รีวิวฉบับที่ 1871 … บ้านเดี่ยวใครว่าจะอยู่ใกล้เมืองไม่ได้ วันนี้ผมมีโครงการ ARTALE พัฒนาการ – ทองหล่อ จาก Ananda มาฝากครับ เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ในซอยพัฒนาการ 20 ที่ใกล้ทางพิเศษฉลองรัช และซอยทองหล่อเพียง 3.5 km. ตัวบ้านสไตล์ Modern เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน มีความเป็นส่วนตัว และมีสวนส่วนกลางสวยงามน่าใช้ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่เรียบร้อยแล้ว และวันนี้เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดกัน จะเป็นอย่างไร ไปรับชมกันเลยครับ

ข้อมูลโครงการ

Fact @ 22 May 2019

  • ARTALE Phattanakan-Thonglor (อาร์เทล พัฒนาการ – ทองหล่อ)
  • บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
  • SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนน พัฒนาการ เขตสวนหลวง
  • เนื้อที่โครงการ 13-0-73.1 ไร่ จำนวน 49 ยูนิต
  • Medio บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 56 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 395 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 31.5 ล้านบาท (Sold Out /Update 11/06/2020)
  • Grande บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 71.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 450 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 41.5 ล้านบาท (ราคาเริ่มต้น 41.9 – 49.9 ล้านบาท /Update 11/06/2020)
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าชั้น 1 สูง 3 – 6.2 เมตร / ชั้น 2 – 3 สูง 2.7 เมตร
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : ม.ค. 2559
  • สร้างเสร็จพร้อมอยู่ : ต้นปี 2561
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 020752077
  • Call Center : 023162222
  • Open House 22 – 23 มิถุนายน 2562 นี้ มีงาน “ESCAPE TO THE ELEGANT LIVING” เริ่มต้น 30 ล้านบาท มีส่วนลดสูงสุด 2,000,000 ล้านบาท

โดยโครงการนี้ทาง Think of Living เคยมีวีดีโอพาไปชมบ้านตัวอย่างกันเมื่อ 2 ปีก่อน (คลิก)

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.730916, 100.606713
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการครับ

โครงการ ARTALE พัฒนาการ – ทองหล่อ ตั้งอยู่ภายในซอยพัฒนาการ 20 ซึ่งเป็นซอยที่ค่อนข้างคึกคักมากครับ เพราะสามารถเชื่อมต่อกับซอยพัฒนาการอื่นๆได้ แล้วยังสามารถไปทะลุซอยอ่อนนุช 17 เพื่อไปออกถนนอ่อนนุชได้อีกด้วย นอกจากนี้ซอยพัฒนาการ 20 ยังเป็นซอยที่อยู่ใกล้กับทางพิเศษฉลองรัช สามารถเข้าเมืองไปสุขุมวิท หรือจะไปพระราม 9 – ลาดพร้าวก็สะดวกครับ และจุดเด่นอีกอย่างของโครงการย่านนี้คือ อยู่ไม่ไกลจากซอยเอกมัย-ทองหล่อ ที่หลายคนรู้จักกันดีว่ามีความเจริญและคึกคักมาก จากถนนพัฒนาการถ้าขึ้นเหนือไปก็จะสามารถไปยังรามคำแหง-บางกะปิได้ หรือถ้าไปทางถนนศรีนครินทร์ก็จะสามารถไปสมุทรปราการหรือลาดกระบัง-สุวรรณภูมิได้ด้วยครับ ดังนั้นทำเลโครงการนี้จึงถือเป็นทำเลที่ใกล้เมือง และยังเข้า-ออกเมืองได้สะดวกมากๆอีกด้วย

ความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้ขอเริ่มจากภายในซอยพัฒนาการ 20 จะมีความคึกคักและมีความเป็นชุมชนสูงมากครับ ซึ่งถ้าใครเคยได้มีโอกาสขับรถเข้าไปจะเห็นว่าตลอด 2 ข้างทางจะมีร้านค้าร้านอาหารอยู่เต็มไปหมด มีร้านสะดวกซื้อ ปั้มน้ำมัน และยังมีคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง Park Plaza ที่ภายในมี MaxValu เปิดตลอด 24 ชม. อยู่ด้วย นอกจากนี้บนถนนพัฒนาการเองก็ยังมีอาคารสำนักงาน สถานศึกษา ห้างและคอมมูนิตี้มอลล์อื่นๆตั้งอยู่ไม่ไกล นับว่าเป็นย่านที่สะดวกและครบครัน หรือใครจะเข้าเมืองไปยังซอยเอกมัย-ทองหล่อก็สะดวก เป็นย่านที่รู้กันดีว่ามีความเจริญมาก เต็มไปด้วยอาคารสำนักงาน โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ สถานบันเทิงต่างๆ และร้านอาหารชื่อดังมากมาย ต่างชาติก็อยู่กันเยอะ เพราะหน้าปากซอยฝั่งถนนสุขุมวิทนั้นมีรถไฟฟ้าเส้นหลักสายสีเขียววิ่งผ่านนั่นเอง

สำหรับทางด่วนที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้น คือทางพิเศษฉลองรัชที่อยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 1.7 km. นั่นเองครับ ซึ่งถ้าเป็นชั่วโมงเร่งด่วนอย่างเวลาทำงาน 8.00 น. รถก็อาจมีติดบ้างนิดหน่อย ต้องเผื่อเวลาสักประมาณ 15 นาทีนะ แต่ถ้าช่วงเวลาสายๆหน่อยสัก 10.00 น. ก็จะคล่องตัวขึ้น ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ได้ขึ้นทางด่วนแล้วล่ะครับ

ส่วนถ้าเราจะตรงไปยังซอยทองหล่อก็มีระยะทางประมาณ 3.5 km. เท่านั้นเอง ซึ่งรถก็อาจจะติดสักเล็กน้อยนะในการเข้าเมือง แต่ก็ใช้เวลาประมาณ 24 – 35 นาทีในการเดินทางก็ถึงตัวเมืองแล้วล่ะครับ ถือว่าสะดวกมากๆ

และอีกหนึ่งเส้นทางเราก็สามารถไปออกถนนอ่อนนุช ที่ซอยอ่อนนุช 17 ได้ครับ ซึ่งจะมีระยะทางประมาณ 3.3 km. ใช้เวลาประมาณ 16 นาทีก็ถึงปากซอยแล้วล่ะ หรือถ้าใครอยากจะเลยไปอีกหน่อยที่ BTS สถานีอ่อนนุช ก็สามารถขับตรงต่อไปอีกหน่อย ประมาณ 10 – 15 นาทีครับ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวก แต่ก็อย่างที่รู้ๆกันคือรถแถวนี้จะติดหน่อยนะ

แต่ถ้าใครที่ต้องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจริงๆ หรือต้องไปสนามบินสุวรรณภูมิบ่อยๆ ก็จะมี Airport link สถานีรามคำแหง อยู่ใกล้ที่สุด ห่างออกไปประมาณ 2.1 km. เท่านั้น สามารถไปเปลี่ยนสายใต้ดิน MRT สถานีเพชรบุรี และรถไฟฟ้า BTS สถานีพญาไท ได้ครับ

สำหรับการเดินทางในวันนี้ผมเริ่มจากแยกคลองตันนะ ซึ่งถ้าใครมาจากทางพิเศษฉลองรัชก็จะสามารถมาตามเส้นทางของผมวันนี้ได้เหมือนกัน และต้องขอบอกไว้ก่อนว่าถนนพัฒนาการปัจจุบันมีการก่อสร้างอยู่นะ ถ้าใครมาตามแผนที่(เส้นทางเดิม)จะเห็นว่าต้องไปกลับรถไกลหน่อย แต่หน้างานจริงหรือเมื่อก่อสร้างถนนเสร็จแล้ว จะมีจุดกลับรถใหม่บริเวณเหนืออุโมงค์ ซ.พัฒนาการ 25 (ตรงบริเวณจุดที่กำลังมีการก่อสร้างอยู่ในแผนที่) ซึ่งจะทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้นครับ จากนั้นให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพัฒนาการ 20 ประมาณ 750 m. ก็จะเจอกับทางเข้าโครงการอยู่ทางขวามือ แล้วเมื่อขับเข้ามาจนสุดทางอีกประมาณ 100 m. ก็จะเจอกับโครงการ Artale อยู่ทางซ้ายมือครับ บรรยากาศการเดินทางจะเป็นอย่างไรตามผมไปดูกันเลย

เริ่มต้นจากแยกคลองตัน ขับตรงมาเรื่อยๆบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จนมาถึงแยกใต้ทางด่วนพัฒนาการหรือก็คือทางพิเศษฉลองรัช โดยถ้าใครมาจากทางด่วนก็จะมาเริ่มต้นที่ตรงจุดนี้เหมือนผมได้เลยนะ ซึ่งก็ให้เราขับตรงไปเพื่อเข้าสู่ถนนพัฒนาการได้เลย

ขับตรงมาไม่นาน เราจะมองเห็นซอยพัฒนาการ 20 อยู่ฝั่งตรงข้าม มีจุดสังเกตคือร้านขายยากรุงเทพสีฟ้าขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่หน้าปากซอย ซึ่งก็ให้เราขับตรงต่อไปเพื่อหาที่กลับรถครับ

ขับตรงมาก็ให้ใช้ช่องทางที่ 2 จากซ้าย เพื่อที่เราจะขับตรงต่อไป ไม่ต้องลงอุโมงค์นะครับ

และเมื่อเลยทางลงอุโมงค์เมื่อสักครู่มาหน่อย ก็จะเจอกับจุดกลับรถครับ จากป้ายปัจจุบันจะเขียนว่าเป็นจุดกลับรถชั่วคราว แต่ทางเซลล์ได้บอกผมมาว่า ถ้าการก่อสร้างถนนแล้วเสร็จ เค้าก็จะเปิดตรงนี้ให้เป็นจุดกลับอย่างเป็นทางการครับ

เมื่อกลับรถมาแล้วก็ให้เราขับย้อนกลับมา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยพัฒนาการ 20 โดยด้านบนจะมีป้ายบอกทางลัดไปสู่ซอยสุขุมวิท 77 (ถนนอ่อนนุช) ได้อีกด้วย

บรรยากาศภายในซอยอย่างที่ผมได้บอกไปในพาร์ทแผนที่ว่าค่อนข้างคึกคักและอุดมสมบูรณ์มากเลยทีเดียว ตลอด 2 ข้างทางจะมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และตลาด รวมถึงมีปั้มน้ำมันอยู่ในซอยอีกด้วยนะ ซึ่งในช่วงเย็นๆตอนที่ผมกลับจากโครงการ ผมเห็นว่ามีคนกลับมาจากที่ทำงาน แล้วมาเดินจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคักเลยครับ

เมื่อขับเข้ามาในซอยประมาณ 750 m. ก็จะเจอกับทางเข้าโครงการอยู่ทางขวามือ ก็ให้เราเลี้ยวเข้าไปเลย

และเมื่อขับเข้ามาด้านในจนถึงวงเวียน ก็ให้เราเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่โครงการได้เลยครับ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

คราวนี้เราก็ลองมาดูบริบทรอบๆโครงการกันสักหน่อยนะครับ ซึ่งส่วนมากจะเป็นชุมชนแนวราบทั่วไป มีทั้งทาวน์โฮม บ้านพักอาศัย ทั้งที่จัดสรรและไม่จัดสรร รวมถึงมีที่ว่างและโกดังอีกด้วย แต่จุดที่น่าสังเกตคือจะอยู่ใกล้กับโรงเรียนและมัสยิดครับ ซึ่ง ณ วันที่ผมไปถ่ายรีวิวก็อาจจะได้ยินเสียงอยู่บ้างเบาๆนะ แต่ถ้าเราเข้าไปอยู่ในตัวบ้านแล้วจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยครับ ส่วนอื่นๆที่ติดกับที่ดินโครงการจะประกอบด้วย

  • ทิศเหนือ : ติดกับวงเวียนทางเข้าโครงการ และโครงการจัดสรร Arden ทาวน์โฮม 3 ชั้น
  • ทิศใต้ : ติดกับที่ว่างกับบ้านพักอาศัย
  • ทิศตะวันออก : ติดกับอาคารโกดังสูง 1 ชั้น และคอมมูนิตี้มอลล์ Park Plaza
  • ทิศตะวันตก : ติดกับโครงการ Arden ทาวน์โฮม 3 ชั้น

มาเดินดูบรรยากาศกันสักหน่อยนะครับ เริ่มจากด้านหน้าฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าโครงการเป็นตึกแถวสูง 4 – 5 ชั้น

ทางด้านขวาของทางเข้าโครงการเป็นอาคารพักอาศัยสูง 5 ชั้น ด้านล่างมีคลีนิคสัตว์เล็กๆเปิดอยู่ครับ ส่วนร้านอื่นๆในระยะเดินจะไม่มีนะ ต้องไปต่อสักประมาณ 200 – 300 m. ถึงจะมีเซเว่นและวินมอไซค์ครับ

ต่อไปเรามาดูทางด้านซ้ายกันบ้างดีกว่านะ ซึ่งถือว่าเป็นทีเด็ดของทำเลโครงการนี้เลยทีเดียว

ติดกับโครงการคือคอมมูนิตี้มอลล์ Park Plaza พัฒนาการ 20 ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งอำนวยความสะดวกที่ใกล้โครงการมากที่สุด และยังมี MaxValu เปิดตลอด 24 ชม. ให้พึ่งพิง ส่วนด้านในก็มีร้านอาหารอยู่ครับ แต่อาจไม่ได้คึกคักและหลากหลายมากนักนะ บรรยากาศจะเงียบๆสงบๆ และมีแต่คนในละแวกนี้เท่านั้นที่มาใช้งาน ด้านหลังมีที่จอดรถสามารถขับรถมาจอดได้เลย

ส่วนฝั่งตรงข้ามใต้ตึกแถวตอนเย็นๆแบบนี้จะมีร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้าวแกง และส้มตำ มาเปิดอยู่บ้างครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Park Plaza + MaxValu ~ 100 m.
  • A-link Square ~ 2.1 km.
  • The Mall รามคำแหง ~ 3.5 km.
  • สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ~ 3.9 km.
  • Big C อ่อนนุช ~ 4.4 km.
  • DONKI Mall ทองหล่อ ~ 4.5 km.
  • London Street ~ 4.6 km.
  • Makro สำนักงานใหญ่ ~ 4.7 km.
  • Tesco Lotus ~ 4.8 km.
  • Park Lane เอกมัย ~ 5.3 km.
  • The Nine พระราม 9 ~ 5.4 km.
  • ม.รามคำแหง ~ 5.7 km.
  • รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 6.8 km.
  • Thanya Park ~ 7.9 km.
  • Seacon Square ~ 11.5 km.

รายละเอียดโครงการ

โครงการ ARTALE พัฒนาการ – ทองหล่อ เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่มีจำนวนยูนิตเพียง 49 หลัง ถือว่ามีความเป็นส่วนตัวมากๆ ทางเข้าด้านหน้าเป็นถนนภาระจำยอมที่ใช้ร่วมกับโครงการ Arden พัฒนาการ ซึ่งเป็นของ Ananda เช่นกัน โดยจะเข้ามาจากถนนซอยพัฒนาการ 20 มาประมาณ 100 m. จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบมากขึ้นครับ

ทางเข้าโครงการจะมีแค่จุดเดียวทางด้านหน้า และถนนด้านในจะบังคับให้เลี้ยวขวาทันที ทำให้เมื่อมองเข้ามาจากภายนอกโครงการก็จะยังไม่เห็นอะไร นอกจากสวนส่วนกลางเล็กๆ ที่ทางโครงการอุตส่าห์แบ่งแปลงที่ดินแปลงหนึ่งเอาไว้เพื่อจัดเป็นสวนต้อนรับ ช่วยเพิ่ม Approach ที่ดีในการกลับบ้านจะได้รู้สึกสดชื่น ร่มรื่น และเป็นส่วนตัวมากขึ้น และเมื่อเข้ามาจนถึงช่วงบริเวณกึ่งกลางโครงการ ก็จะเจอกับสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ เนื้อที่กว่า 1 ไร่ ยาวต่อเนื่องจากซอยด้านหน้าไปจนถึงซอยด้านหลังโครงการ ทำให้บ้านทุกๆซอยจะอยู่ใกล้ส่วนกลางทั้งหมด สามารถเดินมาใช้งานได้ง่าย นอกจากนี้ยังเป็นการบังคับให้บ้านเกือบทุกๆยูนิต จะต้องขับผ่านสวนนี้ เพื่อซึมซับบรรยากาศของสวนแห่งนี้นั่นเอง

ซึ่งจากผังโครงการจะเห็นได้ว่ามีการวางบ้าน type ใหญ่ (Grande) อยู่ล้อมรอบส่วนกลางทั้งหมด แต่จะมีแค่แปลงตรงส่วนหัวและท้ายของพื้นที่สวนส่วนกลางเท่านั้นที่จะได้หันหน้าเข้ามายังสวน ซึ่งจะทำให้เวลาเราอยู่ในบ้านที่ชั้นบนๆ แล้วมองออกมาหน้าบ้านก็จะมองเห็นสวนส่วนกลางที่เป็นพื้นที่สีเขียวกว้างๆได้นั่นเองครับ ถ้าเป็นแปลงที่อยู่ตามซอยย่อยต่างๆก็จะหันหน้าเข้าไปในซอยของตัวเองตามปกติ แต่ก็พอจะมองเฉียงๆออกมาได้จากระเบียงอยู่นะ ส่วนบ้าน type เล็ก (Medio) จะอยู่ภายในซอย ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่ก็ยังสามารถเดินไปใช้งานส่วนกลางได้ไม่ยากนัก โดยแต่ละซอยนั้นก็จะมียูนิตพักอาศัยเพียง 6 หลังเท่านั้น ถือว่าเป็นโครงการที่เงียบสงบ และวางผังออกมาได้โอเคมากๆครับ ซึ่งบรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไร ตามผมไปดูกันเลย

มาเริ่มต้นกันตั้งแต่ทางเข้าของโครงการที่อยู่ติดกับถนนซอยพัฒนาการ 20 ซึ่งด้านหน้าจะมีป้ายชื่อโครงการของ Ananda ทั้ง 2 โครงการคือ ARTALE กับ ARDEN ติดตั้งอยู่อย่างชัดเจน

ถนนนี้เป็นถนนภาระจำยอมครับ เพราะเป็นถนนที่ต้องใช้งานร่วมกันของโครงการจัดสรรด้านในทั้ง 2 และยังต้องใช้ร่วมกับอพาร์ทเม้นท์ทางด้านขวานี้อีกด้วยครับ แต่ทาง Ananda ก็ได้จัดตกแต่งภูมิทัศน์ทั้ง 2 ข้างทางให้สวยงามร่มรื่นมากๆ เพื่อใช้เป็นส่วนต้อนรับส่วนแรกนั่นเอง

เมื่อเข้ามาด้านในก็จะเจอกับวงเวียนขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ซึ่งจะมีซุ้มประตูแยกทางเข้า-ออก ของ 2 โครงการออกจากกัน โดยโครงการ ARTALE จะอยู่ทางด้านซ้ายมือนะ

อันนี้ความชอบส่วนตัวของผม ซึ่งผมว่าพี่กวางที่อยู่ตรงกลางวงเวียนตัวนี้สวยมากๆ และคิดว่าลูกบ้านหลายๆคนก็คงจะชื่นชอบเหมือนกัน รวมถึงคนที่ได้มาเยือนที่นี่ก็คงจะประทับใจไม่น้อย โดยพี่กวางตัวนี้จะหันหน้ามาทางซุ้มประตูของโครงการ ARTALE แบบนี้

ซุ้มประตูออกแบบเป็นสไตล์ Modern ซึ่งเป็นการผสมผสานวัสดุหลายชนิด ทั้งเหล็ก ไม้ และหิน ดูสวยงามดีครับ มีการแยกทางเข้าออก 2 ทางชัดเจน และซ่อนป้อม ร.ป.ภ. เอาไว้ตรงกลาง ซึ่งจะเนียนไปกับประตูรั้วจนแทบจะมองไม่เห็นเลยทีเดียว

ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่จะมีไม้กั้นกระดกเป็นด่านแรก ซึ่งจะเปิดออกอัตโนมัติด้วยสัญญาณ Bluetooth (RFID) คล้ายกับระบบ Easy Pass บนทางด่วน ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน จะได้ไม่ต้องเปิดกระจกออกมาเพื่อแตะบัตรให้ร้อนหรือเปียกฝน โดยตรงจุดนี้ก็จะมีกล้อง CCTV ติดตั้งมาให้ 2 ตัว เพื่อถ่ายป้ายทะเบียนรถและหน้าผู้ขับด้วย แล้วเมื่อไม้กั้นกระดกนี้เปิดออกแล้ว ประตูรั้วด้านในก็จะเปิดอัตโนมัติให้พร้อมๆกัน สามารถขับผ่านเข้าไปได้เลย ส่วนถ้าใครที่ไม่ใช่ลูกบ้านก็จะต้องแลกบัตรกับ ร.ป.ภ. ก่อนนะครับ หรือถ้าต้องการเดินเท้าก็จะมีประตูคนเดินแยกเอาไว้อยู่ทางซ้ายมือนะ

เมื่อผ่านประตูรั้วเข้ามาแล้วก็จะเจอกับพื้นที่สวนรอต้อนรับอยู่ทางด้านหน้า ช่วยเพิ่ม Approach ที่ดีเวลาเรากลับมาบ้านก็จะรู้สึกสดชื่น แล้วยังช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวของโครงการได้อีกด้วย ส่วนทางด้านซ้ายมือจะมีพื้นที่สำหรับจอดรถมอไซค์หรือจักรยานได้ครับ

สวนที่ว่านี้จะเป็นสวนประดับเล็กๆ ที่ปลูกต้นไม้เพื่อความร่มรื่น และมีบ่อน้ำพุอยู่ตรงกลาง ซึ่งบ้านหลังที่จะได้ประโยชน์จากสวนนี้มากที่สุดคือบ้านหลังข้างๆนี้นี่เองครับ เพราะเค้าสามารถมองลงมาเพื่อชมสวนในระยะใกล้ได้จากระเบียงส่วนตัวชั้นบนได้เลย แต่ก็อย่าลืมว่าหลังนี้เป็นยูนิตแรกที่บ้านทุกหลังจะต้องผ่าน จึงต้องแลกมากับความเป็นส่วนตัวที่น้อยลงไปบ้างนั่นเองครับ

เส้นทางของถนนในโครงการจะถูกบังคับให้เลี้ยวมาทางขวา โดยถนนหลักจะมีความกว้าง 13 m. และพื้น Concrete stamp จะสิ้นสุดที่บริเวณนี้ ต่อจากนั้นจะเป็นพื้นลาดยางมะตอยทั้งหมด ส่วน Sale Gallery ปัจจุบันจะเป็นหลังแรกทางขวามือเลยครับ

บรรยากาศภายในโครงการมีความเงียบสงบและร่มรื่นดีครับ โดยต้นไม้ที่ปลูกอยู่ด้านหน้าบ้านและริมถนนภายในโครงการจะเป็นต้นแคนา เป็นพืชที่โตเร็ว ให้ร่มเงา และมีดอกสีขาวที่สวยงาม (กินได้ด้วยนะ) และมีใครสังเกตมั๊ยว่าทั้ง 2 ข้างทางจะไม่มีเสาไฟฟ้าอยู่เลย นั่นเป็นเพราะโครงการเดินสายไฟไว้ใต้ดินทั้งหมด ทำให้ได้ทัศนียภาพที่สะอาดตาและดูเป็นระเบียบเรียบร้อยครับ

เมื่อเข้ามาจนถึงช่วงกลางของโครงการเราก็จะเจอกับพื้นที่สวนส่วนกลางทางด้านซ้ายมือ และถนนหลักของโครงการที่กว้าง 13 m. จะสิ้นสุดแค่ที่บริเวณหัวมุมถนนซอยแรกนี้ ทั้งพื้นที่รอบสวนและภายในซอยย่อยต่างๆ ต่อจากนี้จะเป็นถนนรองกว้าง 9 m. นะครับ

สวนส่วนกลางจะเป็นแนวยาวตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงด้านในโครงการแบบนี้เลยครับ ส่วนทางด้านซ้ายจะเห็นว่ามีทางเท้าเล็กๆสำหรับคนเดินแยกเอาไว้ให้ เพื่อเวลาเดินจะได้ปลอดภัย แล้วยังได้ร่มเงาจากต้นไม้ข้างทางด้วยนะ

ที่จอดรถของพื้นที่ส่วนกลางจะต้องขับรถตรงเข้ามาตามสวนเรื่อยๆ เพื่ออ้อมมาจอดบริเวณด้านหลังอาคาร Clubhouse ที่อยู่ด้านในสุดครับ

ส่วนทางเข้าหลักของอาคาร Clubhouse จะอยู่บริเวณกลางๆนะ ซึ่งจะแยกออกเป็น 2 อาคารคือ อาคารนิติบุคคล (ทางซ้าย) และอาคาร Facilities หลัก (ทางขวา) มีการออกแบบตัวอาคารคล้ายกับบ้านหลังคาทรงจั่ว แต่มีการลดทอนรายละเอียดลงให้มีความ Modern มากขึ้น ดูเรียบง่าย และปลูกต้นสนป่าทำให้ได้บรรยากาศป่าเมืองหนาวของต่างประเทศ ตามแนวคิดของโครงการเลยครับ

ที่ด้านหน้าของอาคารนิติบุคคลทางซ้ายนั้นจะมีศาลพระพรหมตั้งอยู่ด้วย ส่วนทางขึ้นอาคารก็จะมีการยก step ขึ้นไปด้านบน เป็นพื้นที่สำนักงานทั้งอาคารเลยครับ ลูกบ้านมีธุระอะไรก็มาติดต่อที่นี่ได้โดยตรงเลย

ส่วนทางด้านขวาจะเป็นอาคาร Facilities หลัก ซึ่งจะมีบันไดยก step ขึ้นไปด้านบนเช่นกัน

เมื่อขึ้นมาด้านบนก็จะเจอกับพื้นที่นั่งสันทนาการใต้อาคารเป็นส่วนแรก ซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่น พบปะพูดคุยกันตรงนี้ได้

โดยบริเวณนี้จะมีซิงค์ล้างจานเตรียมเอาไว้ให้ด้วยครับ เผื่อใครเอาอาหารมาทานเล่นก็จะได้ล้างจาน หรือล้างไม้ล้างมือตรงนี้ได้เลย

ก่อนจะเข้าไปในอาคารลองเลี้ยวมาดูด้านข้างอาคารกันสักหน่อย จะเป็นทางลงสระว่ายน้ำหลักครับ โดยสระนี้จะเป็นสระระบบเกลือ กว้าง 5.5 m. ยาว 20 m. และจะมีพื้นที่นั่งเล่นอยู่ตรงต้นสระ มีทั้งแบบ day bed และชิงช้าให้ได้นั่งเล่นเหนือผิวน้ำตื้น แต่ที่ผมชอบคือแนวกำแพงต้นไม้ทางด้านขวาของสระครับ เพราะมันช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่กำลังว่ายน้ำอยู่ได้ดี ใครขับรถผ่านไปมาด้านนอกก็จะได้มองเข้ามาไม่เห็นครับ

ส่วนทางด้านหลังที่ผมยืนอยู่นี้จะมีจุดล้างตัวให้ก่อนลงสระด้วยนะ โดยเค้าจะใช้กำแพงต้นไม้มาบังสายตาให้เหมือนเดิม ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดี

กลับมาที่ใต้อาคารกันอีกครั้งซึ่งจะมีบันไดทางขึ้นชั้น 2 อยู่ตรงกลาง แต่ก่อนจะขึ้นไปข้างบนนั้น ทางด้านขวามือจะมีห้องน้ำแยกชายหญิงไว้คอยบริการอยู่ด้านล่างด้วยครับ

ภายในห้องน้ำมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งจะมีอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำให้สำหรับคนที่ต้องการอาบน้ำหลังจากว่ายน้ำหรือออกกำลังกายเสร็จใหม่ๆ รวมถึงมีตู้ล็อคเกอร์อยู่ด้านในด้วยนะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนด้านหน้าและด้านหลังอาคาร ซึ่งเราจะไปดูทางด้านหน้าซึ่งเป็นฟังก์ชันหลักกันก่อนครับ

ด้านบนจะมีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็น Powder room คือจะไม่มีพื้นที่อาบน้ำไว้ให้นะครับ ถ้าใครต้องการที่จะอาบน้ำก็ต้องลงไปใช้ห้องน้ำด้านล่างแทนนะ

ติดกันจะเป็น Fitness ภายในมีเครื่องออกกำลังกายที่ครบและหลากหลายดีครับ ซึ่งก็เพียงพอต่อจำนวนยูนิต แต่ที่ผมชอบคือสไตล์การออกแบบหลังคา ที่โชว์คานและพื้นที่ใต้หลังคา ทำให้มีความสูงโปร่งและได้บรรยากาศเหมือนบ้านที่ต่างประเทศเลยครับ

ผนังทางด้านซ้ายเป็นผนังทึบ แต่ทางโครงการก็ตกแต่งด้วยกระจกเงา ช่วยสะท้อนแสงและวิวให้ไม่รู้สึดอึดอัด หรือเวลาออกกำลังกายไปก็สามารถส่องกระจกไปด้วยได้ ส่วนเครื่องออกกำลังกายประเภทคาดิโอนานๆจะหันหน้าออกไปที่ช่องหน้าต่าง 2 ด้าน ซึ่งสามารถ take view สวนและสระว่ายน้ำภายนอกไปด้วยได้ เวลาออกกำลังกายก็จะรู้สึกสดชื่นและไม่น่าเบื่อ

ต่อไปเราจะไปดูห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันบ้างนะครับ

ห้องนี้คือ Living room เป็นห้องนั่งเล่นสันทนาการ เอาไว้พบปะพูดคุยกันของลูกบ้าน หรือจะมานั่งทำงาน อ่านหนังสือ นัดแขกมาคุยงานกันก็ได้ ตกแต่งห้องด้วยวัสดุประเภทไม้ ดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติมากๆ

ตรงกลางเป็นชุดเก้าอี้และโซฟา ส่วนอีกด้านของห้องก็มีชุดโต๊ะเก้าอี้อีกชุดหนึ่งให้ได้เลือกนั่งกันตามอัธยาศัย ซึ่งผนังทุกด้านจะมีช่องกระจกให้แสงเข้ามา ทำให้สว่างและโปร่งโล่ง โดยเฉพาะช่องกระจกขนาดใหญ่ทั้ง 2 ด้าน ที่จะมองออกไปเห็นธรรมชาติภายนอกได้ครับ

กลับลงมาที่ด้านล่างกัน ซึ่งพื้นที่ต่อไปคือสระว่ายน้ำ และจะมีทางเดินหินอ่อนเดินเชื่อมต่อไปยังสวนที่อยู่อีกฝั่งได้

ซึ่งนอกจากสระว่ายน้ำหลักแล้ว ก็ยังมีสระเด็กกับบ่อ Jacuzzi แยกต่างหากด้วยทางเดินหินอ่อนเมื่อสักครู่อีกด้วย ซึ่งบ่อ Jacuzzi นั้นจะมีที่นั่งให้หันไปชมวิวทางลำธารและสวนทางขวามือได้ครับ

ถ่ายภาพมองย้อนกลับไปยังอาคาร Clubhoues จะเห็นการเชื่อมต่อเป็นเรื่องราวเดียวกันด้วยพื้นหินอ่อนสีขาว ตัดกับพื้นน้ำสีฟ้า และอาคารสีดำ ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวดูสวยงามดีครับ ซึ่งที่ปลายสระก็จะมี day bed ให้นั่งพักผ่อนอีกจุดหนึ่งด้วย เพียงแต่ตรงนี้จะไม่มีร่มเงาให้บังแดดเหมือนฝั่งต้นสระนะครับ ถ้าใครกลัวแดดก็อาจจะมาใช้ในช่วงเช้าๆ เย็นๆ หรือตอนแดดร่มๆได้นะ

ต่อจากพื้นที่สระว่ายน้ำจะมีบันไดเดินเชื่อมต่อลงไปยังสวนที่อยู่ด้านล่าง

ซึ่งสวนนี้ตกแต่งบรรยากาศดูร่มรื่นและน่าใช้งานมากครับ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากป่าเมืองหนาวที่ต่างประเทศ จึงมีการใช้ต้นไม้ประเภทสนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้ามีหิมะตกที่เมืองไทยนะใช่เลยครับ

ทางด้านขวานอกจากจะมีบ่อทรายเด็กเล่นที่เห็นเมื่อสักครู่แล้ว ก็จะมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กตั้งอยู่บนพื้นหญ้าด้วยนะ ทั้งหมดเป็นของจากธรรมชาติ ดูเข้ากันกับสวนป่าแบบนี้ดีครับ

ส่วนทางด้านซ้ายจะมีสะพานข้ามลำธารอยู่ด้วยนะ ซึ่งเป็นบ่อเดียวกับที่ต่อเนื่องมาจากโซนอ่าง Jacuzzi ก่อนหน้านี้ ในน้ำมีการเลี้ยงปลาไว้จริงๆด้วยนะ และสะพานนี้จะทำมาจากไม้จริงทั้งหมด ให้มีความเป็นธรรมชาติและสมจริงมากที่สุด สอดคล้องไปกับเครื่องเล่นเด็กเมื่อสักครู่นี้

และเมื่อลองข้ามสะพานมาที่ด้านนอกก็จะเจอกับ Jogging track ครับ ซึ่งจะสามารถวิ่งได้วนรอบสวนส่วนกลางและอาคาร Clubhouse นี้ได้ทั้งหมดเลย

และที่สุดปลายทางของลำธารนี้ เราจะมองเห็นศาลานั่งเล่นที่ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ซึ่งจะต้องข้ามสะพานไม้เพื่อเชื่อมไปครับ

ด้านในศาลาจะมีชิงช้าไว้นั่งเล่นอยู่ 1 จุด เป็นมุมส่วนตัว ใครมาก่อนได้จองก่อนทั้งศาลาไปเลย หรือจะมานั่งเล่นห้อยขาไปยังบ่อน้ำที่ด้านข้างศาลาก็ได้นะ

และนี่คือวิวที่มองจากชิงช้าของศาลาย้อนกลับไป จะมองเห็นสวน ลำธาร และสะพานทั้งหมด 3 จุด เป็นอีกมุมหนึ่งที่สวยดีนะครับ

ส่วนรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ผมคิดว่าโครงการดูใส่ใจในการออกแบบดี คือเรื่องของสีและวัสดุที่ใช้ โดยเฉพาะอลูมิเนียมสี Rose Gold ที่เป็นเอกลักษณ์ และนำไปใช้ตามจุดต่างๆของโครงการ ตั้งแต่ประตูทางเข้า ป้ายบอกทางต่างๆ และ facade ของบ้าน รวมถึงในบ้านก็ยังมีอีกด้วยนะ ซึ่งมันทำให้ทั้งโครงการดูเป็นเรื่องราวเดียวกันดีครับ

ส่วนบรรยากาศในซอยก็จะประมาณนี้ครับ เป็นซอยตันแต่ไม่ลึกมาก และมีจำนวนเพื่อนบ้านในซอยเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น จึงมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • Swimming Pool 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 20 x 5.5 เมตร
  • Kid’s Pool
  • Jacuzzi
  • Fitness
  • Living Room
  • Jogging Track
  • Pavilion
  • พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 2 จุด รวมประมาณ 1 ไร่
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 เมตร
  • ถนนหลักกว้าง 13 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
  • Key Card Access ระยะไกล
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก และประตูรั้วไฟฟ้า
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic Sensor ทุกหลัง

แบบบ้าน

คำว่า ARTALE มาจาก ART (Imagination) + TALE (Life Stage) หมายถึง การออกแบบพื้นที่ที่ผสานกันระหว่างศิลปะและฟังก์ชันที่ลงตัว เป็นแนวคิดที่ใช้ในการออกแบบโครงการ ไม่ว่าจะเป็นผังโครงการที่เราได้เห็นกันไปแล้วก่อนหน้านี้ และมันจะสะท้อนลงไปในฟังก์ชันบ้านต่อไปนี้อีกด้วย โดยโครงการนี้มีแบบบ้านทั้งหมด 2 Type ประกอบด้วย

  • Medio บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 56 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 395 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
  • Grande บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 71.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 450 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ

ซึ่งผมจะขอเกริ่นไว้ก่อนนะว่า บ้านของที่นี่ทั้งหมดเป็นโครงสร้างก่ออิฐมวลเบาทั้งหลัง แต่ในส่วนของห้องน้ำจะใช้เป็นอิฐมอญครับ เพราะอิฐมอญนั้นสามารถเจาะช่องเพื่อติดตั้งงานระบบท่อน้ำฝังผนังต่างๆ หรือยึดติดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำได้ง่ายกว่าอิฐมวลเบา ส่วนในเรื่องอัตราการดูดซึมน้ำหรือความชื้นนั้น 2 อย่างนี้จะไม่ต่างกันมากนัก ในขณะที่อิฐมวลเบาจะเหมาะกับใช้ก่อผนังภายนอกบ้านมากกว่า เพราะสามารถป้องกันความร้อนและกันเสียงได้ดีกว่าอิฐมอญ อีกทั้งยังก่อสร้างได้สะดวกรวดเร็ว แต่อาจคายความร้อนได้ไม่ดีเท่าอิฐมอญเท่านั้นเองครับ ซึ่งก็แก้ปัญหาได้ไม่ยากด้วยการทาสีป้องกันความร้อนจากแสงแดด หรือติดตั้งวัสดุอื่นเพื่อใช้เป็น facade นั่นเอง

บ้านแบบแรกที่ผมจะพาไปดูคือ Medio ขนาดที่ดินมาตรฐาน 56 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 395 ตร.ม. โดยผมจะขออธิบายแยกเป็นชั้นๆไปนะ เนื่องจากเป็นบ้านหลังใหญ่มาก จะได้เข้าใจพร้อมๆกันไปทีละส่วน โดยบ้านหลังนี้จะสามารถจอดรถได้ 3 คัน จุดเด่นอย่างแรกของบ้านชั้นนี้คือ Private Courtyard หรือพื้นที่สวนที่ถูกโอบล้อมด้วยแปลนบ้านที่เป็นรูปตัว C นั่นหมายความว่าทุกๆห้องและทุกๆฟังก์ชันภายในบ้านจะสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวส่วนนี้ได้ทั้งหมด และนอกจากนี้พื้นที่ Foyer หน้าบ้านยังมีส่วนช่วยบังสายตาจากภายนอก ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกด้วยครับ

อย่างที่สองคือประตูบานเฟี้ยมกลางบ้าน ที่สามารถปิดเพื่อกั้นแยกส่วนห้องนั่งเล่น กับส่วน Pantry และโต๊ะทานอาหาร ซึ่งอาจจะมีกลิ่นรบกวนให้แยกออกจากกันได้ หรือถ้าเราเปิดประตูเอาไว้ก็จะได้พื้นที่ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกัน และนอกจากนี้ยังมีการแบ่งแยกโซนเจ้าของบ้านกับโซน maid ออกจากกันอย่างชัดเจน โดยโซนของ maid จะกินพื้นที่ทางด้านขวาทั้งหมด ตั้งแต่ครัวไทย ห้องซักรีด และลานซักล้างข้างบ้าน มาจนถึงห้องขยะที่อยู่ด้านหน้าบ้าน ที่ maid เค้าจะสามารถเดินออกมาทั้งขยะได้สะดวกโดยไม่ต้องผ่านโซนอื่นๆในบ้าน ซึ่งของจริงหน้าตาจะเป็นอย่างไรนั้นเราลองไปชมพร้อมๆกันได้เลยครับ

สำหรับตัวบ้านของโครงการนี้จะออกแบบเป็นสไตล์ Modern เป็นรูปทรงเรขาคณิตขนาดใหญ่ ดูเรียบง่าย และใช้เส้นระนาบทั้งแนวนอนและแนวตั้งมาใช้ในการออกแบบ รวมถึงใช้สีแนว Earth tone ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ สุขุม และดูหรูหรา นอกจากนี้ยังมีการตกแต่ง facade ด้วยวัสดุประเภทกระเบื้อง หิน และอลูมิเนียม แทนที่จะเป็นแค่การทาสีแบบปกติเหมือนโครงการทั่วไปอีกด้วยครับ

เริ่มกันที่ประตูทางเข้าบ้าน จะเป็นประตูเหล็กบานเลื่อนอัตโนมัติ ที่สามารถสั่งการได้จากรีโมทหรือ smartphone โดยจะมี sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหว และสามารถตั้งระยะเวลาปิดประตูได้ ว่าหลังจากที่รถผ่าน sensor ไปแล้วจะให้ประตูนี้ปิดตัวลงในกี่วินาที หรือกี่นาทีครับ

ส่วนทางด้านขวาจะมีทั้งตู้ไฟและมิเตอร์น้ำที่จะตั้งอยู่ติดถนนระหว่างบ้าน 2 หลัง ทำให้เจ้าหน้าที่มาเปิดตรวจได้ง่าย มีตู้จดหมายที่สามารถหย่อนจากด้านนอก แล้วเปิดรับได้จากด้านในบ้านได้ โดยไม่ต้องเดินออกนอกประตูบ้าน รวมถึงมีห้องเก็บขยะที่มีประตูปิดมิดชิดดูเรียบร้อยดีครับ สามารถเปิดเพื่อทิ้งขยะได้ทั้งจากด้านนอกและด้านในสะดวกดี

พื้นที่จอดรถเป็นแบบ Slab on Beam โดยใช้คานเดียวกับตัวบ้าน และลงเสาเข็มลึก 22 m. เท่ากับตัวบ้านเลย พื้นมีการทำ slope ยกสูงขึ้นมาจากพื้นถนน ปูพื้นด้วยกระเบื้อง Kenzai สี Grey leaden ซึ่งเป็นกระเบื้องที่ถูกผลิตขึ้นจากหินแกรนิต ที่นำไปเผาจนอุณหภูมิสูงและนำมาขึ้นรูปเป็นกระเบื้อง (คล้ายกระเบื้องแกรนิตโต้) จึงทำให้กระเบื้องชนิดนี้มีความทนทานมากเป็นพิเศษ มีความสวยงามและรับน้ำหนักได้ดี เหมาะที่จะนำไปใช้ตกแต่งภายนอก และมีสีตามธรรมฉาด ไม่ฉูดฉาด ที่จอดรถสามารถจอดได้สูงสุด 3 คัน ซึ่งจะจอดในร่มทั้งหมด ทำให้ไม่ร้อนและไม่ต้องตากแดดตอนขึ้นลงครับ

ที่ด้านบนจะเห็นกล้อง CCTV ติดอยู่ตรงมุมบ้าน ซึ่งจะมีแบบนี้ติดตั้งรอบตัวบ้านทั้ง 4 มุม เพื่อความปลอดภัยครับ

และบนฝ้าเพดานของพื้นที่จอดรถ นอกจากไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้าที่จะให้แสงสว่างแล้ว ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆที่โครงการติดตั้งมาให้แบบนี้เลยครับ

  • ทางซ้ายสุดจะเป็นกล้อง CCTV ตัวที่ 5 ซึ่งจะติดอยู่ที่โรงจอดรถนี้
  • ตรงกลางเป็นระบบเตือนภัยฉุกเฉินของ Home Automation ซึ่งจะทำงานเมื่อเรากดปุ่มฉุกเฉินเพื่อขอความช่วยเหลือ
  • ทางขวามือจะเป็นระบบ Secirity มันจะส่งเสียงและมีแสงไฟขึ้นมาเมื่อระบบรักษาความปลอดภัยทำงานเมื่อมีผู้บุกรุก

ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยส่งสัญญาณให้ ร.ป.ภ. รีบมาที่บ้านของเราทันที ทำให้มีความปลอดภัยในการอยู่อาศัยมากขึ้นครับ

นอกจากนี้เราจะได้ฉากกั้นอลูมิเนียมสีน้ำตาลนี้แบบนี้ด้วยนะ ทำหน้าที่เป็นแผงบังสายตาเพื่อความเป็นส่วนตัวของสวนในบ้าน และยังล้อไปกับ facade ของตัวบ้านที่ชั้นบนอีกด้วย

ด้านในเป็น Private Courtyard ที่ถือว่าเป็น Signature หลักของตัวบ้าน ซึ่งเค้าก็จะจัดเป็นสวน มีปลูกหญ้า ปลูกต้นไม้ และทำเฉลียงไม้ข้างบ้านให้แบบนี้เลยครับ

โดยพื้นเฉลียงจะมีการทำ slope ขึ้นมาจากพื้นที่จอดรถ ทำให้สามารถเลื่อนหรือเข็นของขึ้นลงได้สะดวก หรือเดินก็จะไม่ต้องยกขาก้าวให้พ้น step ที่อาจมีการสะดุดล้มได้ครับ ส่วนไฟประดับสวนทางด้านซ้ายมือนั้นเราก็จะได้มาแบบนี้เลยนะ

เมื่อมองขึ้นไปด้านบน จะเห็นว่าตัวอาคารจะโอบล้อมพื้นที่สวนและต้นไม้ตรงกลางนี้เอาไว้ โดยในส่วนของต้นไม้ที่เราจะได้นั้นคือต้นกันเกรา เป็นต้นไม้ขนาดกลาง-ใหญ่ ที่มีใบพุ่มให้ร่มเงา มีดอก และยังเป็นไม้มงคลที่มีความหมาย ช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายไม่ให้มาทำอันตรายใดๆอีกด้วยครับ

แต่หากเป็นบ้านยูนิตแรกๆก่อนหน้านี้จะได้เป็นต้นพยุงนะ โดยภายหลังได้เปลี่ยนเป็นต้นกันเกราแทน เนื่องจากพยุงเป็นพันธุ์ไม้อนุรักษ์ที่ห้ามปลูกตามบ้านเรือน โดยกฏนี้ได้ออกมาในขณะที่โครงการกำลังก่อสร้างอยู่พอดี ซึ่งบ้านหลังที่สร้างเสร็จและปลูกไปก่อนแล้วก็จะได้รับการยกเว้นไปครับ

อีกหนึ่งไอเดียที่โครงการจะนำเสนอ คือเราสามารถจัดสวนตรงนี้เป็นอย่างอื่นได้ตามต้องการ เช่น บ้านบางยูนิตมีพื้นที่ข้างบ้านเยอะกว่าปกติ ก็สามารถทำเป็นสระว่ายน้ำขนาดเล็กแบบนี้ก็ได้นะ หรือจะจัดเป็นสวน มีศาลานั่งเล่น หรือมีบ่อปลาคราฟใหญ่ๆ มีน้ำตกด้วยก็ได้ แล้วแต่ชอบเลยครับ

ต่อไปเราจะมาดูที่อีกฝั่งของตัวบ้านกันบ้างนะครับ โดยจะเห็นว่าผนังของพื้นที่ชั้น 1 รอบตัวบ้าน จะปิดผิวด้วยกระเบื้อง Kenzai แบบนี้ทั้งหมดเลยนะ ซึ่งนอกจากจะมีความสวยงามและดูเป็นธรรมชาติเข้ากับกระเบื้องที่พื้นแล้ว ยังช่วยทำให้ผนังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น คือสีจะไม่ซีดและไม่ดูเลอะเทอะ หรือเห็นรอยแตกร้าวได้ง่ายเหมือนการทาสีแบบทั่วไปนั่นเองครับ

พื้นที่หน้าบ้านด้านหลังกำแพงรั้วจะมีพื้นที่เว้าเข้าไปให้ใช้เป็นพื้นที่วางของหรือเก็บของได้นะ ซึ่งพื้นที่รอบบ้านทางฝั่งขวานี้ก็จะปูเป็นพื้นกระเบื้องให้แบบนี้เลย

ส่วนพื้นที่ข้างบ้านทางขวาจะเป็นลานซักล้างในส่วนของ maid ทั้งหมด ที่เค้าจะใช้ในการซักผ้าและตากผ้าตรงนี้ได้เต็มที่ โดยรั้วบ้านจะค่อนข้างสูงมากครับ ประมาณ 3 m. และถ้าเป็นหลังที่อยู่ติดกับรั้วโครงการด้วยก็จะมีความสูงของรั้วโปร่งเพิ่มอีก 2 m. ด้วยนะ

และพื้นที่ด้านหลังบ้านจะมีความกว้างเพียงแค่ 1 m. ต่างจากโครงการทั่วไปที่จะต้องเว้นระยะอย่างต่ำ 2 m. ตามกฏหมาย นั่นเป็นเพราะบ้านหลังนี้ไม่มีการเปิดช่องแสงหรือช่องหน้าต่างด้านหลังบ้านโดยตรงเลยนั่นเองครับ แต่จะมีการเว้าพื้นที่เข้าไปแล้วเปิดหน้าต่างจากทางด้านข้างแทน ซึ่งการทำแบบนี้จะเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในให้มากขึ้น แล้วยังไม่ผิดกฏหมายควบคุมอาคารและกฏหมายป้องกันอัคคีภัยอีกด้วย

กลับมาที่ทางเข้าด้านหน้าบ้านกันอีกครั้ง เฉลียงหน้าบ้านจะมีการยก step ขึ้นไปเล็กน้อย จะได้ไม่เลอะเทอะมากนัก ประตูเป็นบานไม้สัก และติดตั้ง Digital door lock ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบ Home Automation และอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ติดอยู่ด้านบน

โดยถ้ามีใครมากดกริ่งที่หน้าบ้าน กล้องด้านบนนี้ก็จะทำงานและส่งสัญญาณไปยัง Smartphone ของเรา ทำให้เรารู้ได้ว่ามีใครมาหาเราที่บ้านในเวลาที่เราไม่อยู่บ้านได้ และยังสามารถกดเปิดประตูบ้านให้ได้จากระยะใกล้อีกด้วยหากต้องการ

ส่วนทางด้านขวาตรงกำแพงจะมีตู้ซ่อนอยู่ด้านใน สามารถเอาไว้เก็บของหรืออุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้งานด้านนอก เช่น อุปกรณ์ล้างรถ หรืออุปกรณ์ทำสวน เป็นต้น โดยประตูนี้จะเป็นแบบกดกระเด้ง แล้วจะรู้สึกหนักๆหน่อยนะ เป็นเพราะด้านนอกจะเป็นกระเบื้อง Kenzai กับเหล็ก แต่เนื้อในทั้งหมดจะเป็นปูนนะครับ จึงมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ เมื่อปิดก็จะแนบเนียนไปกับผนังดีด้วยครับ

เมื่อเข้ามาด้านในเราจะเจอกับ Foyer ก่อน ซึ่งจะยังมองไม่เห็นภายในตัวบ้านทั้งหมดจึงมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทางเดินมีความกว้างประมาณ 1.4 m. สามารถเดินสวนกันได้แบบพอดีๆ เป็นที่เอาไว้วาง หรือใส่รองเท้าก่อนออกจากบ้านได้ครับ แต่ที่ผมชอบคือมีช่องแสงที่ผนังด้านขวา แล้วยังมีช่องกระจกที่ประตูอีกด้วย จึงทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูสว่าง ไม่อึดอัด และจะได้ไม่เปิดประตูชนกันครับ

ทางด้านซ้ายมีการ Built in ตู้เก็บรองเท้าในผนังมาให้เรียบร้อย ด้านในสามารถเก็บรองเท้าได้หลายคู่เลยทีเดียว แต่ถ้ายังไม่พอก็สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บรองเท้าในห้องเก็บของที่อยู่ติดกันนี้ได้

ภายในห้องเก็บของจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถเก็บของได้เยอะ ซึ่งด้านบนจะมีแผงควบคุมไฟฟ้าและภาพหน้าจอของระบบ CCTV ต่างๆอยู่ในนี้ทั้งหมด

จุดสุดท้ายที่น่าสนใจของบริเวณ Foyer นี้คือแผงควบคุมสีขาวตัวนี้ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระบบ Security ทั้งหมดภายในบ้าน โดยฟังก์ชันที่ติดมากับตัวเครื่องจากทางโครงการ จะถูกแบ่งการควบคุมออกเป็น 4 โซน ส่วนที่เหลือก็เป็น option เสริมที่เราสามารถเชื่อมต่อได้เองในอนาคต

มาถึงโถงกลางบ้านกันแล้วนะครับ ห้องนี้เป็น Living room ที่เอาไว้นั่งเล่นหรือรับแขกของบ้าน มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานแบบ Double Volume อยู่ที่ 6.2 m. และได้ช่องแสงขนาดใหญ่แบบเต็มผนัง จึงมีความโปร่งโล่งมากขึ้น แล้วยังสามารถมองออกไปยังสวนที่อยู่กลางบ้านได้อีกด้วย

พื้นจะปูกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนสีน้ำตาลส้ม นำเข้ามาจากต่างประเทศ ส่วนระยะดู TV นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 4 m. แต่ก็ยังสามารถขยับความใกล้/ไกลได้ ซึ่งแล้วแต่ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่เราเลือกใช้ และการจัดวางฟังก์ชันภายในบ้านของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน

ฝ้าเพดานจะดรอปฝ้าและได้ไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 9 ตำแหน่ง ซึ่งเราสามารถติดตั้ง chandelier สวยๆแบบบ้านตัวอย่างนี้ก็ได้นะครับ ส่วนแอร์จะได้แบบ Concealed Type พร้อมซ่อนรางม่านและติดตั้งระบบม่านไฟฟ้าเอาไว้ให้เรียบร้อย

ประตูกระจกบานเลื่อนทางซ้ายสามารถเปิดออกไปยังสวนภายนอกได้ กรอบบานเป็นอลูมิเนียม Powder coat สีสั่งทำพิเศษ(ผิวทรายซาฮาร่า)จากยุโรป ซึ่งผิวสัมผัสจะมีลักษณะหยาบด้านและเป็นธรรมชาติ ส่วนกระจกจะเป็นลามิเนตสีชา แต่ที่ผมชอบคือรางประตูจะลดระดับฝังลงไปในพื้น ทำให้เวลาเดินจะไม่สะดุดหรือหกล้มครับ และกรอบประตูหน้าต่างของชั้น 1 ทั้งหมดนี้จะมีระบบ Magnetic sensor ติดตั้งมาให้ด้วยนะ

ถัดมาที่ด้านหลังโซฟา ซึ่งเค้าจะมีประตูบานเฟี้ยมที่สามารถกั้นแยกโซน ระหว่างพื้นที่นั่งเล่นกับพื้นที่ครัวด้านหลังให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น เวลามีการประกอบอาหารหรือทานอาหารจะได้ไม่มีกลิ่นรบกวนเข้ามาในบ้าน แถมยังสามารถช่วยจำกัดพื้นที่แอร์ให้ไม่เปลืองได้ ซึ่งจะกั้นแยกเป็นโซนๆไป โดยประตูบานนี้จะมีขอบยางที่ช่วยป้องกันเสียงและกลิ่นได้ดี ส่วนรางก็เป็นรางเล็กๆฝังอยู่ในพื้นทำให้ไม่เดินสะดุด ถือว่าเก็บงานได้ดี ใส่ใจรายละเอียดครับ

พื้นที่ต่อมาเป็นโซนด้านหลังบ้านโดยจะประกอบด้วย Pantry ครัวสำหรับเตรียมอาหารหรืออุ่นอาหารเบาๆ ซึ่งถ้าต้องการทำอาหารหนักๆก็จะมีครัวไทยแยกให้ต่างหาก ส่วนทางด้านซ้ายก็จะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารแยกเป็นสัดส่วนครับ โดยตรงส่วนนี้จะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 3 m. นะ และได้แอร์แบบฝังฝ้า (Cassette Type)‎ แบบนี้เลยครับ

โต๊ะไอส์แลนด์ตรงกลางเราจะได้แบบนี้ Top ด้านบนเป็นหินสังเคราะห์ อ่างล้างจานขนาดใหญ่ 44 x 79 cm. ลึก 22 cm. จาก Kohler พร้อมก๊อกน้ำสายอ่อน และได้เขียงกับถาดรองจานแบบนี้เลยครับ ส่วนด้านล่างก็มีที่เก็บของเยอะนะ มีถังขยะซ่อนไว้ให้ด้วย

ส่วนอีกฝั่งจะเป็นชุดครัว ซึ่งเราจะได้ทั้งหมดตามนี้เลย รวมพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยครับ ระยะทำครัวกว้างประมาณ 1 m. ซึ่งก็พอจะทำครัว 2 ฝั่งพร้อมๆกันได้แบบพอดีๆ

ด้านในตู้สามารถเก็บของได้เยอะเลย หน้าบานเป็น Hi Gloss แบบนี้ เตาและเครื่องดูดควันเป็นของ Smeg ดูดควันปล่อยออกไปภายนอก แต่ด้านข้างก็ยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งช่วยระบายอากาศได้อีกแรง Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์เช่นเดิม และติดตั้ง Backsplash กระจกเงามาให้แบบนี้เลยครับ

ติดกันเป็นพื้นที่โต๊ะทานอาหาร สามารถวางโต๊ะขนาด 6 – 8 ที่นั่งได้ครับ ซึ่งพื้นที่นี้จะอยู่ติดกับประตูกระจกบานเลื่อนซึ่งเปิดออกไป Take View สวนภายนอกได้อีกด้วยนะ

หันกลับมามองฝั่งขวาของ Pantry จะมีห้องน้ำและห้องครัวไทยครับ

ห้องน้ำชั้นล่างนี้จะเป็นแบบ Powder room คือจะไม่มีส่วนพื้นที่อาบน้ำ แต่เราจะได้สุขภัณฑ์ต่างๆตามนี้ เป็นของ Kohler อีกเช่นกัน รวมถึงโคมไฟสีดำนี้เราก็จะได้ทุกๆห้องเลยด้วยนะ

อ่างล้างหน้าเซรามิคสีขาว ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์หินอ่อนแท้ซึ่งด้านล่างมีตู้สามารถเปิดเก็บของได้ กระจกเงาก็เปิดออกมาได้ ด้านในมีชั้นวางของได้เยอะเลยครับ ติดกันก็จะมีกระจกบานกระทุ้งอยู่ด้านข้าง ซึ่งจะช่วยระบายอากาศ กลิ่น และความชื้นในห้องน้ำได้ดี

ส่วนทางขวาเป็นโถสุขภัณฑ์ของ Kohler ติดตั้งพร้อมสายฉีดชำระ ที่แขวนกระดาษชำระ และมีพื้นที่วางของตรง low wall ด้านหลังอีกเล็กน้อย

ติดกันเป็นครัวไทยที่มีประตูปิดมิดชิดกั้นแยกออกมา สามารถทำอาหารจริงจังได้อย่างเต็มที่ และเป็นพื้นที่ใช้งานในส่วนของ maid เป็นส่วนใหญ่

ภายในมีพื้นที่กว้างประมาณ 1.1 m. สามารถประกอบอาหารพร้อมกันหลายๆคนได้ พื้นเป็นกระเบื้องเซรามิก และลดระดับลงจากพื้นบ้านเล็กน้อย ทำให้สามารถเช็ด ล้าง ทำความสะอาดได้เต็มที่ เพราะเค้ามีท่อระบายน้ำเตรียมไว้ให้ด้านในด้วยนะ

เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์สีดำ และกรุกระเบื้องที่ผนังเป็น Backsplach มาให้ แต่อาจต้องทำด้านข้างเพิ่มอีกนิดหน่อย จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย มีอ่างล้างจานและ Hoop&Hood ของ Smeg เช่นเดิม ส่วนด้านล่างก็เก็บของได้เยอะเลยครับ แถมยังติดตั้งพัดลมดูดอากาศไว้ที่ผนังอีกด้วย

ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่วางตู้เย็นครับ ซึ่งเค้าจะ Built เป็นตู้มาให้แบบนี้เลย สามารถเก็บของได้เยอะ และมีช่องวางตู้เย็นขนาดประมาณ 95 x 60 cm. สูง 1.85 m. ครับ

ส่วนทางด้านซ้ายจะมีประตูสามารถเปิดออกไปยังส่วนซักล้างข้างบ้านได้ ซึ่งประตูนี้ค่อนข้างดี มีตัวล็อคแน่นหนา และมีแถบยางกันเสียง กลิ่น และแมลงได้สนิท รวมถึงมีช่องด้านบนซึ่งทำเป็นระแนงระบายอากาศ และมีมุ้งลวดปิดกันแมลงอีกชั้นหนึ่ง ทำให้ครัวนี้จะมีอากาศถ่ายเทอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

ลานซักล้างข้างบ้านจะมีพื้นที่ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ที่ลดระดับลงไปประมาณ 15 cm. ทำให้สามารถเช็ดล้างทำความสะอาด และเปียกน้ำได้เต็มที่ ซึ่งพื้นส่วนนี้จะยกขอบสูงขึ้นจากระดับพื้นด้านนอกอีกเล็กน้อย ช่วยป้องกันเศษฝุ่นหรือดินด้านนอกไม่ให้เข้ามาเลอะเทอะด้านใน และพื้นที่ที่เหลือก็สามารถใช้ตากผ้าได้ครับ ส่วนห้องอื่นๆก็จะเป็น Back of house ของ maid ทั้งหมด

ประตูแรกเป็นห้องปั๊มน้ำของตัวบ้าน ซ่อนอยู่ด้านในเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มาวางเกะกะด้านนอก

ติดกันเป็นห้องน้ำของ maid ซึ่งจะอยู่ใต้บันได ภายในมีฟังก์ชันต่างๆครบครัน สามารถใช้งานได้จริง

และข้างๆกันจะเป็นห้องซักรีด สามารถนำเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าต่างๆเข้ามาวางไว้ด้านในได้ จะได้ไม่ต้องเข้าไปรบกวนพื้นที่อื่นๆภายในบ้าน ไม่ต้องวางขวางทางเดิน หรือไม่ต้องวางกลางแจ้งให้เครื่องเสียหายเร็วอีกด้วย

สุดท้ายคือห้องนอน maid ซึ่งจะอยู่ติดกับบริเวณหน้าบ้าน เวลามีแขกมาหาก็จะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ได้ มีช่องหน้าต่างบานเกร็ดไว้เปิดระบายอากาศ และสามารถวางเตียง 3.5 ฟุต กับตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้แบบพอดีๆ

กลับมาที่ภายในบ้านกันอีกครั้ง คราวนี้เราจะเริ่มขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 ของตัวบ้านกันนะครับ ซึ่งตำแหน่งของบันไดจะตั้งอยู่กลางบ้าน และแยกฟังก์ชันชั้นอื่นๆออกเป็นส่วนหลังบ้านและหน้าบ้าน ให้มีความเป็นส่วนตัวออกจากกัน

โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหมด มีความแข็งแรงทนทาน ปิดผัวภายนอกด้วยไม้ Engineering wood หนา 10 mm. และมีเนื้อผิวด้านในเป็นไม้ยางพาราครับ ตัวราวจับก็เช่นกันนะ แต่โครงราวบันไดจะเป็นอลูมิเนียมสี Rose Gold ที่ล้อไปกับ facade ภายนอก และส่วนต่างๆของโครงการที่เราเห็นกันไปในตอนแรก มีไฟส่องสว่างติดตั้งมาให้ที่ขั้นบันไดเพื่อความปลอดภัย และมีช่องแสงที่ชานพักทำให้บันไดสว่าง ทำหน้าต่างบานกระทุ้งอยู่ด้านบนเพื่อเปิดระบายอากาศได้ ขั้นบันไดลูกตั้ง 18 cm. และลูกนอน 27 cm. กว้าง 1 m. ครับ

เรามาดูแปลนชั้น 2 กันต่อเลยครับ บันไดบ้านจะอยู่ตรงกลาง แล้วแยกฟังก์ชันห้องใช้งานต่างๆ ออกเป็นส่วนหน้าบ้านและส่วนหลังบ้าน โดยชั้นนี้จะทำให้เราสามารถมองเห็นแปลนบ้านเป็นรูปตัว C โอบล้อมสวนตรงกลางได้ชัดเจนมากขึ้น นั่นหมายความว่าทุกๆฟังก์ชันจะสามารถ Take view สวนและต้นไม้นี้ได้ ทำให้รู้สึกโปร่งโล่ง ในขณะเดียวกันพุ่มไม้นี้ก็จะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว โดยการช่วยบังไม่ให้มองเห็นฝั่งตรงข้ามได้อีกด้วย

ห้องแรกที่ขึ้นมาเจอจะเป็น Master Bedroom ซึ่งภายในมี Walk in closet และห้องน้ำในตัว ขนาดพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างใหญ่ อยู่ตำแหน่งหน้าบ้านเหมาะกับเจ้าของบ้าน และอยู่แค่บนชั้น 2 จึงทำให้สะดวกไม่ต้องเดินขึ้นชั้นสูงๆ ส่วนด้านหลังบ้านจะมีห้อง Family room ซึ่งเป็นห้องอเนกประสงค์ สามารถจัดเป็นห้องอะไรก็ได้ตามต้องการ และจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าชั้นล่าง และติดกันเป็นห้องนอนที่ 2 ที่มีห้องน้ำในตัวด้วยครับ ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันต่อได้เลย

ขึ้นบันไดมาที่ชั้น 2 เราจะเจอห้อง Master Bedroom อยู่ทางขวามือเป็นห้องแรก ถึงแม้ตำแหน่งนี้อาจไม่เป็นส่วนตัวมากนัก เพราะทุกคนที่จะขึ้นชั้นบนจะต้องเดินผ่าน แต่ก็สะดวกสำหรับเจ้าของบ้านครับ

เมื่อเข้ามาในห้องจะยังไม่เห็นพื้นที่ทั้งหมดนะ แต่จะเป็นโถงทางเดินลึกเข้าไปเพิ่มความเป็นส่วนตัว และมี Walk in closet อยู่ทางซ้ายมือ โดยพื้นของชั้น 2 และ 3 ทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็นพื้น Engineering wood และมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.7 m. ครับ

ภายใน Walk in closet จะมีขนาดพื้นที่ใช้งานโอเคเลยนะ สามารถใช้งานได้สะดวก ผนังที่กั้นมาให้นั้นจะเป็นอิฐมวลเบาไม่ใช่แค่ผนังโครงเหล็ก เพียงแต่เราจะต้องมา Built in ตู้เอง และแอร์ส่วนนี้จะได้เป็นแบบ Wall type นะครับ

ส่วนห้องน้ำจะมีขนาดที่กว้างขวางสามารถใช้งานได้สะดวก มีการแบ่งฟังก์ชันอย่างเป็นสัดส่วน และเราจะได้ของทุกอย่างตามที่เห็นในห้องนี้เลย ยกเว้นของตกแต่ง แต่โคมไฟยังได้อยู่น้าา

ขนาดพื้นที่ใช้งานกว้างประมาณ 1.3 m. สามารถใช้งาน 2 คน แบบสามีภรรยาได้สบายๆ ซึ่งแต่ละคนก็เลือกอาบน้ำพร้อมๆกันแต่คนละฟังก์ชันได้ เพราะเค้ามีแยกเอาไว้ให้เป็นสัดส่วน คนนึงอาบฝักบัว อีกคนนึงแช่น้ำผ่อนคลายในอ่าง

ทางด้านขวามือเราจะได้เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าแบบ His&Her ซึ่งสามารถใช้งาน 2 คนพร้อมๆกันได้ โดยฟังก์ชันทุกอย่างจะเหมือนกับห้อง Powder room ด้านล่างเลยครับ เพียงแค่ให้เป็น 2 ชุดเท่านั้น พร้อมติดตั้งไฟหลืบและโคมไฟมาให้แบบนี้เลยด้วย

ถัดเข้ามาเป็นอ่างอาบน้ำของ Kohler ขนาดประมาณ 0.8 x 1.7 m. ลึก 40 cm. สามารถลงไปนอนแช่ทั้งตัวได้สบายๆ มีฝักบัวสายอ่อนให้หยิบออกมาใช้งานได้ รอบๆมีขอบให้วางของได้นิดหน่อย และอยู่ติดกับหน้าต่างบานกระทุ้ง สามารถเปิดระบายอากาศให้ลมถ่ายเทได้ครับ

ต่อมาทางด้านซ้ายมือจะมีฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass ติดตั้งมาให้ 2 ชุด โดยจะกั้นแยกฟังก์ชันระหว่างพื้นที่อาบน้ำกับโถสุขภัณฑ์ให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้นครับ สำหรับส่วนของโถสุขภัณฑ์นั้นด้านบนจะติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้ เพื่อใช้ในการระบายกลิ่นได้ด้วยนะ แต่เวลาเปิดประตูทั้ง 2 ด้านจะต้องระวังที่จับกระแทกกับผนังกระจกด้วยนะครับ เพราะเค้าไม่ได้ติดตัว stopper มาให้ หรือเราจะติดตั้งเพิ่มเองก็ได้นะ

ภายในจะมีทั้งแบบฝักบัวที่เสาปรับระดับความสูงได้ มี Rain Shower และใช้ก๊อกน้ำแบบก้านโยกที่ใช้งานได้สะดวกมากๆ มีการเจาะช่องไว้สำหรับวางสบู่ไว้ที่ผนัง รวมถึงติดตั้งโถสุขภัณฑ์แยกต่างหากอีกห้องหนึ่งเพื่อความเป็นสัดส่วน

ภายในห้องนอนก็มีขนาดพื้นที่กว้างขวาง สามารถวางเตียงขนาด King size ไว้กลางห้อง แล้วยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้ใช้งานได้สะดวก ด้านบนติดตั้งแอร์ Cassette Type มาให้ และได้ช่องแสงทั้ง 2 ด้าน ทำให้ห้องสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้น

ปลายเตียงยังมีพื้นที่เหลืออีกเยอะเลยครับ สามารถวางโซฟาที่ปลายเตียงเพื่อนั่งดู TV ได้ แต่จะแนะนำให้ใช้เป็นโซฟาแบบไม่มีพนักพิงนะครับ จะได้ไม่มีอะไรบังเวลาเรานอนดู TV บนเตียง ส่วนหน้าต่างทั้ง 2 ด้านจะสามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้ด้วยนะครับ ซึ่งพอเปิดทั้ง 2 ด้านพร้อมกันแล้วลมจะ flow มากๆเลย

ทางด้านซ้ายคือทีเด็ดของห้องนี้ อย่างที่บอกว่าเราจะสามารถมองเห็นสวนและต้นไม้ตรงกลางบ้านได้จากทุกห้อง ทำให้รู้สึกสดชื่นและได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังได้ความเป็นส่วนตัว เพราะต้นไม้ช่วยบังห้องฝั่งตรงข้ามไว้ให้ได้ โดยเฉพาะบ้านข้างเคียงก็จะมีความเป็นส่วนตัวแยกออกจากกันครับ

ออกมาจากห้อง Master Bedroom คราวนี้เราจะไปดูส่วนหลังบ้านกันบ้างนะ โดยจะมีทางเชื่อมต่อกันแบบนี้ กว้างประมาณ 1 m. สามารถเดินสวนกันได้สบายๆ ราวกันตกเป็นกระจก Tempered Glass มีความโปร่งโล่งและปลอดภัย รวมถึงที่ปลายทางเดินยังมีช่องแสงทำให้โปร่งโล่ง และได้แสงสว่างที่เพียงพออีกด้วยครับ

ไหนๆเราก็มาที่โถงบันไดกันแล้ว เรามาดูงานระบบต่างๆที่ติดอยู่ตรงนี้กันสักหน่อยดีกว่าครับ ตรงบริเวณหัวมุมเหนือช่องเปิดบานกระทุ้งของบันไดชั้น 1 จะมี Motion sensor ของห้อง Living room ชั้นล่างมาให้ และถ้าเราขึ้นมาชั้นบนบริเวณหน้าห้อง Master Bedroom จะมี Smoke detector ติดตั้งมาให้ด้วยครับ

โดยการติดบริเวณนี้ก็เหมาะสมนะ เพราะเวลาเกิดเพลิงไหม้แล้วควันไฟจะลอยตัวขึ้นสู่ที่สูง ซึ่งตำแหน่งของฝ้าเพดานสูงแบบนี้จะทำให้ตรวจจับได้ง่ายนั่นเอง ต่อมาตรงโถงทางเดินก็จะมีอุปกรณ์กริ่งและตัวกระจายสัญญาน Home Automation รวมถึงมีไฟฉุกเฉินติดตั้งไว้ให้เพื่อความปลอดภัยอีกด้วย สามารถใช้งานได้ประมาณ 1 ชม. ครับ

มาต่อกันที่โถงบันได เมื่อเราเลี้ยวซ้ายมาก็จะเจอกับห้องอีก 2 ห้องของชั้นนี้ครับ

ห้องแรกทางขวามือคือ Family room จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เพื่อความโปร่งโล่ง แต่ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถกั้นผ้าม่าน หรือจะทำเป็นผนังทึบก็ได้นะ แต่ที่ผมชอบคือรางที่ฝังลงไปในพื้นครับ เป็นรางเล็กๆที่เดินไม่สะดุด ไม่เจ็บเท้า และมีความยาวเท่าที่จำเป็นจะต้องเปิดบานนั้นๆ ทำให้พื้นดูสะอาดตาดีครับ

ภายในห้องนี้มีขนาดประมาณ 3.3 x 2.8 m. มีช่องหน้าต่างอยู่ทางด้านขวา และได้แอร์แบบ Wall type ตามห้องตัวอย่าง โดยห้องนี้เราสามารถจัดเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ตามความชอบ เช่นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น หรือห้องพักผ่อนอ่านหนังสือก็ได้ ซึ่งห้องนี้จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า Living room ด้านล่างครับ แต่ยังเชื่อมถึงกันได้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อนนั่นเอง

ติดกันเป็นห้องนอนเล็กห้องแรก ซึ่งขนาดพื้นที่ก็ไม่ได้เล็กหรอกนะครับ สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้เลย โดยเราอาจไม่จำเป็นต้องวางชิดผนังแบบห้องตัวอย่างก็ได้นะ เพราะถ้าเราวางไว้กลางห้องก็จะสามารถขึ้นลงเตียงทั้ง 2 ฝั่งได้สะดวก แต่แอร์ของห้องนี้จะได้เป็นแบบ Wall type นะ

ที่ปลายเตียงนอกจากจะมีช่องแสงที่มองเห็นสวนกลางบ้านภายนอกได้แล้ว ก็ยังมีผนังกระจกฝ้า ซึ่งจะอยู่ในส่วนของโถงกลางบ้าน โดยฟังก์ชันนี้จะช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งให้กับภายในห้อง ลดความทึบตันของผนังลง แต่ยังได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ครับ

ภายในห้องนอนนี้มีห้องน้ำในตัวด้วยครับ มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ใช้งานได้สะดวก เพียงแต่จะไม่มีอ่างอาบน้ำให้แบบห้อง Master เท่านั้น

อ่างล้างหน้ายังคงเป็นของ Kohler เช่นเดิม เพียงแต่จะเปลี่ยนรูปแบบเป็นฝังในเคาน์เตอร์หินอ่อนแทนครับ ติดกันก็เป็นช่องหน้าต่างบานกระทุ้งที่สามารถเปิดระบายอากาศได้ ซึ่งจะได้เป็นกระจกฝ้าเพื่อความเป็นส่วนตัวแบบนี้เลย

อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered Glass ติดตั้งมาให้แบบนี้ครับ ด้านในมีฝักบัวและ Rain Shower มาให้เหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือมีที่นั่งอาบน้ำมาให้ด้วยครับ จะได้นั่งอาบกันได้สบายๆ ไม่ต้องยืนให้เมื่อย

ต่อไปเราจะขึ้นชั้น 3 กันนะ ซึ่งบันไดทางขึ้นก็จะอยู่หน้าห้อง Family room และได้เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเหมือนเดิม

ก่อนขึ้นบันไดเราลองมองลงไปด้านล่างจากบนนี้กันสักหน่อย จะมองเห็นพื้นที่ Living ทั้งหมด รวมถึง Foyer หน้าบ้านได้ เวลามีแขกมาก็จะมองเห็นจากบนนี้ได้ รวมถึงยังมองเห็นสวนภายนอกได้อีกด้วยครับ

สำหรับแปลนชั้น 3 ถือเป็นอีกหนึ่ง Signature ของโครงการ คือมีพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่อยู่ทางหน้าบ้าน เหมาะกับคนที่ชอบใช้งานพื้นที่ outdoor เช่น การจัดปาร์ตี้ ทำสวน หรือทำพื้นที่นั่งเล่นบนบ้านแบบส่วนตัว ส่วนห้องนอนจะแยกออกเป็นอีก 2 ห้อง ภายในมีห้องน้ำส่วนตัวทั้งคู่ แต่พิเศษหน่อยสำหรับห้องนอน 3 ทางด้านหลัง ซึ่งจะมีระเบียงขนาดใหญ่ส่วนตัวเป็นของตัวเองอีกด้วยครับ จริงๆพื้นที่ชั้น 3 นี้ถือเป็นชั้นสันทนาการมากกว่าชั้นพักอาศัยนะ ถ้าเป็นครอบครัวที่อยู่กันแค่ 3 – 4 คน ก็จะยังมีห้องนอนเหลืออีก 1 ห้อง โดยเราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันห้องใดห้องหนึ่ง เช่น ห้องนอน 4 ให้กลายเป็นห้องจัดปาร์ตี้ ห้องดูหนัง ฟังเพลง หรือทำงานอดิเรกอื่นๆได้ เพราะอยู่ใกล้กับระเบียงขนาดใหญ่ ซึ่งน่าชวนเพื่อนๆ ญาติๆ หรือคนรู้จักมาทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยๆครับ

เมื่อเราขึ้นบันไดมาที่ชั้น 3 ส่วนแรกที่จะเจอคือประตู 2 บาน เป็นทางออกไปสู่ระเบียงภายนอก กับประตูทางเข้าห้องนอนทางขวามือ

เราออกมาดูระเบียงด้านนอกกันก่อนนะครับ ระเบียงนี้มีความยาวเท่ากับตัวบ้าน พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีเทาเข้มแบบนี้มาให้ และมีพื้นที่ให้สามารถปลูกต้นไม้ในกระถางเพื่อประดับตกแต่งและเพิ่มความสดชื่นได้ครับ

ระแนงทางด้านขวานอกจากจะเป็น facade ของบ้านแล้ว ยังสามารถเปิดออกมาเพื่อใช้เก็บของด้านในเล็กๆน้อยๆได้ เช่น สายยางไว้รดน้ำต้นไม้ที่ชั้นบน เป็นต้น จะได้ไม่ไปวางตรงทางเดินให้เกะกะ รวมถึงตรงขอบพื้นจะมีการฝังไฟประดับเอาไว้ให้แบบนี้เลยด้วยนะ ตอนกลางคืนสามารถเปิดเพื่อความสวยงาม และทำให้ทางเดินระเบียงสว่างได้อีกด้วย

ที่ปลายระเบียงจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ให้สามารถวางชุดโต๊ะเก้าอี้กลางแจ้ง เพื่อพักผ่อนหรือจัดปาร์ตี้ได้ แต่ถ้าใครเป็นสายรักธรรมชาติจะจัดพื้นที่ทั้งหมดนี้ให้เป็นสวนสวยๆเลยก็ได้ครับ

มาดูรายละเอียดอื่นๆ ของระเบียงนี้กันต่ออีกสักหน่อยนะ เริ่มจากตรงผนังจะมีบันไดที่สามารถปีนขึ้นไปทำความสะอาด skylight ที่ดาดฟ้าได้ รวมถึงผนังบางส่วนมีการตกแต่งด้วยหินอ่อนแท้สีเทา และมีรางระบายน้ำจะอยู่ด้านนอกราวกันตกกรจกนิรภัย Tempered Glass ซึ่งถ้าเราปลูกต้นไม้ที่ระเบียงนี้ แล้วใบไม้ไหลไปอุดตันที่ท่อด้านนอก ก็จะทำความสะอาดลำบากนิดนึงครับ

กลับมาที่ในตัวบ้านกันอีกครั้ง คราวนี้เราจะมาดูห้องนอนที่อยู่ด้านหน้าบ้านกันต่อครับ

เมื่อเข้ามาด้านในเราจะยังไม่เห็นพื้นที่ในห้องทั้งหมด แต่จะเป็น Foyer หน้าห้องน้ำ ซึ่งทำให้มีความเป็นส่วนตัว และมีช่องแสงทำให้ทางเดินนี้ไม่มืดทึบจนเกินไปอีกด้วย

ภายในห้องน้ำก็จะมาตรฐานเหมือนห้องก่อนหน้านี้ เพียงแต่จะไม่มีที่นั่งอาบน้ำให้เท่านั้นเองครับ

ส่วนภายในห้องนอนก็มีขนาดพื้นที่กว้างขวาง สามารถวางเตียง ตู้เสื้อผ้า และเพิ่มโต๊ะทำงานหรือโต๊ะอเนกประสงค์เข้ามาได้สบายๆ แต่บ้านตัวอย่างได้จัดเอาไว้เป็นห้องนั่งเล่นสำหรับจัดปาร์ตี้ให้ดูเป็นอีกหนึ่งไอเดียครับ ส่วนแอร์ของห้องนี้ก็จะได้แบบ Cassette Type ตามภาพเลย

ก่อนจะไปดูห้องสุดท้ายทางหลังบ้าน ผมอยากจะให้สังเกตบนฝ้าเพดานกันสักนิด ซึ่งทางโครงการมีการเจาะช่องแสง skylight ทำให้โถงทางเดินสว่าง โดยตรงส่วนนี้เองที่จะสามารถขึ้นไปทำความสะอาดด้านบนจากบันไดที่ระเบียงด้านนอกเมื่อสักครู่ได้ และถ้าใครคิดว่าแดดร้อนไปสักหน่อยก็สามารถติดฟิล์มกันความร้อนเพิ่มเติมได้นะ

ห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนครับ และมีความเป็นส่วนตัวไม่สามารถมองเห็นส่วนของเตียงนอนได้ ทางซ้ายมีการทำผนังกระจกฝ้าเพื่อลดความอึดอัดเหมือนห้องด้านล่าง และทางขวาก็เป็นห้องน้ำในตัวด้วย

ภายในห้องน้ำของห้องนี้จะคล้ายๆกับห้องเมื่อสักครู่ แต่จะมีอ่างอาบน้ำมาให้ด้วยครับ พื้นที่อื่นๆก็ใช้งานได้สะดวก

ภายในห้องนอนมีขนาดพื้นที่กว้างขวาง สามารถวางโต๊ะ ตู้ เตียงได้อย่างเต็มที่ แต่ที่ชอบคือช่องแสงขนาดใหญ่ภายในห้องที่สามารถเปิดออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้ โดยอันที่จริงตอนแรกทางโครงการไม่ได้ออกแบบให้ออกไปใช้งานได้นะครับ แต่มีการปรับเปลี่ยนแบบทีหลังให้สามารถใช้งานพื้นที่ใช้สอยได้อย่างเต็มที่ เพียงแต่โครงสร้างพื้นฐานยังคงเป็นแบบเดิม ทำให้มีธรณีประตูค่อนข้างสูงประมาณ 32 cm. จึงต้องก้าวข้ามระวังๆกันหน่อยนะ

ระเบียงภายนอกค่อนข้างกว้าง ขนาดประมาณ 3.5 x 3.5 m. สามารถออกมาใช้งานจัดสวนและทำพื้นที่พักผ่อนได้เต็มที่ ราวกันตกจะได้เป็นราวเหล็กสีดำสูง 1.1 m. แต่ราวทางด้านขวามือหรือทางหลังบ้านจะเป็นแบบสูง 3 m. นั่นเป็นเพราะระยะห่างระหว่างบ้านที่หันหลังชนกันจะห่างกันแค่ 2 m. เท่านั้น ซึ่งกระชั้นชิดไปสักหน่อย จะทำให้เสียความเป็นส่วนตัวไปได้ ทางโครงการเลยทำเป็นรั้วสูงซะเลยครับ เหลือก็แต่เพื่อนบ้านข้างเคียงที่อาจมองเห็นกันได้อยู่บ้าง ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวก็อาจทำเป็น Green wall เช่นปลูกแนวต้นไม้เพิ่มเติมได้นะครับ

หลังต่อมาจะเป็นแบบบ้านชื่อว่า Grande ขนาดที่ดินมาตรฐาน 71.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 450 ตร.ม. โดยลักษณะของบ้านจะคล้ายกับแบบ Medio หลังที่ผ่านมาครับ บริเวณหน้าบ้านจะสามารถจอดรถได้ถึง 4 คัน และพื้นที่ Living จะเชื่อมต่อกับโต๊ะทานอาหารและ Pantry ครัว ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องกันมากขึ้น ส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือจะมีห้องนอนอยู่ที่ชั้น 1 ครับ โดยเราสามารถใช้งานเป็นห้องนอนแขกหรือห้องนอนผู้สูงอายุก็ได้นะ หรือจะใช้เป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆเช่น ห้องเล่นเกมส์ของเด็กๆ ห้องจัดปาร์ตี้ และห้องพักผ่อนก็ได้ เพราะมีพื้นที่เชื่อมต่อกับระเบียงภายนอกที่อยู่ติดกับสวนตรงกลาง ซึ่งเราจะได้สวนที่มีขนาดใหญ่มากกว่าบ้านแบบแรกอีกด้วย และส่วนใช้งานของ maid ก็จะถูกแยกออกไปอย่างเป็นสัดส่วนเช่นเดิมครับ ของจริงจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเราไปชมพร้อมๆกันเลย

ลักษณะของบ้านจะเป็นทรง Modern และมีการตกแต่งลักษณะเหมือนกับบ้านหลังก่อนหน้านี้เลยครับ ต่างกันแค่หน้าบ้านจะมีความกว้างมากขึ้นเท่านั้นเองครับ

ที่จอดรถก็จะสามารถจอดได้เพิ่มขึ้นอีก 1 คัน รวมเป็น 4 คันนะ ทั้งหมดก็ยังจอดอยู่ในร่มใต้ชายคาบ้านซึ่งถือว่าดีครับ เวลาลงจากรถจะได้ไม่ร้อนหรือเปียกฝนนะ

สวนตรงกลางบ้านก็ปลูกหญ้าและต้นไม้เอาไว้ให้เหมือนเดิม รวมถึงมีระเบียงกับสวนที่กว้างมากขึ้นอีกด้วยครับ

พื้นที่ข้างบ้านและหลังบ้านก็จะเป็นส่วนลานซักล้างของ maid เช่นเดิมครับ

ต่อไปเราจะเข้าไปยังส่วนในตัวบ้านกันนะครับ ซึ่งด้านหน้าจะมีห้องเก็บของซ่อนไว้ ได้ประตูบานไม้สักขนาดใหญ่ และติดตั้ง Home Automation ให้เหมือนเดิมเลยครับ

และเมื่อเราเปิดประตูบ้านเข้ามาก็จะเจอกับ Foyer เช่นเดิมครับ ใช้เป็นส่วนต้อนรับและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่ในบ้าน มีช่องหน้าต่างกระจกทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด และทางซ้ายมือก็จะมีตู้รองเท้าและห้องเก็บของครบครับ

แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปที่อยากจะให้สังเกตคือ สีของพื้นกระเบื้องครับ โดยสำหรับบ้านแบบ Grande นี้จะได้เป็นสีขาว-เทานะ แต่ถ้าเป็นบ้านแบบ Medio หลังที่แล้วเราจะได้เป็นสีน้ำตาลส้มตามภาพเลยนะ รวมถึงลวดลายก็จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละรุ่นอีกด้วย

เมื่อเข้ามาด้านในบริเวณห้อง Living เราจะเจอกับพื้นที่ฝ้าเพดานแบบ Double Volume สูง 6.2 m. และได้ช่องแสงขนาดใหญ่ที่มองเห็นสวนและต้นไม้นอกบ้านได้ จึงมีความโปร่งโล่ง

แต่สิ่งที่ต่างกันของพื้นที่กลางบ้านนี้คือ จะไม่มีประตูบานเฟี้ยมเพื่อแบ่งกั้นพื้นที่เหมือนเดิม แต่จะเน้นให้พื้นที่ทั้ง 3 ฟังก์ชันเชื่อมต่อกันเพื่อความโปร่งโล่ง และจะทำให้คนในบ้านมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนที่เตรียมอาหาร หรือกำลังทานอาหารอยู่ ก็จะสามารถพูดคุยหรือดู TV ในส่วนของ Living ได้ด้วย

ส่วน Pantry ครัว ก็จะได้ทั้งโต๊ะไอส์แลนด์ และชุด Built in ทั้งหมดเหมือนเดิมเลยครับ เพียงแต่จะมีขนาดใหญ่มากขึ้น จุของได้มากขึ้น และมีพื้นที่เตรียมอาหารใหญ่ขึ้นครับ

ทางด้านขวาของ Pantry จะมีห้องนอนชั้นล่างอยู่ 1 ห้อง อย่างที่ผมบอกไปในช่วงแปลนแล้วว่าเราสามารถใช้เป็นห้องนอนแขกก็ได้ ห้องนอนผู้สูงอายุก็ได้ หรือจะเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆแยกออกจากห้อง Living เพื่อความเป็นส่วนตัวก็ได้อีกเช่นกันครับ

สำหรับพื้นที่ใช้สอยของห้องนี้ กรณีที่ใช้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุก็ยังเหมาะกับคนที่ยังพอช่วยเหลือตัวเองได้อยู่นะครับ แต่จะได้ความสะดวกสบายไม่ต้องขึ้นบันไดชั้นบนเท่านั้น เพราะห้องนี้ไม่ได้มีพื้นที่มากพอให้เข็นรถเข็นได้สะดวกนัก แต่จะสามารถจัดฟังก์ชันอื่นๆแบบห้องนอนปกติได้แบบพอดี

และปลายเตียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ที่สามารถมองออกไปยังสวนภายนอกได้ และสามารถเปิดประตูเพื่อออกไปใช้งานได้อีกด้วยครับ

ภายในห้องนอนชั้นล่างนี้จะมีห้องน้ำในตัวด้วยนะ ช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ค่อนข้างมาก ซึ่งภายในก็มีฟังก์ชันมาตรฐานอื่นๆตามปกติ และจะได้ของทั้งหมดตามนี้เลยครับ

ประตูห้องน้ำจะเป็นแบบบานเลื่อนเพื่อประหยัดพื้นที่ ความกว้างภายในเท่าห้องอื่นๆ และพื้นมีการลดระดับตามปกติ แต่ที่เพิ่มเติมมาคือตรงบริเวณโถสุขภัณฑ์ จะมีปุ่มสัญญาณฉุกเฉินเพิ่มขอความช่วยเหลือไปยังนิติบุคคลได้ครับ เวลามีคนเกิดอุบัติเหตุในห้องน้ำจะได้มาช่วยเหลือได้ทันเวลา

ต่อไปเป็นห้องที่อยู่ทางด้านซ้ายของ Pantry ครัวกันบ้างครับ ซึ่งก็เหมือนเดิมนะ จะประกอบด้วยห้องน้ำและครัวไทย แต่สำหรับบ้านนี้เค้าจะติดประตูมาให้ดูด้วย โดยประตูของห้องครัวจะเป็นกระจกฝ้า ช่วยดึงแสงภายนอกเข้ามาทำให้สว่างมากขึ้น และยังทำให้เวลาจะเปิดประตูก็จะเห็นเงาฝั่งตรงข้ามได้ จะได้ไม่เปิดประตูชนกันครับ

ภายในห้องน้ำนี้เหมือนเดิมครับ เป็น Powder room หรือก็คือไม่มีพื้นที่อาบน้ำมาให้  ไว้ใช้งานสำหรับพื้นที่ส่วนกลาง และได้ของทุกอย่างในห้องตามนี้ สุขภัณฑ์เป็นของ Kohler

ส่วนห้องครัวก็จะมีขนาดพื้นที่ทำครัวใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย มีประตูกระจกที่สามารถเปิดออกไปยังส่วนซักล้างข้างบ้านได้เช่นเดิม

เพียงแต่พื้นที่ทำครัวและเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปตัว L นะ ผนังจะกรุกระเบื้องเป็น Blacksplash ทำให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายทั้ง 2 ด้าน และที่ชอบคือช่องหน้าต่าง ที่จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ด้าน ซึ่งพอเราเปิดทั้ง 2 บานพร้อมกัน ก็จะทำให้ลมถ่ายเทได้ดีเลยครับ

กลับมาที่ Living room กันอีกครั้ง ต่อไปเราจะขึ้นบันไดไปดูชั้น 2 กันบ้าง ซึ่งโครงสร้างบันไดและงานระบบทุกๆอย่างของบ้านทั้ง 2 หลังจะเหมือนกันหมดเลยครับ

แปลนชั้น 2 จะเป็นรูปตัว C โอบล้อมพื้นที่สวนตรงกลางเอาไว้ และมีฟังก์ชันต่างๆเหมือนกับบ้านหลังก่อนหน้านี้เลยครับ ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือแต่ละห้องจะมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น และห้องนอนเล็กทางด้านหลังบ้านก็จะมี Walk in closet ในตัวอีกด้วย ของจริงจะจัดออกมาเป็นอย่างไรบ้างเราไปชมพร้อมๆกันเลยครับ

ขึ้นมาที่ชั้นบนก็จะเจอกับโถงบันไดที่เชื่อมต่อกันทั้งส่วนหน้าบ้านและหลังบ้านเหมือนเดิมเลยครับ โดยห้องแรกที่เราขึ้นมาถึงก็คือห้อง Master Bedroom ทางขวามือนั่นเอง

โดยจากมุมด้านบนนี้ ถ้าเรามองลงไปด้านล่างก็จะสามารถมองเห็นฟังก์ชันได้ทุกๆส่วนห้องบ้านเลยครับ

และบ้านตัวอย่างหลังนี้จะติดตั้งประตูห้องนอนของจริงมาให้ดูด้วยนะ ซึ่งเราจะได้เป็นประตูไม้บานทึบสีน้ำตาลเข้มแบบนี้ มีที่เปิดแบบก้านโยกแข็งแรง และติดตั้งตัว stopper มาให้ด้านหลังเพื่อกันกระแทกเรียบร้อย

ภายในห้อง Master Bedroom เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับโถงทางเดินก่อนเช่นเคย แต่ที่รู้สึกต่างออกไปจากเดิมคือห้อง Walk in closet ทางด้านขวา จะมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ช่วยให้แสงสว่างส่องผ่านมาถึง และทำให้รู้สึกโปร่งโล่งมากขึ้นครับ

โดย Walk in closet นี้จะมีขนาดใหญ่มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้กว้างมากพอที่จะวางโต๊ะไอส์แลนด์ตรงกลางได้นะครับ เพราะจะทำให้รู้สึกอึดอัดมากไปหน่อย ส่วนตู้เสื้อผ้าก็จะต้อง Built in เพิ่มเติมเองครับ แต่คราวนี้จะสามารถเก็บเสื้อได้มากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย และทางด้านขวาก็จะเป็นห้องน้ำ ซึ่งเราจะได้เป็นประตูกระจกฝ้าแบบนี้ครับ

ภายในห้องน้ำของ Master Bedroom จะมีขนาดใหญ่ และได้ฟังก์ชันต่างๆเหมือนกับหลังที่แล้วเลยครับ สามารถใช้งาน 2 คน แบบสามีภรรยาพร้อมกันได้สบายๆ

มีการแยกฟังก์ชันต่างๆออกจากกันชัดเจน มีทั้งอ่างล้างหน้าแบบ His&Her อ่างอาบน้ำ Shower Box และโถสุขภัณฑ์แบบที่มีฉากกระจกกั้นแยกมาให้พร้อมใช้งาน

ส่วนของเตียงนอนก็จะมีขนาดกว้างขวางมากขึ้น มีพื้นที่ปลายเตียงเหลืออีกเยอะ สามารถวางโต๊ะกลางหน้า TV เพิ่มเติมก็ยังได้นะครับ แน่นอนว่าห้องนี้ก็ยังได้ความโปร่งโล่งของผนังกระจกทั้ง 2 ด้านเช่นเดิม เวลาเปิดหน้าต่างทั้ง 2 ด้าน ก็จะทำให้อากาศถ่ายเทได้ดีเลยทีเดียว

สำหรับบ้านตัวอย่างหลังนี้เป็นแปลงที่หันหน้าออกไปยังสวนส่วนกลาง ทำให้เราสามารถมองเห็นศาลานั่งเล่น และแนวสวนป่าจากบนชั้น 2 และ 3 ของตัวบ้านนี้ได้

ส่วนช่องหน้าต่างอีกฝั่งก็จะมองมาเห็นต้นไม้และสวนส่วนตัวที่อยู่กลางบ้านของเราได้เหมือนเดิมนะ

ฝั่งด้านหลังบ้านก็จะมีห้อง Family room ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กับห้องนอนเล็กที่อยู่ทางหลังบ้านเหมือนเดิมครับ

ภายในห้อง Family room ของหลังนี้จะมีขนาดพื้นที่กว้างกว่าหลังแรกนะครับ พื้นที่ประมาณ 4.3 x 2.8 m. ซึ่งทางโครงการได้จัดเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับครอบครัวมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งหลังก่อนหน้านี้จัดเป็นห้องทำงานมาให้ดูครับ โดยเราจะจัดเป็นฟังก์ชันไหนนั้นก็แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคนเลยนะ

ติดกันจะเป็นห้องนอนเล็กที่ไม่เล็กมากกว่าเดิมครับ เข้ามาภายในฟังก์ชันแรกจะมีการกั้น Walk in closet มาให้ ซึ่งจะต่างจากหลังที่แล้ว ทำให้มีความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ โดยเราจะต้อง Built in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มเติมเองนะ เพราะเค้าไม่ได้ Built มาให้ ซึ่งก็จะทำได้ประมาณนี้ เหลือเฟือสำหรับการใช้งาน 1 คนสบายๆเลยครับ

ถัดเข้ามาจึงจะเป็นพื้นที่เตียงนอน สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตไว้กลางห้องได้ และปลายเตียงก็ยังมีพื้นที่เหลือให้สามารถวางโต๊ะ TV ได้ครับ โดยช่องหน้าต่างทางขวานี้ก็จะสามารถ Take view สวนและต้นไม้ภายนอกได้นั่นเอง

และในห้องนอนนี้ก็จะมีห้องน้ำในตัวด้วย เพียงแต่ฟังก์ชันการใช้งานจะอยู่ห่างจากส่วน Walk in closet ที่ใช้แต่งตัวที่อยู่หน้าห้อง อาจจะไม่ได้ใช้งานกันได้ต่อเนื่องมากนัก แต่ก็ยังอยู่ในห้องของตัวเองถือว่ายังโอเคอยู่ครับ

ต่อไปเราจะขึ้นไปยังชั้น 3 ที่เป็นชั้นสุดท้ายกันครับ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นก็ตามผมไปดูแปลนกันก่อนนะ

แปลนชั้น 3 จะมีฟังก์ชันที่เหมือนกับหลังก่อนหน้านี้เลยครับ โดยจะเน้นพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ทางด้านหน้าบ้าน และห้องต่างๆก็จะมีขนาดใหญ่มากขึ้นเช่นกัน โดยทุกห้องจะมีห้องน้ำในตัว และมีการวางผังที่มีความเป็นส่วนตัวเหมือนเดิมครับ

พอขึ้นมาที่ชั้นบนแล้ว สิ่งแรกที่อยากจะให้สังเกตคือ Skylight บนฝ้าเพดาน คือเราจะได้เหมือนเดิมนะ เพียงแต่ว่าตำแหน่งจะไม่ได้อยู่ตรงโถงทางเดินชั้นบน แต่จะเลื่อนไปอยู่ตรงตำแหน่งบันไดแทนครับ ทำให้แสงสว่างส่องผ่านลงไปได้ถึงชั้นล่างโดยตรงได้เลย ส่วนด้านบนก็จะมีห้องนอน 2 ห้อง

เริ่มที่ห้องแรกทางขวามือ ห้องนี้ทางโครงการจัดเป็นห้องปาร์ตี้ให้ดูเหมือนเดิมครับ แต่เราจะจัดเป็นห้องนอนก็ได้นะแล้วแต่ความต้องการในใช้งาน ช่องหน้าต่างกลางห้องสามารถมองวิวชมสวนและต้นไม้กลางบ้านได้

ส่วนทางขวามือด้านหลังผมจะเป็นโถงทางเดินไปยังห้องน้ำครับ มีการเจาะช่องแสงเพิ่มเพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัดมากเกินไปอีกด้วย

ส่วนภายในห้องน้ำก็จะได้ฟังก์ชันและสุขภัณฑ์ต่างๆของ Kohler เหมือนกับห้องอื่นๆเลย

ต่อมาเป็นห้องนอนทางด้านหลังบ้าน เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับโถงทางเดินก่อน ยังมองไม่เห็นภายในห้องทั้งหมดจึงมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

เตียงนอนจะอยู่ทางซ้ายครับ มีขนาดพื้นที่ค่อนข้างกว้าง และมีประตูระเบียงขนาดใหญ่ที่เปิดออกไปใช้งานภายนอกได้เช่นเดิม

ระเบียงนี้มีลักษณะเหมือนกับบ้านหลังที่แล้วที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ เพียงแต่จะมีขนาดใหญ่มากขึ้นครับ สามารถจัดสวน เป็นพื้นที่พักผ่อน หรือเป็นพื้นที่ออกกำลังกายแบบนี้ก็ได้

มองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง ซึ่งส่วนต่อไปคือห้องน้ำที่เราก็กันก่อนหน้านี้ แต่อยากจะให้สังเกตว่าหน้าห้องมีการทำผนังกระจกฝ้าเพิ่มเติมอีกแล้ว ทำให้บริเวณทางเดินสว่างและยังได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ครับ

โดยภายในห้องน้ำก็จะมีฟังก์ชันต่างๆครบครันเหมือนกับห้องอื่นๆ แบ่งแยกส่วนแห้งกับส่วนเปียกชัดเจน

แต่ที่เพิ่มมาของห้องนี้คืออ่างอาบน้ำที่อยู่ทางขวามือนี่เองครับ ทำให้ห้องนี้มีตัวเลือกในการใช้งานได้ 2 ฟังก์ชัน และใช้งานคนเดียวสบายๆเลย

ส่วนสุดท้ายคือระเบียงทางด้านหน้าบ้าน ซึ่งจะมีความยาวมากกว่าบ้านหลังที่แล้ว

และในส่วนของพื้นที่ปลายระเบียงก็มีขนาดใหญ่มากขึ้นเช่นกัน สามารถจัดปาร์ตี้หรือพื้นที่พักผ่อนได้อย่างเต็มที่มากขึ้น

สิ่งที่เราจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นจากระเบียงบ้านหลังนี้ คือเรื่องของวิวและระยะห่างระหว่างระเบียงเพื่อนบ้านข้างเคียง เรียกได้ว่าทั้ง 2 หลังเดินขึ้นมาคุยกันที่ชั้นบนนี้ได้สบายๆเลยล่ะครับ แต่ถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็อย่างที่เคยแนะนำไป ว่าเราสามารถปลูกแนวต้นไม้เพื่อบังสายตายได้ เช่น ต้นโมก เป็นต้น

สุดท้ายคือเรื่องของสวิตซ์ไฟภายในบ้านจะเป็นสีเงิน ยี่ห้อ Bticino แบบนี้ ซึ่งแต่ละห้องก็จะติดตั้งมาให้ควบคู่กับรีโมท Home Automation ที่สั่งเปิดปิดแอร์และผ้าม่านในห้องได้ และถ้าใครสังเกตบนฝ้าเพดานของทุกๆห้อง จะมีวัตถุสีดำติดอยู่ในห้อง ซึ่งมันคือตัวกระจายสัญญาณ Home Automation นั่นเองครับ และภาพสุดท้ายจะเป็นปุ่มสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉินแบบพกพาที่จะมีแจกให้ทุกๆหลังครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 May 2019

  • Medio บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 56 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 395 ตร.ม.
    – ราคาเริ่มต้น 31.5 ล้านบาท
  • Grande บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 71.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 450 ตร.ม.
    – ราคาเริ่มต้น 41.5 ล้านบาท
  • Open House 22 – 23 มิถุนายน 2562 นี้ มีงาน “ESCAPE TO THE ELEGANT LIVING” เริ่มต้น 30 ล้านบาท มีส่วนลดสูงสุด 2,000,000 ล้านบาท
  • จองและทำสัญญา 300,000 และ 500,000 บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่าส่วนกลาง 100 บาท/ตร.วา/เดือน
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : โครงการ ARTALE พัฒนาการ – ทองหล่อ ตั้งอยู่ในซอยพัฒนากการ 20 ซึ่งไม่ใช่ซอยตัน สามารถไปทะลุออกถนนอ่อนนุชได้ และมีความอุดมสมบูรณ์ภายในซอยสูง อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากทางพิเศษฉลองรัชเพียง 1.5 km. และสามารถไปยังซอยทองหล่อได้ในระยะ 3.5 m. อีกด้วย ส่วนตัวเลือกในการเดินทางอื่นๆก็จะมี Airport link ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 2.1 km. สามารถไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ หรือเข้าเมืองเพื่อไปเปลี่ยนขวบนรถไฟฟ้ากับสายอื่นๆก็ได้ ถือเป็นทำเลที่อยู่อาศัยแนวราบที่ใกล้เมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์พร้อมเลยทีเดียว

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : โครงการนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเลยทีเดียวครับ ซุ้มประตูทางเข้าจะมีทั้งไม้กั้นกระดกแบบ RFID และยังมีประตูไฟฟ้าปิดอีกชั้นหนึ่งด้วย นอกจากนี้ก็จะมีกล้อง CCTV ทั้งหน้าโครงการและในโครงการ มี รปภ.  ดูแลตลอด 24 ชม. และมีรั้วโครงการสูง 3 m. มีรั้วโปร่งอีก 2 m. ครับ ส่วนภายในบ้านก็จะมีทั้ง Home Automation กล้อง CCTV 5 จุดรอบบ้าน มีสัญญาณกันขโมย Motion sensor, Magnetic sensor, Smoke detector พร้อมปุ่มสัญญาณฉุกเฉินอีกด้วย

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย : ตัวโครงการมีการวางผังได้ค่อนข้างดี เริ่มตั้งแต่บริเวณทางเข้าจะมีสวนต้อนรับซึ่งช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในโครงการ และทำให้เกิด Approach ที่ดีอีกด้วย ส่วนกลางจะถูกวางไว้ตรงกลางยาวต่อเนื่องไปตลอดโครงการ ทำให้บ้านทุกๆซอย สามารถมาใช้งานได้ง่าย และยังได้ขับรถผ่านก่อนถ้าถึงบ้าน เพื่อซึมซับบรรยากาศที่ดีได้อีกด้วยครับ ในแต่ละซอยจะมีเพื่อนบ้านเพียงแค่ 6 หลังเท่านั้น จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง มีการวางบ้าน type ใหญ่อยู่โดยรอบสวน ทำให้เมื่อมองออกมาจากหน้าต่างหรือระเบียงบ้านก็จะสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ได้ โดยเฉพาะยูนิตที่หันหน้าเข้ามาในสวนโดยตรง และจำนวนยูนิตทั้งโครงการมีเพียง 49 หลัง จึงค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง

ส่วนการออกแบบบ้านนั้นจุดเด่นอยู่ที่ลักษณะของผังรูปตัว C โอบล้อมพื้นที่ Private Courtyard ที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งนอกจากจะสามารถ take view ได้จากทุกๆฟังก์ชันแล้ว ยังช่วยบังห้องฝั่งตรงข้าม ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย ผนังด้านหลังบ้านทั้งหมดทำเป็นผนังทึบ เพื่อแลกกับการขยายพื้นที่ใช้สอยในบ้านให้มากขึ้น และออกแบบให้เกิดช่องหน้าต่างด้านข้างแทน ฟังก์ชันภายในชั้น 1 มีการแบ่งโซนการใช้งานของเจ้าของบ้านและ maid ออกจากกันอย่างชัดเจน ไม่รบกวนกัน

โถงกลางกลางบ้านเชื่อมต่อกัน เน้นความโปร่งโล่งด้วยฝ้าเพดานสูง 6.2 m. ส่วนอื่นๆของบ้านชั้น 1 สูง 3 m. และชั้น 2 – 3 สูง 2.7 m. ห้องต่างๆชั้นบนจะมีความเป็นส่วนตัวแยกออกจากกัน และได้วิวสวนทุกห้อง โดยเฉพาะห้อง Master Bedroom ซึ่งมีผนังกระจกทั้ง 2 ด้าน ทำให้ห้องสว่างและโปร่งโล่ง อากาศถ่ายเทได้ดี แล้วยัง take view ได้ทั้ง 2 ด้านอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่สุดของตัวบ้าน คือระเบียงขนาดใหญ่ที่ชั้น 3 เหมาะกับคนที่ชอบจัดสวนหรือจัดปาร์ตี้ที่ชั้นบนของบ้านอีกด้วย

วัสดุ : โครงการนี้ถือว่าให้วัสดุค่อนข้างดี เหมาะสมกับราคา โครงสร้างบ้านทั้งหมดเป็นผนังก่ออิฐมวลเบา ส่วนของห้องน้ำทุกห้องเป็นอิฐมอญ และลงเสาเข็มโรงจอดรถกับลานซักล้างลึกเท่าตัวบ้าน พื้นโรงจอดรถและวัสดุปิดผิวภายนอกของชั้น 1 เป็นกระเบื้อง Kenzai ส่วนพื้นภายในบ้านจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ พื้นครัวเป็นกระเบื้องเซรามิก และพื้นชั้นบนเป็นไม้ Engineering wood ผนังติด Wallpaper กรอบประตูหน้าต่างเป็นอลูมิเนียม Poder coat สีผิวทรายซาฮาร่า กระจกลามิเนตสีชา Top เคาน์เตอร์ครัวกับไอส์แลนด์เป็นหินสังเคราะห์ เครื่องครัวจาก Smeg, Kohler และ Teka หน้าบานตู้ Hi Gloss ส่วนสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดเป็นของ Kohler ได้ Top เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าหินอ่อน มีฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass ติดตั้งมาให้ พร้อมเครื่องทำร้อนที่ใต้อ่างล้างหน้า โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้ Engineering wood หนา 10 mm. และมีเนื้อในเป็นไม้ยางพารา ราวกันตกและราวบันไดเป็นกระจกนิรภัย Tempered Glass ได้แอร์แบบ Concealed Type 1 ตัว Cassette Type 4 ตัว และ Wall Type 3 ตัว

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : โครงการมีพื้นที่สวนรวมกว่า 1 ไร่ และมีการปลูกต้นแคนาไว้ที่หน้าบ้านริมถนนเพื่อความร่มรื่นภายในโครงการ พื้นถนนเป็นลาดยางมะตอย และมีการเดินสายไฟลงใต้ดินทั้งหมด จึงทำให้บรรยากาศโดยรวมดูสวยงามและสะอาดตาดีครับ

สาธารณูปโภค : ถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต มีทั้งสวนป่าเมืองหนาว มีลำธารและสะพานให้เดินเล่น รอบๆเป็น Jogging track มีสนามเด็กเล่น และศาลานั่งเล่นกลางน้ำ ส่วนอาคาร Clubhouse ประกอบไปด้วยพื้นที่นั่งสันทนาการ Fitness ห้อง Living room สระว่ายน้ำขนาด 20 x 5.5 m. และมีสระเด็กกับบ่อ Jacuzzi แยกให้อีกด้วย โดยรวมบรรยากาศตกแต่งออกมาได้สวยงามน่าใช้งานมากๆ

Judgement

โครงการ ARTALE พัฒนาการ – ทองหล่อ เป็นโครงการระดับ SUPER LUXURY CLASS ที่ขายราคาตั้งแต่ 30 – 40 ล้านขึ้นไป ทำให้ปัจจัยในการเลือกซื้อนอกจากจะต้องดูเรื่องความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่สำคัญ เช่น ความชอบส่วนบุคคล อารมณ์ และความรู้สึกส่วนตัวของผู้ซื้อ ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณาครับ แต่ปัจจัยดังกล่าวมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ดังนั้นทางทีมงานจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่าแก่โครางการลักษณะนี้

BOTTOM LINE

โครงการ ARTALE พัฒนาการ – ทองหล่อ เหมาะกับคนที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวใกล้ทองหล่อ เดินทางสะดวก และมีความอุดมสมบูรณ์สูง ชอบพื้นที่ส่วนกลางที่สวยงามและน่าใช้ งาน และชอบบรรยากาศโครงการที่ร่มรื่นเงียบสงบ ตัวบ้านเน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน และชอบการออกแบบพื้นที่สวนกลางบ้าน รวมถึงเน้นใช้งานระเบียงขนาดใหญ่อีกด้วย สำหรับคนที่สนใจต้องมีงบประมาณ 30 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 210,000 บาทขึ้นไป