รีวิวฉบับที่ 739 … ผม Mr.Boom วันนี้จะพาไปรีวิวโครงการ Biz Galleria จากบริษัทในเครือหมู่บ้านภัทราวิลล่าครับ โครงการนี้เป็นหมู่บ้านแนวโฮมออฟฟิศ มีทำเลอยุ่ติดถนนนวลจันทร์ ในย่านรามอินทรา-เลียบทางด่วน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีที่อยู่อาศัยแบบกึ่งบ้านกึ่งสำนักงานลักษณะนี้หลายโครงการ แต่ที่ Biz Galleria นี้เค้าจะทำเป็นรูปแบบ “บ้านแฝด” แทนที่จะเป็นโครงการ “ทาวน์เฮาส์” แบบที่หลายๆที่ในย่านนี้เค้าชอบสร้างกัน ทำให้ฟังก์ชั่นของแต่ละยูนิตสามารถจัดออกมาให้มีพื้นที่ใช้สอยได้ค่อนข้างเยอะ เพราะมีขนาดที่ดินใหญ่ รายละเอียดจะเป็นอย่างไร อ่านได้ในรีวิวเลยครับ
Fact @ 19 November 2014
- Biz Galleria (บิซ แกลเลอเรีย)
- บริษัท ภัทราซิตี้ ในเครือหมู่บ้านภัทราวิลล่า
- Segment : HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บึงกุ่ม
- เนื้อที่โครงการ 18-0-75.8 ไร่
- จำนวนยูนิต 95 ยูนิต
- บ้านแฝด 4 ชั้น
- Type A พื้นที่ใช้สอย 475 ตารางเมตร หน้ากว้าง 8 เมตร 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ ที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา
- Type B พื้นที่ใช้สอย 370 ตารางเมตร หน้ากว้าง 6 เมตร 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 5 ที่จอดรถ ที่ดินเริ่มต้น 40 ตารางวา
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะครับ
พิกัด : 13.823395, 100.642268
แผนที่จากทางโครงการครับ
ทำเลของ Biz Galleria ตั้งอยู่บน ถนนนวลจันทร์ ครับ ซึ่งเมื่อก่อนเป็น “ซอยนวลจันทร์” แต่เดี๋ยวนี้ถูกอัพเกรดให้เป็นถนนแล้ว โดยถนนเส้นนี้จะตัดจากถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา (ประดิษฐ์มนูธรรม) ไปที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) เป็นถนนที่มีทางเลี่ยงทางลัดไปออกรามอินทราได้ ไปถนนนวมินทร์ได้ จัดว่าเป็นทำเลที่สามารถใช้รถยนต์เดินทางได้ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากมีทางเข้าทางออกเชื่อมต่อกับถนนหลายสาย โดยที่ตัวโครงการ Biz Galleria นี่จะตั้งอยู่กลางๆถนนนวลจันทร์พอดี ตามที่เห็นในภาพ
การเดินทางเข้า-ออกเมือง สามารถใช้ทางด่วนเอกมัย-รามอินทราได้ โดยใช้ทางขึ้น-ลงที่ด่านรามนอินทราครับ และในระยะประมาณ 5 กิโลเมตรจะมีถนนวงแหวนกาญนาภิเษกให้ใช้ได้ด้วย ก็สามารถขับลงใต้ไปสุวรรณภูมิหรือไปบางนาได้ หรือขึ้นเหนือไปทางบางปะอินก็ได้เหมือนกัน
ความเจริญ และความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ พวกห้าง, ร้านค้า และร้านอาหารต่างๆก็มักจะกระจุกตัวกันอยู่บนเส้นเลียบทางด่วน, เกษตร-นวมินทร์ และ รามอินทรา และอยู่ในระยะที่ขับรถไปได้ไม่ไกล แต่ถ้าไม่มีรถคงจะลำบากหน่อยและคงต้องพึ่งพาแท็กซี่เป็นหลัก เนื่องจากรถประจำทางมีไม่มากเหมือนในเมือง
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- The Walk & Index เกษตร-นวมินทร์
- บุญถาวร เกษตร-นวมินทร์
- The Crystal
- Crystal Design Center (CDC)
- Tesco Lotus เลียบทางด่วน
- HomePro เลียบทางด่วน
- Fashion Island & The Promenade
- Big-C เกษตร-นวมินทร์
- Grand Sport Park
- Foodland รามอินทรา
- Big C รามอินทรา
- Chocolate Ville
ส่วนลักษณะของที่ดินของโครงการจะเป็นที่ดินยาวๆขนาดประมาณ 18 ไร่ แบบนี้ ด้านหน้าติดถนนนวลจันทร์ ส่วนด้านหลังจะติดคลองบางขวด ซึ่งเป็นคลองสาธารณะ แต่ไม่ได้ใช้สำหรับการคมนาคมนะครับ
ติดกับที่ดินของโครงการ คือ ที่ดินของหมู่บ้านจิรทิพย์ ที่อยู่ก่อนถึงโครงการ และถัดไปอีกหน่อย จะเป็นที่ดินของหมู่บ้านเอกสิน 3 ซึ่งทั้งสองแห่งนี้จะเป็นหมู่บ้านเก่าที่ปิดโครงการไปนานแล้ว
ด้านหน้าโครงการบริเวณทางเข้าครับ ซึ่งตรงนี้เค้ายังทำไม่เสร็จนะครับ ในอนาคตจะมีป้อมรปภ. และมีซุ้มทางเข้าเพิ่มมาอีก ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วน่าจะทำให้เป็นที่สังเกตง่ายขึ้น และดูดีขึ้นด้วย
ด้านหน้าที่ดิน จะมีโซนที่เป็นแนวที่ดินว่างๆอยู่ ตรงนี้ในอนาคตเค้าจะทำเป็นยูนิตอาคารพาณิชย์แบบติดถนนใหญ่ ซึ่งก็น่าจะราคาสูงกว่าพวกบ้านที่อยู่ด้านในโครงการพอสมควรเลย เหมาะแก่การทำหน้าร้านที่อยากให้คนเห็นมากๆ
สภาพถนนด้านหน้าโครงการ ตัวถนนนวลจันทร์นี้จะเป็นถนน 4 เลน ไป-กลับ ฝั่งละ 2 เลนครับ สภาพถนนดี การจราจรค่อนข้างโอเค รถไม่ค่อยติด
โครงการจะอยู่ใกล้ๆกับซอยนวลจันทร์ 26 ครับ โดยจะอยู่เลยตัวซอยมานิดนึง
บริเวณริมฟุตบาทของถนนเส้นนี้ รถจะสามารถจอดได้ 2 เวลา คือช่วงกลางวันหลัง 9 โมงเช้า ก่อน 4 โมงเย็น และช่วงกลางคืนหลัง 3 ทุ่ม ก่อนตี 5 ครับ ซึ่งก็จะทำให้ช่วงเวลาดังกล่าว ถนนเส้นนี้อาจจะเหลือเลนให้วิ่งได้ 2 เลน เป็นช่วงๆ เนื่องจากชอบมีรถมาจอดเรียงๆกันแบบนี้ และจากในรูปจะเห็นป้ายรถเมล์ซึ่งอยู่ด้านหน้าของโครงการด้วย
ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับโครงการ จะเป็นปั๊มน้ำมัน ESSO ครับ ซึ่งจะมี TESCO LOTUS Express เปิดบริการอยู่ด้วย เวลาขาดเหลืออะไรนิดๆหน่อยๆ สามารถเดินข้ามถนนไปซื้อได้เลย สะดวกดี
ตรงข้ามโครงการ เป็นพวกร้านค้า, ร้านอาหารแบบ Local ซึ่งก็เป็นอาคารชั้นเดียวธรรมดา
ข้างๆโครงการ ทางฝั่งทิศใต้ จะเป็นแนวที่ดินเปล่า ซึ่งยังไม่ได้ถูกพัฒนา แต่ดูจากลักษณะของที่ดินแล้วก็น่าจะขึ้นเป็นหมู่บ้านจัดสรรได้
ส่วนที่ดินที่ติดกับโครงการทางทิศเหนือ จะเป็นของหมู่บ้านจิรทิพย์ เป็นหมู่บ้านจัดสรรเหมือนกัน โครงการเก่าปิดโครงการไปแล้ว
เรื่องทำเลพาไปดูคร่าวๆเท่านี้นะครับ ต่อไปเดี๋ยวเราเข้าไปดูด้านในโครงการกันว่าเขาจัดออกมาแบบไหน
เริ่มจากเรามาดู Master Plan ก่อน
ด้วยความที่ที่ดินของโครงการเป็นลักษณะแคบลึก ทางโครงการก็จัดผังง่ายๆโดยให้มีถนนเส้นหลักกว้าง 12 เมตร อยู่ตรงกลางหมู่บ้าน และวางแปลงบ้านเอาไว้สองฝั่งตลอดแนวที่ดิน ไม่มีซอยย่อยแต่อย่างใด ซึ่งก็ทำให้เข้าใจง่ายดี ขับรถเข้าไปตรงๆอย่างเดียวก็เจอบ้านทุกหลังแล้ว ตรงกลางของแปลงที่ดินจะพิเศษหน่อยตรงที่จะมีสวนสาธารณะของโครงการอยู่ด้วย และจะมียูนิตที่เป็นทาว์เฮาส์แบบกึ่ง Shop อยู่ตรงกลาง และที่ด้านหน้าสุดติดกับทางเข้าโครงการจะมียูนิตอาคารพาณิชย์อยู่ด้วย ตามที่บอกไปตอนแรก
จากด้านหน้าถึงด้านหลังโครงการ มีความลึกราวๆ 500-600 เมตร แปลว่าทุกคนสามารถเดินมาใช้สวนสาธารณะตรงกลางได้ ในระยะเดินไม่เกิน 250-300 เมตร ซึ่งถือว่าโอเค แต่ถ้าใครอยู่ยูนิตท้ายๆ แล้วต้องเดินออกมาเรียกรถที่หน้าโครงการก็อาจจะเหนื่อยหน่อย ต่อไปในอนาคต ทางโครงการอาจจะต้องจัดให้มีบริการ รปภ.ช่วยเรียกแท็กซี่ ลูกบ้านที่อยู่ไกลๆจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก ส่วนพวกที่อยู่ใกล้ๆทางเข้าโครงการเค้าเดินออกมาได้เองอยู่แล้ว หรือถ้าจะออกไปไหนในระยะใกล้ๆ ถ้าใช้พวกจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ก็น่าจะสะดวกเช่นกัน
ด้านหน้าโครงการเป็นแบบนี้ ยูนิตส่วนใหญ่ด้านหน้าจะเป็นบ้าน Type A ที่มีหน้ากว้าง 8 เมตร ข้อดีอย่างหนึ่งของโครงการคือการที่ไม่มีซอยย่อย ทำให้บ้านทุกหลังอยู่ติดถนนหลักทั้งหมด
และนี่คือผังบริเวณตรงกลางที่ดินที่เป็นโซนสวนสาธารณะ ตรงข้ามกับสวนจะเป็นยูนิต Shophouse คือเป็นทาวน์เฮาส์กึ่งร้านค้า หันหน้าเข้าหากัน, โซนตรงนี้จะมีที่จอดรถเยอะหน่อย สำหรับให้ Visitor มาใช้จอดรถได้
ส่วนผังโซนด้านหลังของโครงการก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก เป็นแปลงบ้านหมดเลยทั้งสองฝั่ง โดยจะเป็น Type A ทั้งหมดครับ
เมื่อเดินพ้นทางเข้าโครงการมา แปลงด้านหน้าสุดตอนนี้เค้าทำเป็นสำนักงานขายชั่วคราวของโครงการอยู่ครับ ในอนาคตก็จะรื้อออกแล้วทำเป็นบ้านขายแทน
ลักษณะของตัวบ้านก็จะหน้าตาแบบนี้ครับ เป็นบ้านแฝด วางเรียงกันเป็นคู่ๆ สองฝั่ง ยาวเข้าไปถึงด้านในสุดเลย ปัจจุบันเริ่มมีคนเข้ามาอยู่อาศัย และทำงานให้เห็นบ้างแล้ว เราจึงจะเห็นรถที่จอดอยู่ริมสองฝั่งหน้าบ้านแต่ละหลัง อย่าลืมว่าบ้านส่วนใหญ่ที่นี่จะทำเป็นโฮมออฟฟิศนะครับ ดังนั้นแต่ละหลังย่อมจะมีคนเข้ามาใช้งานเยอะพอสมควร จำนวนรถที่เข้ามาจอดก็จะเยอะตามไปด้วย การที่มีรถจอดหน้าบ้าน (ทั้งบ้านตัวเองและบ้านคนอื่น) จึงเป็นเรื่องที่น่าจะคาดเดาได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ได้ถนนหลักกว้าง 12 เมตร ก็ยังเพียงพอที่จะให้รถจอดริมสองฝั่ง และยังมีที่ว่างตรงกลางเหลือพอให้รถวิ่งสวนกันได้ หลบกันได้ไม่ยากนัก อย่างในภาพนี้ มีรถจอดสองด้าน รถตรงกลางก็ยังผ่านได้สบาย
ข้อสังเกตอีกอย่างคือ เสาไฟฟ้าภายในโครงการ วางไว้แค่ฝั่งเดียวของถนนนะครับ ซึ่งจะเป็นฝั่งขวา บ้านที่อยู่ฝั่งขวาก็จะมีเสาไฟฟ้าวางอยู่หน้าบ้านแบบนี้
ส่วนบ้านที่อยู่ฝั่งซ้ายส่วนใหญ่ จะไม่มีเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน จะมีเฉพาะบางหลังเท่านั้น ทำให้เวลามองดูแล้วจะสะอาดตามากกว่า แบบนี้ครับ
ตามเสาไฟ จะมีไฟส่องถนนติดตั้งไว้ด้วยเป็นระยะ เพื่อส่องสว่างในเวลากลางคืน
บ้านที่เห็นในภาพ จะเป็นบ้าน Type A ที่มีหน้ากว้าง 8 เมตร เป็น Type เดียวกันกับบ้านตัวอย่าง
ส่วนหลังนี้เป็นบ้าน Type B ครับ ซึ่งจะเป็นขนาดเล็กกว่า มีหน้ากว้าง 6 เมตร จอดรถ 5 คัน บ้าน Type นี้จะมีไม่กี่หลังครับ
ปัจจุบันตอนที่เข้าไปรีวิว เริ่มมีคนเข้ามาอาศัยอยู่แล้ว อย่างหลังนี้เปิดเป็นสำนักงานตัวแทนของ Ayudhya Alliance
อย่างอันนี้เป็นของ KUDO เค้าซื้อสองหลังแล้วทุบรวมกัน ได้เป็นบ้านแฝดสองยูนิต จอดรถได้ 10 คัน สบายเลย สังเกตว่าตำแหน่งติดตั้งป้ายจะวางไว้อยู่เหนือกันสาดอีกที
ธุรกิจที่มาเปิดในนี้ก็มีหลากหลาย อย่างคลินิคเวชกรรมแบบนี้ก็มี
พวกป้ายต่างๆ สามารถติดไว้บนอาคารแบบนี้ได้ เพื่อให้คนที่มาติดต่อสามารถสังเกตได้ง่าย เพราะบ้านแต่ละหลังหน้าตาเหมือนกันหมดเลย
ปัจจุบันโครงการยังสร้างไม่เสร็จนะครับ ก็จะมีรูปให้ดูเท่านี้ก่อน ส่วนที่เป็นสวนสาธารณะ, ยูนิตทาวน์เฮาส์, ยูนิตอาคารพาณิชย์ และทางเข้ายังไม่ได้สร้าง เพราะเค้ามีแผนที่จะสร้างทีหลังสุด หลังจากสร้างตัวบ้านเสร็จทั้งหมดก่อน แต่ถ้าเข้าไปดูที่โครงการด้วยตัวเองก็จะเห็นว่ามีการวางรากฐานไว้แล้วส่วนหนึ่งครับ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนสาธารณะบริเวณกลางโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 2-3 เมตร แล้วแต่บริเวณ
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- กล้องวงจรปิด CCTV รอบโครงการ
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
- ถนนหลักกว้าง 12 เมตร
บ้านตัวอย่างที่จะพาไปดูกัน เป็นบ้าน Type A ครับ เป็นบ้านแฝด 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 475 ตารางเมตร บนที่ดินขนาดประมาณ 50 ตารางวา 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ ตัวบ้านจะแบ่งเป็นโซนสำนักงานที่ชั้น 1-3 โดยจะทำเป็นพื้นที่โล่งๆ ไม่ได้กั้นผนัง และจะมีห้องนอนอยู่แค่ที่ชั้น 4 เท่านั้น
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ ยูนิตแต่ละแปลงของที่นี่มีขนาดที่ดินร่วม 50 ตารางวา คือเกือบจะเป็นบ้านเดี่ยวได้แล้ว แต่เค้าเลือกที่จะสร้างเป็นบ้านแฝด เพื่อให้ได้พื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้นแทน ซึ่งนับว่าน่าสนใจ เพราะบ้าน 50 ตารางวา ได้พื้นที่ระดับ 400 เกือบๆ 500 ตารางเมตร นี่ถือว่าพื้นที่ใช้สอยเยอะมาก
ชั้น 1 จะทำเป็นส่วนจอดรถรอบตัวบ้าน สามารถจอดได้สูงสุด 6 คัน โดยจอดด้านหน้า 4 คัน และจอดซ้อนด้านในอีก 2 คัน, หลังบ้านมีส่วนที่ปูหญ้ามาให้ จนถึงด้านข้างบ้านอีกครึ่งหนึ่ง (สีเขียวๆในภาพ) และจะเทพื้นปูนสำหรับลานซักล้างมาให้หลังบ้านด้วย, ส่วนภายในบ้านจะไม่ได้กั้นผนังใดๆ เป็นพื้นที่โล่งๆเพื่อให้ลูกค้าไปกั้นห้องเอง จะมีห้องน้ำที่ทำไว้ให้แล้วเท่านั้น
ส่วนชั้น 2 ก็จะเป็นพื้นที่โล่งๆที่ไม่ได้กั้นผนังเช่นเดียวก้ัน มีแต่ห้องน้ำ โดยที่ห้องน้ำของชั้น 1 และ ชั้น 2 จะไม่มีฟังก์ชั่นสำหรับอาบน้ำ แต่จะเพิ่มโถปัสสาวะชายมาให้ สำหรับการใช้งานแบบออฟฟิศ
ขึ้นมาที่ชั้น 3 ก็จะเป็นลักษณะเดียวกันกับชั้น 2 เพียงแต่ห้องน้ำที่ชั้น 3 จะต่างจากชั้น 2 ตรงที่ จะมีฟังก์ชั่นอาบน้ำมาให้และไม่มีโถปัสสาวะ เผื่อว่าเจ้าของบ้านจะใช้ชั้น 3 นี้เป็นชั้นสำหรับพักอาศัยด้วย
ส่วนชั้น 4 จะเป็นชั้นที่ทำเป็นฟังก์ชั่นสำหรับอยู่อาศัยเพียวๆเลย คือจะมีการกั้นห้องเป็นห้องนอนให้ 2 ห้อง ซึ่งมีห้องน้ำในตัวทั้งสองห้อง ใช้อาบน้ำได้หมด และมีห้องนั่งเล่น, เคาน์เตอร์ครัว และ ส่วนรับประทานอาหารอยู่ด้านนอก เป็น Common Area สำหรับชั้นบนสุด
หน้าตาภายนอกของบ้าน ชัดๆอีกรูป ออกแบบมาแนวโมเดิร์น ด้วยความที่แต่ละคู่เป็นบ้านแฝด ก็จะทำให้ดูสมมาตร เหมือนสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบนี้
หน้ากากของบ้านใช้วัสดุเป็นกระจกเป็นหลัก โทนสีเน้นขาวและเทาเป็นหลัก โดยบริเวณชั้น 2 และ ชั้น 3 จะเป็นผนังกระจกตลอดแนว เราสามารถใช้ตรงนี้เป็น Window Display ให้กับหน้าร้านได้ด้วย
ระเบียงมีอยู่ด้านหน้าบ้าน บนชั้น 4 ของตัวบ้าน มองจากภายนอกก็จะเป็นแบบนี้
เราจะมาเริ่มดูกันตั้งแต่แต่ทางเข้าบ้านเลยนะครับ ประตูรั้วหน้าบ้าน จะเป็นแบบประตูบานพับ 8 บาน วัสดุเป็นเหล็กพ่นสีดำแบบนี้
สาเหตุที่เขาใช้ประตูเป็นประตูบานพับ และไม่ใช่ประตูบานเลื่อน เพื่อให้สามารถเปิดออกได้กว้างที่สุด สามารถนำรถเข้าจอด หรือออกจากบ้านได้ง่าย และพร้อมกันหลายๆคัน ด้วยลักษณะที่เป็นบ้านแบบกึ่งสำนักงาน อาจจะจำเป็นที่จะต้องเปิดประตูรั้วหน้าบ้านตลอดเวลาอยู่แล้ว เพื่อต้อนรับลูกค้า ถ้าใช้เป็นพวกประตูบานเลื่อนอาจจะเปิดได้ไม่สุด เนื่องจากจะต้องมีระยะการเปิดที่มากขึ้นด้วย แต่ประตูบานพับแบบนี้ก็จะมีข้อเสียเหมือนกัน คือ เวลาเราเข้าบ้าน เราต้องลงจากรถมาเปิดประตูเอง ไม่ได้เป็นประตูเลื่อนไฟฟ้า เวลาฝนตก แดดออก ก็อาจจะไม่สะดวกได้
เมื่อพับประตูเปิดจนสุด จะสามารถจอดรถได้ 3 คัน แบบนี้พอดี แต่ถ้าเป็นรถที่คันใหญ่ๆ อาจจะเปิดประตูลำบากหน่อยนะครับ
ความยาวของตัวรถสำหรับ Toyota Altis คันนี้สามารถจอดได้สบาย แต่ถ้าเป็นรถที่ยาวมากๆ แบบรถกระบะ หรือพวกรถยุโรป อาจจะต้องจอดให้ชิดประตูเข้าบ้านเลย จึงจะปิดประตูได้
อีกด้านหนึ่งของประตูหลัก จะมีประตูรองอยู่ด้วย ซึ่งจะแยกส่วนกัน เพื่อให้การเปิดประตูหลักไม่เหนื่อยเกินไป ไม่งั้น ประตูหลักจะบานใหญ่มาก
เมื่อเปิดประตูรั้วรองออกแล้ว ก็จะเป็นพื้นที่ว่างด้านข้างบ้าน เป็นแนวลึกเข้าไปแบบนี้ ที่ดินตรงนี้มีความยาว เพียงพอที่จะจอดรถได้ 3 คัน แต่อาจจะต้องไม่ใช่รถที่ยาวเกินไปนะครับ ถ้าเอารถ Benz S Class มาจอดซ้อนกับรถกระบะอีกคัน รถคันสุดท้ายอาจจะต้องเป็น Mini ถึงจะปิดประตูได้ แต่ถ้าเป็นพวกรถเก๋งทั่วๆไป ก็น่าจะจอดได้ถึง 3 คันครับ
ส่วนในทางปฏิบัติ รถที่จอดด้านในสุดก็จะออกยากหน่อย คงจะกลายเป็นที่จอดรถของเจ้าของบ้านนั่นแหละ เวลาออกก็ออกทีหลังสุด ส่วนพวกที่มาจอดชั่วคราวก็จอดซ้อนด้านหน้าไปตามระเบียบ
ทางหน้าบ้านจะมีกำแพงเล็กๆ เป็นตำแหน่งวางถังขยะ, ติดมิเตอร์น้ำ และ เลขที่บ้าน แบบนี้ครับ
ถังขยะทุกหลังก็จะเป็นแบบที่เชื่อมกับด้านในตัวบ้าน มีประตูปิดมิดชิด กันหนู แมลงสาบ หรือ หมาแมวที่จะมาคุ้ยขยะหน้าบ้านได้
ฝั่งที่อยู่ภายในบ้าน ก็จะเป็นถังขยะแบบนี้ มีฝาปิด เวลาทิ้งขยะก็จะได้ไม่ต้องเปิดประตูรั้วออกไปทิ้งหน้าบ้าน และคนที่มาเก็บขยะก็สามารถเปิดประตูถังขยะหน้าบ้านได้เลย
พื้นหน้าบ้านจะมีการเท Slope เอาไว้นิดนึงด้วย เพื่อไม่ให้น้ำขังภายในลานจอดรถ และให้รถสามารถถอยเข้า-ออกได้ง่าย
ตัวลานจอดรถด้านหน้านี้ เราอาจจะเอาไว้ให้สำหรับรถของลูกค้าผู้มาติดต่อก็ได้ แล้วรถของเจ้าของบ้านก็จอดเอาไว้ด้านข้างบ้านแทน
ด้านหน้าบ้านจะติดกันสาดเอาไว้ให้ทุกหลังเพื่อบังแดด และกันฝน หน้าตาเหมือนกันหมด ดูเป็นระเบียบดี
แต่จะมีจุดสังเกตอย่างหนึ่งคือ ตัวโครงสร้างของที่จอดรถสำหรับบ้านเฟสแรกนั้น ไม่ได้ลงเข็มเอาไว้ ทำให้พื้นลานจอดรถกับพื้นของบ้านเกิดการทรุดตัวไม่เท่ากัน แล้วอาจจะทำให้บริเวณรั้วบ้านส่วนของลานจอดรถเกิดรอยแตกแบบนี้ได้ ทางโครงการจึงแก้ปัญหาสำหรับบ้านเฟสที่สอง โดยการลงเข็มส่วนของที่จอดรถเพิ่มให้ 5 เมตร
พื้นที่ด้านข้างบ้านของบ้านตัวอย่างเค้าไม่ได้มีรถมาจอด ทางโครงการเลยจัดเป็นสวนไว้ให้ดู เผื่อว่าจะมีใครอยากทำตาม เพิ่มความร่มรื่น เขียวๆ ให้กับตัวบ้านได้ระดับหนึ่ง แต่คงลงต้นไม้ใหญ่ไม่ได้นะครับ
พื้นด้านข้างตรงนี้เค้าจะเทปูนไว้แค่ 2 ใน 3 ของพื้นที่ครับ ส่วนด้านหลังจะปูหญ้าแทน สำหรับทำเป็นพื้นที่สวน
หลังบ้านเป็นส่วนลานซักล้าง ของจริงเค้าจะเทพื้นปูนธรรมดา ไม่ได้ปูกระเบื้องแบบนี้นะครับ แต่จะมีการยกพื้นไว้ให้ตามปกติ
มีการเดินท่อน้ำเอาไว้ให้ สำหรับติดตั้ง Sink หรือพวกเครื่องซักผ้า
พื้นที่ตรงมุมตรงนี้เป็นพื้นที่สำหรับวางปั๊มน้ำและถังน้ำ ซึ่งก็จะติดมาให้อยู่แล้วเป็นมาตรฐานของทุกหลัง
รั้วบ้านมีตั้งแต่ 2 เมตร ถึง 3 เมตรนะครับ (วัดจากถนน) แต่หลังตัวอย่างนี้จะเป็น 2 เมตร เพราะเป็นส่วนที่อยู่ติดกับบ้านของหมู่บ้านข้างๆ
กลับมาที่ส่วนหน้าบ้านอีกครั้ง ผนังของฝั่งหน้าบ้านจะใส่เป็นผนังกระจกเกือบทั้งหมด เพื่อให้เกิดความโปร่งโล่ง และดึงแสงสว่างภายนอกเข้ามาภายในบ้านได้มากๆ ตัวกระจกเป็นกระจกสีเขียวตัดแสง ด้วยความที่เป็นบ้านแบบกึ่งสำนักงาน อาจจะต้องทำชั้นหนึ่งเป็นส่วนต้อนรับผู้มาติดต่อ หรือทำเป็นหน้าร้าน จึงไม่ใช้ผนังทึบในส่วนของหน้าบ้าน แต่ก็อาจจะต้องทนร้อนหน่อยนะครับ ทางที่ดีหาม่าน, มูลี่ หรือ ฟิล์มลดความร้อนมาติดเพิ่มจะดีที่สุด
ส่วนในแง่ของความปลอดภัย การใส่ผนังกระจกย่อมไม่แน่นหนาเท่ากับการใช้ผนังทึบ ดังนั้นก็อาจจะต้องหาพวกสัญญาณกันขโมย, กล้องวงจรปิด หรืออุปกรณ์รักษาความปลอดภัยต่างๆมาติดเพิ่มด้วยนะครับ
ประตูทางเข้าเป็นแบบประตูกระจก บานคู่ ลักษณะเป็นแบบนี้
พื้นหน้าบ้าน มีการยก Step ขึ้นมาเป็นเฉลียงหน้าบ้าน สำหรับถอดรองเท้า ใส่รองเท้าได้ และเป็นการป้องกันไม่ให้รถยนต์ที่จะถอยเข้ามาชนตัวบ้านด้วย
ประตูบ้านจะยก Step ขึ้นมาจากเฉลียงอีกขั้นหนึ่ง เพื่อเป็นการป้องกันน้ำ หรือ ฝุ่นละอองจากรองเท้า ไม่ให้เข้าบ้านอีกทีหนึ่ง
เข้ามาในตัวบ้านชั้นหนึ่งแล้วนะครับ บอกกันอีกทีว่าชั้น 1, 2 และ 3 ของบ้านนี้เค้าให้มาเป็นบ้านโล่งๆเลยนะครับ ไม่ได้มีการกั้นผนัง แบ่งสัดส่วนแต่อย่างใด เพื่อความยืดหยุ่นของพื้นที่ ให้แต่ละคนไปออกแบบ ไปวางแผนกันเอง ว่าจะจัดฟังก์ชั่นออกมาเป็นแบบไหน เนื่องจากกิจการของลูกค้าแต่ละรายมีความต้องการฟังก์ชั่นที่แตกต่างกัน สิ่งที่เค้าจัดไว้ให้ดูในบ้านก็จะเป็นการทำให้ดูเป็นไอเดียเฉยๆนะครับ
อย่างชั้น 1 ที่เราเข้ามา เราจะเจอกับส่วนรับแขก เป็นที่นั่งรอสำหรับผู้มาติดต่อ มีชุดโซฟาวางไว้ให้ดู
ติดกับส่วนที่เป็นประตูทางเข้า จะเป็น Reception Counter สำหรับแผนกต้อนรับ ใครได้นั่งตรงนี้ก็ร้อนนิดนึงนะครับ ฮ่าๆๆ
ถัดเข้ามาจากโต๊ะ Reception จะมีพื้นที่เหลืออีกนิดหน่อย ก่อนที่จะเป็นโถงบันได พื้นที่ตรงนี้สามารถกั้นเพื่อทำเป็นห้องประชุมเล็กๆ หรือเป็นมุมสำหรับนั่งคุยกับลูกค้าได้ ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เทียบกับตรงโซฟาด้านหน้า
ด้วยความที่เป็นบ้านแฝด ทุกหลังก็จะเป็นแปลงมุมทั้งหมด ทำให้ได้ผนังเปิดโล่งทั้งด้านหน้า และด้านข้าง พื้นที่ด้านในก็จะได้แสงสว่างเยอะหน่อย
พื้นบ้านชั้นล่างสุด จะเป็นกระเบื้องแกรนิโต้ ขนาด 60×60 ซม.
ถัดเข้ามาด้านในตรงกลางบ้าน ตรงนี้จะเริ่มเข้าสู่โหมดพนักงานออฟฟิศแล้ว แต่ยังอยู่ที่ชั้นล่างอยู่ อาจจะไม่ได้ใช้เป็นโต๊ะทำงานที่จริงจังมาก อันนี้เค้าก็จัดไว้ให้ดูเฉยๆ เราอาจจะใช้พื้นที่ชั้นหนึ่งเป็นหน้าร้านสำหรับต้อนรับลูกค้าทั้งชั้นเลยก็ได้ หรือจะกั้นห้องตรงนี้ให้ได้ฟังก์ชั่นมากขึ้นก็ได้เหมือนกัน
ระยะพื้นถึงฝ้าของชั้นหนึ่ง สูง 2.95 เมตร หลอดไฟในบ้าน จะมีดาวน์ไลท์ ผสมกับ หลอด Fluorescent รางคู่แบบที่มักจะพบเห็นในสำนักงานทั่วไปนะครับ แต่อันนี้เค้าตกแต่งไว้เป็นดาวน์ไลท์ล้วนๆ ของจริงไม่ใช่แบบนี้นะ
ถัดมาเป็นโซนหลังบ้าน ตรงนี้เค้าใส่เป็น Pantry แบบโต๊ะ Island เอาไว้ เป็นมุมรับประทานอาหารสำหรับคนในออฟฟิศ มีประตูกระจกบานเลื่อนเชื่อมต่อไปยังลานซักล้างหลังบ้าน
แพนทรี่ตรงนี้ถ้าวางพวกโต๊ะรับประทานอาหารก็จะได้ขนาดใหญ่เลย จะใส่เป็นโต๊ะกลมก็ได้ เพื่อให้รองรับจำนวนคนที่มากขึ้น
ที่มุมห้องอาจจะใส่เป็นเคาน์เตอร์ล้างจานเล็กๆแบบนี้ ข้างๆเป็นที่วางตู้เย็นก็ได้ พวกเตาไมโครเวฟ ก็เอามาวางตรงนี้
ติดกับประตูทางออกหลังบ้าน เป็นทางเข้าห้องน้ำ ที่อยู่ชั้นหนึ่ง
ห้องน้ำด้านล่าง พื้นที่ใหญ่เลย ความจริงอาจจะไม่ต้องใหญ่เท่านี้ก็ได้ เพราะไม่ได้ใช้อาบน้ำ ใส่มาเป็น 3 ฟังก์ชั่น โดยมีอ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์ และโถปัสสาวะชายติดมาให้ด้วย โดยใช้เป็นยี่ห้อ American Standard ทั้งหมด พื้นเป็นกระเบื้องกันลื่นขนาด 30×30 ซม. และผนังเป็นกระเบื้องสีขาวขนาด 30×60 ซม.
พื้นห้องน้ำจะลด Step ลงไป ไม่มีธรณีก่อนะครับ
ในห้องน้ำความจริงพื้นที่เยอะ แต่ตำแหน่งวางโถสุขภัณฑ์ดันมาเบียดอยู่ข้างๆอ่างล้างหน้าแบบนี้ คนตัวใหญ่ๆอาจจะนั่งแล้วอึดอัดได้ ความจริงน่าจะวางขนานไปกับ โถปัสสาวะชายมากกว่า
ตัวอ่างล้างหน้า เป็นเคาน์เตอร์ก่อปูนแบบนี้ มีพื้นที่วางของด้านข้างอ่างพอประมาณ ติดกระจก และกระเบื้องลายโมเสกมาให้แล้วเรียบร้อย ลวดลายหรือสีของกระเบื้องโมเสกอาจจะเปลี่ยนแปลงได้นะครับ ต้องเช็กกับทางหน้างานอีกที
หน้าตาของหัวก็อก กับลายกระเบื้องเป็นแบบนี้
ในห้องน้ำจะมีช่องหน้าต่างบานกระทุ้งเล็กๆ สำหรับระบายอากาศ และกลิ่นอับภายในห้องน้ำด้วย ซึ่งเป็นเรื่องดีนะครับ หลายๆที่ห้องน้ำไม่อยู่ติดกับผนังภายนอกบ้าน ก็ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ แต่นี่คือมีให้ครบทั้ง 5 ห้องน้ำเลย
โถงบันไดขึ้นชั้นสอง บริเวณใต้บันใดจะมีห้องเก็บของด้วย เป็นประตูสีขาวๆตามที่เห็นในภาพ
ในบ้านตัวอย่างเค้าติด Wallpaper มาให้ แต่ของจริงจะเป็นผนังทาสีธรรมดานะครับ
พื้นบันไดเป็นพื้นไม้ปาร์เก้ไม้แดง เหมือนที่เห็นในบ้านตัวอย่าง
ที่ชานพักบันไดชั้น 1 จะแขวนตู้ Breaker ไว้ตรงนี้ด้วย
ราวบันไดเป็นเหล็กพ่นสีขาว หน้าตาแบบนี้ ที่ชานพักบันไดจะมีหน้าต่างบานกระทุ้งหนึ่งบานเพื่อส่องสว่างให้โถงบันได จะได้ไม่ต้องเปิดไฟเยอะแยะในเวลากลางวัน
ชานพักบันไดเป็นแบบสี่เหลี่ยม มีขนาดเหมาะสม ไม่มีขั้นบันไดสามเหลี่ยม
บริเวณชานพักติดโคมไฟดาวน์ไลท์เอาไว้ให้ด้วย สำหรับเพิ่มแสงสว่างที่บันไดตอนกลางคืน
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับชานพักบันไดที่ใหญ่มากกกก ตรงนี้ ซึ่งเราสามารถติดตู้โชว์ หรือวาง Sideboard ที่ผนังตรงนี้ได้เลย
ทางเข้าสู่พื้นที่ชั้นสองจะเป็นผนังโล่งๆ ไม่ได้กั้นประตูแบบนี้ เพราะออกแบบมาแนวสำนักงาน ถ้าใครอยากจะใส่ผนัง หรือกั้นประตูตรงนี้ก็ทำได้ พื้นถึงฝ้าของชั้น 2 และชั้น 3 นี้จะมีความสูง 2.65 เมตรครับ
พื้นที่ของชั้น 2 เค้าจัดมาให้ดูทำเป็นห้องทำงานแบบโล่งๆ ที่ไม่ได้ก้ัน Partition โดยจะเป็นเหมือนห้องทำงานรวม ที่ทุกคนอยู่ในห้องเดียวกัน มีโต๊ะกระจุกตัวรวมอยู่ตรงกลาง แล้วให้มีพื้นที่รอบๆโต๊ะ ส่วนบ้านของจริงเราสามารถกั้นพื้นที่ได้ตามใจชอบอยู่แล้ว อันนี้ก็ให้ดูเป็นไอเดียเฉยๆคัรบ
พื้นที่ด้านข้าง มีเหลือพอที่จะใส่ตู้เก็บของด้านหลังโต๊ะแต่ละตัวได้ และยังมีพื้นที่เหลือสำหรับเดิน หรือ ถอยเก้าอี้ได้สบายๆ หรือถ้าใครไม่ชอบการจัดโต๊ะให้เป็น Island ตรงกลางแบบนี้ ก็สามารถแยกเป็น 2 แถวได้เหมือนกัน
โต๊ะทำงานชุดนี้ จะวางอยู่ในแนวที่ใกล้กับหน้าต่าง เพื่อให้ตำแหน่งที่นั่งทำงานได้รับแสงสว่างที่เพียงพอจาก 2 ด้าน แต่อาจจะต้องติดฟิล์มลดความร้อนเพิ่มด้วยนะครับ เดี๋ยวนี้ฟิล์มใสๆ ที่ลดอุณหภูมิได้มีเยอะแยะ
อีกมุมหนึ่งของห้อง เป็นพื้นที่ส่วนที่เว้าเข้าไป เราสามารถกั้นผนังส่วนนี้ เพื่อกั้นเป็นห้องได้ ซึ่งในที่นี้เค้าก็ทำเป็นห้องสำหรับผู้บริหารเอาไว้ให้ดู และถ้าสังเกตดูจะเห็นว่าตรงกลางห้องยังมีพื้นที่ว่างๆเหลืออยู่อีกพอสมควร ยังยืดหยุ่นได้อีก
ความกว้างของผนังส่วนนี้ก็เพียงพอสำหรับการใส่ตู้เก็บของยาวเต็มผนังได้ วางชุดโต๊ะเก้าอี้ทำงาน ไซส์ผู้บริหารได้สบายๆ
ความยาวของตัวห้องผู้บริหาร สามารถจัดให้มีโซฟาชิดหน้าต่างได้ วางโต๊ะกลางได้อีกตัว แล้วก็ยังมีพื้นที่เหลือสำหรับเดินผ่านตรงกลาง
ส่วนอีกฟากหนึ่งของชั้น 2 ฝั่งหลังบ้าน จะเป็นห้องน้ำ ซึ่งด้านหน้าห้องน้ำก็จะมีพื้นที่ สำหรับกั้นห้องเพิ่มได้ มีพื้นที่พอให้ใส่เฟอร์นิเจอร์ได้หลากหลายรูปแบบ
ทางเข้าห้องน้ำอยู่ติดหน้าต่างหลังบ้าน วางตู้เก็บของเตี้ยๆไว้ให้ดูหนึ่งบาน
ฟังก์ชั่นของห้องน้ำชั้น 2 ก็จะเหมือนกับห้องน้ำชั้น 1 เลย
ถัดไปเราขึ้นบันไดไปดูชั้น 3 กันต่อ
พื้นที่ชั้น 3 กับชั้น 2 นี่เรียกว่าเหมือนกันเลยก็ว่าได้ครับ ทั้งความกว้าง ความยาว และความสูง ในบ้านตัวอย่างนี้เค้าใส่โต๊ะทำงานชุดเดียวกันเอาไว้ให้ดู
พื้นที่ที่เคยเป็นห้องผู้บริหาร เค้าลองใส่ชั้นวางหนังสือไว้ให้ดูคร่าวๆ เพื่อบอกว่าบริเวณนี้อาจจะใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นแนว Common Area หรือ Library ให้กับออฟฟิศได้ ให้เป็นโซนที่ Relax ขึ้นมาหน่อย เพราะตรงนี้มีหน้าต่างด้วย
ฝ้าเพดานของจริงจะเป็นฝ้าเรียบไม่มีการดรอปนะครับ ในบ้านตัวอย่างเค้าทำให้ดูเป็นไอเดียเฉยๆ
มองย้อนกลับไปทางทางที่เราเดินขึ้นมา
ระบบแอร์ภายในบ้าน เค้าจะแถมแอร์ 4 ทิศทางมาให้ 3 เครื่อง และแบบ Wall Type มาให้อีก 3 เครื่อง โดยเราสามารถเลือกติดตั้งได้ตามความต้องการของเรา แล้วแต่ว่าหลังจากกั้นห้องไปแล้ว จะวางแอร์ไว้ตรงไหน
พื้นที่โซนหลังบ้านเหมือนกันเด๊ะ มีห้องน้ำหนึ่งห้อง
ห้องน้ำชั้น 3 จะมีฟังก์ชั่นสำหรับอาบน้ำด้วย โดยจะใส่มาให้เป็นมาตรฐาน เผื่อว่าใครจะใช้ชั้น 3 ทำเป็นโซนพักอาศัย
ชุดฝักบัวอาบน้ำที่แถมมาให้หน้าตาแบบนี้ ของ American Standard
หัวฝักบัว Hand Shower
หัวก็อกปรับน้ำเย็นน้ำร้อนโดยใช้เครื่องทำน้ำอุ่น แต่ไม่ได้แถมเครื่องทำน้ำอุ่นให้นะครับ เราไปซื้อมาติดเอง เลือกรุ่นที่ชอบได้เลย
ฝั่งนี้เป็นอ่างล้างหน้า และกระจกเงาที่ติดมาให้ตามปกติ
สุดท้ายจะเป็นส่วนพักอาศัยที่อยู่ที่ชั้น 4 ครับ เราเดินขึ้นบันไดมาชั้นบนสุด
ฝ้าเพดานของชั้น 4 ที่เราเห็นในรูปของจริงก็จะเป็นฝ้าเรียบปกติเช่นเดียวกับชั้นอื่นๆนะครับ ถ้าอยากจะดรอปฝ้า ซ่อนไฟหลืบ ต้องไปทำเอง
โถงบันไดที่ชั้น 4 จะมีช่องแสงขนาดใหญ่ที่ส่องเข้ามา ทำให้โถงบันไดสว่างกว่าชั้นอื่นๆด้วย ซึ่งตรงนี้เป็นข้อดี เราจะได้ไม่ต้องเปิดไฟตลอดเวลาในช่วงกลางวันนะครับ แล้วนี่ก็อยู่สูงถึงชั้น 4 แล้ว ไม่น่าจะห่วงว่าจะมีใครมองเข้ามา เพราะบ้านที่อยู่ด้านหลังสูงแค่ 2 ชั้นเอง แถมมองเข้ามาก็ไม่เจออะไรนอกจากตัวโถงบันได แปลว่าเราก็ไม่ต้องติดม่านตรงนี้ก็ได้ถ้าไม่ซีเรียส
พอเดินขึ้นชั้น 4 มาปุ๊บเราจะเจอกับส่วนที่เป็น Living Area ก่อน ซึ่งต้องบอกว่าลักษณะพื้นที่ของชั้น 4 นี้จะคล้ายๆคอนโดห้องใหญ่ๆ ที่มีทุกอย่างอยู่รวมกันในชั้นเดียว อย่างในห้อง Living นี้ก็จะประกอบด้วยโซฟาดูทีวี, โต๊ะรับประทานอาหาร และครัว อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
*หมายเหตุ* บอกก่อนนะครับว่า Floor Plan ของชั้น 4 ที่เราเห็นนี้จะเป็นแบบสำหรับบ้านเฟส 1 เท่านั้น ซึ่งเป็นแบบเดียวกับบ้านตัวอย่าง ส่วนบ้านในเฟส 2 เค้าจะมีการปรับเปลี่ยนแปลนชั้นนี้ไปแล้ว โดยจะสลับตำแหน่งห้องนอนใหญ่ กับห้อง Living Area
หลังจากที่เราขึ้นมาที่ชั้น 4 เราจะเจอกับห้องนั่งเล่นเลย โดยที่ไม่มีผนังกั้นส่วนห้องนั่งเล่น กับส่วนโถงบันไดหน้าห้อง ทีนี้มันอาจจะเปลืองแอร์ได้นะครับถ้าเราปล่อยพื้นที่ตรงนี้ให้มันโล่งๆเอาไว้ ภายในบ้านตัวอย่างเค้าจะออกแบบโดยใส่ผนังกระจกที่เลื่อนปิดได้มาให้ดูเป็นไอเดีย เพื่อเป็นการเลื่อนปิดพื้นที่ตรงนี้ เวลาเราเปิดแอร์แอร์จะได้ไม่ทำงานหนัก และห้องจะได้เย็นเร็วด้วย
เราค่อยๆดูฟังก์ชั่นของชั้นนี้ไปทีละส่วน เริ่มจากโต๊ะรับประทานอาหารที่สามารถใส่เป็นแบบ 4 ที่นั่งแบบนี้ได้ มีระยะถอยเก้าอี้เหลือเฟือ ถ้าอยากจะเพิ่มขนาดให้ใหญ่กว่านี้อีกนิด เพื่อให้นั่งได้ 6 คน ก็ยังพอทำได้ แต่อาจจะต้องไปเบียดพื้นที่ส่วนอื่น
พื้นที่หลังโต๊ะกินข้าว จะเป็นส่วนเตรียมอาหาร หรือ Pantry นั่นเอง โดยจะจัดเป็นครัวแบบเปิด คือไม่มีผนังกั้น อาจจะไม่ได้เหมาะกับการทำอาหารที่มีกลิ่นแรงๆเท่าไรนัก เน้นการเตรียมอาหารง่ายๆ ชงกาแฟ ปิ้งขนมปัง เล็กๆน้อยๆ
พื้นที่ของเคาน์เตอร์ครัว เมื่อใส่เตาไฟฟ้า, ที่ดูดควัน และอ่างล้างจานลงไปแล้ว เหลือพื้นที่นิดเดียว ดังนั้นผมแนะนำว่าไปหาพื้นที่ทำครัวส่วนอื่น แล้วไม่ต้องใส่เตาตรงนี้ดีกว่า เพื่อให้ได้พื้นที่เคาน์เตอร์ที่มากขึ้น และอาจจะขยายขนาดอ่างล้างจานให้ใหญ่ขึ้นได้อีกด้วย
ที่วางตู้เย็น ใส่ได้ขนาดกลางๆ อย่างที่เห็นในรูป จริงๆตรงนี้เค้าไม่ได้วางเฟอร์นิเจอร์อะไรมาให้เราอยู่แล้ว เราจะขยับขยาย ปรับเปลี่ยนพื้นที่ยังไงก็ได้
บริเวณผนังด้านหลังบ้านของชั้น 4 จะมีพื้นที่หน้ากว้างค่อนข้างเยอะ ในบ้านตัวอย่างหลังนี้เค้าเลยแบ่งครึ่งพื้นที่ผนังหลังบ้าน เอาครึ่งนึงไปทำครัว แล้วใส่ Pantry เข้าไป โดยจะสังเกตว่าด้านข้างจะมีผนังกระจกอยู่ด้วย โดยที่…
ถ้าเราเลื่อนผนังกระจกมาทางขวาแบบในรูป เราจะพบกับฟังก์ชั่นอีกอันหนึ่ง ซึ่งทำเป็นโต๊ะทำงานที่วางอยู่ติดกับหน้าต่าง ที่เค้าทำแบบนี้เนื่องจากผู้ออกแบบคงจะเห็นว่าอยากจะใช้พื้นที่ผนังฝั่งนี้ให้ใช้ได้หลายฟังก์ชั่น แต่โต๊ะทำงานกับครัวไม่ควรจะวางอยู่ในห้องเดียวกัน เค้าเลยจัดให้มีผนังบานเลื่อนโดยเลื่อนไปบังส่วนครัวมันซะเลย เพื่อให้รู้สึกว่าห้องนี้กลายเป็นห้องทำงานขึ้นมา เหมือน Switch ฟังก์ชั่นได้สองแบบ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในมุมมองของผม ผมคิดว่า การทำแบบนี้จะทำให้เราไม่สามารถใช้ฟังก์ชั่นครัวไปพร้อมๆกับโต๊ะทำงานได้ เพราะลองนึกดูว่าถ้ามีคนนั่งทำงานอยู่ แปลว่าครัวจะใช้ไม่ได้เลย จะเลื่อนบานเลื่อนไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบของกินก็ไม่ได้ จะล้างมือก็ไม่ได้ บางทีคนที่นั่งทำงานอยู่กับคนที่ใช้งานครัวอาจจะเป็นคนละคนกัน ดังนั้นการทำแบบนี้ ผมไม่แนะนำให้ทำนะครับ
แต่ในความเป็นจริงของความเป็นจริง! (อีกที) พื้นที่ตรงนี้ของจริงเค้าไม่ได้ใส่อะไรมาให้เลยอยู่แล้วนี่ครับ เราจะจัดยังไงก็ได้ ผมแนะนำว่าในเมื่อเรามีโต๊ะทำงาน วางอยู่ชั้น 1-2-3 แล้ว เราก็ไม่ต้องเอาขึ้นมาไว้ที่ชั้น 4 หรอก จะทำงานก็ลงไปข้างล่างเอา แล้วชั้นนี้ก็ใส่ครัวให้มันเต็มผนังไปเลย ฟังก์ชั่นเดียวแบบไม่ต้องกั้นผนังนี่แหละ แล้วมันจะทำให้ห้อง Living Area อันนี้กลายเป็นห้องที่สมบูรณ์มากขึ้น มีครัวใหญ่ๆ มีพื้นที่เก็บของเยอะๆ เพราะตัวบ้านมันหน้ากว้างอยู่แล้ว จัดง่าย เป็นการแก้ปัญหาง่ายๆเลย
พื้นที่ส่วนโต๊ะทำงานที่เค้ากั้นเอาไว้จะเป็นแบบนี้ครับ แต่ถ้าเปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ล้างจาน มันจะได้อ่างล้างจานอยู่ติดหน้าต่าง ได้แสงธรรมชาติด้วยนะ แก้วแห้งเร็ว อิอิ แล้วพื้นที่ครัวอีกฝั่งจะได้ใช้วางของได้เต็มที่มากขึ้น
ส่วนตรงข้ามกับครัว ตรงนี้จะเป็นพื้นที่โซฟานั่งดูทีวีครับ วางอยู่หน้าห้องนอน พื้นที่กว้างพอที่จะใส่โซฟาแบบ 3-4 ที่นั่งได้ ระยะดูทีวีเยอะพอที่จะจัดทีวี 50-60 นิ้วได้สบาย แถมวางโต๊ะกลางได้อีกตัวหนึ่ง และอยู่ติดกับหน้าต่างด้านข้างบ้านด้วย
ถัดจากห้องนั่งเล่นจะเจอประตู 3 บานครับ ทางซ้ายเป็นห้องนอนใหญ่ Master Bedroom มีห้องน้ำในตัว ตรงกลางเป็นห้องนอนเล็ก ส่วนทางขวาเป็นห้องน้ำของห้องนอนเล็กครับ
เรามาดูห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกห้องนี้ก่อน ห้องนี้จะเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กกับห้องรับแขกครับ มีฟังก์ชั่นครบ อาบน้ำได้ มีช่องแสงสำหรับระบายอากาศ
จุดด้อยอย่างหนึ่งของห้องนี้คือ พื้นที่อาบน้ำเล็กไปหน่อยครับ กว้างแค่เกือบๆ 90 ซม. และยาวประมาณ 1.30 เมตร เท่านั้นเอง แถมตัดขอบที่มุมด้วย ทำให้เวลาอาบน้ำอาจจะไม่สะใจนัก และด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ทำให้ไม่สามารถติดฉากกั้นอาบน้ำแบบแข็งได้ เพราะถ้าติดไปแล้วพื้นที่จะแคบมาก เปิดเอาไว้โล่งๆแบบนี้ดีแล้ว แต่เวลาอาบน้ำก็อาจจะทำให้ห้องน้ำเปียกไปทั่วห้อง ก็ต้องทำใจหน่อย
*หมายเหตุ* แปลนห้องน้ำอันนี้จะเป็นเฉพาะเฟส 1 นะครับ ส่วนยูนิตในเฟส 2 มีการปรับรูปแบบห้องน้ำใหม่ แก้ไขเรื่องพื้นที่ Shower Box ไปแล้วเรียบร้อย
ห้องนอนเล็กจะวางอยู่ด้านหน้าบ้าน เป็นห้องนอนที่มีระเบียงในตัว และอยู่ติดกับหน้าต่างสองด้านของผนังห้อง
ห้องนอนห้องนี้จะเป็นห้องที่มีฝ้าเพดานสูงเป็นพิเศษ คือประมาณ 4 เมตร ตามลักษณะของตัวบ้าน ทำให้เป็นห้องที่มีปริมาตรเยอะ ดูโปร่งโล่งกว่าห้องอื่นๆ (แต่ก็เปลืองแอร์กว่าห้องอื่นๆด้วยนะ)
พื้นที่ในห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ โดยจะอยู่ในตำแหน่งที่พอดีกับหน้าต่างหัวเตียงทั้งสองด้าน พื้นที่ข้างเตียงสามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้สองข้างเลย
พื้นที่ปลายเตียงกว้างพอที่จะใส่ตู้เสื้อผ้า, ชั้นวางทีวี และโต๊ะแต่งหน้า เรียงกันแบบนี้ได้
ด้วยความสูงของห้องระดับเกือบ 4 เมตร ทำให้ยังมีพื้นที่เหลือเหนือตู้ขึ้นไปอีก ถ้ามีบันไดปีนก็สามารถเอาของขึ้นไปเก็บข้างบนได้ แต่ต้องระวังไม่ให้หล่นลงมาด้วยนะครับ
ตัวห้องจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ที่เป็นผลพวงมาจากความสูงของห้องอีกเช่นกัน มีประตูกระจกบานใหญ่สำหรับเปิดออกไปที่ระเบียง และมีช่องแสงเล็กๆข้างบนสุดอีก
เมื่อเปิดม่าน เปิดประตูออก ก็จะเป็นแบบนี้
ระเบียงด้านนอก ติดราวกันตกเป็นกระจก เพื่อให้มองเห็นวิวด้านล่างได้ วิวจากชั้น 4 ของห้องตัวอย่างก็จะเป็นประมาณนี้นะครับ
ระเบียงห้อง ไม่กว้างมาก ประมาณ 90 ซม. แต่จะเป็นระเบียงที่ยาว สามารถปลูกไม้กระถางได้ ทำสวนเล็กๆได้ หรือจะตากผ้าชิ้นเล็กๆก็ทำได้
ตัวระเบียงของห้องนอนเล็กจะเชื่อมไปถึงห้องนอนใหญ่เลย มีประตูเปิดเข้าออกได้ และจะมี Grille บังสายตาด้วย เพื่อให้เกิด Privacy และเพื่อความสวยงามจากภายนอก
ภายในห้องนอนใหญ่จะมีพื้นที่ใหญ่กว่านิดหน่อย แต่เพดานของห้องนอนใหญ่จะไม่ได้สูงเหมือนห้องนอนเล็ก ทำให้ดูทึบกว่า
เตียงสามารถวางขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ มีพื้นที่ด้านข้างเหลือสำหรับโต๊ะหัวเตียงทั้งสองด้าน
ด้านข้างเตียงฝั่งนี้จะเป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้า แนะนำให้ใช้เป็นตู้บานเลื่อนนะครับ จะได้ไม่เสียระยะในการเปิดตู้
ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือเยอะหน่อย สามารถวางชั้นวางทีวีปลายเตียงได้ หรือจะใส่ตู้ Built-in Side Board ทั้งผนังเลยก็ได้เหมือนกัน
ด้านข้างชั้นวางทีวีมีพื้นที่เหลือสำหรับใส่โต๊ะเครื่องแป้งได้ และเป็นทางเดินออกไปยังระเบียงด้านนอก
ประตูระเบียงเป็นประตูอลูมิเนียมที่ค่อนข้างหนา ใช้วัสดุดี มีการ Seal ขอบประตูด้วยยาง เพื่อกันเสียงรบกวนจากภายนอก กันฝุ่น กันแมลงได้
ภายในห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัวด้วย ซึ่งฟังก์ชั่นก็มาตรฐานเหมือนกับห้องอื่นๆ จะต่างกันตรงที่ Spec กระเบื้องพื้น ที่แผ่นใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 30×60 ซม. และเปลี่ยนลวดลายกระเบื้องจากห้องน้ำชั้นล่าง
อ่างล้างหน้าแบบมีเคาน์เตอร์วางของด้านข้าง ท้อปเป็นหินแกรนิตสีดำ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
*** แปลนห้องชั้น 4 ในเฟสที่ 2 จะเปลี่ยนเป็นแบบนี้นะครับ ซึ่งจะแตกต่างจากแปลนห้องของบ้านตัวอย่าง (เฟส 1) ตรงที่ตำแหน่งของ Master Bedroom จะถูกย้ายไปอยู่ด้านหลังบ้าน สลับที่กับส่วน Living Area แทน, มีการปรับฟังก์ชั่นห้องน้ำให้ใช้งานได้ดีขึ้น ได้ห้องนอนใหญ่ที่ใหญ่ขึ้น แต่ฟังก์ชั่น Pantry ครัวไม่ได้มีอยู่ในแปลนชั้น 4 แล้ว อาจจะหมายความว่าให้ไปใช้ Pantry ที่ชั้น 1 แทน
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 November 2014
- บ้าน Type A หน้ากว้าง 8 เมตร แปลง C15 ที่ดิน 49.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 475 ตารางเมตร ราคา 14.36 ล้านบาท หรือ 290,700 บาท/ตร.วาช
- จอง 100,000 บาท
- ทำสัญญา 200,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
เจาะลึกรวบยอด
ทำเลของ Biz Galleria ตั้งอยู่บนถนนนวลจันทร์ครับ ซึ่งถึงแม้จะเป็นถนนสายรองในย่านนี้ แต่ก็ถือว่าโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ซึ่งเป็นผลดีทั้งในแง่ของการอยู่อาศัยและการเปิดกิจการ เพราะทำให้โครงการมี Exposure ที่ดี สังเกตง่าย และไม่ต้องเข้าซอยให้ซับซ้อน ปลอดภัยในการเดินทาง
ตัวโครงการสามารถเข้าออกได้จากถนนหลายสายทั้งรามอินทรา, เกษตร-นวมินทร์, รัชดา-รามอินทรา และ นวมินทร์, มีซอยลัดเยอะแยะ, มีทางด่วนให้ใช้, มีถนนวงแหวนให้ใช้ ซึ่งถ้ามีรถก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกเลย แต่ถ้าไม่มีรถอาจจะลำบากหน่อยเพราะน่าจะต้องพึ่งแท็กซี่เป็นประจำ ถึงแม้ว่าจะมีรถประจำทางบ้างก็ตาม
ในแง่ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการ อาจจะไม่ได้มีมากมายนัก แต่ในระยะขับรถออกไป ในรัศมีไม่เกิน 5-8 กิโลเมตร ถือว่าเป็นทำเลที่เจริญ มีห้าง มีร้านค้า ร้านอาหาร คอมมูนิตี้มอลล์มากมาย ซึ่งก็น่าจะช่วยเพิ่มความสะดวกในชีวิตประจำวันได้ดี
ตัวโครงการจัดออกมาเป็นโครงการบ้านแฝดจำนวน 95 หลัง บนที่ดินขนาด 18 ไร่ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่มีความหนาแน่นค่อนข้างต่ำ แต่อย่าลืมว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านรูปแบบโฮมออฟฟิศ แปลว่าบ้านแต่ละหลังน่าจะมีคนมาใช้งานมากกว่าแค่สมาชิกในครอบครัว แล้วตอนกลางวันก็น่าจะมีความพลุกพล่านสูงและมีรถจอดเยอะกว่าหมู่บ้านปกติแน่นอน แต่ดีที่โครงการมีถนนตรงกลางกว้าง 12 เมตร ทำให้ถึงแม้จะมีรถยนต์จอดข้างทางทั้งสองฝั่งถนน ตรงกลางถนนก็ยังมีเลนพอให้รถวิ่งสวนกันได้ไม่ลำบาก
การวางแปลนโครงการ ด้วยความที่ลักษณะของที่ดินเป็นแบบที่ดินยาวๆ ไม่ได้เป็นที่ดินกว้างๆ ทำให้คนที่ขับรถเข้ามาในโครงการมองเห็นบ้านแต่ละหลังไม่เท่ากัน บ้านที่อยู่ใกล้ๆถนนใหญ่ย่อมจะมองเห็นง่ายกว่า ส่วนบ้านแปลงท้ายๆโครงการนี่ถ้าเราไม่ได้ขับรถเข้าไปถึงข้างในคงจะไม่มีโอกาสมองเห็นเลย ดังนั้นในแง่ของการประกอบกิจการ อาจจะต้องดูนิดนึงว่าธุรกิจของเราเป็นประเภทไหน ถ้าเป็นแบบที่เป็นธุรกิจบริการ หรือพวกร้านค้า, ร้านอาหารที่ต้องมีหน้าร้านสำหรับดึงดูดให้คนเดินผ่านเห็นเยอะๆ ก็คงจะไม่เหมาะที่จะเข้าไปอยู่ด้านใน ต้องมาอยู่ด้านหน้าใกล้ๆถนนหน่อย หรือถ้าอยู่ติดถนนใหญ่ได้ก็ยิ่งดี ส่วนแปลงท้ายๆก็น่าจะเหมาะกับทำเป็นสำนักงานทั่วๆไปมากกว่า ที่ไม่ต้องมีหน้าร้านจริงจังสำหรับต้อนรับลูกค้าบ่อย หรือที่ผู้มาติดต่อมักจะรู้อยู่แล้วว่าออฟฟิศเราอยู่ตรงไหน แบบนี้ก็จะเหมาะสมกว่าครับ
ด้านความปลอดภัยของโครงการ ก็จะมีเป็นมาตรฐานคล้ายๆกับโครงการอื่นๆ คือ จัดให้มีรปภ.เฝ้ารักษาความปลอดภัย 24 ชม. มีกล้อง CCTV ประจำตามจุดต่างๆ, มีรั้วโครงการสูง 2-3 เมตร แล้วแต่ตำแหน่งของรั้ว, และมีทางเข้าแบบรั้วกั้นไม้กระดก
ส่วนตัวบ้านออกแบบมาจัดเต็มมาก ทำเป็นบ้านแฝด 4 ชั้น มี 2 ขนาดให้เลือก คือ 40 ตารางวา 370 ตารางเมตร กับ 50 ตารางวา 475 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นบ้านที่ได้พื้นที่เยอะมากเมื่อเทียบกับขนาดที่ดิน ระยะพื้นถึงฝ้าของชั้นล่างจะสูงกว่าปกติอยู่ที่ 2.95 เมตร ทำให้ได้ปริมาตรของพื้นที่ชั้นหนึ่งที่เพิ่มขึ้น แต่ทีเด็ดของบ้านอยู่ที่จำนวนที่จอดรถ ที่ทำได้ 5-6 คัน ในบ้านหลังเดียว ถ้าซื้อบ้านสองหลังติดกัน แล้วทุบรวมกันกลายเป็นบ้านหลังใหญ่ จะกลายเป็นบ้านที่จอดรถได้มากถึง 10-12 คันเลยด้วย และได้บ้านที่มีพื้นที่ร่วม 900 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้การจัดฟังก์ชั่นทำได้หลากหลายมากขึ้นอีก และภายในโครงการก็มีลูกค้าบางส่วนที่ทำแบบนี้ให้เห็นแล้วเหมือนกัน
การจัดฟังก์ชั่นชั้น 1-2-3 คงจะไม่ได้มีอะไรมาก เนื่องจากเป็นห้องเปล่าๆ ที่ให้เรามากั้นผนังเองตามใจชอบ ดังนั้นมันอยู่ที่แต่ละคนมากกว่าว่าจะจัดออกมาเป็นแบบไหนนะครับ แต่สำหรับชั้น 4 ที่เป็นส่วนพักอาศัย จัดออกมาได้โอเคระดับหนึ่ง คือมีฟังก์ชั่น 2 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ + 1 ห้องนั่งเล่น ซึ่งก็น่าจะเพียงพอสำหรับครอบครัวขนาดเล็กๆ หรือถ้าไม่พอก็อาจจะแบ่งพื้นที่ชั้น 3 มาทำเป็นส่วนพักอาศัยเพิ่มได้อีก แต่จะมีบางจุดภายในบ้านที่น่าจะพัฒนาได้ดีขึ้น เช่น พื้นที่ห้องน้ำ ที่จัดวางตำแหน่งของสุขภัณฑ์ต่างๆรวมถึง Shower Box ได้ยังไม่ลงตัวนัก ทั้งๆที่พื้นที่มีเหลือ, ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนใหญ่ที่เล็กไปหน่อย, หรือครัวที่ยังไม่เป็นกิจลักษณะ ไม่มีครัวปิดสำหรับทำอาหารจริงจัง เป็นต้น ซึ่งพวกนี้จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่แก้ไม่ได้นะครับ เนื่องจากภายในบ้านมีพื้นที่เยอะ เฟอร์นิเจอร์เค้าก็ไม่ได้แถมอยู่แล้ว ทำให้เรายังพอขยับปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นต่างๆเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองครับ
วัสดุส่วนใหญ่ให้มาเป็นมาตรฐานของบ้านระดับราคา 10 ล้านอัพ มีทั้งเด่นและด้อยปะปนกันไป เช่น ได้พื้นปาร์เก้, ได้แอร์ 4 ทิศทาง, ได้ระยะพื้นถึงฝ้าที่สูง 2.65 – 2.95 เมตร, หลอดไฟรางคู่ Fluorescent, แต่ประตูบ้านต้องใช้เป็นประตูเหล็กบานพับ, กระเบื้องพื้นห้องน้ำเป็นขนาด 30×30 ซม. หรือชุดสุขภัณฑ์บางชิ้นที่ดูธรรมดาไปหน่อย เป็นต้น อย่างไรก็ดีอย่าลืมว่าเราจะเทียบราคาบ้านกับวัสดุตรงๆอย่างเดียวไม่ได้นะครับ เพราะราคาบ้านที่สูงขึ้นเกิดจากการที่ตัวบ้านมี 4 ชั้นด้วย ซึ่งย่อมจะมีต้นทุนค่าก่อสร้างที่แพงกว่าบ้าน 2 หรือ 3 ชั้นทั่วๆไปในเกรดเดียวกันอยู่แล้วด้วยครับ
สุดท้ายคือเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ก็ไม่ได้มีอะไรมาก มีแค่สวนสาธารณะอย่างเดียวที่อยู่ตรงกลางโครงการ ต้นไม้ในโครงการก็ไม่ได้เยอะมาก ไม่มีสโมสร ไม่มีสระว่ายน้ำหรือฟิตเนสแต่อย่างใด ซึ่งถ้าจะเอาไปเทียบกับโครงการบ้านจัดสรรทั่วๆไปก็ย่อมจะเสียเปรียบอยู่แล้ว เพราะราคาบ้านแต่ละยูนิตก็สูงเกินหลัก 10 ล้านไปแล้ว แต่ด้วยความที่เน้นเป็นโครงการลักษณะโฮมออฟฟิศ นี่ก็เป็นเรื่องปกติ เน้นเอาพื้นที่ไปทำที่จอดรถเยอะๆดีกว่า
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจประมาณ 10-15 ล้านบาท, 19 November 2014
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ติดถนนนวลจันทร์, ใกล้ทางด่วน, ใกล้วงแหวน, อุดมสมบูรณ์
- ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วกั้นไม้กระดก, รปภ.หน้าหมู่บ้าน, CCTV, รั้วโครงการสูง 2-3 เมตร แล้วแต่จุด
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.75/10 – ฟังก์ชั่นและพื้นที่เยอะเทียบกับขนาดที่ดิน แบ่งห้องได้หลากหลาย จอดรถ 5-6 คัน แต่พื้นที่ส่วนพักอาศัยยังมีจุดที่พัฒนาให้ดีกว่านี้ได้
- วัสดุ 8/10 – โดยรวมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเทียบกับราคา แต่ได้พื้นปาเก้, แอร์ 4 ทิศทาง, ได้ระยะพื้นถึงฝ้าที่สูง
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7/10 – ได้ถนนกว้าง 12 เมตรตลอดแนวโครงการ แต่มีต้นไม้ไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่ค่อยร่มรื่น
- สาธารณูปโภค 6.5/10 – ส่วนกลางหลักๆมีแค่สวนสาธารณะตรงกลางเท่านั้น
- 7.79 / 10.00
BOTTOM LINE
Biz Galleria เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านแบบโฮมออฟฟิศ ในย่านเลียบทางด่วน, เกษตร-นวมินทร์ หรือ รามอินทรา โดยในแง่ของการเป็นสำนักงาน ยูนิตของที่นี่จะเน้นฟังก์ชั่นเยอะ มีพื้นที่ใช้สอยที่ยืดหยุ่นสามารถออกแบบพื้นที่ได้ตามใจ มีพื้นที่มากพอที่จะรองรับพนักงานได้ 20-30 คน จอดรถได้ 5-6 คันขึ้นไป และไม่ได้เน้นกิจการที่ต้องมีหน้าร้านสำหรับรับลูกค้าตลอดเวลา ส่วนในแง่ของการเป็นที่อยู่อาศัย ที่นี่เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กถึงขนาดกลาง 3-6 คน, ชอบความสะดวกในการที่บ้านและที่ทำงานเป็นที่เดียวกัน โดยยอมแลกกับสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการที่ไม่ได้มีเยอะเหมือนในหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหญ่ๆครับ
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ