บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 (Baan Klang Muang Classe Sukhumvit 77) ทาวน์โฮมและบ้านแฝดซีรีส์ใหม่ บนทำเลอ่อนนุช 21 จาก AP [รีวิวฉบับที่ 2633]

บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 (Baan Klang Muang Classe Sukhumvit 77) ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2566

พิกัด Google Maps : 13.713934 , 100.616025
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากโครงการ แสดงตำแหน่งของ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 (Baan Klang Muang Classe Sukhumvit 77) โดยที่ตั้งจะอยู่ในซอยอ่อนนุช 21 ห่างจากถนนสุขุมวิท 77 (ซอยอ่อนนุช) ประมาณ 600 เมตร ซึ่งถนนนี้จัดเป็นถนนเส้นหลักที่สามารถเชื่อมต่อจากถนนสุขุมวิทไปยังถนนศรีนครินทร์และพัฒนาการได้ สำหรับคนที่ใช้รถส่วนตัวในการเดินทางเป็นหลักก็ถือว่าสะดวกสบายมาก เพราะสามารถขับเข้า – ออกเมืองไปโซนทองหล่อ เอกมัย อโศกได้ง่าย อยู่ใกล้ทางด่วนหลายสาย

ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็ถือเป็นอีกจุดเด่นของโครงการเลยนะคะ เพราะสามารถไปใช้รถไฟฟ้าได้ถึง 2 สาย ทั้งสายสีเขียว BTS อ่อนนุช อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.5 กิโลเมตร และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีนุช 3.9 กิโลเมตร ถือเป็นอีกตัวเลือกในการเดินทาง สำหรับคนที่อยากหลีกหลี่ยงการจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งจากซอยอ่อนนุช 21 เอง หน้าซอยก็อยู่ติดกับถนนใหญ่ทำให้มีทั้งวินมอเตอร์ไซต์ แท็กซี่ รถสองแถวให้เรียกใช้บริการได้หลากหลาย โดยรวมแล้วจึงจัดเป็นทำเลที่เดินทางได้อย่างสะดวกสบายเลยนะคะ

ความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการ จะอิงอยู่บนถนนอ่อนนุชและถนนสุขุมวิทเป็นหลัก จากหน้าซอยเองก็ค่อนข้างคึกคัก จัดเป็นแหล่งชุมชนที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหารและตลาดให้เลือกจับจ่ายใช้สอยได้หลากหลาย โดยเฉพาะต้นซอยที่อยู่ใกล้กับแนวรถไฟฟ้า ก็มี Hypermarket และ Community Mall หลายแห่ง หรือใครชอบเดินช็อปปิ้งในห้างขนาดใหญ่ โครงการก็อยู่ไม่ไกลจากห้าง Emporium , Emquartier ใช้เวลาเดินทาง 10 – 20 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ

นอกจากแหล่งของกิน ของใช้แล้ว โครงการยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ทั้งโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และโรงเรียนนานาชาติชื่อดังหลายแห่ง อาทิ โรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพ , โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส , โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเวลล์ส ทองหล่อ , โรงเรียนนานาชาติเอกมัย เหมาะกับครอบครัวที่มีบุตรหลาน แล้วอยากส่งไปเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน เพื่อให้สะดวกในการเดินทาง ทำเลโครงการ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 (Baan Klang Muang Classe Sukhumvit 77) ก็ตอบโจทย์ทีเดียวค่ะ

การเดินทางไปโครงการวันนี้ เราใช้ทางพิเศษฉลองรัชมาลงซอยสุขุมวิท 50 ก่อนจะเลี้ยวเข้าถนนสุขุมวิท เพื่อมุ่งหน้าไปยังซอยอ่อนนุช 21

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

สภาพแวดล้อมโครงการ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 (Baan Klang Muang Classe Sukhumvit 77) ส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินเปล่า และอาคารพักอาศัยแนวราบ รอบข้างไม่มีตึกสูงหรือสิ่งรบกวนสายตา จัดเป็นทำเลที่ได้ความสงบไม่พลุกพล่าน เมื่อเทียบกับต้นซอย ซึ่งมีโครงการคอนโดขึ้นอยู่ค่อนข้างเยอะ จึงทำให้มีรถสัญจรเข้า – ออกตลอดเวลา

• ทิศเหนือ ติดกับ คลองและที่พักอาศัยแนวราบ
• ทิศใต้ ติดกับ คลองพระขโนงและถนนภาระจำยอม
• ทิศตะวันออก ติดกับ ที่ดินเปล่าและที่พักอาศัยแนวราบ
• ทิศตะวันตก ติดกับคลองและที่พักอาศัยแนวราบ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

• Gourmet Market at People Park On Nut ~ 1.1 กิโลเมตร
• Emporium ~ 6.2 กิโลเมตร
• Emquartier ~ 6.2 กิโลเมตร
• J Avenue Thonglor ~ 6.5 กิโลเมตร
• Central Embassy ~ 12 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

• โรงพยาบาลสุขุมวิท ~3.9 กิโลเมตร
• โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ~ 6.4 กิโลเมตร

โรงเรียน

• โรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพ ~ 2.5 กิโลเมตร
• โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส ~ 4.5 กิโลเมตร
• โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเวลล์ส ทองหล่อ ~ 5.8 กิโลเมตร
• โรงเรียนนานาชาติเอกมัย ~ 6.5 กิโลเมตร
• โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ~ 8.5 กิโลเมตร

การเดินทาง

• BTS อ่อนนุช ~ 2.5 กิโลเมตร

บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 (Baan Klang Muang Classe Sukhumvit 77) เป็นโครงการบ้านแฝดและทาวน์โฮม 120 ยูนิต บนเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ ในซอยอ่อนนุช 21 จากถนนหลักเข้ามาจะต้องผ่านถนนภาระจำยอมที่ใช้ร่วมกับคอนโด ( Aspire สุขุมวิท – อ่อนนุช ) ซึ่งทำเลย่านนี้จะเป็นโครงการคอนโดซะส่วนใหญ่ ส่วนแนวราบมีโครงการใหม่เป็นตัวเลือกค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะบ้าน 200 ตร.ม.ขึ้นไป ซึ่งส่วนมากจะขยับไปอยู่บนเส้นพัฒนาการ – ศรีนครินทร์

จึงทำให้โครงการ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 เหมาะกับคนที่กำลังมองหาบ้านไซส์ใหญ่ในงบเริ่มต้นไม่เกิน 20 ล้านบาท อยู่บนทำเลที่เดินทางง่าย ใกล้ถนนใหญ่ สามารถไปใช้รถไฟฟ้าได้ ซึ่งถือเป็น Rare Item สำหรับโครงการแนวราบเลยนะคะ โดยบรรยากาศในโครงการจะเป็นยังไงบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ

Masterplan โครงการ จะเห็นถนนภาระจำยอม ขับเข้ามาจากถนนอ่อนนุชประมาณ 600 เมตร โดยเป็นถนน 2 เลน รถขับสวนกันได้สะดวก ถนน 2 ฝั่งตกแต่งด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มดูร่มรื่น ส่วน Main Gate จะอยู่ถัดเข้ามาด้านใน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว โดยการวางผังโครงการจะแบ่งบ้านพักอาศัยเป็น 2 ฝั่งตามซีรี่ส์ใหม่ของรูปแบบบ้าน จากซุ้มประตูเมื่อเข้ามาจะเจออาคาร Clubhouse และสวนหย่อมขนาดใหญ่ เป็นตำแหน่งที่นอกจากลูกบ้านจะสามารถเดินมาใช้งานง่าย ยังช่วยลดความพลุกพล่านในส่วนพักอาศัยได้อีกด้วย

รูปแบบบ้านในโครงการเป็นเป็น 2 ซีรี่ส์หลักคือ Eclectic Modern Series (กรอบสีอ่อนฝั่งซ้าย) และ Legacy Classic Series (กรอบสีเข้มฝั่งขวา) เป็นทาวน์โฮม 94 ยูนิต และบ้านแฝด 26 ยูนิต โดยจะอยู่แยกกันชัดเจน หน้าบ้านภายในโครงการจะหันขนานไปกับทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตกเฉียงใต้เป็นส่วนใหญ่ จึงมีบางฝั่งที่โดนแดดอยู่บ้าง แต่ก็จะได้ลมจากธรรมชาติเข้ามาด้วย

สำหรับคนชอบบ้านที่ได้วิวส่วนกลาง หรือเดินมาใช้งานได้ง่าย จะมีรูปแบบบ้านทาวน์โฮมให้เลือกทั้ง 2 ซีรี่ส์ ส่วนแบบบ้านแฝด (Legacy Classic Series) จะอยู่ลึกเข้าไปด้านใน ถนนภายในซอยไม่สามารถขับเชื่อมต่อกันได้ ได้ข้อดีในเรื่องความเป็นส่วนตัว ช่วยจำกัดคนในการเข้า – ออกซอย เหมาะกับคนที่ชอบความสงบ ไม่พลุกพล่าน

หน้าโครงการก่อนถึงซุ้มประตูทางเข้า สองข้างทางมีไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงา โดยถนนที่ใช้เข้า – ออกค่อนข้างกว้าง มีฟุตบาธด้านข้างให้คนที่เดินเท้าสามารถใช้สัญจรได้

ซุ้มทางเข้าเป็นอาคารทรงสูง ออกแบบมาเป็นสไตล์ Modern Classic เข้ากับรูปแบบของโครงการ ทางเข้า – ออกแยกเป็น 2 ฝั่ง ใช้ระบบ KATSAN จดจำป้ายทะเบียนในการคัดกรอง มาพร้อมกล้อง CCTV คอยบันทึกภาพ 24 ชั่วโมง และมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับลูกบ้าน

เมื่อเข้ามาจะเจอวงเวียนขนาดใหญ่ มองตรงไปเห็นอาคาร Clubhouse และพื้นที่สวนหย่อมบริเวณกลางโครงการ ตรงกลางลานเป็น Sculpture รูปทรงแก้วแชมเปญซ้อนกันเป็นชั้นๆที่สื่อถึงการเฉลิมฉลอง โดยมีน้ำพุช่วยเสริมบรรยากาศให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

Clubhouse โครงการ เป็นอาคาร 2 ชั้น ออกแบบมาเป็นทรง Modern แต่ยังได้กลิ่นอายคลาสสิคด้วยโทนสีเบจ เป็นการผสมผสานดีไซน์ระหว่าง Eclectic Modern และ Legacy Classic Series ได้แบบลงตัว ทั้งยังมีการดึงฟังก์ชันแบบ Double Volume เข้ามาใช้ ซึ่งเป็นจุดเด่นในแบบบ้านของโครงการด้วยนะคะ

การออกแบบ Landscape โครงการ พื้นที่ตรงกลางจะเป็นสวนหย่อมขนาดใหญ่กั้นระหว่างสวน 2 สไตล์ โดยแบ่งเป็น โซนตะวันออก Pattern Topiary Garden ได้อารมณ์เหมือนสวนสไตล์อังกฤษ มีการแบ่งเป็น Grid ที่พื้นเพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับทิวทัศน์ รอบๆมีการจัดโต๊ะเก้าอี้มาให้ ลูกบ้านสามารถมาใช้นั่งพักผ่อน หรือนั่งเล่นรอเด็กๆที่มาเล่นเครื่องเล่นในโซน Playground ได้

โซนตะวันตก Forest Garden จะดูมีต้นไม้หนาแน่นมากกว่าอีกฝั่ง บรรยากาศดูสงบ ร่มรื่น เหมาะกับคนที่อยากมานั่งเล่นสูดอากาศชิลๆ หรือใครอยากยืดเส้นยืดสาย รอบๆก็มีทางเดินคอนกรีตให้มาวิ่ง Jogging กันแบบเบาๆได้

Clubhouse ของอาคาร เรามองว่าจัดฟังก์ชันมาให้ครบตามมาตรฐานเลยนะคะ โดยมีพื้นที่ๆรองรับกิจกรรมได้ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor ประกอบด้วย Co – Working Space สระว่ายน้ำและฟิตเนสที่เปิดให้บริการแบบ 24 ชั่วโมง

โดยจุดเด่นส่วนแรกของ Clubhouse อยู่ที่สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่บริเวณชั้น 1 ได้ขนาดมาถึง 5.30×20.35 เมตร ใช้ว่ายออกกำลังแบบจริงจังได้เลยนะคะ

สระว่ายน้ำเป็นแบบระบบเกลือแบ่งเป็นสระผู้ใหญ่ลึก 1.10 เมตร และสระเด็กลึก 0.50 เมตร มาพร้อม Bubble Jet ไว้ช่วยนวดตัวคลายความเหนื่อยล้าได้

ติดกับสระว่ายน้ำมีห้องอาบน้ำ และห้องน้ำกลางที่แยกโซนชาย – หญิงมาให้ ภายในมีตู้ Locker ไว้ใช้เก็บของใช้หรือเสื้อผ้าก่อนลงสระได้ด้วย สำหรับผู้พิการหรือผู้สูงอายุก็มีห้องน้ำแยกไว้รองรับต่างหากด้วยนะคะ

ฟิตเนสจะอยู่ที่ชั้น 2 ของ Clubhouse โดยจะเปิดให้บริการแบบ 24 ชั่วโมง การเข้า – ออกจะใช้ระบบ Face Scan เพื่อความปลอดภัย โดยภายในได้อุปกรณ์มาครบครันทั้ง Cardio และ Weight Training เลยค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

• อาคาร Clubhouse บริเวณหน้าโครงการประกอบไปด้วย
• Lobby
• Co – Working
• Fitness ( 24 Hours)
• Playground
• สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 5.30×20.35 เมตร ลึก 1.10 เมตร
• แบ่งสระเด็กลึก 0.50 เมตร พร้อม Bubble Jet
• พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 1 จุด รวมประมาณ 257.09 ตร.วา
• ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 27 จุด
• รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร
• ถนนหลักกว้าง 14.50 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร
• เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
• ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก และเลื่อนไฟฟ้า 3 ตอน ควบคุมการเข้า – ออกด้วยระบบ KATSAN

บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 (Baan Klang Muang Classe Sukhumvit 77) เปิดตัวทาวน์โฮมและบ้านแฝดดีไซน์ใหม่ 3 – 3.5 ชั้น มาพร้อมฟังก์ชัน Double Volume ที่จัดรูปแบบมาให้เลือกถึง 5 แบบ โดยจุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์ ซึ่งเรามองว่าตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มีความชอบหลากหลาย ตัว Facade ของบ้านก็ออกแบบมาได้มีเอกลักษณ์แตกต่างกันชัดเจน โดยรายละเอียดจะประกอบไปด้วย

Eclectic Modern Series

• THULITE ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 24 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม.
  – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 14.9 ล้านบาท*
• PYROPE ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 32 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 259 ตร.ม.
  – ฟังก์ชัน 2 – 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 19.9 ล้านบาท*

Legacy Classic Series

• ESMA ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 10 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 30.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 228 ตร.ม.
  – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 17.9 ล้านบาท*
• GARNETTA ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 10 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 30.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 214 ตร.ม.
  – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 17.9 ล้านบาท*
• GARNET บ้านแฝด 3 ชั้น หน้ากว้าง 13.4 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 40.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 241 ตร.ม.
  – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 24.9 ล้านบาท*

วัสดุในบ้าน

• แบบบ้าน Eclectic Modern Series : Shed Roof
• แบบบ้าน Legacy Classic Series : Hip Roof
• โครงสร้างบ้านระบบ Conventional (ก่ออิฐมวลเบา)
• พื้นส่วนที่จอดรถลงเข็มลึก 6 เมตร ปูพื้น Stamp Concrete
• พื้นที่ลานซักล้างลงเข็มเท่าตัวบ้าน ปูกระเบื้องแกรนิตโต้
• พื้นชั้น 1 : กระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 80×80 เซนติเมตร / SPC
• พื้นชั้น 2 – 3 : ลามิเนต ความหนา 10 มิลลิเมตร
• สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก KOHLER หรือเทียบเท่า
• ฉากกั้นอาบน้ำจากยี่ห้อ Bath & Spa (ใน Master Bedroom)
• ระบบน้ำร้อน – น้ำเย็น (ในห้อง Master Bedroom)
• บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้ยางพาราประสาน
• กรอบประตู – หน้าต่าง UPVC กระจกเขียวตัดแสง
• สวิตช์และปลั๊กไฟจาก Panasonic (หรือเทียบเท่า)
• ลิฟต์โดยสาร MITSUBISHI (ความจุ 3 คน รองรับน้ำหนัก 250 กิโลกรัม)

เทคโนโลยีในบ้าน

• Digital Door Lock จำนวน 1 จุดที่ประตูบ้าน (ระบบสแกนลายนิ้วมือ / คีย์การ์ด / กดรหัส / กุญแจ / Bluetooth) จากยี่ห้อ ลูมบิแนร์
  
• IP Camera  จำนวน 1 จุด ที่โรงจอดรถ
• ระบบ Smart Gateway สามารถควบคุมการทำงานเครื่องไฟฟ้าผ่านทางมือถือ
• ระบบไฟฟ้า 1 เฟส (30/100) มี Junction Box รองรับการติดตั้ง EV Charger ได้
• รั้วบ้าน ติดตั้งมอเตอร์ ใช้ระบบรางเลื่อนไฟฟ้า

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

สำหรับบ้านตัวอย่างที่เราจะพาไปชมวันนี้คือแบบบ้าน PYROPE ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น ที่อยู่ใน Eclectic Modern Series และรูปแบบ GARNETTA ทาวน์โฮม 3 ชั้นสไตล์คลาสสิค จาก Legacy Classic Series โดยบรรยากาศภายในจะแตกต่างกันยังไง และเหมาะกับใครบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ

แบบบ้าน PYROPE 3.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 259 ตร.ม.

แบบบ้านใน Eclectic Modern Series จะประกอบด้วย 2 รูปแบบด้วยกัน คือ THULITE และ PYROPE โดยหน้าตาของ Facade ด้านหน้าจะเหมือนกัน แตกต่างกันที่ฟังก์ชันและพื้นที่ใช้สอยภายใน สำหรับแบบบ้าน PYROPE จะมีขนาดใหญ่กว่า ได้หน้ากว้าง 8 เมตร มาพร้อมฟังก์ชันที่รองรับได้ 2 – 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และเป็นแบบบ้านเดียวที่มี 3 ที่จอดรถ ได้พื้นที่ใช้สอย 259 ตร.ม.

การออกแบบมาในสไตล์ Modern ทรงกล่อง หลังคาเป็น Shed Roof หรือเพิงแหงน ปูด้วยกระเบื้อง จึงไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาน้ำรั่วภายหลัง โทนสีเลือกใช้ขาว – เทา – แดง เพิ่มความสปอร์ต ทันสมัย แต่ไม่เรียบง่ายจนเกินไป จากด้านนอกมองเห็นระเบียงที่ให้มาหลายจุด ทำเป็นพื้นที่สีเขียว ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับบ้านได้ ซึ่งตำแหน่งระเบียง ก็เป็นส่วนที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับการอยู่อาศัย ทำให้บ้านไม่อยู่ชิดติดกัน แตกต่างกับทาวน์โฮมทั่วไป

PYROPE เป็นทาวน์โฮม 3.5 ชั้น มีฟังก์ชัน Double Volume ซึ่งเป็นจุดเด่นของแบบบ้านในโครงการนี้ การจัดแปลนเริ่มที่ชั้น 1 จัดเป็นส่วนนั่งเล่นหรือพื้นที่รับรองแขก มีมุมทำครัวที่สามารถกั้นแยกเป็นครัวปิดภายหลังเองได้นะ ซึ่งจากส่วนนี้สามารถเปิดเชื่อมไปยังลานซักล้างด้านหลังได้ เมื่อเข้ามาจะเจอกับโถงอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ มีห้องเก็บของมาให้หลายจุด และมีลิฟต์โดยสารที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน รวมในราคาบ้านเริ่มต้น 19.9 ล้านบาท* เหมาะกับคนที่ไม่อยากเดินขึ้นลงบันได และครอบครัวที่มีผู้สุงอายุอยู่ในบ้าน โดยในชั้นนี้จะมีห้องน้ำ ที่มีส่วนอาบน้ำมาให้ด้วย

ชั้น 2 เป็นพื้นที่อยู่อาศัยแบบจริงจัง มีส่วนรับประทานอาหาร ครัว และห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่อีกจุด ซึ่งได้มาเป็น Double Volume เพิ่มความโปร่งโล่ง สำหรับชั้นลอย ได้พื้นที่ใช้สอยมาเยอะ จัดเป็นห้องนอนก็สะดวกเพราะมีห้องน้ำรองรับในตัวเลย

ชั้น 3 เป็นห้อง Master Bedroom ทั้งชั้น ได้บรรยากาศแบบ Penthouse จัดเป็นห้องนอน และ Walk – in Closet ขนาดใหญ่ ด้านข้างเป็นระเบียงที่เปิดออกไปนั่งเล่นชมสวนได้ หรือใครอยากจะต่อเติม ตัวบ้านก็เป็นโครงสร้างแบบ Conventional สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบเลยนะคะ

เริ่มที่หน้าบ้าน ในบ้านมาตรฐานจะได้รั้วบานพับมาแบบนี้เลย โดยโครงการจะให้มอเตอร์ไฟฟ้ามาด้วย ทำให้สามารถเปิด – ปิดได้อัตโนมัติ ด้านข้างมีกริ่ง และถังขยะสำเร็จรูปติดตั้งมาให้ดูเรียบร้อย

ขยับเข้ามาภายใน ด้านหน้าเป็นพื้นที่จอดรถ ได้มาขนาด 5.91×7.85 เมตร สามารถจอดรถได้ 3 คันกำลังดี โครงสร้างลงเข็มมาให้ 6 เมตร พื้นปูด้วย Stamp Concrete รองรับการต่อเติมหลังคาเพิ่มได้ ด้านหลังมีห้องเก็บของไว้เก็บอุปกรณ์ช่างหรือทำสวน โดยมีบานเลื่อนมาให้เรียบร้อย สำหรับคนใช้รถยนต์ไฟฟ้า โครงการก็ได้เตรียม Junction ไว้ให้ สามารถติดตั้งหัวชาร์จเพิ่มเองได้เลย และเพื่อความปลอดภัยในส่วนจอดรถ ยังมี IP Camera มาให้ 1 จุดด้วยนะคะ

ส่วนพื้นที่ข้างบ้าน สำหรับแปลงมุมจัดเป็นสวนหย่อมได้ โดยโครงการปูหญ้ามาให้เรียบร้อย ด้านหลังเป็นลานซักล้าง เปิดเชื่อมต่อกับห้องครัวเข้าสู่ตัวบ้านได้ โดยโครงสร้างลงเข็มให้เช่นเดียวกัน แต่บ้านมาตรฐาน พื้นจะปูเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้มาให้ ซึ่งก็ถือว่าเหมาะสมกับการใช้งานกลางแจ้ง ทั้งทนทานและทำความสะอาดได้ง่ายด้วย

ประตูทางเข้าบ้านเป็นบานทึบ ได้ความเป็นส่วนตัว การเข้า – ออกใช้ Digital Door Lock ที่ติดตั้งมาให้จากโครงการ ซึ่งใช้งานได้ถึง 5 ระบบทั้ง สแกนลายนิ้วมือ , คีย์การ์ด , กดรหัส , กุญแจ และ Bluetooth จากยี่ห้อ ลูมบิแนร์ หมดปัญหาเรื่องลืมกุญแจบ้านไปได้เลย

เข้ามาภายในตัวบ้านจะเจอกับโถงต้อนรับขนาดใหญ่ ส่วนนั่งเล่นจะอยู่ถัดเข้าไปด้านใน ดูเป็นส่วนตัว ด้านข้างเป็นบันไดหลักของตัวบ้าน ส่วนลิฟต์โดยสารจะอยู่ตรงกับประตูทางเข้า

โถงต้อนรับ ออกแบบให้เป็นมุมนั่งพักคอย โดยในบ้านตัวอย่างที่บริเวณชั้น 1 จัดให้เป็นกึ่งโฮมออฟฟิศเล็กๆ ซึ่งก็สะดวกกับเจ้าของธุรกิจที่มักต้องติดต่อหรือรับรองคนภายนอกบ่อยๆ โดยด้านข้างติดกับประตูทางเข้า Built – in มาเป็นชั้น ไว้วางนิตยสารหรือของตกแต่งได้ หรือจะทำเป็นตู้รองเท้าก็สะดวก ถัดมาด้านข้างเป็นประตูห้องเก็บของใต้บันได สามารถใช้เก็บของชิ้นใหญ่ๆได้สบายเลย

ลิฟต์โดยสารจากยี่ห้อ MITSUBUSHI ความจุ 3 คน รองรับน้ำหนักได้ 250 กิโลกรัม โดยโครงการจะติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ใช้ขึ้น – ลงได้ตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้นลอย

บ้านตัวอย่าง ออกแบบส่วนรับแขกให้เป็นพื้นที่นั่งทำงาน สามารถวางโต๊ะ Workshop ขนาด 6 ที่นั่งได้ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่เริ่มหันมา WFH กันมากขึ้น จะใช้เป็นพื้นที่รับแขก นั่งประชุม หรือคุยงานก็ดูเป็นสัดส่วน แยกกับส่วนพักอาศัยด้านบนดีค่ะ วัสดุพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 80×80 เซนติเมตร โทนสีเหมือนในบ้านตัวอย่าง ส่วนความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.80 เมตร ดูโปร่งโล่ง

นอกจากพื้นที่นั่งทำงาน โครงการยังกั้นห้องมาให้เป็นไอเดีย สำหรับคนที่ไม่อยากได้ครัวที่ด้านล่าง ก็ทำเป็นมุมนั่งพักผ่อน เวลาทำงานเหนื่อยๆ ก็เดินมานั่งพักตรงส่วนนี้ได้ หรือใครอยากจัดเป็นห้องนอนชั้นล่าง เรามองว่าก็สามารถทำได้นะคะ เพราะในชั้นนี้ก็มีห้องน้ำที่มีส่วนอาบน้ำรองรับไว้อยู่ด้วย

ห้องน้ำแยกโซนเปียก – แห้งมาให้เป็นสัดส่วน ลักษณะเป็นหน้ากว้าง มีหน้าต่างบานกระทุ้งติดตั้งให้ 1 จุด ใช้ระบายกลิ่นและความชื้นได้ดี อ่างล้างมือเป็นแบบฝังเคาน์เตอร์ ด้านล่างมีช่องใส่ของใช้เล็กๆได้ โถสุขภัณฑ์ สายฉีดชำระ และที่เก็บกระดาษทิชชู่ จากยี่ห้อ KOHLER ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน

ส่วนอาบน้ำเป็นพื้นแบบลดระดับ ได้มาขนาด 0.91×1.27 เมตร ใช้งานได้ตามมาตรฐาน ฝักบัวได้เป็น Hand Shower จาก KOHLER เช่นเดียวกัน โดยโครงการเตรียม Junction ไว้ให้สำหรับใครที่อยากติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นภายหลังได้ค่ะ

บันไดบ้านเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้ยางพาราประสาน กว้างประมาณ 1 เมตร ลูกตั้งสูง 18 เซนติเมตร ลูกนอนกว้าง 27 เซนติเมตร วางได้เต็มเท้า โดยที่โถงบันไดแต่ละชั้น จะมี Motion Sensor ติดตั้งมาให้ ช่วยจับความเคลื่อนไหว เพื่อเปิด – ปิดไฟได้อัตโนมัติ

เมื่อขึ้นมาชั้น 2 ฟังก์ชันหลักจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือห้องรับประทานอาหารและห้องนั่งเล่น ที่แยกกันเป็นสัดส่วนด้วยผนังกระจก โดยภายในส่วนรับประทานอาหารสามารถวางโต๊ะขนาด 6 ที่นั่งได้ ติดกันเป็นส่วนครัว พอทำอาหารเสร็จก็ยกมาเสิร์ฟได้เลย

ส่วนครัวเป็นแบบเปิด ในบ้านตัวอย่างวางเป็นเคาน์เตอร์ฝั่งนึง ตรงกลางวาง Pantry จัดเป็นมุมเครื่องดื่ม หรือใช้เตรียมอาหารเบาๆได้ ซึ่งหากใครที่ชอบทำอาหารแบบจริงจัง ก็สามารถกั้นประตูกระจก ทำเป็นครัวปิดกันกลิ่นและควันได้

ห้องน้ำชั้น 2 เป็นแบบ Double Acess เปิดเชื่อมต่อได้จากฝั่งจากครัวและห้องนั่งเล่น โดยจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ไม่มีส่วนอาบน้ำมาให้ สุขภัณฑ์จะได้ครบชุดเหมือนในบ้านตัวอย่างจากยี่ห้อ KOHLER ค่ะ

ห้องนั่งเล่น ถือเป็น Highlight ของแบบบ้าน PYROPE เพราะได้มาเป็น Double Volume ขนาดใหญ่ เพิ่มความโปร่งโล่งด้วยหน้าต่างกระจกบานสูงเกือบถึงฝ้า มองออกไปเห็นสวนด้านข้างได้ด้วย

ความสูงจากพื้นถึงฝ้าได้มาถึง 5.70 เมตร มองขึ้นไปเห็นหน้าต่างของชั้นลอยด้านบน จัดเป็นพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ได้อีกหนึ่งจุด

ห้องนั่งเล่นได้ขนาดมาค่อนข้างกว้าง สามารถวางโซฟาได้ 5 – 6 ที่นั่ง รองรับครอบครัวที่มีสมาชิกเยอะๆ หรือเจ้าของบ้านที่ชอบชวนเพื่อนมาปาร์ตี้ด้วยกันบ่อยๆได้ โดยระยะห่างจากโซฟาถึงหน้าทีวีกว้างประมาณ 3.59 เมตร ติดตั้งทีวีขนาด 50″ ขึ้นไปได้สบายๆเลย

โถงอเนกประสงค์เชื่อมต่อโถงบันไดและลิฟต์ มีพื้นที่ให้จัดเป็นมุมพักคอยเหมือนที่ชั้น 1 โดยด้านหน้าบ้านจะเป็นระเบียงขนาด 0.73×2.01 เมตร มีพื้นที่กั้นขอบทำเป็น Pocket Garden เพิ่มความร่มรื่นได้ โดยโครงการจะติดตั้งประตูบานเฟี้ยมกระจกมาให้เปิด – ปิดได้สะดวก

ชั้นลอย จะประกอบด้วยห้องอเนกประสงค์ที่สามารถจัดฟังก์ชันเพิ่มเองได้หลากหลาย จากโถงบันไดมองลงไปเห็นห้องนั่งเล่นด้านล่างด้วย ซึ่งในชั้นนี้จะเป็นชั้นสุดท้ายที่ลิฟต์โดยสารขึ้นมาถึงนะคะ โดยวัสดุปูพื้นที่ชั้นลอยและชั้น 3 จะได้เป็นลามิเนตความหนา 10 มิลลิเมตร

ในบ้านตัวอย่างจัดเป็นห้องนอน ที่สามารถกั้นเพิ่มเป็น Walk – in Closet ได้ในตัว ส่วนพักผ่อนตรงกลางวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้ โดยรอบๆยังมีพื้นที่ให้จัดเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้ง , ตู้เก็บของ หรือวางโซฟาไว้นั่งเล่นในห้องก็ได้เลย

ในห้องอเนกประสงค์มีห้องน้ำมาให้ในตัว สะดวกเวลาใช้งาน ไม่ต้องเดินขึ้น – ลงบันได โดยภายในแยกโซนเปียก – แห้งมาชัดเจน สุขภัณฑ์จะได้เหมือนห้องน้ำในชั้น 1 เลยค่ะ ส่วนพื้นจะเป็นแบบลดระดับ ได้มาขนาด 0.78×1.39 เมตร ติดตั้งฉากกั้นเพิ่มเองได้ภายหลัง ฝักบัวเป็น Hand Shower จาก KOHLER ด้านข้างบนผนังมีช่องไว้ให้อุปกรณ์อาบน้ำได้

ชั้นบนสุดหรือชั้น 3 เป็น Master Bedroom แบบยกชั้น ได้บรรยากาศเหมือน Penthouse โดยฟังก์ชันจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือพื้นที่ห้องนอน และ Walk – in Closet ที่อยู่ติดกับห้องน้ำเลย

จากชั้นลอยขึ้นมา จะแบ่งบันไดเป็น 2 ช่วงคือด้านหน้าห้อง ได้ประตูกั้นมาให้ 1 ชั้น และเข้ามาภายในจะมีบันไดอีกช่วงหนึ่ง ทำให้เปิดประตูเข้ามาจะไม่เจอเตียงนอนเลย ได้ความเป็นส่วนตัว โดยห้องนี้จะเหมาะกับเจ้าของบ้านที่ไม่มีปัญหาเรื่องการเดินขึ้น – ลงบันได เพราะตัวลิฟต์จะขึ้นมาไม่ถึงนะคะ

ส่วนห้องนอน สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้เลย พร้อมเหลือพื้นที่ด้านข้างไว้ให้วางชั้นหรือตู้ข้างเตียง ด้านข้างติดกับหน้าต่างขนาดใหญ่ ใช้เปิดรับลมหรือระบายอากาศในห้องได้ โดยปลายเตียงยังมีพื้นที่ให้วางโซฟา และโต๊ะกลาง ทำเป็นมุมนั่งเล่น ดูทีวีก็จัดเป็นพื้นที่พักผ่อนได้อีกจุดค่ะ

Walk – in Closet อยู่ติดกับประตูทางเข้าห้องน้ำ ได้มาขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถ Built – in เป็นตู้เสื้อผ้าได้ทั้ง 3 ฝั่ง หรือใครอยากเพิ่มความเป็นส่วนตัว ก็สามารถกั้นผนังเพิ่มเองได้นะคะ

ห้องน้ำในห้อง Master Bedroom แบ่งการใช้งานเป็น 2 ฝั่ง คั่นด้วยเคาน์เตอร์อ่างล้างมือขนาดใหญ่ พร้อมหน้าต่างบานกระทุ้งติดตั้งมาให้ 1 จุด

อ่างล้างมือเป็นแบบฝังเคาน์เตอร์ ติดตั้งมาให้พร้อมก็อกน้ำจาก KOHLER โดยโครงการเดินท่อน้ำร้อน – น้ำเย็นแยกไว้ให้ ใช้งานได้สะดวก ด้านล่างเคาน์เตอร์เป็นตู้สำหรับเก็บของ มีบานปิดติดตั้งให้เรียบร้อย โดยในห้องนี้จะได้อ่างอาบน้ำมาด้วย

อีกฝั่งเป็นพื้นที่วางโถสุขภัณฑ์ได้มาเป็นแบบอัตโนมัติจากยี่ห้อ KOHLER ซึ่งโครงการก็ให้สายฉีดชำระมาด้วยนะคะ ติดกันเป็นส่วนอาบน้ำ ได้ฉากกั้นกระจกบานเปลือย ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน

ส่วนยืนอาบแยกมาเป็นสัดส่วน ได้ขนาด 0.89×1.54 เมตร ฝักบัวได้มาทั้ง Hand Shower และ Rain Shower ตัวสายได้มาเป็นสายอ่อน ซึ่งมีความแข็งแรงมากกว่าสายแบบทั่วไป ทั้งยังทนการบิดงอได้มากกว่า ทำความสะอาดง่ายได้ค่ะ

ระเบียงด้านนอกเป็นส่วนที่ติดกับบ้านหลังด้านข้าง ได้มาขนาด 2.00×6.00 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องลายไม้ จัดเป็นมุมนั่งเล่นแบบ Semi outdoor ฝั่งติดกับหน้าบ้านตกแต่งเป็นพื้นที่สวน ปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ได้เลย

สวิตช์และปลั๊กไฟในบ้านใช้ของยี่ห้อ Panasonics หรือเทียบเท่าค่ะ

แบบบ้าน THULITE 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม.

ภาพจำลองบรรยากาศแบบบ้าน THULITE เป็นรูปแบบบ้านขนาดเริ่มต้น พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้น 14.9 ล้านบาท* โดยหน้าตาจะเหมือนกับแบบบ้าน PYROPE แต่จะได้หน้ากว้างมา 6 เมตร ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ

แปลนบ้านจะประกอบด้วย 3 ชั้น โดยชั้น 1 จะเป็นส่วน Service เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วนรับประทานอาหาร สามารถวางโต๊ะได้ 6 – 8 ที่นั่ง มีห้องน้ำแบบ Powder Room รองรับไว้ที่ชั้นล่าง มาพร้อมส่วนครัวแบบปิด เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารแบบจริงจัง

ขึ้นมาชั้น 2 เป็นพื้นที่พักผ่อน ด้านหน้าบ้านเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ได้เพดานสูง 4.25 เมตร มีมุมจัดไว้เป็นพื้นที่วางโต๊ะทำงานได้ด้วย ส่วนด้านหลังเป็นห้องนอน ได้ Walk – in Closet และห้องน้ำในตัว

ชั้น 3 จะเป็น Master Bedroom ทั้งชั้นเหมือนกับแบบบ้านอื่นๆ โดยลักษณะเป็นห้องนอนแบบหน้ากว้าง สามารถแบ่งฟังก์ชันเพิ่มเองได้หลากหลาย

แบบบ้าน GARNETTA 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 214 ตร.ม.

GARNETTA เป็นแบบบ้านไซส์เริ่มต้นใน Legacy Classic Series ซึ่งจะเป็นรูปแบบบ้านที่ออกแบบมาในสไตล์คลาสสิค หลังคาทรงปั้นหยา ใช้โทนสีขาว – เทาดูเรียบหรู โดยหน้าตาของบ้านจะมีการเพิ่ม Detail อย่างบัวปูนปั้นเข้ามา ได้บรรยากาศบ้านสไตล์ยุโรป เหมาะกับคนที่ชอบบ้านที่ได้กลิ่นอาย Homie เล็กๆ ดูอบอุ่น ร่วมสมัย

ตัวบ้านเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น ได้หน้ากว้างมาถึง 10 เมตร ให้อารมณ์เหมือนบ้านแฝด ซึ่งพื้นที่ใช้สอยก็ได้ขนาดมาค่อนข้างใหญ่ ฟังก์ชันประกอบด้วย 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำและ 2 ที่จอดรถ

ชั้น 1 เมื่อเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นที่ได้มาเป็น Double Volume ถัดมาเป็นส่วนรับประทานอาหารที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน ส่วนห้องน้ำและครัวจะอยู่แยกอีกฝั่ง สามารถกั้นประตูเพิ่มเองภายหลังได้

ชั้น 2 มีห้องนอนที่ได้ระเบียงมาพร้อม Pocket ด้านหลังบ้าน โดยจุดเด่นของแบบบ้านนี้อยู่ที่ส่วนนั่งเล่นที่ได้มาหลายจุด และห้องอเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามชอบเลย

ชั้น 3 ได้เป็น Master Bedroom ยกชั้น ลักษณะเป็น Open Plan ที่แบ่งฟังก์ชันเองได้ ซึ่งเรามองว่าแบบบ้านนี้เหมาะกับครอบครัวใหญ่ ที่สมาชิกชอบความเป็นส่วนตัว โดยชั้น 2 – 3 สามารถแบ่งกันอยู่คนละชั้นได้แบบสบายๆเลย

รั้วของแบบบ้านใน Legacy Classic Series จะได้มาเป็นประตูรางเลื่อนซี่เหล็กโปร่งสีดำ ได้มอเตอร์ติดตั้งมาให้ ใช้เปิด – ปิดอัตโนมัติเหมือนกันในทุกยูนิต

ในบ้านมาตรฐานบริเวณด้านหน้าจะมีพื้นที่สวนหย่อมที่โครงการปูหญ้ามาให้ ที่จอดรถได้ขนาด 5.62×6.00 เมตร โครงสร้างพื้นลงเข็ม รองรับการต่อเติมได้ ส่วนทางเข้าบ้านจะมี Foyer ขนาดใหญ่ จัดเป็นมุมวางตู้หรือชั้นวางรองเท้าก็เหมาะสมกับการใช้งาน โดยประตูเป็นบานเปิดกระจกคู่กว้าง 1.84 เมตร ติดตั้งมาให้พร้อม Digital Door Lock จากโครงการ

เมื่อเข้ามาในตัวบ้านก็จะเจอกับส่วนนั่งเล่น ที่ได้ฟังก์ชันมาเป็น Double Volume สูง 6.25 เมตร เป็นพื้นที่ต้อนรับที่ให้ความรู้สึกโอ่อ่าและโปร่งโล่ง เหมาะกับคนที่อยากได้บ้านที่มีฝ้าเพดานสูง

ตรงกลางสามารถวางโซฟาขนาด 3 – 4 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางได้แบบสบายๆ โดยระยะจากโซฟาถึงหน้าทีวีกว้างประมาณ 3.80 เมตร ติดตั้งทีวีขนาด 50″ ขึ้นไปได้เลย

ส่วน Double Volume ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ทั้งจากประตูทางเข้า และบาน Fix กระจกด้านบน ช่วยทำให้แสงจากธรรมชาติส่องเข้ามาในบ้านได้อย่างทั่วถึง มองไปด้านบนเห็นราวกันตกกระจก ให้ความรู้สึกเชื่อมต่อระหว่างทั้ง 2 ชั้นได้

ถัดเข้ามาด้านในเป็นส่วนรับประทานอาหาร สามารถวางโต๊ะขนาด 6 – 8 ที่นั่ง ด้านข้างเป็นประตูบานเลื่อนกระจก ใช้เปิดออกไปที่ลานซักล้างด้านหลังได้ หรือจะเปิดไว้รับลม ชมวิวสวนเวลาทานอาหาร ก็ได้ความรู้สึกสดชื่นไปอีกแบบนะคะ

การจัดฟังก์ชันที่ชั้น 1 จะเป็นแบบ Open Plan ที่พื้นที่ต่างๆสามารถเดินเชื่อมต่อกันได้ แต่ส่วนพักผ่อนและ Service จะแยกออกเป็น 2 ฝั่งชัดเจน ซึ่งเป็นข้อดีของบ้านหน้ากว้าง ที่สามารถจัดพื้นที่ใช้สอยได้เยอะ ทำให้ใช้งานได้ง่าย

ส่วน Service จะอยู่อีกฝั่งของบ้าน ประกอบด้วย ครัว ห้องน้ำ และโถงบันไดขึ้นชั้น 2 บริเวณทางเดินมีหน้าต่างติดตั้งมาให้หลายจุด ใช้เปิดเพื่อรับลม รับแสงและระบายอากาศในบ้านได้ดีเลยค่ะ

ครัวได้เป็นแบบเปิด ติดตั้งประตูเพิ่มเองภายหลังได้ โดยในบ้านตัวอย่าง ออกแบบพื้นที่ใช้งานเคาน์เตอร์เป็น 2 ฝั่ง แยกเป็นส่วนทำอาหารและเตรียมอาหาร ด้านหลังมีประตูบานเลื่อนกระจกเปิดออกไปใช้งานลานซักล้างด้านหลังได้

ลานซักล้างลงเข็มให้เท่าตัวบ้าน ป้องกันปัญหาการทรุดตัวในอนาคตได้ พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ที่มีความแข็งแรง ทนทาน ทำความสะอาดง่าย สำหรับคนที่มองหาที่วางเครื่องซักผ้า โครงการก็ได้เดินท่อและงานระบบมาให้เรียบร้อย

ห้องน้ำชั้น 1 อยู่บริเวณใต้บันได แยกพื้นที่โซนเปียก – แห้งมาให้ชัดเจน พร้อมหน้าต่างบานกระทุ้งติดตั้งมาให้ 1 จุด อ่างล้างมือเป็นแบบฝังเคาน์เตอร์ มี Low Wall มาให้ ใช้วางของใช้ส่วนตัวเล็กๆได้ โดยกระจกเงาติดตั้งมาให้แบบเต็มบาน ช่วยทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้น ส่วนสุขภัณฑ์ได้มาครบชุดจากยี่ห้อ KOHLER เหมือนในบ้านตัวอย่างเลย

บันไดบ้านเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้ยางพาราประสาน ได้ขนาดตามมาตรฐาน กว้าง 90 เซนติเมตร ลูกตั้งสูง 19 เซนติเมตร และลูกนอนกว้าง 23 เซนติเมตรค่ะ

ขึ้นมาชั้น 2 จะเจอห้องอเนกประสงค์ด้านหน้าขนาด 2.31×2.93 เมตร โดยโครงการจะกั้นประตูบานเลื่อนกระจกมาให้เป็นสัดส่วน ภายในจัดฟังก์ชันได้หลากหลาย ใช้เป็นห้องทำงานส่วนตัว พื้นที่สำหรับงานอดิเรก หรือห้องของสัตว์เลี้ยง ก็ตกแต่งได้ตามความชอบเลย

ถัดมาเป็น Family Area ที่ได้ขนาดมาค่อนข้างใหญ่ ใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับครอบครัวได้อีกจุด โดยผนังทั้ง 2 ฝั่งได้แสงธรรมชาติจากช่องแสงกระจก ช่วยเสริมให้บรรยากาศบนชั้น 2 ยิ่งดูโปร่งโล่ง

จาก Family Area มองลงไปด้านล่างเห็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้ ส่วนตัวเรามองว่าส่วน Family Area นี้สามารถกั้นเพิ่มเป็นอีกหนึ่งห้องได้เลย อย่าง ห้องนอน ไว้รองรับการขยับขยายของสมาชิกในครอบครัว หรือเป็นห้องไว้รับรองแขกก็ได้

ถัดมาอีกฝั่งเป็นห้องนอน ซึ่งบ้านตัวอย่างออกแบบมาให้เป็นห้องพักผ่อนสำหรับเด็กๆ ใช้โทนสีสันสดใส โดยภายในมีห้องน้ำในตัว ใช้งานได้อย่างสะดวก

ห้องน้ำได้เป็นแบบหน้ากว้าง มาพร้อมหน้าต่างบานกระทุ้งติดตั้งมาให้ 2 จุด พื้นที่ภายในกั้นแยกเป็นสัดส่วน อ่างล้างมือเป็นแบบฝังเคาน์เตอร์มีช่องด้านล่างไว้วางของชิ้นเล็กๆได้ โดยสุขภัณฑ์ได้มาแบบครบชุดจากยี่ห้อ KOHLER ฝักบัวเป็นแบบ Hand Shower บนผนังด้านข้างมีช่องเก็บของมาให้อีกจุด ใช้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้ เอื้อมหยิบสะดวก

โดยในห้องน้ำ นอกจากมีหน้าต่างให้หลายจุดแล้ว ยังมีประตูบานเลื่อนกระจกขุ่นที่เปิดออกไปใช้งานระเบียงด้านนอก ขนาด 1.47×1.58 เมตร ใช้เป็นพื้นที่ตากผ้า หรือวางกระถางต้นไม้เล็กๆเข้ากับ Pocket Garden ที่อยู่ด้านข้าง

ชั้น 3 เป็น Master Bedroom ขนาดใหญ่ เมื่อขึ้นมาจะเจอ Walk – in Closet ทำหน้าที่เป็นโถงเชื่อมส่วนพักผ่อนและห้องน้ำ โดยในส่วนนี้สามารถ Built – in เป็นตู้เสื้อผ้าแบบเต็มผนังได้ทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมเคาน์เตอร์ตรงกลาง แบ่งใช้งานกัน 2 คนได้แบบสบายๆเลย

ติดกันเป็นระเบียงที่เปิดออกไปมองเห็นวิวด้านหน้าตัวบ้าน ได้มาขนาด 1.88×2.10 เมตร ด้านข้างกั้นด้วยราวกันตกกระจก เพิ่มความเปิดโล่ง

ห้องน้ำเป็นหน้ากว้าง มีช่องแสงติดตั้งมาให้หลายจุด ซึ่งเป็นข้อดีของแบบบ้านในโครงการนี้เลย โดยพื้นที่ใช้งานแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือพื้นที่วางโถสุขภัณฑ์ อ่างอาบน้ำ และฝั่ง Shower ที่ติดตั้งอุปกรณ์ให้ครบชุด พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ ช่วยให้สะดวกเวลาใช้งาน และทำความสะอาดได้ง่าย

ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้ โดยมีพื้นที่ด้านข้างให้วางตู้หรือชั้นเก็บของด้านข้างได้ทั้ง 2 ฝั่ง ปลายเตียงจัดเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ใช้เป็นมุมนั่งเล่น หรือพักผ่อนเพิ่มภายในห้อง ก็ได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ

แบบบ้าน ESMA 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 228 ตร.ม.

ภาพจำลองบรรยากาศแบบบ้าน ESMA เป็นบ้านไซส์กลางใน Legacy Classic Series ได้พื้นที่ใช้สอย 228 ตร.ม. มาพร้อมฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำและ 2 ที่จอดรถ

ESMA เหมาะกับคนที่อยากได้พื้นที่ใช้สอยในบ้านเยอะ เน้นการใช้งานเป็นสัดส่วน รองรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอยู่ด้วยได้ โดยสามารถใช้ห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง จัดเป็นห้องนอนได้อีกจุด โดยมีห้องน้ำด้านนอกที่มีส่วนอาบน้ำในตัว เวลาใช้งานไม่ต้องเดินขึ้น – ลงบันได ชั้น 2 – 3 ฟังก์ชันหลักจะเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ มีห้องน้ำแยกใช้งานในตัวเช่นเดียวกัน จึงทำให้ได้ทั้งความสะดวกและเป็นส่วนตัวเลยค่ะ

แบบบ้าน GARNET 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 241 ตร.ม.

ภาพจำลองบรรยากาศแบบบ้าน GARNET เป็นรูปแบบบ้านแฝด ที่มีขนาดใหญ่สุดในโครงการ ซึ่งจัดอยู่ใน Legacy Classic Series ได้พื้นที่ใช้สอย 241 ตร.ม. มาพร้อมฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ในราคาเริ่มต้น 24.9 ล้านบาท*

การจัดแปลนบ้านแฝด ได้มาเป็นหน้ากว้าง 13.4 เมตร ฟังก์ชันภายในชั้น 1 จะคล้ายกับแบบ ESMA แต่ชั้น 2 จะประกอบด้วยห้องนอนและ Family Area สำหรับคนที่อยากได้พื้นที่อเนกประสงค์ไว้ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันเองได้ ชั้น 3 จะประกอบด้วยห้องนอนที่มี Walk – in Closet พร้อมห้องน้ำในตัว และ Master Bedroom ที่ไม่ได้มาแบบยกชั้น แต่ก็มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับรูปแบบอื่นๆ ซึ่งในแบบบ้านนี้ก็จะเหมาะกับคนที่อยากได้เนื้อที่ดินรอบบ้านเยอะ มีสมาชิกในครอบครัว 5 – 6 คน หรือมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ร่วมด้วยค่ะ

บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 (Baan Klang Muang Classe Sukhumvit 77) ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2566

Eclectic Modern Series

• THULITE ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 24 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม.
  – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 14.9 ล้านบาท*
• PYROPE ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 32 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 259 ตร.ม.
  – ฟังก์ชัน 2 – 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 19.9 ล้านบาท*

Legacy Classic Series

• ESMA ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 10 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 30.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 228 ตร.ม.
  – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 17.9 ล้านบาท*
• GARNETTA ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 10 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 30.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 214 ตร.ม.
  – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 17.9 ล้านบาท*
• GARNET บ้านแฝด 3 ชั้น หน้ากว้าง 13.4 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 40.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 241 ตร.ม.
  – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  – ราคาเริ่มต้น 24.9 ล้านบาท*
• จองและทำสัญญา 130,000 บาท
• ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 300,000 บาท
• ค่าส่วนกลาง 48 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
• ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
• ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
• ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :

ทำเลของโครงการ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 (Baan Klang Muang Classe Sukhumvit 77) ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 77 (ซอยอ่อนนุช 21) ซึ่งเป็นถนนที่ไปตัดกับถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์และพัฒนาการได้ จัดเป็นทำเลที่มีความคึกคัก อยู่ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์สูง เดินทางเข้า – ออกเมืองง่าย ใกล้ทางด่วนและรถไฟฟ้าถึง 2 สาย ใกล้โรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง เหมาะกับครอบครัวที่มีบุตรหลาน หรือคนที่ทำงานในเมืองโซนพระราม 9 , ทองหล่อ , อโศก ต้องการขยับขยายที่อยู่อาศัยจากคอนโด เป็นบ้านแต่ยังอยากอยู่ในโซนอ่อนนุช – สุขุมวิท

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :

โครงการใช้ระบบ KATSAN จดจำป้ายทะเบียนในการคัดกรองคนเข้า – ออก ควบคู่กับไม้กั้นกระดกอัตโนมัติและประตูรางเลื่อนไฟฟ้า มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยให้ 24 ชั่วโมงพร้อมกล้อง CCTV คอยบันทึกภาพตั้งแต่ Main Gate ถึงภายในโครงการ โดยรั้วรอบโครงการได้ความสูงมาถึง 3 เมตร ส่วนภายในบ้านได้ Digital Door Lock ติดตั้งมาให้ 1 จุด พร้อม IP Camera ที่บริเวณโรงจอดรถ

การออกแบบโครงการ :

โครงการออกแบบมาภายใต้แนวคิด “Re-Envision Your Luxury Living” ด้วยทาวน์โฮมและบ้านแฝดซีรี่ส์ใหม่ Eclectic Modern Series และ Legacy Classic Series โดยเป็นดีไซน์ที่ออกแบบ Facade ให้มีเอกลักษณ์แตกต่างกันชัดเจน แต่เมื่ออยู่ร่วมกันก็ดูลงตัว ด้วยโทนสีและการจัดวาง Zoning ของอาคารที่แยกซีรี่ส์บ้านออกเป็น 2 ฝั่ง ทำให้ดูเป็นสัดส่วน

การดีไซน์เรามองว่าออกแบบมาตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มีความชอบหลากหลาย ทั้งคนที่ชอบความทันสมัย อยากได้บ้านสไตล์ Modern และคนที่ชอบบ้านที่มีกลิ่นอายแบบคลาสสิคก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ จำนวนยูนิตของโครงการก็ค่อนข้างน้อยเพียง 120 ยูนิต จึงทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง

การออกแบบพื้นที่ใช้สอย :

แแบบบ้านในโครงการมีให้เลือกทั้งหมด 5 แบบ ในซี่รี่ส์ของบ้านสไตล์ Modern จะประกอบด้วย ทาวน์โฮม 2 แบบ ได้พื้นที่ใช้สอย 190 – 259 ตร.ม. ส่วนซีรี่ส์ Classic จะมีทาวน์โฮมให้เลือก 2 แบบ และบ้านแฝด 1 แบบ พื้นที่ใช้สอย 214 – 241 ตร.ม. แบบบ้านทาวน์โฮมจะมีจุดเด่นอยู่ที่ Double Volume ในบ้าน THULITE 3 ชั้น ได้เพดานสูง 4.25 เมตร แบบ้าน PYROPE 3.5 ชั้น ได้เพดานสูง 5.70 เมตร ทุกชั้นจะมีระเบียงพร้อม Pocket Garden ซึ่งการออกแบบตำแหน่งระเบียงนี้ช่วยทำให้ผนังบ้านส่วนพักผ่อนไม่อยู่ติดกัน เพิ่มความ Private ให้กับบ้าน

ส่วนซีรี่ส์คลาสสิคจะเน้นบ้านแบบหน้ากว้าง ชอบความโปร่งโล่ง ฟังก์ชันภายในปรับเปลี่ยนได้เยอะ มีห้องนอนขนาดใหญ่ และห้องนอนชั้นล่างรองรับผู้สูงอายุ เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 5 – 6 คนได้เลยค่ะ

วัสดุ :

โครงสร้างเป็น Coventional ก่อนอิฐมวลเบา ที่จอดรถและลานซักล้างลงเข็มมาให้เรียบร้อย รองรับการต่อเติมได้ วัสดุภายในบ้านโดยรวมถือว่าให้มาตามมาตรฐานเหมาะสมกับการใช้งาน  รั้วบ้านเป็นแบบอัตโนมัติ โครงการติดตั้งมอเตอร์มาให้ ส่วนที่จอดรถทำ Junction เอาไว้สำหรับคนที่อยากติด EV Charger เพิ่ม ภายในบ้านมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นห้องต่างๆติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน วัสดุปูพื้นชั้น 1 เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 80×80 เซนติเมตรและ SPC ในบางห้อง แอบเสียดายที่ชั้น 2 – 3 ใช้เป็นลามิเนตลายไม้แทน ส่วนในห้องน้ำได้สุขภัณฑ์ครบชุดจากยี่ห้อ KOHLER ในห้อง Master Bedroom ได้อ่างอาบน้ำ ฉากกั้นกระจกและโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติมาด้วย

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :

สภาพภายในโครงการร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่ ไม้พุ่ม กระจายอยู่รอบโครงการ สร้างบรรรยากาศดูน่าอยู่อาศัย สวนส่วนกลางออกแบบได้ดี มีการดีไซน์ให้มีความแตกต่างเข้ากับ Concept ของรูปแบบบ้าน มีพื้นที่ให้ลูกบ้านออกมานั่งเล่นพักผ่อนได้ ถนนภายในโครงการกว้างขวาง มีฟุตบาทด้านข้าง ตรงกลางรถขับสวนกันได้สะดวก

สาธารณูปโภค :

อาคาร Clubhouse 2 ชั้น ออกแบบมาได้ดูสวยงาม น่าใช้งาน ฟังก์ชันภายในจัดมาให้ครบครันตามมาตรฐาน รองรับกิจกรรมได้ทั้ง Indoor และ Outdoor มีทั้ง Co – Working Space , สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ความยาวเกือบเท่า Half Olympic และฟิตเนสที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 14.9 – 25 ล้านบาท, 5 พฤศจิกายน 2566

• ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ทำเลในซอย เชื่อมต่อถนนหลักได้หลายสาย ใกล้รถไฟฟ้า
• ความปลอดภัย 7.75/10 – ใช้ระบบ KATSAN ในการเข้า – ออก รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร
• การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ได้ Double Volume ฟังก์ชันปรับเปลี่ยนได้
• วัสดุ 7.75/10 – มาตรฐานของระดับนี้
• พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – มีพื้นที่สีเขียวรอบโครงการ ได้สวนหย่อมขนาดใหญ่
• สาธารณูปโภค 8/10 – จัดมาให้ครบครันตามมาตรฐาน
• 7.92 / 10.00

บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 (Baan Klang Muang Classe Sukhumvit 77) เหมาะกับใคร

โครงการบ้านกลางเมือง คลาสเซ่ สุขุมวิท 77 (Baan Klang Muang Classe Sukhumvit 77) เหมาะกับคนที่กำลังมองหาทาวน์โฮมหรือบ้านแฝดไซส์ใหญ่ ชอบฟังก์ชันที่มี Double Volume มีแบบบ้านที่ได้ลิฟต์ในตัว เหมาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ ชอบทำเลที่เดินทางง่าย ใกล้รถไฟฟ้า มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 14.9 – 25 ล้านบาท* หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือน 102,150 – 171,392 บาท

ส่งท้ายปีด้วยโปรโมชันคอนโดใกล้แนวรถไฟฟ้าและสินเชื่อพิเศษกับงาน Living Expo 2023 อย่าลังเลจนพลาดเป็นเจ้าของคอนโดราคาดีๆ

ลงทะเบียนรับฟรี หนังสือและโพย ที่จะพลิกทุกวิธีการหาบ้านเดิมๆให้ตรงใจและประหยัดเวลามากขึ้น

Living Expo 2023 วันที่ 23 – 26 พฤศจิกายน 2566 ชั้น 1 สยามพารากอน
ลงทะเบียนเลย คลิกที่นี่