทูธแบบ Easy Pass บนทางด่วน แต่ถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อนนะครับ

โดยโครงการนี้เค้าใช้เป็นประตูเหล็กรางเลื่อน ซึ่งมีความแข็งแรงและปลอดภัยดีมาก แต่การเลื่อนเปิดอาจใช้เวลานานกว่าแบบไม้กั้นกระดกสักหน่อยนะครับ ส่วนด้านข้างก็จะมีประตูเล็กสำหรับคนเดินให้ใช้ด้วยนะ

เข้ามาด้านในจะเป็นถนน Main ซึ่งจะเบี่ยงไปทางด้านขวาเล็กน้อย ส่วนบ้านโซนอื่นๆรวมถึง Clubhouse จะอยู่แยกไปทางด้านซ้ายนะครับ

บรรยากาศของบ้านติดถนน Main ที่กว้างถึง 16 m. จะค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวครับ เพราะเค้าจะไม่หันหน้าชนกับใครเลย แต่ก็อาจมีรถผ่านไป-มาหน้าบ้านบ่อยอยู่บ้าง โดยปัจจุบันบ้าน 3 หลังแรกสุดจะเป็นบ้านตัวอย่างครับ

ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นรั้วโครงการที่อยู่ติดกับ V Compound เพื่อนบ้านของเรา พร้อมกับปลูกต้นไม้ตลอดแนวถนนเพื่อความร่มรื่น แถมยังช่วยพรางสายตา และเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดีอีกด้วย

ส่วนถ้าเราเลี้ยวซ้ายก็จะเจอกับอาคาร Clubhouse ซึ่งมีที่จอดรถด้านหน้าให้ 4 คัน เหมาะกับบ้านหลังที่อาจอยู่เฟสด้านใน จะได้ขับรถมาใช้งานส่วนกลางได้สะดวกครับ

Clubhouse เป็นอาคาร 2 ชั้นสไตล์ Modern ที่ล้อมรอบไปด้วยสวนและสระว่ายน้ำ ซึ่งภายในจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันครับ

ทางเข้าจะมีทางลาดสำหรับรถเข็นให้ใช้งานด้วยครับ คือต้องบอกก่อนว่า เค้าจะออกแบบมาเป็น Universal Design ซึ่งบ้านไหนที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุอยู่ด้วย ก็สามารถมาใช้งานได้ครับ

เข้ามาภายในจะเป็น Lobby ขนาดใหญ่ ที่เหมาะจะมานั่งเล่นพักผ่อน หรือจะมานั่งทำงานที่ Co-Working Space ตรงโต๊ะทางขวามือก็ได้นะครับ แต่ที่ชอบก็คือฝ้าเพดานแบบ Double Volume ที่สูงโปร่ง และยังมีประตูกระจกขนาดใหญ่ ที่มองชมวิวออกไปยังสระว่ายน้ำด้านนอกได้อีกด้วย

ส่วนทางเดินด้านนอกก็จะเดินเลียบอาคารและสระว่ายน้ำไปเรื่อยๆ โดยจะมีต้นไม้คอยให้ร่มเงาตลอดทั้งวัน สามารถเดินได้สบายๆ แดดไม่ค่อยร้อนครับ

ขวามือจะมี Sunken Seat ที่ลดระดับลงไป เหมาะจะมานั่งเล่น/นั่งคอยเพื่อนที่กำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ หรือบางคนก็อาจชอบมานั่งทำงานอ่านหนังสือ อยู่ริมสระแบบใกล้ชิดแบบนี้ก็มีครับ

ถัดมาจะเป็น Kids Room ซึ่งเป็นห้องกระจกที่อยู่ข้างสระว่ายน้ำ ภายในมีเครื่องเล่นหุ้มเบาะฟองน้ำนุ่มๆเต็มเลยครับ บ้านไหนที่มีเด็กๆล่ะก็ น้องๆชอบแน่นอน

ถัดมาเราจะเจอกับทางแยก ซึ่งสามารถไปลงสระว่ายน้ำก็ได้ ไปเดินเล่นที่สวนด้านหลังก็ได้ และจะไปห้องน้ำหรือขึ้นชั้น 2 ก็ได้ครับ

เรามาดูทางซ้ายมือกันก่อนครับ ซึ่งจะเป็นทางไปลงสระว่ายน้ำนะ

โดยต้นสระจะมี Day Bed ให้นั่งเล่นพักผ่อนได้ ซึ่งอาจเหมาะจะมาใช้งานตอนแดดร่มๆนะครับ เพราะเค้าจะตั้งอยู่กลางแจ้งเลย

ส่วนตัวสระจะมีขนาด 23 x 6.5 m. ซึ่งพอจะว่ายออกกำลังกายได้นะ โดยด้านข้างเป็นแนวต้นไม้ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น ช่วยพรางสายตา และเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากรถที่ผ่านเข้า-ออกตรงซุ้มประตูทางเข้าได้อยู่บ้างครับ

นอกจากนี้ยังมีสระเล็กๆอยู่ทางด้านหลังด้วยครับ ซึ่งเป็นสระเด็กที่อยู่ในร่ม ให้น้องๆสามารถว่ายน้ำเล่นได้ตลอดทั้งวัน พร้อมกับชมสวนด้านหลังไปด้วยได้ ส่วนทางขวามือจะมีจุดล้างตัวก่อนลงสระอยู่หลังเสาด้วยนะครับ

สำหรับสวนด้านหลังจะมีทางให้เดินลงไปใช้งานได้ ซึ่งก็มีทั้งสนามหญ้าและไม้ดอกเพื่อความสวยงาม ส่วนต้นไม้ใหญ่อาจต้องรออีกสัก 2 – 3 ปี ก็อาจมีความร่มรื่นมากกว่านี้นะครับ

ถัดมาเราจะเลี้ยวขวามาดูด้านในอาคารกันต่อเลยครับ

ซึ่งการจะขึ้นไปยังชั้น 2 จะมีทั้งบันไดและลิฟต์โดยสารให้เลือกใช้งานครับ แต่ถ้าเราเดินลึกเข้ามาอีกก็จะเจอกับห้องน้ำแยกชาย-หญิง และห้องน้ำสำหรับผู้ใช้รถเข็น รวมถึงจะมีประตูกระจกที่สามารถเดินเชื่อมมาจาก Lobby ในตอนแรกได้ด้วยนะครับ

ขึ้นบันไดมาชั้น 2 ทางซ้ายมือเราจะเจอกับห้องน้ำชาย-หญิง ที่ช่วยอำนวยความสะดวกอยู่ชั้นบนด้วยครับ จะได้ไม่ต้องขึ้น-ลงไปใช้ด้านล่างบ่อยๆ

ภายในจะเป็นห้องน้ำขนาดไม่ใหญ่มากนัก ส่วนถ้าใครต้องการอาบน้ำ/ล้างตัว ก็อาจต้องลงไปใช้งานด้านล่างแทนนะครับ

ติดกันจะเป็น Meeting Room ซึ่งมีโต๊ะขนาดใหญ่ตรงกลาง สามารถนั่งประชุมและพูดคุยงานกันได้หลายคน รวมถึงมีจอทีวีให้ใช้งานได้ด้วย

ส่วนขวามือของห้องก็จะมีระเบียงให้ออกมายืนชมวิวและพักผ่อนได้ครับ

ถัดมาเราจะไปดูทางขวามือของบันไดและลิฟต์กันบ้าง ซึ่งจะเป็นทางเดินเชื่อมไปยังห้อง Fitness

ภายในเป็นห้องที่มีช่องแสงถึง 3 ด้านเลยครับ ทำให้สว่างและโปร่งโล่งมากๆ รวมถึงมีเครื่องออกกำลังกายหลายชิ้นเลยทีเดียว

โดยถ้าเป็นเครื่อง Cardio ส่วนใหญ่จะหันไปให้ชมวิวสวนด้านหลัง และมองออกไปด้านนอกโครงการได้ไกลๆหน่อย ส่วนอีกฝั่งนึงจะเป็นเครื่องยก Weight ซึ่งหันออกไปเห็นสระว่ายน้ำด้านล่างได้ครับ

ปิดท้ายกันด้วยบรรยากาศภายในโครงการอีกซอยหนึ่ง ซึ่งคราวนี้จะมีบ้านอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ที่หันหน้าเข้าหากัน โดยจะมีถนนกว้าง 9 m. คั่นกลางอยู่ และโครงการจะปูหญ้าที่ฟุตบาท พร้อมกับปลูกต้นไม้ในบ้านให้ด้วย เลยทำให้บรรยากาศดูเขียวขจีดีทีเดียวครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • Lobby & Co-Working Space
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 23 x 6.5 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • Kids Pool
  • Kids Room
  • Fitness
  • Meeting Room
  • พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 2 จุด
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการ
  • ถนนหลักกว้าง 16 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม. (รวมฟุตบาท)
  • Key Card Access ระยะไกล (ระบบ RFID หรือ Easy Pass)
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วเลื่อนไฟฟ้า 3 ตอน
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic Sensor ทุกหลัง

แบบบ้าน

แบบบ้านของโครงการนี้มีทั้งหมด 3 แบบครับ ซึ่งเค้าก็มีบ้านตัวอย่างให้ดูทุกแบบเลยนะ ประกอบด้วย

  • DELTA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 171 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  • BETA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  • ALPHA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 214 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

โดยโครงการนี้เค้าจะใช้โครงสร้างเป็นระบบ Precast หรือผนังคอนกรีตสำเร็จรูป ที่ผลิตได้มาตรฐานจากโรงงาน ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน และยังไม่มีเสาโผล่กลางบ้านมาให้กวนใจหรือจัดเฟอร์นิเจอร์ยากอีกด้วย แต่ก็อาจทุบ/เจาะ หรือต่อเติมได้ยากกว่าผนังก่ออิฐอยู่สักหน่อย ดังนั้นควรปรึกษาช่างโครงการอีกครั้งก่อนต่อเติมด้วยนะครับ

  • ALPHA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 214 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

เริ่มต้นกันที่แบบบ้านหลังใหญ่สุด ซึ่งจุดเด่นของเค้าก็คือ สามารถทำห้องนอนที่ชั้นล่างได้ถึง 2 ห้อง โดยห้องนอนที่ 5 ซึ่งยื่นออกไปทางขวาของตัวบ้านนั้น จะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์โล่งๆที่จะต้องกั้นห้องเพิ่มเติมเองครับ แล้วแต่ Lifestyle ของแต่ละครอบครัวว่าต้องการทำเป็นฟังก์ชันไหนก็ได้ เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องดูหนังเล่นเกมส์ โดยภาพรวมจึงเป็นบ้านเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ 4 – 5 คน ที่อาจมีผู้สูงอายุอยู่ร่วมด้วย หรือถ้าเป็นครอบครัวเล็กๆ ก็อาจเป็นคนที่ต้องการห้องเยอะๆ เผื่อไว้แบ่งเป็นหลายๆฟังก์ชัน เพื่อความเป็นส่วนตัวก็ได้ครับ

ส่วนฟังก์ชันใช้งานอื่นๆอย่างบันได ห้องน้ำ และครัว จะมีโถงทางเดินกลางบ้านแยกออกไปจาก Common Area จึงค่อนข้างมีความเป็นสัดส่วนดีครับ ที่ผมชอบคือจะมีประตูทางเข้าจากพื้นที่จอดรถได้ด้วย ทำให้เวลาซื้อของเข้าบ้านมาก็สามารถขนกลับไปเก็บในครัว หรือจะเดินขึ้นชั้น 2 ได้สะดวกเลยนั่นเอง

ส่วนบนชั้น 2 จะมีห้องนอน 3 ห้อง และพื้นที่ Family Area ตรงโถงบันไดครับ โดยห้องนอนเล็กจะแชร์ห้องน้ำร่วมกันที่ด้านนอก ซึ่งก็ทำให้ในห้องนอนมีขนาดใหญ่และกว้างขวางมากขึ้นครับ ส่วนห้อง Master Bedroom เค้าจะมีทั้งห้องน้ำในตัว รวมถึงยังมีระเบียงและพื้นที่ให้ทำ Walk-in Closet ขนาดใหญ่อีกด้วย ซึ่งบรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไร เราไปชมบ้านตัวอย่างกันเลยครับ

เริ่มกันที่บ้านเปล่ามาตรฐาน ซึ่งผมจะพามาดูรอบๆบ้านกันก่อนนะครับ โดยประตูรั้วบ้านจะได้เป็นเหล็กรางเลื่อนตอนเดียว จึงทำให้ใช้งานได้ง่าย หรือใครต้องการความสะดวกเข้าไปอีก ก็อาจติดเป็นประตูไฟฟ้าเพิ่มก็ได้ครับ และบ้านหลังนี้ไม่มีประตูเล็กสำหรับคนเดินนะครับ ดังนั้นเวลาเข้า-ออกบ้าน จึงต้องใช้งานประตูใหญ่นี้เป็นหลักนั่นเอง

ส่วนอีกด้านหนึ่งก็จะมีทั้งตู้จดหมาย และช่องทิ้งขยะซ่อนอยู่เรียบร้อยดี สามารถเปิดใช้งานทั้งด้านนอกและด้านในแยกกันได้สะดวกดี

ส่วนพื้นที่จอดรถจะกว้างประมาณ 5.4 m. สามารถจอดรถได้ 2 คันสบายๆ โดยโครงสร้างพื้นจะเป็น Slab on Ground หรือการวางคานบนพื้นดิน จะไม่ได้ลงเสาเข็มเหมือนส่วนที่อยู่ใต้ชายคาของตัวบ้านนะครับ

ซึ่งสังเกตง่ายๆว่าเค้าจะมีการตัด Joint แยกโครงสร้างออกจากตัวบ้าน เผื่อกรณีเกิดการทรุดตัวในอนาคต จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลัก และถ้าใครที่ไม่อยากจอดรถให้โดนแดดโดนฝนครึ่งคันแบบนี้ล่ะก็ สามารถต่อเติมกันสาดเพิ่มได้นะครับ แต่ผมแนะนำให้ลงเสาเข็มเพิ่ม และแยกโครงสร้างออกจากตัวบ้านด้วยจะปลอดภัยกว่า

บริเวณรอบๆบ้านจะมีการจัดสวน และปลูกต้นไม้เอาไว้ให้แบบนี้ครับ โดยถ้าเป็นพวกหญ้าและไทรเกาหลีเราจะได้เป็นมาตรฐานทุกหลังเลย แต่สำหรับต้นไม้ใหญ่จะต่างกันออกไปในแต่ละเฟส (ซึ่งก็แล้วแต่ว่าช่วงเวลานั้นๆ โครงการเค้าได้ต้นไม้ชนิดไหนมาปลูกให้นะครับ)

เรากลับมาที่บ้านตัวอย่างเพื่อที่จะเข้าไปดูภายในกันครับ โดยเฉลียงหน้าบ้านจะยกพื้นสูงขึ้นมา 2 ขั้นบันได ซึ่งช่วยป้องกันฝุ่นหรือสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าบ้านได้ง่ายๆ รวมถึงยังมีขนาดใหญ่มากพอ ที่จะนำตู้เก็บรองเท้ามาวางไว้ด้านหน้าได้อีกด้วย

ประตูทางเข้าเป็นกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ กรอบอลูมิเนียมสีดำ พร้อมกระจกเขียวตัดแสง และตัวล็อคแบบ 2 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังเสริมความปลอดภัยด้วย Magnetic Sensor ซึ่งจะติดอยู่ที่ประตูหน้าต่างทุกบาน ทั้งชั้น 1 และชั้น 2 ของบ้านเลยครับ

เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับ Common Area ซึ่งรู้สึกโปร่งโล่งกว่าปกติ เพราะเค้าให้ช่องแสงขนาดใหญ่ ที่สูงเกือบเต็มผนังมาถึง 3 ด้านเลยครับ โดยเราสามารถใช้เป็นประตูทางออกไปด้านข้าง และหลังบ้านได้ด้วยถ้าต้องการ เพียงแต่เค้าจะมีขอบวงกบที่ยกขึ้นสูงจากพื้นนิดนึง ต้องเดินระวังสะดุดด้วยนะ

สำหรับพื้นที่แรกสุดจะเป็น Living Room หรือพื้นที่นั่งเล่นและรับแขก ซึ่งกว้างพอที่จะวางชุดโซฟารูปตัว L พร้อมกับโต๊ะกลางอีกสักตัวได้สบายๆ โดยจะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 3.2 m. สามารถใช้ทีวีจอใหญ่ๆ 50 – 60 นิ้วได้เลยครับ

ถัดเข้ามาตรงกลางบ้านก็เหมาะจะวางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งกว้างมากพอที่จะใช้โต๊ะขนาดใหญ่ 6 – 8 ที่นั่งได้เลยครับ หรือใครอยากแบ่งพื้นที่ทางขวามือ ให้กลายเป็นมุมเคาน์เตอร์เตรียมอาหารสวยๆก็ยังได้นะ

นอกจากนี้โต๊ะก็ยังตั้งอยู่ใกล้กับช่องเปิดขนาดใหญ่ สามารถทานอาหารไปและชมวิวสวนภายนอกไปด้วยได้ หรือใครจะใช้เป็นประตูเปิดออกไปหลังบ้านก็ได้นะครับ แต่อาจต้องต่อเติมเฉลียงและบันไดเพิ่มสักหน่อย เพราะพื้นบ้านจะยกสูงขึ้นมาจากพื้นดิน 50 cm.

ส่วนทางด้านซ้ายของตัวบ้านจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งของจริงจะไม่มีผนังกั้นนะครับ แต่ถ้าเราต้องการความเป็นสัดส่วนมากขึ้นละก็ สามารถทำแบบบ้านตัวอย่างได้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นผนังกระจกที่ยังคงได้ความโปร่งโล่ง หรือจะเป็นผนังทึบที่ได้ความเป็นส่วนตัวก็ได้นะ

ภายในถ้าเรากั้นห้องแล้วจะมีขนาดพื้นที่ประมาณ 3.1 x 2.7 m. ซึ่งกว้างพอที่จะวางเตียง 3.5 ฟุต แล้วทำเป็นห้องนอนเล็กๆเพิ่มอีกห้องนึงได้เลยครับ หรือบางคนอาจใช้เป็นห้องทำงาน ห้องเล่นเกมส์ หรือห้องดูหนังก็ได้ ตามแต่ Lifestyle ของแต่ละครอบครัว

แต่สิ่งที่ชอบสำหรับห้องนี้ก็คือ เค้าจะมีช่องแสงขนาดใหญ่ 2 ด้าน แล้วยังมีช่องหน้าต่างบานเล็กด้านข้างอีกด้วยครับ จึงทำให้ห้องนี้สว่าง โปร่งโล่ง และน่าใช้งานมากๆเลย

รวมถึงยังเป็นห้องที่สามารถชมวิวสวนข้างบ้านได้เต็มที่ หรือจะเปิดประตูออกมาใช้งานสวนก็ได้อีกเช่นกัน ซึ่งของจริงก็จะปูหญ้าและมีต้นไม้ปลูกไว้ให้ หรือใครจะเปลี่ยนเป็นบ่อปลา และมุมน้ำตกสวยๆแบบบ้านตัวอย่างก็ไม่เลวเหมือนกันครับ

ส่วนทางด้านขวาของตัวบ้านจะมีโถงทางเดินแยกออกไป ทำให้เวลามีแขกมาหาที่บ้าน ก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเองครับ

โดยโถงทางเดินนี้จะประกอบไปด้วยฟังก์ชันใช้งานต่างๆ รวมถึงห้องนอน และบันไดทางขึ้นชั้น 2 ด้วยครับ แต่สิ่งที่ผมชอบก็คือ การที่มีประตูทางเข้าจากพื้นที่จอดรถได้แบบนี้ จะสะดวกสำหรับการขนของเข้ามาเก็บในบ้าน หรือเดินขึ้นชั้นบนได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาอ้อมไปหน้าบ้านนั่นเองครับ

เริ่มที่ห้องนอนที่ 4 ชั้นล่างที่อยู่ซ้ายมือก่อนนะ ภายในมีขนาดประมาณ 2.8 x 2.6 m. ซึ่งเล็กกว่าพื้นที่อเนกประสงค์หรือห้องนอนที่ 5 เมื่อครู่นี้นิดหน่อย แต่ก็เพียงพอที่จะวางเตียง 3.5 ฟุต และตู้เสื้อผ้า 1 ใบได้พอดีๆ

รวมถึงยังอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเดินไปใช้งานห้องน้ำได้สะดวกกว่าด้วยครับ แน่นอนว่าถ้าใครมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยก็เหมาะเลย หรืออาจเปลี่ยนเป็นห้องอื่นๆก็ได้ ตามความต้องการของแต่ละครอบครัวเลยครับ

ติดกันจะเป็นห้องน้ำที่มีฟังก์ชันอาบน้ำครบเลยครับ ทั้งนี้ก็เพื่อรองรับการใช้งานของห้องนอนชั้นล่างด้วยนั่นเอง ซึ่งจุดที่ชอบอย่างแรกเลยก็คือ เค้าให้กระจกเงามาบานใหญ่มาก เลยทำให้ห้องดูกว้างและส่องกระจกได้เต็มตัวมากขึ้นครับ

ส่วนขนาดห้องก็ใหญ่ใช้งานได้สะดวกนะ อย่างพื้นที่ส่วนแห้งด้านหน้าจะกว้าง 1.35 x 1.6 m. ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะกว้าง 1 x 0.9 m. สามารถยืนอาบได้พอดีๆ และอาจติดตั้งม่านพลาสติกหรือฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเองได้

จุดที่ชอบอีกอย่างคือ ช่องหน้าต่างที่สามารถเปิดได้ทั้ง 2 ช่อง ซึ่งช่วยระบายอากาศได้ดี และที่ผนังข้างๆ Handshower จะมีทั้งช่องไว้วางแชมพู กับมี Junction Box เตรียมไว้เผื่อติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มได้ด้วยครับ

ส่วนสุขภัณฑ์อื่นๆจะเป็นของ Cotto ทั้งอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ ซึ่งพิเศษหน่อยคือจะมีการติดตั้งระบบฉีดชำระอัตโนมัติ ตรงที่ฝารองนั่งมาให้แบบนี้ในทุกๆห้องเลยด้วยครับ

และถัดมาจะเป็นห้องครัว ซึ่งของจริงเราจะได้เป็นห้องเปล่าโล่งๆ พร้อมกับช่องงานระบบต่างๆเตรียมไว้ให้ Built in ทำครัวเพิ่มได้ แต่ผมชอบตรงที่เค้ามีช่องเปิดอยู่ 2 จุด คือหน้าต่างทางขวามือ กับประตูทางด้านซ้าย ซึ่งถ้าเปิดทั้ง 2 จุดพร้อมกัน ก็จะสามารถระบายอากาศได้ดีนั่นเองครับ

ขนาดห้องจะกว้างประมาณ 3.1 x 2.2 m. และมีพื้นที่เรียบเสมอกับภายในบ้านทำให้ไม่เดินสะดุด รวมถึงประตูที่ได้ก็จะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้เลยครับ ซึ่งสามารถกันกลิ่นและควันไม่ให้เข้ามาในบ้านได้อยู่นะ

เมื่อเปิดประตูออกมาก็จะเจอกับลานซักล้างหลังบ้าน โดยทางโครงการจะเทพื้นคอนกรีตมาให้ส่วนหนึ่ง (เป็นแบบ Slab on Ground ไม่ได้ลงเสาเข็ม) สามารถวางเครื่องซักผ้าและตากผ้าที่หลังบ้านนี้ได้นะครับ

กลับเข้ามาในบ้านที่ใต้บันไดจะมีห้องเก็บของอยู่ด้วย สามารถใช้เก็บพวกอุปกรณ์ต่างๆที่ไม่ค่อยได้ใช้งานได้ (ซึ่งด้านในเค้าใช้เก็บของกันอยู่ ผมอาจไม่ได้เปิดมาให้ดูกันนะครับ)

ตัวบันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความแข็งแรงทนทาน และมีราวจับให้ตลอดทาง ซึ่งจุดที่ผมชอบของบันไดนี้คือ ที่ด้านล่างของช่องแสงจะมีส่วนของหน้าต่างบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศได้ด้วย

เมื่อขึ้นมาบนชั้น 2 พื้นก็จะเปลี่ยนเป็นไม้ลามิเนต และเราก็จะเจอกับ Family Area ที่อยู่ตรงโถงบันได มีขนาดประมาณ 2.5 x 1.9 m. ซึ่งใครจะใช้เป็นพื้นที่วางชุดโซฟานั่งเล่นสำหรับครอบครัวก็ได้ หรือจะกั้นทำเป็นห้องพระเล็กๆก็เหมาะครับ

ซ้ายมือเป็นห้อง Master Bedroom ซึ่งมีขนาดใหญ่ และกินพื้นที่ทางฝั่งซ้ายของชั้น 2 ตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงหลังบ้านเลยครับ จึงทำให้เราสามารถใช้เตียง 6 ฟุต มาวางอยู่ข้างระเบียงแบบนี้ได้สบายๆ

ส่วนระเบียงนี้ก็มีความยาวถึง 5.4 x 0.9 m. สามารถออกมาใช้งานและยืนสูดอากาศได้นะ

นอกจากนี้ทางด้านข้างของระเบียงทั้งสองฝั่ง เรายังจะได้เห็นช่องหน้าต่างบานกระทุ้งจากโถงบันไดเมื่อครู่นี้ กับมีช่องระบายน้ำออกไปทางด้านข้างของตัวบ้านแบบนี้ด้วยครับ

ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องจะมีพื้นที่เว้าเข้าไป ให้สามารถทำเป็น Walk-in Closet ได้ด้วยนะ

โดยของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆครับ กว้างประมาณ 1.8 m. ซึ่งเราสามารถ Built in ตู้เสื้อผ้าเต็มผนังได้แบบนี้เลย

ติดกันจะเป็นห้องน้ำส่วนตัวครับ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นๆพอสมควร

พื้นที่ส่วนแห้งจะกว้างประมาณ 1.65 x 1.8 m. และพื้นที่ส่วนเปียกจะกว้าง 1.65 x 0.8 m. ซึ่งเราจะต้องติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเองเช่นเดิมนะครับ ส่วนสุขภัณฑ์ก็เป็นของ Cotto ที่ให้มาครบเช่นเดิม

ส่วนอีกด้านหนึ่งของชั้น 2 ก็จะมีห้องน้ำและห้องนอนเล็กแยกออกไปครับ

เริ่มกันที่ห้องนอนเล็กทางขวามือ ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าของตัวบ้าน และมีขนาดใหญ่รองลงมาจาก Master Bedroom คือประมาณ 4.9 x 2.9 m. ทำให้สามารถใช้เตียง 5 ฟุตวางตรงกลางห้องได้ แล้วยังเหลือพื้นที่ให้วางตู้เสื้อผ้า กับโต๊ะสักตัวได้สบายๆครับ หรือถ้าใครมีลูกหลายคนก็อาจวางเตียง 3.5 ฟุตสองเตียงแบบบ้านตัวอย่างนี้ก็ได้นะ

ติดกันจะเป็นห้องนอนเล็กอีกห้องที่อยู่โซนด้านหลังบ้าน มีขนาดประมาณ 3.1 x 3.2 m. ซึ่งบ้านตัวอย่างเค้าวางเตียง 3.5 ฟุตมาให้ดู เหมาะกับคนชอบมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้ใช้งานได้กว้างๆหน่อย หรือใครจะเปลี่ยนไปวางเตียง 5 ฟุตก็ยังไหวนะครับ

และสุดท้ายคือห้องน้ำ ซึ่งจะใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็ก 2 ห้อง โดยภายในจะมีขนาดและฟังก์ชันเหมือนกับห้องน้ำชั้นล่างเลยครับ

  • BETA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

แบบบ้านต่อมาจะเป็นหลังขนาดกลาง ซึ่งสิ่งต่างจากหลังใหญ่ก่อนหน้านี้ก็คือ เค้าจะมีห้องนอนชั้นล่างแค่ห้องเดียวเท่านั้น ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าอาจทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆน่าจะเหมาะกว่า เช่น ห้องทำงาน ห้องดูหนังเล่นเกมส์ เป็นต้น เพราะตำแหน่งของเค้าจะอยู่คนละฝั่งกับห้องน้ำ เลยทำให้การมาใช้งานอาจเสียความเป็นส่วนตัว และไม่สะดวกสักเท่าที่ควร

และอีกส่วนหนึ่งที่ลดทอนออกไปก็คือ โถงทางเดินกลางบ้าน แต่นั่นก็เลยทำให้ Common Area บริเวณพื้นที่ทานอาหารมีขนาดใหญ่มากขึ้นไปด้วย รวมถึงจะไม่มีประตูเล็กที่เปิดเข้าบ้านได้จากพื้นที่จอดรถแล้วครับ ดังนั้นบ้านหลังนี้จึงจะมีทางเข้าหลักแค่ส่วนด้านหน้าบ้าน กับครัวที่อยู่ด้านหลังเท่านั้น

ส่วนชั้น 2 จุดเด่นคือห้อง Master Bedroom ที่มีขนาดใหญ่มากครับ ซึ่งเป็นผลมาจากการรวมพื้นที่อเนกประสงค์เดิมที่เคยอยู่ตรงโถงบันไดด้านนอก ให้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ห้องนอนนั่นเอง รวมถึงยังมีพื้นที่แต่งตัว ห้องน้ำ และระเบียงส่วนตัวครบเช่นเดิมอีกด้วย ส่วนห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องก็จะยังคงต้องมาแชร์ห้องน้ำร่วมกันเช่นเดิมครับ

สรุปแล้วบ้านหลังนี้จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง อาจอยู่ร่วมกันสัก 3 – 4 คน โดยเจ้าของบ้านอาจเป็นคนที่ชอบฟังก์ชันหลักๆที่มีขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Common Area ที่ชั้นล่าง กับห้อง Master Bedroom ที่ชั้นบน รวมถึงยังต้องการห้องอเนกประสงค์ให้ใช้งานได้ที่ชั้นล่างด้วยนั่นเอง ส่วนบรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไร เราไปชมบ้านตัวอย่างกันเลยครับ

สำหรับรายละเอียดในส่วนของประตูรั้วบ้าน ที่จอดรถ และพื้นที่รอบบ้าน ก็จะเหมือนกันบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้เลยนะครับ แต่สิ่งอยากพามาดูบ้านเปล่ามาตรฐานหลังนี้คือ เค้าจะมีบางแปลงบางยูนิตที่มีที่ดินบ้านเยอะมาก

อย่างหลังนี้ผมวัดความลึกที่จอดรถได้ประมาณ 12.5 m. ทำให้สามารถจอดรถซ้อนคันกันรวมเป็น 4 คันได้เลยครับ จึงเป็นตำแหน่งแปลงที่เหมาะกับคนที่มีรถหลายๆคัน ซึ่งอาจต้องลองสอบถามกับทางโครงการดูอีกครั้งนะครับว่ามีแปลงไหนบ้าง และแน่นอนว่าจะมีราคาของที่ดินเพิ่มเข้ามาด้วยนะ

ส่วนบริเวณทางเข้าหน้าบ้านก็จะมีเฉลียงให้วางตู้รองเท้าได้เหมือนเดิมครับ

เข้ามาด้านในเราจะเจอกับ Common Area ที่เชื่อมต่อกันตั้งแต่โซฟานั่งเล่นหน้าบ้าน ไปจนถึงโต๊ะทานอาหารหลังบ้านแบบนี้เช่นเดิม

แต่ที่เรารู้สึกว่าบ้านหลังนี้มีความโปร่งโล่งน้อยลง นั่นก็เป็นเพราะว่าช่องแสงของเค้าจะกลายเป็นช่องหน้าต่างปกติ ไม่ได้เป็นช่องเปิดขนาดใหญ่เต็มผนัง เหมือนกับบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้นั่นเองครับ

โดยพื้นที่โซฟารับแขกจะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.9 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้นะ

ส่วนตรงผนังระหว่างโต๊ะทานอาหารและโซฟา ก็จะมีประตูบานหนึ่งอยู่ด้วย ซึ่งเป็นห้องนอนชั้นล่างที่เค้าจะก่อผนังปิดไว้มิดชิด ทำให้มีความเป็นส่วนตัวครับ

ภายในจะมีพื้นที่ใช้สอยขนาด 3.5 x 2.8 m. สามารถวางเตียง 3.5 – 5 ฟุตได้สบายๆ หรือจะปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆตาม Lifestyle ของแต่ละคนก็ได้ครับ เช่น บ้านตัวอย่างหลังนี้เค้าทำเป็นห้องทำการบ้าน หรือห้องเรียนพิเศษของน้องๆมาให้ดูนั่นเอง

ส่วนพื้นที่ Common Area โซนด้านหลังบ้านจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถแบ่งพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร 6 – 8 ที่นั่ง และเคาน์เตอร์เตรียมอาหารเล็กๆได้ด้วยนะ

ทางซ้ายมือจะเป็นทางไปพื้นที่ครัว และลานซักล้างหลังบ้านครับ ซึ่งของจริงเราจะได้เป็นพื้นที่เปล่าโล่งๆเลย โดยถ้าใครชอบทำอาหารจริงจัง และไม่อยากให้กลิ่นหรือควันลอยเข้ามาในบ้าน ก็จะต้องกั้นผนังทำเป็นครัวปิดเพิ่มเติมเองนะครับ

และขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในที่ผมวัดมาได้ก็คือ 1.9 x 3 m. พอที่จะทำครัวขนาดพอดีๆได้ไม่ยาก

ส่วนลานซักล้างหลังบ้านก็จะเทคอนกรีตมาให้แล้วเหมือนเดิมครับ ที่เพิ่มเติมมาก็คือระยะของการเดิน จากพื้นที่จอดรถหน้าบ้านมายังครัวจะไม่ไกลกันมากนัก เลยทำให้สามารถขนของเข้ามาเก็บหลังบ้านได้อีกทางหนึ่งนั่นเองครับ

กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง ซึ่งโถงบันไดนี้ถือเป็นจุดที่ผมชอบมากที่สุด เพราะเค้าจะหลบมุมสายตาของส่วนรับแขกหน้าบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัว โดยใช้พื้นที่ได้ประหยัดที่สุด แถมยังมีช่องแสงทำให้บริเวณกลางบ้านสว่างและโปร่งโล่งดีอีกด้วยครับ

ขวามือจะเป็นห้องน้ำ ที่มีฟังก์ชันอาบน้ำครบพร้อมใช้งาน ซึ่งสุขภัณฑ์และขนาดพื้นที่ใช้สอยก็จะเหมือนกับบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้เลยครับ

ส่วนใต้บันไดก็มีจะห้องเก็บของขนาดใหญ่ สามารถเดินเข้าไปใช้งานได้สบายๆครับ และฝั่งตรงข้ามก็คือช่องแสง ที่มาจากพื้นที่จอดรถที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้กลางบ้านสว่างและโปร่งโล่งแบบนี้นั่นเอง

โครงสร้างบันไดยังคงเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กเช่นเดิมครับ ที่เพิ่มเติมก็คือชานพักเค้าจะเพิ่มขั้นบันไดสามเหลี่ยมเข้ามา ทั้งนี้ก็เพื่อการประหยัดพื้นที่ของบันไดให้มากที่สุด แต่ก็ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังกันมากขึ้นนะครับ

ส่วนหน้าต่างบานกระทุ้งที่เปิดระบายอากาศได้ก็ยังมีเช่นเดิม เพียงแต่จะมีความสูงค่อนข้างมากหน่อย ซึ่งผมวัดได้ประมาณ 1.6 m. สำหรับคนตัวเล็กๆก็อาจต้องมีคนช่วยอยู่สักหน่อยนะครับ

ขึ้นมาชั้นบนจะมีโถงทางเดินขนาดใช้งานพอดีๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบ้านหลังนี้ เค้าใช้พื้นที่ค่อนข้างคุ้มค่าและประหยัดมากๆครับ

เรามาเริ่มกันที่ Highlight ของบ้านหลังนี้ก็คือ Master Bedroom ที่มีขนาดใหญ่มากๆ ภายในสามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานออกได้เป็น 3 ส่วน

ขวามือเป็นพื้นที่เตียงนอน ซึ่งอยู่ติดกับระเบียงหน้าบ้าน สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ และปลายเตียงก็ติดทีวีแขวนผนังเพิ่มได้อีกด้วย

ส่วนระเบียงภายนอกก็มีขนาดประมาณ 3.2 x 0.8 m. สามารถออกมาใช้งานยืนสูดอากาศได้นะครับ

ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งทางโครงการก็จัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนมาให้ดู หรือใครจะทำเป็นมุมโต๊ะทำงานอ่านหนังสือ และมุมโฮมเธียเตอร์ไว้ดูหนังจริงจังเลยก็ยังได้นะ

ตรงกลางห้องจะเป็นทางไปห้องน้ำ และยังสามารถ Built in ทำเป็น Walk-in Closet ในตัวได้สบายๆเลย

ส่วนห้องน้ำก็มีขนาดและมีฟังก์ชันที่เหมือนกับห้อง Master Bedroom ของบ้านตัวอย่างหลังก่อนหน้านี้เลยครับ สามารถใช้งานได้สบายๆ และอาจต้องกั้นฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเอง

ส่วนห้องที่เหลือก็จะอยู่อีกด้านหนึ่งของชั้นสองครับ

เริ่มที่ห้องน้ำตรงกลางที่ใช้งานร่วมกันของห้องนอนเล็กทั้งสองก่อน ภายในมีขนาดประมาณ 2 x 1.9 m. และมีพื้นที่ยืนอาบน้ำประมาณ 1 x 1 m. ให้ใช้งานได้แบบพอดีๆนะ

ติดกันจะเป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจาก Master Bedroom คือประมาณ 3.5 x 2.9 m. แต่จะอยู่โซนด้านหลังบ้าน และสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้สบายๆ โดยบ้านตัวอย่างใช้เตียง 3.5 ฟุตมาวางให้ดู ทำให้เห็นว่าเราจะมีพื้นที่ใช้งานเหลืออีกเยอะเลยนั่นเองครับ

สุดท้ายคือห้องนอนเล็กสุดที่อยู่โซนหน้าบ้าน มีขนาดประมาณ 3 x 2.9 m. ซึ่งก็พอจะใช้เตียง 5 ฟุตได้เหมือนกันครับ แต่จะต้องวางชิดผนังด้านหนึ่งแทนนะ และพิเศษหน่อยสำหรับห้องนี้คือ เราจะได้ช่องแสงด้านหน้าบ้านที่ใหญ่กว่าปกตินั่นเอง เลยทำให้สว่างและโปร่งโล่งมากขึ้นอีกหน่อยครับ

  • DELTA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 171 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

แบบบ้านหลังนี้เป็นขนาดเล็กสุด และจะมีไม่ห้องนอนที่ชั้นล่างแล้วครับ ซึ่งส่วนฟังก์ชันอื่นๆก็จะเหมือนกับแบบหลังกลางก่อนหน้านี้เลยนั่นเอง คือจะได้เป็น Common Area รูปตัว L ขนาดใหญ่ กับครัวเปิดที่จะต้องมากั้นผนังเพิ่มเติมเองครับ ส่วนห้องน้ำก็ยังมีพื้นที่อาบน้ำเตรียมไว้ให้เช่นเดิม เผื่อช่วงเวลาเร่งด่วนที่ห้องชั้นบนมีคนกำลังใช้งานอยู่ ก็ยังสามารถแบ่งลงมาใช้ด้านล่างได้ครับ

ส่วนชั้น 2 ก็จะมีฟังก์ชันคล้ายๆกับหลังกลางก่อนหน้านี้ แต่จะต่างกันตรงที่ห้อง Master Bedroom จะมีขนาดเล็กลง เพราะจะไม่มีพื้นที่อเนกประสงค์ในห้องแล้วนั่นเองครับ และห้องนอนเล็กหน้าบ้านก็จะมีความพิเศษหน่อย ตรงที่เค้าจะมีระเบียงในตัวด้วยนั่นเอง

ดังนั้นบ้านหลังนี้จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก 2 – 3 คน ต้องการขนาดพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วนพอดีๆ อาจไม่ได้เน้นฟังก์ชันที่ยืดหยุ่น หรือต้องมาปรับเปลี่ยนเองมากนัก และสนใจบ้านที่มีราคาจับต้องได้ง่ายที่สุดของโครงการนั่นเองครับ โดยบรรยากาศของบ้านตัวอย่างจะเป็นอย่างไร เราไปชมภาพใน Gallery ที่ผมถ่ายมาฝากพร้อมๆกันเลยครับ

Image 1/18

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

8 December 2020

  • DELTA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 171 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 4.69 ล้านบาท
  • BETA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 5.79 ล้านบาท
  • ALPHA บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 214 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 6.89 ล้านบาท
  • จอง 50,000 บาท
  • ทำสัญญา 50,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 50,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 26 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : โครงการตั้งอยู่ในย่านบางบ่อ ที่ยังคงมีความสะดวกในการเดินทางพอสมควร เพราะถนนบางบ่อ-คลองด่านช่วงนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งถนนบางนา-ตราด ถนนเทพารักษ์ และถนนสุขุมวิท รวมถึงยังใกล้กับทางด่วนบูรพาวิถี ที่สามารถเดินทางไปชลบุรีได้ง่าย และยังเป็นโซนที่เหมาะกับคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรมอีกด้วยครับ ซึ่งมีทั้งนิคมอุตสาหกรรมบางพลี และนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ก็อยู่ไม่ไกล ส่วนความอุดมสมบูรณ์ก็มีตลาดสดขนาดใหญ่ให้ได้พึ่งพิงไม่ต้องห่วง แต่ถ้าเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆก็อาจต้องขับรถเข้าไปในเมืองไปทางบางพลี-บางนาอีกหน่อยนะครับ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ถือว่ามีความปลอดภัยดีและได้มาตรฐานเลยครับ โดยเฉพาะซุ้มประตูทางเข้าโครงการ เค้าจะใช้ประตูเหล็กรางเลื่อนที่แข็งแรงและมิดชิด พร้อมกับกล้อง CCTV และระบบ RFID ที่ใช้งานได้สะดวก ส่วนตัวบ้านเองก็จะมี Magnetic Sensor ติดตั้งให้ที่หน้าต่างกับประตูทุกบาน ทั้งชั้นบนและชั้นล่างเลยครับ

การออกแบบโครงการ : ผังที่ดินโครงการเค้าจะเป็นแนวยาวลึกเข้าไป จึงสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆครับ โดยโซนแรกด้านหน้าจะใกล้ซุ้มประตูและ Clubhouse จึงค่อนข้างสะดวกอยู่พอสมควร ส่วนโซนด้านในเค้าจะใกล้สวนและมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าหน่อย แต่โดยรวมผมชอบการวางผังบ้านของเค้าตรงที่ มีบ้านหลายตำแหน่งที่จะไม่หันหน้าชนกัน เลยทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างดีทีเดียว ส่วนเรื่องทิศของบ้านเค้าก็ทำได้ดีครับ เพราะเมืองไทยมักจะได้รับอิทธิพลของลมทิศเหนือและใต้อยู่แล้ว จึงทำให้ทุกยูนิตสามารถรับลมและระบายอากาศได้ดี แต่ถ้าเป็นทิศใต้ก็อาจต้องคำนึงเรื่องความร้อนจากแดดเพิ่มสักหน่อยนะครับ ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการต่อเติมหรือปลูกต้นไม้เพิ่มนั่นเอง

การออกแบบพื้นที่ใช้สอย : สำหรับโปรดักส์ในย่านนี้ส่วนมาก ถ้าไม่ใช่ทาวน์โฮมที่เหมาะกับครอบครัวเล็กๆ และราคาจับต้องได้ง่ายแล้ว ก็จะกลายเป็นบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะๆไปเลยครับ แต่หากมองหาบ้านไซส์กลาง ที่อาจไม่ได้เน้นพื้นที่ใช้สอยเยอะ แต่ให้ฟังก์ชันห้องที่หลากหลาย และปรับเปลี่ยนได้ง่ายเป็นหลัก ดังนั้นโครงการบ้านเดี่ยวของ PAVE บางนา จึงตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้ดีนั่นเองครับ

โครงการมีบ้าน 3 Type ให้เลือก ซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป อย่างหลังเล็กสุด Delta จะเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก และเน้นเรื่องราคาที่จับต้องง่าย กับขนาดห้องที่ใช้งานได้พอดี ส่วนหลังกลาง Beta จะเหมาะกับคนที่ชอบห้องนอนและ Common Area ขนาดใหญ่ รวมถึงยังมีห้องนอนชั้นล่างให้ใช้งานได้อีกด้วย ส่วนหลังใหญ่สุด Alpha จะเหมาะกับครอบครัวใหญ่ ซึ่งจุดเด่นเค้าคือ มีห้อง/พื้นที่อเนกประสงค์เยอะมาก สามารถปรับเปลี่ยนได้ตาม Lifestyle ของแต่ละครอบครัว เช่น ทำห้องนอนผู้สูงอายุชั้นล่าง เป็นต้น แต่สิ่งที่เหมือนกันของทุก Type คือห้องนอนเล็กชั้นบนจะต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกันครับ ซึ่งฟังก์ชันแบบนี้ก็จะช่วยประหยัดพื้นที่ และทำให้ภายในห้องนอนแต่ละห้องมีขนาดใหญ่ขึ้นนั่นเอง

วัสดุ : โครงสร้างเป็น Precast หรือผนังคอนกรีตสำเร็จรูป ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน แต่ก็อาจเจาะผนังหรือต่อเติมได้ยากอยู่สักหน่อย ดังนั้นจึงแนะนำให้ปรึกษาช่างอีกทีนะครับ ส่วนพื้นที่จอดรถเป็น Slab on Ground ไม่ได้ลงเสาเข็ม และเป็นพื้นปูนธรรมดา อาจต้องทำพื้นใหม่เพิ่มเอง แต่ที่ชอบก็คือเค้าให้ช่องแสงมาขนาดค่อนข้างใหญ่ โดยเฉพาะบ้านหลังใหญ่สุดเราได้สูงเกือบเต็มผนังเลยทำให้โปร่งโล่ง โครงสร้างบันไดก็เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กที่แข็งแรงดี มีระบบ Magnetic Sensor ติดมาให้ทั้งบ้าน แต่ที่พิเศษหน่อยก็คือ โถสุขภัณฑ์เค้าจะให้เป็นแบบอัตโนมัติทุกห้องเลยด้วยครับ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ปัจจุบันผมยังไม่ได้เห็นสวนสาธารณะที่อยู่ด้านในนะครับ เพราะยังเป็นเฟสที่เค้ากำลังก่อสร้างอยู่ แต่ถ้าพูดถึงบรรยากาศโครงการของโซนด้านหน้า ผมคิดว่าค่อนข้างดูดีและร่มรื่นอยู่พอสมควรเลยครับ โดยเฉพาะถนน Main ที่ตลอดแนวรั้วโครงการฝั่งที่ไม่มียูนิตพักอาศัย เค้าจะปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาตลอดทาง ซึ่งก็อย่างที่ผมบอกในผังโครงการแล้วว่า เค้าออกแบบให้มีถนนลักษณะนี้หลายจุด โดยถ้าอนาคตเค้าปลูกต้นไม้ริมถนนแบบนี้เยอะๆผมว่าคิดน่าจะดีไม่น้อยทีเดียว นอกจากนี้ในบ้านแต่ละหลังเค้าก็มีการทำสวนและปลูกต้นไม้ให้ด้วยนะ เลยทำให้บรรยากาศภายในซอยที่อยู่อาศัยมีต้นไม้อยู่พอสมควรเลย

สาธารณูปโภค : อาคาร Clubhouse มีฟังก์ชันให้ใช้งานครบ ไม่ว่าจะเป็น Lobby, Co-Working Space, Swimming Pool, Kids Room, Fitness และ Meeting Room โดยเฉพาะ Fitness ภายในเค้าให้เครื่องเล่นมาหลายชิ้นดีทีเดียว นอกจากนี้จุดที่ชอบอีกอย่างคือ เค้าออกแบบอาคารตามหลัก Universal Design ทำให้คนทุกเพศทุกวัยก็สามารถมาใช้งานได้ง่าย ซึ่งมีทั้งทางลาด ลิฟต์โดยสาร และยังมีห้องน้ำถึง 2 ชั้น คอยช่วยอำนวยความสะดวกได้ดีอีกด้วยครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 4 – 10 ล้านบาท, 8 December 2020

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.75/10 – ติดถนนหลัก ใกล้แหล่งงานนิคม มีตลาดให้หาของกินง่าย
  • ความปลอดภัย 8/10 – รั้วเหล็กรางเลื่อน, CCTV, ระบบ RFID และ Magnetic Sensor
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ผังโครงการมีโซนที่เป็นส่วนตัวให้เลือก ตัวบ้านมีหลายห้องนอน ฟังก์ชันยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้
  • วัสดุ 7.75/10 – โครงสร้าง Precast ช่องหน้าต่างบานใหญ่ สุขภัณฑ์อัตโนมัติ
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – มีการจัดสวนและปลูกต้นไม้ ทั้งริมถนนโครงการ และในตัวบ้าน ดูร่มรื่นดี
  • สาธารณูปโภค 8/10 – Clubhouse มีฟังก์ชันครบ เพียงพอต่อจำนวนยูนิต และใช้งานง่าย
  • 7.88 / 10.00

BOTTOM LINE

PAVE บางนา เหมาะกับคนที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวในย่านบางบ่อ ใกล้แหล่งทำงานอย่างนิคมอุตสาหกรรม เน้นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันห้องนอนเยอะ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตาม Lifestyle ของแต่ละครอบครัว รวมถึงมีส่วนกลางให้ใช้งานครบ และเพียงพอต่อจำนวนยูนิต มีงบประมาณ 4.69 – 6.89 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 33,000 – 48,000 บาทขึ้นไป


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะคะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc