รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.139 – รีวิวบ้าน Parc Priva
14 มิถุนายน 2015
รีวิวฉบับที่ 795 … สวัสดีครับวันนี้ผมจะพาไปชมโครงการบ้านหรูที่ชื่อว่า Parc Priva เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ที่อยู่ในย่าน พระราม 9 ตำแหน่งที่ตั้งอยู่บนถนนเทียมร่วมมิตรใกล้ๆกับแยกเหม่งจ๋ายที่ตัดกับถนนประชาอุทิศ จุดเด่นโครงการนอกจากทำเลที่อยู่ใกล้ตัวเมืองแล้วจะเป็นตัวบ้านที่มีการออกแบบให้ทุกหลังมี Private Courtyard ซึ่งผมจะพาไปดู 3 แบบ แต่บทความจะยาวมากเลยขอแบ่งออกเป็น 2 ตอนนะครับ
Fact @ 29 January 2015
- Parc Priva (พาร์ค พรีว่า)
- บริษัท นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
- Segment : Super Luxury (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน: ถนน เทียมร่วมมิตร เขต ห้วยขวาง
- เนื้อที่โครงการ 17 ไร่
- บ้านเดี่ยว 3 ชั้น 60 หลัง
- ASPEN: ที่ดิน 72-102 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 462 ตร.ม.
- BANYAN: ที่ดิน 62-74 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 380 ตร.ม.
- CEDAR: ที่ดิน 57-73 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 296 ตร.ม.
- ขนาดที่ดินเริ่มต้น 57-102 ตร.วา
- ราคาเริ่มต้น 34-60 ล้าน
- เริ่มก่อสร้าง: ปี 2558
- ก่อสร้างแล้วเสร็จ: ปี 2559
- www.parcpriva.com
- Tel: 02-121-1212
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะครับ
พิกัด : 13.766643, 100.583516
ตัวโครงการจะตั้งอยู่บนถนนเทียมร่วมมิตรตรงสามเหลี่ยมใกล้ๆแยกเหม่งจ๋าย เป็นทำเลที่ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัยก็มีทั้งแบบคอนโดและแนวราบ สถานที่สำคัญรอบๆจะมีทั้งอาคารสำนักงานขนาดใหญ่และห้างต่างๆ แถวๆเบอร์ 10 เป็นเซ็นทรัลพระราม 9 อาคาร G-Land Tower อาคาร The 9th Tower ตรงข้ามจะเป็น Fortune สถานฑูตจีน เลยไปอีกหน่อยจะเป็น Big C และ Esplanade
มาดูแผนที่โครงการจาก Google Map กันดีกว่า ตัวโครงการจะอยู่ปลายสามเหลี่ยมพอดี การเข้าออกโครงการจะใช้เส้นพระราม 9 เป็นหลัก และเส้นรองจะเป็นประชาอุทิศที่ไปทะลุออกเลียบทางด่วนรามอินทราได้ และเส้นวัฒนธรรมที่ไปออกพระราม9ได้ ข้อเสียนอกจากเรื่องรถติดทุกเส้นรอบๆโครงการแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่หลายๆคนคงทราบกันดีอยู่แล้วก็คือ ถนนเส้นนี้มีการจราจรเป็นแบบ One Way ทั้งหมด เวลาจะเข้าออกทีก็ต้องทำใจเรื่องที่ต้องวนอ้อมหน่อย ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างดีใกล้ใจกลางเมืองเลยทีเดียว
สำหรับเส้นทางการจราจรจะเป็นตามในรูปเลยครับ เป็นการวนตามเข็มนาฬิกา เวลามาจากเส้นพระราม 9 หรือ เส้นรัชดา(ขาเข้า)จะเลี้ยวเข้าโครงการไม่ค่อยมีปัญหาหรอกครับ แต่ถ้ามาจากประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนรามอินทรา)นี่จะเป็นปัญหาหนักเลยเพราะต้องอ้อมรอบเกาะกลางตรงนี้ 1 รอบพอดีๆระยะทางทั้งหมดประมาณ 3.2 กม.นะครับ ไอ้ตอนรถไม่ติดก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับขับรถแป๊บเดียวก็ถึง แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนนี่ติดมันทุกแยกเลย ทางที่ดีถ้าเป็นลูกบ้านที่ไม่ได้เข้าออกตามเวลาเหมือนคนอื่นเค้าจะสบายใจกว่าเยอะ
ในทางกลับกันถ้าเป็นขาออกไปทางประชาอุทิศหรือพระราม 9 จะไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าจะไปเส้นรถไฟฟ้าหรือห้างบนเส้นรัชดาอย่าง Esplanade, Big C และเซ็นทรัลพระราม 9 ก็ไม่แคล้วต้องวนไปครึ่งรอบเกาะกลางเช่นกัน แต่ถ้าอยากไปฟอร์จูนทาวน์ไปออกพระราม 9 แล้วเลี้ยวขวาเอาจะง่ายกว่า
สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดจะเป็น MRT ศูนย์วัฒนธรรม(จุดหมายปลายทางในแผนที่) ระยะห่างจากสถานีรถไฟฟ้าถึงโครงการประมาณ 1.5 กม.ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นระยเดินนะ แนะนำว่าต่อรถเอาอีกทีจะสะดวกกว่า แต่ถ้าเป็นการใช้รถเวลาจะไปสถานีรถไฟฟ้าระยะทางจะอยู่ที่ 2.5 กม. ส่วนการไปห้าง Esplanade หรือพระราม 9 นั้นให้วิ้น
ทีนี้มาดูสภาพแวดล้อมรอบๆกันบ้างดีกว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นอะไร อย่างที่รู้ๆกันอยู่นะครับว่าตอนนี้ในย่านแยกพระราม 9 กำลังคึกคักเพราะนอกจากจะมีห้างสรรพสินค้าหลายแบรนด์แล้วยังมีอาคารสำนักงานต่างๆตั้งอยู่เยอะ ไหนจะมี The Super Tower ว่าที่ตึกสูงที่สุดในประเทศไทย ล่าสุดมีข่าวของโครงการไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งใหม่บนถนนรัชดาที่มาในชื่อ The Street Ratchada มูลค่าโครงการประมาณ 2,300 ล้านบาท ตำแหน่งที่ตั้งก็คือห้างโรบินสัน รัชดา เก่านั่นแหละครับ นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี อยู่ในแผนโครงข่ายเพิ่มเติมระยะ 10 ปี (เปิดให้บริการภายในปี พ.ศ. 2562) ด้วยเหตผลต่างๆเหล่านี้จึงทำให้หลายๆคนใช้คำเรียกย่านนี้ว่า New CBD ซึ่งจริงๆก็แล้วคนแต่จะเรียกกันนะ
พื้นที่รอบๆข้างของโครงการถ้าดูจากแผนที่โซนแยกเหม่งจ๋ายนี่เป็นโซนอาคารพาณิชย์และที่อยู่อาศัยแนวราบอยู่แล้ว แต่ก็มีโครงการประเภทแนวสูงอยู่บ้างพอสมควร ลุมพินี วิลล์ ศูนย์วัฒนธรรม หรือบนเส้นพระราม 9 จะมี ลุมพินี แพลส พระราม 9 รัชดา นอกจากนี้ก็จะเป็นอพาร์มเม้นท์เป็นบางส่วน
ทีนี้ถามว่าทำเลของโครงการมันน่าสนใจรึเปล่าแล้วทำไมเค้าถึงเลือกที่จะทำโครงการนี้เป็นบ้านเดี่ยว จากชิ้นที่ดินที่ผมได้ทำลงไปให้ดูในแผนที่จะเห็นว่าตัวโครงการอยู่ห่างจากแหล่งความอุดมสมบูรณ์อยู่ไม่ไกลเลย แต่มาติดขัดตรงที่ถนนหน้าโครงการมีการจราจรแบบ One Way ถ้าจะทำโครงการประเภทคอนโดก็มีผู้บุกเบิกอย่าง Supalai Wellington อยู่แล้วแถมระดับราคาจะทำสูงมากก็ไม่ไหวเพราะการเดินโดยไม่ใช้รถถือว่าไม่สะดวกเอาซะเลย แถมเส้นทางก็ดูจะเปลี่ยวในตอนกลางคืนอีก สุดท้ายผมเดาว่าไหนๆจะทำบ้านแล้วก็ทำ Product ที่มันดีๆไปซะเลย เพราะแถวๆนี้ก็ไม่มีคู่แข่งอยู่แล้ว
บนถนนเส้นนี้จะมีคอนโด Supalai Wellington และสยามนิรมิตรอยู่ก่อนถึงโครงการ พื้นที่ที่ติดกับโครงการเป็น S Hotel รัชดา ฝั่งตรงข้ามเป็น ปั๊มน้ำมัน ESSO และอพาร์ทเม้นท์สูง 8 ชั้น ด้านข้างอีกด้านจะติดกับศูนย์รถยนต์ Nissan ด้านหลังโครงการติดกับโรงเรียนนานาชาติ The Regent และสถานฑูต เอสโตเนีย ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการในระยะเดินได้เรียกว่าไม่มีอะไรเลยนะครับถ้าอยากจะหาของกินถ้าไม่ไปห้างก็ต้องไปแถวแยกเหม่งจ๋ายก็ได้ เพราะมีร้านอาหารให้เลือกเยอะและมีหลายประเภทด้วย
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
สำหรับเส้นทางในวันนี้ผมจะพาเข้าโครงการจากประดิษฐ์มนูธรรมนะ เพราะทางพระราม 9 และ รัชดาคิดว่าหลายๆท่านคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว และถือโอกาสพาไปดูรอบๆเส้นทางที่ต้องวนด้วยครับ
Than Living รัชดาประชาอุทิศ
ทางเข้าเริ่มจาก ประดิษฐ์มนูธรรม 1 ซึ่งเป็นทางลัดเข้าถนนประชาอุทิศ ฝั่งที่ไปทะลุเทียมร่วมมิตร
ช่วงปากซอยจะมี Golden Place ที่เป็น Super Market ขายอาหารสุขภาพ ส่วนฝั่งตรงข้ามนี่มีร้านอาหาร Din Chu (อาหารจีนฮ่องกง), Grill House บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง และ ชาบูต้นไม้ ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไงบ้างถ้าเพื่อนๆคนไหนเคยลองแล้วก็มาแนะนำได้นะครับ
ตรงเข้ามานิดเดียวเจอ 3 แยกให้เลี้ยวขวาเพื่อเข้าประชาอุทิศ ถ้าเลี้ยวซ้ายไปพระราม 9 ซอย 17
ก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าถนนประชาอุทิศ ด้านขวามือเป็นคอนโด Than Living รัชดา – ประชาอุทิศ
วิ่งข้ามคลองลาดพร้าว
ซอยด้านซ้ายมือที่เห็นรถ Taxi สีชมพู สามารถไปถนนเทียมร่วมมิตรได้เหมือนกัน แต่ผมจะพาไปดูบรรยากาศแยกเหม่งจ๋ายก่อน
ก่อนถึงแยกจะมีร้านอาหารตั้งอยู่เยอะมากครับ ถ้าจะหาของกินโดยไม่อยากเข้าห้างก็วิ่งมาเส้นนี้ได้
ช่วงสายๆรถก็ยังติดอยู่ครับ
ถึงแยกที่ตัดกับเทียมร่วมมิตรให้เลี้ยวซ้าย
วิ่งตรงมาสุดทางจะเจอพื้นที่ของการไฟฟ้า
พอเลี้ยวมานิดเดียวก็เห็นโครงการแล้วแต่เราต้องไปวนมารอบนึงก่อนถึงจะเข้าโครงการได้
ความอุดมสมบูรณ์ตรงนี้ถือว่ายังมีน้อยอยู่
วิ่งมาชนกับถนนวัฒนธรรมก็เลี้ยวขวา
เจอแยกที่ไปออถนนรัชดาภิเษกก็เลี้ยวขวา
ผ่าน Supalai Wellington ที่เป็นโครงการที่เป็นประเภทหมู่ตึกคอนโด
ตรงมาจนเกือบสุดทางก็เจอทางเข้าโครงการอยู่ด้านซ้ายมือ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น (รวมระยะกลับรถแล้ว)
- รพ. พระราม 9 – 2.7 กม.
- รร.นานาชาติรีเจ้นท์ – 1 กม.
- สถานทูตจีน – 3.9 กม.
- เซ็นทรัลพระราม 9 – 3.5 กม.
- Fortune Town – 3.3 กม.
- Esplanade – 3 กม.
ตัวโครงการจะมีที่ดินเป็นแนวหน้าแคบแต่ยาวโดยช่วงท้ายโครงการจะมีช่วงที่ดินที่ใหญ่กว่าช่วงต้นๆโครงการ ถนนหลักจะอยู่ชิดด้านซ้ายของที่ดิน และซอยย่อยอยู่ทางขวามีตัวบ้านกระจายอยู่ในซอย 6 หลังก็ถือว่าลูกบ้านมีความเป็นส่วนตัวไม่พลุกพล่านดี
สำหรับ Club House และ Facility หลักจะถูกวางไว้ที่หน้าโครงการทั้งหมด ทั้งสระว่ายน้ำ สวนหย่อม และนิติบุคคล คิดว่าการที่เค้าเอาส่วนกลางมาไว้ด้านหน้าก็เพราะต้องการให้เป็นเสมือน Buffer ระหว่างตัวถนนกับพื้นที่พักอาศัย ยิ่งถนนเส้นนี้มีรถวิ่งกันตลอดอยู่ด้วย ฝุ่นควันและเสียงก็ต้องมีเยอะเป็นธรรมดา
หน้าโครงการซุ้มประตูมีการออกแบบให้ดูต่อเนื่องกับตัว Club House
ซุ้มประตูทางเข้าโครงการมีขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีการตกแต่งด้วยหินที่ผนังและตีระแนงไม้เพื่อให้บรรยากาศดูอบอุ่นขึ้น หลังคาก็ครอบคลุมทั่วดี ป้อมรปภ.ก็อยู่ตรงกลางที่มีประตูกระจกนั่นแหละครับ
ระบบรักษาความปลอดภัยจะมีรปภ. CCTV และ Key Card RFID แบบระยะไกล
รั้วของโครงการนี้จะไม่ได้เป็นแบบรั้วกั้นไม้กระดกเหมือนทั่วๆไปนะ แต่เป็นแบบบานพับ 2 ช่วงเท่าที่ได้เห็นการทำงานก็ดูแข็งแรงดี
ด้านข้างทางเข้าจะมีไฟฝังไว้ที่พื้นด้วย
เข้ามาในโครงการแล้วอาคารด้านซ้ายมือที่เป็นนั่นคือโรงแรม S Hotel บ้านตัวอย่างจะอยู่ด้านขวามือ และมีสวนหย่อมอยู่ติดกัน
หันมาด้านขวามือจะเป็น Club House โดยชั้นล่างจะเป็นที่จอดถสำหรับผู้มาติดต่อและเป็นนิติบุคคุล สำหรับสระว่ายน้ำและ สำนักงานขายจะถูกยกไปไว้ที่ชั้น 2 ทั้งหมดเลย
ก่อนขึ้นไปดูสระว่ายน้ำขอพามาดูสวนหย่อมกันก่อน ตัวสวนมีขนาดไม่ใหญ่และมีแค่สนามหญ้าพร้อมทางเดินรอบๆมาให้ ตรงแนวกำแพงที่ยื่นออกมาจะมีบันไดทางขึ้นไปยังสระว่ายน้ำได้
ทางขึ้นอีกจุดจะอยู่ด้านข้างกับที่จอดรถของนิติบุคคล
พาเข้ามาดูสำนักงานนิติบุคคลซะหน่อย
ทางขึ้นตรงนี้จะเป็นทางลาดช่วยให้ลูกบ้านที่มีผู้สูงอายุหรือเด็ก่อ่อนเข้ามาใช้พื้นที่ด้านบนได้สบายๆ
ขึ้นมาด้านบนจะเจอกับสระว่ายน้ำก่อนเลย บันไดที่เห็นด้านซ้ายมือนี่เป็นทางขึ้นที่มาจากสวนหย่อม
สำนักงานขายจะอยู่อีกด้านของสระว่ายน้ำ
ด้านหน้าของสำนักงานขายจะมีพื้นที่โล่งมาให้ พร้อมกับโซฟาเอาไว้นั่งพักผ่อนแต่คงต้องเป็นช่วงเย็นๆนะเพราะแดดสาดเข้ามาแรงพอสมควร
อีกฝั่งจะร่มหน่อยมีต้นไม้ใหญ่กับกำแพงช่วยบังแดดให้
บรรยากาศภายในสำนักงานขายก็ตกแต่งด้วยสไตล์เรียบง่าย Modern
เดินมามุมสระถ่ายมุมกว้างมาให้ดูจะได้เห็นภาพรวมชัดขึ้น
บนชั้น 2 จะมีราวระเบียงเป็นกระจกแบบนี้ตลอดแนว
ตัวสระว่ายน้ำเป็นขนาด 25 x 10 ลึก 2.2 ม. ระบบเกลือ แบบน้ำล้น
สระเด็กจะแยกออกมาเป็นสัดส่วน
สระเด็กที่อยู่ริมสุดจะมีเกาะกลางคั่นที่ปูหญ้าเทียมกับต้นไม้ใหญ่อยู่
จากสระว่ายน้ำมุมนี้จะเห็นด้านหลังของบ้านตัวอย่างและด้านขวามือเป็นศูนย์ Nissan
สุดทางจะเป็นที่ล้างตัวกับห้องน้ำ แต่เราต้องเดินลงไปชั้นล่างครับ
ห้องน้ำแยกชายหญิง
ภายในห้องน้ำมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้อย่างละห้อง
โถสุขภัณฑ์ของที่นี่เป็นแบบติดผนัง
ฝาชักโครกเป็นแบบฉีดน้ำอัตโนมัติด้วยนะครับ ไม่ธรรมดาเลย
ห้องอาบน้ำมีฝักบัวให้ทั้งแบบถืออาบและ Rain Shower
สิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 25 x 10 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.3 เมตร
- ห้อง Fitness ขนาด 6.4 x 12.6 ม.
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 35 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 เมตร
- Internet Fiber Obtic แบบ Docsis ความเร็ว 200 MB ให้ทั้งโครงการ
- Key Card Access ระยะไกล
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ พับไฟฟ้า
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor ทุกหลัง
- ถนนหลักกว้าง 12 และ 6 ม. ถนนภายในซอยย่อยกว้าง 9 ม.
บ้านแบบแรกที่จะพาไปดูคือแบบ CEDAR เป็นบ้านที่เล็กที่สุดของโครงการนี้ มีพื้นที่ใช้สอย 296 ตร.ม. ขนาดที่ดินมาตรฐาน 57 ตร.วา ได้ 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ได้ครัวไทยฝรั่งแยกจากกัน มีห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว ห้องครัวแยกทางเข้าออกต่างหากทำให้แม่บ้านสามารถทำอาหารได้โดยไม่ต้องเข้ามาภายในตัวบ้าน
ตัวบ้านจะถูกวางอยู่ชิดด้านในด้านหนึ่งของที่ดินเพื่อให้เกิดพื้นที่สวนด้านข้างที่เรียก Private Courtyard ที่บอกว่า Private เพราเค้าออกแบบให้ตัวบ้านสัมพันธ์กับการวางแบบบ้านในโครงการ ทำให้ไม่มีช่องเปิดมาเจอกับสวนของเพื่อนบ้าน ฟังก์ชั่นหลักๆชั้นแรกของบ้านจะมีห้องรับแขกอยู่ที่ชั้นล่าง และอเนกประสงค์ที่อยู่หลังบ้านจะทำเป็นห้องนอนหรือห้องทำงานก็ได้ พื้นที่จอดรถก็จอดได้ 2 คัน
การออกแบบของที่นี่ถือว่าแปลกกว่าบ้านทั่วๆไปตรงที่เค้าเอา Common Area หลักๆไปอยู่บนชั้น 2 หมดเลย ครัวไทยจะอยู่ชั้นล่างส่วนครัวฝรั่งจะอยู่ชั้น 2 เชื่อมต่อกันด้วยพื้นที่ทานอาหาร ส่วนห้องนั่งเล่นจะได้พื้นที่แบบ Double Space และได้วิวสวนด้านข้างด้วย การวางผังห้องก็เน้นเป็นพื้นที่แบบเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งหมด ไม่มีการกั้นแยกส่วน ยกเว้นระเบียงกับห้องนอน
ห้องนอนเค้าก็ออกแบบให้มีอยู่ทุกชั้นครอบครัวไหนมีผู้สูงอายุก็สามารถอยู่ที่ชั้นล่างได้แต่มีข้อเสียอยู่หน่อยตรงที่ห้องน้ำชั้นล่างกับชั้น 2 มีแค่ห้องเดียวเวลาจะเข้าก็ต้องเดินผ่านห้องนอนเข้าไป
ที่ชั้น 3 จะมีห้องนอน 2 ห้องและพื้นที่ Double Space ที่เชื่อมต่อมาจากชั้น 2 ห้องนอนใหญ่จะได้ห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำมาให้ส่วนห้องนอนเล็กอีกห้องจะเหมือนกับชั้นอื่นๆแต่มีขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย บันไดของที่นี่จะมีช่วงแรกที่สั้นและช่วง 2 ที่ยาวมากคิดว่าหลายๆคนคงไม่คุ้นชิน เพราะบ้านเรามักจะออกแบบให้ความสูงของบันไดช่วงแรกกับช่วง 2 เท่าๆกัน สำหรับห้องนอน 2 จะมีพื้นที่ยื่นออกมาจากแนวกำแพงชั้น 2 อยู่นิดหน่อยห้องนอนที่ชั้นนี้เลยจะใหญ่กว่าชั้นอื่นๆ
บ้านตัวอย่างจะเรียงรายกันอยู่ทั้ง 3 แบบ แบบแรก(ที่มีรถกอล์ฟจอดอยู่)จะเป็นแบบที่ใหญ่ที่สุด ASPEN มีพื้นที่ใช้สอย 462 ตร.ม. ถัดไปเป็นขนาดกลาง BANYAN 380 ตร.ม. และหลังเล็กสุด CEDAR 296 ตร.ม.ผมจะพาไปดูหลังเล็กด้านในสุดก่อนค่อยๆไล่ออกมานะครับ
ตัวบ้านจะเป็นแนว Modern บวกกับกลิ่นอายของ Minimal หน่อยๆ Form ของบ้านเรียกว่าไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไหร่เพราะเป็นบ้านแบบ 3 ชั้นมีลูกเล่นกับช่องเปิดต่างๆของตัวบ้าน แต่สำหรับใครที่ชอบหลังคาบ้านแบบจั่วหรือปั้นหยาอาจจะไม่ค่อยถูกใจสักเท่าไหร่
สิ่งที่ทำให้รู้สึกแต่ต่างอีกอย่างก็คือวัสดุที่ปิดผิวของตัวบ้าน โดยทั่วไปแล้วเราจะเห็นบ้านส่วนใหญ่เน้นแค่ฉาบเรียบทาสี แต่โครงการระดับนี้ตัวบ้านก็ย่อมแตกต่างเป็นธรรมดาครับ อย่างสีไม้ที่เห็นก็กรุเป็นกระเบื้องลายไม้ และสีเทากรุด้วยแผ่นหินธรรมชาติ (Rex Stone)
ทางเข้าบ้านจะอยู่ด้านขวามือมีตู้ใส่จดหมายและที่ทิ้งขยะตามในภาพ ตัวหน้าบ้านก็ออกแบบมาให้สวยดีครับ มีการใช้สัดส่วนของวัสดุที่ต่างกันทำให้ตัวบ้านดูมีมิติมากขึ้น ส่วนรั้วบ้านของจริงยังไม่เห็นนะครับ
อีกฝั่งของหน้าบ้านจะเป็นตู้เมนไฟฟ้า
หลังตู้จดหมายจะเป็นทางเดินไปยังห้องแม่บ้าน
เนื่องจากบ้านตัวอย่างได้ลงต้นโมกเอาไว้ตลอดแนว ทางเดินไปห้องแม่บ้านเลยดูแคบไปหน่อย
ห้องน้ำแม่น้ำก็ให้มาใหญ่อยู่นะครับแถมสุขภัณฑ์ก็ดูดีใช้ได้
กลับมาต่อกันที่หน้าบ้าน โรงจอดรถจะอยู่ภายใต้ตัวบ้านทั้งหมดเลย เวลาฝนตกก็ไม่ต้องกลัวเปียกเพราะระยะที่ลงจากรถอยู่ในตัวบ้านเรียบร้อยแล้ว พื้นโรงจอดรถเป็นกระเบื้องเซรามิค
อย่างที่บอกไปว่าตัวบ้านถูกวางเอาไว้ชิดด้านนึงของที่ดิน พื้นที่สวนจึงหน้ากว้างเกือบครึ่งหนึงของตัวบ้าน ตู้เก็บของในโรงจอดรถที่เห็นของจริงจะมีมาให้ด้วยนะครับ
ทางเดินไปสวนสามารถไปทางด้านนี้หรืออีกด้านของเสาก็ได้
สำหรับใครที่ชอบจัดสวนน่าจะชอบที่นี่เพราะมีพื้นที่ให้ลงต้นไม้ได้เยอะ พื้นฐานโครงการจะปูสนามหญ้าและลงต้นไม้ใหญ่ไว้ให้
แถมยังสามารถมองจากห้องนั่งเล่นทั้ง 2 ห้องจากชั้น 1 และ 2 มาได้อีกด้วย
สำหรับห้องที่อยู่ชั้นล่างจะได้ประโยชน์จากสวนตรงนี้เยอะ เพราะได้หน้าต่างเต็มบานมาทั้ง 2 ห้อง
มาดูทางเข้าบ้านกันต่อ ประตูหลักจะเป็นประตูลายไม้สีเข้ม ส่วนสีขาวด้านขวามือเป็นห้องครัวไทยที่แยกออกมา
ภายในห้องจะมีพื้นที่ไม่กว้างมากเอาไว้ให้แม่บ้านทำครัวได้พอดีๆ ชุดครัวที่ได้ก็ตามในรูปเลยครับ ยกเว้นชั้นวางของด้านบนนะ
ตัวพื้นอยู๋ในระดับเดียวกับเฉลียงหน้าบ้านและเป็นกระเบื้องนำเข้าแบบ Homogeneous ซึ่งมีค่าการดูดซึมน้ำในระดับที่ต่ำกว่ากระเบื้องทั่วๆไป
ด้านขวาที่เป็นบานเลื่อนกับตู้ใส่ของด้านหลังอันนี้ไม่ได้นะครับต้องต่อเติมเอง
ชุดครัวที่ได้มาจะเป็นของ Hafele ทั้งหมดทั้งเตาแก๊ส เครื่องดูดควัน อ่างล้างจานและก๊อกน้ำ เตาไมโครเวฟไม่ได้ให้มานะครับ
ช่องแสงจะมีให้ 1 จุดเป็นบานเลื่อนสลับ กรอบอลูมิเนียม Powder Coat สีเทาเข้ม
ตัวอ่างจะมาเป็นแบบ 4 เปลี่ยม
มือจับของลิ้นชักจับถนัดมือดี
กาาแบ่งช่องเปิดต่างๆ ลองสังเกตดูตัวบานประตูที่เปิดออกมาจะเห็นว่าเค้าให้รายละเอียดในการใช้งานมาดีนะครับ เพราะมีการเว้นช่องเอาไว้ให้เท้าสอดเข้าไปด้านใต้ตู้ได้ขณะยืนใช้งาน ซึ่งถ้าเป็นโครงการทั่วไปหน้าบานก็จะไม่ได้เว้นร่องมาให้แบบนี้
กลับมาที่ประตูหลักของบ้านกันต่อ เนื่องจากที่นี่เอาพื้นที่ใช้งานหลักๆของบ้านไปไว้ที่ชั้น 2 หมดแล้วการเดินเข้าบ้านจึงไม่จำเป็นต้องใช้ประตูเปิดคู่ที่ดูอลังการใหญ่โตเหมือนบ้านทั่วๆไป ที่ให้มาเป็นประตู Swing บานเดี่ยวพร้อม Digital Door Lock ของ YALE
ตัวบ้านจะยกสูงจากเฉลียงขึ้นมาประมาณ 10 ซม.
ส่วนแรกของบ้านจะเป็นพื้นที่รับแขกหรือจะทำเป็นห้องนั่งเล่นเลยก็ได้
หน้าบานจะมีช่องเว้นไว้ให้ทำตู้เก็บของ เก็บรองเท้า แต่ของจริงต้องทำ Built-in เองนะครับ
บานหน้าต่างห้องนี้จะได้เป็นแบบบานเลื่อน 3 ตอนเวลาเปิดแล้วพื้นที่่จะเชื่อมต่อกับสนามได้ทันที ถ้าช่วงหน้าหนาวอากาศดีๆนี่สบายเลยครับ
ตัวรางจะฝังอยู่ที่พื้นพอดีเลย
เดินเข้ามอีกห้องที่ตกแต่งเป็นห้องนอนกว้างประมาณ 3.5 x 4.2 ม.สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้เลย และมีห้องน้ำในตัวด้วย
บานกระจกสูงเต็มฝ้าเพดานแต่ไม่ได้กว้างสุดแนวกำแพงเพราะเป็นช่วงแนวเสาและเอาไว้ทำชั้นวางของได้
หันกลับทางหน้าห้องจะเห็นว่ามีระยะเหลือให้วางตู้ได้สบายๆ ตู้เสื้อผ้าด้านซ้ายมือต้องตกแต่งเพิ่มเองนะครับ ของจริงมีแค่ช่องเว้นเอาไว้ให้
เข้ามาดูในห้องน้ำกันต่อ สุขภัณฑใช้ของ TOTO ส่วนก๊อกเป็นของ Hansgrohe มีช่องแสงเป็นบานกระทุ้งมาให้ 1 บาน
ตัวโถจะเป็นแบบแขวนผนังและมี Low Wall มาให้
ที่แขวนทิชชู่อยู่ด้านข้างช่วยให้หยิบได้ถนัดขึ้น และเป็นแบบใส่ได้ 2 ม้วนพร้อมกัน คุณผู้อ่านบางท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงทำที่ใส่ทิชชู่ไว้ 2 อัน ผมก็สงสัยเหมือนกันครับ แต่ถ้าให้เดานะ… น่าจะมีประโยชน์ตอนที่ทิชชู่ม้วนนึงใกล้หมด เวลาใช้ๆไปเกิดมันหมดเราก็ยังมีอีกม้วนให้ใช้ต่อ ช่วยให้ไม่ต้องเจอกับวิกฤตทิชชู่หมด 555 หรือถ้าเพื่อนๆคนไหนรู้ความจริงก็คอมเม้นท์บอกได้เลยนะครับ
อ่างล้างหน้าจะมาพร้อมกับเคาน์เตอร์หินสังเคราะห์
ขนาดใหญ่กำลังดีแต่ตื้นไปหน่อยเวลาใช้งานน่าจะกระเด็นพอสมควร
ตัวกระจกได้แบบเต็มบานและมีไฟซ่อนมาให้ด้วย
ห้องอาบน้ำจะอยู่อีกด้านนึงมีฉากกระจกกั้นมาให้พร้อม
ภายในจะมีฝักบัวมา 1 ชุด ด้านข้างกำแพงจะเจาะช่องใส่ของเอาไว้ให้
ตรงนี้มีซ่อนไฟเอาไว้ให้เช่นกัน
พื้นห้องน้ำลดระดับ 2 ช่วง
บันไดทางขึ้นชั้น 2 เป็นไม้สำเร็จรูป ชานพักช่วงแรกจะอยู่ที่ขั้น 2
หลังจากนั้นจะเป็นบันไดยาวๆไป บันไดนี้มีข้อดีตรงที่ติด Motion Sensor ให้ด้วยเวลาเดินตอนกลางคืนไฟตรงโถงบันไดจะติดและดับเอง พื้นที่ตรงบันไดจะมืดหน่อยเพราะไม่มีช่องแสงตรงนี้ อันเนื่องมาจากการออกแบบ Private Courtyard นั่นเอง
มีไฟส่องเท้ามาให้ด้วย
ช่องแสงมีมาให้จะอยู่ที่ปลายสุดทางเดินตรงชั้น 2 แสงเลยส่องไปยังพื้นที่บันไดได้ไม่เยอะ
ขึ้นมาชั้น 2 แล้ว ถ้าใครไม่คุ้นชินจะให้ความรู้สึกแปลกๆหน่อย เพราะห้องนั่งเล่นหลักจะอยู่ที่ชั้นนี้ พื้นที่ได้เป็น Engineer Floor
รวมถึงห้องทานอาหารและห้องครัวฝรั่งด้วย ครัวที่ได้จะได้มาแบบนี้เลย รวมถึง island ด้วยครับ
จากรูปเมื่อกี้เห็นรูปที่อยู่บนขาตั้งไหม๊ครับ มันคือ Sketch concept ของการออกแบบ Private Courtyard จนออกมาเป็นบ้านที่เราชมกันอยู่นี่แหละครับ
ช่องแสงด้านนี้จะมีมาให้เยอะหน่อย โดยส่วนที่เห็นจะอยู่นี้เป็นส่วนหันไปทางหน้าบ้าน
มาต่อกันที่ห้องครัวดีกว่า พื้นตรงนี้จะเป็นเปลี่ยน Homogeneous และมีคิ้วสแตนเลสมาจบงานตรงรอยต่อช่วยให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น
ตัวโต๊ะทานอาหารจะต่อเนื่องจาก
มีลิ้นชักพร้อมที่กันและแผ่นยางกันเลื่อมาให้ครบ
ช่องใส่ตู้เย็นจะอยู่ริมสุดติดกับทางออกไปยังระเบียง
ซึ่งมี Built-in ลิ้นชักแนวตั้งมาให้
การแบ่งช่องต่างๆของเคาน์เตอร์ครัว ตรงนี้จะมีของเล่นที่พิเศษกว่าชาวบ้านเค้าอยู่นะครับ มันคือถาดใส่ของด้านซ้ายมือที่เป็นครึ่งวงกลมนั่นแหละครับ ตัวถาดนี้สามารถเลื่อนเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องพื้นที่มุมอับที่ไม่ได้ถูกใช้งาน หรือใช้งานยากกว่าช่องเก็บของอื่นๆ ผมลองเลื่อนอยู่หลายรอบเพลินดีครับ
ช่องเก็บของด้านบน
มือจับของที่นี่จะไม่ได้ปาดมุมมาให้แต่จะเป็นการเว้นร่องมาให้ ส่วนอุปกรณ์บานพับต่างๆก็ใช้รุ่นที่ดูแข็งแรงดีมี Soft Close ติดตั้งมาให้ทุกบานทั้งบาน Swing และลิ้นชัก
ตู้ตรงหัวมุมชุดบน ก็มีรายละเอียดในการใช้งานอยู่เหมือนกันเนื่องจากเค้าต้องการให้ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า เลยทำบานเปิดคู่ไว้ให้เวาลาเปิดต้องเริ่มจากบานด้านขวามือก่อนถึงจะเปิดบานซ้ายได้
มาดูอีกมุมบ้าง ด้านนี้จะมีอ่างล้างจานและเครื่องใช้ไฟฟ้าติดตั้งมาให้พร้อม Built-in เลย ตัว Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์
ตัวอ่างเป็นของ TEKA ทรงสี่เหลี่ยมตัวหลุมขนาดใหญ่กำลังดี TOP เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ ทำร่องเอาไว้พักจานได้
ตัวตู้ชุดบนจะมีไฟติดตั้งมาให้ในตัวด้วยนะ
ในตู้บานขวามือสุดไม่ใช่ช่องเก็บของนะครับ แต่มันคือ…เครื่องล้างจานต่างหากดูจากด้านนอกนี่ซ่อนไว้ซะเนียนเลย
เครื่องใช้ไฟฟ้าอีก 2 อย่างที่ให้มาคือเตาไมโครเวฟกับเตาอบ
ตรงนี้ยังมีช่องเก็บของได้อีกนิดหน่อย
หันกลับมาดูทาง island บ้างช่องเก็บของมีอีกเพียบบบบ ครัวที่ให้มาถือว่าเก็บของได้จุใจเลยครับ
ช่องแสงตรงห้องครัวจะอยู่ติดกับระเบียงซึ่งเป็นประตูบานใหญ่เต็มความสูงฝ้าเพดาน
ตัวรางเป็นแบบฝังลงพื้นความสูงจะพอดีเรียบไปกับพื้นเลย
วิวที่ได้จะเป็นวิวสวน ราวระเบียงเป็นกระจกในเพื่อให้ได้รับวิวเต็มที่
รางระบายน้ำก็ยังออกแบบให้ดูมีความเป็น Minimal พอสมควร แต่ถ้าตรงนี้มีใบไม้มาติดเยอะนี่ท่อตันได้เหมือนกันนะ
ไฟส่องสว่างภายในเป็นแบบ Down Light พร้อมหลอดไฟ LED ระบบแอร์ของที่นี่จะได้เป็นแบบซ่อนในฝ้า (Ceiling Concealed Type) มาให้พร้อมเลย
พื้นที่ห้องนั่งเล่นตรงชั้น 2 จะได้พื้นที่แบบ Double Space ติดกับสวนข้างๆทำให้บรรยากาศดูค่อนข้างโปร่ง
ระยะดูทีวีประมาณ 3.6 ม.สามารถใส่ทีวี 60″ ได้สบายๆแต่ตำแหน่งที่จะติดตั้งทีวีอาจจะต้องเป็นการวางแบบบ้านตัวอย่าง เพราะถ้าแขวนผนังจะไม่อยู่ Center กับตำแหน่งโซฟา
สวิทช์ไฟใช้ของ Panasonic ส่วนด้านซ้ายมือที่เป็นสีขาวๆจะเป็นตัวเปิด-ปิดม่านอัตโนมัติซึ่งไม่ได้แถมมาให้นะครับต้องติดตั้งเพิ่มเอาเอง
เมื่อเปิดออกมาแล้วจะได้บรรยากาศแบบนี้
ความยาวม่านตรงนี้ต้องสั่งทำเป็นพิเศษนะครับ เพราะเวลาติดตั้งต้องนำไปติดไว้บนฝ้าเพดานเลย
ถัดจากห้องนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนแต่เค้าตกแต่งเป็นห้องทำงานแทน ประตูขนาดใหญ่แบบนี้ไม่ได้ให้มานะ ของจริงเป็นกำแพงธรรมดา
ตู้ Built-in ชุดนี้ก็ไม่ได้ให้มาเช่นกัน ขนาดห้องนอนตรงนี้ประมาณ 3.7 x 4.2 ม.
ห้องน้ำอยู่ตำแหน่งเดียวกับชั้นล่าง
ตำแหน่งการวางสุขภัณฑ์เหมือนกับชั้นแรกทั้งหมด
รวมถึงห้องอาบน้ำด้วย
ถ่ายย้อนกลับไปให้ดูห้องนั่งเล่นอีกซักรอบ สำหรับพื้นที่ตรงนี้ถ้าต้องการแยกพื้นที่ห้องนั่งเล่นออกจากโซนทาอาหารก็ยังพอทำได้นะครับให้ทำกำแพงกั้นตรงทางเข้าห้องก็ได้แล้วครับ
ขึ้นมาชั้น 3 บันไดของชั้นนี้จะดูสว่างกว่าชั้นแรกเพราะเค้าออกแบบให้มีช่องแสงจากหลังคามาช่วย ทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูดีขึ้น
ขึ้นบันไดมาเลี้ยวขวาจะเจอห้องนอนใหญ่ห้องแรกก่อน ส่วนห้องนอนใหญ่อีกห้องจะต้องเดินผ่านโถงห้องนั่งเล่นไป
ตู้เสื้อผ้าตรงนี้ไม่ได้ให้มานะครับแต่เอาไปใช้เป็นไอเดียได้เลย เค้าออกแบบให้หน้าบานปิดตัวตู้ไว้อย่างมิดชิดช่วยให้ห้องดูเรียบร้อยมากขึ้น และตัวรางเลื่อนๆจะไม่เหมือนทั่วๆไปนะ
ฝั่งตรงข้ามตู้เสื้อผ้าจะเป็น Walk-in Closet เล็กๆที่ใส่ตู้ได้ 2 ตู้ (ต้องตกแต่งเพิ่มเติมเอง)
พื้นห้องน้ำของ Master Bedroom จะได้เป็นหินอ่อน (Marble) ขนาด 60 x 60 ซม. มีแผ่น Stainless จบงานพื้นไม้
ห้องน้ำห้องนี้กว้างประมาณ 4.6 x 2.1 ม.ถือว่าใหญ่พอให้วิ่งเล่นได้เลย ตัวอย่างจะได้ทั้งชุดแบบนี้เลยมีเคาน์เตอร์พร้อมตู้เก็บของและกระจกเงาเต็มแนวความกว้าง
อ่างอาบน้ำจะอยู่คนละฝั่งกับชุดสุขภัณฑ์อื่นๆ
ตัวอ่างใช้ของ DM Home และ ก๊อกน้ำใช้ของ Hansgohe ชอบอ่างนี้ตรงที่มีระยะให้นั่งรอบๆอ่างหรือจะวางของก็ได้ครับ
อีกด้านเป็นโซน Shower และโถสุขภัณฑ์ โดยมีแค่กระจกใสกั้น
โซน Shower ได้ฝักบัว 2 ชุดแบบธรรมดาและ Rain Shower
ฝาท่อระบายน้ำก็ไม่ธรรมดาครับให้มาใหญ่และปะแผ่นหินอ่อนลงไปด้วยดูเรียบเนียนดีจริงๆ
ประตูของห้องน้ำจะปิดพร้อมกันทั้ง 2 ห้องไม่ได้นะต้องเลือกเอาว่าจะกั้นห้องไหนซักห้อง
ตัวรางเลื่อนจะซ่อนไว้ที่ฝ้าเพดานแบบเนียนๆ แฟนๆ Minimal คงชอบ Detail แบบนี้แน่นอน
ตัวโถสุขภัณฑ์ยังเป็นแบบเดียวกันกับห้องอื่น
ภายในห้องนอนใหญ่จะวางเตียงขนาด 6 ฟุตสบายๆ
พื้นที่ปลายเตียงทำเคาน์เตอร์วางทีวีแล้วเหลือที่ให้เดินได้เยอะตามรูปครับ ส่วนหน้าต่างเฉียงๆนี่คือบานที่เราเห็นจากหน้าบ้านในรูปแรกๆนะครับ(ถ้ายังจำได้) พื้นที่เฉียงๆที่เหลือก็เอาไว้วางของตกแต่งหละกันนะ
ฝ้าเพดานซ่อนไฟมาให้ด้วย
อีกด้านเหลือที่ไม่กว้างมากเท่าไหร่
แต่ได้ช่องแสงเต็มๆ เป็นบานประตูเลื่อนคู่
ระเบียงตรงนี้จะเอาไว้แค่มายืนรับลมชมวิวนะเพราะให้พื้นที่มาแค่นี้
วิวจากชั้น 3 ก็จะได้ประมาณนี้ ดังนั้นอย่างที่บอกไว้แต่แรกนะครับ ถ้าจัดสวนตรง Private Courtyard มาดีๆหละก็ทุกส่วนจะได้รับผลประโยชน์จากตรงนี้เต็มๆ แนะนำว่าลงทุนทำสวนให้สวยนี่คุ้มแน่นอนครับ
เราเดินไปดูห้องนอนห้องสุดท้ายกันต่อดีกว่าโถงทางเดินตรงนี้ของจริงจะไม่มีตู้ Built-in มาให้แบบนี้นะ
มุมมองลงไปชั้นล่าง ความกว้างของ Double Space ตรงนี้ถือว่าไม่กว้างมากนะครับ ตอนพาไปดูบ้านหลังที่ 2 จะได้บรรยากาศที่อลังการกว่านี้เพราะมีหน้ากว้างที่เยอะกว่า
ห้องนอนเล็กห้องนี้จะแต่งแนวเอาใจลูกสาว ใช้สีหว๊านนนหวาน
ห้องไม่ค่อยใหญ่มากวางเตียง 5 ฟุตก็ดูเริ่มแน่นแล้ว
แต่ยังดีที่เหลือพื้นที่ปลายเตียงให้พอสมควร
บานหน้าต่างได้บานเลื่อนสลับ 1 ชุด
ถึงแม้ขนาดจะไม่ใหญ่เท่าอีกห้องแต่ก็มีห้องน้ำในตัวนะ
ห้องน้ำตำแหน่งนี้ได้เหมือนกับ 2 ชั้นที่ผ่านนะครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับบ้านระดับราคาขนาดนี้ คิดว่าคงถูกใจใครหลายๆคนอยู่นะ รีวิวโครงการนี้ยังไม่จบนะครับ เหลือแบบบ้านอีก 2 หลัง โดยแบบบ้านขนาดกลางจะได้พื้นที่ Common Area ที่ดีกว่าบ้านหลังนี้พอสมควรและ หลังใหญ่สุดจะมีพื้นที่สำหรับติดตั้งลิฟท์ในตัวบ้านมาให้เลย แล้วพบกันในตอนที่ 2 นะคร๊าบบบบบ Coming Soon…
แถมท้ายด้วย Presentation จากโครงการครับ