รีวิวฉบับที่ 980 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาทุกท่านไปชมโครงการ Feel Town ลาดพร้าว 35 เป็นโครงการขนาดเล็ก เน้นความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตเพียง 8 ยูนิต ซึ่งแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น 3 ยูนิตและ ทาวน์โฮม 3 ชั้น 5 ยูนิต โครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 35 ลึกประมาณ 700 ม. สามารถทะลุออกไปถนนรัชดาภิเษก, ลาดพร้าววังหิน, โชคชัย 4 และถนนประดิษฐ์มนูธรรมได้ ตัวโครงการจะเป็นอย่างไรนั้นตามไปชมพร้อมๆ กันเลยค่ะ ^^

Fact @ 1 December 2015

  • Feel Town Ladprao 35 (ฟีล ทาวน์ ลาดพร้าว 35)
  • บริษัท เท็ด พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : จตุจักร
  • เนื้อที่โครงการ 314 ตร.ว. จำนวน 8 ยูนิต
  • ทาวน์โฮม 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 175 ตร.ม. หน้ากว้าง 5 เมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • บ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 270 ตร.ม. หน้ากว้าง 9.3 เมตร 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน
  • ที่ดินแปลงมาตรฐาน 21 และ 40 ตร.วา
  • ราคาเริ่มต้น 6.79 ล้านบาทหรือ 323,300 บาท/ตร.วา
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง ปี 2558
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ มีนาคม 2559
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 099-153-1212, 084-439-5703, 092-771-4221

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.808271, 100.581399

ที่ตั้งโครงการ Feel Town ลาดพร้าว 35 อยู่ในซอยลาดพร้าว 35 ลึกเข้าไปประมาณ 700 ม. สามารถเข้าถึงโครงการได้หลายทางนอกจากซอยลาดพร้าว 35 แล้วยังสามารถเข้าได้จาก ซอยรัชดาภิเษก 36 (ซอยเสือใหญ่อุทิศ) และซอยลาดพร้าว 41 ในอนาคตใกล้สถานีรถไฟฟ้า ภาวนา ที่ตัวสถานีตั้งอยู่ระหว่างปากซอยลาดพร้าว 35 และลาดพร้าว 41 ค่ะ

ที่ตั้งโครงการอยู่ในย่านลาดพร้าวตอนต้น ใกล้แยกรัชดา – ลาดพร้าว ซึ่งในย่านนี้เรียกได้ว่าเป็นย่านที่มีจำนวนผู้คนที่อาศัยและทำงานอยู่ในละแวกนี้ค่อนข้างหนาแน่น  เริ่มตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวที่มีทั้งออฟฟิศขนาดเล็ก-ใหญ่ โรงเรียน ร้านค้าร้านอาหารทั้งที่ติดถนนและอยู่ในซอย ทำให้ย่านลาดพร้าวนี้มีความอุดมสมบูรณ์สูงทีเดียวค่ะ และถนนอีกเส้นหนึ่งที่มีความเจริญไม่แพ้กันคือเส้นรัชดาภิเษก ตั้งแต่สี่แยกรัชโยธินที่เป็นที่ตั้งของหมู่ตึกออฟฟิศ สถานที่ราชการ ไล่มาเรื่อยๆจนมาถึงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ที่กำลังจะมีสวนลุมไนท์บาซาร์รัชดาเปิดใหม่ ถ้าตรงไปเรื่อยก็จะเกาะไปตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดินมุ่งหน้าแยกอโศก

สำหรับคนที่ทำงานประจำอยู่ในแถบถนนวิภาวดีรังสิต-ลาดพร้าว-รัชดาภิเษก ถือว่าเป็นทำเลที่มีความสะดวกในการเดินทางด้วยรถยนต์พอสมควรทีเดียวค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ในซอยลาดพร้าว 35 ที่สามารถทะลุออกได้หลายทางทั้งถนนรัชดาภิเษก ถนนลาดพร้าว ถนนลาดพร้าววังหิน ถนนโชคชัย 4 และถนนสังคมสงเคราะห์ จึงสามารถลัดเลาะ หลบหลีกการจราจรที่ติดขัดมากๆ เกือบตลอดทั้งวันโดยเฉพาะบริเวณแถบแยกรัชดา – ลาดพร้าว

โดยรวมๆ แล้วในย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูงทีเดียวค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่แถบถนนใหญ่ทั้งเส้นลาดพร้าวและพหลโยธิน อย่างเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว และ ยูเนี่ยน มอลล์ ถัดมาหน่อยคือ เมเจอร์รัชโยธิน หรือถ้าออกไปทางเส้นประเสริฐมนูกิจก็มี The Walk , นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว และยังมีศูนย์การค้าต่างๆในย่านรัชดาภิเษก นอกจากนี้บนถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือเลียบด่วนรามอินทราก็ยังมีห้างขนาดใหญ่ที่พึ่งเปิดใหม่ไม่นานอย่าง Central Festival East Ville ศูนย์การค้า Open-Air บนที่ดินแปลงใหญ่ใกล้ Tesco Lotus มาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการช้อปปิ้งอีกด้วยค่ะ

ภายในซอยแถบลาดพร้าวก็ไม่น้อยหน้า เพราะเป็นแหล่งชุมชน มีคนอาศัยอยู่เยอะ จึงทำให้ซอยใหญ่ๆ อย่าง ลาดพร้าววังหิน ที่อยู่ใกล้ๆ กับซอยโครงการประมาณ 1.4 กม. มีความอุดมสมบูรณ์สูง บรรยากาศในซอยจึงค่อนข้างคึกคัก มีครบทั้ง ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร Community mall ก็มี The Jas และ Green Plaza  ถ้าอยากหาของแห้งของสดเอาไปประกอบอาหารก็มี ตลาดวังหินยิ่งเจริญ ตลาดสะพาน 2 และ ตลาดโชคชัย 4

สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมาเป็นอีกตัวเลือกที่สำคัญตัวเลือกหนึ่งในการเดินทางไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องง้อรถราบนถนนลาดพร้าวที่ติดเป็นประจำในทุกๆ วัน โดยสถานีที่อยู่ใกล้กับโครงการมากที่สุดคือสถานี ภาวนา ที่ตั้งอยู่ระหว่างซอยลาดพร้าว 35 และลาดพร้าว 41 ซึ่งห่างจากโครงการโดยประมาณ 700 ม. อยู่ในระยะที่พอเดินได้อยู่ แต่อาจจะลำบากและอันตรายไปหน่อยสำหรับใครที่คาดหวังว่าจะเดินเข้า – ออกเป็นประจำ เนื่องจากภายในซอยมีขนาดเล็กไม่มีระยะทางเดินเท้าให้เดินได้ ซึ่งคงต้องพึ่งพาพี่วินกันไปนะ

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองนี้เริ่มต้นสายจากแยกรัชดาวิ่งบนเส้นลาดพร้าวไปจนถึงแฮปปี้แลนด์ (The Mall บางกะปิ) จากนั้นวิ่งต่อไปบนถนนศรีนครินทร์คู่ขนานกับสายสีเขียวบนถนนสุขุมวิทไปจนถึงย่านสำโรง ซึ่งหากเป็นไปตามแผนแล้วจะสร้างเสร็จในปี 2563 – 2564 ก็อีกประมาณ 4 – 5 ปีถ้าไม่คาดเคลื่อนออกไปเราก็จะได้ใช้กันแล้วค่ะ

แต่ตอนนี้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดนั้นก็จะเป็นสถานีลาดพร้าว ที่อยู่บริเวณแยกรัชดา – ลาดพร้าว โดยห่างจากโครงการไปประมาณ 1.6 กม.ค่ะ

ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 35 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถลัดเลาะไปได้หลายทาง

  • ไปทางถนนลาดพร้าว สามารถออกทางซอยลาดพร้าว 35 ซึ่งเป็นซอยหลักในการเข้า – ออกโครงการ และซอยลาดพร้าว 41 ได้
  • ไปทางถนนรัชดาภิเษก สามารถออกได้หลายทางทั้งซอยรัชดาภิเษก 30 หรือ 36 โดยทางที่ลัดใกล้ที่สุดคือออกจากทางซอยรัชดาภิเษก 30 ค่ะ
  • ไปถนนลาดพร้าววังหิน สามารถทะลุจากซอยลาดพร้าว 41 ไปออกถนนลาดพร้าววังหินที่เป็นศูนย์รวมแหล่งร้านอาหาร และ community mall โดยถนนลาดพร้าววังหินนี้เป็นถนนที่เชื่อมกับถนนเสนานิคม 1 และถนนลาดปลาเค้า ซึ่งสามารถไปออกถนนพหลโยธินและเกษตรนวมินทร์ได้ค่ะ
  • ไปถนนโชคชัย 4 ทะลุจากซอยลาดพร้าว 41 ผ่านถนนลาดพร้าววังหินที่สามารถเชื่อมเข้าถนนโชคชัย 4 ซึ่งเป็นอีกแหล่งชุมชนที่มีร้านขายของตลาดนัดให้เลือกซื้ออาหารในราคาที่ไม่แพงนัก
  • ไปถนนประดิษฐ์มนูธรรม ได้โดยทะลุออกถนนสังคมสงเคราะห์ รวมทั้งยังใกล้จุดขึ้น – ลงทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์อีกด้วยค่ะ

การเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มต้นจากถนนลาดพร้าวฝั่งขาเข้าตรงแยกภาวนา เลี้ยวขวาเข้าซอยลาดพร้าว 35 ตรงเข้าไปประมาณ 700 ม. จะเห็นโครงการฝั่งขวามือค่ะ

เริ่มต้นกันบนถนนลาดพร้าวซึ่งเป็นถนนที่มีความยาวสั้นๆ จากห้าแยกลาดพร้าวที่ตัดกับถนนพหลโยธิน ยาวไปจนถึงบางกะปิตรงแยกลำสาลี การจราจรบนถนนเส้นนี้ได้ชื่อว่าติดขัดมากๆ ทั้งเช้าและเย็น แต่ในขณะเดียวกันก็มีซอยเล็กซอยน้อยที่สามารถลัดเลาะถึงกันได้บ้าง

เมื่อขับตรงมาในฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าไปห้าแยกลาดพร้าวเรื่อยๆ จนถึงแยกภาวนา ด้านซ้ายที่เห็นจะเป็นธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนลาดพร้าว 44 ให้เห็นเป็นจุดสังเกต ฝั่งตรงข้ามเป็นซอยลาดพร้าว 41 ซึ่งเป็นอีกซอยนึงที่สามารถเข้าถึงโครงการได้เช่นกัน ใครที่มาทางฝั่งที่มุ่งหน้าไปห้าแยกลาดพร้าว จะเลี้ยวเข้าซอยนี้ก็น่าจะสะดวกกว่าที่ต้องมารอรถติดบนท้องถนนเพื่อเข้าซอยลาดพร้าว 35 ที่เป็นซอยทางเข้าหลักของโครงการ แต่วันนี้เราจะขับพาไปดูทางเข้าจากซอยลาดพร้าว 35 กันก่อนนะคะ ^^

ตรงมาอีกหน่อยจะเห็นปั๊ม Shell ซึ่งเป็นปั๊มที่อยู่ใกล้โครงการทีเดียวค่ะ ใครน้ำมันใกล้หมดแวะเติมน้ำมันก่อนเข้าบ้านได้นะคะ เพราะไม่งั้นอาจจะต้องวนรถอีกรอบไม่ก็ต้องเลยไปเติมน้ำมันไกลอีกหน่อยในฝั่งที่มุ่งหน้าบางกะปิบริเวณหน้าซอยลาดพร้าว 61

หลังจากผ่านปั๊ม Shell มาแล้วให้เริ่มเบี่ยงเข้าเลนขวาเตรียมตัวเลี้ยวขวาเข้าซอยลาดพร้าว 35 กันเลยค่ะ บริเวณหน้าปากซอยมี Family Mart และร้านอาหารรถเข็นเปิดขายก๋วยเตี๋ยวบ้าง ข้าวตามสั่งบ้างอยู่ใกล้ๆกัน

เมื่อเลี้ยวเข้าซอยมาแล้วให้ขับตรงไปเรื่อยๆ อีกประมาณ 700 ม. ค่ะ ถนนภายในซอยเป็นถนนขนาดเล็กๆ 2 เลนสวนทางกัน บรรยากาศรอบข้างบริเวณต้นซอยจะเป็นอพาร์ทเม้นท์และหอพักตลอดสองฝั่ง แต่ในช่วงกลางวันแบบนี้จะไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน โดยรวมแล้วค่อนข้างสงบดีค่ะ

เข้ามาลึกอีกหน่อยสองฝั่งข้างทางจากหอพักและอพาร์ทเม้นท์จะกลายเป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่อยู่กันอย่างเงียบสงบทีเดียวค่ะ ซึ่งน่าจะเหมาะกับใครที่ชอบทำเลที่มีความเงียบสงบและไม่พลุกพล่านมากนัก แตกต่างจากซอยข้างเคียงอย่างลาดพร้าววังหิน โชคชัย 4 มากๆ ส่วนเรื่องทางเท้าทั้งสองข้างทางจะไม่มีให้เดินเลยซึ่งคงลำบากและอันตรายไปสักหน่อยสำหรับการเดินเท้าเข้าโครงการ

ตรงเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงโครงการแล้ว โดยที่ตั้งโครงการจะอยู่บริเวณหัวมุมซอยเลย โดยทางเข้าหลักโครงการจะอยู่ในซอยลาดพร้าว 35 และอีกซอยเป็นซอยลาดพร้าว 41 แยก 9 ที่สามารถไปทะลุออกลาดพร้าววังหิน และโชคชัย 4 ได้ค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

มาดูบริเวณรอบๆ โครงการกันค่ะ จะเห็นว่าบริเวณโดยรอบเป็นที่อยู่อาศัยทั้งหมด โดยฝั่งทิศเหนือและทิศตะวันตกส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยวมีบรรยากาศค่อนข้างสงบ ในส่วนทิศใต้ติดกับถนนซอยลาดพร้าว 41 แยก 9 และฝั่งตรงข้ามซอยเป็นบ้านและอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ในช่วงก่อสร้าง สำหรับทิศตะวันออกติดกับชุมชนบ้านเดี่ยวที่อยู่กันมานาน และทาวน์เฮ้าส์

เรามาเดินรอบๆ โครงการก่อนจะเข้าไปชมโครงการกันนะคะ นี่คือซอยลาดพร้าว 41 แยก 9 ที่ติดกับโครงการทางทิศใต้ ตรงข้ามโครงการเป็นบ้านสังกะสี และมีอพาร์ทเม้นท์ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างเช่นเดียวกัน

ส่วนทางทิศเหนือนั้นติดกับบ้านเดี่ยวที่เป็นบ้านเก่าแก่อยู่อาศัยมานาน

ฝั่งตรงข้ามโครงการหรือทางทิศตะวันตกติดกับบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่

และถัดมาก็จะเป็นบ้านเดี่ยวเช่นเดียวค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • สวนลุมไนท์บาซาร์ ที่แยกรัชดา-ลาดพร้าว ~ 1.5 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ~ 1.6 กิโลเมตร
  • กรมส่งเสริมการส่งออก ~ 1.9 กิโลเมตร
  • ตลาดลาดพร้าวสะพาน 2  ~ 1.9 กิโลเมตร
  • Plaza Lagoon ~ 2.3 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาล เปาโลเมโมเรียล โชคชัย 4 ~  2.4 กิโลเมตร
  • ตลาดโชคชัย 4 ~ 2.6 กิโลเมตร
  • Union Mall ~ 3.1 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเซนต์จอห์น ~ 3.3 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว ~ 3.6 กิโลเมตร
  • ตลาดวังหินยิ่งเจริญ ~ 3.7 กิโลเมตร
  • ศาลอาญา 3.9 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Feel Town ลาดพร้าว 35 เป็นโครงการขนาดเล็กที่มียูนิตทั้งหมดเพียง 8 ยูนิต โดยมีบ้านเดี่ยว 3 ชั้น 3 ยูนิตอยู่ฝั่งซ้าย และทาวน์โฮม 3 ชั้น 5 ยูนิตอยู่ฝั่งขวา เนื่องด้วยตัวโครงการมีจำนวนยูนิตที่น้อยนั้นจึงมีความเป็นส่วนตัวสูง รูปแบบการออกแบบโครงการเป็นแนว Modern เน้นโทนสีขาว – เทา เล่นลูกเล่นความเป็นสีน้ำตาล (ผนังปูนเซาะร่อง) ตกแต่งอาคารด้านนอก เพื่อเพิ่มความรู้สึกอบอุ่นให้กับบ้านมากขึ้น

สำหรับผังโครงการออกแบบไว้ค่อนข้างเรียบร้อย และจัดสรรพื้นที่ได้ดี โดยทางเข้าโครงการมีเพียงทางเข้าเดียวคือจากซอยลาดพร้าว 35 มีถนนหลักกว้าง 7.50 เมตร คั่นกลางโดยฝั่งซ้ายเป็นบ้านเดี่ยวที่มี 3 ยูนิต และฝั่งขวาเป็นทาวน์โฮมที่มี 5 ยูนิต การจัดวางตำแหน่งบ้านจัดให้หันในทางทิศเหนือ – ใต้ สำหรับบ้านเดี่ยวที่หันหน้าไปทางทิศใต้นั้น จะได้เปรียบในเรื่องของลมที่พัดผ่านหน้าบ้าน ส่วนทาวน์โฮมที่หันหน้าไปทางทิศเหนือนั้นข้อดีคือหน้าบ้านไม่โดดแดดตลอดบ่ายและไม่อมความร้อน

มาดูบ้านเดี่ยวที่อยู่ฝั่งซ้ายมือกันก่อนนะคะ

บ้านเดี่ยว 3 ชั้น 3 ยูนิต จะมีลักษณะที่ไม่ใช่บ้านเดี่ยว 2 ชั้นแล้วมี่ที่ดินรอบๆเหมือนที่คุ้นเคยกันนะคะ แต่จะมีหน้าตาเหมือนทาวโฮม 3 ชั้นมากกว่า เพราะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในอย่างเต็มที่ โดยมีระยะห่างระหว่างยูนิตประมาณ 1 เมตร มีด้านหนึ่งทึบ อีกด้านเซตผนังลึกเข้าไปอีกหน่อยเพื่อให้มีบานเปิดได้ เนื่องจากระยะห่างระหว่างยูนิตที่ใกล้กันมากทำให้ติดกฎหมายในเรื่องระยะของบานเปิด จึงทำให้ด้านที่อยู่ติดกันต้องก่อเป็นผนังทึบ ในส่วนรูปลักษณ์อาคารในสไตล์ Modern นี้เน้นความโปร่งโล่งโดยใช้กระจกค่อนข้างเยอะและบานใหญ่ มีฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร รวมไปถึงการใช้วัสดุสีไม้ อย่างระแนง และการกรุกระเบื้องสีไม้เพื่อเพิ่มความอบอุ่นในการอยู่อาศัยให้มากขึ้นอีกด้วยค่ะ

สำหรับฝั่งขวาซึ่งจัดวางให้เป็นส่วนของทาวน์โฮมทั้ง 5 ยูนิต

ตัวทาวน์โฮมมีหน้ากว้าง 5 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คัน ซึ่งขนาดความกว้าง 5 เมตรนี้ จะเหลือพื้นที่ด้านข้างประตูให้เดินเข้า – ออกน้อยไปหน่อยที่จะเดินได้สบายๆ ส่วนจุดเด่นของทาวน์โฮมนี้จะเป็นในเรื่องความโปร่งโล่งจาก Bay Window ที่นอกจากจะรู้สึกโปร่งโล่งแล้วยังสามารถมองเห็นวิวได้กว้างมากขึ้นด้วย

ในปัจจุบันโครงการยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างนะคะ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือนมีนาคม 2559 ซึ่งก็ยังอยู่ในช่วงมาตราการกระตุ้นอสังหาฯ ที่ลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองอยู่ (รายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่)

เรามาเริ่มกันที่หน้าโครงการกันเลยนะคะ ในส่วนรั้วโครงการจะติดเป็นรั้วบานเลื่อนอัตโนมัติให้

เข้ามาภายในถนนหลักโครงการมีความกว้าง 7.5 เมตร ด้วยระยะเท่านี้ไม่สามารถจอดรถซ้อนคันบริเวณหน้าบ้านได้นะคะ เพราะจะทำให้เพื่อนบ้านเข้า – ออกสวนทางกันไม่ได้ และสำหรับเรื่องความปลอดภัยนั้นทางโครงการได้ติดระบบ CCTV ไว้ 4 จุดบริเวณถนนหลักและรั้วรอบโครงการมีความสูง 2.5 เมตร ถือว่าให้ไม่ได้มากเท่าไหร่เนื่องจากยูนิตที่น้อย ส่วนในเรื่องของค่าส่วนกลางนั้นทางโครงการยังไม่ได้ระบุค่าใช้จ่ายไว้ชัดเจนนะคะ แต่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แน่นอนค่ะ ซึ่งค่าใช้จ่ายจะเป็นส่วนของค่าไฟส่องสว่างของถนนหลัก และ CCTV หากทราบค่าส่วนกลางที่แน่นอนแล้วจะมา Update อีกทีนะคะ สำหรับเรื่องการป้องกันน้ำท่วมทางโครงการมีการคำนึงถึงในเรื่องนี้ด้วย โดยยกระดับพื้นจากพื้นชั้น 1 ขึ้นสูง 90 ซม. ส่วนพื้นถนนหลักนั้นยกสูงขึ้น 50 ซม. จากระดับถนนค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 4 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร
  • ถนนหลักกว้าง 7.5 ม.

 


Product Walkthrough

เราพาชมทาวน์โฮมตัวอย่างกันก่อนนะคะ เนื่องจากบ้านเดี่ยวนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์พร้อมให้เข้าชมค่ะ

จากแปลน เป็นทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5 เมตร ลึก 17.5 เมตร รั้วหน้าบ้านเป็นบานพับสามารถจอดรถได้ 2 คันแบบพอดีๆ ด้วยความลึกบริเวณที่จอดรถลึกประมาณ 5.5 เมตรนั้นมีความลึกพอที่จะจอดรถกระบะได้ เข้ามาภายในบ้านชั้น 1 จะเจอพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหาร เนื่องจากไม่มีผนังกั้นเป็นห้องๆ ทำให้ลมที่พัดจากหลังบ้าน (ทิศใต้) สามารถพัดผ่านถ่ายเทออกไปทางหน้าบ้านได้ ถัดจากห้องรับประทานอาหารด้านซ้ายจัดให้เป็นห้องครัวปิดกั้นด้วยประตูบานเลื่อน ซึ่งเวลาประกอบอาหารกลิ่นจะไม่ลอยออกไปนอกห้อง และ สามารถเปิดหน้าต่างด้านข้างระบายอากาศออกไปที่หลังบ้านได้ ถัดจากห้องครัวเป็นห้องน้ำเล็กๆ ส่วนพื้นที่ซักล้างหลังบ้านใช้โครงสร้างหลักเดียวกันกับบ้านลดปัญหาการแยกตัวโครงสร้างเมื่อดินทรุดตัวลง

ขึ้นมาชั้น 2 แบ่งเป็น 2 ส่วน คือห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) และห้องอเนกประสงค์ สำหรับห้องนอนใหญ่สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุต (King Size) ได้สบายๆ และสามารถจัดตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้ ในส่วนห้องอเนกประสงค์นั้นจัดให้ค่อนข้างใหญ่ สามารถจัดเป็นพื้นที่ทำงาน หรือห้องสมุดขนาดหย่อมๆ ได้สบาย หรือใครที่มีสมาชิกในบ้านมากกว่า 4 คนสามารถกั้นประตูในพื้นที่ส่วนนี้เพิ่มเป็นห้องนอนอีกห้องเลยก็ได้เช่นกันค่ะ

ชั้น 3 เป็นชั้นห้องนอนทั้ง 2 ห้อง มีขนาดใกล้เคียงกัน โดยในชั้นนี้จะมีห้องน้ำ 1 ห้องไว้แบ่งกันใช้ระหว่างห้องนอน 2 ห้อง ในห้องนอนทั้ง 2 ห้องสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ โต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้า เช่นเดียวกับห้องนอนใหญ่ และห้องนอน 3 นั้นได้พื้นที่ระเบียงหน้าบ้านเพิ่มมาด้วยสามารถเอาเก้าอี้สนามออกมานั่งเล่นรับลมที่หน้าบ้านได้ค่ะ

เริ่มจากหน้าบ้านที่ยกระดับพื้นที่จอดรถขึ้นจากถนนหลักประมาณ 10 ซม. ใช้วัสดุเป็นพื้นคอนกรีตแสตมป์ นอกจากเรื่องความสวยงามที่มีลักษณะใกล้เคียงหินธรรมชาติแล้วยังเป็นพื้นผิวที่มีความขรุขระลดปัญหาการลื่นล้ม เหมาะกับงาน Outdoor ดีค่ะ ในส่วนด้านบนทางโครงการได้ติดตั้งผ้าใบให้เพื่อบังแดด กันฝนได้ ถือว่าเป็นข้อดีทีเดียวค่ะ เพราะส่วนใหญ่แล้วหลังคารถเป็นหนึ่งในพื้นที่ยอดฮิตที่ลูกบ้านทาวน์โฮมมักจะทำกันอยู่แล้ว ดังนั้นการที่โครงการให้ผ้าใบมาด้วยก็สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องการต่อเติมหลังคาไปได้ด้วย

เดี๋ยวเราจะเดินไปรอบๆ บ้านกันก่อนนะคะ ก่อนจะเข้าไปชมตัวบ้านกัน เนื่องจากบ้านตัวอย่างเป็นแปลงริมจึงมีพื้นที่รอบข้างไว้ปลูกต้นไม้ได้บ้าง ซึ่งทางโครงการได้จัดสวนไว้ให้ทั้งปูหญ้าและปลูกต้นไม้เหมือนกับบ้านตัวอย่างเลยค่ะ

ด้านข้างปลูกต้นหูกระจงไว้ให้ประมาณ 3 ต้นรอบบ้าน จะขอเกริ่นเรื่องต้นหูกระจงที่ช่วงนี้กำลังเป็นต้นไม้ฮอตฮิตติดปากกันทุกคนนะคะ ที่บอกว่า “หูกระจงควรปลูกไว้ไกลบ้าน” เนื่องจากรากของต้นหูกระจงเป็นรากลอยและแผ่ออกด้านข้าง ที่สำคัญยังมีความแข็งแรงมาก ฉะนั้นหากดูแลไม่ถูกวิธีรากของต้นหูกระจงก็จะทำให้พื้นแตกหรือโครงสร้างบ้านเสียหายได้นั่นเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้เสียทีเดียว เพราะสามารถป้องกันได้โดยใช้วิธีสักราก หรือวางแนวอิฐฉาบปูนล้อมโคนต้นได้นะคะ และข้อดีของต้นหูกระจงก็ยังมีอีกมากอย่างการให้ความร่มรื่น ช่วยบังแดดได้ดี นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเรื่องการเสริมบารมีให้คนในบ้านมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ ^^

หันกลับมามองด้านซ้ายบ้าง จะเห็นว่าบานหน้าต่างถูกเซตเข้าไปด้านในและมีกันสาดยื่นออกมานิดหน่อยช่วยในเรื่องการบังแดดได้นิดหน่อยและการกระเด็นของน้ำฝนได้พอสมควรค่ะ

เดินมาหลังบ้านจะเจอในส่วนซักล้าง และเป็นที่วางของปั๊มน้ำและแท็งน้ำซึ่งโครงการแถมมาให้เรียบร้อย สำหรับลานซักล้างมีความกว้าง 0.8 ม. ซึ่งอาจจะแคบไปซักหน่อยในการซักล้างและตากผ้า หากใครที่ต้องการพื้นที่เพิ่มเติมสามารถต่อเติมได้ตรงบริเวณพื้นหญ้าแต่ควรแยกหรือเว้นระยะห่างไว้นิดหน่อย ไม่ควรเชื่อมปูนไว้ด้วยกันเพราะเนื่องจากพื้นลานซักล้างเป็นโครงสร้างแบบ On Ground (เทพื้นแบบไม่มีเสาเช็ม) หากเชื่อมปูนไว้ด้วยกันอาจจะทำให้เกิดการแตกร้าวได้ เนื่องจากการทรุดตัวของหน้าดินที่อาจจะทรุดตัวไม่เท่ากัน

พื้นชั้น 1 ยกระดับขึ้นจากชั้นเฉลียงประมาณ 10 ซม. บานประตูเป็นบานเลื่อนกระจกเขียวตัดแสงเหมือนกันทั้งบ้าน

กลับมาที่หน้าบ้านกันค่ะ บริเวณหน้าบ้านมีเฉลียงกว้างประมาณ 1.3 ม. สามารถวางโต๊ะเก้าอี้สนามมานั่งเล่นได้

เงยหน้าขึ้นมาบริเวณด้านข้างประตูทางเข้า จะเห็นช่องว่างที่เว้นเอาไว้แบบนี้ แต่มีหลังคาชั้นบนกันแดดกันฝนไว้อยู่นะคะ ซึ่งช่องนี้ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าถึงบริเวณเฉลียงและที่จอดรถได้ดี

ประตูทางเข้าบ้านเป็นประตูบานเลื่อนกรอบบานใช้วัสดุ UPVC ของ Windsor ซึ่งมีความแข็งแรงและกันเสียงได้ดี ซึ่งใช้เสปคนี้ทั้งหลังค่ะ

มือจับแข็งแรง ด้านข้างบุผ้าสักหลาดด้านในช่วยกันฝุ่นเข้าตามขอบประตู

วงกบยกขึ้นสูงจากพื้นชั้น 1 ขึ้นมานิดหน่อยไม่ได้ฝังไปบนพื้นนะคะ

เข้ามาภายในบ้านจะเจอกับส่วนห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหาร ภายในบ้านดูโปร่งโล่ง เนื่องจากฝ้าเพดานค่อนข้างสูงประมาณ 2.8 ม. พื้นชั้น 1 ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. ส่วนระยะดูทีวีห่างประมาณ 2 เมตร สามารถซื้อทีวีขนาดใหญ่ประมาณ 40 – 42 นิ้วได้เลยค่ะ

บริเวณพื้นที่นั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางได้สบายๆ

ด้านหลังโซฟาเป็นกระจกบานใหญ่ ซึ่งจะได้กระจกบานใหญ่แบบนี้เฉพาะห้องริมเท่านั้นนะคะ

ตัวกระจกยาวลงไปจนถึงพื้น ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นจากแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาทั่วถึงภายในบ้าน ซึ่งปริมาณแสงที่เข้ามาค่อนข้างมากจึงสามารถช่วยประหยัดไฟได้โดยไม่ต้องเปิดไฟเลยในตอนกลางวัน แต่ต้องอย่าลืมเรื่องความร้อนที่แถมตามมาด้วย ดังนั้นแนะนำให้ติดม่านแบบ 2 ชั้นที่มีม่านโปร่งด้านใน เพราะแสงธรรมชาติสามารถเข้าถึงตัวบ้านได้และกันความร้อนได้พอสมควรค่ะ

ด้านข้างเป็นกระจกบานกระทุ้งด้านข้างช่วยถ่ายเทอากาศและรับลมได้ดี

มือจับเป็นก้านโยกแข็งแรง ด้านข้างบุยางให้ ซึ่งช่วยกันเสียงได้ดีเนื่องจากการปิดของบานหน้าต่างที่แนบสนิทค่ะ

ถัดจากพื้นที่นั่งเล่น ด้านข้างซ้ายจะเป็นห้องเก็บของ และลึกเข้าไปหน่อยเป็นพื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร ซึ่งฝ้าเพดานด้านบนนั้นมีการทำเป็นฝาหลุมให้สวยงาม

พื้นที่รับประทานอาหารขนาด 4.5 x 2.75 ม. มีความยาวพอสมควรสามารถตั้งโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 6 ที่นั่งได้เลยค่ะ

ด้านข้างโต๊ะรับประทานอาหารได้ชุดหน้าต่างเดียวกันกับบริเวณพื้นที่นั่งเล่นเลยค่ะ

ถัดมาอีกด้านของโต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นพื้นที่ครัว ซึ่งออกแบบไว้ให้เป็นครัวปิดด้วยการกั้นด้วยบานเลื่อนกระจก

พื้นครัวจะลดระดับลงไปหน่อยเพื่อให้ง่ายในการทำความสะอาด ส่วนวงกบประตูที่ยื่นสูงขึ้นมาจากพื้นชั้น 1 นั้นอาจจะทำให้เดินสะดุดได้ ซึ่งทางโครงการจะมีการปรับแก้แบบให้โดยแก้ให้วงกบฝังอยู่ในระดับเดียวกันกับพื้นชั้น 1 ค่ะ

ภายในครัวมีขนาด 2.25 x 4.6 ม. สามารถจัดวาง Pantry ครัวได้กว้างตามแบบบ้านตัวอย่างเลยค่ะ แต่ Pantry ครัวทางโครงการไม่ได้ให้นะคะ

พื้นครัวได้เป็นแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. เช่นเดียวกันกับพื้นชั้น 1

ด้านข้างมีหน้าต่างบานเปิดไว้ระบายอากาศได้ ซึ่งการวางตำแหน่งของอ่างล้างจานใกล้หน้าต่างนี้ถือว่าวางได้เหมาะสม เพราะสามารถระบายความชื้นจากการล้างจานได้ดีค่ะ

เปิดออกมาจะเป็นพื้นที่ว่างหลังห้องน้ำ ซึ่งใช้เป็นที่วางอุปกรณ์ทำความสะอาดหรืออุปกรณ์ทำสวนได้โดยไม่เกะกะบริเวณลานซักล้าง

ลักษณะสวิชต์ไฟที่ได้เป็นแบบมาตรฐาน จาก bticino

ถัดมาเป็นประตูเข้าห้องน้ำใช้วัสดุเป็นบานไม้ลามิเนตสำเร็จรูป

พื้นห้องน้ำลดลงไปประมาณ 5 ซม.กันน้ำไหลออก

ขนาดห้องน้ำชั้น 1 นี้ไม่มีพื้นที่อาบน้ำให้มานะคะ ขนาดห้องน้ำมีขนาดใหญ่ไม่มาก ภายในมีโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือ พื้นห้องน้ำใช้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้แบบด้านกันลื่นได้ดี

ความกว้างบริเวณโถสุขภัณฑ์กว้างประมาณ 90 ซม. ซึ่งมีขนาดความกว้างกำลังพอดี ส่วนยี่ห้อโถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำจาก Cotto

อ่างล้างมือจาก Cotto พร้อมกระจกเงา

ขนาดอ่างกว้างพอสมควร ด้านข้างสามารถวางของได้เยอะพอสมควร

ด้านบนมีหน้าต่างบานเลื่อนกระฝ้าให้ไว้สำหรับระบายอากาศและให้แสงธรรมชาติส่องเข้าถึงได้

ขึ้นมาที่ชั้น 2 บันไดเป็นแบบหักศอก ไม่เปลืองพื้นที่ โครงสร้างบันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กซึ่งมีความเเข็งแรงมากกว่าโครงสร้างบันไดสำเร็จรูป วัสดุลูกนอนเป็นไม้สำเร็จรูปสีอ่อน

ส่วนราวบันไดเป็นราวเหล็กพ่นสีดำมือจับเป็นไม้จริงพ่นแล็กเกอร์

บริเวณช่วงที่หักศอก ไม่มีชานพักให้แต่เป็นขั้นบันไดทรงสามเหลี่ยม ซึ่งไม่มีช่วงให้พักเท้าได้เลย ด้านหน้ามีหน้าต่างไว้ให้เพื่อในแสงสว่างส่องเข้าถึงบริเวณโถงบันไดได้

จะเห็นว่าในช่วงกลางวันแสงสว่างจากหน้าต่างของโถงบันไดสามารถให้ความสว่างแก่โถงบันไดได้ดีทีเดียวค่ะ

ขึ้นมาชั้น 2 จะเจอกับห้องนอนใหญ่ก่อน

พื้นในชั้นนี้ทั้งหมดเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. หน้าทางเข้าห้องจบด้วยไม้สำเร็จรูป

ภายในห้องนอนใหญ่มีขนาด 3.5 x 5.4 ม. สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุต ได้สบายๆ

อีกด้านนึงเป็นพื้นที่ว่างไว้สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ สำหรับใครที่มีเสื้อผ้าเยอะสามารถ Built – in ตู้เสื้อผ้าได้เต็มพื้นที่ผนังได้เลยค่ะ

พื้นที่ทางเดินด้านขวามีพื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะ

ด้านปลายเตียงสามารถเดินได้สบายๆ ถึงแม้จะติดตั้งชั้นวางทีวีไว้

ส่วนด้านที่ติดกับหน้าต่างหรือด้านซ้ายนั้นมีความกว้างประมาณ 60 ซม. สามารถเดินได้แต่แคบไปนิดนึง ซึ่งจริงๆแล้วสามารถขยับเตียงให้ทางเดินด้านซ้ายนี้กว้างกว่านี้ได้ค่ะ

หน้าต่างได้ 2 ฝั่ง

มือจับบานเลื่อนเป็นแบบนี้ใช้งานสะดวก ด้านข้างบุผ้าสักหลาดให้เรียบร้อย

อันนี้ทำให้คล้ายกับ Bay Window ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่นะคะ แต่สามารถมองวิวได้ 2 ฝั่งเช่นเดียวกัน

ด้านนี้เป็นบานเปิดแบบนี้เอาไว้ให้ช่างมาซ่อมบำรุงแอร์ได้ค่ะ

 

ถัดมาเป็นห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่ แบ่งเป็นโซนแห้งและโซนเปียกชัดเจนเป็นสัดส่วนดีค่ะ

อ่างล้างมือพร้อม Built – in ตู้วางของได้ด้านล่าง จาก Charmer ด้านข้างติดตั้งปลั๊กไฟแบบกันน้ำไว้ให้เผื่อสาวๆ ไดร์ผมได้ โดยระยะของปลั๊กไฟจะมีการขยับขึ้นนิดหน่อยเพื่อให้ห่างจากอ่างล้างมือมากขึ้น

-ขนาดอ่างกว้างพอสมควร วางของได้เล็กน้อยด้านบน

ระยะความกว้างโถสุขภัณฑ์จะแคบกว่าห้องน้ำด้านล่างอยู่หน่อย ซึ่งคนตัวใหญ่หน่อยอาจจะนั่งไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นะคะ

บนฝ้าเพดานด้านข้างมีการหลบฝ้าซ่อนไฟไว้ให้สวยงามดีทีเดียวค่ะ

โซนอาบน้ำนี้ทางโครงการไม่ได้กั้นกระจกมาให้นะคะ แต่แนะนำว่าให้ติดตั้งเองแบบบ้านตัวอย่างค่ะ เพราะช่วยกันน้ำกระเด็นออกไปส่วนแห้งได้ดีทำให้ลดอุบัติเหตุการลื่นในห้องน้ำได้มากขึ้นด้วยนะ

ขนาดพื้นที่อาบน้ำกำลังดีสามารถอาบได้ไม่ลำบาก

ด้านบนติดหน้าต่างบานเลื่อนกระจกฝ้าไว้ให้เรียบร้อย

ฝั่งที่ติดตั้งฝักบัวสายอ่อน ตกแต่งด้วยกระเบื้องเซรามิกสีสันสาวยงามจากพื้นถึงฝ้าเพดาน

ฝักบัวสายอ่อนจาก Cotto ขนาดพอดีมือ แข็งแรง

ถัดมาเป็นห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ติดกับทางขึ้นบันไดไปชั้น 3 ซึ่งหากใครต้องการใช้พื้นที่อเนกประสงค์เป็นห้องนอน หรือห้องอ่านหนังสือที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหน่อยก็สามารถติดประตูเพิ่มเติมได้ค่ะ

ภายในห้องอเนกประสงค์สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้ หรือใครจะใช้เป็นห้องทำงาน ห้องสะสมงานอดิเรกก็ได้เช่นกัน บรรยากาศภายในค่อนข้างโปร่งเพราะมีกระจกทั้ง 3 ทาง ด้านหน้าจะได้เป็น Bay Window เปิดมุมมองได้กว้าง

ขึ้นบันไดไปชั้น 3 กันต่อ

ชานพักบันไดนั้นค่อนข้างเดินลำบากกว่าชั้น 2 เพราะมีจำนวนขั้นบันไดสามเหลี่ยมที่มากขึ้น เพราะปัญหาในเรื่องความสูงของลูกตั้งที่ไม่ลงตัวกับความสูงระหว่างพื้นชั้น 2 และชั้น 3

โถงบันไดในชั้นนี้มีช่องเปิดขนาดใหญ่ช่วยให้โถงบันไดได้รับแสงธรรมชาติส่องสว่างเข้ามาได้ดี

มีราวบันไดไต่ขึ้นมาตามผนังให้ด้วยค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเจอกับโถงเล็กๆ ที่แจกไปยังห้องต่างๆ ในชั้นนี้พื้นเป็นพื้นลามิเนต 8 มม.เช่นเดียวกันกับพื้นชั้น 2 ค่ะ

เริ่มจากห้องน้ำในชั้นนี้ ซึ่งเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนทั้ง 2 ห้อง

ตัวจบพื้นเป็นไม้สำเร็จรูป ส่วนพื้นห้องน้ำลดระดับลงมานิดหน่อย

ภายในห้องน้ำจัดวางตำแหน่งสุขภัณฑ์เหมือนกันกับห้องน้ำชั้น 2 ทั้งหมด แตกต่างเพียงตำแหน่งของประตูเท่านั้นค่ะ

เข้ามาที่ห้องนอน 2 ที่อยู่บริเวณหลังบ้าน

ภายในห้องนอน 2 นั้นจัดเป็นสำนักงานชั่วคราว โดยห้องนอน 2 นี้มีขนาด 3.35 x 5.2 ม. สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้พร้อมตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ

เข้ามาต่อกันที่ห้องนอน 3 ซึ่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน ภายในห้องนอน 3 นี้จะดูโปร่งโล่งกว่า ห้องนอน 2 เนื่องจากได้บานกระจกขนาดใหญ่ซึ่งมีส่วนช่วยมากๆ ที่ทำให้ห้องดูกว้างขวางมากขึ้น

ด้านหลังสามารถจัดตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงานขนาดเล็กๆ ได้

ขนาดห้องนี้สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้นะคะ เพราะยังเหลือพื้นที่ด้านข้างอีกมากทีเดียว

ถัดจากเตียงไปเป็นพื้นที่เหลือ สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้ค่ะ

ด้านข้างเป็นประตูกระจกระเบียงด้านนอก

บานประตูค่อนข้างใหญ่ มีน้ำหนัก และแข็งแรงดีค่ะ เหมาะกับการใช้งานเป็นประตูแบบ Outdoor

ระดับพื้นของระเบียงลดลงมาหน่อย กันน้ำไหลเข้าพื้นชั้น 3

ขนาดระเบียง 1.65 x 1.2 ม. ด้วยขนาดพื้นที่เท่านี้สามารถนำเก้าอี้สนามมานั่งเล่นรับลมเพลินได้ค่ะ

รั้วระเบียงเป็นรั้วเหล็กพ่นสีดำแข็งแรงดี

เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบน ไม่มีหลังคาให้บริเวณระเบียงนะคะ สำหรับใครที่ใช้พื้นที่นี้ไว้ตากผ้านั้นก็อาจจะเปียกฝนได้นะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 1 December 2015

  • บ้านเดี่ยว แบบ LA ที่ดิน 42 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 275 ตร.ม. ราคา 13.49 ล้านบาท หรือ 321,200 บาท/ตร.วา
  • บ้านเดี่ยว แบบ LB ที่ดิน 40 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 275 ตร.ม. ราคา 12.99 ล้านบาท หรือ 324,800 บาท/ตร.วา
  • ทาวน์โฮม แบบ TA ที่ดิน 29 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 175 ตร.ม. ราคา 7.99 ล้านบาท หรือ 275,500 บาท/ตร.วา
  • ทาวน์โฮม แบบ TB ที่ดิน 21 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 175 ตร.ม. ราคา 6.79 ล้านบาท หรือ 323,300 บาท/ตร.วา

  • จอง

  • บ้านเดี่ยว 200,000 บาท
  • ทาวน์โฮม 100,000 บาท

  • ทำสัญญา
    • บ้านเดี่ยว 500,000 บาท
    • ทาวน์โฮม 400,000 บาท

  • ดาวน์ 11% ผ่อนดาวน์ 5 งวด
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 160,000 บาท
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าส่วนกลาง (ยังไม่ทราบค่าใช้จ่าย แต่มีการเก็บค่าส่วนกลางแน่นอนค่ะ ซึ่งถ้าทราบราคาชัดเจนแล้วจะมา Update ให้นะคะ)
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    Feel Town ลาดพร้าว 35 ตั้งอยู่ในย่านลาดพร้าวตอนต้น ซึ่งเป็นย่านที่มีความเจริญสูง ในแถบนี้มีทั้งออฟฟิศเล็ก – ใหญ่ และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของผู้คนและคนทำงานในย่านนี้ จึงไม่ต้องห่วงในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ที่มีอย่างครบครันเพื่อตอบสนองความต้องการของคนในย่านนี้ ทั้งห้างอย่าง เซนทรัลลาดพร้าว, Union Mall, Community Mall ในซอยลาดพร้าววังหิน, ตลาดในซอยลาดพร้าววังหินและโชคชัย 4 ในเรื่องสภาพแวดล้อมภายในซอยลาดพร้าว 35 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการนั้น มีบรรยากาศค่อนข้างสงบ บริเวณต้นซอยเป็นอพาร์ทเม้นท์และหอพัก ส่วนลึกเข้ามาหน่อยบริเวณรอบๆ โครงการส่วนใหญ่แล้วจะเป็นบ้านเดี่ยวที่อยู่อาศัยกันมานาน ทำให้ทำเลนี้ไม่พลุ่กพล่านมากนัก

    สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นค่อนข้างสะดวกทีเดียวค่ะ เนื่องจากแถบนี้เป็นโซนที่อยู่อาศัยแนวราบและการเดินทางภายในเหมือนรังมด คือมีทางเชื่อมต่อเยอะมากซึ่งเป็นข้อดีเพราะมีเส้นทางให้เลือกใช้งานเยอะ อย่างเช่นที่ตั้งโครงการที่อยู่ใน ซอยลาดพร้าว 35 นั้นก็เป็นซอยที่สามารถทะลุออกไปได้หลายทางด้วยกัน จึงสามารถหลบหลีกปัญหารถติดบนถนนลาดพร้าวได้ดีในช่วงเวลาเร่งด่วน โดยสามารถทะลุออกไปได้ทั้งถนนรัชดาภิเษก ผ่านซอยรัชดาภิเษก 30 หรือ 36 ซึ่งไม่ต้องไปเสียเวลารถติดบริเวณแยกรัชดา – ลาดพร้าว, ถนนลาดพร้าววังหิน ที่ทะลุผ่านจากซอยลาดพร้าว 41 ในแถบลาดพร้าววังหินถือเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินมากๆ สามารถไปฝากท้องได้ตั้งแต่เช้า – ดึกเลยค่ะ , ถนนโชคชัย 4 เป็นถนนคู่ขนานกับถนนลาดพร้าววังหิน เป็นอีกซอยนึงที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกินเช่นเดียวกัน รวมไปถึงยังมีตลาดนัดช่วงเย็นๆ ที่ขายมาเปิดขายอาหารในราคาไม่แพงมากนักด้วยค่ะ และถนนประดิษฐ์มนูธรรม ที่สามารถเดินทางไปแถบรามอินทรา หรือขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ได้ค่ะ

    การเดินทางแบบไม่ใช้รถในปัจจุบันนั้นสามารถพึ่งพาพี่วินหน้าปากซอย, รถเมล์ที่มีป้ายรถเมล์อยู่บริเวณหน้าปากซอยเลย หรือจะเป็นรถไฟฟ้าสถานีลาดพร้าว ที่อยู่บริเวณแยกรัชดา – ลาดพร้าว ซึ่งห่างจากโครงการประมาณ 1.6 กม. สำหรับในอนาคตการเดินทางด้วยรถไฟฟ้านั้นจะมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น และใกล้กับโครงการมากขึ้น เพราะจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองตัดผ่าน โดยสถานีที่ใกล้โครงการมากที่สุดคือ สถานีภาวนา ตั้งอยู่ระหว่างซอยลาดพร้าว 35 และ 41 แต่คงต้องอดใจรอกันต่อไปสักระยะเลยนะคะ เนื่องจากโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ 2563 – 2564

    การออกแบบโครงการ ถือว่าทำออกมาได้ดี เป็นโครงการเล็กๆ มียูนิตเพียง 8 ยูนิต อยู่อาศัยแบบร่วมรั้วโครงการเดียวกัน การวางผังง่าย เรียบร้อยใช้งานโดยเข้า – ออกทางเดียว มีถนนสายหลักตัดผ่านตรงกลาง ทำให้ง่ายต่อการดูแลเรื่องความปลอดภัย สำหรับทาวน์โฮมออกแบบได้ดีในเรื่องของขนาดพื้นที่ห้องและฟังก์ชันการใช้งาน จะมีตรงปัญหาในเรื่องขั้นบันไดไม่มีชานพักเท้าแต่ทำเป็นขั้นบันไดสามเหลี่ยมแทน อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

    วัสดุที่ได้ถือว่าอยู่ในระดับธรรมดา คือพื้นไม้ลามิเนต 8 มม., กระเบื้องแกรนิตโต้ในชั้น 1 และแกรนิตโต้ด้านกันลื่นในห้องน้ำ, บันไดไม้ยางพารา กรอบบานประตูและหน้าต่างใช้วัสดุ UPVC จาก Windsor ซึ่งแข็งแรง และสามารถกันเสียงได้ดีเนื่องจากมีตัวยางช่วยให้การเปิด – ปิดบานหน้าต่างแนบสนิทมากขึ้น ได้ฝ้าหลุมบริเวณพื้นที่รับประทานอาหารและมีซ่อนไฟในห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ให้ด้วย ในเรื่องของสุขภัณฑ์ห้องน้ำและอุปกรณ์ห้องน้ำส่วนใหญ่ใช้ยี่ห้อ Cotto มีอ่างล้างมือในชั้นน้ำชั้น 2 และ 3 ที่ใช้ยี่ห้อ Charmer

    สาธารณูปโภคที่ได้ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับราคา เนื่องจากเป็นโครงการขนาดเล็ก ซึ่งสิ่งที่ได้คือระบบ CCTV 4 ตัวบริเวณถนนหลัก, ประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ, ถนนหลักกว้าง 7.5 ม. รั้วรอบโครงการที่สูง 2.5 ม. ไม่มีส่วน Facility มาให้ แต่ก็แลกกับการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่าส่วนกลางไปได้มากค่ะ

     

    Judgement

    ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับแพคเกจ 7 – 13.5 ล้านบาท, 1 December 2015 

    • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.75/10 – อยู่ในซอย ใกล้แหล่งอาหารการกิน ทำเลเงียบสงบ ซอยสามารถทะลุไปได้หลายทาง
    • ความปลอดภัย 7.0/10 – ประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ CCTV 4 ตัวบนถนนหลัก
    • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.0/10 – ออกแบบดี มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ ฟังก์ชันหลักครบ
    • วัสดุ 7.0/10 – มาตรฐานของระดับราคานี้ 
    • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.0/10 – โครงการเล็ก วางผังได้เรียบร้อย ไม่มีพื้นที่สีเขียวร่วมกัน
    • สาธารณูปโภค 6.5/10 – ไม่มีสาธารณูปโภคที่ใช้ร่วมกันนอกจากถนนหลัก
    • 7.40 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Feel Town ลาดพร้าว 35 เหมาะกับคนที่ชอบโครงการเล็กๆ เน้นในเรื่องความเป็นส่วนตัวสูง ไม่เน้นการใช้ Facility ทำงานอยู่ในเส้นลาดพร้าว – รัชดา – เลียบด่วน เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก คาดหวังการใช้รถไฟฟ้าในอนาคต ชอบทำเลที่สงบ แต่อยู่ไม่หาจากแหล่งของกินของใช้มากนัก มีงบประมาณตั้งแต่ 7 – 13.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อน 48,000 – 94,000 บาท/เดือน

    ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )