…วันนี้เราพามาชมโครงการใหม่ ภัทรีดา เรสซิเดนซ์ ราชพฤกษ์ – ปทุมธานี ซึ่งสำหรับคนที่อาศัยอยู่แถวโซนรังสิต-ปทุมธานีอยู่แล้ว ก็คงจะคุ้นหูคุ้นตาแบรนด์กับนี้กันมาบ้างนะครับ เพราะเค้าก็เคยทำโครงการแถวนั้นมาแล้ว 2 – 3 แห่ง โดยโครงการล่าสุดนี้บอกได้เลยว่าจัดหนักจัดเต็มในเรื่องราคาและวัสดุมากๆ หากใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดที่คุ้มค่าในย่านนี้คงต้องจับตาดูกันให้ดีๆ เพราะเค้ามีจุดเด่นหรือ Highlights ที่น่าสนใจดังนี้ครับ

  • เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดที่มีขนาดที่ดิน และพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างใหญ่ (เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในย่านเดียวกัน)
  • ให้วัสดุมาดีและคุ้มค่าเมื่อเทียบกับระดับราคา ไม่ว่าจะเป็นระบบรักษาความปลอดภัย / Smart Home Automation / ประตูรั้วอัตโนมัติ (Auto Gate) / หลังคาพื้นที่จอดรถ และรองรับระบบ EV Charger
  • ดีไซน์ฟังก์ชันเหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง-ใหญ่ มีห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง และระเบียง 2 ชั้นทุกแบบบ้าน
  • โครงสร้างก่ออิฐมวลเบา พร้อมลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้านให้ด้านหลังบ้าน เพื่อรองรับการต่อเติมได้สบายๆ
  • ทำเลใกล้ตัวเมืองปทุมธานี มีความอุดมสมบูรณ์ครบ

ข้อมูลโครงการ

PATREEDA RESIDENCE RATCHAPHRUEK – PATHUMTHANI (ภัทรีดา เรสซิเดนซ์ ราชพฤกษ์ – ปทุมธานี) ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2565

 ชื่อโครงการ   PATREEDA RESIDENCE RATCHAPHRUEK – PATHUMTHANI (ภัทรีดา เรสซิเดนซ์ ราชพฤกษ์ – ปทุมธานี)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท ภัทรีดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
 SEGMENT CLASS   MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี
 ที่ดิน  45-2-56 ไร่
 จำนวนยูนิต    จำนวน 253 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • CAMDEN BLISS บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 40 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 145 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 3.75 ล้านบาท
  • HARROW BLISS บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 58 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 168 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 4.8 ล้านบาท

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   2.5 – 2.7 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ   30,000 บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2564
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2568
 เว็บไซต์โครงการ   https://patreeda.com/patreeda-residence
 โทร   086-318-6445

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองปทุมธานี มีความอุดมสมบูรณ์ครบ
  • ซอยเรียบคลองบางโพธิ์เหนือที่โครงการตั้งอยู่ สามารถลัดไปออกทางคู่ขนานกาญจนาภิเษกได้

พิกัด Google Maps : 14.035427, 100.513741
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ ภัทรีดา เรสซิเดนซ์ ตั้งอยู่ในย่านตัวเมืองปทุมธานี ซึ่งจะมีความอุดมสมบูรณ์อยู่บนถนนหมายเลข 307 เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น Makro ที่ห่างจากโครงการแค่ 5 – 10 นาที หรือจะเป็น Lotus’s ที่อยู่ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัด และแถวๆโรงเรียนปทุมวิไลก็มีความคึกคักไม่เบา

ส่วนถ้าใครจะข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาด้วยสะพานปทุมธานี 1 ก็จะสามารถมาใช้ชีวิตและทำงานในโซนรังสิตได้ครับ จึงทำให้เป็นทำเลที่เหมาะกับคนใช้ชีวิตในย่านนี้โดยเฉพาะ และนอกจากนี้ซอยเรียบคลองบางโพธิ์เหนือที่โครงการตั้งอยู่นั้น ยังสามารถเชื่อมต่อกับทางคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษกได้ด้วย จึงทำให้สามารถเดินทางไกลได้ไม่ยากครับ

สำหรับการไปใช้ถนนกาญจนาภิเษก จะสามารถใช้เส้นทางของซอยเรียบคลองบางโพธิ์เหนือ เพื่อไปออกทางคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษกได้ โดยทางเข้าถนนเส้นหลักจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 9.1 km. สามารถเข้าเมืองไปทางบางบัวทอง-บางใหญ่-พระราม 2 หรือจะออกไปทางอยุธยาก็ได้ครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ว่างและทุ่งนา เลยทำให้มีความเงียบสงบมากๆ ซึ่งถ้าเราขับรถไปเข้าไปในซอยก็จะเห็นว่ามีร้านอาหารและคาเฟ่อยู่บ้าง จึงไม่ได้เป็นซอยที่เปลี่ยวเกินไปนัก สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : เป็นทางเข้าโครงการ ติดกับ ถนนเรียบคลองบางโพธิ์เหนือ
  • ทิศใต้ : ติดกับ ที่ว่าง (ทุ่งนา)
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ที่ว่าง (ทุ่งนา)
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ ที่ว่าง (ทุ่งนา)

ภาพบรรยากาศรอบๆโครงการ จะเห็นได้ว่าซ้าย-ขวาส่วนใหญ่ จะเป็นที่ว่างและทุ่งนาหมดเลยครับ แต่ก็มีรถขับผ่านเป็นระยะๆ ไม่ได้เปลี่ยวจนเกินไปนัก

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Makro ปทุมธานี ~ 1.4 km.
  • Global House ปทุมธานี ~ 2.5 km.
  • Lotus’s ปทุมธานี ~ 3.1 km.
  • Big C ปทุมธานี ~ 5.1 km.

โรงพยาบาล

  • รพ. ปทุมธานี ~ 3.3 km.
  • รพ. กรุงสยามเซนต์คาร์ลอส ~ 6.3 km.

โรงเรียน

  • รร.เทศบาลเมืองปทุมธานี ~ 2.8 km.
  • รร.ปทุมวิไล ~ 4 km.
  • มหาวิทยาลัยรังสิต ~ 16.4 km.
  • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ~ 19.3 km.
  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ~ 20.1 km.

สถานที่ราชการ

  • สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี ~ 1.6 km.
  • สำนักงานจังหวัดปทุมธานี ~ 3.2 km.
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ~  km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • มีการกระจายส่วนกลางไว้ 2 จุด ทำให้บ้านแต่ละโซนสามารถมาใช้งานได้สะดวกขึ้น
  • บ้านเดี่ยวจะอยู่ในตำแหน่งใกล้กับพื้นที่สวนและ Clubhouse ทำให้เดินมาใช้งานได้ง่าย
  • ตัวอาคาร Clubhouse มีคอนเซ็ปต์การออกแบบน่าสนใจ เน้นมุมมองการเชื่อมต่อถึงกัน และได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น

บริษัท ภัทรีดา คือใคร?

…ก่อนจะเข้าสู่ตัวโครงการ เรามาทำความรู้จักกับ Developer เจ้านี้กันสักหน่อยนะครับ โดยบริษัท ภัทรีดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เป็นบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้างมานานกว่า 30 ปี และทำหมู่บ้านจัดสรรต่างๆมาอีกประมาณ 10 ปี

ซึ่งปัจจุบันก็จะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบรนด์คือ ภัทรีดา วิลล่า / ภัทรีดา อเวนิว และล่าสุดก็คือ ภัทรีดา เรสซิเดนซ์ (แบ่งตามขนาดโครงการ ไล่จากเล็ก > ใหญ่) ซึ่งส่วนใหญ่เค้าก็จะทำตลาดอยู่แถวๆโซนรังสิต-ปทุมธานีเป็นหลักครับ

ลักษณะผังโครงการจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวยาว ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 45-2-56 ไร่ และมีเพื่อนบ้าน 253 ยูนิต โดยมีจุดเด่นคือการกระจายพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ 2 จุด ซึ่งอาคาร Clubhouse บริเวณด้านหน้าสุดที่ทำหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับและเป็นฟังก์ชันหลัก ส่วนลูกบ้านที่อยู่โซนด้านในก็จะสามารถมาใช้งานสวนสาธารณะ ที่อยู่ตรงกลางโครงการได้สะดวกแทนนั่นเองครับ

อีกทั้งเค้ายังให้ความสำคัญกับแปลงบ้านเดี่ยวค่อนข้างมากอีกด้วย เพราะมักจะตั้งอยู่ในตำแหน่งบริเวณหน้าโครงการ ใกล้ทั้งถนนหลักและพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ เลยทำให้สามารถมาใช้งานได้สะดวกมากๆ ในขณะที่บ้านแฝดจะอยู่ด้านในซอย ซึ่งได้ความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเองครับ

บรรยากาศบริเวณซุ้มประตูโครงการ จะแบ่งทางเข้า-ออกของลูกบ้านและ Visitor ชัดเจน มีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลาง พร้อมกับมีหลังคาขนาดใหญ่คอยให้ร่มเงาและบังแดดบังฝนได้สบายๆ

การเข้า-ออกจะใช้ระบบสแกนป้ายทะเบียนรถ ซึ่งถ้าเป็นลูกบ้านประตูเหล็กรางเลื่อนก็จะเปิดให้อัตโนมัติ แต่ถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อนนะครับ รวมถึงยังมีกล้อง CCTV ติดตั้งเอาไว้เพื่อความปลอดภัยเป็นมาตรฐานอีกด้วย

เมื่อเข้ามาภายในโครงการเราจะเจอกับถนนหลักที่กว้าง 12 m. ซึ่งด้านขวามือจะเป็นอาคาร Clubhouse ให้สามารถมาใช้งานกันได้ครับ

นอกจากนี้บริเวณริมถนนหลัก ก็จะมีการปลูกต้นไม้แบบนี้ไว้ให้ตลอดทาง ทำให้ช่วยเพิ่มความสดชื่นและพื้นที่สีเขียวได้เป็นอย่างดี

ส่วนด้านหน้าอาคาร Clubhouse ก็จะมีที่จอดรถให้ 3 คัน ซึ่งถ้าใครที่บ้านอยู่ด้านในลึกๆหน่อย ก็สามารถขับรถมาใช้งานได้ครับ รวมถึงยังมีทางลาดสำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ใช้รถเข็นวีลแชร์ให้ได้ใช้งานสะดวกด้วย

ทางเข้าหลักของอาคาร Clubhouse หรือที่ทางโครงการเรียกว่า Residence Hub จะมีบันไดที่ยกระดับความสูงขึ้นไปด้านบน ซึ่งช่วยให้เกิดความเป็นส่วนตัวในการใช้งานมากขึ้น เพราะคนที่อยู่ระดับพื้นถนนด้านล่างจะมองไม่ค่อยเห็นด้านบนมากนัก แถมยังช่วยทำให้ตัวอาคารดูเด่นมากขึ้นอีกด้วย

ขึ้นมาด้านบนเราจะเจอกับฟังก์ชัน Indoor และ Outdoor ที่แยกการใช้งานออกจากกัน ซึ่งเกิดจากแนวคิด Social distance ตามยุคสมัยในช่วงปัจจุบันนี้ ทำให้เกิดการใช้งานที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ก็ยังเปิดมุมมองให้เชื่อมโยงและมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันได้

อีกทั้งยังมีคอนเซ็ปต์ Life x Nature โดยออกแบบให้ทุกพื้นที่ของฟังก์ชันส่วนกลาง มีมุมมองเชื่อมต่อกับธรรมชาติที่อยู่รอบๆได้ รวมถึงช่องว่างระหว่างอาคารที่เกิดขึ้น ก็จะกลายเป็นช่องลมที่มีลมพัดผ่านเย็นสบายตลอดทั้งวัน

และที่ผมชอบอีกอย่างคือ พื้นที่บริเวณนี้จะเป็น Semi-Outdoor ขนาดใหญ่ ทำให้อนาคตลูกบ้านสามารถมาใช้ประโยชน์ในการจัดปาร์ตี้ หรือกิจกรรมต่างๆในร่มได้อีกด้วยนั่นเอง

เรามาเริ่มกันที่ฟังก์ชัน Indoor ทางขวามือคือ Social Club เป็นพื้นที่นั่งเล่นในห้องแอร์เย็นๆครับ มีชุดโต๊ะและเก้าอี้กระจายอยู่หลายจุดเลย โดยปัจจุบันก็ยังคงใช้เป็นสำนักงานขายของโครงการอยู่นะ แต่เมื่อขายหมดแล้วก็จะคืนพื้นที่ให้ลูกบ้านเหมือนเดิม

ภาพบรรยากาศอีกมุมหนึ่งของห้อง ซึ่งเราสามารถมานั่งเล่นและพบปะเพื่อนบ้านคนอื่นๆได้ รวมถึงยังใช้เป็นพื้นที่รับรองแขกที่มาจากภายนอกได้อีกด้วย (ไม่จำเป็นห้องพาเข้าไปในบ้านให้เสียความเป็นส่วนตัว)

ส่วนพื้นที่อีกด้านหนึ่งจะเป็นส่วน Semi-Outdoor ที่เรียกว่า Multi-Purpose Space และหากสังเกตดีๆเราจะเห็นผนังที่เป็นทรงโค้งหลายจุด ซึ่งเป็นดีไซน์มาจากคอนเซ็ปต์ Craft x Curve ที่ทางโครงการต้องการจะสื่อถึง ความละเมียดละไมในการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ที่ผสมผสานกับเส้นโค้งเว้าของธรรมชาตินั่นเอง

ภายในจะมีชุดโต๊ะเก้าอี้ให้มานั่งเล่นพักผ่อนและรับลมเย็นๆกันได้ รวมถึงยังมีเคาน์เตอร์ครัวเอาไว้รองรับการทำกิจกรรมต่างๆในอนาคตได้อีกด้วยครับ

ต่อไปจะเป็นโซนออกกำลังกาย ซึ่งจะมีทางเชื่อมที่มีหลังคาคลุมให้เดินกันได้สะดวก ไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝน รวมถึงยังมี Detail การออกแบบเล็กๆที่ใส่เข้ามาด้วย อย่างผนังทึบที่อยู่ทางซ้ายมือจะมีการค่อยๆลดระดับลงไป เพื่อเปิดมุมมองให้ได้เราสัมผัสกับสวนและธรรมชาติโดยรอบมากขึ้นนั่นเองครับ

มาถึงบริเวณนี้จะเป็นทางแยกไปยังฟังก์ชันต่างๆ ตรงกลางคือทางลาดที่มาจากที่จอดรถในตอนแรก ซ้ายมือเป็นสระว่ายน้ำ ส่วนขวามือเป็นห้องน้ำและบันไดขึ้นชั้น 2

สระว่ายน้ำนี้มีขนาดประมาณ 5 x 14 m. พอจะว่ายออกกำลังจริงจังได้อยู่นะครับ โดยจะเป็นสระแบบกลางแจ้ง และโอบล้อมไปด้วยต้นไม้ เพื่อช่วยเพิ่มความสดชื่น รวมถึงยังช่วยพรางสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งานได้ดี

ด้านขวาของสระจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น พร้อมจุดล้างตัวก่อนเดินลงสระ อีกทั้งยังมีสระน้ำตื้นสำหรับเด็ก ขนาดประมาณ 2.5 x 5 m. ให้น้องๆหนูๆมาว่ายน้ำเล่น และผู้ปกครองก็มานั่งดูแลกันอย่างใกล้ชิดได้อีกด้วย

ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นบันไดให้เดินลงสระได้สบายๆ และยังเป็นโซน Jacuzzi ให้มานั่งแช่น้ำเล่นกันตรงนี้ได้ครับ

ส่วนใต้อาคารจะเป็นทางไปห้องน้ำแยกชาย-หญิง

ภายในมีทั้งตู้ล็อคเกอร์ไว้เก็บของได้ มีโถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำให้ใช้งานครบ

ต่อไปเราจะเดินขึ้นมาดูบนชั้น 2 กันบ้างครับ

ด้านบนจะเป็นห้อง Fitness ที่มีอุปกรณ์หลักๆครบ (ปล.ปัจจุบันของยังมาลงไม่หมดน้า ก็เลยถ่ายมาให้ชมบางส่วนก่อนนะครับ)

โดยเราสามารถขึ้นมาออกกำลังกายไป พร้อมกับชมวิวต้นไม้และสระว่ายน้ำที่อยู่ชั้นล่างไปด้วยได้แบบนี้เลยครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Residence Hub (อาคาร Clubhouse)
  • Social Club
  • Multi-Purpose Space
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาดประมาณ 5 x 14 เมตร
  • แบ่งเป็นสระเด็ก ขนาดประมาณ 2.5 x 5 เมตร
  • Fitness
  • พื้นที่สวนสาธารณะในโครงการ 1 จุด รวมประมาณ 1-2-15  ไร่
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 8 ม.
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วเลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน เปิดด้วยระบบสแกนป้ายทะเบียนรถยนต์
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic Sensor & CCTV ทุกหลัง

แบบบ้าน

Highlights :

  • ให้วัสดุต่างๆมาแบบจัดเต็ม แทบไม่ค่อยได้เห็นบ้านราคา 3 – 5 ล้านที่ได้สเปคของแบบนี้
  • ขนาดที่ดินและพื้นที่ใช้สอยบ้านค่อนข้างใหญ่ เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านย่านเดียวกัน
  • ดีไซน์ระเบียงบ้าน 2 ชั้น มีห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง และฟังก์ชันอื่นๆสามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย เพราะเป็นโครงสร้างก่ออิฐมวลเบา
  • ราคาจับต้องได้ไม่ยาก เมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่และของที่ได้ถือว่าคุ้มค่า

แบบบ้านของโครงการนี้จะมีให้เลือก 2 Type ซึ่งเป็นโปรดักส์บ้านแฝดและบ้านเดี่ยว โครงสร้างแบบก่ออิฐมวลเบา ที่สามารถทุบต่อเติมได้ง่าย ประกอบด้วย

  • CAMDEN BLISS บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 40 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 145 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  • HARROW BLISS บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 58 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 168 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่คือ การให้วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆมาแบบจัดเต็ม เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับราคาบ้านมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Smart Home Automation / Magnetic Sensor / CCTV / ประตูรั้วอัตโนมัติ (Automatic Gate) / Digital Door Lock / Built-in ตู้เสื้อผ้าใน Walk-in Closet / หลังคาที่จอดรถ และมีช่องสำหรับรองรับ EV Charger อีกด้วยครับ

  • HARROW BLISS บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 58 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 168 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

สำหรับบ้านเดี่ยวนอกจากจะได้ Common Area ขนาดใหญ่แล้ว จุดที่ผมชอบอีกอย่างก็คือ ตำแหน่งของบันไดที่หลบอยู่ด้านหลังกำแพง ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัวจากบริเวณหน้าบ้านอย่างมาก อีกทั้งยังมีห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างให้ได้ใช้งาน สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องออกกำลังกาย และห้องนอนผู้สูงอายุ โดยมีดีไซน์ผนังให้เป็นมุมกระจก เพื่อให้เกิดความสว่างและโปร่งโล่งตรงกลางบ้านมากขึ้น ส่วนครัวจะต้องทำเพิ่มเองที่ด้านหลังบ้านนะครับ

บนชั้น 2 จุดเด่นคือ Master Bedroom ที่นอกจากจะได้ Walk-in Closet และห้องน้ำในตัวแล้ว เรายังได้ระเบียงแบบ 2 ชั้น ที่ช่วยขยายพื้นที่ใช้สอยของห้องนอนให้กว้างมากขึ้นอีกได้ แถมยังช่วยป้องกันแดดและฝน จึงสามารถออกมานั่งใช้งานได้จริงตลอดทั้งวัน ส่วนห้องนอนเล็กทั้ง 2 จะใช้งานห้องน้ำร่วมกันที่ด้านนอก ซึ่งภาพรวมของบ้านหลังนี้จะเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง อาศัยอยู่ร่วมกัน 3 – 4 คนสบายๆ หรือเป็นครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยก็ได้ และอาจต้องการห้องอเนกประสงค์ให้ใช้งานเพิ่มอีกสักฟังก์ชันนั่นเองครับ

เราพามาชมรั้วของจริงที่บ้านเปล่ากันก่อน ซึ่งจะเป็นรั้วเหล็กรางเลื่อนแบบตอนเดียว สามารถใช้งานได้ง่าย และเพิ่มการติดตั้งประตูอัตโนมัติ (Automatic Gate) มาให้เป็นมาตรฐานทุกหลัง ทำให้สามารถเปิด-ปิดด้วยรีโมทได้สะดวกมากๆเลยครับ

ที่จอดรถหน้าบ้านกว้างประมาณ 5 m. สามารถจอดได้ 2 คันพอดีๆ โดยพื้นจะเป็น Slab on Ground แยก Joint ออกจากโครงสร้างบ้าน เพื่อที่ในอนาคตเวลาเกิดการทรุดก็จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อตัวบ้านครับ

สิ่งที่สะดุดตาอีกอย่างคือ “หลังคาที่จอดรถ” ซึ่งเค้าก็จะติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานแบบนี้เลย ทำให้สามารถบังแดดบังฝนได้ดีมากขึ้น และเราไม่ต้องเสียเวลาไปทำเพิ่มเอง

ด้านในทางซ้ายมือจะเป็นช่องเก็บของใต้บันได ซึ่งเราสามารถใช้เก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดสวนและรถยนต์ตรงนี้ได้

ส่วนขวามือจะเป็นไฟสัญญาณแจ้งเตือนของระบบรักษาความปลอดภัย รวมถึงยังมีช่องงานระบบสำหรับติดตั้ง EV Charger เตรียมเอาไว้ให้ด้วยครับ

EV Charger นับว่าเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่หลายๆคน ให้ความสำคัญไม่น้อยในยุคสมัยนี้ เพราะรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น โดยทางโครงการจะเตรียมงานระบบเป็นไฟ 1 เฟสแบบ 15/45 พร้อมกับแยกมิตเตอร์ไฟเอาไว้ให้ และเราจะต้องติดตั้ง EV Charger Station เพิ่มเติมเองอีกทีครับ (บทความ : ติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน ใช้งบเท่าไหร่ ใช้ยี่ห้อไหนดี)

Tips: ข้อดีของการแยกขอติดตั้งไฟแบบ TOU (Time of Use Tariff) คือ การไฟฟ้าฯจะแบ่งการคิดค่าไฟฟ้าตามอัตราที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยผู้บริโภคประหยัดค่าไฟได้ดังนี้

  • ช่วงความต้องการไฟฟ้าสูง (On Peak) ระหว่างเวลา 09.00-22.00 น. ของวันทำงาน (จันทร์-ศุกร์) อัตราค่าไฟฟ้า 5.2674 บาท ต่อหน่วย
  • ช่วงความต้องการไฟฟ้าต่ำ (Off Peak) ระหว่างเวลา 22.00-09.00 น.ของวันทำงาน (จันทร์-ศุกร์) และช่วงเวลาระหว่าง 00.00-24.00 ของวันเสาร์-อาทิตย์ วันแรงงานแห่งชาติ วันหยุดราชการตามปกติ (ไม่รวมวันพืชมงคลและวันหยุดชดเชย) อัตราค่าไฟฟ้า 2.1827 บาท ต่อหน่วย

นอกจากนี้ยังมีกล้อง CCTV ติดตั้งให้ที่หน้าบ้าน และบริเวณข้างบ้านรวมกัน 2 จุด เพื่อความปลอดภัยครับ

ทางเข้าหน้าบ้านจะเป็น HDF พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock กับระบบ Magnetic Sensor มาให้ที่ประตูและหน้าต่างชั้นล่าง

ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ใต้หลังคาที่ยาวต่อเนื่องมาจากที่จอดรถ ทำให้ไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝน รวมถึงยังมีชานพักขนาดใหญ่ให้เดินได้สะดวกด้วยครับ

เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับ Common Area ที่ยาวต่อเนื่องไปจนถึงด้านหลังบ้าน พร้อมกับมีช่องแสงด้านข้างที่เยอะ เลยทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่งดีทีเดียวครับ ซึ่งพื้นชั้นล่างจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ และมีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.5 m.

เริ่มกันที่บริเวณหน้าบ้านจะมีการออกแบบเป็นเหมือน Foyer ของบ้านญี่ปุ่น ที่พื้นจะลดระดับลงเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เศษฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเข้าไปในบ้าน สามารถวางตู้รองเท้าและเก้าอี้ เพื่อใช้ถอด-ใส่รองเท้าตรงนี้ได้

อีกทั้งประตูบานทึบก็จะช่วยทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ก็แลกกับความโปร่งโล่งที่ลดลงอยู่บ้าง โดยจะได้แสงสว่างจากช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ทั้ง 3 ด้านแทนครับ

นอกจากนี้เราจะเห็นสวิตซ์ไฟที่ติดอยู่ตรงผนัง จะมีทั้งแบบที่เป็นกรอบสีขาวเหมือนปกติ ที่จะให้เป็นมาตรฐานจริงๆ กับแบบที่เป็นกรอบสีดำของ Smart Switch ที่ใช้งานร่วมกับระบบ Smart Home Automation สั่งเปิด-ปิดไฟได้ผ่าน Application ซึ่งเราอาจต้องติดตั้งเพิ่มเติมเองนะครับ โดยที่ทางโครงการจะเดินงานระบบต่างๆเอาไว้รองรับตามจุดแล้ว

มาต่อกันที่บริเวณกลางบ้านจะเป็นพื้นที่วางโซฟานั่งเล่นขนาดใหญ่ และเอาไว้ใช้รับแขกได้ด้วยครับ โดยมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 3 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 50 – 60 นิ้วได้เลย

ถัดเข้ามาด้านในสุดจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร โดยบ้านตัวอย่างจะมีการต่อเติมฟังก์ชันมาให้ดูเป็นไอเดียอยู่ 2 จุดหลักๆด้วยกัน ซึ่งถ้าใครสนใจก็สามารถเอาไปทำตาม เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กว้างขึ้นได้แบบนี้ครับ

เริ่มกันที่ด้านขวามือ ของจริงจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่สามารถเปิดออกไปเชื่อมต่อกับสวนข้างบ้านได้ครับ

ซึ่งบ้านของโครงการนี้ส่วนใหญ่จะมีขนาดที่ดินค่อนข้างเยอะกว่าปกติ และมีพื้นที่รอบบ้านกว้างประมาณ 2 – 3 m. ขึ้นไป จึงสามารถต่อเติมพื้นที่อเนกประสงค์เพิ่มได้แบบนี้นั่นเอง โดยบ้านตัวอย่างก็ทำเป็น Glasshouse ให้ได้นั่งเล่นและสัมผัสกับบรรยากาศของธรรมชาติรอบๆได้แบบนี้เลย

นอกจากนี้ทางโครงการยังแจ้งอีกว่า สำหรับบ้านเดี่ยวจะมีการลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้าน ไว้ให้ทั้งหมด 5 ต้นด้วยกัน (หลังบ้าน 3 ต้น และข้างบ้าน 2 ต้น) เพื่อที่จะได้รองรับการต่อเติมเป็นครัวขนาดใหญ่ได้แบบนี้ครับ (โดยจะดีไซน์เปิดช่องแสงทางด้านข้างแทน จึงไม่ผิดกฎหมายนะครับ)

นอกจากนี้ก็จะมีประตูให้เปิดออกไปด้านหลังบ้านได้ โดยของจริงจะเป็นพื้น Concrete Slab on Ground ไม่ได้มีหลังคาหรือเคาน์เตอร์ให้นะครับ ซึ่งนี่ก็จะเป็นไอเดียว่าเราสามารถทำแบบนี้ได้เลย

ตรงกลางเป็นห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง ที่มีจุดเด่นคือผนังกระจกแบบเข้ามุม ซึ่งช่วยทำให้บริเวณกลางบ้านดูโปร่งโล่งมากขึ้น รวมถึงคนที่อยู่ในห้องก็สามารถมองเห็นได้ว่า มีแขกไปใครมาได้โดยไม่ต้องออกไปดูเองได้อีกด้วย

ภายในห้องมีขนาดประมาณ 2.35 x 3.3 m. สามารถปรับฟังก์ชันเป็นห้องต่างๆได้ตาม Lifestyle ของผู้พักอาศัย เช่น ห้องทำงานส่วนตัว ห้องออกกำลังกาย และห้องนอนผู้สูงอายุ เป็นต้น

ติดกันจะเป็นห้องน้ำและบันไดทางขึ้นชั้น 2 ซึ่งจะหลบอยู่ตรงมุมด้านหลังกำแพงแบบนี้ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวจากแขกที่อยู่หน้าบ้านได้ดีครับ

ส่วนห้องน้ำก็จะมีฟังก์ชันครบ และได้สุขภัณฑ์ต่างๆเหมือนกับบ้านตัวอย่างเลยครับ โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้างประมาณ 1.5 x 1.8 m. สามารถใช้งานได้สะดวก

นอกจากนี้ทางโครงการยังได้ร่วมกับแบรนด์ i-spa จึงมีโลโก้ของโครงการติดอยู่ที่สุขภัณฑ์ทุกชิ้นอีกด้วยนะ

ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้างประมาณ 1.5 x 0.75 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ และเราอาจต้องติดฉากกั้นอาบน้ำ หรือม่านพลาสติกเพิ่มเติมเองนะครับ เพื่อที่เวลาอาบน้ำจะได้ไม่กระเด็นเปียกทั่วทั้งห้อง

ส่วน Hand Shower จะเป็นของ Hafele ที่สามารถปรับระดับความสูงได้ แต่อาจต้องติดชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำเพิ่มอีกสักหน่อย และด้านบนจะมี Junction box ให้ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นได้ครับ

บันไดทางขึ้นชั้น 2 จะเป็นโครงสร้างเหล็กกว้าง 1 m. และปิดผิวด้วยไม้ประสาน เวลาเดินขึ้น-ลงแรงๆก็อาจมีเสียงนิดหน่อยนะครับ มีราวจับให้ตลอดทาง พร้อมกับช่องแสงด้านบน แต่ผมแนะนำให้ติดไฟเพิ่มตรงบันไดสักหน่อย เพื่อที่จะได้ใช้งานตอนกลางคืนได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากขึ้นครับ

ชั้นบนของบ้านจะมีห้องอยู่ทั้งหมด 4 ห้องด้วยกัน ความสูงฝ้า 2.7 m. และปูพื้นด้วยไม้ลามิเนต

เริ่มที่ห้องแรกทางซ้ายมือจะเป็นห้องนอนเล็กสุด และอยู่บริเวณด้านหลังบ้าน ขนาดประมาณ 3 x 3.4 m. สามารถทำเป็นห้องนอนลูกได้สบายๆ หรืออาจปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆ เช่น ห้องทำงาน และห้องสตูดิโอสำหรับถ่ายงานของ Blogger & Youtuber แบบนี้ก็ได้

ติดกันจะเป็นห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 ซึ่งภายในก็มีฟังก์ชันครบเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือฉากกั้นอาบน้ำอะคริลิคแบบใส ที่ช่วยกันน้ำไม่ให้กระเด็นได้ดี และแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยมีขนาดพื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.5 x 2.1 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.5 x 0.75 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ

ถัดมาจะเป็นห้องนอนที่ 2 ที่อยู่ด้านหน้าบ้าน ภายในมีขนาดพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ กว้างประมาณ 4.5 x 3 m. สามารถแบ่งพื้นที่ใช้งานเป็นสัดส่วนได้สบายๆ แถมเรายังได้ช่องแสงขนาดใหญ่อีกด้วย

อีกด้านของห้องเราก็สามารถทำเป็นมุมแต่งตัวได้แบบนี้ และยังมีพื้นที่ให้วางเป็นโต๊ะนั่งทำงานริมหน้าต่างเพิ่มได้อีกด้วย

สุดท้ายคือ Master Bedroom ที่ถือว่าเป็น Highlight ของบ้านชั้น 2 เลยก็ว่าได้ครับ โดยจะมีขนาดประมาณ 3.75 x 3.3 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่รอบเตียง กับพื้นที่ปลายเตียงเหลือให้ใช้งานสบายๆ

จุดเด่นอย่างแรกของห้องนี้คือ ระเบียงแบบ 2 ชั้น ที่จะมีประตูกระจกบานเลื่อนตรงราวกันตกด้านนอกอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งปกติแล้วเรามักจะคุ้นเคยกับฟังก์ชันแบบนี้ในคอนโดมากกว่า ไม่ค่อยได้เห็นตามโครงการแนวราบแบบนี้สักเท่าไหร่ครับ

ข้อดีคือช่วยขยายพื้นที่ใช้สอยในห้อง ให้สามารถออกมาใช้งานบริเวณตรงนี้เพิ่มเติมได้ เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ภายใน เช่น เราอาจทำเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนแบบนี้ได้นั่นเองครับ

โดยระเบียงจะมีขนาดประมาณ 1.5 x 3.5 m. ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายไม้สวยงาม มีราวกันตกและติดตั้งประตูกระจกบานเลื่อนทั้ง 2 ด้าน สามารถเปิดเพื่อรับลมและระบายอากาศ หรือจะปิดเพื่อป้องกันฝนสาดก็ได้อีกด้วย

ซึ่งหากมีฝนสาดเข้ามาในตอนที่เราลืมเปิดทิ้งไว้ก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะเค้าจะมีช่องระบายน้ำเล็กๆที่ช่วย drain น้ำออกไปด้านนอกได้ด้วย

โดยจะทำการฝังท่อไว้ในพื้นคอนกรีตเรียบร้อย และยื่นออกไปพ้นนอกชายคา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบน้ำตรงกำแพงบ้านในอนาคตนั่นเอง

ส่วนอีกด้านของห้องจะเป็นมุมแต่งตัวและห้องน้ำครับ

โดยพื้นที่ Walk-in Closet ปัจจุบันทางโครงการแจ้งว่าส่วนนี้จะ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้แบบนี้เลยนะ ซึ่งก็ถือว่าดีมากๆ (แต่ยังไงก็ลองสอบถามดูอีกครั้ง เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)

ปิดท้ายกันด้วยห้องน้ำในตัวที่ให้ใช้งานได้สะดวก ภายในแบ่งฟังก์ชันชัดเจน และได้สุขภัณฑ์ครบเหมือนห้องน้ำก่อนหน้านี้เลยครับ

  • CAMDEN BLISS บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 40 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 145 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

เป็นบ้านแฝดในสไตล์บ้านเดี่ยวดีๆนี่เอง ซึ่งหากดูดีๆแล้วจะไม่มีผนังส่วนใดของบ้านเชื่อมต่อกับหลังข้างๆเลยใช่มั้ยครับ (จริงๆจะมีการเชื่อมกันตรงหลังคา ซึ่งเดี๋ยวไว้ไปดูของจริงกันอีกที) นั่นเลยทำให้เรามีพื้นที่สวนรอบบ้านให้ได้ใช้งานเต็มที่ แถมยังมีพื้นที่ใช้สอยเยอะไม่แพ้บ้านเดี่ยวอีกด้วย

แปลนชั้น 1 จะมีจุดเด่นคือ Common Area ขนาดใหญ่ และมีความกว้างมากๆ อีกทั้งยังมีห้องอเนกประสงค์ให้ได้ใช้งานด้วยครับ โดยเค้าจะทำผนังด้านข้างให้เป็นแบบทึบ และเว้นสวนข้างบ้านได้น้อยสุดอยู่ที่ 1 m. ตามกฎหมาย จึงทำให้เรามีพื้นที่ใช้สอยภายในที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเองครับ

ส่วนแปลนชั้น 2 นอกจากห้องนอนใหญ่จะได้ Walk-in Closet และห้องน้ำในตัวแล้ว ยังได้ระเบียง 2 ชั้นเหมือนกับบ้านเดี่ยวก่อนหน้านี้อีกด้วยนะ แต่ทีเด็ดที่เพิ่มเข้ามาจริงๆคือ เราสามารถทุบผนังเพื่อเชื่อมต่อห้องนอนเล็ก 2 ห้อง ให้กลายเป็น Master Bedroom ห้องที่ 2 ได้ครับ

เริ่มกันที่บริเวณที่จอดรถจะกว้างประมาณ 5.5 m. สามารถจอดรถ 2 คันได้สบายๆ มาพร้อมกับหลังคา / CCTV และเตรียมช่องงานระบบ EV Charger มาให้ครบเหมือนเดิม

ส่วนห้องเก็บของใต้บันไดจะย้ายมาอยู่ทางด้านข้างบ้านแบบนี้แทนนะครับ พร้อมกับด้านบนเราจะเห็นหลังคากันสาดของบ้าน ที่จะเป็นส่วนเชื่อมต่อกันด้วยคานเหล็กของบ้านแฝดทั้ง 2 แบบนี้นั่นเอง

เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ที่กว้างขวาง โดยพวกความสูงฝ้าและวัสดุปูพื้นต่างๆจะมีสเปคเหมือนเดิมนะ

เริ่มกันที่บริเวณด้านหน้าบ้านจะเป็นพื้นที่วางโซฟานั่งเล่นขนาดใหญ่ โดยเราจะได้ความเป็นส่วนตัวจากประตูทางเข้าบ้านทึบด้วยครับ

Common Area จะมีขนาดกว้างถึง 5.5 m. ซึ่งเราสามารถแบ่งพื้นที่หลังโซฟาสัก 1.5 m. ให้กลายเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ไว้นั่งทำงาน/อ่านหนังสือได้ด้วย เพื่อที่จะได้ร่นระยะดูทีวีให้น้อยลง และไม่ต้องซื้อจอทีวีเครื่องใหญ่จนเกินไปให้เสียเงิน

ช่องแสงที่ได้จะมีทั้งหมด 3 ด้าน และเป็นช่องขนาดใหญ่ทั้งหมด จึงทำให้ภายในบ้านสว่างและโปร่งโล่ง แถมยังมองเห็นสวนข้างบ้านได้โดยรอบ บรรยากาศเหมือนเป็นบ้านเดี่ยวเลยครับ

ด้านในสุดของบ้านจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งจะอยู่ติดกับประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดออกไปข้างบ้านได้ ทำให้เราสามารถทานอาหารไปและชมสวนไปด้วยได้ ส่วนหลังบ้านจะเป็นส่วนต่อเติมของบ้านตัวอย่าง ที่ทำขึ้นมาให้ดูเป็นไอเดียนะครับ

ในส่วนของบ้านแฝดเราจะได้เสาเข็มหลังบ้าน ที่ลึกเท่ากับตัวบ้านทั้งหมด 3 ต้น เพื่อรองรับการต่อเติมได้เหมือนกับบ้านเดี่ยวและบ้านตัวอย่างหลังนี้ครับ (ของจริงจะเป็นส่วน Outdoor และเทพื้นปูนตามปกติ รวมถึงไม่ได้มีเคาน์เตอร์ครัวให้ด้วยนะ)

ซ้ายมือจะเป็นห้องอเนกประสงค์ ที่มีการทำผนังกระจกเข้ามุมเพื่อความโปร่งโล่งไว้เหมือนเดิม

ภายในมีขนาดประมาณ 2.2 x 2.9 m. สามารถทำเป็นห้องทำงาน หรือห้องนอนผู้สูงอายุได้ โดยที่จะมีช่องแสงขนาดเล็กเพียงด้านเดียว เพราะด้วยข้อกำหนดทางกฎหมายที่อธิบายไปแล้วข้างต้น แต่ก็ทำให้เราได้พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านที่เยอะขึ้นด้วยนั่นเองครับ

ติดกันจะเป็นห้องน้ำที่มีขนาดประมาณ 1.55 x 1.9 m. โดยจะเป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกันระหว่างโซนเปียกและโซนแห้ง หรือเราอาจติดฉากกั้น/ม่านพลาสติกเพิ่มเติมได้นะครับ ซึ่งจะมีขนาดพื้นที่ยืนอาบน้ำประมาณ 90 x 90 cm. ให้ได้ใช้งานพอดีๆ และได้สุขภัณฑ์ต่างๆจาก i-spa ครบเหมือนเดิม

ทางขึ้นบันไดชั้น 2 จะอยู่บริเวณหน้าบ้านแบบนี้ครับ เวลากลับมาจากด้านนอกก็สามารถเลี้ยวขึ้นชั้นบนได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินตัดผ่านหน้าทีวี แต่ก็แลกกับความเป็นส่วนตัวที่ลดลงบ้างในตอนมีแขกนะ

โครงสร้างบันไดเป็นเหล็กเหมือนเดิม มาพร้อมกับราวจับตลอดทาง และเพิ่มช่องแสงมาให้ถึง 2 จุดด้วยกันครับ ทำให้ไม่ต้องเปิดในตอนกลางวันเลย

โถงบันไดชั้นบนจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถวางตู้เก็บของหรือตะกร้าผ้าหน้าห้องน้ำได้สบายๆ

เริ่มกันที่ห้องนอนเล็กทางฝั่งหลังบ้าน จะมีขนาดประมาณ 2.2 x4 m.

โดยที่ห้องนี้จะมีการทุบผนังก่ออิฐมวลเบาตรงกลางห้องออก เพื่อเชื่อมต่อห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องมาให้ดูเป็นไอเดียว่า เราสามารถทำเป็นห้องนอนใหญ่เพิ่มเติมได้อีกห้องแบบนี้เลยครับ ซึ่งเหมาะกับคนที่อาจมีลูกคนเดียวแล้วอยากมีห้องที่อยู่ได้ตั้งแต่เด็ก-โต

โดยที่ห้องจริงจะมีผนังทึบและประตูอีกบานอยู่ด้านข้างแบบนี้ ซึ่งห้องนอนเล็กอีกห้องจะมีขนาดกว้างประมาณ 2.8 x 3 m. เหมาะกับคนที่อาจมีลูก 2 คน หรือต้องการฟังก์ชันห้องที่หลากหลาย ไว้ปรับเปลี่ยนเป็นห้องต่างๆได้ตามต้องการนั่นเอง

ติดกันจะเป็นห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 ภายในมีขนาดพื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.3 x 1.6 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.25 x 0.8 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มาพร้อมกับสุขภัณฑ์และฉากกั้นอาบน้ำครบเช่นเดิม

สุดท้ายคือ Master Bedroom ที่อยู่ด้านหน้าบ้าน ซึ่งภายในมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่มาก สามารถแบ่งพื้นที่ทำเป็นมุมนั่งทำงานแบบในบ้านตัวอย่างได้สบายๆ

บริเวณปลายเตียงจะเป็นพื้นที่แต่งตัว ห้องน้ำ และระเบียงครับ

ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นบ้านแฝดก็ตาม แต่ก็ยังสามารถจัดฟังก์ชันให้มี Walk-in Closet ได้แบบนี้ ก็ถือว่าเวิร์คมากๆแล้วครับ ส่วนภายในห้องน้ำก็จะได้ครบเหมือนกับห้องด้านนอกเลย

ทีเด็ดอีกอย่างที่ไม่แพ้บ้านเดี่ยวคือ มีระเบียง 2 ชั้นให้ใช้งานได้ด้วยครับ โดยจะมีขนาดประมาณ 1.5 x 2.1 m. สามารถออกมาใช้สอยได้เต็มที่ เช่น ทำเป็นมุมออกกำลังกายส่วนตัวในห้องนอนได้ เป็นต้น

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

PATREEDA RESIDENCE ราชพฤกษ์ – ปทุมธานี ราคา ณ วันที่ 17 ส.ค. 2565

  • CAMDEN BLISS บ้านแฝด 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 40 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 145 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 3.75 ล้านบาท
  • HARROW BLISS บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 58 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 168 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 4.8 ล้านบาท
  • จอง 20,000 บาท
  • ทำสัญญา 30,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 30,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 3 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • เว็บไซต์หลักโครงการ : https://patreeda.com/patreeda-residence/?utm_source=Publisher&utm_medium=ThinkOfLiving&utm_campaign=RegisterPR01

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : โครงการตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองปุทธานีที่มีความอุดมสมบูรณ์ครบ โดยมีห้างสรรพสินค้าหลักๆอย่าง Makro / Lotus’s และ BigC จึงทำให้เป็นทำเลที่เหมาะกับคนใช้ชีวิต หรือทำงานอยู่ในย่านนี้และโซนรังสิตครับ อีกทั้งซอยเรียบคลองบางโพธิ์เหนือยังสามารถลัดเลาะ ไปเชื่อมกับทางคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษก เพื่อไปเข้าสู่เส้นทางหลักให้ใช้เดินทางไกลๆได้อีกด้วย

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ด้านหน้าโครงการให้มาเป็นมาตรฐานครับ ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตู / ป้อม รปภ. / ระบบสแกนทะเบียนรถ / CCTV และรั้วเหล็กรางเลื่อนอัตโนมัติ แต่ที่ผมคิดว่าให้มาดีก็คือ ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านต่างๆ ซึ่งจะมีทั้งกล้อง CCTV / Magnetic Sensor และ Digital Door Lock ที่ส่วนใหญ่เราจะไม่ค่อยได้เห็นในบ้านระดับราคานี้ครับ

การออกแบบโครงการ : เป็นโครงการที่มีเพื่อนบ้าน 253 ยูนิต ถือว่าไม่เล็กไม่ใหญ่ครับ โดยจุดเด่นของการวางผังคือ เค้าจะกระจายพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ 2 จุด เพื่อให้ลูกบ้านแต่ละโซนสามารถมาใช้งานได้สะดวกพอๆกัน อีกทั้งยังจัดให้แปลงบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่ ได้อยู่ใกล้กับโซนด้านหน้าและพื้นที่ส่วนกลางอีกด้วย เพื่อที่จะได้มาใช้งานได้ง่ายมากขึ้นครับ ในขณะที่บ้านแฝดจะอยู่ภายในซอยเพื่อความเป็นส่วนตัวจากถนนหลักแทนนะ

การออกแบบพื้นที่ใช้สอย : ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝด จะมีจุดเด่นร่วมกันคือ มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างเยอะ (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านย่านเดียวกัน) อีกทั้งยังมีห้องอเนกประสงค์ที่ชั้นล่างทุกแบบ ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลาย หรือทำเป็นห้องผู้สูงอายุก็ได้ตามต้องการ

แต่จุดที่ผมชอบมากๆก็คือ Master Bedroom ที่นอกจากจะมี Walk-in Closet และห้องน้ำในตัวแล้ว ยังมีกิมมิคเล็กๆอย่างระเบียง 2 ชั้น ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอน และออกไปใช้งานจริงจังได้มากขึ้นอีกด้วย

ส่วนบ้านแฝดก็จะได้ฟีลเหมือนเป็นบ้านเดี่ยวเลยครับ เพราะเค้าจะเชื่อมต่อกันแค่คานเหล็กของหลังคาด้านบนเท่านั้น ทำให้มีพื้นที่รอบบ้านเหลือให้ใช้งาน อีกทั้งเรายังสามารถทุบผนังเพื่อเชื่อมต่อห้องนอนเล็กบนชั้น 2 ให้กลายเป็น Master Bedroom อีกห้องหนึ่งได้สบายๆ

วัสดุ : นับว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของโครงการนี้เลยก็ว่าได้ครับ โดยสิ่งที่เราได้เป็นมาตรฐานในปัจจุบันถือว่าคุ้มค่ามากๆ ซึ่งปกติเราจะไม่ค่อยได้เห็นบ้านระดับราคา 3 – 5 ล้าน ให้มาแบบนี้สักเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นหลังคาพื้นที่จอดรถ / ประตูอัตโนมัติ Automatic Gate / ระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ / ช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ในหลายๆจุด / Built-in ตู้เสื้อผ้าที่ Walk-in Closet / เสาเข็มหลังบ้านที่ลึกเท่ากับตัวบ้านเพื่อรองรับการต่อเติม / ระบบโครงสร้างก่ออิฐมวลเบาสามารถทุบต่อเติมได้ง่าย และยังมีระบบรองรับ EV Cgarger ให้อีกด้วยครับ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ปัจจุบันสวนสาธารณะด้านในโครงการ ที่มีขนาดกว่า 1 ไร่ครึ่งยังไม่แล้วเสร็จดีนะครับ อาจต้องรอชมในอนาคตอีกครั้ง แต่ที่เห็นตอนนี้ก็คือ บริเวณถนนหลักจะมีการปลูกแนวต้นไม้เอาไว้ตลอดเส้นทาง อีกทั้งยังมีตรงวงเวียน และต้นไม้ที่อาคาร Clubhouse ทำให้โดยภาพรวมก็ดูเรียบร้อยน่าใช้งานดีทีเดียว

สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นอาคาร Clubhouse / Social Club / Multi-Purpose Space / Swimming Pool และ Fitness อีกทั้งยังมีคอนเซ็ปต์การดีไซน์ที่น่าสนใจ อย่างการคำนึงถึงบริบทโดยรอบที่ควรจะเปิดช่องให้ลมพัดผ่าน และทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ให้ได้เชื่อมต่อและสัมผัสกับธรรมชาติโดยรอบได้ ทำให้ภาพรวมก็ดูน่าใช้งานดีครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 3.75 – 4.8 ล้านบาท, 17 สิงหาคม 2565

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – อยู่ในย่านตัวเมืองปทุมธานี มีความอุดมสมบูรณ์ครบ ท้ายซอยเชื่อมต่อกับทางคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษกได้
  • ความปลอดภัย 8/10 – ตัวโครงการมีตามมาตรฐาน ส่วนในบ้านก็มี Magnetic Sensor / CCTV และ Digital Door Lock ทุกหลัง
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.75/10 – พื้นที่ดินและพื้นที่ใช้สอยเยอะ มีห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างทุกแบบ ห้องนอนใหญ่มีมุมแต่งตัว และได้ระเบียง 2 ชั้น ฟังก์ชันปรับเปลี่ยนและต่อเติมได้
  • วัสดุ 9.5/10 – ให้มาดีคุ้มค่ากับราคา ซึ่งมีหลายๆอย่างที่โครงการอื่นๆไม่มีให้ในระดับราคานี้
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – มีต้นไม้ตลอดแนวถนนหลักและตรงส่วนกลาง รวมถึงจะมีสวนสาธารณะด้านในพื้นที่กว่า 1 ไร่ครึ่งในอนาคตด้วยครับ
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ พื้นที่สวยงามน่าใช้
  • 7.96 / 10.00

PATREEDA RESIDENCE ราชพฤกษ์ – ปทุมธานี เหมาะกับใคร

โครงการ ภัทรีดา เรสซิเดนซ์ ราชพฤกษ์ – ปทุมธานี เหมาะกับคนที่หาบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในย่านตัวเมืองปทุมธานี โดยเน้นความคุ้มค่าของตัวบ้านเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นขนาดที่ดินและพื้นที่ใช้สอยที่เยอะ รวมถึงยังให้วัสดุต่างๆมาแบบจัดเต็มมากเมื่อเทียบกับระดับราคา โดยมีฟังก์ชันต่างๆที่รองรับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง อยู่ได้ 3 – 4 คน สามารถต่อเติมบ้านได้ง่าย มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 3.75 – 4.8 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 26,000 – 34,000 บาท


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc