..วันนี้เราพามารีวิว Baan U Charoen Eastville (บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์) ซึ่งเป็นโครงการจัดสรรแห่งใหม่ที่เรียกได้ว่า ตั้งอยู่ในทำเลใกล้ห้างเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ มากที่สุดในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ครับ โดยจะเป็นโครงการแบรนด์บ้านอยู่เจริญแห่งที่ 2 ที่คราวนี้จะมาในคอนเซ็ปต์ Modern Palladian Style ที่มีความสวยงามและหรูหรามากขึ้น โดยจุดเด่นหรือความน่าสนใจของโครงการนี้ก็คือ

  • ทำเลที่ใกล้ห้างเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เพียง 350 m. ซึ่งสามารถใช้ประตูผ่านเข้า-ออกของห้างในตอนกลางวันได้ และซอยนาคนิวาสก็เป็นซอยลัด ที่สามารถเข้า-ออกได้หลายทางอีกด้วย
  • มีทั้งทาวน์โฮมและบ้านแฝดให้เลือก ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 400 ตร.ม. โดยจะเน้นพื้นที่แนวตั้งเป็นหลัก และสามารถแบ่งโซนการใช้งานออกเป็นสัดส่วนได้ชัดเจน
  • Common Area มีขนาดใหญ่มาก พื้นที่ยืดหยุ่นสามารถจัดหรือปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามต้องการ รวมถึงยังได้ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume และยังมีการออกแบบเรื่อง Ventilation ได้ดีมากๆอีกด้วย
  • เน้นความเป็นส่วนตัวสูง ทั้งจำนวนยูนิตที่น้อย และยังทำผนังบ้านระหว่างยูนิตแบบ 2 ชั้น (Double Wall) เพื่อป้องกันเสียงจากข้างบ้านทุกยูนิตเลยครับ

ข้อมูลโครงการ

Baan U Charoen Eastville (บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์) ณ วันที่ 20 มีนาคม 2566

 ชื่อโครงการ   Baan U Charoen Eastville (บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท U Charoen Estate
 SEGMENT CLASS   SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   ซ.นาคนิวาส 6 เขต ลาดพร้าว
 ที่ดิน 4-3-52 ไร่
 จำนวนยูนิต  28 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • ทาวน์โฮม 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 7.8 – 8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 40 – 55.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 467.5 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 6 ที่จอดรถ / ลิฟต์ส่วนตัว
  • บ้านแฝด 3 ชั้น + ชั้นลอย 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 43.8 – 49.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 411.3 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอนใหญ่ / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ / ลิฟต์ส่วนตัว

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   ฝ้าเพดานปกติ 2.1 – 2.4 เมตร, ฝ้าเพดานสูง Double Volume ประมาณ 4.8 – 5 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ    250,000 บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2565
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2566
 เว็บไซต์โครงการ   https://www.ucharoenestate.com/projects-eastville
 โทร   087-665-6665

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ใกล้ห้างเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เพียง 350 m. และสามารถใช้เส้นทางเข้า-ออกของห้างได้อีกด้วย ทำเลโดยรอบอุดมสมบูรณ์
  • ซอยนาคนิวาส สามารถเชื่อมต่อและเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง
  • ใกล้ทางด่วนฉลองรัชหรือทางด่วนรามอินทรา เดินทางไปทำงานไกลๆได้สะดวก

พิกัด Google Maps : 13.802944, 100.609877
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

…หากจะพูดถึงที่อยู่อาศัยในย่านเลียบด่วนรามอินทราแล้ว แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นโครงการจัดสรรสุดหรูระดับ Super Luxury ที่มีราคาเริ่มต้นหลายสิบล้านบาทใช่มั้ยครับ ซึ่งโครงการ Baan U Charoen Eastville ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นและแตกต่างจากเพื่อนบ้านมากๆก็คือ เค้าเป็นโครงการใหม่ที่เรียกได้ว่า อยู่ใกล้ห้างเซ็นทรัลมากที่สุดของย่านในปัจจุบันนั่นเอง (ระยะทางประมาณ 350 m.)

โครงการ Baan U Charoen Eastville (บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์) ตั้งอยู่ภายในซอยนาคนิวาส 6 ซึ่งเป็นซอยทางลัดเชื่อมต่อถนนนาคนิวาส มายังด้านหลังห้างเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ได้ครับ แน่นอนว่าความอุดมสมบูรณ์นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะนอกจากจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ ที่อยู่บนถนนเลียบด่วนรามอินทราแล้ว ก็ยังมีร้านอาหารอร่อยๆแถวโชคชัย 4 ให้ได้ฝากท้องกันได้ นอกจากนี้ยังเดินทางได้สะดวก เพราะสามารถเข้า-ออกได้หลายทาง รวมถึงยังอยู่ใกล้ทางด่วนฉลองรัชอีกด้วย

สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง :

ความดีงามของถนนซอยย่านนี้คือ เค้าจะมีทางลัดเชื่อมต่อถึงกันหมด จึงสามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทางมาก โดยผมจะขอยกตัวอย่าง 5 เส้นทางหลักๆ ที่เราอาจได้มีโอกาสใช้บ่อยๆดังนี้

  1. ถนนของห้างเซ็นทรัล : ระยะทางเพียง 650 m. เป็นเส้นทางที่เราสามารถขับผ่านถนนทางเข้า-ออกของห้างเซ็นทรัล เพื่อเชื่อมต่อมายังซอยนาคนิวาส 6 ที่อยู่ด้านหลังได้ ซึ่งจะทำให้ออกมาสู่ถนนใหญ่ได้โดยง่าย (หมายเหตุ : สามารถผ่านเข้า-ออกได้ตั้งแต่ 6.00 – 22.00 น. ซึ่งตอนกลางคืนประตูห้างจะปิดเพื่อความปลอดภัยนะครับ)
  2. ถนน สังคมสงเคราะห์ : ระยะทางประมาณ 1.7 km. เป็นเส้นทางที่ใช้เลี่ยงรถติดบริเวณหน้าห้างต่างๆได้ รวมถึงเรายังอาจใช้เป็นเส้นทางกลับบ้านตอนกลางคืนหลังจากที่ประตูห้างเซ็นทรัลปิดแล้วก็ได้อีกด้วยครับ
  3. ซอย ลาดพร้าว 71 : ระยะทางประมาณ 2.3 km. กรณีที่กลับบ้านมาจากถนนลาดพร้าว เราอาจใช้เป็นเส้นทางเลี่ยงรถติดจากถนนโชคชัย 4 ได้ครับ รวมถึงยังเป็นเส้นทางในการมาขึ้นทางด่วนฉลองรัชฝั่งขาออกได้ใกล้ที่สุดอีกด้วย
  4. ถนน โชคชัย 4 : ระยะทางประมาณ 3.1 km. เป็นเส้นทางหลักจากทางลาดพร้าว ซึ่งเราจะสามารถแวะซื้อกับข้าวหรือทานอาหารอร่อยๆที่ร้านก่อนกลับบ้านได้
  5. ถนน นาคนิวาส : ระยะทางประมาณ 4.7 km. เป็นเส้นทางที่สามารถไปออกถนนใหญ่ประเสริฐมนูกิจได้ครับ เหมาะกับคนที่เน้นใช้ชีวิตไปทางเกษตร-นวมินทร์เป็นหลักนั่นเอง

พาแวะมาชมทางเข้าจากถนนของห้างเซ็นทรัลกันสักหน่อยครับ ซึ่งจะเข้าได้จากถนนใหญ่เลียบด่วนรามอินทราแบบนี้เลย บรรยากาศคือร่มรื่นสวยงามมาก เพราะตัวห้างเค้าจัดเอาไว้เป็นอย่างดีอยู่แล้วนั่นเอง

เมื่อเข้ามาด้านในเราจะเจอกับวงเวียน ซึ่งเป็นจุดที่เราสามารถแยกเข้าสู่ตัวห้างเซ็นทรัลทางขวามือ หรือจะเลี้ยวซ้ายเพื่อเปลี่ยนไปเข้า Lotus’s ก็ได้นะครับ

แต่ถ้าเราตรงเข้ามาด้านในอีกก็จะเป็นทางออกด้านหลัง เชื่อมต่อไปยังซอยนาคนิวาส 6 และเป็นทางที่สามารถมายังโครงการ Baan U Charoen Eastville (บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์) ได้นั่นเอง

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

แน่นอนว่าต้องเป็นทางด่วนฉลองรัช หรือที่หลายๆคนเรียกติดปากว่าทางด่วนรามอินทรา โดยตำแหน่งที่ใกล้ที่สุดจะเป็นทางด่วนฝั่งขาออก ที่มุ่งหน้าไปทางวัชรพล-สายไหม ซึ่งเราสามารถใช้ทางออกจากซอยลาดพร้าว 71 เพื่อมาขึ้นทางด่วนได้โดยไม่ต้องเสียเวลากลับรถ มีระยะทางอยู่ที่ 3.1 km.

ส่วนทางด่วนฝั่งขาเข้าเมืองเราจะต้องไปกลับรถที่แยกตลาดหัวมุมก่อน โดยจะใช้ทางออกจากห้างเซ็นทรัลหรือซอยประเสริฐมนูกิจ 19  ก็ได้ และมีระยะทางประมาณ 5.2 km.

เพิ่มเติมสำหรับคนที่สนใจเข้ามาชมโครงการ โดยปัจจุบันหน้างานกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ดังนั้นจึงแนะนำให้เข้ามาติดต่อที่สำนักงานขายตรงใกล้ๆปากซอยนาคนิวาส 6 ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าโครงการประมาณ 190 m. หรือสามารถคลิกพิกัดแผนที่ได้ที่นี่เลยครับ >> ที่ตั้งสำนักงานขาย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

เนื่องจากเป็นทำเลที่อยู่ภายในซอย จึงค่อนข้างมีความเงียบสงบพอสมควร แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยวนะครับ เพราะซอยนาคนิวาส 6 เป็นซอยทางลัดที่มักจะใช้เดินทางมายังห้างเซ็นทรัลได้อยู่แล้วนั่นเอง และโดยรอบก็ยังเป็นที่ว่างกับบ้านแนวราบเป็นส่วนใหญ่ สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับซอยสาธารณะเล็กๆ และบ้านแนวราบ
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ที่ว่าง
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ สนามฟุตบอลให้เช่าและบ้านพักอาศัยสูง 2 – 3 ชั้น
  • ทิศใต้ : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ถนนซอยนาคนิวาส 6 ฝั่งตรงข้ามเป็นโฮมออฟฟิศสูง 5 ชั้น

เรามาเดินดูรอบๆโครงการกันสักหน่อยครับ เริ่มจากทางด้านซ้ายของโครงการจะเป็นทางไปยังปากซอยนาคนิวาส 6 เชื่อมต่อกับถนนนาคนิวาส และใช้เดินทางไปยังซอยโชคชัย 4 หรือถนนลาดพร้าวได้

ส่วนทางด้านขวาของโครงการจะเป็นทางที่ไปยังด้านหลังของห้างเซ็นทรัล โดยฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นโฮมออฟฟิศสูง 5 ชั้น ที่ชื่อว่า “บ้านพันนา เอกมัย – รามอินทรา” ซึ่งเป็นโครงการแบรนด์รุ่นพี่ก่อนหน้านี้นั่นเอง

และถ้าเราตรงมาเรื่อยๆประมาณ 350 m. ก็จะเจอกับซุ้มประตูทางเข้าห้างแล้วครับ ซึ่งจะมีเวลาเปิด-ปิดอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้คือ เปิดตอน 6.00 – 22.00 น. โดยเราอาจปั่นจักรยานมาเดินห้างชิลๆ หรือจะขับรถยนต์มาใกล้ๆก็ได้ถ้าจะซื้อของเยอะๆ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Central Festival Eastville ~ 350 m.
  • Lotus’s รามอินทรา ~ 700 m.
  • The Crystal ~ 3 km.
  • Chic Republic Crystal ~ 3 km.
  • Design Center (CDC) ~ 3.2 km.
  • The Walk นวมินทร์ ~ 4.7 km.
  • Central Plaza ลาดพร้าว ~ 8.3 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.เปาโลโชคชัย 4 ~ 2.2 km.
  • รพ.ลาดพร้าว ~ 4.2 km.
  • รพ.เวชธานี ~ 5.8 km.
  • รพ.กรุงเทพ ~ 10.4 km.
  • รพ.สมิติเวช สุขุมวิท ~ 12.1 km.

โรงเรียน

  • SISB School ~ 7.2 km.
  • Regent’s International School ~ 7.4 km.
  • Niva American International School ~ 7.6 km.
  • KIS International School ~ 8.4 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • เน้นความเป็นส่วนตัวสูง จำนวนยูนิตน้อยเพียง 28 หลัง และยังจัดโซนส่วนพื้นที่กลางไว้ด้านในสุดของโครงการ ซึ่งห่างไกลจากความวุ่นวายด้านหน้าอีกด้วย
  • ถึงแม้จะเป็นโครงการจัดสรรขนาดเล็ก แต่ก็มีฟังก์ชันส่วนกลางหลักๆให้ใช้งานครบ

ทำความรู้จักกับแบรนด์โครงการกันสักหน่อย :

..โครงการ Baan U Charoen Eastville (บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์) เป็นโครงการระดับ Super Luxury จากบริษัท U Charoen Estate ซึ่งได้มีการ Rebranding ใหม่มาจากโครงการที่มีชื่อว่า Baan Punna (บ้านพันนา)

และนี่ก็เป็นโครงการแห่งที่ 2 ต่อจาก Baan U Charoen Town In Town (บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์) ที่ได้เปิดตัวกันไปก่อนหน้านี้ครับ โดยจะมีการดีไซน์และใช้คอนเซ็ปต์ที่แตกต่างจากโครงการเดิม รวมถึงยังมีการเพิ่มโปรดักส์บ้านแฝดเข้ามาด้วย

Master Plan :

เป็นโครงการที่เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวมากๆครับ โดยเป็นโครงการขนาดเล็กที่มีเพื่อนบ้านเพียง 28 ยูนิตเท่านั้น อีกทั้งยังจัดพื้นที่ส่วนกลางอย่างอาคาร Clubhouse เอาไว้ด้านในสุด จึงทำให้คนที่มาใช้งานจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะไม่ค่อยมีคนผ่านไป-มาเยอะเหมือนบริเวณด้านหน้าโครงการนั่นเอง

ส่วนตัวโปรดักส์ก็จะแยกออกเป็น 2 โซนชัดเจน โดยหากเป็นบ้านแฝดก็จะอยู่ติดกับถนน Main ที่สามารถเข้า-ออกได้ง่าย และอาจมีเพื่อนบ้านขับรถผ่านไป-มาหน้าบ้านบ่อยสักหน่อย แต่ก็จะไม่ต้องหันหน้าบ้านชนกับใครเลยครับ ส่วนทาวน์โฮมก็จะอยู่แยกเข้าไปภายในซอยย่อย ซึ่งมีเพื่อนบ้านเพียงซอยละ 10 ยูนิตเท่านั้น จึงถือว่าค่อนข้างเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่งดีทีเดียว

ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะมีการติดตั้งไม้กั้นกระดกมาให้เพิ่มเติมในอนาคต แยกทางเข้า-ออกชัดเจน และเปิด-ปิดแบบอัตโนมัติด้วยระบบสัญญาณ Bluetooth  แต่ถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามที่อยู่ในป้อมด้านขวาก่อนตามปกตินะ

…และเนื่องจากปัจจุบันหน้างานในวันที่ผมเข้ามาถ่ายรีวิว (20/03/2566) ทางโครงการยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง จึงอาจยังไม่มีบรรยากาศภายในหรือส่วนกลางของจริงให้ชมกันนะครับ แต่เราจะมีภาพบรรยากาศจำลองให้ชมกันไปก่อนดังนี้

ภาพบรรยากาศจำลองของอาคาร Clubhouse ที่อยู่ด้านในสุดของโครงการ จะเป็นลักษณะอาคาร 2 ชั้นสไตล์ Modern และมีฟังก์ชันให้ใช้งานประกอบด้วย

  • Swimming Pool
  • GYM
  • Meeting Room
  • Co-Working Space
  • BBQ Area

เริ่มกันที่บริเวณด้านนอกอาคารจะเป็น Swimming Pool ขนาด 5 x 14 m. ที่พอจะว่ายออกกำลังกายจริงจังได้ แต่อาจต้องว่ายวนสักหลายๆรอบหน่อยนะครับ

โดยจะเป็นสระแบบ Semi-Outdoor ที่มีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในร่มใต้อาคารด้วย ทำให้เป็นบริเวณที่สามารถพาเด็กๆมาว่ายน้ำ/แช่น้ำเล่นได้ตลอดทั้งวัน (แต่อาจต้องมีผู้ปกครองคอยอยู่ดูแลตลอดด้วยนะ)

อีกด้านหนึ่งของอาคารจะเป็นพื้นที่ Outdoor ที่เรียกว่า BBQ Area ที่เราสามารถมานั่งเล่นพักผ่อนในช่วงที่แดดร่มๆได้ รวมถึงยังอาจใช้เป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลต่างๆของคนในหมู่บ้านก็ได้นะครับ

ส่วนภายในอาคารชั้น 1 จะเป็น Co-Working Space & Meeting Room ที่เราก็สามารถเข้าไปหลบร้อน และนั่งเล่นพักผ่อน/นั่งทำงานในห้องแอร์เย็นๆได้ด้วยนั่นเอง

ปิดท้ายกันด้วยห้อง GYM หรือ Fitness ที่อยู่บนชั้น 2 ของอาคาร ภายในจะมีฟังก์ชันต่างๆให้ใช้งานครบ และมีผนังกระจกที่สามารถมองออกไปชมวิวสวน+สระว่ายน้ำที่อยู่ด้านนอกได้ด้วย

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • Swimming Pool ขนาด 5 x 14 m.
  • GYM
  • Meeting Room
  • Co-Working Space
  • BBQ Area
  • EV Charger
  • Digital Door Lock
  • Smart Automation
  • พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ ขนาดประมาณ 0-0-32.5 ไร่
  • ถนนภายในโครงการกว้าง 9 m.
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.65 m.
  • Key Card Access แบบใช้ Bluetooth ระยะไกล
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้าน Motion Sensor / IP Camera / Digital Door Lock ทุกหลัง

แบบบ้าน

Highlights :

  • เป็นบ้านแฝดและทาวน์โฮมที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ โดยจะเน้นเป็นพื้นที่แนวตั้งเป็นหลัก มาพร้อมกับลิฟต์โดยสารให้ใช้งานขึ้น-ลงสะดวก
  • พื้นที่ Common Area มีขนาดใหญ่มาก สามารถกั้นฟังก์ชันและออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้หลากหลายตามต้องการ พร้อมพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume
  • กำแพงบ้านระหว่างยูนิตเป็นแบบ Double Wall 2 ชั้น ช่วยกันเสียงเพื่อนบ้านข้างๆได้ดี พร้อมโครงสร้างบ้านแบบก่ออิฐมวลเบา สามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย
  • แบ่งโซนการใช้งานแต่ละส่วนแยกออกจากกันได้ชัดเจนไปตามชั้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนต้อนรับแขก ส่วนพักผ่อนของเจ้าของบ้าน และส่วนทำงานของแม่บ้าน
  • มีการออกแบบช่องหน้าต่างหรือช่องเปิด ที่ทำให้เกิด Ventilation หรือการระบายอากาศได้ดีในทุกฟังก์ชัน

…โครงการนี้จะมีโปรดักส์ให้เลือก 2 แบบด้วยกันคือ ทาวน์โฮม และบ้านแฝด ซึ่งมีความโดดเด่นคือ “พื้นที่ใช้สอยที่เยอะมาก” เพราะเน้นออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยแนวตั้งให้คุ้มค่ามากที่สุด จึงทำให้เราสามารถออกแบบฟังก์ชัน และจัดแบ่งโซนการใช้งานได้หลากหลายตามต้องการ

อีกทั้งโครงสร้างบ้านก็เป็นการก่ออิฐมวลเบา ซึ่งสามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย ดังนั้นบ้านของโครงการนี้จึง “มีความยืดหยุ่นสูง” สามารถปรับเปลี่ยนและออกแบบพื้นที่ได้ดั่งใจนึก รวมถึงยังมีการใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบหลายๆจุดด้วยครับ โดยแบบบ้านทั้ง 2 จะประกอบด้วย

  • ทาวน์โฮม 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 7.8 – 8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 40 – 55.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 467.5 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 6 ที่จอดรถ / ลิฟต์ส่วนตัว
  • บ้านแฝด 3 ชั้น + ชั้นลอย 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 43.8 – 49.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 411.3 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอนใหญ่ / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ / ลิฟต์ส่วนตัว

..อีกหนึ่งจุดโดดเด่นมากๆของงานโครงสร้างคือ ผนังด้านข้างของตัวบ้านทุกยูนิตจะเป็น Double Wall หรือผนัง 2 ชั้นที่มี Air Gap ตรงกลาง จึงมีความหนากว่า 25 cm. (ผนังบ้านปกติคือ 10 cm.) จึงทำให้ช่วยลดจุดอ่อนของบ้านแฝดและทาวน์โฮม ที่ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องเสียงจากข้างบ้านลงได้ดี และทำให้การอยู่อาศัยมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเองครับ

Modern Palladian Style :

หน้าตา Facade ของโครงการ Baan U Charoen Eastville ได้รับแรงบัลดาลใจมาจากรูปแบบการใช้ชีวิต ของผู้คนในย่านที่อยู่อาศัยสุดหรูของมหานครนิวยอร์ก ซึ่งบ้านย่านนี้จะมีรูปแบบเป็นทาวน์โฮมที่มีเอกลักษณ์จากการออกแบบในยุค Neoclassic ที่เป็นที่นิยมกันมากในช่วงศตวรรษที่ 17

โดยเอกลักษณ์ของงานออกแบบสไตล์นี้ก็คือ ความสมมาตร / สัดส่วนของอาคารที่ดูลงตัว / มีกลิ่นอายของงานสถาปัตยกรรมโบราณของกรีกโรมัน ผสานเข้ากับแนวคิดของสไตล์ในยุค Mannerism และมีการใช้หน้าต่าง Palladian Window ที่มีลวดลายสวยงาม ตัวอาคารจึงมีความหรูหราและดูโดดเด่นมากทีเดียว

ซึ่งทางโครงการ Baan U Charoen Eastville ก็ได้นำมาลดทอนรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้ดูมีความทันสมัยและเข้ากับคนรุ่นใหม่มากขึ้น จนกลายมาเป็นสไตล์ Modern Palladian อย่างที่เราเห็นกันนี้นั่นเองครับ

  • บ้านแฝด 3 ชั้น + ชั้นลอย 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 43.8 – 49.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 411.3 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอนใหญ่ / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ / ลิฟต์ส่วนตัว

แปลนบ้านชั้น 1 จะมีที่จอดรถ4 คันอยู่หน้าบ้าน จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่หรือคนที่มีรถหลายๆคัน ส่วนภายในบ้านหลักๆก็จะเป็นโถงต้อนรับหน้าลิฟต์และบันได ซึ่งพื้นที่พักผ่อนจะอยู่ในชั้นถัดไปครับ ดังนั้นบริเวณโซนหลังบ้านจึงเป็นพื้นที่ใช้งานของแม่บ้านทั้งหมด ประกอบด้วย ห้องครัว ห้องนอนแม่บ้าน ห้องน้ำ และพื้นที่ซักล้างที่เชื่อมต่อกับสวนหลังบ้าน โดยทั้งหมดนี้จะมีประตูกั้นแยกออกจากพื้นที่ในบ้าน จึงทำให้เจ้าของบ้านมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

แปลนชั้นลอย (ที่ 1) จะอยู่ถัดขึ้นมาจากชั้นโถงต้อนรับ ซึ่งจะมีการกั้นผนังห้องเป็นสัดส่วน มีระเบียง และมีห้องน้ำในตัวให้ใช้งานพร้อม แบบว่าไม่ต้องเหนื่อยเดินขึ้น-ลงในบ้านบ่อยๆ โดยเราสามารถทำเป็นห้องอะไรก็ได้ตามต้องการ เช่น อาจทำเป็นห้องรับรองแขกที่ไม่ค่อยสนิท และไม่อยากพาขึ้นไปชั้นบนที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของครอบครัวก็ได้ หรืออาจทำเป็นห้องทำงาน ห้องดูหนังเล่นเกมส์ และทำเป็นห้องนอนแขก เป็นต้น

เรามาเริ่มกันที่พื้นที่จอดรถบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งจะเป็นการจอดในร่มแบบครึ่งคัน หากใครที่ไม่อยากจอดรถตาแดดตากฝน ก็สามารถทำหลังคาเพิ่มเองได้นะครับ และฟังก์ชันอื่นๆของจริงจะมีรายละเอียดดังนี้

  • ประตูรั้ว : จะเป็นรั้วเหล็กรางเลื่อนไปทางด้านข้าง มาพร้อมกับเสาคานด้านบนที่จะช่วยประคองรั้วให้แข็งแรงมั่นคงตอนเปิด-ปิด รวมถึงเค้าจะติดตั้งระบบรางเลื่อนอัตโนมัติ ที่ควบคุมผ่านรีโมทมาให้เราได้ใช้งานสะดวกๆอีกด้วย
  • ความกว้าง : พื้นที่จอดรถกว้างประมาณ 10 m. สามารถจอดรถได้ 4 คัน โดยแบ่งเป็นการจอดแบบ 2 คู่ เพราะมีเสาตรงกลางมาคั่นไว้ กว้างช่องละ 4.8 และ 4.9 m. ลึก 5 m. (ถ้าเป็นรถ Super Car ที่มีความกว้างมากกว่ารถทั่วไป ก็อาจมีการจอดที่เบียดๆอยู่สักหน่อย)
  • โครงสร้าง : พื้นที่จอดรถจะเป็นแบบ Slab on Ground โดยแยกโครงสร้างออกมาจากตัวบ้าน ทำให้เวลาดินเกิดการทรุดตัวในอนาคตก็จะไม่ส่งผลกับโครงสร้างหลัก อีกทั้งยังปูพื้นเป็น Concrete Stamp มาให้สวยงามแบบนี้อีกด้วย
  • EV Charger  : โครงการเดินระบบไฟฟ้าแบบ 3 เฟส พร้อมติดตั้ง EV Charger มาให้ใช้งานทุกยูนิต เหมาะกับยุคสมัยนี้ที่รถพลังงานไฟฟ้ากำลังมาแรงมากๆ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปติดตั้งหรือขอไฟเพิ่มเองครับ

ติดกันจะเป็นประตูคนเดินที่เปิดออกมาเจอกับสวนข้างบ้าน ซึ่งเราสามารถปลูกต้นไม้/จัดสวนในแบบที่ชอบได้ตามต้องการ (ของจริงจะโรยหินกรวดมาให้) อีกทั้งยังใช้เป็นเส้นทาง Service ของแม่บ้านด้วยครับ

ทางเข้าบ้านหลักจะมีลักษณะเด่นคือ ผนังกระจกที่เป็นช่องหน้าต่างแบบ Palladian Window ที่สูงจากพื้น-ฝ้าด้านบนสุด และได้กลิ่นอายของความเป็นบ้านสไตล์อังกฤษดีมากๆ

โดยตรงหน้าประตูจะเป็นชานพักในร่ม และมีตู้เก็บของซ่อนอยู่ในผนังด้วยครับ สามารถใช้เก็บพวกอุปกรณ์ทำสวนและอุปกรณ์ล้างรถ จะได้หยิบใช้งานใกล้ๆได้สะดวกเลย

ประตูทางเข้าจะเป็นบานเปิด กรอบอลูมิเนียม Powder Coat แบบพ่นสีเทาเข้ม พร้อมกระจกเขียวตัดแสงทั้งหลัง และติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เป็นมาตรฐานด้วยครับ

เข้ามาภายในเราจะเจอกับ Foyer หรือโถงต้อนรับที่เป็นฝ้าเพดานสูง Double Volume 5.2 m. จึงทำให้มีความโปร่งโล่งและดูโอ่โถงดีทีเดียว

ส่วนพื้นที่ใช้สอยจะกว้าง 3.4 x 2.6 m. สามารถจัดเป็นมุมต้อนรับสวยๆ หรือจะ Built เป็นชั้นวางของโชว์ได้ตามต้องการ

นอกจากนี้บริเวณด้านหน้าก็จะมีประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่สามารถเปิดเชื่อมต่อพื้นที่ภายในกับภายนอกได้อีกทางหนึ่ง

เหมาะสำหรับเวลาจัดกิจกรรมแบบ Semi-Outdoor หรือใช้เป็นเส้นทางในการขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆได้สะดวกนั่นเองครับ

ส่วนทางด้านในของบ้านจะเป็นลิฟต์และบันไดสำหรับเดินสัญจรขึ้น-ลง รวมถึงจะมีทางแยกออกไปด้านซ้าย ซึ่งจะเป็นในส่วนของพื้นที่โซนหลังบ้านครับ

ติดกับลิฟต์ก็จะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ที่จะไม่มีฟังก์ชันอาบน้ำ แต่จะมีสุขภัณฑ์อื่นๆจาก Kohler ครบเลย และมีพื้นที่กว้าง 2 x 1.6 m. ให้ใช้งานได้สะดวกๆ

โดยห้องน้ำนี้จะเหมาะเอาไว้ใช้ก่อนออกจากบ้าน หรือหลังกลับเข้าบ้านแล้วรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำแบบด่วนๆ ก็แวะตรงนี้ได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาขึ้นไปชั้นบนของบ้าน รวมถึงยังเอาไว้ใช้รับแขกขาจรก็ได้ครับ

ถัดมาจะเป็นโซนครัวและพื้นที่ทำงานของแม่บ้าน ซึ่งจะมีประตูบานทึบปิดแยกจากพื้นที่ด้านในบ้าน จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวออกจากกัน

โดยโถงทางเดินจะกว้าง 1 m. และทำเป็นพื้นต่างระดับจากพื้นที่ในบ้าน ทำให้สามารถล้างทำความสะอาดพื้นได้เต็มที่

สำหรับฟังก์ชันแรกซ้ายมือจะเป็นครัว ภายในมีขนาดพื้นที่กว้างประมาณ 1.7 x 2 m. สามารถใช้งาน 2 – 3 คนพร้อมกันได้สบายๆ

และเราก็จะได้ชุดเคาน์เตอร์ Built-in ตามแบบที่เห็นในบ้านตัวอย่างเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นตู้แขวนลอยด้านบน ตู้เก็บของด้านล่าง เตาไฟฟ้าจาก Hafele และอ่างล้างจานแบบ 1 หลุม

Top เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นหินสังเคราะห์สีดำ ที่สามารถทนความชื้นและทนความร้อนได้ดี แถมยังไม่ค่อยเป็นรอยด่างง่ายๆเหมือนหินแท้อีกด้วย

แต่ที่ชอบมากๆก็คือ ตู้ด้านล่างที่มีการ Built-in ชั้นวางแบบรางเลื่อนเข้ามุม ซึ่งทำให้เราสามารถใช้สอยพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า และยังหยิบจับสิ่งของได้สะดวกมากๆครับ

ติดกันจะเป็นห้องพักแม่บ้านที่มีขนาด 2.65 x 1.9 m. สามารถวางเตียงและตู้เสื้อผ้าได้แบบพอดีๆ แต่ถ้าใครมีแม่บ้านมากกว่า 1 คน ก็แนะนำให้ใช้เตียงแบบ 2 ชั้น จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดีครับ

บริเวณหน้าห้องพักจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์กว้าง 1.8 x 3.2 m. เหมาะที่จะทำเป็น Laundry ได้สบายๆ หรือบางคนก็อาจทำเป็นมุมโต๊ะนั่งทานอาหารเล็กๆของแม่บ้านก็ได้ อีกทั้งฝั่งตรงข้ามก็จะมีห้องน้ำของแม่บ้านให้ใช้งานสะดวกครับ

ภายในห้องน้ำมีขนาด 1.2 x 2 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มาพร้อมกับฟังก์ชันอาบน้ำ และมีหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้ด้วย โดยเราสามารถติดม่านพลาสติกเพื่อให้มีความเป็นสัดส่วนตอนใช้งานเพิ่มก็ได้นะ

จุดที่ชอบอีกอย่างของโซนแม่บ้านก็คือ เค้าจะมีประตูระแนงที่สามารถเปิด-ปิดได้ ซึ่งช่วยพรางสายตา เพิ่มความปลอดภัย และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับแม่บ้านได้

แต่ยังคงมีช่องให้สามารถถ่ายเทอากาศได้ดี เหมาะกับฟังก์ชันครัวและ Laundry ที่ตอนใช้งานก็มักต้องการการระบายอากาศที่ดี ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น/ไอน้ำและความชื้นนั่นเองครับ

บริเวณหลังบ้านของจริงจะเป็นพื้นที่โรยด้วยหินกรวด ซึ่งยาวเชื่อมต่อข้างบ้านไปจนถึงประตูคนเดินด้านหน้าเลยครับ โดยเราสามารถจัดเป็นสวน หรือทำเป็นพื้นที่ตากผ้า และพื้นที่ทำงานอื่นๆของแม่บ้านได้ตามต้องการ

กลับมาที่โถงหน้าบ้านอีกครั้ง โดยการขึ้นไปยังชั้นบนจะมีตัวเลือกอยู่ 2 ทางคือ ลิฟต์โดยสารและบันได อีกทั้งบริเวณใต้บันไดก็จะมีห้องเล็กๆให้เก็บของได้ด้วยครับ

บันไดจะเป็นรูปตัว O เวียนรอบช่องที่อยู่ตรงกลางไปจนถึงด้านบนสุด โดยจะมีชานพักขนาดใหญ่ให้หยุดพักได้เป็นระยะๆ จึงทำให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กที่แข็งแรงทนทาน ปิดผิวด้วย Engineer Wood ลายไม้โอ๊คสีเข้ม และมีราวจับให้ใช้งานตลอดทางเลยครับ

ขึ้นมาด้านบนจะเป็นชั้นลอยที่ 1 ซึ่งเราสามารถมองเชื่อมต่อลงไปยังโถงต้อนรับด้านล่างได้ด้วย โดยชั้นนี้จะมีห้องที่กั้นด้วยผนังและประตูเป็นส่วนตัวครับ

ภายในห้องมีขนาดพื้นที่กว้าง 3 x 5.1 m. สามารถจัดเป็นห้องอเนกประสงค์อะไรก็ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน และห้องนอน เป็นต้น

โดยส่วนตัวผมคิดว่านี่เป็นห้องที่เหมาะเอาไว้ใช้รับแขกที่ไม่สนิท ซึ่งเราอาจไม่สะดวกพาขึ้นไปยังพื้นที่ส่วนตัวชั้นบนของบ้าน ก็สามารถใช้ห้องนี้เป็นพื้นที่รับรองได้ครับ

ความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.3 m. และปูพื้นด้วย Engineer Wood ลายไม้โอ๊คเช่นเดียวกับบันได ทำให้มีความหรูหราสวยงาม แต่ก็ทนน้ำและรอยขีดข่วนได้ดีทีเดียว

จุดที่ชอบของชั้นนี้ก็คือ “ช่องแสงและช่องเปิดต่างๆ” ซึ่งบ้านเกือบทั้งหลังผมคิดว่าเค้าออกแบบมาได้ดี อย่างห้องนี้ก็จะมีประตูระเบียง 2 ช่องทาง

โดยหากเราเปิดประตู/หน้าต่างทั้งด้านหน้า-ด้านหลังบ้านพร้อมกัน ก็จะทำให้ลมสามารถพัดผ่านได้สบายๆเลย

เริ่มกันที่ระเบียงทางด้านหน้าบ้าน ซึ่งจริงๆแล้วบริเวณนี้เค้าจะไม่ได้คิดเป็นพื้นที่ใช้สอยของชั้นลอยตามกฎหมาย (เพราะมีขนาดใหญ่เกิน 40% ของพื้นที่ทั้งชั้น ก็เลยเรียกว่าเป็นพื้นที่บนหลังคาแทน)

แต่ทางโครงการก็ได้ออกแบบให้เราสามารถออกมาใช้งานได้จริง ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้คุ้มค่ามากที่สุด โดยภายนอกจะมีขนาด 1.9 x 3.3 m. และยังเป็นพื้นที่ในร่มที่สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นรับลมแบบ Semi-Outdoor ได้สบายๆเลยครับ

ซึ่งกันตกของระเบียงนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Facade หน้าบ้าน โดยนอกจากจะช่วยพรางสายตา และเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งานแล้ว ผมยังชอบที่เค้ามีการเก็บรายละเอียดของขอบผนัง และเป็นวงกบแบบเข้ามุมเป็นชั้นๆ จึงทำให้ดูเรียบร้อยและสวยงามดีทีเดียว

ส่วนระเบียงที่อยู่ทางด้านหลังบ้านจะมีขนาด 2.8 x 1.7 m. กว้างมากกว่าทางหน้าบ้าน และเปิดรับวิวหลังบ้านได้เต็มที่ โดยมีราวกันตกกระจกนิรภัย Tempered Glass กั้นมาให้เรียบร้อยดี

และเช่นเดียวกับระเบียงด้านหน้า พื้นที่ตรงนี้จะไม่ได้นับเป็นพื้นที่ใช้สอยของชั้นลอย แต่สามารถออกมาใช้งานได้ตามปกติครับ

นอกจากนี้ก็ยังมีห้องน้ำให้ใช้งานในตัวด้วย โดยจะมีฟังก์ชันที่เป็นสัดส่วนครบ และได้สุขภัณฑ์จาก Kohler เหมือนบ้านตัวอย่างเลยครับ

เริ่มจากพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.3 x 1.9 m. มีอ่างล้างหน้าที่ Built ลิ้นชักด้านล่างมาให้ และกระจกด้านบนก็จะเปิดออกมาเก็บของได้แบบนี้เลย

แต่ที่ชอบก็คือช่องหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ทั้ง 2 ข้างของห้องน้ำ ซึ่งเราสามารถเปิดเพื่อระบายอากาศจากหน้าบ้านไปสู่หลังบ้านได้ดีมากๆ

และถึงแม้ว่าจะเป็นช่องหน้าต่างขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ทางโครงการก็ได้ทำเป็นกระจกฝ้ามาให้ และด้านนอกก็ยังมีระแนง Facade ของตัวบ้านช่วยพรางสายตาอยู่อีกชั้นหนึ่ง จึงสามารถเปิดค้างไว้ได้แบบไม่ต้องห่วงว่าจะเสียความเป็นส่วนตัวเลยครับ

อีกด้านหนึ่งของห้องน้ำจะเป็นพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.9 x 1 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ มาพร้อมกับฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยและ Hand Shower + Rain Shower ตามบ้านตัวอย่างเลย

ส่วนช่องหน้าต่างด้านหลังก็จะมีพื้นที่ด้านนอกนิดหน่อย ซึ่งเราอาจใช้เป็นจุดตากผ้าเล็กๆน้อยๆได้ครับ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะดูไม่เรียบร้อยนะ เพราะมี Facade ช่วยบังอยู่แล้วนั่นเอง

ต่อมาเราจะขึ้นไปดูชั้นถัดไปของตัวบ้านกันบ้างครับ ซึ่งจุดที่ผมสังเกตได้อีกอย่างก็คือ เนื่องจากตัวบ้านนี้มีความสูงค่อนข้างมาก จึงทำให้การติดตั้ง Chandelier หรือโคมไฟระย้าตรงกลางแบบทั่วไปคงสว่างไม่เพียงพอ

ดังนั้นทางโครงการจึงมีการติดตั้งไฟส่องสว่างดวงเล็กๆให้ทั้ง 4 มุมของบันได เพื่อให้มีความสว่างที่ทั่วถึง และใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยจะทำงานควบคู่กับ Motion Sensor ที่จะเปิด-ปิดได้แบบอัตโนมัตินั่นเองครับ

แปลนชั้น 2 จะเป็นโซนพักผ่อนหลักของสมาชิกทุกคนในครอบครัว โดยจะเป็นพื้นที่ Common Area เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่มาก ประกอบด้วยโซนของ Living Area ที่เป็นฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ถัดมาจะเป็น Dinning และ Kitchen รวมถึงยังมีห้องน้ำให้ใช้งานในชั้นนี้ได้สะดวกอีกด้วย

แปลนชั้นลอย (ที่ 2) เรียกได้ว่าขนาดพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันจะเหมือนกับชั้นลอยที่ 1 ก่อนหน้านี้เลยครับ ต่างกันตรงประโยชน์ใช้สอย ที่จะเหมาะกับฟังก์ชันที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เช่น ห้องนอนของลูกคนโต เป็นต้น

Highlight ของชั้นนี้ก็คือพื้นที่ Living Area ที่มีฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume 5 m. แถมเรายังได้ช่องแสงเกือบเต็มผนังอีกด้วย จึงทำให้มีบรรยากาศโปร่งโล่งเป็นพิเศษ เหมาะกับเป็นพื้นที่รวมตัวกันของสมาชิกทุกคนในบ้าน หรือจะใช้รับแขกคนสำคัญก็ดีครับ

สำหรับพื้นที่ใช้สอยของ Living Area จะกว้าง 4.7 x 4.7 m. สามารถใช้ชุดโซฟาตัวใหญ่ๆได้เลย โดยพื้นจะปูด้วยกระเบื้อง Porcelain แบบนี้ทั้งชั้น จึงทำให้สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

ถัดมาด้านในจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารได้ 8 – 10 ที่นั่ง เชื่อมต่อกับมุม Pantry ขนาดใหญ่ จึงเหมาะที่จะใช้จัดงานปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนๆมากๆ

และแน่นอนว่าการที่มีหน้าต่าง 2 ด้านแบบนี้ ก็จะช่วยทำให้มีการระบายอากาศที่ดีมากๆด้วยนั่นเอง ส่วนฝ้าเพดานของบริเวณนี้จะสูง 2.3 m. นะครับ

ซึ่งโต๊ะทานอาหารและโซฟาก็จะอยู่ติดกับช่องหน้าต่างแบบนี้ครับ สามารถรับแสงและเปิดระบายอากาศได้เต็มที่ โดยยังคงเป็นหน้าต่างแบบ Palladian Window ที่มีลวดลายช่องแสงสวยๆตามคอนเซ็ปต์โครงการ

ในส่วนของ Kitchen เราจะได้ชุดครัว Built-in เหมือนกับบ้านตัวอย่างเลยครับ ยกเว้นเตาอบ+ตู้แช่ไวน์ที่อาจต้องติดตั้งเพิ่มเอง (สีตู้ในเฟสแรกจะเป็นแบบนี้เลย แต่ในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ลองสอบถามโครงการอีกครั้งนะ)

เรียกได้ว่าพื้นที่เก็บของก็คือเยอะมาก และเป็นพื้นที่เตรียม/อุ่นอาหารเบาๆสำหรับเจ้าของบ้าน ที่เราสามารถมาใช้งานได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องลงไปถึงครัวชั้น 1 ให้เสียเวลา รวมถึงยังเป็นพื้นที่เหมาะสำหรับการจัดปาร์ตี้หรืองานสังสรรค์มากๆอีกด้วยครับ

อีกด้านหนึ่งจะเป็นพื้นที่วางตู้เย็น พร้อมช่องหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้ และติดกันจะเป็นห้องน้ำที่หลบมุมมองสายตาจาก Living Area จึงทำให้ดูเรียบร้อยและเป็นส่วนตัวดีทีเดียว

ภายในห้องน้ำเป็นแบบ Powder Room คือจะไม่มีส่วนอาบน้ำ ซึ่งเอาไว้ใช้งานสำหรับโซน Living Area มีขนาดกว้าง 1.1 x 1.9 m. ใช้งานได้สะดวก แถมยังมีหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้อีกด้วย

ขึ้นมาบนชั้นลอยที่ 2 บริเวณโถงทางเดินหน้าห้องจะสามารถมองเชื่อมต่อลงไปยัง Living Area ได้ด้วยแบบนี้ครับ

ส่วนภายในห้องนอนจะมีขนาดกว้าง 3 x 5.1 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ ซึ่งอันที่จริงก็จะมีขนาดและฟังก์ชันเหมือนกับชั้นลอยที่ 1 ก่อนหน้านี้เลยครับ

โดยห้องนี้จะเหมาะกับลูกคนโต ส่วนถ้าใครมีลูกคนที่ 2 ก็อาจทำชั้นลอยก่อนหน้านี้ให้เป็นห้องนอนแบบนี้ได้เหมือนกัน (ฝ้าเพดานสูง 2.3 m. และปูพื้นด้วย Engineer Wood ลายไม้โอ๊ค)

ด้านหน้าจะเป็นประตูที่เปิดออกไปสู่ระเบียงขนาด 1.9 x 2.3 m. แต่คราวนี้จะเป็นระเบียงแบบกลางแจ้งที่ไม่มีหลังคานะ ซึ่งเราอาจปลูกต้นไม้เพื่อช่วยเพิ่มร่มเงาได้

ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องก็จะเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าหน้าห้องน้ำ ที่สามารถใช้แต่งตัวหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สะดวก และยังมีระเบียงหลังบ้านให้ออกไปใช้งานได้ด้วย

โดยจะเป็นระเบียงในร่มที่ออกมานั่งเล่นพักผ่อน หรือตากผ้าเล็กๆน้อยๆได้ครับ (แน่นอนว่าจุดนี้ไม่ได้นับเป็นพื้นที่ใช้สอยของชั้นลอย แต่ก็สามารถออกมาใช้ประโยชน์ได้นั่นเอง)

ส่วนภายในห้องน้ำก็เรียกได้ว่ามีขนาดและฟังก์ชันครบ เหมือนกับห้องน้ำของชั้นลอยที่ 1 ก่อนหน้านี้เลยครับ รวมถึงยังมีช่องหน้าต่าง 2 ด้าน ให้เปิดระบายอากาศได้สะดวกอีกด้วย

ต่อมาเราจะขึ้นไปยังชั้นสุดท้ายของตัวบ้านกันครับ ซึ่งด้านบนสุดของโถงบันไดจะมีการทำเป็นช่อง Skylight ให้แสงสามารถส่องเข้ามาได้ เพื่อที่ตอนกลางวันจะได้ไม่ต้องเปิดไฟตลอดเวลานั่นเอง

แปลนชั้น 3 จะเป็นห้อง Master Bedroom แบบทั้งชั้น หรืออาจเรียกว่าเป็นชั้น Penthouse ส่วนตัวของเจ้าของบ้านเลยก็ได้ ภายในมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ และยังแบ่งทำเป็น Walk-in Closet กับห้องน้ำเป็นสัดส่วนได้อีกด้วย โดยความพิเศษของห้องน้ำนี้จะแตกต่างจากชั้นอื่นๆคือ จะมีฟังก์ชันอ่างอาบน้ำเพิ่มเข้ามา และยังกั้นโซนของโถสุขภัณฑ์ไว้เป็นสัดส่วนด้วยครับ

ขึ้นมายังโถงลิฟต์หน้าห้องชั้นบนสุด จะมีพื้นที่เหลือเล็กๆให้วางเฟอร์นิเจอร์ได้นิดหน่อย ส่วนประตูห้องนอนใหญ่ก็จะมีการติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เหมือนกับตรงทางเข้าหน้าบ้านตอนแรกด้วยครับ ซึ่งเราจะได้แบบนี้เป็นมาตรฐานทุกหลังเลย

ภายในห้อง Master Bedroom มีขนาดใหญ่มาก กว้างประมาณ 4.3 x 4.3 m. สามารถวางเตียง 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้ใช้สอยได้สะดวก

จุดที่ชอบก็คือ “ช่องแสงที่เยอะมาก” จึงทำให้มีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่งดีทีเดียว (ฝ้าเพดานสูง 2.3 m. และปูพื้นด้วย Engineer Wood ลายไม้โอ๊ค เหมือนกันชั้นอื่นๆ)

ปลายเตียงจะเป็นประตูที่เปิดออกไปยังระเบียงภายนอก มีขนาดประมาณ 3 x 1.2 m. สามารถออกไปยืนสูดอากาศหรือชมวิวได้นะครับ

และข้างๆกันก็จะเป็น Walk-in Closet ขนาด 2.85 x 3.5 m. สามารถ Built ตู้เสื้อผ้าได้รอบห้องแบบนี้เลยครับ โดยจะอยู่ติดกับห้องน้ำที่เราสามารถเดินออกมาแต่งตัวได้เลย

ภายในห้องน้ำมีขนาดใหญ่มาก และแบ่งพื้นที่ฟังก์ชันออกเป็นสัดส่วนชัดเจน

เริ่มจากทางซ้ายมือจะเป็นอ่างล้างหน้าตรงกลาง พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ที่เปิดเก็บของด้านในได้ ส่วนทั้ง 2 ข้างก็จะมีการกั้นกระจกแยกฟังก์ชันอื่นๆออกไปเป็นสัดส่วน

ซ้ายมือจะเป็นพื้นที่วางโถสุขภัณฑ์กว้าง 1 x 1.85 m. โดยจะเป็นพื้นเรียบให้เดินได้สะดวก และไม่ต้องห่วงเรื่องการ Drain ของน้ำนะครับ เพราะเค้าจะทำเป็นพื้นลาดไปยังท่อน้ำที่อยู่ด้านหลังเรียบร้อยแล้วนั่นเอง

ติดกันจะเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่แค่ให้แสงสว่าง หรือเปิดระบายอากาศเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดที่ช่างสามารถออกไปซ่อมบำรุงท่องานระบบ ที่อยู่ตรงช่องชาร์ปด้านนอกได้สะดวก รวมถึงเรายังอาจใช้ตากผ้าเล็กๆน้อยๆได้ด้วยนะ

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่ยืนอาบน้ำขนาด 1.5 x 0.85 m. สามารถใช้งานได้สะดวก มาพร้อมกับฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass และ Hand Shower & Rain Shower มาให้เป็นมาตรฐาน

อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นพื้นที่วางอ่างอาบน้ำจาก Kohler ซึ่งจะอยู่ติดกับช่องแสงขนาดใหญ่อีกด้าน ที่ช่วยทำให้ภายในห้องน้ำนี้มีความสว่างมากขึ้น

โดยภายนอกจะเป็นช่องระเบียงเล็กๆกว้าง 60 cm. ให้ช่างสามารถออกไปขึ้นบันไดลิง เพื่อไปซ่อมบำรุงหลังคา หรือทำความสะอาด Skylight ตรงโถงบันไดก่อนหน้านี้ได้ครับ

โดยหากเราเปิดช่องแสงทั้ง 2 ด้านของห้องน้ำแบบนี้พร้อมกัน ก็จะทำให้อากาศถ่ายเทได้เป็นอย่างดีเลยครับ ซึ่งเราไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวนะ เพราะนอกจากจะติดตั้งกระจกฝ้าแล้ว ภายนอกไม่ได้เป็นช่องเปิดโล่งที่จะมองเข้ามาได้ตรงๆนั่นเอง

อย่างบริเวณช่องแสงทางซ้ายมือ ผมก็ลองเสนอไอเดียว่าเราอาจทำเป็นกระจกใส และเพิ่มสวนแนวตั้งหรือ Vertical Garden บนผนังก็ได้ เพื่อที่เวลามาใช้งานห้องน้ำหรือนอนแช่น้ำอยู่ ก็จะได้มองเห็นพื้นที่สีเขียวสดชื่นๆได้ตลอดเวลาครับ

  • ทาวน์โฮม 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 7.8 – 8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 40 – 55.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 467.5 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 6 ที่จอดรถ / ลิฟต์ส่วนตัว

แปลนชั้น 1 จะมีลักษณะคล้ายๆกับบ้านแฝดก่อนหน้านี้ แต่จะได้พื้นที่จอดรถที่ซ้อนคันรวมกันได้มากถึง 6 คัน ส่วนภายในบ้านก็จะมีโถงต้อนรับ และเน้นพื้นที่ทำงานของแม่บ้านโซนด้านหลังบ้านเป็นหลัก ประกอบด้วย ห้องครัว ลานซักล้าง และห้องพักผ่อนของแม่บ้าน แต่จุดที่ผมชอบมากๆก็คือ ทางเข้าบ้านที่จะแยกบานประตูออกเป็น 2 ทาง ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะขึ้นไปพักผ่อนชั้นบนเลย หรือจะขนของเข้าไปเก็บในครัวทันทีก็ได้ โดยไม่ต้องผ่านฟังก์ชันอื่นๆก่อนให้เสียเวลาครับ

แปลนชั้น 2 ของจริงจะเป็นพื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่แบบโล่งๆทั้งชั้นเลยครับ โดยจะแบ่งเป็นห้องครัวเล็กๆด้านหน้า และห้องน้ำอยู่ทางด้านหลัง ซึ่งชั้นนี้เราสามารถออกแบบพื้นที่ใช้สอยเองได้ตามต้องการ เช่น อาจทำเป็นพื้นที่นั่งทำงานของน้องๆพนักงาน ในกรณีที่เราทำเป็นโฮมออฟฟิศส่วนตัว หรือถ้าใครที่อยู่อาศัยกันเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ ก็อาจกั้นฟังก์ชันทำเป็นห้องนอนเพิ่มเติมอีกสัก 1 – 2 ห้องได้ครับ

เริ่มต้นที่พื้นที่จอดรถบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเราจะได้ประตูรั้วรางเลื่อนแบบไฟฟ้าอัตโนมัติ และพื้นเป็น Concrete Stamp แบบโครงสร้าง Slab on Ground เหมือนบ้านแฝดก่อนหน้านี้เลยครับ

แต่ความกว้างของพื้นที่จอดรถจะมากกว่าอยู่ที่ 7.6 x 10 m. ทำให้สามารถจอดแบบ 3 คันซ้อนกัน 2 ชั้นได้รวมมากถึง 6 คันเลยทีเดียว จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีรถหลายคัน หรือเป็นคนที่ทำบ้านเป็นโฮมออฟฟิศ ก็จะได้มีที่จอดรถไว้รองรับพนักงานเพียงพอครับ

ถัดเข้ามาจะมี EV Charger ให้ใช้งานได้เช่นเดิม ส่วนทางเข้าของบ้านจะมีชานพักให้วาง/ถอด-ใส่รองเท้าได้สะดวก และมีประตูทางเข้า 2 บานด้วยกัน

ซึ่งทางซ้ายมือจะเป็นทางไปห้องครัวโดยตรง เหมาะกับเวลาที่เราไปช้อปปิ้งมา แล้วจะขนของเข้าไปเก็บหลังบ้านเลย ส่วนทางขวามือจะเป็นทางเข้าหลักของบ้านเพื่อตรงขึ้นชั้นบน และมีการติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เป็นมาตรฐานเช่นเดิม

สำหรับทางเข้าบ้านหลักขวามือจะเป็น Foyer ที่มีบันไดกับลิฟต์เชื่อมต่อไปยังชั้นบนของบ้าน รวมถึงยังมีประตูทางเข้าห้องครัวอีกฝั่งจากในนี้ด้วย

ซึ่งบริเวณนี้จะมีความสว่างและโปร่งโล่งมาก เพราะผนังฝั่งหน้าบ้านจะเป็นกระจกขนาดใหญ่ทั้งผืนเลย ส่วนพื้นที่ตรงนี้ก็เหมาะจะวางหรือ Built-in ตู้รองเท้าเพิ่มเติมได้สบายๆครับ

โดยพื้นจะปูด้วยกระเบื้อง Porcelain ที่เวลาถอด-ใส่รองเท้าบริเวณนี้ก็จะสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย และมีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.4 m. เป็นมาตรฐาน

ห้องครัวจะมีขนาดใหญ่พอสมควร เป็นพื้นที่รูปทรงตัว L กว้าง 1.2 m. ให้ใช้งานได้สบายๆ โดยจะมีการลดระดับพื้นลงจากในบ้าน เพื่อที่จะได้เช็ดล้างทำความสะอาดได้เต็มที่

ส่วนพวกชุดเคาน์เตอร์ครัว Built-in เราก็จะได้เหมือนบ้านตัวอย่างนี้ทั้งหมดเลย Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีดำ และมีช่องหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้ดีด้วยครับ

ประตูห้องครัวจะเชื่อมต่อมายังโซนด้านหลังบ้าน ซึ่งจะเป็นพื้นที่ Laundry กว้างประมาณ 1.8 m. สามารถวางเครื่องซักผ้าในร่มได้ 2 เครื่องสบายๆ และถัดมาจะเป็นส่วนของแม่บ้าน ประกอบด้วยห้องน้ำและห้องพักผ่อน

ภายในห้องแม่บ้านจะกว้าง 2.35 x 1.65 m. สามารถวางเตียงและตู้เสื้อผ้าได้แบบพอดีๆ หรือถ้าใครที่ไม่ได้มีแม่บ้านนอนประจำก็อาจปรับเป็นห้องเก็บของได้ และติดกันจะเป็นห้องน้ำแม่บ้านที่มีฟังก์ชันอาบน้ำในตัว ขนาดกว้าง 1.3 x 1.8 m. ใช้งานได้พอดีๆ

นอกจากนี้ก็ยังมีบันไดลิงที่เชื่อมต่อไปยังทุกๆชั้นของบ้าน ซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมายควบคุมอาคารพักอาศัยที่มีจำนวนชั้นสูงเกิน 4 ชั้น จะต้องทำบันไดหนีไฟไว้เพื่อความปลอดภัยครับ

ส่วนพื้นที่ด้านหลังบ้านของจริงก็จะโรยหินกรวดมาให้ และเราก็อาจปลูกต้นไม้/ทำสวน หรือจะทำเป็นพื้นที่ตากผ้าหลังบ้านก็ได้ครับ

กลับมาที่ Foyer หน้าบ้านอีกครั้ง โดยใต้บันไดจะเป็นห้องเก็บของเล็กๆให้ใช้งาน ส่วนโครงสร้างบันไดก็จะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วย Engineer Wood และมีราวจับตลอดทาง

ขึ้นมาตรงครึ่งชั้นแรกเราจะเจอกับชานพักขนาดใหญ่ ที่จะมีห้องน้ำให้เราได้ใช้งานก่อนออก/หลังกลับมาจากบ้านแบบด่วนๆ รวมถึงยังใช้เป็นห้องน้ำแขกด้วยนั่นเองครับ

ภายในห้องน้ำจะเป็นแบบ Powder Room ที่ไม่ได้มีฟังก์ชันอาบน้ำ แต่จะมีสุขภัณฑ์อื่นๆให้ใช้งานครบ พื้นที่ใช้สอยกว้าง 1 x 2 m. ใช้งานได้สะดวก แต่ที่ชอบก็คือจะมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ให้เปิดระบายอากาศและทำให้ห้องน้ำสว่างมากๆอีกด้วย

ถัดขึ้นมาอีกครึ่งชั้นเราก็จะถึงชั้น 2 ของตัวบ้าน โดยพื้นจะปูด้วยกระเบื้อง Porcelain เพราะเป็นพื้นที่ที่อาจมีคนมาใช้งานค่อนข้างบ่อย จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายๆ และมีฝ้าเพดานสูง 2.4 m. เป็นมาตรฐานครับ

พื้นที่ของชั้นนี้จะเป็น Common Area ขนาดใหญ่โล่งๆ กว้าง 4.8 x 11 m. เชื่อมต่อตั้งแต่หน้าบ้านถึงหลังบ้าน ซึ่งเราสามารถจัดแบ่งฟังก์ชันได้ตามต้องการ เช่น พื้นที่นั่งทำงาน หรือจะกั้นเป็นห้องนอนเพิ่ม 1 – 2 ห้องก็ได้

โดยบ้านตัวอย่างหลังนี้ก็ได้ออกไอเดียกรณีทำเป็น Home Office ตรงกลางทำเป็นชุดโซฟารับแขก หรือเป็นจุดนั่งเล่นพักผ่อนของน้องๆพนักงานได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ทำเป็นโต๊ะนั่งทำงานได้ 6 – 8 ที่นั่งครับ

เพิ่มเติมสำหรับช่องหน้าต่างของทาวน์โฮมหลังนี้ จะมีการดีไซน์เป็นลักษณะเหมือนกล่องยื่นออกมาจากผนังบ้านอีกที ทำให้ Facade มีความโดดเด่นตามคอนเซ็ปต์ Modern Palladian Style

ซึ่งผมได้สอบถามกับสถาปนิกโครงการมาแล้วว่า เค้าจะออกแบบให้มีช่องว่าตรงใต้กรอบอาคารอีกที เพื่อที่จะได้ช่วยระบายน้ำฝนที่สาดเข้ามา และไม่ทำให้เกิดน้ำขังเจิ่งนองแน่นอนครับ

สำหรับชั้น 2 นี้จะมีการกั้นห้องครัวเป็นผนังกระจก พร้อมประตูปิดมิดชิดเป็นสัดส่วน แต่ถ้าเป็นห้องข้างๆกันของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ ที่เราสามารถกั้นผนังเพิ่มความเป็นส่วนตัวเองได้ครับ

โดยพื้นที่ใช้สอยของห้องด้านหน้าบ้านนี้จะกว้าง 2.7 x 2.7 m. สามารถจัดเป็นห้องทำงานของผู้จัดการแบบนี้ก็ได้

ติดกันจะเป็นฟังก์ชันครัวที่ภายในมีขนาด 2 x 1.3 m. ให้ใช้งานได้พอดีๆ มาพร้อมกับชุดเคาน์เตอร์ครัว Built-in เหมือนในบ้านตัวอย่างเลยครับ

เหมาะกับใช้อุ่นอาหารเบาๆหรือชงกาแฟได้สะดวก โดยไม่ต้องลงไปถึงครัวชั้นล่างให้เสียเวลานั่นเอง

ส่วนบริเวณด้านหลังบ้านเค้าก็จะทำไอเดียกั้นเป็นห้องประชุมเล็กๆมาให้ดูครับ หรือหากใครต้องการกั้นผนังทึบทำเป็นห้องนอนจริงจัง ก็สามารถลองออกแบบและกั้นผนังได้เองเลย

เพราะพื้นที่ใช้สอยชั้นนี้คือกว้างและเยอะเหลือเฟือ เพียงแต่เราอาจต้องต่อเติมห้องน้ำเพิ่มเองด้วยนะ เนื่องจากห้องน้ำตรงชานพักตอนแรกนั้นจะยังไม่มีพื้นที่อาบน้ำรองรับ สำหรับห้องนอนที่จะเพิ่มขึ้นมาครับ

ประตูเหล็กหลังบ้านจะเป็นทางหนีไฟ ที่เปิดออกไปก็จะเจอบันไดลิงก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมีอยู่ในทุกๆชั้นเพื่อความปลอดภัยตามกฎหมายครับ

ถัดมาเราจะขึ้นไปดูบนชั้น 3 กันต่อเลยครับ ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะเดินออกกำลังกายขึ้นบันได หรือขึ้นลิฟต์ไปสบายๆก็ได้เหมือนเดิมนะ

แปลนชั้น 3 จะเป็นพื้นที่พักผ่อนหลักของตัวบ้านครับ ซึ่งจะเป็น Common Area ขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันทั้งชั้นเช่นเดียวกับชั้นที่ 2 ก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่พิเศษกว่าก็คือ จะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume จึงมีความสว่างโปร่งโล่งมากๆ

รวมถึงยังมีการกั้นฟังก์ชันครัวขนาดใหญ่มาให้ใช้ได้จริงจังมากขึ้น นั่นหมายความว่าเจ้าของบ้านสามารถแยกการใช้งาน และใช้ชีวิตอยู่แต่ในชั้นนี้ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องลงไปในโซนของพนักงานหรือโซนแม่บ้านชั้นล่างเลยนั่นเอง

แปลนชั้นลอย จะเป็นฟังก์ชันของห้องนอน หรือสามารถปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้ตามต้องการ โดยจะมีห้องน้ำในตัวให้ใช้งานสะดวกด้วย ซึ่งจุดเด่นของชั้นนี้ก็คือ จะมีมุมมองที่สามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่ Common Area ของชั้น 3 ได้ทั้งบริเวณโถงลิฟต์หน้าห้อง และช่องหน้าต่างในห้องนอนครับ

สำหรับ Highlight ของบ้านหลังนี้ก็คือ Common Area ที่อยู่บนชั้น 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume 4.8 m. ที่มีขนาดใหญ่กว่าของบ้านแฝดก่อนหน้านี้ซะอีก และปูพื้นด้วยกระเบื้อง Porcelain ทำให้ดูหรูหราและเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายครับ

และด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่แบบนี้ จึงทำให้เราสามารถแบ่งฟังก์ชันได้ตามต้องการ อย่างบ้านตัวอย่างนี้ก็ได้จัดพื้นที่โซฟานั่งเล่นให้อยู่ติดริมหน้าต่าง ซึ่งเราสามารถใช้นั่งเล่นดูทีวีหรือรับแขกก็ได้

โดยผมค่อนข้างมั่นใจว่าเมื่อแขกมาถึงบนชั้นนี้ ก็จะต้องประทับใจกับความโอ่โถงของพื้นที่นี้แบบผมอย่างแน่นอน ส่วนอีกด้านก็สามารถทำเป็นพื้นที่โต๊ะทานอาหาร และกั้นเป็นครัวปิดให้ใช้งานต่อเนื่องกันได้แบบนี้เลยครับ

ภายในครัวมีขนาดใหญ่ กว้าง 2.6 x 3.65 m. และเราจะได้ชุดเคาน์เตอร์ครัว Built-in รูปตัว L แบบบ้านตัวอย่างเลยครับ ส่วนโต๊ะเตรียมอาหาร Island Table ตรงกลางเราจะต้องทำเพิ่มเองนะ

อีกด้านหนึ่งของห้องครัวจะเป็นประตูหนีไฟและห้องน้ำ ซึ่งภายในจะมีขนาดใหญ่และมีฟังก์ชันอาบน้ำรองรับการใช้งานด้วย

ขึ้นมาบนชั้นลอยจะมีพื้นที่โถงทางเดินหน้าลิฟต์ ที่มีลักษณะคล้ายระเบียงและสามารถมองเชื่อมต่อลงไปยัง Common Area ที่อยู่ชั้นล่างได้ทั้งหมดเลย

ถัดมาจะเป็นห้องนอนที่อยู่บนชั้นลอย ภายในมีขนาดใหญ่กว้าง 4.25 x 4.4 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตตรงกลาง แล้วมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้ใช้งานได้สบายๆ

โดยห้องนี้ก็เหมาะที่จะเป็นห้องนอนลูกคนโตครับ หรือใครจะปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ตามต้องการ (พื้นเป็น Engineer Wood และฝ้าเพดานสูง 2.1 m.)

ด้านซ้ายของเตียงจะเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า และยังมีช่องกระจกขนาดใหญ่ ที่สามารถมองเชื่อมต่อลงไปยัง Common Area ที่อยู่ชั้น 3 ก่อนหน้านี้ได้ด้วย

ทำให้เราสามารถมองเห็นได้ว่ามีใครมาหา หรือคนอื่นๆกำลังทำอะไรกันอยู่ด้านล่างได้ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาออกจากห้องนี้เลยครับ

อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นพื้นที่วางทีวี ประตูหนีไฟ และมีห้องน้ำในตัว

ภายในห้องน้ำนี้จะมีขนาดและฟังก์ชันเหมือนกับชั้น 3 ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมีการแบ่งฟังก์ชันแยกจากกันชัดเจน และมาพร้อมกับสุขภัณฑ์จาก Kohler ครบเป็นมาตรฐาน

พื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.1 x 1.65 m. สามารถใช้งานได้สะดวกมากๆ โดยจะมีฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานแล้ว

ภายในมี Hand Shower & Rain Shower รวมถึงยังมีช่องแสงขนาดใหญ่ที่สามารถระบายอากาศ และทำให้ห้องน้ำนี้สว่างมากๆอีกด้วย

ในส่วนของโถงบันไดชั้นบนสุดจะมีช่อง Skylight ที่ช่วยให้แสงสว่างส่องลงมาได้เหมือนบ้านแฝดเลยครับ

แปลนชั้น 4 ทั้งชั้นจะเป็นห้อง Master Bedroom ลักษณะเป็นเหมือน Penthouse ขนาดใหญ่ และยังมีพื้นที่ Walk-in Closet เอาไว้ใช้แต่งตัวแบบจริงจังได้อีกด้วย โดยทางโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าต่างๆมาให้พร้อมใช้งานเลย (ซึ่งเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาให้จากโครงการอยู่เจริญตัวก่อนหน้านี้) และห้องน้ำก็มีขนาดใหญ่มาก มาพร้อมฟังก์ชันอ่างอาบน้ำให้ใช้งานได้ด้วย

สำหรับพื้นที่โถงทางเดินหน้าห้องจะมีมุมอเนกประสงค์เล็กๆ ที่กว้าง 1.65 x 3 m. ซึ่งเราอาจทำเป็นมุมโต๊ะหมู่บูชา หรือจะเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนก็ได้นะครับ

ภายในห้อง Master Bedroom มีขนาดใหญ่มาก สามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้เป็นสัดส่วนตามต้องการ โดยประตูทางเข้าจะมีการติด Digital Door Lock มาให้เป็นมาตรฐาน รวมถึงพื้นจะปูด้วย Engineer Wood และได้ฝ้าสูง 2.3 m.

อีกด้านหนึ่งของห้องจะกั้นผนังทำเป็น Walk-in Closet แบบจริงจัง โดยมีตู้เสื้อผ้าให้ใช้อย่างจุใจทั้ง 2 ฝั่ง แต่เราจะไม่ได้โต๊ะตรงกลางนะครับ

ฟังก์ชันสุดท้ายจะเป็นห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังบ้าน ภายในมีขนาดใหญ่และยังได้ช่องแสงถึง 2 ด้าน จึงมีความสว่างและโปร่งโล่งมากๆ (ของจริงหน้าต่างจะไม่ได้โล่งและใสแบบนี้ แต่จะมีกระจกฝ้าและระแนง Facade ช่วยพรางสายตาด้านนอกให้ด้วยครับ)

ตรงกลางห้องจะเป็นพื้นที่วางอ่างอาบน้ำจาก Kohler ส่วนอีกด้านก็จะมีฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass แบ่งฟังก์ชันทั้ง 2 แยกออกจากกันเป็นสัดส่วน

โดยขนาดพื้นที่จะกว้างเท่ากันคือ 1.5 x 1.5 m. ทำให้ใช้งานได้แบบสบายๆครับ มาพร้อมกับ Hand Shower & Rain Shower ให้เลือกใช้งานได้แบบนี้เลย

อีกด้านหนึ่งนอกจากจะเป็นอ่างล้างหน้า พร้อมกระจกเงาบานใหญ่แล้ว ยังมีประตูหนีไฟ และประตูที่เปิดออกไปใช้งานระเบียงภายนอกได้ด้วย ซึ่งอาจปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มความสดชื่น หรือจะใช้ตากผ้าเล็กๆน้อยๆก็ได้นั่นเอง

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

Baan U Charoen Eastville ราคา ณ วันที่ 20 มีนาคม 2566

  • ทาวน์โฮม 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 7.8 – 8 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 40 –  55.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 467.5 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 6 ที่จอดรถ / ลิฟต์ส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท
  • บ้านแฝด 3 ชั้น + ชั้นลอย 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 43.8 – 49.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 411.3 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอนใหญ่ / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ / ลิฟต์ส่วนตัว
    – ราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท
  • ค่าจอง 200,000 บาท
  • ค่าทำสัญญา 2,000,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 250,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 130 บาท/ตร.วา/เดือน
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • Promotion : ส่วนลดสูงสุด 5 ล้านบาท (ระยะเวลาถึง 31 ธ.ค. 2566)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ตั้งอยู่ในซอยนาคนิวาส 6 ใกล้ห้างเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เพียง 350 m. โดยนอกจากทำเลจะอุดมสมบูรณ์มากๆแล้ว เรายังสามารถใช้ประโยชน์จากทางเข้า-ออกของห้าง เพื่อเป็นทางลัดในตอนกลางวันได้สะดวกอีกด้วย รวมถึงซอยนาคนิวาสเองก็เป็นซอยลัดที่เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง และมีทางด่วนฉลองรัชให้ใช้ในระยะ 3.1 – 5.2 km.

โดยที่อยู่อาศัยระดับ Super Luxury ที่มีราคา 38 ล้านขึ้นไป บนทำเลในย่านนี้มีตัวเลือกเยอะมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้โครงการ Baan U Charoen Eastville มีความโดดเด่นกว่าเพื่อนบ้านก็คือ เค้าเป็นโครงการจัดสรรใหม่ที่อยู่ใกล้ห้างเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ มากที่สุดของย่านในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ จึงเหมาะกับคนที่เน้นใช้ชีวิตไปช้อปปิ้งหรือไปเดินเล่นพักผ่อนที่ห้างนี้บ่อยๆ ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ว่าทำไมถึงมีมูลค่าค่อนข้างสูง ถึงแม้จะเป็นโครงการในซอยย่อยแบบนี้ก็ตามนั่นเองครับ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ด้านหน้ามีป้อม รปภ. และไม้กั้นกระดกที่เปิด-ปิดด้วยสัญญาณ Bluetooth พร้อมกล้อง CCTV ส่วนภายในบ้านจะมี Motion Sensor / IP Camera และ Digital Door Lock ติดตั้งให้เป็นมาตรฐานทุกหลังเลยครับ ซึ่งอาจน้อยไปหน่อยสำหรับบ้านระดับราคานี้ แต่เราอาจเพิ่ม Magnetic หรือ Shock Sensor เพิ่มเองก็ได้นะ

การออกแบบโครงการ : เป็นโครงการขนาดเล็กที่เน้นความเป็นส่วนตัวมากๆครับ โดยจะมีเพื่อนบ้านแค่เพียง 28 ยูนิต รวมถึงยังมีการจัดอาคาร Clubhouse เอาไว้ด้านในสุด ทำให้เวลามาใช้งานส่วนกลางก็จะได้ความเป็นส่วนตัวไปด้วยนั่นเอง ส่วนทาวน์โฮมก็จะอยู่ภายในซอยย่อย และมีเพื่อนร่วมซอยเพียง 10 หลังเท่านั้น ภาพรวมจึงเป็นโครงการที่เหมาะกับคนที่ชอบความเงียบสงบและไม่วุ่นวายครับ

การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : โครงการนี้จะมีทาวน์โฮมและบ้านแฝดให้เลือก โดยทั้ง 2 โปรดักส์จะมีจุดเด่นที่เหมือนกันก็คือ พื้นที่ใช้สอยที่เยอะมากกว่า 400 ตร.ม. ซึ่งเทียบเท่ากับบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ๆเลยทีเดียว

โดยจะเน้นพื้นที่ใช้สอยแนวตั้งเป็นหลัก และขึ้นลงสะดวกด้วยลิฟต์โดยสาร อีกทั้งยังทำให้สามารถแบ่งโซนการใช้งานแยกจากกันเป็นชั้นๆได้ชัดเจนอีกด้วย อย่างชั้นล่างสุดก็เป็นพื้นที่ต้อนรับและพื้นที่ทำงานของแม่บ้าน ชั้นกลางๆเป็นพื้นที่พักผ่อนร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว ส่วนชั้นบนๆก็จะเป็นห้องนอนส่วนตัวครับ

จุดที่ชอบของแบบบ้านที่นี่ก็คือ Common Area ที่มีขนาดใหญ่มากๆ และยังเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume จึงมีความโปร่งโล่งมากเป็นพิเศษ รวมถึงยังออกแบบช่องหน้าต่างให้เกิด Ventilation ได้ดี  มีความยืดหยุ่นของพื้นที่สูง ซึ่งเราสามารถออกแบบและจัดแบ่งฟังก์ชันให้เหมาะกับความต้องการ และ Lifestyle ของเราได้ด้วยตัวเองครับ เช่น บางคนที่ซื้อทาวน์โฮมไปก็อาจปรับเป็น Home Office และพื้นที่นั่งทำงานของพนักงานได้นั่นเอง

วัสดุ : โครงสร้างบ้านเป็นการก่ออิฐมวลเบา แต่จุดที่ผมชอบมากๆก็คือ ผนังด้านข้างของบ้านทุกยูนิตจะเป็นผนัง 2 ชั้น (Double Wall) ซึ่งช่วยป้องกันเรื่องเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านข้างๆได้ดี จึงทำให้การอยู่อาศัยมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

รวมถึงวัสดุต่างๆก็ให้มาเหมาะสมกับการใช้งานดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้อง Porcelain และ Engineer Wood มีการ Built-in ชุดครัว + Walk-in Closet มาให้พร้อมใช้งาน รวมถึงยังมีการติดตั้งประตูรั้วอัตโนมัติและ EV Charger มาให้แล้วด้วย จึงทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปหาทำเพิ่มเองครับ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ปัจจุบันโครงการกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ดังนั้นเราจึงยังไม่ได้เห็นพื้นที่ส่วนกลางด้านใน และเค้าก็ยังไม่ได้เอาต้นไม้มาลงครบทั้งหมดนะครับ แต่จากภาพ Master Plan เราจะเห็นว่ามีการปลูกต้นไม้ริมถนน Main ตลอดเส้นทางยาวไปจนถึง Clubhouse ที่อยู่ด้านในสุด ซึ่งก็น่าจะช่วยทำให้บรรยากาศมีความร่มรื่นและสดชื่นพอสมควร แต่ทั้งนี้ก็จะต้องรอชมของจริงในอนาคตอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไรบ้างนะครับ

สาธารณูปโภค : ถึงแม้จะเป็นโครงการขนาดเล็ก แต่ก็มีการทำอาคาร Clubhouse และจัดฟังก์ชันพื้นที่ส่วนกลางหลักๆมาให้ใช้งานครบ โดยจะมีทั้งสระว่ายน้ำ พื้นที่นั่งทำงาน และห้องออกกำลังกาย ซึ่งค่าส่วนกลาง 130 บาท/ตร.วา อาจดูค่อนข้างสูงอยู่สักหน่อย เป็นเพราะเรามีเพื่อนบ้านช่วยแชร์กันน้อยจึงเป็นเรื่องปกติครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 38 ล้านบาท, 20 มีนาคม 2566

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ใกล้ห้างเซ็นทรัล มีความอุดมสมบูรณ์สูง ถนนซอยเข้า-ออกได้หลายทาง และไม่ไกลจากทางด่วนฉลองรัช
  • ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วกั้นไม้กระดก รปภ. และกล้อง CCTV แต่ในบ้านอาจต้องติดตั้งเพิ่มเองอีกหน่อย
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัว พื้นที่ใช้สอยเยอะ เน้นพื้นที่แนวตั้งเป็นหลัก ฟังก์ชันยืดหยุ่น ระบายอากาศได้ดี
  • วัสดุ 8/10 – โครงสร้างก่ออิฐมวลเบา ผนัง Double Wall พร้อมให้ชุดครัว + Walk-in Closet และส่วนอื่นๆก็ได้มาดีสมราคา
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – มีการปลูกต้นไม้ตามแนวถนน Main และตรงส่วนกลาง แต่อาจต้องรอชมบรรยากาศของจริงอีกที
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ถึงจะเป็นโครงการเล็ก แต่ก็มีฟังก์ชันให้ใช้งานครบ ค่าส่วนกลางแพงอยู่สักหน่อย เพราะมีคนช่วยแชร์น้อย
  • 7.88 / 10.00

Baan U Charoen Eastville เหมาะกับใคร

โครงการ Baan U Charoen Eastville (บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์) เหมาะกับคนที่มองหาทาวน์โฮมและบ้านแฝดในย่านเลียบด่วนรามอินทรา ที่อยู่ใกล้กับห้างเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ซึ่งเป็นโครงการที่มียูนิตน้อยเป็นส่วนตัว พื้นที่ใช้สอยเยอะ และมีความยืดหยุ่นให้สามารถปรับเปลี่ยนหรือออกแบบฟังก์ชันได้เองตามต้องการ โดยมีโครงสร้างก่ออิฐมวลเบา และยังได้ผนังบ้านแบบ Double Wall ที่ช่วยกันเสียงและเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดี มาพร้อมกับฟังก์ชันส่วนกลางให้ใช้งานครบ และควรมีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 38 ล้านบาทขึ้นไปครับ


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc