รีวิวโครงการ

BoomTharis | รีวิว Artale อโศก – พระราม 9 : ที่ดินไม่ต้องใหญ่ แต่ได้บ้านอยู่กลางเมือง

28 กันยายน 2023

อ่านรีวิวล่าสุด

..วันนี้เราพามารีวิวบ้านเดี่ยวระดับ Luxury ในย่านพระราม 9 อย่างโครงการ ARTALE Asoke – Rama 9 (อาร์เทล อโศก – พระราม 9) ที่ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ Flagship ของ Ananda ซึ่งได้เปิดตัวมาเป็นแห่งที่ 3 แล้วครับ โดยแต่ละแห่งเค้าก็จะมีคอนเซ็ปต์ในการออกแบบที่แตกต่างกันออกไปเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Unique Design) อย่างโครงการล่าสุดนี้ก็จะมาในรูปแบบของ Urban Luxury Pool Villa กับทำเลที่เรียกได้ว่าโดดเด่นมากสำหรับโปรดักส์บ้านเดี่ยวของย่านนี้ ส่วนจุดเด่นของโครงการที่น่าสนใจผมก็ได้รวบรวมมาให้ดังนี้เลยครับ

  • ทำเลใจกลางย่านพระราม 9 มีความอุดมสมบูรณ์สูง ใกล้ทางด่วน ห้างสรรพสินค้า และโรงเรียนนานาชาติ
  • ออกแบบเป็นสไตล์ Pool Villa มีสระว่ายน้ำพร้อมระบบ Jacuzzi ทุกหลัง ทำให้ได้บรรยากาศน่าพักผ่อน และยังเหมาะกับการจัดปาร์ตี้หรือรับรองแขกอีกด้วยครับ
  • ตัวบ้านพื้นที่ใช้สอยเยอะ มีฟังก์ชันรอบรับการอยู่เป็นครอบครัวใหญ่แบบ 3 Generation และมีพื้นที่อเนกประสงค์หลายจุดให้ปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ
  • คอนเซ็ปต์ ‘FLOW’ เน้นการเชื่อมต่อของแต่ละฟังก์ชัน รวมถึงยังมีการออกแบบช่องเปิดให้อากาศหมุนเวียนถ่ายเทได้ดีมากๆอีกด้วย

ข้อมูลโครงการ

ARTALE Asoke – Rama 9 (อาร์เทล อโศก – พระราม 9) ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2566

 ชื่อโครงการ   ARTALE Asoke – Rama 9 (อาร์เทล อโศก – พระราม 9)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท อนันดา พร็อพเพอร์ตี้ วัน จำกัด
 SEGMENT CLASS   LUXURY – SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   พระราม 9 ซอย 13 แขวง บางกะปิ เขต ห้วยขวาง
 ที่ดิน  20–1–94.2 ไร่
 จำนวนยูนิต   87 ยูนิต
 ประเภทบ้าน

  • AMPLE (เอมเพอ) บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 546 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 Family Area / 1 ครัวไทย / 4 ที่จอดรถ + สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว
  • APEX (เอ-เพ็กซ์) บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 434 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 Family Area / 1 ครัวไทย / 3 ที่จอดรถ + สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว
  • ARCHE (อา-เช) บ้านแฝด 3.5 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 42 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 335 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 Family Area / 3 ที่จอดรถ + สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   แบบปกติสูง 2.8 – 3 เมตร และฝ้าเพดานสูง Double Volume 6.7 เมตร
 ราคาเริ่มต้น   35 – 60 ล้านบาท (*ราคาตอนเปิดตัว)
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2565
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2568
 เว็บไซต์โครงการ   anan.ly/artaleR9-TOLreview
 โทร   02-316-2222

 

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ทำเลใจกลางย่านพระราม 9 มีความอุดมสมบูรณ์สูง และเดินทางสะดวก
  • ใกล้จุดขึ้นทางด่วน 2 สายในระยะไม่เกิน 2 – 3 km. ซึ่งใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที ทำให้เข้า-ออกเมืองได้ง่ายมาก
  • ใกล้ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงพยาบาลชั้นนำ และโรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง
  • ทำเลในซอยพระราม 9 ซอย 13 เป็นทางลัดเชื่อมต่อไปยังถนนเทียมร่วมมิตร และถนนประชาอุทิศได้

พิกัด Google Maps : 13.760452, 100.586315
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

..โครงการ ARTALE Asoke – Rama 9 ตั้งอยู่ใจกลางย่านพระราม 9 ใกล้กับจุดขึ้นทางด่วนที่สามารถเดินทางได้สะดวก และใกล้แยกพระราม 9 ซึ่งเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานขนาดใหญ่มากมาย ถือเป็นอีกหนึ่ง CBD ที่สำคัญของกรุงเทพที่คึกคักและอุดมสมบูรณ์มากครับ อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับทำเลใกล้เคียงได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นเลียบด่วนรามอินทรา ลาดพร้าว ทองหล่อ และรามคำแหง

ซึ่งปกติแล้วโครงการอสังหาฯที่เกิดขึ้นในย่านนี้ ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นคอนโดมิเนียมหรือไม่ก็บ้านหรูระดับ Luxury ที่มีราคาตั้งแต่ 30 – 100 ล้านขึ้นไป เพราะทำเลนี้นอกจากจะเข้า-ออกเมืองได้ง่าย ไปทำงานก็สะดวก และหาของกินได้สบายๆแล้ว ยังเต็มไปด้วยโรงเรียนนานาชาติอีกหลายแห่ง ที่มีค่าเทอมสูงตั้งแต่ 200,000 – 700,000 บาท จึงทำให้กลายเป็นทำเลตอบโจทย์การอยู่อาศัยและใช้ชีวิตของคนในเมืองมากๆครับ

โดยตัวโครงการ ARTALE Asoke – Rama 9 จะตั้งอยู่ภายในซอยพระราม 9 ซอย 13 ที่เชื่อมต่อระหว่างถนนพระราม 9 และถนนเทียมร่วมมิตร จึงทำให้เราสามารถลัดเลาะไปส่งลูกเรียนหนังสือ ไปซื้อของกินที่ตลาด หรือไปเดินช้อปปิ้งที่ห้างได้แบบไม่ต้องเสียเวลารถติดบนถนนใหญ่เลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังจะมีแนวรถไฟฟ้าสายสีส้มตัดผ่านบริเวณปากซอยอีกด้วยครับ โดยคาดการณ์ว่าจะอยู่ห่างจากปากซอยประมาณ 500 – 1 km. ซึ่งอาจต้องรอข้อมูลที่แน่ชัดอีกที แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวกดีทีเดียวครับ

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

เป็น “ทางด่วนฉลองรัช” ที่อยู่ห่างจากโครงการเพียง 2.2 km. ซึ่งใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาทีก็ได้ขึ้นทางด่วนแล้วครับ สามารถเชื่อมต่อไปยังโซนลาดพร้าว-รามอินทราได้สะดวกเลย

และสำหรับทาง “ด่วนศรีรัช” จะมีทางขึ้นอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.9 km. ซึ่งก็ถือว่ายังใกล้และมาใช้งานได้สะดวกมากๆอยู่ครับ สามารถเข้าเมืองไปทางอโศก-ดินแดง-ราชเทวีได้เลย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

..โครงการ ARTALE Asoke – Rama 9 ตั้งอยู่ภายในซอยพระราม 9 ซอย 13 โดยจะเข้ามาจากถนนใหญ่ประมาณ 1 km. ซึ่งบริเวณรอบๆโครงการก็จะมีแต่ที่ว่างและบ้านแนวราบ จึงค่อนข้างเงียบสงบเหมาะแก่การอยู่อาศัยครับ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นซอยที่เปลี่ยวเลยนะ เพราะหลายๆคนก็มักจะใช้เป็นทางลัดเพื่อเชื่อมต่อไปยังถนนเทียมร่วมมิตร และถนนประชาอุทิศได้นั่นเอง ส่วนทิศอื่นๆของโครงการจะอยู่ติดกับสิ่งต่างๆดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ คลองชวดใหญ่
  • ทิศใต้ : ติดกับ ที่ว่างและชุมชนแนวราบ
  • ทิศตะวันออก : เป็นทางเข้าโครงการ ติดกับ ถนนพระราม 9 ซอย 13 และมีอาคารสูง 3 ชั้น ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ว่าง
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ ที่ว่าง

และนี่ก็เป็นภาพบรรยากาศของถนนพระราม 9 ซอย 13 ที่อยู่ด้านหน้าโครงการครับ โดยจะเป็นถนน 2 เลนที่รถสามารถวิ่งสวนทางกันได้ และรอบๆส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นชุมชนแนวราบและที่ว่างอยู่นั่นเอง

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • เจ อเวนิว ทองหล่อ ~ 4.4 km.
  • The Street Ratchada ~ 5 km.
  • Central Rama 9 ~ 6.4 km.
  • เอ็มควอเทียร์ ~ 6.4 km.
  • ฟอร์จูนทาวน์ ~ 6.7 km.
  • จ๊อดแฟร์ ~ 6.6 km.
  • Terminal 21 ~ 8.5 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.ปิยะเวท ~ 3.1 km.
  • รพ.กรุงเทพ ~ 4.1 km.
  • รพ.พระราม 9 ~ 5.3 km.
  • รพ.สุขุมวิท ~ 5.7 km.
  • รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 8 km.

โรงเรียน

  • Saint Dominic School KIS International School ~ 3.2 km.
  • Shrewsbury International School Bangkok City Campus ~ 3.5 km.
  • Regent’s International School Bangkok ~ 3.8 km.
  • SISB : Singapore International School Bangkok~ 4.7 km.
  • St Andrews International School Bangkok ~ 5.8 km.

อาคารสำนักงานและอื่นๆ

  • Charn Issara Tower ll ~ 3.5 km.
  • Cyber World Towers ~ 4.9 km.
  • KPN Tower ~ 6.2 km.
  • G Tower ~ 6.3 km.
  • The Ninth Tower ~ 6.4 km.
  • Fortune Tower ~ 6.7 km.
  • SET Tower ~ 7 km.
  • AIA Capital Center ~ 7.1 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • ยูนิตน้อย เป็นส่วนตัว
  • Double Security Gate 2 ชั้น มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสูง
  • บรรยากาศส่วนกลางน่าใช้งาน โดยเฉพาะพื้นที่สีเขียวจะมีความร่มรื่นดีทีเดียว
  • บ้านทุกหลังจะหันหน้าไปทางทิศเหนือ-ใต้ รับลมได้ดี
  • เพื่อนร่วมซอยน้อยสุด 6 – 7 ยูนิต ไม่วุ่นวาย

..สำหรับแบรนด์ ARTALE ถือเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยว Flagship ระดับ Super Luxury ของ Ananda และ ARTALE อโศก – พระราม 9 ก็ถือเป็นโครงการแห่งที่ 3 แล้วครับ โดยโครงการรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ก็จะมี ARTALE พัฒนาการ – ทองหล่อ และ ARTALE เอกมัย – รามอินทรา ซึ่งก็ได้ผลตอบรับค่อนข้างดีและ Sold Out กันไปเป็นที่เรียบร้อย

และหากใครที่ติดตามกันมาตลอดก็จะเห็นว่า ARTALE ในแต่ละแห่ง จะมีดีไซน์คอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนกันเลย ซึ่งทำให้มีความ Unique ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และคราวนี้ทาง Ananda ก็ได้หยิบเอาความเป็น New Urban Luxury Pool Villa เข้ามาใช้ในโครงการแห่งนี้นั่นเอง แต่จะมีความสวยงามและน่าสนใจขนาดไหนเราไปชมกันเลยครับ

ARTALE Asoke – Rama 9 เป็นโครงการจัดสรรที่มีความเป็นส่วนตัวเพียง 87 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 20–1–94.2 ไร่ โดยจัดให้พื้นที่ส่วนกลางอยู่บริเวณด้านหน้าสุด ทำหน้าที่เป็นทั้งส่วนต้อนรับและยังช่วยปรับอารมณ์ความรู้สึกได้เป็นอย่างดี เพราะเวลาที่เราได้ขับรถผ่านพื้นที่สีเขียวก็จะรู้สึกถึงความร่มรื่น และเงียบสงบไม่วุ่นวายเหมือนในตัวเมืองภายนอก

นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นในเรื่อง “Double Security” ที่จะมีประตูถึง 2 ชั้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเป็นปลอดภัยและเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านได้เป็นอย่างดี โดยบุคคลภายนอกจะสามารถมานั่งคอยได้ที่ Clubhouse ไม่จำเป็นต้องขับรถเข้าไปด้านในโครงการให้เสียความเป็นส่วนตัวเลยนั่นเองครับ (เว้นซะแต่ว่าลูกบ้านจะเป็นคนอนุญาตพาเข้ามาเอง)

สำหรับผังบ้านทุกหลังจะหันหน้าไปเฉพาะทิศเหนือ-ใต้ ซึ่งสามารถรับลมได้ดี สอดคล้องกับแนวคิด ‘FLOW’ ที่คำนึงถึงเรื่องการหมุนเวียนและถ่ายเทอากาศเป็นหลัก รวมถึงบ้านทั้งหมดก็จะถูกแบ่งออกเป็นซอยแยกย่อย ทำให้มีความเป็นส่วนตัวที่ดีเลยทีเดียว โดยซอยเล็กจะมีประมาณ 6 – 7 ยูนิต และซอยใหญ่จะมีประมาณ 10 ยูนิต นอกจากนี้บ้านเดี่ยวหลังใหญ่สุดก็มักจะเป็นแปลงมุมที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ส่วนกลางด้วย จึงทำให้สามารถเดินมาใช้งานได้สะดวก แถมยังอาจได้วิวพื้นที่สีเขียวเป็นของแถมอีกนะครับ

ด้านหน้าโครงการจะมีการเว้นระยะจากถนนสาธารณะเข้ามา จึงทำให้เวลาที่ต้องมีการชะลอหรือหยุดรถบริเวณ Main Gate จะสามารถทำได้สะดวกและปลอดภัย รวมถึงยังมีการปลูกต้นไม้และทำ Water Feature เป็นส่วนต้อนรับทั้ง 2 ข้างทางอีกด้วยครับ

ทางเข้า-ออกจะแยกจากกันชัดเจน โดยหากเป็นลูกบ้านไม้กั้นกระดกจะเปิดให้อัตโนมัติด้วยระบบอ่านป้ายทะเบียนรถยนต์ (License Plate Recognition) ส่วนถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับ รปภ. ก่อนนะครับ

นอกจากนี้ยังมีระบบ Video Door Phone ที่จะสามารถกดโทรเข้าไปเพื่อติดต่อกับลูกบ้านได้โดยตรงอีกด้วย ส่วนกล้อง CCTV ก็จะมีมาให้เป็นมาตรฐานครับ

ผ่านซุ้มประตูทางเข้ามาเราจะเจอกับบรรยากาศที่ค่อนข้างสดชื่น เพราะบริเวณด้านซ้ายมือจะเป็นพื้นที่สวนสาธารณะของโครงการที่มีขนาดเกือบ 1 ไร่ อีกทั้งสายไฟต่างๆก็จะถูกนำลงใต้ดินทั้งหมด จึงทำให้ไม่มีอะไรมาบังทัศนียภาพที่สวยงามแบบนี้นั่นเองครับ

Clubhouse จะเป็นอาคารขนาดใหญ่ 2 ชั้น พร้อมกับมีที่จอดรถให้บริการอยู่ทางด้านหน้าด้วย ซึ่งลูกบ้านจะสามารถขับรถมาใช้งานได้สะดวก รวมถึงยังเป็นที่จอดสำหรับ Visitor ให้เข้ามานั่งคอยเจ้าบ้านได้ที่บริเวณนี้นั่นเองครับ

บริเวณชั้น 1 ทางด้านซ้ายมือจะเป็น Lobby ที่แขกสามารถเข้ามานั่งคอย หรือลูกบ้านก็สามารถเข้ามานั่งเล่นพักผ่อนกันได้ (ปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานขาย แต่พอปิดโครงการได้แล้วก็จะคืนพื้นที่ให้กับลูกบ้านตามปกติครับ)

โดยจุดเด่นของ Lobby แห่งนี้ก็คือ วิวพื้นที่สีเขียวของสวนสาธารณะฝั่งตรงข้าม และการที่ตัวอาคาร Clubhouse มีการยกระดับสูงขึ้นมาจากพื้นถนนแบบนี้ เลยทำให้พ้นความสูงของรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านหน้า และได้มองเห็นวิวเต็มๆได้แบบนี้นั่นเองครับ

อีกด้านของ Clubhouse จะเป็นทางไปสระว่ายน้ำ ซึ่งนอกจากบันไดวนตรงกลางที่เราเห็นในตอนแรกแล้ว ก็จะมีลิฟต์โดยสารให้ใช้งานได้สะดวกด้วยนะ

ส่วนห้องน้ำที่อยู่ด้านข้างของสระจะมีแยกทั้งชาย-หญิง รวมถึงยังมีห้องน้ำของผู้ใช้รถเข็นวีลแชร์คอยให้บริการด้วยครับ

ภายในห้องน้ำจะมีฟังก์ชันให้ใช้งานครบทั้งโถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำ และตู้ล็อคเกอร์

ส่วนจุดล้างตัวก่อนลงสระจะอยู่บริเวณนี้ครับ ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ใกล้ๆกันหมดเลย ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องและสะดวกดีทีเดียว

สระว่ายน้ำจะเป็นแบบกลางแจ้ง โดยสระหลักจะมีขนาด 6 x 16.65 m. พอที่จะว่ายออกกำลังกายได้อยู่นะครับ นอกจากนี้เรายังสามารถชมวิวสวนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไปได้ด้วย

แต่การที่มีรถที่ขับผ่านเข้า-ออก ก็อาจให้เสียความเป็นส่วนตัวอยู่บ้างในบางครั้ง ซึ่งทางโครงการก็เลยปลูกต้นไม้ขนาดกลางช่วยพรางสายตามาให้ด้วยอย่างที่เห็นครับ

นอกจากนี้ก็ยังมีทั้งโซนน้ำตื้น + Jacuzzi และสระแช่น้ำแบบปรับอุณหภูมิ ให้เราได้มานั่งแช่น้ำผ่อนคลายสบายๆกันได้อีกด้วย

และเมื่อโครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์ ในอนาคตบริเวณรอบๆสระก็จะมีการนำ Day Bed มาวางเพื่อให้เราได้นั่งพักผ่อน รวมถึงจะมีการปลูกต้นไม้เพิ่ม เพื่อให้การใช้งานมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วยครับ

บริเวณตรงกลางของอาคาร Clubhouse เราจะเห็นบันไดวนสีส้มที่โดดเด่นสะดุดตามากๆ ซึ่งสามารถใช้เดินขึ้น-ลงชั้น 2 รวมถึงยังเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินสวยๆได้อีกด้วย ซึ่งการตกแต่งก็พยายามให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุดนั่นเองครับ

ขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะมาเริ่มกันที่ทางด้านซ้ายของอาคารกันก่อน ซึ่งจะมีอยู่ 2 ห้องด้วยกันครับ

โดยห้องแรกจะเป็น Kids Room ใครที่มีลูกมีหลานก็สามารถพาน้องๆมาเจอกัน และมาเล่นกับเพื่อนๆในห้องแอร์เย็นๆแบบนี้ได้ครับ ซึ่งภายในจะมีของเล่นต่างๆให้ใช้งานครบ รวมถึงยังมีการกรุพื้นและผนังด้วยเบาะหนัง เพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุของน้องๆได้ด้วยนั่นเอง

ติดกันจะเป็น Fitness ซึ่งภายในมีอุปกรณ์ต่างๆให้ใช้งานครบ อีกทั้งผนังโดยรอบก็จะเป็นกระจกทั้งหมด จึงทำให้มีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่ง และยังสามารถมองเห็นวิวสวนที่อยู่ด้านหน้าได้ชัดเจนอีกด้วย

โดยอุปกรณ์ต่างๆจะเป็นของ Technogym ซึ่งเป็นแบรนด์มาตรฐานที่นิยมใช้ในโครงการระดับ Luxury นั่นเอง

และนี่ก็จะเป็นวิวพื้นที่สีเขียวที่มองจากบนชั้น 2 ของอาคาร Clubhouse แห่งนี้ครับ ซึ่งดูเหมือนกับเป็น Oasis ใจกลางเมืองเลยทีเดียว

ส่วนอีกด้านของอาคารจะมีห้องนิติบุคคล / Co-Working Space และห้องน้ำให้ใช้งาน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้ไม่ต้องเสียเวลาขึ้น-ลงบ่อยๆได้มากเลยครับ

สำหรับ Co-Working Space ภายในจะมีชุดโต๊ะเก้าอี้ให้ใช้งานอยู่หลายจุด สามารถมานั่งทำงานอ่านหนังสือกันได้ตลอดทั้งวัน

รวมถึงยังมีห้อง Meeting Room ที่กั้นด้วยผนังกระจกแยกเป็นส่วนตัว และภายในก็มีจอทีวีให้ใช้งานได้ด้วย ซึ่งเราสามารถจองกับนิติบุคคลล่วงหน้า เพื่อใช้งานแบบส่วนตัวได้นะครับ

ถัดจากอาคาร Clubhouse เราจะเจอซุ้มประตู Gate 2 ของโครงการครับ ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นจุดคัดกรองไม่ให้ Visitor ที่ยังไม่ได้รับอนุญาติผ่านเข้าไปได้ (จะต้องรออยู่ที่ Clubhouse ก่อน) จึงทำให้ตัวโครงการมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยดีทีเดียว

สำหรับสวนสาธารณะจะมีการปลูกต้นไม้เอาไว้เยอะมาก ซึ่งทั้งโครงการจะมีมากถึง 370 ต้น เพื่อเป็นการจำลองบรรยากาศของ ‘ผืนป่าธรรมชาติ’ ที่ปกติมักจะมีพืชหลากหลายสายพันธุ์เติบโตสลับกันไปแบบนี้นั่นเอง

นอกจากทางเดินเล่นต่างๆแล้ว ก็จะมีจุดให้มานั่งพักผ่อนกันได้ รวมถึงบริเวณด้านในสุดจะมี ‘สะพาน’ ที่สามารถขึ้นไปเดินชมวิว เดินออกกำลังกาย หรือจะถ่ายรูปสวยๆกันก็ได้

ด้านล่างคือ Playground ที่พื้นจะเป็นพื้นยางกันกระแทกแบบกลางแจ้ง (Epdm Safety Floor) ที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตของน้องๆได้นั่นเองครับ

อีกด้านหนึ่งของสะพานจะมีบันไดทางลงไปยังด้านหลัง ซึ่งก็จะเป็นพื้นที่สวนและมุมนั่งเล่นเล็กๆ ก่อนที่จะมีทางเดินเชื่อมต่อย้อนกลับไปด้านหน้าอีกครั้งครับ

และนี่ก็เป็นบรรยากาศทั้งหมดของพื้นที่สีเขียวโครงการ จะเห็นได้ว่ามีความร่มรื่นและน่าใช้งานดีไม่น้อยเลยทีเดียว

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Crestside Club (อาคารคลับเฮ้าส์)
  • Lobby
  • Lab Pool ขนาด 6 x 16.65 m.
  • Kids Pool & Jacuzzi + สระแช่แบบปรับอุณหภูมิได้
  • Kids Room
  • Fitness
  • Co-Working Space
  • Meeting Room
  • Playground
  • พื้นที่สวนภายในโครงการ 2 จุด
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ รวมทั้งหมด 32 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร และรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 เมตร
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
  • การเข้า-ออกใช้ระบบอ่านป้ายทะเบียนรถยนต์ (License Plate Recognition)
  • มีระบบ Video Door Phone System ระหว่างตัวบ้านและ Main Gate ด้านหน้าโครงการ
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก + ประตูเหล็กเลื่อนไฟฟ้า
  • มีประตูเลื่อนไฟฟ้าจุดที่ 2 ด้านในโครงการอีกชั้นหนึ่ง (Double Security Gate)
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor บริเวณชั้น 1 และชั้นลอยทุกหลัง + กล้อง CCTV รอบตัวบ้าน 3 จุด
  • เดินไฟ 3 Phase สายไฟลงใต้ดินทั้งโครงการ พร้อมมี Junction EV Charger ติดตั้งให้ทุกหลัง
  • มีระบบ Smart Home ภายในบ้าน
  • เพิ่มระบบแผง Solarcell สำหรับอาคาร Clubhouse เพื่อช่วยในการลดใช้พลังงาน

แบบบ้าน

Highlights :

  • แบบบ้านสไตล์ Pool Villa พื้นที่ใช้สอยเยอะ และมีฟังก์ชันรองรับครอบครัวใหญ่แบบ 3 Generation ได้สบายๆ
  • คอนเซ็ปต์ ‘FLOW’ ออกแบบช่องแสงและช่องเปิดได้ดี บรรยากาศโปร่งโล่ง ทำให้ตัวบ้านเย็นสบาย ลดการใช้พลังงาน และมีอากาศหมุนเวียนถ่ายเทได้ดี
  • มีพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume และสระว่ายน้ำส่วนตัวทุกหลัง
  • มีพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ให้ปรับฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย รองรับทุกกิจกรรมและทุกความต้องการของแต่ละครอบครัวได้ดี
  • ทุกห้องนอนภายในบ้านมีขนาดใหญ่ โดยมีคอนเซ็ปต์ All Bedroom is Master Bedroom

..โครงการ ARTALE Asoke – Rama 9 เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดสไตล์ Modern และมี Design Concept ภายใต้แนวคิด New Urban Luxury Pool Villa จนกลายมาเป็นบ้านหรูหลังใหญ่ ที่สามารถรองรับครอบครัวแบบ 3 Generation โดยทุกหลังจะมีสระว่ายน้ำและลิฟต์ส่วนตัว ประกอบด้วย

  • AMPLE (เอมเพอ) บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 546 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 Family Area / 1 ครัวไทย / 4 ที่จอดรถ + สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว
  • APEX (เอ-เพ็กซ์) บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 434 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 Family Area / 1 ครัวไทย / 3 ที่จอดรถ + สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว
  • ARCHE (อา-เช) บ้านแฝด 3.5 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 42 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 335 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 Family Area / 3 ที่จอดรถ + สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว

นอกจากนี้ยังมีการนำคอนเซ็ปต์ ‘FLOW’ มาใช้ในการออกแบบด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อของฟังก์ชันห้องต่างๆ ที่ทำให้ผู้พักอาศัยมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รวมถึงยังมีจุดเด่นในเรื่องการหมุนเวียนและถ่ายเทอากาศได้ดีมากๆอีกด้วย

สำหรับงานโครงสร้างจะเป็นรูปแบบผนังหล่อในที่ ซึ่งจะเป็นผนังรับน้ำหนักที่มีความแข็งแรงและสามารถป้องกันเสียงได้ดี แต่ทั้งนี้ก็อาจทำให้การทุบ/เจาะยากกว่าผนังทั่วไป และจำเป็นต้องปรึกษาช่างประจำโครงการก่อนเสมอ โดยบ้านตัวอย่างก็จะมีให้เราดูครบทั้ง 3 แบบเลย จะเป็นอย่างไรบ้างเราไปชมกันครับ

  • AMPLE (เอมเพอ) บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 546 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 Family Area / 1 ครัวไทย / 4 ที่จอดรถ + สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว

..เริ่มต้นกันที่บ้านเดี่ยวหลังใหญ่สุด โดยลักษณะของแปลนบ้านของที่นี่ก็คือ ‘เป็นบ้านที่สร้างเต็มพื้นที่’ สังเกตจากรอบๆบ้านจะมีพื้นที่ดินเหลือไม่มาก เพราะเค้าต้องการเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในเป็นหลัก จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นการปลูกต้นไม้ หรือทำสวนข้างบ้านเท่าไหร่นัก แต่จะเน้นไปที่การเพิ่มพื้นที่ใช้สอยแนวตั้งตามแบบฉบับของบ้านทำเลในเมือง เพื่อให้คุ้มกับราคาที่ดินที่สูงนั่นเองครับ ซึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจของแปลนชั้นนี้จะมีอยู่ 3 จุดหลักๆคือ

  1. สระว่ายน้ำ : ถือเป็นหัวใจสำคัญของบ้านหลังนี้ ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีแล้ว ยังสามารถเปิดประตูเชื่อมต่อกับพื้นที่ Common Area ภายใน ให้กลายเป็นพื้นที่ Semi-Outdoor ขนาดใหญ่สำหรับจัดปาร์ตี้ Pool Villa ได้อีกด้วย
  2. พื้นที่ข้างบ้าน : เนื่องจากเป็นบ้านที่สร้างเกือบเต็มพื้นที่ จึงเหลือที่ว่างรอบๆบ้านประมาณ 1 m. เท่านั้น ซึ่งจะเป็นเส้นทาง Service สำหรับแม่บ้านที่มีห้องครัวและห้องพักผ่อนแยกออกมาอยู่ด้านนอก อีกทั้งยังช่วยทำให้เจ้าของบ้านมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกด้วย
  3. ฟังก์ชันสำหรับครอบครัวใหญ่ : เป็นบ้านที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับสมาชิกในบ้านได้หลายคน และสามารถอยู่อาศัยแบบ 3 Generation ที่อาจมีทั้งผู้สูงอายุหรือเด็กเล็กก็ได้ โดยจะมีที่จอดรถมากถึง 4 คัน มีพื้นทางลาดสำหรับรถเข็น และยังมีลิฟต์ให้ใช้งานขึ้น-ลงสะดวกอีกด้วย

สำหรับพื้นที่จอดรถจะสามารถจอดได้ทั้งหมด 4 คัน แบ่งเป็นช่องจอดในร่ม 3 คันที่กว้าง 7.5 m. และช่องจอดแบบ Semi-Outdoor ทางด้านข้างอีก 1 คันกว้าง 2.5 m.

โครงสร้างพื้นจะลงเสาเข็มยาวมาให้จนถึงแนวเสาของตัวบ้าน และใช้เป็นพื้น Stamp Concrete ที่มีความแข็งแรงและสวยงามเหมือนบ้านตัวอย่างเลยครับ

ตัวหลังคามีรายละเอียดของการเซาะร่องด้านล่าง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนไหลย้อนกลับเข้ามาด้านในตัวบ้าน

รวมถึงด้านบนก็มีการทำขอบกันน้ำเอาไว้ ไม่ปล่อยให้น้ำฝนไหลลงมาเลอะตัวอาคารได้นั่นเองครับ ซึ่งถือว่าเค้าใส่ใจรายละเอียดการออกแบบได้ค่อนข้างดีทีเดียว

อีกด้านหนึ่งของที่จอดรถจะเป็นทางเข้าบ้านหลัก ซึ่งจะมีการทำเป็นทางลาดให้สามารถใช้รถเข็นได้ง่าย (กว้าง 1 m.)

นอกจากนี้ยังมีการเตรียม Junction รองรับงานระบบไฟฟ้าตามจุดต่างๆที่จำเป็นเอาไว้แล้วด้วย ไม่ว่าจะเป็บการติดตั้งประตูไฟฟ้าหน้าบ้าน และ EV Chartger ด้านใน (มีการเดินไฟแบบ 3 Phase มาให้แล้ว)

ผนังของบ้านเป็น Stone Surface ซึ่งเป็นแผ่นหินที่นิยมใช้ตกแต่งอาคารภายนอก มีความแข็งแรงสวยงาม และให้ผิวสัมผัสเหมือนหินธรรมชาติมากๆครับ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งกล้อง CCTV รอบตัวบ้านอีก 3 จุดเพื่อความปลอดภัยด้วย

ประตูทางเข้าบ้านเป็นของ Tostem สามารถเปิดออกได้กว้างทั้ง 2 ข้าง มาพร้อมกับ Digital Door Lock / Magnetic Sensor / โช้คด้านบน และยังมีการซีลด้วยขอบยางรอบกรอบบานประตู ทำให้สามารถปิดได้แนบสนิท และช่วยกันเสียงหรือแมลงต่างๆได้เป็นอย่างดี

บริเวณผนังด้านข้างของประตูจะมี Touch Screen ที่เป็นแผงควบคุมระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆภายในบ้าน รวมถึงยังมีแผงควบคุมที่รองรับการติดตั้ง Home Automation เอาไว้ด้วย

ติดกับประตูทางเข้าจะมีห้องเก็บของขนาดใหญ่กว้าง 1.55 x 1.8 m. สามารถใช้เก็บของหรือจะ Built ตู้เพื่อทำเป็นห้องเก็บรองเท้าแบบจริงจังเลยก็ได้นะครับ

และข้างๆกันจะเป็นลิฟต์โดยสารที่สามารถใช้สัญจรขึ้น-ลงได้สะดวก ภายในมีขนาดกว้าง 1.1 x 0.95 m. พอจะใช้รถเข็นเข้ามาได้พอดีๆ และมีปุ่มกดอยู่ด้านล่างตรงบริเวณราวจับให้ใช้งานง่ายครับ

บรรยากาศภายในบ้านเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ที่สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นและรับแขกแบบนี้ได้ ซึ่งเราจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ที่ทำให้ภายในบ้านสว่างโปร่งโล่ง และยังสามารถชมวิวสระว่ายน้ำภายนอกได้แบบนี้เลยครับ

สำหรับพื้นที่ Double Volume จะมีฝ้าเพดานสูง 6.7 m. เชื่อมต่อไปยังพื้นที่ชั้นลอยที่อยู่ด้านบน นอกจากนี้ยังมีการใช้ประตูหน้าต่างกระจกที่เป็นแบรนด์คุณภาพเทียบเท่า Tostem อีกด้วยครับ

ซึ่งข้อดีของการเลือกใช้แบรนด์นี้ก็คือ เราจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่พิเศษ และมีกรอบบานบังวิวน้อยกว่า เมื่อเทียบกับแบรนด์ใกล้เคียงอย่าง Tostem ที่อนันดาเคยใช้มาก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความโปร่งโล่ง และมีพื้นที่เชื่อมต่อกับภายนอกตามคอนเซ็ปต์นั่นเอง

อีกด้านหนึ่งจะเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งจะเป็นส่วนของความสูงฝ้าปกติอยู่ที่ 3 m. และปูพื้นด้วยกระเบื้อง Porcelain ที่มีความสวยงามและทำความสะอาดได้ง่าย

ประตูกระจกด้านข้างสามารถเปิดออกไปใช้งานพื้นที่ด้านนอกได้ครับ โดยประตูหน้าต่างของชั้น 1 และชั้นลอยทุกจุด จะมีการติด Magnetic & Shock Sensor มาให้เพื่อความปลอดภัยด้วย

ด้านนอกจะมีชานบ้านยื่นออกมา ให้สามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนริมสระเพิ่มเติมได้ โดยผนังด้านข้างจะเป็นโซนของปั๊มน้ำที่ก่อผนังปิดเอาไว้เป็นสัดส่วน ส่วนต้นไม้ตรงกลางเราก็จะได้มาแบบนี้เลยครับ

สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ กว้างประมาณ 4.7 x 3.5 m. ซึ่งอาจไม่ได้มีขนาดใหญ่พอจะว่ายออกกำลังกายได้จริงจังนะครับ แต่จะเน้นเอาบรรยากาศของ Pool Villa และเหมาะที่จะจัดปาร์ตี้มากกว่า

นอกจากนี้ประโยชน์ของการที่มีผืนน้ำอยู่ข้างบ้านแบบนี้ก็คือ จะช่วยทำให้มีลมพัดผ่านได้ง่ายมากขึ้น เพราะเกิดความแตกต่างของอุณหภูมิเหนือผิวน้ำ จึงทำให้บ้านสไตล์ Pool Villa เหมาะกับการพักผ่อนและน่าอยู่อาศัยในตอนกลางวันมากๆครับ

กลับเข้ามาภายในบ้านอีกครั้ง ซึ่งอีกด้านหนึ่งจะเป็นห้องครัวและห้องน้ำครับ

โดยห้องน้ำนี้จะเป็นแบบ Powder Room ใช้งานสำหรับแขกและพื้นที่ Common Area ด้านล่างทั้งหมด ภายในตกแต่งมาให้เหมือนกับบ้านตัวอย่างเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องลายหินอ่อน กระจกเงาบานใหญ่ และไฟซ่อนต่างๆ

รวมถึงได้อ่างล้างหน้าของ American Standard มาเป็นมาตรฐาน แต่ที่พิเศษขึ้นหน่อยก็คือ เราจะได้โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติของ TOTO ให้ใช้งานสะดวกด้วยนั่นเอง

ติดกันจะเป็นพื้นที่ครัวไทยขนาด 3 x 2.3 m. มีประตูกั้นแยกจากภายในบ้านจึงสามารถทำอาหารได้จริงจัง โดยของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆให้เราได้มา Built เคาน์เตอร์ครัว และออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้เองตามต้องการ

อีกทั้งโซนหลังบ้านนี้จะเชื่อมต่อไปยังส่วนของห้องพัก Maid ที่อยู่ด้านข้างได้ด้วย (แต่เนื่องจากบ้านตัวอย่างมีการปลูกต้นไม้เอาไว้ ก็เลยอาจไม่ได้พาไปดูนะครับ) ซึ่งเราสามารถปิดประตูในบ้านเพื่อให้แม่บ้านยังสามารถทำงาน และใช้ชีวิตอยู่ในส่วนของเค้าได้ โดยไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของเจ้าบ้านที่อยู่ด้านในเลยนั่นเอง

บริเวณกลางบ้านจะมีบันไดทางขึ้นชั้น 2 และมีห้องเก็บของจุดที่ 2 อยู่ด้านล่าง จึงทำให้เป็นบ้านที่สามารถเก็บของได้เยอะดีทีเดียวครับ

บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความแข็งแรงทนทาน และปิดผิวด้วยกระเบื้อง SPC (Stone Plastic Composite) รวมถึงยังมีช่องแสงและได้ราวกันตกเป็นกระจกนิรภัยแบบนี้เลยด้วยครับ

โดยจุดที่จะไม่เหมือนบ้านตัวอย่างก็คือ ‘ระบบไฟส่องสว่าง’ ซึ่งของจริงจะเป็นไฟที่ติดอยู่ตรงขั้นบันได และเปิดอัตโนมัติด้วยระบบ Motion Sensor ทำให้มีความสะดวกและปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้น

แปลนชั้นลอย จะมีจุดที่น่าสนใจอยู่ 3 จุดใหญ่ๆด้วยกันดังนี้

  1. Family Room : เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ที่เราสามารถกั้นผนังเพื่อทำเป็นห้องนอนเพิ่มอีกห้องหนึ่งได้ถ้าต้องการ เพราะห้องน้ำที่อยู่ในชั้นนี้ก็มีฟังก์ชันอาบน้ำรองรับการใช้งานอยู่แล้วด้วยนั่นเองครับ
  2. Double Volume : เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับ Common Area ที่อยู่ชั้นล่าง ทำให้มีความโปร่งโล่ง และเกิดการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างคนที่อยู่ชั้นบนกับชั้นล่างได้ดี
  3. พื้นที่อเนกประสงค์ : เป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รวมอยู่ในพื้นที่ใช้สอยของตัวบ้าน เนื่องจากกฎหมายของชั้นลอยที่จะต้องไม่เกิน 40% ของพื้นที่ในชั้นทั้งหมด จึงทำให้พื้นที่ส่วนนี้เปรียบเสมือนส่วนของหลังคาของตัวบ้าน ที่เราสามารถออกมาใช้ประโยชน์ได้หากต้องการนั่นเองครับ

ขึ้นบนมาชั้นลอยเราจะเจอกับ Double Volume ที่สามารถมองเชื่อมต่อลงไปยังโซนชั้นล่างและสระว่ายน้ำได้แบบนี้ ทำให้เราสามารถเห็นได้ว่ามีแขกไปใครมาบ้าง โดยที่ไม่จำเป็นต้องลงไปด้านล่างเลยครับ

และข้างๆลิฟต์จะมีประตูที่เปิดเชื่อมต่อมายังโซนด้านนอกได้ ซึ่งอย่างที่ผมอธิบายไปแล้วว่าพื้นที่ส่วนนี้ไม่ได้ถูกคิดเป็นพื้นที่ใช้สอยของตัวบ้าน เนื่องจากข้อกฎหมายของพื้นที่ชั้นลอยที่ต้องไม่เกิน 40% ของพื้นที่ในชั้นทั้งหมด

แต่เราก็สามารถออกมาใช้ประโยชน์ได้ตามต้องการเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ทำเป็นสวนกระถางพักผ่อนบนบ้าน หรือจะกั้นทำเป็นห้องก็แล้วแต่ไอเดียของแต่ละคนเลย โดยขนาดของพื้นที่นี้จะกว้าง 11.15 x 3.8 m. ซึ่งใหญ่มากๆเลยทีเดียว

อีกด้านหนึ่งของชั้นลอยจะเป็นพื้นที่ Family Room ซึ่งเวลาที่ด้านล่างกำลังมีแขกอยู่ สมาชิกคนอื่นๆในครอบครัวก็สามารถมานั่งเล่นร่วมกันตรงนี้ได้ หรือใครจะกั้นผนังทำเป็นห้องส่วนตัวเพิ่มอีกสักห้องก็ได้นะครับ

นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำขนาดใหญ่ให้ใช้งานด้วย ซึ่งหากใครที่ต้องการทำชั้นนี้ให้กลายเป็นห้องนอน เค้าก็จะมีในส่วนของพื้นที่อาบน้ำรองรับเอาไว้แล้วแบบนี้ด้วย โดยมีความกว้าง 1.15 x 1.45 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ

ภายในได้สุขภัณฑ์ของ American Standard เป็นมาตรฐาน และจะได้โถสุขภัณฑ์แบบปกติ (แบบอัตโนมัติจะได้เฉพาะห้องน้ำชั้นล่าง และห้องนอนใหญ่) รวมถึงเราจะได้ฉากกั้นอาบน้ำติดตั้งมาให้แบบนี้เลยครับ

แปลนชั้น 2 จะมีห้องนอนอยู่ 2 ห้องด้วยกันครับ ซึ่งห้องนอน 2 ที่อยู่ทางด้านหลังบ้านก็มีขนาดใหญ่ และมีฟังก์ชันครบไม่แพ้ห้อง Master Bedroom เลยทีเดียว โดยที่ชั้นนี้จะมีจุดที่น่าสนใจอยู่ 2 จุดใหญ่ๆคือ

  1. Master Bedroom : เป็นห้องที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่สุดของบ้าน และครอบคลุมพื้นที่เกินครึ่งหนึ่งของชั้น 2 นี้เลยครับ ภายในสามารถจัดแบ่งฟังก์ชันต่างๆได้เป็นสัดส่วน มีห้องน้ำขนาดใหญ่มาก รวมถึงยังได้ระเบียงรูปตัว L ขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน
  2. ช่องหน้าต่างและการระบายอากาศ : จะเห็นได้ว่าห้องนอนนี้มีช่องแสงเยอะถึง 3 ด้าน จึงทำให้ช่วยในเรื่องการระบายอากาศได้เป็นอย่างดี สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ ‘FLOW’ ที่ต้องการเน้นให้ตัวบ้านมีการหมุนเวียนและถ่ายเทอากาศที่ดีนั่นเองครับ

ขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะเจอประตูแยกออกไป 2 ห้อง ซึ่งในชีวิตจริงเราก็คงปิดประตูเอาไว้ตลอดใช่มั้ยครับ ดังนั้นจึงอาจต้องเปิดไฟตรงโถงบันไดช่วยตลอดเวลา เพื่อความสว่างและมีการใช้งานที่ปลอดภัยมากขึ้นครับ

เรามาเริ่มกันที่ Master Bedroom ที่อยู่ทางโซนด้านหน้าบ้านกันก่อน ภายในจะมีขนาดใหญ่มาก และของจริงจะเป็นห้องโล่งๆที่เราสามารถกั้นโซน หรือออกแบบพื้นที่ใช้สอยอีกฝั่งได้เองตามต้องการ

โดยวัสดุปูพื้นจะเป็น Hybrid Engineered Wood ที่มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ และยังทนความชื้นได้ดีมากๆอีกด้วยครับ ส่วนความสูงฝ้าเพดานก็คือ 2.8 – 3 m. จึงมีความโปร่งโล่งเป็นพิเศษ

อีกด้านหนึ่งของห้องถูกจัดเป็น Walk-in Closet มาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งมีพื้นที่เยอะเหลือเฟือจนสามารถทำโต๊ะ Island เพิ่มตรงกลางได้สบายๆ

ช่องแสงของห้องจะได้เป็นกระจกเข้ามุม (Bay Window) ที่ช่วยทำให้ภายในห้องดูกว้างขวาง และสามารถรับวิวภายนอกได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

โดยระเบียงรูปตัว L จะกว้าง 90 cm. กั้นด้วยราวกันตกกระจกนิรภัย Tempered Glass ที่มีความสวยงามและปลอดภัย สามารถออกมาใช้งานได้สบายๆครับ

แต่ที่น่าสนใจจริงๆก็คือ ระเบียงด้านข้างจะมีความกว้างมากกว่าอยู่ที่ 1.85 m. และเราจะเห็นว่าหลังคาด้านบนมีการเจาะเอาไว้ให้รับแสงและฝนแบบนี้ด้วย

ซึ่งเป็นดีไซน์ที่เอาไว้รองรับการปลูกต้นไม้ขนาดกลาง เพื่อให้พุ่มไม้สามารถเติบโตสูงขึ้นไปด้านบนได้ เป็นการดึงพื้นที่สีเขียวให้ขึ้นมาอยู่ด้านบนแทนพื้นที่รอบๆบ้าน หรือใครมีไอเดียอยากจัดเป็นพื้นที่เป็นแบบอื่นก็ได้นะครับ

ส่วนฝ้าภายนอกที่เห็นจะเป็นไม้เทียม ซึ่งการที่ทางโครงการเลือกใช้เป็นวัสดุชนิดนี้ ก็เพื่อความคงทน ดูแลรักษาได้ง่าย และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าไม้จริง แต่ยังคงได้ความรู้สึกที่ดูเป็นธรรมชาติอยู่ด้วยนั่นเองครับ

นอกจากนี้เรายังสามารถมองจากระเบียงลงไปเห็นสระว่ายน้ำที่เป็น Court กลางบ้านได้แบบนี้อีกด้วยนะครับ ซึ่งเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ของคนที่อยู่คนละชั้นได้ดี เช่น พ่อแม่สามารถมองดูและพูดคุยกับลูกๆที่เล่นน้ำอยู่จากตรงนี้ได้เลย โดยที่ไม่ต้องลงไปชั้นล่างเอง เป็นต้น

ถัดมาจะเป็นห้องน้ำของ Master Bedroom ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องน้ำทั่วไปมากๆ ตรงกลางห้องจะมีอ่างล้างหน้าแบบ His and Her ทำให้สามารถใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้เลย

โดยจะเป็นสุขภัณฑ์จาก Kohler มาพร้อมกับการเดินท่อน้ำร้อนในผนังให้สามารถปรับอุณหภูมิของน้ำได้ด้วยตัวเอง ส่วนเคาน์เตอร์ก็จะเป็นหินสังเคราะห์สีโทนสว่างแบบนี้ครับ

ซ้ายมือจะเป็นโซนของโถสุขภัณฑ์และห้องอาบน้ำ ซึ่งจะมีการกั้นด้วยผนังกระจกแยกไว้เป็นสัดส่วนชัดเจน

ภายในจะมีพื้นที่กว้าง 1.4 x 1.5 m. ใช้งานได้สะดวก มาพร้อมกับโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติของ TOTO และยังมีทั้ง Hand Shower + Rain Shower ให้ใช้งานแบบนี้ครับ

ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวของ KASCH ที่เราสามารถนอนแช่น้ำผ่อนคลายในวันที่เหนื่อยล้าจากการทำงานได้สบายๆ

ซึ่งตัวอ่างจะอยู่ติดกับช่องแสง ที่หากเปิดออกมาก็จะมองเห็นสระว่ายน้ำด้านล่าง และยังสามารถระบายอากาศได้ดีอีกด้วย โดยทางโครงการก็ได้ทำเป็นกระจกฝ้ามาให้ เพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งานครับ

พูดถึงเรื่องการระบายอากาศแล้ว หากเรามองขึ้นไปบนฝ้าเพดานก็จะเห็นพัดลมดูดอากาศ ที่จะติดอยู่ในห้อง Master Bedroom ของบ้านทุกหลัง ซึ่งเรียกว่าระบบ ‘Heat Reclaim Ventilator (HRV)’

เป็นระบบระบายอากาศที่มีหลักการแลกเปลี่ยนความร้อน ระหว่างอากาศภายในห้องและภายนอก เพื่อช่วยลดอุณหภูมิของอากาศที่นำมาเติมภายในห้องผ่านแผงแลกเปลี่ยนอากาศ อีกทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ และช่วยให้มีอากาศไหลเวียนถ่ายเทได้ดีอีกด้วย

ถัดมาจะเป็นห้องนอนที่ 2 ซึ่งอยู่ติดกับห้อง Master Bedroom เหมาะที่จะเป็นห้องนอนของลูกคนโตครับ เพราะจะได้อยู่ช่วยดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นเจ้าของบ้านห้องข้างๆได้ด้วยนั่นเอง

โดยบรรยากาศภายในห้องถือว่าสว่างโปร่งโล่งมากๆครับ เพราะมีช่องแสงกระจายอยู่หลายๆจุดทั่วทั้งห้องเลย

โดยเฉพาะช่องแสงที่อยู่ตรงกลางห้อง ที่พอเราเปิดออกไปก็จะเป็นระเบียงขนาด 1.5 x 1.9 m. พอจะออกไปยืนสูดอากาศหรือปลูกต้นไม้เล็กๆน้อยๆได้เท่านั้น

แต่ประโยชน์หลักๆของช่องแสงตรงนี้ก็คือ เค้าจะอยู่ติดกับผนังกระจกถึง 3 ด้าน ทำหน้าที่เป็นช่องแสงหลักที่ช่วยให้ห้องนอนทั้งห้องสว่างและโปร่งโล่งนั่นเองครับ

ถัดมาจะเป็นโซนของเตียงนอน ซึ่งกว้างมากพอที่เราจะแบ่งพื้นที่ทำเป็นโซนนั่งเล่นเพิ่มเติมได้ด้วย ส่วนบริเวณปลายเตียงก็จะมีประตูกระจก ที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียงอีกจุดหนึ่งได้ครับ

ระเบียงภายนอกมีขนาด 2.7 x 0.9 m. สามารถออกมาใช้งานได้จริงจังเลย รวมถึงยังเป็นตำแหน่งที่สามารถมองลงไปเห็นสระว่ายน้ำ และมองเห็นระเบียงห้อง Master Bedroom ได้อีกด้วย

อีกด้านของห้องนอนจะเป็นพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำครับ ซึ่งจะอยู่แยกออกไปเป็นสัดส่วนแบบนี้เลย

ภายในห้องน้ำมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์ของ American Standard ครบเป็นมาตรฐาน

อีกด้านหนึ่งจะมีการกั้นกระจกและทำเป็นพื้นที่อาบน้ำให้แบบนี้ครับ โดยมีพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1 x 1.4 m. แต่จุดเด่นที่น่าสนใจก็คือ ‘ช่องแสงขนาดใหญ่’

ที่นอกจากจะช่วยให้แสงสว่างและเปิดระบายอากาศได้แล้ว เรายังสามารถออกไปใช้งานระเบียงเล็กๆภายนอกได้ด้วย เช่น ตากผ้าเล็กๆน้อยๆ หรือปลูกต้นไม้เพื่อความสวยงาม เป็นต้น

แปลนชั้น 3 จะมีห้องนอนอีก 2 ห้องด้วยกัน ซึ่งอย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ห้องนอนทุกห้องภายในบ้านจะมีขนาดใหญ่ไม่แพ้ห้อง Master Bedroom เลยครับ เพราะมีคอนเซ็ปต์ All Bedroom is Master Bedroom โดยภายในก็จะมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง และมีฟังก์ชันเป็นสัดส่วนให้ใช้งานครบเลย นอกจากนี้ก็จะมีจุดเด่นที่น่าสนใจ 3 จุดดังนี้

  1. ห้องอเนกประสงค์ : เป็นห้องที่กั้นด้วยผนังกระจกบริเวณกลางบ้าน ซึ่งนอกจากเราจะสามารถใช้ประโยชน์ทำเป็นห้องต่างๆตามที่ต้องการได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยดึงแสงสว่างจากภายนอกเข้ามา และทำให้โถงบันไดกลางบ้านสว่าง แบบไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันอีกด้วย
  2. พื้นที่อเนกประสงค์ตรงโถงบันได : เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามา เหมาะจะทำเป็นหิ้งพระสำหรับบ้านที่อาจไม่ได้มีโต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่มากนัก ซึ่งจะทำให้เราไม่ต้องเสียพื้นที่ของห้องอเนกประสงค์เพื่อนำไปทำเป็นห้องพระนั่นเองครับ
  3. ช่องระเบียงลับในห้องน้ำ : จะมีอยู่ในทุกๆห้องนอน ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ทำให้มีอากาศถ่ายเทได้ดีมาก โดยหากเราเปิดหน้าต่างระเบียงหน้าบ้านกับหลังบ้านพร้อมๆกัน ก็จะมีลมพัดผ่านเข้า-ออก ทำให้ภายในห้องเย็นสบายโดยที่ไม่ต้องเปิดแอร์ สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ ‘FLOW’ ที่อธิบายไปก่อนหน้านี้ แถมยังทำให้ห้องน้ำระบายอากาศได้ดีมากๆอีกด้วย

หน้าตาของพื้นที่อเนกประสงค์บริเวณโถงบันได ซึ่งจะเป็นการยก Step สูงขึ้นไปเล็กน้อย แต่ก็ยังมีความสูงฝ้า 2.2 m. ให้ยืนได้เต็มความสูงปกติ และมีพื้นที่กว้างประมาณ 1 x 2.25 m. พอให้ทำเป็นมุมหิ้งพระเล็กๆได้ครับ

ขึ้นมาบนชั้น 3 จะมีห้องแยกออกไป 3 ฟังก์ชันด้วยกัน ที่น่าสนใจก็คือห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งจะกั้นด้วยประตูกระจกขนาดใหญ่ ทำให้ถึงแม้ว่าห้องนอน 2 ห้องจะปิดประตูทึบเอาไว้ โถงบันไดก็ยังพอจะได้แสงสว่างที่ส่องผ่านเข้ามาทางห้องนี้ได้อยู่นั่นเองครับ

ภายในห้องอเนกประสงค์จะมีขนาด 3.2 x 4.7 m. มีความกว้างขวางและสามารถปรับเป็นฟังก์ชันต่างๆที่ต้องการได้ เช่น ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องดูหนัง และห้องทำการบ้าน เป็นต้น

ติดกันจะเป็นห้องนอนทางด้านซ้ายมือ (โซนหลังบ้าน) ซึ่งลักษณะฟังก์ชันจะเหมือนกับห้องชั้น 2 ก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่จะมีจุดที่แตกต่างกันนิดหน่อย

โดยห้องนี้จะลดทอนระเบียงออกไป เลยทำให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในที่เยอะขึ้นเล็กน้อย

ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องก็จะเป็น Walk-in Closet และห้องน้ำเหมือนเดิมครับ

สุดท้ายคือห้องนอนที่อยู่ทางด้านหน้าบ้าน ซึ่งมีขนาดพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกับห้องเมื่อครู่ แต่จะมีจุดเด่นอยู่ที่ ‘ช่องแสงขนาดใหญ่’ ซึ่งภายนอกจะเป็นระเบียงกว้างเท่ากับตัวบ้านเลยครับ จึงทำให้บรรยากาศของห้องนอนนี้สว่างและโปร่งโล่งเป็นพิเศษ

ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องก็จะสามารถจัดเป็น Walk-in Closet หน้าห้องน้ำได้ตามปกติ

ภายในห้องน้ำมีขนาดและฟังก์ชันให้ใช้งานได้เหมือนห้องอื่นๆ และที่สำคัญคือ มีช่องหน้าต่างที่เปิดออกไปยังระเบียงด้านหลังได้ด้วยนั่นเองครับ

  • APEX (เอ-เพ็กซ์) บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 434 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 Family Area / 1 ครัวไทย / 3 ที่จอดรถ + สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว

เป็นบ้านเดี่ยวอีกหลังที่มีขนาดและฟังก์ชันคล้ายๆกับหลังใหญ่ก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่จะมีขนาดที่เล็กลงนิดหน่อย แต่ก็สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยแบบครอบครัวใหญ่ได้สบายๆ ซึ่งที่จอดรถและห้องเก็บของจะถูกลดทอนลงไป เหลือเป็นที่จอดรถขนาดใหญ่ 3 คัน และห้องเก็บของใต้บันไดอีก 1 ห้องนั่นเอง

โดยที่จอดรถในร่ม 2 คันจะกว้าง 5 m. และมีที่จอดรถแบบ Semi-Outdoor กว้าง 2.5 m. รวมถึงยังคงมีทางลาดสำหรับรถเข็นรองรับเอาไว้ให้เหมือนเดิมครับ

แต่จุดที่แตกต่างออกไปเล็กน้อยก็คือ ประตูทางเข้าบ้านจะไม่ได้มีประตูเล็กด้านข้าง ให้สามารถเปิดขยายเพื่อขนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆได้แล้ว ดังนั้นเวลาขนของชิ้นใหญ่จึงอาจต้องเปลี่ยนไปใช้ประตูตรงสระว่ายน้ำแทนนะครับ

และเมื่อเข้ามาด้านในเราจะเจอกับ Foyer ที่ยังมองไม่เห็นพื้นที่ด้านในบ้าน ทำให้เป็นฟังก์ชันที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดี

รวมถึงหากเราต้องการที่จะขึ้น-ลงชั้นบน ก็สามารถทำได้สะดวกเลยครับ เพราะลิฟต์โดยสารและบันไดจะอยู่ใกล้ๆทางเข้าบ้านแล้วแบบนี้ ไม่จำเป็นห้องเดินผ่านฟังก์ชันอื่นให้เสียเวลา

เข้ามาภายในเราจะเจอกับ Common Area ที่มีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็น Double Volume สูง 6.7 m. เหมือนบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้ บรรยากาศจึงสว่างโปร่งโล่ง และยังสามารถมองเห็นสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านข้างได้ชัดเจนอีกด้วย

โดยสระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่นี้จะมีขนาดประมาณ 5 x 2.5 m. ได้อารมณ์พักผ่อนบ้านตากอากาศแบบ Pool Villa และยังเหมาะที่จะจัดปาร์ตี้มากๆอีกด้วย

อีกด้านหนึ่งของบ้านจะเป็นทางไปครัวไทยครับ

พื้นที่ด้านในกว้าง  2.1 x 3.4 m. และของจริงก็จะเป็นห้องโล่งๆที่ให้เราได้มา Built-in เคาน์เตอร์ครัวตกแต่งในแบบที่ชอบกันได้เลย ส่วนประตูหลังบ้านก็จะเชื่อมต่อไปยังโซนพักผ่อนของแม่บ้านเช่นเคย

ติดกันจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ที่ภายในจะมีอุปกรณ์ให้ใช้งานครบ กว้างประมาณ 1.35 x 2.2 ตร.ม. และแน่นอนว่าเราจะได้โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติที่ชั้นนี้ด้วยครับ

บริเวณกลางบ้านนอกจากจะมีบันไดขึ้นชั้น 2 แล้วก็ยังมีห้องเก็บของอยู่ใต้บันไดด้วย ซึ่งจะมีขนาดใหญ่พอที่จะเดินเข้าไปใช้งานได้ทั้งตัว และเก็บของชิ้นใหญ่ๆที่ไม่ค่อยใช้ได้เยอะเลยครับ

แปลนชั้นลอย สำหรับบ้านหลังนี้ก็จะเหมือนกับบ้านตัวอย่างหลังใหญ่ก่อนหน้านี้เลยครับ ซึ่งเราสามารถกั้นผนังเพื่อทำเป็นห้องนอนเพิ่มเติมได้ โดยห้องน้ำจะมีส่วนอาบน้ำรองรับเอาไว้อยู่แล้ว

ส่วนพื้นที่อเนกประสงค์ภายนอกที่อยู่หน้าบ้าน เราก็ยังสามารถออกไปใช้ประโยชน์ได้อยู่ และแน่นอนว่าเป็นส่วนที่ไม่ได้คิดเป็นพื้นที่ใช้สอยของตัวบ้านครับ ซึ่งเราอาจทำเป็นพื้นที่สีเขียวแบบ Semi-Outdoor หรือจะกั้นทำเป็นห้องเพิ่มเติมก็ได้แล้วแต่ไอเดียเลย

บรรยากาศของพื้นที่ชั้นลอยซึ่งจะเป็น Family Room กว้างประมาณ 3.6 x 6.9 m. สามารถทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นส่วนตัวสำหรับครอบครัวแบบนี้ หรือจะกั้นทำเป็นห้องอื่นๆก็ได้ตามต้องการ

แน่นอนว่าเป็นพื้นที่ Double Volume จึงสามารถมองเชื่อมต่อลงไปยังพื้นที่ชั้นล่าง และยังมองเห็นสระว่ายน้ำแบบนี้ได้ด้วยครับ

ส่วนอีกด้านของห้องก็จะเป็นทางไปยังห้องน้ำที่อยู่ในชั้นนี้

ภายในห้องน้ำมีฟังก์ชันและอุปกรณ์ให้ใช้งานครบเหมือนบ้านตัวอย่าง รวมถึงยังมีพื้นที่อาบน้ำเพื่อรองรับการทำเป็นห้องนอนของชั้นนี้อีกด้วย โดยภายในจะกว้าง 1 x 1.15 m. ใช้งานได้ตามปกติ

แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือ ช่องหน้าต่างที่เปิดออกไปยังระเบียงด้านหลัง ซึ่งจะช่วยทั้งในเรื่องการระบายอากาศ และยังออกไปใช้งานเล็กๆน้อยๆได้ด้วยครับ

ส่วนทางด้านหน้าบ้านจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ภายนอก ซึ่งจะมีขนาด 8.5 x 3.7 m. โดยเราสามารถออกมาใช้ประโยชน์ได้ตามต้องการเลยครับ

แปลนชั้น 2 จะประกอบด้วยห้องนอนขนาดใหญ่ 2 ห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกัน แตกต่างกันที่ห้องนอนหน้าบ้านจะเน้นผนังกระจกเพื่อความโปร่งโล่ง และมีระเบียงขนาดใหญ่ให้ออกไปใช้งานได้ด้วย

ส่วนห้องนอนที่อยู่หลังบ้านจะเน้นเป็นพื้นที่ใช้สอยภายในมากกว่า นอกจากนี้ยังมีห้องอเนกประสงค์ตรงกลางให้ใช้งานด้วย ซึ่งฟังก์ชันโดยรวมก็จะคล้ายๆกับแปลนชั้น 3 ของบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้นั่นเอง

โดยนี่จะเป็นบรรยากาศของโถงบันไดชั้น 2 ซึ่งเราจะได้แสงสว่างที่ส่องผ่านมาจากห้องอเนกประสงค์ ทำให้ตอนกลางวันจะมีความสว่างโปร่งโล่ง และใช้งานเดินขั้น-ลงได้สะดวกครับ

ภายในห้องอเนกประสงค์จะมีขนาด 3.1 x 3.5 m. สามารถจัดเป็นห้องทำงาน ห้องนั่นเล่น ห้องดูหนัง หรือห้องอื่นๆได้ตามต้องการ

ถัดมาจะเป็นห้องนอนที่อยู่ทางด้านหน้าบ้าน ซึ่งจุดเด่นก็คือ ‘ช่องแสง’ ที่มีขนาดใหญ่และกว้างมากๆ จึงทำให้ห้องนี้มีความสว่างและโปร่งโล่งเป็นพิเศษ

ส่วนระเบียงภายนอกก็จะเป็นรูปตัว L ที่ออกไปใช้งานได้จริง พร้อมทั้งยังได้ช่องหน้าต่างกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window อีกด้วยครับ

อีกด้านของห้องจะเป็น Walk-in Closet และห้องน้ำครับ

แน่นอนว่าภายในห้องน้ำจะมีฟังก์ชันเป็นสัดส่วนให้ใช้งานครบ พื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.3 x 1 m. รวมถึงยังมีช่องระเบียงด้านหลังแบบนี้ด้วย

ซึ่งบางคนอาจคิดว่าห้องนอนนี้มีหน้าต่างเยอะก็ต้องรับลมได้ดีอยู่แล้ว แต่จริงๆแล้วการที่จะมีลมพัดผ่านได้นั้น เมื่อมีทางเข้าก็จะต้องมีทางออก ลมถึงจะพัดผ่านและระบายอากาศได้ดีที่สุดนั่นเองครับ

สำหรับห้องนอนที่อยู่ทางด้านหลังถึง แม้ว่าจะไม่ได้มีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่เท่าห้องด้านหน้าบ้าน แต่เค้าก็ใช้วิธีกระจายช่องแสงออกไปอยู่หลายๆจุดแบบนี้ครับ

โดยภาพรวมจึงทำให้ห้องนี้มีแสงสว่างที่เพียงพอ และระบายอากาศได้ดีนั่นเอง อีกทั้งยังมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่และกว้างขวางมากๆอีกด้วย

อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีทั้งระเบียงเล็กๆที่อยู่ตรงกลางห้อง พร้อมกับมี Walk-in Closet และห้องน้ำให้ใช้งานเป็นส่วนตัว

พื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.2 x 1.45 m. ให้งานได้สบายๆ ส่วนช่องแสงของห้องน้ำนี้จะมีความแตกต่างจากห้องอื่นๆนิดหน่อยตรงที่ เมื่อเราเปิดออกไปจะเชื่อมต่อกับระเบียงที่อยู่กลางห้องแบบนี้นั่นเองครับ

แปลนชั้น 3 เรียกได้ว่าเป็นชั้น Penthouse ของบ้านหลังนี้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะห้อง Master Bedroom จะกินพื้นที่ใช้สอยทั้งชั้น ทำให้มีขนาดใหญ่มากกว่า Master Bedroom ของบ้านหลังใหญ่สุดซะอีก

แน่นอนว่าภายในเราสามารถจัดฟังก์ชันต่างๆให้ตรงกับความต้องการและ Lifestyle ได้หลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่นั่งทำงาน มุมครัวส่วนตัว และอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าเราสามารถใช้ชีวิตอยู่แต่ในชั้นนี้เลยก็ได้ครับ

และบนชั้น 3 นี้ก็จะมีพื้นที่อเนกประสงค์ตรงโถงบันไดให้เราได้ใช้งานด้วยครับ โดยจะมีขนาดประมาณ 1 x 2 m. พอให้วางหิ้งพระเล็กๆได้เท่านั้น แต่ถ้าใครที่มีโต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่ ก็อาจต้องลงไปใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ชั้น 2 แทนนะ

สำหรับใครที่เป็นเจ้าของบ้านและอาจมีอายุสักหน่อย ก็สามารถใช้ลิฟต์ตรงขึ้นมาชั้นบนนี้ได้สะดวกเลยครับ

เมื่อเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์ก่อน ซึ่งบ้านตัวอย่างจัดมาให้ดูเป็นมุมโต๊ะทำงานเป็นไอเดีย หรือเราจะทำเป็นฟังก์ชันอื่นๆก็ได้ตามต้องการ

แต่ที่ชอบอีกอย่างก็คือ จากมุมนี้จะทำให้คนที่อยู่หน้าห้องไม่สามารถมองเข้าไปด้านในส่วนอื่นของห้องได้เลย จึงทำให้ฟังก์ชันภายในมีความเป็นส่วนตัวที่ดีมากขึ้นครับ

ระเบียงของห้องจะสามารถออกไปจากทางประตูด้านข้าง ซึ่งจะเป็นระเบียงยาวที่กว้างเท่ากับตัวบ้านเลย ขนาดประมาณ 8.35 x 0.9 m. และยังทำให้พื้นที่ภายในห้องสว่างโปร่งโล่งมากๆอีกด้วย

บริเวณกลางห้องเหมาะจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นตามบ้านตัวอย่างเลยครับ ซึ่งจะอยู่ติดกับช่องแสงและระเบียง ทำให้เราสามารถดูทีวีไปและชมวิวออกไปด้านนอกด้วยได้เลย

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่เหมาะสำหรับวางเตียงนอน ซึ่งจะเว้นระยะห่างมาจากช่องแสงขนาดใหญ่หน่อย เพื่อไม่ให้แสงรบกวนการพักผ่อนนั่นเองครับ

อีกทั้งตำแหน่งของเตียงก็จะอยู่ใกล้ Walk-in Closet และห้องน้ำด้วยครับ จึงทำให้สามารถใช้งานได้สะดวก ซึ่งตัว Walk-in Closet ก็มีขนาดใหญ่มากๆ สามารถทำเป็นตู้เสื้อผ้าล้อมรอบ และมีโต๊ะ Island ตั้งอยู่ตรงกลางได้สบายๆ

และอีกด้านหนึ่งก็จะเป็นห้องน้ำครับ ซึ่งภายในมีขนาดใหญ่ มาพร้อมอ่างอาบน้ำและกั้นฟังก์ชันเป็นสัดส่วนเหมือนกับของบ้านหลังก่อนหน้านี้เลยครับ

  • ARCHE (อา-เช) บ้านแฝด 3.5 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 42 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 335 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 Family Area / 3 ที่จอดรถ + สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว

Image 1/4
แปลนชั้น 1

แปลนชั้น 1

โดยภาพรวมแปลนบ้านแฝดจะมีลักษณะคล้ายๆกับบ้านเดี่ยวเลยครับ เพียงแต่ว่าจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เล็กลงมา และลดทอนฟังก์ชันบางอย่างออกไป ได้แก่ ห้องน้ำบนชั้นลอยที่จะไม่มีแล้ว ก็เลยทำให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่นหรือทำกิจกรรมชั่วคราว มากกว่าที่จะปรับเป็นห้องนอนแบบพี่ๆบ้านเดี่ยวเค้าครับ รวมถึงห้องอเนกประสงค์บนชั้น 2 หรือ 3 ก็จะไม่มีด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนต่างๆ ยังคงมีความกว้างขวางและใช้งานได้สะดวกสบายเหมือนเดิมนั่นเอง

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของแบบบ้านแฝดหลังนี้ก็คือ ผนังบ้านบนชั้นพักผ่อนตั้งแต่ชั้นลอยขึ้นไป จะไม่มีส่วนใดเลยที่อยู่ติดกับเพื่อนบ้านครับ (เชื่อมต่อกันเฉพาะส่วนของห้องน้ำแม่บ้านที่ชั้นล่างเท่านั้น) หมายความว่าเราจะมีความเป็นส่วนตัว และไม่ต้องกังวลเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านหลังข้างๆเลยนั่นเอง ส่วนบรรยากาศบ้านตัวอย่างของจริงจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมภาพใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/8

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

ARTALE Asoke – Rama 9 (อาร์เทล อโศก – พระราม 9) ราคา ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2566

  • AMPLE (เอมเพอ) บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 60 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 546 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 Family Area / 1 ครัวไทย / 4 ที่จอดรถ + สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว
  • APEX (เอ-เพ็กซ์) บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 434 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 Family Area / 1 ครัวไทย / 3 ที่จอดรถ + สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว
  • ARCHE (อา-เช) บ้านแฝด 3.5 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 42 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 335 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 1 Family Area / 3 ที่จอดรถ + สระว่ายน้ำพร้อมระบบจากุซซี่ และลิฟต์ส่วนตัว
  • ราคาเริ่มต้น 35 – 60 ล้านบาท (*ราคาตอนเปิดตัว)

 

  • ค่าจอง n/a บาท
  • ค่าทำสัญญา n/a บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ n/a บาท
  • ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ตั้งอยู่ใจกลางย่านพระราม 9 ภายในซอยพระราม 9 ซอย 13 ที่สามารถเชื่อมต่อถนนพระราม 9 ถนนเทียมร่วมมิตร และประชาอุทิศได้ ถือเป็นทำเลที่โดดเด่นและมีความอุดมสมบูรณ์สูง ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงพยาบาลชั้นนำ และโรงเรียนนานาชาติ อีกทั้งยังใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย (สายสีน้ำเงิน + สายสีส้ม) และยังใกล้ทางด่วนมากๆเพียง 2 km. อีกด้วย

ซึ่งโครงการจัดสรรที่เกิดขึ้นในย่านนี้ก็มักจะเป็นระดับ Luxury ที่มีราคา 30 – 100 ล้านบาทขึ้นไป โดยหากใครที่เน้นใช้ชีวิตอิงถนนพระราม 9 – ประชาอุทิศ – รัชดาภิเษก – ทองหล่อ โครงการนี้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะจะอยู่ใกล้กับถนนใหญ่และเดินทางสะดวก ในขณะที่เพื่อนบ้านระดับเดียวกันส่วนใหญ่ จะเข้าไปในซอยที่ลึกกว่า หรือไม่ก็อยู่ไปทางโซนเหม่งจ๋าย ที่เหลือก็อาจต้องลองพิจารณาแบบและฟังก์ชันต่างๆดูนะครับ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : จุดเด่นของโครงการนี้คือ Double Security Gate ที่จะช่วยคัดกรองคนได้ถึง 2 ชั้น รวมถึงยังใช้ระบบอ่านป้ายทะเบียนรถยนต์ (License Plate Recognition) + กล้อง CCTV และมี Video Door Phone System ให้ใช้ติดต่อกับลูกบ้านได้โดยตรงอีกด้วยครับ ส่วนถ้าเป็นภายในบ้านก็จะมีกล้อง CCTV รอบบ้าน 3 จุด พร้อมสัญญาณกันขโมย Magnetic & Shock Sensor บริเวณชั้น 1 และชั้นลอยทุกหลัง รวมถึงยังมีรั้วทึบสูง 3 m. + รั้วโปร่งอีก 2 m. ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานสำหรับโครงการระดับนี้

การออกแบบโครงการ : มีเพื่อนบ้านเพียง 87 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัว โดยบ้านทุกหลังจะอยู่ในซอยย่อย และมีเพื่อนบ้านเพียง 6 – 10 ยูนิตเท่านั้น มีการหันหน้าไปทางทิศเหนือ-ใต้เพื่อรับลมได้ดี นอกจากนี้ส่วนกลางที่อยู่ทางด้านหน้าก็ยังทำหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับได้ดี มีการกั้นโซนประตูชั้นที่ 2 ไว้ตรง Clubhouse เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้น โดยแขกที่มาหาก็จะสามารถมานั่งคอยลูกบ้านที่บริเวณส่วนกลางได้ครับ

การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : เป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ สร้างเกือบเต็มที่ดินบ้าน และเน้นพื้นที่แนวตั้งเป็นหลัก (ไม่เน้นพื้นที่สวนรอบบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของบ้านใจกลางเมืองที่ต้องใช้พื้นที่ให้คุ้มที่สุด) แต่สำหรับโครงการนี้จะโดดเด่นด้วยการออกแบบบ้านเป็นสไตล์ Pool Villa และแปลนบ้านจะมีลักษณะคล้ายรูปตัว C โอบล้อมพื้นที่สระว่ายน้ำเอาไว้ ทำให้ได้บรรยากาศผ่อนคลาย เหมาะกับการพักผ่อนก็ดีหรือจัดปาร์ตี้ก็ได้

จุดเด่นที่สุดของแบบบ้านคือ คอนเซ็ปต์ ‘FLOW’ ที่นำมาใช้กับการเชื่อมต่อฟังก์ชันต่างๆภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume ที่ทำให้เชื่อมต่อมุมมองและเกิดปฏิสัมพันธ์ร่วมกันของคนที่อยู่ชั้นบนกันชั้นล่างได้ รวมถึงยังนำไปใช้กับเรื่อง ‘ช่องแสงและช่องเปิดภายในบ้าน’ ที่ทำให้เกิดการไหลเวียนและถ่ายเทอากาศได้เป็นอย่างดีอีกด้วยครับ

แบบบ้านของโครงการจะมีอยู่ 3 Type (มีทั้งบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด) ซึ่งมีลักษณะแปลนที่คล้ายๆกัน แต่ภาพรวมก็ถูกออกแบบฟังก์ชันมาให้สามารถรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ 3 Genration ได้สบายๆ เรียกได้ว่าเด็กอยู่ได้ผู้สูงอายุก็อยู่ดี โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวจะมีที่จอดรถเยอะ และห้องน้ำบนชั้นลอยก็จะมีส่วนอาบน้ำ เพื่อรองรับการทำเป็นห้องนอนเพิ่มได้ด้วย ส่วนบ้านแฝดก็จะลดทอนในส่วนต่างๆเหล่านี้ออกไป แต่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวจากผนังที่ไม่ติดกับเพื่อนข้างบ้านเลยนั่นเอง

และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ‘พื้นที่อเนกประสงค์บนชั้นลอย’ ที่จะอยู่ภายนอกอาคารและไม่ได้คิดเป็นพื้นที่ใช้สอยตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่มากและเราก็สามารถออกไปใช้ประโยชน์ได้หากต้องการ เช่น เราอาจจัดเป็นพื้นที่สวนไว้ปลูกต้นไม้นั่งเล่นพักผ่อน หรือจะกั้นทำเป็นห้องก็แล้วแต่ไอเดียและความต้องการของแต่ละคนได้เลยครับ

วัสดุ : โครงสร้างบ้านเป็นแบบหล่อในที่ ซึ่งผนังบ้านจะทำหน้าที่เป็นโครงสร้างรับน้ำหนัก จึงมีความแข็งแรงทนทาน และสามารถกันเสียงหรือความร้อนได้ดี แต่อาจมีข้อจำกัดในการทุบ/เจาะผนังอยู่สักหน่อย จำเป็นต้องปรึกษาช่างโครงการก่อนเสมอนะครับ นอกจากนี้ยังมีการใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกและผิวสัมผัสที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่สามารถดูแลรักษาได้ง่ายและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ไม่ว่าจะเป็น Facade อลูมิเนียม / แผ่นหิน Stone Surface บนผนังบ้าน / กระเบื้อง Porcelain และ Hybrid Engineered Wood

จุดที่น่าสนใจและให้มาแตกต่างจากโครงการเพื่อนบ้านอื่นๆก็คือ ‘สระว่ายน้ำระบบจากุซซี่’ ที่จะมีมาให้ในทุกๆหลัง อีกทั้งยังให้ลิฟต์โดยสารส่วนตัวมาให้ 1 ตัว และที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวก็คือ ‘ชุดประตูหน้าต่างทั้งหมดของบ้าน’ โดยทางโครงการเลือกใช้เป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับ Tostem แทนครับ ถือเป็นการตัดสินใจที่น่าสนใจ เพราะทำให้เราได้ช่องแสงขนาดใหญ่และมีกรอบบานน้อยกว่า ซึ่งหากยังคงใช้ Tostem อยู่ก็อาจไม่ได้ผลลัพธ์แบบนี้นั่นเอง

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทางโครงการให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ โดยพื้นที่สีเขียวจะมีรวมกันเกือบ 2 ไร่ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘ผืนป่า’ และได้จำลองให้มีความใกล้เคียงธรรมชาติของจริงมากที่สุด ด้วยการปลูกไม้ยืนต้นหลากหลายชนิดรวมกันกว่า 370 ต้น โดยเราจะเห็นได้ตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้า ถนนหลักของโครงการ และสวนสาธารณะเองก็มีบรรยากาศที่ร่มรื่นน่าใช้งานมากๆครับ รวมถึงภายในตัวบ้านพักอาศัยก็จะมีต้นไม้ขนาดกลางมาให้ 1 ต้นตรงบริเวณสระว่ายน้ำด้วยนะ

สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ และให้มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านที่เป็นระดับ Luxury ในย่านเดียวกัน เนื่องจากมีจำนวนยูนิตที่เยอะและเป็นโครงการขนาดใหญ่กว่าคนอื่น แต่ก็ทำให้มีพื้นที่ทำส่วนกลางที่สวยงาม และน่าใช้งานเยอะขึ้นตามไปด้วยแบบนี้ครับ

โดยจะมีทั้ง Lobby / Co-Working Space / Fitness / Kids Room และสระว่ายน้ำ อีกทั้งยังมีโซนกลางแจ้งให้เราได้เดินเล่น หรือทำกิจกรรมใกล้ชิดกับธรรมชาติได้อีกด้วย ซึ่งส่วนตัวผมก็ชอบสวนสาธารณะมากๆ เพราะมีบรรยากาศดี แถมยังมีสะพานให้เดินขึ้นออกกำลังกายและถ่ายรูปเล่นได้อีกด้วย

Judgement

โครงการ ARTALE Asoke – Rama 9 เป็นโครงการระดับ SUPER LUXURY CLASS ที่ขายราคาตั้งแต่ 35 – 60 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้ปัจจัยในการเลือกซื้อนอกจากจะต้องดูเรื่องความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่สำคัญ เช่น ความชอบส่วนบุคคล อารมณ์ และความรู้สึกส่วนตัวของผู้ซื้อ ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ดังนั้นทางทีมงานจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่าแก่โครงการลักษณะนี้นะครับ

ARTALE Asoke – Rama 9 เหมาะกับใคร

โครงการ ARTALE Asoke – Rama 9 เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ในทำเลใจกลางย่านพระราม 9 มีความอุดมสมบูรณ์สูง ใกล้ทางด่วนและโรงเรียนนานาชาติ โดยเป็นบ้านสไตล์ Pool Villa ที่เน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน และเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่แบบ 3 Generation พร้อมส่วนกลางขนาดใหญ่ที่มีบรรยากาศร่มรื่นน่าใช้งาน โดยมีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 35 – 60 ล้านบาทขึ้นไป


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc