โครงการ I-NINE POOL VILLA เป็นบ้านเดี่ยวในกลางเมืองที่มีระยะห่างจาก MRT สุทธิสาร 1.3 km. ถือว่าเป็นโปรดักส์บ้านในทำเลเดียวกับพวกคอนโดมิเนียมอย่าง Maestro 19, Fuse Miti สุทธิสาร,  The Excel รัชดา 17 ที่อยู่ในซอยสุทธิสารเช่นเดียวกัน นอกจากทำเลแล้วยังมีเรื่องการออกแบบเราคิดว่าน่าสนใจอีกมาก สรุปเป็นหัวข้อได้ ดังนี้

  • โครงการปิดใจกลางเมือง : ปัจจุบันเราจะเห็นว่าบ้านใจกลางเมืองเป็นโครงการเปิดซะส่วนใหญ่ เพราะที่ดินในเมืองนั้นมีราคาสูง รวมแปลงยาก ซึ่ง I-NINE เป็นโครงการปิด ข้อดีคือมีความปลอดภัยสูง สามารถควบคุมสิ่งแวดล้อมในโครงการได้ เพราะมีกฎของหมู่บ้านชัดเจน
  • ทำเล : เดินทางสะดวกเพราะนับว่าเป็นทำเลที่โอบล้อมด้วยถนนสายหลักทุกด้าน และห่างจาก MRT สุทธิสาร 1.3 km. ไม่ใช่ระยะที่เดินไหว แต่เมื่อเทียบในกลุ่มโครงการบ้านแนวราบระยะเท่านี้ถือว่าใกล้มากค่ะ แค่นั่งมอเตอร์ไซค์หน้าโครงการไม่ถึง 5 นาทีก็ได้ขึ้นรถไฟฟ้า
  • การออกแบบ : เหมาะกับคนชอบบ้านที่มีพื้นที่พักผ่อนเป็นส่วนตัวขนาดใหญ่ เชื่อมพื้นที่ใน-นอกบ้านเข้าหากันทั้ง Living + Dining  + Swimmimg Pool + สวนหลังบ้านเข้าไว้ด้วยกัน แถมใช้ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume กว่า 6 เมตร ช่วยให้บ้านดูโปร่ง , อีก Gimmick ที่น่าสนใจคือ Pantry ครัวในห้องนอนใหญ่ ที่ไม่ได้ทำมาแค่มุมเล็กจิ๋ว แต่ทำเป็น Glasshouse ขนาดใหญ่ กลายเป็นมุมพักผ่อนในห้องนอนที่มีฟังก์ชันครบครัน
  • ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย : เพราะมีจำนวนยูนิตไม่มากเพียง 14 หลัง และการออกแบบบ้านยังวางทางเดิน Service ไว้รอบนอกบ้าน เช่น แม่บ้าน , ช่าง Mantenance สระว่ายน้ำที่สามารถเข้าทำงานได้โดยไม่ต้องเดินผ่านในตัวบ้านค่ะ
  • รายละเอียดโครงสร้างและงานระบบ : ก่อสร้างด้วยอิฐมอญแดง ไม่ใช่อิฐมวลเบา, หลังคา Solar Slab เป็นฉนวนกันความร้อน รวมถึงเตรียมระบบโครงสร้างและระบบไฟสำหรับติดตั้ง Solar Cell ไว้ให้, สระว่ายน้ำลงเสาเข็มเท่าตัวบ้าน เผื่อปรับเปลี่ยนฟังก์ชันในอนาคต เช่นต่อเติมบ้านเพิ่มได้, วางระบบสำหรับติดตั้งลิฟต์ไว้เรียบร้อย รองรับการอยู่อาศัยในทุก Generations

ข้อมูลโครงการ

I-NINE POOL VILLA (ไอนาย พูลวิลล่า) ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2564

 ชื่อโครงการ   I-NINE POOL VILLA (ไอนาย พูลวิลล่า)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท ซิตี้ พลัส ลิฟวิ่ง จำกัด
 SEGMENT CLASS   SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   ซอยอินทามระ 41 เขต ดินแดง
 ที่ดิน 3-2-27 ไร่
 จำนวนยูนิต จำนวน 14 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • Standard : บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 67.5-70 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 515-523 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 4 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 47 ล้านบาท
  • Extended : บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 72.9-79.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 539-564 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 4 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 51 ล้านบาท
  • Extra : บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 75.2 และ 76.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 540-544 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 4 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 51 ล้านบาท
  • Seclusion : บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 68.1 และ 120.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 519-737 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 4 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 49 ล้านบาท

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   2.8 – 6.2 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ                      n/a
 เริ่มก่อสร้าง   เดือนมิถุนายน ปี2561
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   Q4 ปี2564 (ณ ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จทุกหลังแล้ว เหลือเพียงแต่การตกแต่งภายนอกและภายใน)
 เว็บไซต์โครงการ   http://ininehome.com/
 โทร   065-919-0000
 Call Center   n/a

ทำเลที่ตั้ง

ทำเลโครงการ I-NINE POOL VILLA น่าสนใจอย่างไร?

  • โครงการ I-NINE POOL VILLA อยู่บนทำเลที่เดินทางสะดวก เพราะเป็นทำเลที่โอบล้อมด้วยถนนสายหลักที่สำคัญๆ อย่างถนนวิภาวดี-รังสิต, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนลาดพร้าว และถนนสุทธิสารวินิจฉัย โครงการห่างจาก MRT สุทธิสาร 1.3 km. ไม่ใช่ระยะที่เดินไหว แต่เมื่อเทียบในกลุ่มโครงการบ้านแนวราบระยะเท่านี้ถือว่าใกล้แล้วนะคะ แค่นั่งมอเตอร์ไซค์หน้าโครงการไม่ถึง 5 นาทีก็ได้ขึ้นไฟฟ้าค่ะ
  • ใกล้โซนออฟฟิศหลายย่าน เช่นโซนพระราม 9, อโศก, อารีย์, ลาดพร้าว เป็นต้น

หลายคนคงคุ้นหูกับชื่อโครงการ I-NINE มาบ้าง เพราะจริงๆ แล้ว I-NINE ได้สร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่ 7-8 ปีที่แล้วจากโครงการบ้านเดี่ยวใจกลางเมือง I-NINE ในซอยอินทามระ 9 เป็นโปรดักส์หายาก ไม่ค่อยมีใครทำ เพราะที่ดินในเมืองราคาสูงลิ่ว ผ่านมาถึงปัจจุบัน “คุณอดิศัย เพียรสุภาพ (พี่หนึ่ง)” เจ้าของโครงการ ที่เป็นทั้งสถาปนิกเอง ออกแบบโดยใส่ใจรายละเอียดการอยู่อาศัย คุมงานก่อสร้างและขายเอง ได้หาแปลงที่ดินสำหรับโครงการใหม่ได้ถึง 3 แปลง

พี่หนึ่งเล่าว่า ช่วงนี้จะเริ่มเห็นโครงการบ้านเดี่ยวในเมืองเปิดขายกันเยอะ แต่ส่วนใหญ่ที่ดินไม่ใหญ่พอ ยูนิตน้อย ไม่ได้จัดสรรเป็นหมู่บ้าน ก็จะไม่ได้ Benefit ของการอยู่ในหมู่บ้านทั้งเรื่องความปลอดภัย, บรรยากาศภายในโครงการ, Facility ส่วนกลาง, คุณภาพเพื่อนบ้าน และที่พี่หนึ่งเน้นหนักหนาคือการถมดินให้สูงกว่าถนนเพื่อป้องกันน้ำท่วม หากเป็นบ้านเดี่ยวจะทำยากเพราะแปลงเล็กต้องเสียพื้นที่ Slope ให้ขับรถเข้าบ้านได้อีก ดังนั้นโครงการของ I-NINE ยุคนี้จะเป็นโครงการปิดใจกลางเมือง 2 โครงการ ตั้งอยู่ในซ.อินทามระ ฝั่งที่อยู่ระหว่างถนนวิภาวดี-รังสิต และถนนรัชดาภิเษก ซึ่งแต่ละโครงการจะมีเอกลักษณ์ และรูปแบบที่แตกต่างกันไป และโครงการที่ 3 ขายที่ดินเปล่ายกแปลง ดังนี้

  • I-NINE Pool Villa (ซ.อินทามระ41) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พร้อมสระว่ายน้ำหลังบ้าน (คล้ายกับ I-NINE ตัวแรก) แต่ปรับแบบให้ดียิ่งขึ้น ในราคาเริ่มต้น 47 ล้านบาท
  • I-NINE GreenHouse (ซ.อินทามระ44) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พร้อมพื้นที่ Glass House ภายในบ้าน เอาใจคนรักต้นไม้ ในราคาเริ่มต้น 35 ล้านบาท คลิกชมรีวิวได้ที่นี่
  • I-NINE Freedom (ซ.อินทามระ44) ที่ดินเปล่ายกแปลง ขนาด 787.2 ตร.วา ผังเมืองสีน้ำตาล มีศักยภาพในการทำคอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์ ในราคาตร.วา ละ 250,000 บาท

พิกัด Google Maps : 13.79295, 100.56745
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่ 

ความอุดมสมบูรณ์โครงการ I-NINE POOL VILLA เป็นทำเลที่มีศูนย์การค้าให้เลือกหลากหลาย โดยกระจายตลอดทั้งเส้นรัชดาภิเษกยาวไปจนถึงห้าแยกลาดพร้าว โดยเริ่มที่ Central Plaza พระราม 9, Fortune Town ที่มีทั้งโรงแรม ออฟฟิศ และแหล่งช้อปปิ้งครบครัน ขยับมาหน่อยเป็นโซน Esplanade รัชดาฯ เป็นห้างที่คนชอบมา Hang Out กัน มีทั้งลานโบว์ลิ่ง คาราโอเกะ ละครเวที และทอล์กโชว์ แถมด้านหลังมีตลาดนัดรถไฟแบบ Outdoor ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนชอบมาเดินเล่นกัน ถัดไปหน่อยก็มี Big C Extra และ The Street ที่มีบางส่วนเปิด 24 ชม. แต่น่าสนใจในย่านนี้ คงหนีไม่พ้น “ตลาดห้วยขวาง” ที่มีของขายหลากหลายตั้งแต่เช้า-ค่ำ เรียกได้ว่าบรรยากาศคึกคัก ตลอดทั้งวัน

ขึ้นไปดูย่านลาดพร้าวกันต่อ เริ่มที่ห้าแยกลาดพร้าวมี Central Plaza ลาดพร้าว ที่ชอบจัดงานอีเว้นท์บ่อยๆ ฝั่งตรงข้ามเป็นห้าง Union Mall ขายเสื้อผ้าหลากหลาย หรือข้ามไปอีกฝั่งเป็นตลาดนัดจตุจักร ตลาดเก่าแก่ที่คนน่าจะรู้จักกันดี ส่วนถ้าใครชอบหาของกินแบบ Street Food อร่อยๆ คงหนีไม่พ้นย่านลาดพร้าววังหิน โชคชัย4 สำหรับสายคาเฟ่ก็ขับรถไปย่านอารีย์ เรียกว่าจะไปไหนมาไหนก็ใกล้กันไปหมดเลยนะคะ

ในส่วนของสถานศึกษาในย่านนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นย่านที่รายล้อมด้วยโรงเรียนนานาชาติชื่อดังหลายแห่ง ได้แก่ KIS International School, SISB International School และ Shrewsbury International School เป็นต้น ส่วนเรื่องโรงพยาบาลรอบๆ ในย่านนี้ ก็มีโรงพยาบาลชื่อดังหลายแห่ง เช่น เช่น รพ.พระราม 9, รพ.พญาไท, รพ.ราชวิถี, รพ.วิชัยยุทธ, รพ.เปาโล, รพ.รามา เป็นต้น เหมาะกับคนที่ต้องไปหาหมอเป็นประจำ หรือคุณหมอที่ต้อง Stand By กรณีมีเคสฉุกเฉินค่ะ

นอกจากนี้โครงการยังอยู่ไม่ไกลจากสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่มีสวนติดกันถึง 3 แห่ง ได้แก่สวนจตุจักร, สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ซึ่งเป็นปอดใจกลางเมืองอีกแห่งของกรุงเทพฯ ซึ่งใช้เป็นที่พักผ่อน ปิกนิค หรือออกกำลังกาย

หากจะหาเหตุผลสักข้อหนึ่งในการเลือกซื้อบ้าน ความใกล้ที่ทำงานก็คงเป็นเหตุผลหลักอย่างหนึ่ง ซึ่ง I-NINE POOL VILLA อยู่ท่ามกลางพื้นที่แหล่งงานถึง 3 ย่าน ได้แก่ พระราม9, ลาดพร้าว และอารีย์ ข้อดีของการที่มีอาคารสำนักงานล้อมรอบนั้น ทำให้ย่านนั้นๆมีความเจริญมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านนั่งชิลล์ คาเฟ่ เป็นต้น

สำหรับทำเลใจกลางเมืองแบบ I-NINE นี้ ก็เป็นธรรมดาที่คงเลี่ยงเรื่องรถติดไม่ได้ แต่ทำเลนี้ก็มีตัวช่วยในการเดินทาง มีซอยลัดเลาะให้ใช้เยอะไปหมด ตั้งแต่ซอยรัชดา 13, 17 ก็ลัดมาเข้าซอยอินทามระ 41 ได้ และอีกซอยหนึ่งที่อยู่ใกล้โครงการเผื่อเป็นทางเลือกก็คือซอยจิ๊ปดำริห์ จะมีความกว้างถนนที่ขับรถผ่านได้สะดวกหน่อยค่ะ

มาดูเรื่องรถสาธารณะกันดูบ้าง รถไฟฟ้าใกล้โครงการสุดคือ MRTสุทธิสาร 1.3 km. โดยเราสามารถเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการได้เลย ไม่ถึง 5 นาทีก็ได้ขึ้นรถไฟฟ้าแล้ว จาก MRT สุทธิสาร….

  • นั่งไป 2 สถานีถึง MRTลาดพร้าว เป็นจุด Interchange กับรฟฟ.สายสีเหลือง “ลาดพร้าว-สำโรง” (คาดว่าสร้างเสร็จปลายปี 2564)
  • นั่งไป 4 สถานีถึง MRTจตุจักร ที่เชื่อมกับ BTSหมอชิต สายสีเขียวสุขุมวิท และสายสีเขียวส่วนต่อขยาย “ห้าแยกลาดพร้าว-คูคต”
  • นั่งไป 2 สถานีถึง MRTศูนย์วัฒนธรรม เป็นจุด Interchange กับ MRTสายสีส้ม “ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี” (คาดว่าสร้างเสร็จปี 2566)
  • นั่งไป 4 สถานีถึง MRTเพชรบุรี เป็นจุด Interchange กับ Airport Rail Link ที่วิ่งเข้าสนามบินสุวรรณภูมิไม่เกิน 30 นาที
  • นั่งไป 6 สถานีถึง MRTบางซื่อ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง “สถานีกลางบางซื่อ” ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการช่วงปี 2564

การเดินทางไปโครงการวันนี้เริ่มต้นจากห้าง The Street บนถนนรัชดาฯ ขับลอดอุโมงค์ใต้ดินเผื่อผ่านแยกห้วยขวางมาได้เลย พอขึ้นจากอุโมงค์ให้ชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุทธิสารวินิจฉัย จากนั้นก็ไปเลี้ยวขวาอีกทีเข้าซอยอินทามระ 41 ตามทางไปเรื่อยๆ จะเห็นตัวโครงการอยู่ทางขวามือ มีระยะทางจาก The Street ประมาณ 3.3 km. ค่ะ

Image 1/8
เริ่มเดินทางจากบริเวณหน้า The Street ให้ตามป้ายห้วยขวางไปก่อนนะคะ

เริ่มเดินทางจากบริเวณหน้า The Street ให้ตามป้ายห้วยขวางไปก่อนนะคะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บรรยากาศรอบๆ โครงการดูเงียบสงบดีนะคะ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยวมาก เพราะฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นอาคารสำนักงานของบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ จำกัด ทำให้มีพี่รปภ. ประจำอยู่หน้าโครงการเลยค่ะ แต่อาคารสูง 7-8 ชั้นของออฟฟิศก็ไม่ได้ส่งผลต่อบรรยากาศหรือวิวภายในโครงการแต่อย่างใดนะคะ เพราะบ้านที่นี่วางในแนวเหนือใต้ ซึ่งอาคารโดยรอบทั้งทางทิศเหนือและใต้นั้นเป็นบ้านพักอาศัยสูง 1-2 ชั้น นั่นทำให้เวลาที่เราอยู่บนชั้น 3 ของตัวบ้านจะมองวิวออกไปได้ไกลด้วยค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ตัวช่วยในการเดินทาง

  • MRT สุทธิสาร ~ 1.3 km.
  • วินมอเตอร์ไซค์ ตรงข้ามโครงการ ~ 5 m.
  • วินมอเตอร์ไซค์ในซอยอินทามระ 41 ~ 120 m.
  • ทางพิเศษเฉลิมมหานคร หรือทางด่วนขั้นที่ 1 สายดินแดง-ท่าเรือ ~ 3.8 km.

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • 7-11 กลางซอยอินทามระ 41 ~ 350 m.
  • 7-11 ปากซอยอินทามระ 41 ~ 450 m.
  • CP Fresh Mart ปากซอยอินทามระ 41 ~ 450 m.
  • ตลาดอตก. ~ 3.6 km.
  • Big C สะพานควาย ~ 3.7 km.
  • The Street รัชดาภิเษก ~ 3.8 km.
  • ตลาดนัดจตุจักร ~ 3.9 km.
  • Central Plaza ลาดพร้าว ~ 4.1 km.
  • Esplanade รัชดาภิเษก ~ 4.4 km.
  • Union Mall ~ 4.7 km.
  • Big C Extra รัชดาภิเษก ~ 4.8 km.
  • Central Plaza พระราม 9 ~ 5 km.
  • ฟอร์จูน ทาวน์ ~ 5.1 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลวิมุติ ~ 2.5 km.
  • โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน ~ 2.5 km.
  • โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ~ 4.8 km.
  • โรงพยาบาลพญาไท 2 ~ 4.9 km.
  • โรงพยาบาลราชวิถี ~ 5.4 km.
  • โรงพยาบาลพระราม 9 ~ 6.3 km.
  • โรงพยาบาลรามาธิบดี ~ 7.1 km.

สถานที่ราชการ

  • รัฐสภา เกียกกาย ~ 6.2 km.

อื่นๆ

  • สวนรถไฟ ~ 4.4 km.
  • สวนสาธารณะจตุจักร ~ 4.7 km.
  • สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ~ 4.8 km.

รายละเอียดโครงการ

การออกแบบโครงการ I-Nine Pool Villa น่าสนใจอย่างไร?

  • โครงการปิดใจกลางเมือง คือเป็นหมู่บ้านจัดสรรมีรั้วรอบขอบชิด มี Clubhouse รปภ. ดูแล 24 ชั่วโมง แต่ก็ต้องจ่ายค่าบำรุงส่วนกลางนะคะ
  • ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย  ด้วยจำนวนยูนิตไม่มากเพียง 14 หลังคาเรือน
  • มี Clubhouse ส่วนกลาง ซึ่งมีที่จอดรถ Visitor ได้ประมาณ 10 คัน ใช้รองรับแขกของลูกบ้านในบางวันที่จัดปาร์ตี้ได้
  • ป้องกันน้ำท่วมด้วยการถมที่ดินโครงการสูงขึ้นจากถนนหน้าโครงการ 1 เมตร
  • ระบบไฟฟ้าและ Fibre Optic วางท่อร้อยสายใต้ดิน บรรยากาศจึงดูเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน
  • การจัดการถังขยะไว้นอกโครงการ จึงไม่มีรถขยะเข้ามาในโครงการ ซึ่งจุดทิ้งขยะจะอยู่หน้าโครงการที่เดียว หากไม่สะดวกไปเองจะมีพี่คนสวนและ รปภ. อย่างละ 1 ตำแหน่ง เรียกให้ช่วยไปทิ้งให้ได้ค่ะ
  • มีกฎระเบียบหมู่บ้านเบื้องต้น คือใช้เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น ห้ามนำไปปล่อยเช่าหรือทำออฟฟิศ เป็นต้น

จาก Master Plan โครงการนี้เป็นโครงการจัดสรรขนาดเล็กมีที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่กว่าเกือบ 4 ไร่ กับจำนวนบ้านเพียง 14 ยูนิต แบ่งเป็นแบบ Standard 7 ยูนิต, Extra 2 ยูนิต ซึ่งจะได้ห้องนอนชั้นล่างเพิ่มอีกห้องหนึ่ง, Extended Villa 3 ยูนิต ที่จะได้สระว่ายน้ำใหญ่ขึ้นกว่า Type อื่นอีกเล็กน้อย และแบบ Seclusion Villa 2 ยูนิต ที่ให้ขนาดที่ดินใหญ่ขึ้น

ทางเข้า-ออกโครงการมีทางเดียวเพื่อให้ดูแลความปลอดภัยได้ง่าย พร้อม CCTV อีก 10 จุด ภายในโครงการเอาสายไฟลงดินทั้งหมด สบายตา ไม่เกะกะ โดยบ้านแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งหันหน้าทางทิศเหนือใต้ทั้งหมด ซึ่งเป็นทิศยอดนิยมของคนไทยอยู่แล้วนะคะ ตรงกลางเป็นถนนกว้างประมาณ 9 m. แบ่งเป็นไปกลับอย่างละเลนใช้งานได้สบาย ไปชมบรรยากาศกันเลยค่ะ

เริ่มต้นกันที่ซุ้มประตูโครงการที่ตกแต่งแนวกำแพงไว้ให้ดูสวยเด่นเป็นสง่า ไม่มีได้มีการ Setback ประตูทางเข้ามามากนักเพราะสำหรับรถลูกบ้านประตูรั้วจะเปิดอัตโนมัติด้วยระบบ Bluetooth เหมือน Easy Pass ทางด่วนอยู่แล้วจึงไม่ต้องหยุดรอ แต่สำหรับ Visitor คงต้องจอดรถหน้าประตูสักหน่อย แล้วพี่รปภ. จะวิ่งมาขอแลกบัตรก่อนเข้าโครงการค่ะ

รั้วรอบโครงการสูง 3.5 m. ซึ่งเวลามองจากด้านนอกแทบไม่เห็นตัวบ้านเลยนะคะ ได้ความเป็นส่วนตัวสูงแน่นอน สุดรั้วโครงการฝั่งหนึ่งจะเห็นรั้วสีดำกั้นไว้เป็นจุดทิ้งขยะ ซึ่งโครงการนี้จะไม่มีถังขยะหน้าบ้านให้นะ โดยขอความร่วมมือให้ออกมาทิ้งนอกโครงการ เพื่อให้รถขยะไม่ต้องวิ่งผ่านหน้าบ้านและลดการสะสมขยะในโครงการ

มีประตูสำหรับคนเดินแยกใช้งานกับรถยนต์ เพื่อความปลอดภัย และไม่ต้องเปิดประตูทั้งหมด

ที่ดินของโครงการจะถมสูงขึ้นกว่าถนนอีก 1 m. ทางเข้าจึงเป็น Slope ขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วม ซึ่งหากเป็นบ้านเดี่ยวนอกโครงการจัดสรรแล้วล่ะก็การทำ Slope เข้าบ้านก็ต้องเสียพื้นที่ไปไม่น้อยเลย

อีกเรื่องหนึ่งที่น่าชมเชยคือ พื้นภายในโครงการเป็น Concrete Stamp ทั้งหมดดูสวยงาม เราก็แพงตามไปด้วยจึงไม่ค่อยได้เห็นโครงการไหนทำกันนะคะ และระหว่างบ้านแต่ละหลังจะมีต้นไม้ใหญ้ปลูกไว้ ช่วยให้บรรยากาศโครงการดูร่มรื่นและสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับบ้านแต่ละหลังค่ะ

เข้ามาด้านในสุดโครงการจะมี Clubhouse และสวนเป็น Facility ของหมู่บ้านให้มาใช้งานกันได้ด้วย ซึ่งบริเวณนี้ก็สามารถจอดรถได้ประมาณ 10 คัน ผู้ออกแบบตั้งใจไว้ให้เป็นที่จอดรถสำหรับ Visitor เผื่อวันไหนชวนเพื่อนมาปาร์ตี้ก็ไม่ต้องจอดรถแปะหน้าบ้าน ให้มาจอดตรงนี้แทนนะคะ

การออกแบบทางเข้า Clubhouse จะมีทางลาดให้ใช้งาน เผื่อเราเข็นวีลแชร์พาคุณปู่คุณย่ามานั่งเล่นเปลี่ยนบรรยากาศในสวน

เราดันไปเรียกว่า Clubhouse แต่จริงๆ เค้ามีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า Garden Pavilion จะเป็นอย่างไรเข้าไปชมด้านในกันค่ะ

ที่เค้าเติม Garden ไว้ด้านหน้าชื่อก็เพราะการออกแบบที่เปิดมุมมองเข้าหาสวนแบบเต็มที่ ซึ่งฟังก์ชันแรกตรงนี้คือ Library ไว้ใช้รับแขกก็ได้ในกรณีที่เราไม่สะดวกจะให้เข้าบ้าน พื้นที่บริเวณนี้ก็สวยงามเป็นหน้าเป็นตาได้แล้วนะคะ

หรือถ้าอยากนัดประชุมก็มีโต๊ะทำงานตัวยาวขนาด 6 ที่นั่งให้ใช้งานได้

ถัดมาเข้ามาด้านในจะมีห้องน้ำส่วนกลางให้ 1 ห้องและมีห้อง Pantry ไว้จัดเตรียมอาหาร หากเรามาจัดปาร์ตี้ที่สวนส่วนกลางนี้นะ และด้านในสุดก็มี Fitness Studio อีก 1 ห้องค่ะ

ในอนาคตที่ Fitness Studio นี้ก็จะมีการติดตั้งเครื่องออกกำลังกายเพิ่มเติมเข้ามาให้ แต่ตอนนี้ยังเป็นสำนักงานขายอยู่นะคะ เรามองว่าการมีพื้นที่ส่วนกลางนั้นทำให้สมาชิกในโครงการได้พูดคุยพบปะกันบ้าง เพราะสุดท้ายแล้วเพื่อนข้างบ้านนี่แหละที่ส่งผลต่อการอยู่อาศัย พื้นที่จะช่วยเปิดโอกาสให้เด็กๆ แต่ละบ้านจะได้เป็นเพื่อนกัน หรือบางทีกลุ่มคุณผู้หญิงอาจจะรวมกรุ๊ปเรียกครูมาสอนโยคะ ก็ใช้ห้องนี้ได้

ติดกับอาคารจะเป็นสวนส่วนกลางที่ทำเป็นสนามซ้อมพัดกอล์ฟเล็กๆ ไว้ บรรยากาศดูร่มรื่นมากเพราะเค้าเลือกใช้ไม้ยืนต้นซะเป็นส่วนใหญ่

ที่นี่มีศาลพระภูมิเจ้าที่เก๋ๆ ด้วยนะคะ เข้ากับบ้านที่เป็นสไตล์โมเดิร์น

เวลาเรามาเดินเล่นในสวนก็จะได้ยินเสียงน้ำพุอยู่ตลอดเวลา ช่วยสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย โดยโครงการตั้งใจจะมีคนสวน 1 ตำแหน่งที่ช่วยดูและสวนให้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เค้าคิดค่าส่วนกลางประมาณ 6,500 บาท/หลัง/เดือน เรทราคาระดับนี้เหมือนอยู่โครงการจัดสรรที่มี Facility แบบจัดเต็ม แต่จะเทียบกันตรงๆแบบนั้นไม่ได้ เพราะส่วนกลางที่นี่แชร์กันเพียง 14 ยูนิต ได้ความเป็นส่วนตัวกว่าเยอะค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse ด้านในโครงการประกอบไปด้วย

  • Fitness
  • Library
  • Garden
  • พื้นที่จอดรถส่วนกลาง 10 คัน

  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการรวม 10 จุด
  • รั้วคอนกรีตรอบโครงการสูง 3.5 เมตร และต่อระแนงเหล็กเสริมความสูง
  • ถนนหลักกว้าง 9 เมตร เป็นพื้น Stamped Concrete ทั้งหมด
  • ระบบไฟฟ้าและ Fibre Optic วางท่อร้อยสายใต้ดิน
  • Key Card Access ระยะไกล (เหมือน Easy Pass ทางด่วน)
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบเลื่อนไฟฟ้า
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor
  • แบบบ้าน

    การออกแบบบ้านโครงการ I-NINE POOL VILLA น่าสนใจอย่างไร?

    ก่อนจะพาไปชมบ้านตัวอย่างกัน เราคิดว่าโครงการนี้มีความละเมียดละไมในการออกแบบอยู่หลายส่วน หากเล่ายาวๆ ก็กลัวจะหลุดประเด็นสำคัญๆ เราจึงขอสรุปเป็นหัวข้อย่อยไว้ก่อน ดังนี้

    • โครงการวางผังให้บ้านทุกหลังแนวเหนือใต้ ซึ่งเป็นทิศยอดฮิตในการเลือกบ้านอยู่แล้วนะคะ เพราะทิศเหนือจะได้แสงที่ไม่แรงมาก ช่วยลดความร้อน ส่วนทิศใต้จะได้ลมพัดผ่านมากขึ้น ช่วยให้อากาศถ่ายเท
    • การดูแลรักษาสระว่ายน้ำสามารถทำได้จากภายนอกบ้านเลย เพราะวางทาง Service ข้างบ้านไว้ให้

    • ชั้นล่างมีพื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่ เชื่อม Living + Dining Area + Swimmimg Pool + สวนหลังบ้านเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ได้ความเป็นส่วนตัวมากๆ เพราะออกแบบให้หลบสายตาจากเพื่อนบ้านรอบๆ
    • ห้องรับแขกดูโปร่งด้วย Double Volume (เพดานสูง 6 เมตร)
    • อีก Gimmick ที่น่าสนใจคือ Pantry ครัวในห้องนอนใหญ่ ที่ส่วนใหญ่จะเห็นในบ้านต่างประเทศ และไม่ได้ทำมาแค่มุมเล็กจิ๋ว แต่ทำเป็น Glasshouse ขนาดใหญ่เลยค่ะ
    • ห้อง Laundry แยกไว้เป็นสัดส่วนอยู่บนชั้น 3 เหตุผลหนึ่งก็คือห้องนอนส่วนใหญ่จะอยู่บนชั้นนี้จึงสะดวกในการใช้งาน + พื้นที่ตากผ้าก็รวมอยู่ในห้องนี้ด้วย

    วัสดุ

    • โครงสร้างก่ออิฐมอญแดง มีคุณสมบัติในการกันความชื้นมากกว่าอิฐมวลเบา
    • สระว่ายน้ำลงเสาเข็มไว้เท่าตัวบ้าน
    • ที่จอดรถลงเสาเข็มเท่าตัวบ้าน
    • ดาดฟ้าปูกระเบื้อง Solar Slab เป็นฉนวนกันความร้อน
    • ใช้ระบบไฟ 3 เฟส+ติดตั้ง Power Plug สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
    • เตรียมโครงสร้างและระบบไฟรองรับการติดตั้งลิฟต์โดยสาร
    • เตรียมระบบโครงสร้างสำหรับติดตั้ง Solar Cell


    บ้านตัวอย่างแบบ Extended Villa

    บ้านของที่นี่ทั้งหมดจะมาในสไตล์ Modern ดูเรียบแต่เก๋ เน้นโทนสีขาว เทา ตกแต่งด้วยไม้เพื่อให้ตัวอาคารดูอบอุ่นมากขึ้น และใช้กระจกบานใหญ่ ออกแบบชายคายื่นออกมาจากหน้าต่างเอาไว้เป็น Shading ในการบังแดด พื้นที่พักผ่อนหลักๆในตัวบ้านจะไม่ได้โชว์ให้เห็นตั้งแต่หน้าบ้านอย่างโจ่งแจ้ง หากเป็นพื้นที่ที่ถูกซ่อนเอาไว้ด้านในต่างหากค่ะ

    สำหรับตัวบ้านเป็นโครงสร้างก่ออิฐมอญแดง ที่กันความชื้นได้ดีกว่าอิฐมวลเบา แต่ข้อเสียของอิฐชนิดนี้คืออมความร้อน ทำให้การก่อผนังภายนอกต้องก่อแบบ 2 ชั้นและเว้นช่องตรงกลางไว้ให้อากาศถ่ายเท นั่นจึงช่วยกันทั้งความร้อนและเสียงรบกวนได้มากขึ้น

    หน้าตาบ้านทั้ง 14 หลังของที่นี่จะไม่ได้เหมือนกันเป๊ะๆ นะคะ มี 2 แบบต่างกันเพียงเล็กน้อยตรงตำแหน่งของกล่องขาว จะอยู่ที่ชั้น 2 บ้างและบางหลังอยู่ที่ชั้น 3 เพื่อให้บรรยากาศภายในโครงการไม่ซ้ำเดิมเกินไป ดูมีความหลากหลาย

    สำหรับบ้านตัวอย่างแบบ Extended Villa ที่จะพาไปชมในวันนี้นั้นเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ขนาดที่ดินเกือบ 80 ตารางวา โดยมีพื้นที่ใช้สอย 564 ตารางเมตร ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องอเนกประสงค์ 1 ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำในตัว จอดรถได้ 4 คันค่ะ


    ชั้น 1

    แปลนบ้านชั้น 1 – พื้นที่ส่วนใหญ่ในชั้นนี้จัดเป็นพื้นที่พักผ่อน ซึ่งเราคิดว่าสมาชิกในบ้านคงใช้เวลาพักผ่อนส่วนใหญ่ที่ชั้นนี้กันแหละ ความน่าสนใจอยู่ตรงที่เค้าวาง Living + Dining Area + Swimmimg Pool + สวนหลังบ้านเชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ (เบอร์ 1) โดยวางตำแหน่งโซนพักผ่อนขยับเข้ามาด้านในเชื่อมกับหลังบ้าน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากๆ หลบสายตาจากเพื่อนบ้านโดยรอบ

    การออกแบบที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การมี Foyer ให้เก็บรองเท้าก่อนเข้าบ้านได้ (เบอร์ 2) ถัดมาคือทาง Service ที่เข้าพื้นที่ห้องครัวได้โดยตรง (เบอร์ 3) และเชื่อมต่อกับห้องแม่บ้านจึงใช้งานได้สะดวก ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ถ้าใครไม่มีแม่บ้านที่นอนประจำก็ทุบทำเป็นห้องครัวขนาดใหญ่ได้นะคะ และนอกจากนี้ยังมีทาง Service ไป Mantenance สระว่ายน้ำหลังบ้านได้โดยไม่ต้องเดินผ่านตัวบ้านเลยค่ะ

    โครงการติดรั้วประตูเป็นรางเลื่อนไฟฟ้า สั่งเปิด-ปิดผ่าน Remote เวลาจะเข้าบ้านก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินลงไปเปิด-ปิดประตู นอกจากนี้ด้านข้างยังมีประตูทางเข้าสำหรับคนเดินมาให้ใช้งานด้วยนะ

    ลักษณะของรางเลื่อนเวลาเปิดรั้วจะเลี้ยวขนานกับกำแพงข้างบ้าน นั่นทำให้หน้าบ้านจะไม่มีประตูรั้วมาเกะกะ ใช้งานได้เต็มพื้นที่เลยนะคะ

    ส่วนเจ้าประตูเล็กสำหรับเดินเข้าออกนั้น จะเปิดแค่ฝั่งเดียวแค่พอคนเดินผ่านก็ได้ หรือจะเปิดกว้างทั้งหมด ก็สามารถจอดรถได้อีก 1 คันค่ะ

    พอเปิดประตูทั้งหมดออกปุ๊บ สิ่งแรกที่เราจะเห็นก็คือ Garage Store อันเป็นพื้นที่ใช้สอยบริเวณโรงรถ ให้เก็บของ แขวนจักรยาน สายยาง ฯลฯ วางอุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์ได้

    แบบบ้านนี้จอดรถได้ 4 คัน ที่จอดรถนั้นลึก 5.3 เมตร (วัดจากขอบประตูรั้วถึงผนังบ้าน) ทำให้ไม่มีปัญหาในการจอดรถใหญ่ แต่ถ้าเป็นคันที่ยาวมากๆแบบ S-Class หรือ 7 Series ที่ยาว 5.2m ก็จะปิดประตูได้แต่เหลือพื้นที่เดินน้อยหน่อย หรือถ้าใช้รถที่ยาวกว่านี้ก็ลองขับรถมาจอดกันดูก่อนนะ

    พื้นที่จอดรถมีระดับเท่าถนนซอยในโครงการเลยไม่มี Slope และออกแบบรางระบายน้ำให้ฝังกับพื้นถนนไปเลยเพื่อซ่อนระบบระบายน้ำ จึงแตกต่างจากบ้านโครงการทั่วไปที่มักจะทำทางลาดให้น้ำไหลจากที่จอดรถลงท่อระบายน้ำหน้าบ้าน ซึ่งเวลาขับรถเราก็จะเหยียบน้ำกระเด็นเลอะเทอะอยู่ดี

    ทีเด็ดภายใน Garage Store คือเค้าติดตั้งระบบวางถังแก๊สเอาไว้หลังประตูบานเปิดขนาดใหญ่ และติดไฟ LED อัตโนมัติซึ่งจะส่องสว่างเองในช่วงเย็นไปจนถึงเช้า

    ภายในตู้จะเดินงานระบบไว้ให้พร้อมวางถังแก๊สสำหรับทำอาหารได้เลย เวลาคนมาส่งแก๊สก็ไม่ต้องเดินเข้าบ้าน แถมไม่ต้องไปตั้งให้เกะกะในครัวด้วยค่ะ อีกอย่างนึงที่น่าสนใจคือ มี Power Plug ที่รองรับงานระบบ EV Charger มาให้ใช้กับรถรุ่นใหม่ๆที่กำลังหันมาใช้ไฟฟ้ากันหมดแล้วนะ

    ข้างบ้านฝั่งหนึ่งจะมีทางเดินเข้าห้องครัวทางประตูหลังได้เลย เวลาไปช้อปปิ้งมาจะได้ขนของเข้าครัวได้สะดวก ไม่ต้องเดินอ้อมผ่านตัวบ้าน

    โครงการวางตำแหน่งห้องครัวให้อยู่ติดกับห้องนอนแม่บ้านเลย หากบ้านไหนไม่ได้มีแม่บ้านประจำก็สามารถขยายห้องครัวให้ใหญ่ขึ้นได้นะคะ พร้อมติดตั้งหลังคากันแดดกันฝนตรงทางเดินไว้เรียบร้อย

    ห้องแม่บ้านจะมีห้องน้ำให้ในตัวเลยนะคะ ขนาดเล็กหน่อยแต่ก็พออยู่ได้

    ด้านข้างบ้านอีกฝั่งหนึ่งเป็นทางเดิน Service ยาวๆ ที่ทะลุไปข้างหลังบ้านได้ เผื่อในกรณีที่มีช่างมาดูแลสระว่ายน้ำก็ไม่ต้องเดินผ่านตัวบ้านเลยค่ะ ในส่วนของแท๊งค์น้ำจะได้ของ Dos Montblanc 990L 2 แท๊งค์ + ปั๊มน้ำ Grundfos 2 ตัว เพื่อให้มั่นใจว่าในน้ำบ้านจะไหลแรงแน่นอน โดยวางหลบแดดไว้ใต้บันไดเพื่อไม่ให้น้ำร้อนขึ้นจากแสงอาทิตย์นะคะ

    สำหรับทางเข้าหลักของบ้านใช้เป็นประตูอลูมิเนียมลายไม้ของ Tostem ซึ่งดูเผินๆ ก็เหมือนประตูบานไม้ขนาดใหญ่ซึ่งหากใช้ไม้จริงบานนี่คงหนักน่าดูนะคะ ทางโครงการจึงเลือกใช้เป็นบานอลูมิเนียม ทนแดด ทนฝน แถมยังเบาอีกต่างหาก เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆก็เปิดได้สบายๆ

    เราลองสังเกตดูจะเห็นว่าบานประตูมีความหนาเป็นพิเศษ ก็จะช่วยกันเสียงรบกวนจากภายนอก ตัวโช้คขนาดใหญ่ดูแข็งแรง มือจับเป็น Digital Door Lock ของ Hafele และมีตัวล็อคประตูจากภายในอีกชั้นหนึ่งค่ะ

    มุมแรกของบ้านนี้น่าสนใจมาก เพราะเมื่อเข้ามาด้านในเราจะเจอกับ Foyer เป็นมุมให้ถอดรองเท้ากันก่อน เพื่อให้ฝุ่นและความสกปรกที่มากับรองเท้าถูกทิ้งไว้แค่ที่บริเวณนี้ ซึ่งจากมุมถอดรองเท้านี้จะยังมองไม่เห็นภายในตัวบ้านทั้งหมด ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยมากขึ้น

    ตัวบ้านจะยกระดับสูงขึ้นจากหน้าบ้านอีกนิด เพื่อให้ระบบท่อน้ำในบ้านทั้งหมดไหลไปออกทางหน้าบ้านได้ดี เป็นการป้องกันเรื่องกลิ่นท่อในบ้าน ซึ่งถ้าวางไม่ดีตั้งแต่ต้นจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่จบนะคะ นั่นทำให้จาก Foyer เราจะต้องขึ้นบันไดอีก 2-3 ขั้นเพื่อเข้าสู่โซนพักอาศัย

    ฝั่งหน้าบ้านจะมีหน้าต่างบานใหญ่เพื่อให้เราสามารถมองเห็นว่ามีใครมาหาหน้าบ้านได้ โดยพื้นบ้านที่ยกสูงขึ้นมานี้ก็ทำให้เราสามารถมองผ่านรถออกไปเห็นถึงนอกบ้านได้เลยนะคะ

    พอหันขวาเข้ามามองในบ้านเท่านั้นแหละ จะเห็นว่าพื้นที่ภายในบ้านของชั้นนี้ทั้งหมดได้เปิดกว้างเชื่อมถึงกัน ให้ความรู้สึกโปร่งสบายมากกว่าที่เห็นจากภาพด้านนอก โดยชั้นแรกนี้ประกอบด้วย 4 ฟังก์ชันหลัก คือมุมนั่งเล่นรับแขก + ทานข้าว + ครัว + สระว่ายน้ำและสวนหลังบ้าน

    โดยเค้าจัดวางตำแหน่งมุมนั่งเล่นและทานอาหารไว้ให้ได้วิวสระว่ายน้ำและสวนหลังบ้านแบบเต็มๆ โดยใช้ผนังกระจกกับบริเวณหลังบ้านทั้งหมด เพื่อเปิดวิว รับลมและแสงธรรมชาติเข้ามาในบ้าน

    โดยพื้นบ้านทั้งหมดนั้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคผิวหยาบแผ่นใหญ่ เวลาเดินจะได้ไม่ลื่นล้ม ชุดโซฟานั้นสามารถขยับความใกล้,ไกลจากทีวีเองได้ ซึ่งแล้วแต่ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่เราเลือกใช้ และการจัดวางฟังก์ชันภายในบ้านของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน แต่จากระยะที่เว้นไว้ให้ก็สามารถติดตั้งทีวีขนาดใหญ่กว่า 75 นิ้วได้เลยนะ

    เนื่องจากโซนนั่งเล่นนี้มีการออกแบบฝ้าเพดานแบบ Double Volume ทำให้การติดตั้งเครื่องปรับอากาศของโซนนี้จะติดตั้งไว้เป็นแบบฝังฝ้า (Built-in Type) โดยติดไว้เหนือโซน Foyer ไม่ได้ติดไว้บนสุดฝ้าเพดานที่สูง 6 เมตร ก็เพื่อให้สามารถ Mantenance ได้ง่าย และอีกเหตุผลคือ ตามปกติแล้วอากาศเย็นจะไหลลงที่ต่ำมากกว่าลอยขึ้นสูง ซึ่งหากติดแอร์ไว้บนสุดฝ้าเพดานล่ะก็จะทำให้แอร์ไม่ตัด ทำความเย็นตลอดเวลาค่ะ

    สำหรับบ้านจริงที่ส่งมอบให้นั้นจะเป็นบ้านเปล่าไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ให้ ซึ่งเราสามารถเก็บไอเดียของบ้านตัวอย่างไปใช้ในการตกแต่งได้นะคะ อย่างเช่นผนังติดตั้งทีวีตรงนี้เค้าทำเป็นชั้นวางทีวียาวๆ ไปจนเชื่อมกับ Low Wall ทางฝั่งหน้าบ้านเลย เผื่อเป็นมุมนั่งเขียนหนังสือและยังวางขนมเครื่องดื่มบน Low Wall ได้พอดี

    ความเก๋อีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือเค้าคว้านผนังเหนือชั้นวางทีวีให้เป็นช่องโล่ง ช่วยให้บ้านดูมีมิติ ไม่ทึบตัน แถมเวลานั่งดูทีวีบนโซฟาก็จะมองเห็นสมาชิกที่เดินผ่าน Multi-Purpose Room ผ่านหน้าต่างชั้น 2 ด้วย

    ขยับเข้ามาด้านในตัวบ้านฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำแขก (Powder Room) ติดกันเป็นห้องครัวและโต๊ะทานอาหาร

    มาดูที่ห้องน้ำกันก่อน บานประตูภายในบ้านจะเป็นประตูไม้จริง ให้มาแบบมีลูกฟักและซับวงกบหนาๆ แถมลูกบิดประตูแบบในบ้านตัวอย่างเลยนะคะ

    ห้องน้ำชั้นล่างนี้เป็นแบบ Powder room ไม่มีพื้นที่อาบน้ำมาให้ เพราะห้องน้ำลักษณะนี้เค้าทำไว้เพื่อรองรับแขกเท่านั้น ซึ่งต้องบอกก่อนว่าห้องน้ำทุกห้องของบ้าน แม้จะมีหน้าต่างแล้ว แต่โครงการก็ติดพัดลมดูดอากาศช่วยระบายความชื้นและกลิ่นอับให้ดียิ่งขึ้น

    อ่างล้างมือได้ของ Kohler ใช้รุ่นที่มีความลึกเป็นพิเศษเพื่อให้ใช้งานง่าย

    สุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นของ American Standard

    พอเป็นห้องน้ำที่ใช้รับแขก เค้าก็ออกแบบให้มีพื้นที่เข้ามุมสำหรับวางของตกแต่งได้ เราสามารถหาโต๊ะ แจกันสวยๆ เพื่อเป็นหน้าเป็นตาแก่บ้านเราได้เลย อีกรายละเอียดนึงที่น่าสนใจคือ เราสามารถวางของบน Low Wall ได้ยาวตลอดแนวเลย ซึ่งเจ้า Low Wall นี้เป็นพื้นที่เก็บงานระบบท่อน้ำต่างๆ ทำให้ซ่อมแซมได้ง่าย และด้านข้างอ่างล้างมือมีเตรียมปลั๊กมาให้กรณีที่อยากใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องน้ำ

    ถัดมาที่ห้องครัวไทยในบ้านตัวอย่างจะเป็นครัวปิด แต่บ้านจริงที่ส่งมอบจะเป็นพื้นที่โล่งๆ เดินงานระบบมาให้ และมีเฉพาะผนังตัว L มาให้ ไม่ได้กั้นส่วนที่เป็นกระจกนะคะ

    โครงการตั้งใจออกแบบให้ครัวนี้เป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆ ในบ้าน เวลาคุณแม่ทำครัวก็สามารถมองเห็นคุณพ่อและลูกๆ นั่งดูทีวีอยู่ได้ เราก็แนะนำให้ต่อเติมเพิ่มเป็นผนังกระจกแบบในบ้านตัวอย่างนี่แหละค่ะ พื้นเป็นกระเบื้องผิวหยาบเช่นเดียวกับส่วนอื่นในบ้าน ให้เช็ดทำความสะอาดง่าย

    พื้นที่ครัวของบ้านนี้สามารถจัดเคาน์เตอร์ตัว L ชุดใหญ่ได้ ฟังก์ชันใช้งานครบ แต่ถ้าวางตู้เย็นในครัวเลย พื้นที่จะดูเล็กไปหน่อย หากครอบครัวไหนไม่ได้มีแม่บ้านประจำ เราสามารถขยายห้องครัวรวมกับห้องนอนแม่บ้านเป็นครัวใหญ่ก็ได้นะคะ

    ประตูหลังของห้องครัวได้มาเป็นบานอลูมิเนียมลายไม้ของ Tostem ซึ่งลูกเล่นของประตูรุ่นนี้คือเราสามารถติดมุ้งลวดไว้กับประตูได้เลย ไม่ต้องมาติดประตูมุ้งลวดเพิ่มอีกชั้นนึงค่ะ

    ถัดมาเป็นมุมทานข้าวที่ได้ตำแหน่งดีสุดของบ้าน เพราะว่าคนไทยนั้นให้ความสำคัญกับการกินมากๆ อย่างเวลาจัดปาร์ตี้ส่วนใหญ่ก็จะขลุกกันอยู่ที่ห้องอาหาร อยู่โซนครัวกันเป็นหลัก โดยตำแหน่งนี้จะอยู่ติดสระว่ายน้ำ และยังมองเห็น Living Area ได้ด้วย

    ซึ่งโซนนี้ก็จะได้ Pantry ครัวฝรั่งตลอดแนวผนังที่ติดกับโต๊ะทานอาหารเลยนะคะ หากต้องการล้างมือเล็กๆ น้อยๆ ก็ใช้ Pantry ด้านหลังได้สะดวก ไม่ต้องเดินไปครัว สำหรับโต๊ะรับประทานอาหารนั้นเราว่าขนาด 6-8 คนกำลังดี จะมีพื้นที่เหลือสำหรับเคาน์เตอร์แบบ Island เพิ่มได้อีกตัวนึง เผื่อใช้วางอุปกรณ์การกินต่างๆ เพิ่มเติมได้ จานชามต่างๆ จะได้ไม่เต็มโต๊ะอาหารไปหมด

    หากใครชอบบรรยากาศแบบ Semi-Indoor ก็สามารถเปิดประตูบานเลื่อนออก จะได้ยินเสียงน้ำตกจากสระว่ายน้ำหลังบ้านแล้วค่ะ

    ความเก๋ของหน้าต่างห้องกินข้าวนี้คือ ได้เป็นกระจกเข้ามุมจึงสามารถเปิดโล่ง เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำหลังบ้านได้มากขึ้น

    มุมที่เด็ดจริงๆของ I-NINE ก็คือพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำหลังบ้านนี่แหละ เค้าเชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน โดยจะเห็นสระว่ายน้ำ สวนแนวดิ่ง และได้ยินเสียงน้ำตกจำลองด้านหลังบ้านด้วย เหมือนกับพวก Pool Villa ตามรีสอร์ท 5 ดาวเลยค่ะ

    แต่แน่นอนทุกอย่างไม่มีอะไรที่ Perfect เพราะเมื่อเป็นบ้านเดี่ยวที่ปลูกติดกัน ความยากคือการออกแบบอย่างไรให้ทุกห้องของบ้านใกล้ชิดธรรมชาติและยังรักษาความเป็นส่วนตัวให้ได้มากที่สุด สำหรับบ้านที่นี่คือการเปิดช่องกระจกด้านหลังบ้านแบบเต็มพื้นที่ เพื่อให้เห็นวิวสระและสวนด้านหลัง ส่วนข้างบ้านจะแทบไม่มีหน้าต่าง เป็นผนังทึบตลอดแนว และไม่มีพื้นที่สวนข้างบ้านนะคะ ซึ่งเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความชอบต้องลองพิจารณาดูกันค่ะ

    ถ้าใครชอบนั่งชิลล์ๆ สบายๆ ไม่ต้องเปิดแอร์ ก็สามารถเดินออกมาบริเวณ Terrace หลังบ้าน เปิดพัดลม นั่งอยู่บนโซฟาชิงช้าชมวิวสระว่ายน้ำไปได้ ขอบสระว่ายน้ำที่นี่ทำไว้เป็นระยะที่พอดีกับการนั่ง วางขาวางก้นได้เป๊ะๆแบบ Human Scale สามารถนั่งชนแก้วกันได้

    วิวสวนหลังบ้านที่ได้ก็จะประมาณนี้ นอกจากสระแล้วการจัดต้นไม้ที่นี่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว เพระไม่ได้เอารั้วต้นไม้มาใส่แบบไทรเกาหลีที่เราเห็นกันทั่วไป แต่เป็นการผสมผสานรูปแบบของไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ไม้ใบสวยๆ และไม้พุ่ม ซึ่งหากชอบสวนแบบไหนก็สามารถปรึกษาเรื่องพรรณไม้กับทางโครงการได้นะคะ แหมจากหน้าบ้านดูไม่ออกเลยนะคะว่าด้านในจะมีสระว่ายน้ำและสวนที่เป็นส่วนตัวขนาดนี้

    น้ำตกตรงนี้ช่วยเรื่องบรรยากาศได้มากทีเดียว ส่วนสระเป็นระบบเกลือ กว้างประมาณ 3 เมตร ยาว 9 เมตร ลึก 1.2-1.5 เมตร พอว่ายได้ ถ้าติดเครื่องว่ายทวนน้ำก็ใช้ออกกำลังได้เหมือนกันนะ

    หลายคนคงคิดว่าการมีสระว่ายน้ำในบ้านน่าจะดูและยาก ทางโครงการจึงเลือกให้เป็นระบบน้ำล้นและติดหัว Jet เพื่อให้น้ำในระบบหมุนเวียนตลอดเวลา มี Surge Tank คอยกรองน้ำและฆ่าเชื้อโรค และที่ขอบด้านล่างเค้าเซาะร่องใต้ขอบสระเอาไว้ หากลงไปว่ายน้ำเล่นตัวเปียกขึ้นมา น้ำจะได้ไหลลงร่องที่เซาะเอาไว้ค่ะ

    อีกอย่างก็คือเรื่องแดด ถึงแม้ว่าตัวสระจะอยู่ทางทิศเหนือใต้ แต่หากต้องการใช้สระตอนกลางวันก็สามารถติดผ้าใบอัตโนมัติเข้าไปได้ด้วย พอกางผ้าใบแบบในรูปล่างสระน้ำก็กลายเป็นสระว่ายน้ำในร่มแล้วค่ะ

    และเช่นเดียวกันผ้าใบด้านซ้ายและขวาก็สามารถเปิดให้หมุนลงมาอัตโนมัติได้ ทำให้เราสามารถนั่งเย็นๆ รับลมนอกบ้านเวลาฝนตกได้เลย ไม่ต้องกลัวฝนสาดค่ะ สำหรับราคาของเซตผ้าใบอัตโนมัติที่บ้านตัวอย่างใช้งบติดตั้งประมาณแสนนึงค่ะ

    ตำแหน่งลิฟต์ที่ทางโครงการเตรียมโครงสร้างและระบบไฟไว้ให้จะอยู่ทางด้านหลังบ้าน เหตุผลที่ต้องมาวางไว้หลังบ้านก็เพราะว่า เค้าไม่อยาก Fix พื้นที่ในตัวบ้านวางลิฟต์ต้องมีขนาดเท่านั้นเท่านี้ พอเอามาไว้หลังบ้านที่กว้างๆ แบบนี้จะติดตั้งลิฟต์ใหญ่แค่ไหนก็ได้ค่ะ

    ซึ่งโครงการไม่ได้ให้ลิฟต์มาด้วยนะคะ เพราะบางทีลูกบ้านยังไม่จำเป็นต้องใช้ ก็ไม่อยากให้มาเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้ล่วงหน้า แต่หากลูกบ้านต้องการติดตั้งก็สามารถทำได้ทันที

    จบพื้นที่ชั้นล่างสุดแล้ว เหลืออีก 2 ชั้น เราค่อยๆขึ้นบันไดไปดูกันดีกว่า ก่อนที่จะขึ้นไปชั้นบน เราอยากจะให้ดูมุมวางของตรงบันไดนี้ก่อน ที่เค้าเตรียมมุมไว้ให้วางกระจกเพื่อส่องเช็คความเรียบร้อยก่อนลงมาจากชั้นบนได้

    บันไดทั้งหมดเป็นระยะมาตรฐานตาม Human Scale โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่เวลาเดินจะไม่มีเสียงดัง ปิดผิวด้วยแผ่นลามิเนตลายไม้ HPL นอกจากนี้บริเวณผนังยังติดไฟมาให้ ซึ่งเป็นแบบส่องลงพื้น ส่วนราวจับบันไดดีไซน์เป็นวงกลมสวยงามปิดหัวปิดท้ายด้วยทองเหลือง พร้อมเซาะร่องมาให้ เวลาจับจะได้กระชับมากขึ้น ไม่ลื่นล้มค่ะ

    เนื่องจากบันไดเป็นทรงตัว I และวางตำแหน่งไว้ข้างบ้าน จึงทำให้ช่องหน้าต่างมีน้อย ทางโครงการจึงคว้านผนังฝั่งหนึ่งออกเพื่อให้ดูโปร่งขึ้นค่ะ


    ชั้น 2

    แปลนชั้น 2 – พื้นที่ในชั้นนี้เกือบทั้งหมดเป็นของห้องนอนใหญ่ หลายคนอาจสงสัยว่าได้พื้นที่ทั้งชั้นเลยเหรอ ใหญ่นะ? ใช่ค่ะแต่เค้าแบ่งเป็นฟังก์ชันย่อยๆ กั้นโซนให้ใช้งานได้เป็นส่วนตัว

    เมื่อเปิดประตูบานแรกบนชั้นนี้เข้าไปจะเจอ Multi-Purpose Room (เบอร์ 1) เป็นห้องแรก ซึ่งจะใช้เป็นมุมนั่งเล่นของครอบครัวบนชั้น 2 หรือเป็นห้องทำการบ้านที่ลูกๆ จะได้มารวมตัวกันที่นี่ก็ได้ ถัดเข้าไปเป็นห้องนอนใหญ่ ภายในแบ่งเป็นห้องย่อยๆ อีกเยอะ แต่ส่วนที่เป็น Signature ของ I-NINE เลยก็คือ Pantry ครัวในห้องนอน (เบอร์ 2) ค่ะ

    ประตูห้องนอนของที่นี่จะเป็นบานทึบลูกฟักไม้จริงพร้อมขอบวงกบไม้อย่างหนา จากความหนาเป็นพิเศษของบานประตูจึงช่วยดูดซับเสียงได้ดี ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัว ฝั่งขวาจะมีมุมวางของเล็กๆ หน้าห้อง ส่วนฝั่งซ้ายคือห้องเก็บของใต้บันได

    ทีเด็ดอย่างนึงบนชั้นนี้ก็คือ พื้นที่เข้ามุมที่ผู้ออกแบบตั้งใจทำไว้ให้สำหรับวางของหน้าห้อง ในกรณีที่แม่บ้านเอาอาหารขึ้นมาเสิร์ฟ ก็สามารถวางไว้ได้ ไม่ต้องถือรอจนกว่าจะมีคนมาเปิดประตูให้ค่ะ

    ส่วนห้องเก็บของใต้บันไดนั้นมีขนาดใหญ่ดีนะคะ ซึ่งทางโครงการก็เอากล่องควบคุมไฟฟ้าของบ้านเข้ามาติดตั้งไว้ในนี้ด้วย

    สำหรับพื้นชั้นบนทั้งหมด เป็นพื้นไม้ Hybrid Engineered Wood ที่กันน้ำ กันความชื้นได้ดี ไม่ต้องกลัวพื้นบวมในอนาคตนะคะ / บ้านตัวอย่างจัด Multi-Purpose Room ไว้เป็นห้องเขียนหนังสือ ทำการบ้านของเด็กๆ

    ซึ่งเราก็คิดว่าลงตัวกับพื้นที่ดีนะ เพราะเราสามารถ Built-in ตู้วางหนังสือได้เต็มผนัง เอาใจหนอนหนังสือ ที่อยากได้ที่เก็บหนังสือเยอะๆ หรือหากมีการจ้างครูสอนพิเศษ ก็สามารถให้ขึ้นมาติวที่ห้องนี้ได้อย่างเป็นส่วนตัว

    เราว่าเด็กๆ เป็นวัยที่ต้องการมีปฎิสัมพันธ์กับครอบครัว หากมีโต๊ะให้เค้าได้นั่งทำการบ้านร่วมกัน มีพื้นที่ให้คุณพ่อคุณแม่ได้ช่วยติวหนังสือให้ลูกได้ ก็ทำให้เด็กๆ ไม่เอาแต่เข้าห้องตัวเองนะคะ

    หรือถ้าอ่านหนังสือ ทำการบ้านไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็มานอนพักเอาแรงที่มุมโซฟาริมหน้าต่างได้

    พอผ่าน Multi-Purpose Room เข้ามาแล้ว ด้านในก็จะเป็นห้องนอนใหญ่แล้วค่ะ

    เปิดเข้ามาเป็นโซน Walk-in Closet ก่อนเลย ขนาดใหญ่เลยนะคะ พอใช้งานสำหรับ 2 คน หรือในกรณีที่ใครเป็นสายช้อปปิ้ง มีเสื้อผ้า และข้าวของเยอะ ก็ขยายไปที่ Multi-Purpose Room ได้อีกนะ

    พื้นที่ภายในโซนนี้มีผนังให้ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้เยอะทีเดียว พร้อมกับแอร์อีก 1 เครื่องสำหรับคนขี้ร้อน โดยห้องแต่งตัวก็จะอยู่ติดกับห้องน้ำเลยค่ะ

    ประตูเป็นบานไม้จริงเช่นกันแต่จะมีส่วนที่เป็นกระจกลูกฟูกด้วย เพื่อให้สามารถมองเห็นด้านในบ้างแต่มองไม่ได้ชัดเจน ไม่โป๊ แค่ให้พอรู้ว่ามีคนเข้าห้องน้ำอยู่มั้ยนะคะ

    สำหรับห้องน้ำ Master Bathroom นั้นมีขนาดใหญ่ประกอบด้วย 5 ฟังก์ชันหลัก คือ อ่างล้างหน้า His&Her, อ่างอาบน้ำ, พื้นที่ยืนอาบน้ำ, โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ และโต๊ะเครื่องแป้ง

    แยกระหว่างส่วนเปียกกับส่วนแห้งด้วยกระจก Tempered Glass พื้นและผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ตกแต่งด้วยโมเสก สังเกตว่าห้องน้ำที่นี่จะมีหน้าต่างเยอะมาก เพื่อให้แสงธรรมชาติเข้าถึงและเปิดให้อากาศถ่ายเทได้ แถมติดเครื่องดูดอากาศมาให้ถึง 2 ตัว ไม่ต้องกลัวชื้น กลัวขึ้นราค่ะ

    อ่างอาบน้ำยี่ห้อ Cristina ขนาดพอให้ลงแช่ได้ 2 คนพร้อมๆ กัน และเปิดน้ำนวดเป็น Jacuzzi ได้

    ส่วนฝักบัวให้มาทั้งแบบ Rain Shower และ Hand Shower โดยห้องน้ำในห้องนอนทุกห้องจะติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อน Stiebel ไว้ให้แล้ว ขนาด 6000 – 9900W มาให้เป็นมาตรฐาน

    พื้นที่อาบน้ำพอให้ยืนอาบได้ไม่อึดอัด ส่วนที่เราชอบคือท่อระบายของที่นี่ใช้ท่อขนาดใหญ่ จะได้ช่วยระบายได้เร็ว

    เฉพาะสุขภัณฑ์ในห้องนี้ที่จะได้เป็นแบบอัตโนมันติของ American Standard

    อีก 2 ฟังก์ชันที่เหลือก็คือ อ่างล้างหน้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเค้านิยมทำเป็นอ่างล้างหน้าแบบ His&Her เต็มพื้นที่กันนะคะ แต่ที่นี่มาแปลกจะแบ่งพื้นที่สำหรับอ่างล้างหน้าแค่พอใช้งานได้สะดวก เพื่อให้วางโต๊ะเครื่องแป้งได้

    เวลาใช้งานมันก็สะดวกอยู่ค่ะ เวลาแต่งหน้าแล้วเลอะก็ลุกมาล้างได้สะดวก แต่ส่วนตัวเราไม่ค่อยชอบอยู่ในห้องน้ำนานๆ สักเท่าไหร่ เพราะมีความชื้นสูงกว่าห้องปกติ หากใครไม่ชอบก็ปรับฟังก์ชันย้ายโต๊ะเครื่องแป้งไปในห้องแต่งตัวแทนได้นะคะ

    จบเรื่องห้องน้ำเราจะพาไปชมส่วนอื่นๆ ในห้องนอนใหญ่กันต่อ ซึ่งห้องจริงที่ได้นั้นจะเป็นห้องโล่งๆ เปิดเชื่อมถึงกันไม่ได้กั้นมาให้ตั้งแต่แรกนะคะ เผื่อใครชอบฟังก์ชันไหนเป็นพิเศษก็กั้นขนาดได้ตามใจชอบ

    ผ่าน Walk-in Closet เข้ามาก็จะเป็นตำแหน่งของเตียงนอนแล้ว ซึ่งห้องนอนใหญ่มีพื้นที่กว้างขวาง วางเตียง King Size พร้อมกับโต๊ะ Night Table อีก 2 ชุดได้ด้วย ปลายเตียงมีพื้นที่ทางเดินและวางชั้นวางทีวีเหลือเฟือ เราว่าไม่เหมาะที่จะวางโซฟาปลายเตียง แต่ๆๆ ห้องนี้ยังมีโซนด้านในอีกกว้าง สำหรับวางชุดโซฟา 4-5 ที่นั่งได้เลยค่ะ

    อีกดีเทลที่น่าสนใจคือบริเวณหัวเตียง เค้า Built-in มาเป็นชั้นวางของ เพื่อวางของที่หยิบประจำ เช่น หนังสืออ่านบนเตียง โทรศัพท์ laptop และของใช้ต่างๆ ซึ่งจะมีขอบสูงขึ้นมาประมาณ 1-2 cm. เพื่อให้ของไม่ตก และยังเป็นขนาดที่สามารถวางเครื่องช่วยหายใจสำหรับคนนอนกรนได้ด้วย เราสามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการตกแต่งบ้านได้นะคะ

    ทีเด็ดในห้องนอนใหญ่ของบ้าน I-NINE อยู่ตรงนี้ค่ะ เป็นพื้นที่วาง Pantry พิเศษพร้อมกับตู้เย็น ถามว่ามีไว้เพื่ออะไร ?? เรื่องแรกเลยก็คือน้ำเย็น ชา กาแฟ พวกเครื่องดื่มเล็กๆน้อยๆจะได้อยู่ใกล้มือ ไม่ต้องเดินลงไปเปิดตู้เย็นชั้นล่าง

    สองคือเรื่องของบ้านไหนที่มีเด็กอ่อน ก็สามารถเก็บล้างขวดนมและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เดี่ยวกับเบบี๋ได้ตรงนี้ รวมถึงแช่ขวดนมในตู้เย็นได้ด้วยนะ

    ซึ่ง Pantry ในห้องนอนเป็นฟังก์ชันที่ไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไหร่แต่ก็มีประโยชน์ใช้สอยที่ดี เหมาะกับบางครอบครัว ส่วนครอบครัวไหนที่ไม่ชอบเรื่องกลิ่น กลัวมด หรือไม่ชอบนำอาหารเข้าห้องนอน ก็สามารถปรับพื้นที่ตรงนี้เป็นตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า ได้ตามใจชอบเลย ทางโครงการไม่ได้บังคับว่าจะต้องเป็นฟังก์ชันแบบนี้ แต่ออกแบบมาให้ดูเฉยๆในบ้านตัวอย่าง

    เราคิดว่าอีกอย่างนึงที่เด็ดไม่แพ้ Pantry ก็คือ ช่องแสงด้านบนที่เรียกว่า Sky Light เป็นช่องที่เอาไว้รับแสงธรรมชาติ เปิดมุมมองให้เราเห็นท้องฟ้าได้

    ซึ่งหากในช่วงกลางวันที่แสงแดดจัดๆ ก็ปิดม่านด้านบน Sky Light จะได้พื้นที่ในร่มกลับมาแล้วค่ะ

    เห็นช่องแสงในห้องเยอะๆ แบบนี้เค้าก็มีบานที่เปิดรับลมได้จริงด้วยนะคะ เป็นบานเปิดปิดขนาดใหญ่ทีเดียว รับลมได้เต็มที่

    อีกห้องลับที่ซ่อนอยู่ในสุดภายใน Master Bedroom ก็คือ Studio เป็นห้องทำงานส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นเพียงไอเดียในการใช้งาน เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ได้เลยค่ะ

    โดยพื้นที่ตรงนี้จะได้หลัง Sky Light เชื่อมต่อกับมุม Pantry มาพร้อมหน้าต่างบานใหญ่ ไว้รับแสงธรรมชาติ และนั่งมองวิวสวนหลังบ้านได้พอดิบพอดี

    ด้านในสุดของห้องเป็นตำแหน่งที่เตรียมไว้ในกรณีติดตั้งลิฟต์ ก็จะเชื่อมเข้าห้องนอนใหญ่ชั้น 2 ได้ค่ะ

    จบชั้น 2 เดินขึ้นไปชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายกันแล้ว ตัวบันไดขึ้นชั้น 3 จะวางไว้ติดฝั่งหน้าบ้าน จึงรับแสงผ่านกระจกบานใหญ่ได้เต็มๆ โถงบันไดจึงสว่าง ช่วยประหยัดค่าไฟดีเลยค่ะ

    ชานพักเป็นขั้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ตามแบบที่ควรจะเป็น มีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะ วางของตกแต่งได้อีกด้วย


    ชั้น 3

    แปลนชั้น 3 – แบ่งออกเป็นห้องนอนย่อยๆ 3 ห้องนอน ซึ่งแต่ละห้องไม่ได้มีขนาดย่อมเยาเลยนะคะ ฟังก์ชันครบ มีห้องน้ำในตัวที่ใช้งานได้สะดวก

    ที่น่าสนใจสำหรับเราคือ การยกพื้นที่ Laundry (เบอร์1) ขึ้นมาไว้ด้านบน และทำหลังคา Sky Light เพิ่มขึ้นมาเพื่อให้ใช้ตากผ้าได้ โดยข้อดีของการยก Laundry ขึ้นมาข้างบน ส่วนตัวมองว่าใช้งานง่ายดีนะ ไม่ต้องยกผ้าขึ้นลง แถมเรายังได้ใช้พื้นที่สวนหลังบ้านแบบเต็มๆ ไม่มีราวตากผ้ามากวนใจ ใช้เป็นหน้าเป็นตารับแขกได้สะดวก

    ฟังก์ชันแรกของชั้น 3 เลยก็คือหิ้งพระ ที่วางเอาไว้บนชั้นนี้ก็เพราะเป็นชั้นบนสุดของตัวบ้าน มีพื้นที่ให้ทำชั้นวางขนาดใหญ่ได้ ส่วนประตูฝั่งซ้ายที่อยู่ติดกันคือ ห้อง Laundry ค่ะ

    Signature ของแบรนด์บ้าน I-NINE คือการยกห้อง Laundry ขึ้นมาไว้ด้านบน เนื่องจากพื้นที่ชั้นล่างทั้งหมดถูกใช้งานไปกับพื้นที่พักผ่อน เน้นความสวยงาม ห้องซักรีดก็หนีไม่พ้นที่จะต้องถูกยกขึ้นมาไว้ชั้นบน ซึ่งก็มีเหตุผลที่ดีๆ อีก 2 ประการก็คือ
    1. ห้องนอนอยู่ชั้น 2-3 เช่นเดียวกับห้องซักรีด ถ้าต้องซักรีดที่ชั้นล่างก็ต้องแบกเสื้อผ้าขึ้นลง ทำให้เปลืองแรงเปล่าๆ
    2. ชั้นล่างพื้นที่ไม่พอและการตากผ้าข้างล่างก็จะทำให้สระว่ายน้ำเสียบรรยากาศไปเลย

    ส่วนประตูห้องจะไม่ใช่บานไม้ทึบทั้งบาน แต่มีช่องที่เป็นกระจกลูกฟูกเพื่อให้แสงผ่าน และพอได้เห็นว่ามีใครอยู่ด้านในหรือเปล่าค่ะ

    ภายในห้องนี้ติดตั้งแอร์มาให้เรียบร้อย พร้อมเดินระบบท่อน้ำสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า อ่างล้างไว้มือ ไว้ให้ ถ้าเราเป็นแม่บ้านก็คงทำงานสะดวก ได้รีดผ้าในห้องแอร์ด้วย

    จุดตากผ้าของบ้านนี้จะแตกต่างจาก I-NINE โครงการอื่นๆ เพราะที่นี่ไม่ได้มีระเบียงมาให้ หากแต่ทำหลังคา Sky Light เพิ่มเข้าเพื่อให้แสงส่องถึงที่ตากผ้าพอดี มีหน้าต่างบานใหญ่ช่วยรับแสงด้านข้างและใช้เปิดรับลมได้ การตากผ้าในตัวบ้านแบบนี้ก็ช่วยตัดปัญหา ไม่ต้องวิ่งมาเก็บผ้าอีกต่อไป แต่หากกลัวไม่แห้งก็แนะนำให้ใช้เครื่องอบผ้าไปเลยค่ะ

    พื้นที่ส่วนใหญ่บนชั้น 3 จะแบ่งไว้เป็นห้องนอนของสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้าน ทั้งลูกๆ และผู้สูงอายุ โดยห้องนอน 2 จะรองรับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุได้ดีที่สุด หรือหากครอบครัวไหนอยู่กันแค่พ่อแม่ลูก ก็ใช้เป็น Family Room สำหรับเด็กๆ มาทำกิจกรรม นั่งเล่น ดูทีวี เล่นเกม ตรงนี้จะสะดวกมาก ส่วนห้องนอน 3 , 4 เป็นห้องนอนของลูกๆ อีก 2 คนค่ะ

    ประตูห้องนอน 2 จะมีความพิเศษกว่าห้องอื่นๆ เพราะมีบานกระจกใสให้มองเห็นข้างในได้ นั่นก็เพื่อความปลอดภัยของผู้สูงอายุ เข้ามาโซนแรกเลยจะเจอกับ Pantry ครัวและห้องน้ำ ดูจากฟังก์ชันแล้วห้องนี้จะเทียบได้กับห้อง Studio ในคอนโดเลยนะคะ

    เฉพาะห้องน้ำนี้เท่านั้นที่จะได้เป็นประตูบานเลื่อน เปิดได้กว้างเกือบ 1 m. ซึ่งประตูที่ให้จริงจะเหมือนในบ้านตัวอย่างเลยนะคะ คือไม่ใช่บานทึบแต่เป็นกระจกลูกฟูกที่สามารถกันโป๊ได้ แต่ก็พอให้เรามองเห็นด้านใน

    ภายในติดตั้งสุขภัณฑ์ของ American Standard รวมถึงเครื่องทำน้ำร้อนของ Stiebel Eltron

    โซนอาบน้ำด้านในจะให้ทั้ง Rain Shower และ Hand Shower ของ Grohe

    ส่วนที่เราชอบก็ยังคงเป็นท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเราหมายมั่นไว้ว่าจะช่วยระบายน้ำได้รวดเร็ว ภายในห้องน้ำแบ่งโซนเปียกแห้งด้วยการลดระดับพื้นเพียงเล็กน้อยประมาณ 1-2 cm. เท่านั้น เผื่อผู้สูงอายุที่ใช้งานวีลแชร์จะได้เข็นเข้าออกไม่ยากนัก

    ขยับเข้ามาดูพื้นที่วางเตียงนอนกันบ้าง ถึงแม้ว่าในบ้านตัวอย่างจะจัดไว้เป็น Family Room แต่ความจริงนั้นเราสามารถวางเตียง King Size ได้สบายๆ และเอาจริงๆ ที่ให้สเปกประตูเป็นกระจกใสเราก็กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวในห้องนอนอยู่นะ แต่ผู้ออกแบบตั้งใจเอาห้องน้ำไว้ด้านในเพื่อบังตำแหน่งวางเตียงให้ แต่นั่นก็ทำให้ห้องน้ำไม่มีหน้าต่างต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศแทนนะคะ

    ทีเด็ดของห้องนี้จะอยู่ที่ด้านในสุด เป็นมุมนั่งเล่นติดหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่เอาไว้รับแสงรับลม และมองวิวภายนอกบ้านได้ จากตำแหน่งห้องที่อยู่บนชั้น 3 ก็จะได้วิวที่เปิดโล่งขึ้นแล้วนะคะ เพราะเพื่อนบ้านรอบๆ ส่วนใหญ่เป็นเพียงอาคาร 2 ชั้น

    ฟังก์ชันอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในห้องนี้ก็คือ ลิฟต์นั่นเอง และมีประตูเชื่อมเข้าห้อง Laundry ได้ด้วย เผื่อผู้สูงอายุมีพยาบาลคอยดูแล ก็จะได้อยู่ในโซน Service นี้ไม่ต้องไปเดินผ่านส่วนอื่นของบ้าน

    ต่อมาห้องนอน 3 ซึ่งเค้าจัดบ้านตัวอย่างเป็นห้องลูกชายนะคะ โดยห้องนี้จะไม่ได้มี Walk-in Closet เป็นกิจจะลักษณะแบบห้องลูกสาว แต่ก็ยังมีมุมต่างๆ ให้ Built-in ทำตู้เก็บของได้เยอะอยู่นะคะ

    พื้นที่ภายในห้องนี้จึงดูว่ามีขนาดใหญ่ เพราะเปิดโล่งเชื่อมถึงกัน

    เราชอบดีไซน์ของเตียงในห้องนี้มากเลย เพราะมีช่องวางของซ่อนไว้ข้างเตียง เอาไว้วางมือถือ รีโมท แว่นตา หนังสือ หรือจะนั่งเล่น Laptop ก็วางไว้บนตู้ข้างเตียงได้

    ด้านข้างเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงานหรือจัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนสบายๆ วาง Armchair นุ่มๆ สักตัวก็เหมาะนะคะ

    เราสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ ชั้นวางทีวี บริเวณผนังฝั่งปลายเตียงได้ตลอดแนวเลยนะ ทีนี้เราสามารถเลือกได้ว่าเราต้องการตู้เก็บของเยอะขนาดไหน ถ้าข้าวของไม่เยอะมาก็ทำเป็นเขียนหนังสือแบบในบ้านตัวอย่างเพิ่มไปได้อีกฟังก์ชันนึงค่ะ

    จากตำแหน่งห้องลูกชายที่อยู่ด้านหลังบ้าน ทำให้ห้องนี้มีระเบียงในตัวด้วยนะคะ ชดเชยกับการไม่มีพื้นที่ Walk-in Closet ไปเนอะ

    ระเบียงของห้องกว้างพอให้วางโซฟานั่งเล่นและทำชั้นวางต้นไม้ได้ เรียกว่าใช้เป็นพื้นที่ผ่อนคลายได้จริง

    หากใครไม่ชอบพื้นที่ Outdoor เพราะแดดร้อน ก็สามารถติดตั้งตัวช่วยบังแดดอย่างเจ้าผ้าใบอัตโนมัติเหมือนกับที่สระว่ายน้ำนั่นแหละค่ะ อย่างน้อยๆ บ้านของที่นี่ทุกหลังหันทิศเหนือใต้ก็จะการันตีได้ว่าไม่ได้รับแดดโดยตรงเหมือนทางทิศตะวันตกนะคะ

    มีการติดไฟกริ่งมาให้ที่ผนังระเบียง โดยออกแบบไว้เป็นดวงเล็กๆ ที่ไม่ได้สว่างจ้า แค่พอให้แสงสว่างที่เหมาะกับการพักผ่อนค่ะ

    หลังคาของบ้านเป็นแบบแบน (Flat Slab) เพื่อให้ขึ้นไปยืน Mantenance ง่าย มี Sky Light ที่ต้องขึ้นไปดูแล+เดินงานระบบไว้สำหรับติดตั้ง Solar Cell ซึ่งช่องทางที่ผู้ออกแบบเตรียมไว้ให้ขึ้นหลังคาก็คือผ่านระเบียงห้องลูกชายนี่แหละค่ะ

    ในส่วนของห้องน้ำในห้องลูกชาย จะแยกโซนเปียก-แห้งชัดเจน มีหน้าต่างบานยาวคอยรับแสงและสามารถกระทุ้งเปิดระบายอากาศได้ ส่วนสุขภัณฑ์จะได้สเปกเดียวกับห้องน้ำผู้สูงอายุนะคะ

    ปิดท้ายด้วยห้องนอนลูกสาวซึ่งมีขนาดพอๆ กับห้องลูกชายนะคะแค่ไม่มีระเบียง แต่ห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้างมีหน้าต่างเยอะมาก บานใหญ่ๆ ทั้งนั้น รับแสงได้เยอะ แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่หน้าบ้านก็จะมองเห็นบ้านฝั่งตรงข้าม จึงต้องหาอะไรบังสายตาสักหน่อย ซึ่งโครงการเค้าคิดทางแก้ไว้ให้พร้อมสรรพแล้วนะ

    ทางแก้ที่ว่าก็คือ เค้าทำพื้นที่วางกระถางต้นไม้ไว้หลังบานหน้าต่างอีกที ทีนี้ถ้าบังสายตาตรงไหนก็หาต้นไม้มาบังไว้ ซึ่งช่วยเรื่องบรรยากาศให้ดูร่มรื่นขึ้นด้วย หากอยากออกไปดูแลต้นไม้ก็ปีนผ่านหน้าต่างออกมาได้เพราะเค้าทำเป็นบานยาว แต่เราคิดว่าใช้เป็นพวกต้นไม้ปลอมก็ดูแลง่ายดีนะคะ

    พื้นที่ของห้องกว้างพอให้จัดมุมนั่งเล่นข้างเตียง และชั้นวางทีวี+โต๊ะทำงานที่ปลายเตียงได้

    ถัดไปเป็นพื้นที่ห้องน้ำ+Walk in Closet ซึ่ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงจะรีเควสฟังก์ชันนี้ ทางผู้ออกแบบจึงกั้นห้องมาให้ หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้วก็มีพื้นที่เหลือให้เดินใช้งานได้สบายๆ

    เสียดายนิดหน่อยที่บริเวณโต๊ะเครื่องแป้งไม่ได้มีหน้าต่างมาให้ ต้องอาศัยแสงธรรมชาติที่ผ่านหน้าต่างห้องน้ำออกมาอีกที เพราะว่าแสงธรรมชาติจำเป็นในการแต่งหน้าของสาวๆ นะคะ ><

    เรียกหาหน้าต่างเจ้าหน้าตาก็มา ได้บานใหญ่ทั้ง 2 ฝั่งเลยแต่อยู่ในห้องน้ำนะคะ ทำให้มั่นใจได้ว่าห้องนี้ไม่อับชื้นแน่นอน เปิดหน้าต่างระบายอากาศได้ดี

    และด้วยตำแหน่งของห้องน้ำที่อยู่ฝั่งหน้าบ้าน เค้าจึงต้องจัดวางต้นไม้เพื่อบังสายตาบ้านฝั่งตรงข้ามด้วยเช่นกัน และเราก็สามารถปีนหน้าต่างออกไปดูแลต้นไม้ได้นะคะ

    ปิดท้ายด้วย Shower Box ก็จะมี Rain and Hand Shower ให้เป็นมาตรฐาน พร้อมท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ที่กลายเป็น Signature ของห้องน้ำที่นี่ไปแล้วค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคา

    I-NINE POOL VILLA (ไอนาย พูลวิลล่า) ราคา ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2564

    • Standard : บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 67.5-70 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 515-523 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 4 ที่จอดรถ
      – ราคาเริ่มต้น 47 ล้านบาท
    • Extended : บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 72.9-79.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 539-564 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 4 ที่จอดรถ
      – ราคาเริ่มต้น 51 ล้านบาท
    • Extra : บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 75.2 และ 76.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 540-544 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 4 ที่จอดรถ
      – ราคาเริ่มต้น 51 ล้านบาท
    • Seclusion : บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 68.1 และ 120.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 519-737 ตร.ม.
      – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 2 ห้องอเนกประสงค์ / 4 ที่จอดรถ
      – ราคาเริ่มต้น 49 ล้านบาท
    • จอง 500,000 บาท
    • ทำสัญญา 4,500,000 บาท
    • เงินกองทุนหมู่บ้าน หลังละ 400,000 บาท
    • ค่าส่วนกลาง 6,500 บาท/หลัง/เดือน จัดเก็บเป็นรายปี

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
    โครงการ I-NINE POOL VILLA ตั้งอยู่ในซอยอินทามระ 41 โซนสุทธิสาร เป็นทำเลที่เดินทางสะดวก เพราะถูกโอบล้อมด้วยถนนสายหลักที่สำคัญๆ อย่างถนนวิภาวดี-รังสิต, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนลาดพร้าว และถนนสุทธิสารวินิจฉัย และใกล้โซนออฟฟิศหลายย่าน เช่นโซนพระราม 9, อโศก, อารีย์, ลาดพร้าว เป็นต้น และหากจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้าโครงการนี้ก็ห่างจาก MRT สุทธิสาร 1.3 km. ไม่ใช่ระยะที่เดินไหว แต่เมื่อเทียบในกลุ่มโครงการบ้านแนวราบระยะเท่านี้ถือว่าใกล้แล้วนะคะ แค่นั่งมอเตอร์ไซค์หน้าโครงการไม่ถึง 5 นาทีก็ได้ขึ้นไฟฟ้าค่ะ

    ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
    ความปลอดภัยเหมาะสมกับบ้านระดับ LUXURY เริ่มตั้งแต่รั้วโครงการสูง 3.5 เมตร พร้อมต่อระแนงเหล็กเสริมความสูงขึ้นไปอีก, ทางเข้า-ออกเป็นระบบ Easy Pass ใช้งานง่าย พร้อมรปภ.ดูแลความปลอดภัย 24 ชม.+ CCTV 10 จุดบริเวณป้อม รปภ. และถนนหลัก ที่สามารถมองเห็นรถเข้า-ออกได้ชัดเจน นอกจากนี้ภายในบ้านยังติดตั้งประตูรั้วอัตโนมัติ, ประตูทางเข้ามือจับ Digital Door Lock และผนังภายนอกแบบ Double Wall ช่วยป้องกันเสียง และความร้อนได้ดียิ่งขึ้น แถมติดสัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor มาให้

    การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
    ตัวโครงการ – เป็นหมู่บ้านจัดสรรใจกลางเมือง มีรั้วรอบขอบชิด มี Clubhouse ให้ใช้งาน ที่นี่เป็นโครงการขนาดเล็กมีจำนวนบ้านเพียง 14 หลัง ทำให้บรรยากาศในโครงการค่อนข้างสงบเป็นส่วนตัว พร้อมวางท่อร้อยสายใต้ดินทั้งหมดทำให้ดูเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน และให้ความสำคัญกับเรื่องป้องกันน้ำท่วมด้วยการถมที่ดินโครงการสูงขึ้นจากถนนหน้าโครงการ 1 เมตร เผื่อเหตุการณ์อย่างช่วงน้ำท่วมปี 54 เกิดขึ้นมาอีกน้ำจะได้ไม่ท่วมเข้าบ้านให้ข้าวของเสียหาย เพื่อให้อยู่ได้อาศัยได้ยาวๆ อีกเรื่องนึงที่ชอบมากก็คือการวางทิศทางบ้านพักที่หันในแนวเหนือใต้ทั้งหมด ซึ่งเป็นทิศยอดนิยมของคนไทยค่ะ

    ตัวบ้าน – การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอยนั้นทำออกมาได้น่าสนใจ บนที่ดิน 70 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอย 500 กว่าตร.ม. เป็นลักษณะบ้านหลังใหญ่คับที่ เน้นพื้นที่ใช้สอยในภายในบ้านเป็นหลัก การออกแบบพื้นที่นอกบ้านจะคำนึงให้มีทางเดิน Service ข้างบ้าน เพื่อให้ดูแลรักษาสระว่ายน้ำสามารถได้จากภายนอกบ้านเลย ส่วนพื้นที่ภายในบ้าน ชั้นล่าง เน้นพื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่ เชื่อม Living + Dining Area + Swimmimg Pool + สวนหลังบ้านเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ได้ความเป็นส่วนตัวมากๆ เพราะออกแบบให้หลบสายตาจากเพื่อนบ้านรอบๆ ชั้น 2 จะอีก Gimmick ที่น่าสนใจคือ Pantry ครัวในห้องนอนใหญ่ ที่ส่วนใหญ่จะเห็นในบ้านต่างประเทศ และไม่ได้ทำมาแค่มุมเล็กจิ๋ว แต่ทำเป็น Glasshouse ขนาดใหญ่เลยค่ะ ชั้น 3 ห้อง Laundry แยกไว้เป็นสัดส่วนอยู่บนชั้น 3 เหตุผลหนึ่งก็คือห้องนอนส่วนใหญ่จะอยู่บนชั้นนี้จึงสะดวกในการใช้งาน แถมเรายังได้ใช้พื้นที่สวนหลังบ้านแบบเต็มๆ ไม่มีราวตากผ้ามากวนใจ ใช้เป็นหน้าเป็นตารับแขกได้สะดวก

    วัสดุ :
    ดีเมื่อเทียบกับ Product ในระดับราคาเดียวกัน เริ่มตั้งแต่การก่ออิฐมอญแดง ที่ทำให้ภายในบ้านไม่ร้อน พื้นชั้นบนที่ให้เป็น Hybrid Engineering Wood กันน้ำและความชื้นได้ดี ประตูอลูมิเนียมลายไม้ของ Tostem และประตูไม้จริงพร้อมลูกฟักและวงกบหนาพิเศษ อุปกรณ์ภายในห้องน้ำเป็นของ Grohe และ American Standard ทั้งหมด สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าพิเศษกว่าที่อื่นคือ เค้าคิดมาเผื่อการใช้งานในอนาคตด้วย เช่น สระว่ายน้ำลงเสาเข็มไว้เท่าตัวบ้านเผื่อในอนาคตอยากปรับเปลี่ยนฟังก์ชันก็ไม่ต้องมาลงเสาเข็มเพิ่ม, ดาดฟ้าปูกระเบื้อง Solar Slab เป็นฉนวนกันความร้อน, ใช้ระบบไฟ 3 เฟส+ติดตั้ง Power Plug สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เริ่มเข้ามาแล้วในปัจจุบัน, เตรียมโครงสร้างและระบบไฟรองรับการติดตั้งลิฟต์โดยสาร และเตรียมระบบโครงสร้างสำหรับติดตั้ง Solar Cell

    พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
    บรรยากาศภายในโครงการดูร่มรื่นเพราะตามแนวถนนหลักจะปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ระหว่างบ้านทุกหลัง พื้นถนนในโครงการเป็น Stamped Concrete ทั้งหมด แต่ส่วนที่เค้าจัดบรรยากาศไว้น่าผ่อนคลายจริงๆ คือบริเวณ Clubhouse ที่ทำออกมาได้ใกล้ชิดธรรมชาติ น่าใช้งานมากค่ะ

    สาธารณูปโภค :
    ถึงจะเป็นโครงการขนาดเล็ก แต่ก็มี Facility ให้ใช้งานอย่าง Clubhouse, Library, Fitness และสวนหย่อม เก็บค่าส่วนกลางประมาณ 6,500 บาท/หลัง/เดือน เรทราคาระดับนี้เหมือนอยู่โครงการจัดสรรที่มี Facility แบบจัดเต็ม แต่จะเทียบกันตรงๆแบบนั้นไม่ได้ เพราะส่วนกลางที่นี่แชร์กันเพียง 14 ยูนิต ได้ความเป็นส่วนตัวกว่าเยอะค่ะ

    Judgement

    โครงการ I-NINE POOL VILLA เป็นโครงการระดับ SUPER LUXURY CLASS ที่ขายราคาตั้งแต่ 47 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้ปัจจัยในการเลือกซื้อนอกจากจะต้องดูเรื่องความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่สำคัญ เช่น ความชอบส่วนบุคคล อารมณ์ และความรู้สึกส่วนตัวของผู้ซื้อที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณา แต่ปัจจัยดังกล่าวมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ดังนั้นทางทีมงานจะไม่มีการให้คะแนนสำหรับโครงการนี้นะคะ

    I-NINE POOL VILLA เหมาะกับใคร

    เหมาะกับครอบครัวขนาดกลางสมาชิก 5-6 คน ที่มองหาหมู่บ้านขนาดเล็กเป็นโครงการปิด มีรั้วรอบขอบชิด ในทำเลใจกลางเมืองย่านสุทธิสาร เน้นความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย ชอบบ้านที่มีพื้นที่พักผ่อนเป็นส่วนตัวขนาดใหญ่ เชื่อมห้องนั่งเล่น+ทานข้าว+สระว่ายน้ำและสวนหลังบ้านเข้าไว้ด้วยกัน ห้องนอนมีขนาดใหญ่ทุกห้องพร้อมห้องน้ำในตัว ชอบบ้านที่เลือกใช้วัสดุและโครงสร้างดี เผื่อการต่อเติมและเทคโนโลยีในอนาคต


    ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
    ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc