…วันนี้เราจะพาทุกคนหนีออกนอกประเทศ!! ไปกับโครงการ สิริ เพลส บางนา – สุวรรณภูมิ ที่ออกแบบบรรยากาศส่วนกลางมาในคอนเซ็ปต์ New York City แบบจัดเต็มไม่เหมือนใครในย่าน และถือเป็นหนึ่งในซีรีย์ Dream Destination แห่งที่ 2 ของเมืองนี้จากแสนสิริอีกด้วยครับ โดยความน่าสนใจหรือ Highlights ของโครงการผมมองว่ามีดังนี้

  • Concept ของโครงการ ที่ได้จำลองสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆของ New York City ให้กลายมาเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ และแตกต่างจากเพื่อนบ้านย่านเดียวกันมากๆ
  • มีบ้านให้เลือก 2 แบบ พร้อมห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง และได้ฝ้าเพดานในห้องนอนใหญ่ที่สูงถึง 3.6 m. บรรยากาศจึงโปร่งโล่งดี
  • ทำเลในซอยวัดศรีวารีน้อยที่ค่อนข้างเงียบสงบ ใกล้โซนทางฝั่งลาดกระบัง-สุวรรณภูมิ มีแหล่งจับจ่ายใช้สอยอยู่ไม่ไกล ใกล้สนามบิน และเดินทางด้วยรถยนต์สะดวก

ข้อมูลโครงการ

Siri Place Bangna – Suvarnabhumi (สิริ เพลส บางนา – สุวรรณภูมิ) ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565

 ชื่อโครงการ   Siri Place Bangna – Suvarnabhumi (สิริ เพลส บางนา – สุวรรณภูมิ)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS   ECONOMY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   ถ. ศรีวารีน้อย อ. บางพลี จ.สมุทรปราการ
 ที่ดิน  25-1-47.47 ไร่
 จำนวนยูนิต  285 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • SOHO ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.2 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 16.25 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 99 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
  • BLOOKLYN ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 18.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 118 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   2.6 – 3.6 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ     N/A บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2564
 Pre-Sale   ปลายเดือน มีนาคม 2565
 เว็บไซต์โครงการ   https://www.sansiri.com/townhome/siri-place-bangna-suvarnabhumi/th/
 Call Center   1685

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ตั้งอยู่บนถนนวัดศรีวารีน้อย ในตำแหน่งใกล้โซนลาดกระบัง-สุวรรณภูมิ ที่มีความเงียบสงบและเหมาะแก่การอยู่อาศัยของถนนเส้นนี้
  • มีทางด่วนให้ใช้เข้า-ออกเมืองหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์เวย์ / ถนนกาญจนาภิเษก และทางด่วนบูรพาวิถี
  • ละแวกใกล้เคียงมีทั้งตลาด ห้างสรรพสินค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ให้ไปจับจ่ายใช้สอยได้ไม่ยาก รวมถึงยังใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิอีกด้วย

พิกัด Google Maps : 13.679794, 100.791832
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

สิริ เพลส บางนา – สุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ภายในซอยประชาร่วมใจ บนถนนวัดศรีวารีน้อย ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างถนนบางนา-ตราด และถนนลาดกระบัง โดยตำแหน่งที่ตั้งโครงการจะอยู่ใกล้กับทางฝั่งของลาดกระบัง และจะมีบรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะแก่การอยู่อาศัยมากกว่าถนนวัดศรีวารีน้อยทางฝั่งบางนา-ตราด ที่จะเต็มไปด้วยโรงงานและโกดังสินค้ามากมาย ทำให้มีรถบรรทุกเข้า-ออกเยอะมากๆ แต่ถ้าเราขับรถมาประมาณครึ่งทางของถนนเส้นนี้ ก็จะพบกับโซนหมู่บ้านจัดสรรและตลาดที่น่าอยู่มากขึ้นครับ

ดังนั้นทำเลนี้จึงเหมาะกับคนที่เน้นใช้ชีวิตมาทางฝั่งลาดกระบัง-พระราม 9 เป็นหลัก ซึ่งก็จะมีทั้งตลาด คอมมูนิตี้มอลล์ และซูเปอร์มาร์เก็ตครบครัน หรือถ้าจะมายังฝั่งบางนา-ตราด ผมก็แนะนำให้ใช้เส้นทางของถนนสุวรรณภูมิ ที่เป็นถนนเส้นใหญ่และรถไม่ติดเลยครับ โดยเราสามารถมาเดินเล่นที่ Central Village และมายังสนามบินสุวรรณภูมิได้ง่ายๆ หรือจะเลยไป Mega Bangna ก็สะดวก อีกทั้งยังมีสถานศึกษาชื่อดังอยู่ใกล้ๆหลายแห่ง รวมถึงทำเลรอบๆโครงการก็ยังมีทางด่วนให้ใช้เข้า-ออกเมืองได้หลายเส้นทางด้วย

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

Image 1/4
สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 11 km. สามารถออกเมืองไปทางชลบุรี หรือจะเชื่อมต่อเข้าเมืองไปทางพระราม 9 และไปขึ้นทางพิเศษศรีรัชได้อีกด้วยครับ

สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 11 km. สามารถออกเมืองไปทางชลบุรี หรือจะเชื่อมต่อเข้าเมืองไปทางพระราม 9 และไปขึ้นทางพิเศษศรีรัชได้อีกด้วยครับ

การเดินทางมายังโครงการ :

Image 1/8
การเดินทางมายังโครงการสามารถมาได้ทั้งจากถนนบางนา-ตราด และถนนลาดกระบังเลยครับ โดยวันนี้ผมจะพามาทางเส้นทางของถนนลาดกระบัง ซึ่งก็ให้เราเลี้ยวขวาเข้ามายังซอยลาดกระบัง 54 ที่เชื่อมต่อกับถนนวัดศรีวารีน้อยตามปกติ ขับตรงมาประมาณ 5.5 km. ก็จะเจอกับซอยประชาร่วมใจที่โครงการตั้งอยู่ทางขวามือ และเราก็จะต้องไปกลับรถมาก่อนครับ โดยให้ขับเลยมาหน่อยก็จะมีจุดให้กลับรถได้เลย (ไม่จำเป็นต้องไปอ้อมไกลตาม Google Map) เมื่อเข้าซอยประชาร่วมใจแล้วขับตรงมาประมาณ 500 m. ก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือครับ

การเดินทางมายังโครงการสามารถมาได้ทั้งจากถนนบางนา-ตราด และถนนลาดกระบังเลยครับ โดยวันนี้ผมจะพามาทางเส้นทางของถนนลาดกระบัง ซึ่งก็ให้เราเลี้ยวขวาเข้ามายังซอยลาดกระบัง 54 ที่เชื่อมต่อกับถนนวัดศรีวารีน้อยตามปกติ ขับตรงมาประมาณ 5.5 km. ก็จะเจอกับซอยประชาร่วมใจที่โครงการตั้งอยู่ทางขวามือ และเราก็จะต้องไปกลับรถมาก่อนครับ โดยให้ขับเลยมาหน่อยก็จะมีจุดให้กลับรถได้เลย (ไม่จำเป็นต้องไปอ้อมไกลตาม Google Map) เมื่อเข้าซอยประชาร่วมใจแล้วขับตรงมาประมาณ 500 m. ก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางขวามือครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นที่ว่างครับ และยังเป็นทำเลที่อยู่ในซอยด้วย จึงทำให้มีความเงียบสงบดีมากๆ สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ พื้นที่ว่าง
  • ทิศใต้ : เป็นทางเข้าโครงการ ติดกับซอยประชาร่วมใจ และฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ พื้นที่ว่าง
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ พื้นที่ว่าง

และบรรยากาศภายในซอย “ประชาร่วมใจ” ที่อยู่ด้านหน้าโครงการ ก็จะมีความเงียบสงบแบบนี้ครับ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ว่างและมีบ้านพักอาศัยอยู่บ้างเล็กน้อย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • แมคโคร ลาดกระบัง ~ 13 km.
  • เซ็นทรัล วิลเลจ สุวรรณภูมิ ~ 17 km.
  • เมกา บางนา ~ 23 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร ~ 7 km.
  • คลินิกหัวเฉียวเวชกรรม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ~ 12 km.
  • โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 ~ 20 km.

โรงเรียน

  • รร.ราชวินิตสุวรรณภูมิ~ 1.5 km.
  • สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ~ 7 km.
  • มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ~ 12 km.
  • มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตบางนา ~ 16 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • พื้นที่ส่วนกลางสไตล์ New York City มีความสวยงามและได้บรรยากาศที่ดี เหมือนได้มาเที่ยวเมืองนอก
  • จัดผังโครงการเป็นซอยย่อย ทำให้มีเพื่อนบ้านร่วมซอยน้อย และได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
  • จัดพื้นที่สวนและ Clubhouse ไว้บริเวณตรงกลางโครงการ ทำให้บ้านแต่ละโซนสามารถมาใช้งานได้สะดวกพอๆกัน
  • Facade ของตัวบ้านจะมีการคละแบบ และคละสีที่แตกต่างกัน ทำให้บรรยากาศภายในโครงการไม่น่าเบื่อ

ทำไมถึงเป็นคอนเซ็ปต์ New York City …?

สิริ เพลส บางนา – สุวรรณภูมิ เป็นหนึ่งในซีรีย์ Dream Destination จากแสนสิริ ที่ได้มีการจำลองบรรยากาศเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศต่างๆมาไว้ในโครงการ และจากที่ผมทราบข่าวมาคือ เค้าจะมีถึง 4 ประเทศด้วยกันครับ

โดยปัจจุบันเราก็ได้เห็นการเปิดตัวกันมาแล้ว 2 ประเทศคือ กรุงโตเกียวจากประเทศญี่ปุ่น และนิวยอร์กซิตี้จากสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่เหลือจะมีอะไรบ้างนั้นผมขออุบไว้ก่อน แต่คาดว่าเราน่าจะได้เห็นการเปิดตัวอย่างต่อเนื่องภายในปีนี้แน่นอนครับ

สำหรับคอนเซ็ปต์ของ New York City เราเพิ่งเห็นนำไปใช้กับโครงการ สิริ เพลส บางนา-เทพารักษ์ กันไปเมื่อไม่นานมานี้เองครับ ซึ่งก็ถือว่าได้รับผลตอบรับค่อนข้างดีเลยทีเดียว และยังมีกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยสไตล์นี้ในทำเลอื่นๆอีก จึงทำให้เกิดเป็นโครงการรุ่นน้องอย่าง สิริ เพลส บางนา – สุวรรณภูมิ ตามมาติดๆเป็นแห่งที่ 2 ของคอนเซ็ปต์นี้นั่นเอง

สิริ เพลส บางนา – สุวรรณภูมิ มีขนาดพื้นที่ 25-1-47.47 ไร่ และมีจำนวน 285 ยูนิต ถือว่าเป็นโครงการขนาดกลางๆไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็มีการจัดผังที่น่าสนใจและแตกต่างจากโครงการทั่วไปพอสมควรเลยครับ สังเกตจากการพยายามแบ่งคลัสเตอร์ทาวน์โฮมออกเป็นซอยแยกย่อย โดยมีเพื่อนบ้านร่วมซอยเพียง 10 กว่าหลังเท่านั้น เลยทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากขึ้น

และเมื่อเข้ามาในโครงการก็จะเจอกับพื้นที่ส่วนกลางก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งจะเป็นส่วนต้อนรับที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของความเป็น New York City ได้เป็นอย่างดีเลย อีกทั้งยังเป็นการวางในตำแหน่งตรงกลางโครงการพอดี จึงทำให้บ้านในแต่ละโซนสามารถมาใช้งานได้สะดวกพอๆกัน

แต่โซนที่น่าสนใจมากๆสำหรับผม คิดว่าเป็นบริเวณซอยที่อยู่ทางด้านขวาของสวนครับ ซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่อยู่ใกล้สวนมากที่สุด และสามารถเดินมาใช้งานสวนได้สะดวกมากที่สุดโซนหนึ่งเลยทีเดียว ส่วนบรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไรไปชมกันครับ

ทางเข้าโครงการจะมีป้ายชื่อขนาดใหญ่ชัดเจน รวมถึงมีการปลูกต้นไม้ประดับเอาไว้ตลอด 2 ข้างทางของถนน ทำให้มีบรรยากาศที่สวยงามมากขึ้นครับ

ซุ้มประตูทางเข้าของโครงการได้แรงบันดาลใจมาจาก สะพานแขวนที่มีชื่อเสียงของ New York City อย่างสะพานบรุกลิน (Brooklyn Bridge​) ซึ่งเป็นส่วนต้อนรับและช่วยเสริมสร้างบรรยากาศ ก่อนที่เราจะได้เข้าไปเจอกับการตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆด้านในครับ

ส่วนตัวผมคิดว่าซุ้มประตูนี้มีความสวยงามแปลกตา และดูโอ่อ่าเหมือนประตูทางเข้าปราสาทดี ซึ่งก็แล้วแต่คนชอบนะครับ

การเข้า-ออกจะใช้ระบบ RFID หรือสัญญาณ Bluetooth แบบ Easy Pass บนทางด่วน ซึ่งโครงการนี้จะใช้ประตูเหล็กรางเลื่อนแทนไม้กั้นกระดก ทำให้มีความสวยงามและปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงยังมีกล้อง CCTV คอยตรวจจับป้ายทะเบียนและคนขับอีกด้วย ส่วนบุคคลภายนอกหรือ Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อนตามปกตินะครับ

อีกทั้งยังมี LIV-24 ที่เป็นระบบดูแลความปลอดภัยโดยศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชม. จากแสนสิริ ผ่านทางกล้องวงจรปิดในพื้นที่ส่วนกลาง และรายงานผ่าน Application บนโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย

ระบบสังเกตการณ์และระบบรักษาความปลอดภัยรอบโครงการ (Security Monitoring)

  • CCTV-VIEDOANALYTICS ระบบวิเคราะห์ความเคลื่อนไหว
  • REAL-TIME GUARD TOUR ตรวจสอบสถานะการเดินตรวจตามจุดของ รปภ.
  • VISITOR MANAGEMENT SYSTEM (VMS) ระบบบันทึกข้อมูลผู้มาติดต่อ, ทะเบียนรถยนต์ และเวลาเข้าและออก
  • Digital Fence

เข้ามาภายในเราจะเจอกับวงเวียนน้ำพุขนาดใหญ่ ที่ได้จำลองมาจาก Bethesda Fountain​ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ Central Park ที่มีชื่อเสียงมากๆ

โดยผู้คนมักจะใช้ลานกว้างตรงหน้าน้ำพุเป็นจุดนัดพบกันบ่อยๆ เปรียบเสมือนว่าที่โครงการแห่งนี้คือ “จุดนัดพบ” ของทุกๆคน ที่มีความชื่นชอบในบรรยากาศสไตล์ New York City แบบนี้นั้นเองครับ

นอกจากนี้ยังมีการใส่รายละเอียดอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศความเป็น New York City มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นป้ายตามเสาไฟที่เก๋มากๆ และยังมีกำแพงทรง Arch โค้งที่พบเห็นได้ตามสถาปัตยกรรมเก่าๆของเมืองนอกอีกด้วยครับ

ถัดเข้ามาเราจะเจอกับสนามหญ้าที่กว้างมากๆ ที่จำลองมาจาก Central Park นั่นเองครับ โดยเราสามารถมาเดินเล่นหรือใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมของหมู่บ้านร่วมกันได้

ส่วนด้านขวามือจะเป็นลานคอนกรีตรูปทรง Freeform ที่เด็กๆอาจมาเล่น Surfskate บริเวณนี้ได้นะครับ

ถัดเข้ามาด้านในเราจะเจอกับอาคาร Clubhouse ซึ่งตรงจุดนี้ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก บ้านพักตากอากาศของคนที่ค่อนข้างมีฐานะใน New York City ที่ผสมผสานกับเอกลักษณ์ของอาคาร Museum ที่มีกำแพงทรง Arch โค้ง และเพิ่มความโดดเด่นด้วยผนังอิฐสีแดง ทำให้ดูสวยงามแปลกตาดีครับ

ทางเข้าจะอยู่ด้านซ้ายของอาคารครับ สามารถเดินมาได้ทั้งจากสวนด้านหน้า และถนนหลักที่อยู่ด้านข้างโดยตรงเลยก็ได้

ซ้ายมือจะมี Backyard Garden ซึ่งเป็นทั้งสวนพักผ่อน และแปลงปลูกพืชผักสวนครัว โดยลูกบ้านสามารถมาเก็บเกี่ยวเพื่อนำไปประกอบอาหารกันได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของนิติบุคคลในอนาคตอีกครั้งด้วยนะครับ

ตัวอาคาร Clubhouse จะยกระดับให้สูงจากถนนขึ้นมาอีกหน่อย ซึ่งบริเวณโถงทางเดินนี้สามารถมายืนถ่ายรูปเก๋ๆกันได้นะครับ โดยเฉพาะแสงเงาของหลังคาระแนง ที่ตกกระทบลงมาตอนบ่ายคือเท่มากๆ และเมื่อขึ้นมาด้านบนก็จะเจอทางแยกซ้ายมือ

เมื่อเลี้ยวซ้ายมาเราจะเจอกับจุดนั่งเล่นพักผ่อนในร่ม ซึ่งสามารถมาใช้งานได้ตลอดทั้งวันไม่ต้องกลัวร้อนเลยครับ หรือจะออกไปยืนชมวิว/ถ่ายรูปเล่นๆตรงระเบียงก็ได้เหมือนกัน

ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นห้องนิติบุคคลทางซ้ายมือ และตรงกลางจะเป็น Fitness

ภายในมีเครื่องออกกำลังกายครบครัน สามารถมาใช้งาน 5 – 6 คนพร้อมกันได้สบายๆ

และเวลาออกกำลังกายไป ก็สามารถแก้เบื่อด้วยการชมวิวสระว่ายน้ำ กับสวนภายนอกไปด้วยได้แบบนี้ครับ

เรามาดูสระว่ายน้ำด้านนอกกันบ้าง ซึ่งจะมีโถงทางเดินเชื่อมต่อมายังอีกฝั่งหนึ่งของอาคารได้

บริเวณต้นสระจะมี Day Bed ให้มานั่งเล่น/นอนเล่นพักผ่อนริมสระกันได้ ส่วนสระว่ายน้ำจะเป็นสระกลางแจ้งที่เหมาะจะมาใช้งานตอนแดดร่มๆ และสามารถว่ายไปชมวิวสวนที่อยู่ด้านข้างไปด้วยแบบนี้ได้ครับ

แต่ก็อาจแลกมากับความเป็นส่วนตัวที่น้อยลงหน่อย เพราะเป็นพื้นที่ค่อนข้างเปิดโล่ง ซึ่งคนที่มาใช้งานสวนหรือขับรถผ่านไป-มา ก็อาจมองเห็นเราที่กำลังว่ายน้ำอยู่ได้ด้วยนั่นเองครับ

สระว่ายน้ำกว้างประมาณ 6 x 15 m. คือขนาดกลางๆไม่ได้ใหญ่มากนัก ดังนั้นถ้าอยากว่ายออกกำลังกายจริงจัง ก็อาจต้องว่ายไป-กลับหลายรอบหน่อยนะ

ส่วนสระเด็กก็จะถูกแบ่งไว้ให้อยู่ใกล้กับโซน Day Bed เพื่อที่ผู้ปกครองจะได้อยู่ดูแลน้องๆได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้นนั่งเองครับ

อีกด้านของอาคาร Clubhouse จะมีทางแยกไปยังห้องน้ำและจุดล้างตัวก่อนลงสระ ซึ่งมีขนาดใหญ่มากจนกล้องผมยังถ่ายมาแทบไม่หมดเลยทีเดียว

ด้านในสุดจะเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง ภายในมีโถสุขภัณฑ์และห้องอาบน้ำให้ใช้งานได้ครับ

ปิดท้ายกันด้วยบรรยากาศโครงการ ตรงบริเวณ Sale Gallery ในปัจจุบันกันบ้างครับ ซึ่งตรงกลางจะถูกจำลองมาจาก Times Square จุดตัดของถนนสายสำคัญในแมนฮัตตัน ที่ถือเป็นศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจและความบันเทิงของนิวยอร์คเลยก็ว่าได้

อีกทั้งยังมีการตกแต่งเป็นแบบ Street Art ด้วยการทำลวดลายต่างๆบนผนัง ซึ่งให้บรรยากาศที่คึกคักและสวยงามมากขึ้น สามารถมาถ่ายรูปเล่นกันได้นะครับ

นอกจากนี้ตัวโปรดักส์ในโครงการยังมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก Greenwich Village หมู่บ้านที่ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมสไตล์โบฮีเมียนของสหรัฐฯ ที่มีมนต์เสน่ห์เป็นของตัวเองมากๆ เลยทำให้เราสัมผัสได้ถึงงานศิลปะที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนได้ดี

โดยบ้านแต่ละหลังจะมีการคละสี และมีหน้าตา Facade ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ได้บรรยากาศที่ดูไม่น่าเบื่อ และจะเป็นการทาสีเรียบๆแบบนี้ ไม่ได้ทำเป็นลายอิฐเหมือนโซนบ้านตัวอย่างนะครับ (แบบนั้นจะมีเฉพาะ 3 คลัสเตอร์แรกเท่านั้น) ซึ่งนอกจากเราจะต้องเลือกตำแหน่งบ้านให้ดีๆแล้ว ก็อาจต้องเลือกสีหรือหน้าตาบ้านให้ตรงกับที่เราชอบอีกทีด้วยนะครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 6 x 15 m.
  • GYM Room (ห้องออกกำลังกาย)
  • Central Park (สวนส่วนกลางพร้อมน้ำพุ)
  • Backyard Garden (สวนพักผ่อน และแปลงปลูกผักสวนครัว)
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการ
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
  • Key Card Access ระยะไกล ระบบ RFID (สัญญาณ Bluetooth)
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • LIV-24 มาตรฐานแสนสิริ
  • ประตูรั้วโครงการแบบ ประตูเหล็กเลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน

แบบบ้าน

Highlights :

  • หน้าตาบ้านได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Greenwich Village มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครในย่าน
  • บ้านทุกแบบมีห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง สามารถปรับเป็นห้องทำงาน หรือห้องผู้สูงอายุได้
  • Master Bedroom มีขนาดใหญ่ กว้างเท่ากับตัวบ้าน ได้ฝ้าเพดานสูง 3.6 m. พร้อมกับห้องน้ำในตัว
  • พื้นที่หลังบ้านลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้าน และมีกำแพงที่สูง 2.5 m. สามารถรองรับการต่อเติมเป็นครัวไทยเพิ่มได้สบายๆ

สำหรับโครงสร้างบ้านเป็น Precast หรือผนังคอนกรีตสำเร็จรูป จึงมีความแข็งแรงทนทาน และได้มาตรฐานมาจากโรงงานทุกแผ่น แต่อาจไม่เหมาะกับการทุบ/เจาะผนังสักเท่าไหร่นักนะครับ เพราะเค้าจะทำหน้าที่เป็นผนังรับน้ำหนักด้วยนั่นเอง ดังนั้นหากต้องการต่อเติมอะไรก็อาจลองปรึกษากับทางโครงการดูอีกครั้งก็ได้นะ

  • SOHO ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.2 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 16.25 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 99 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ที่จอดรถ

เริ่มกันที่บ้านหลังเล็กของโครงการ ซึ่งความน่าสนใจของแบบบ้านนี้จะเริ่มตั้งแต่บริเวณชั้น 1 ที่เราจะเห็นได้ว่าตามเหลี่ยมมุมต่างๆจะมีการเจาะช่องแสง และทำเป็นกระจกเข้ามุมหลายจุดเลย แสงจึงสามารถส่องเข้ามาได้ถึงบริเวณกลางบ้าน ทำให้บรรยากาศภายในมีความสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้น

อีกทั้งยังมีห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างให้ได้ใช้งานอีกด้วย สามารถทำเป็นห้องดูหนัง ฟังเพลง หรือใช้เป็นห้องทำงานช่วง WFH แบบนี้ก็เหมาะเลย ส่วนครัวจะถูกเตรียมพื้นที่ไว้ให้ทำบริเวณหลังบ้าน เพื่อที่เราจะได้มีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านได้อย่างเต็มที่มากขึ้นครับ

นอกจากนี้บนชั้น 2 เราจะได้ห้องนอนใหญ่ถึง 2 ห้อง พร้อมกับมีห้องน้ำในตัวด้วย จึงเป็นบ้านที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวดีทีเดียว เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก 2 – 3 คน ซึ่งถ้ามีลูกก็สามารถอยู่ในห้องของตัวเองได้แบบยาวๆถึงตอนโตเลยครับ โดยที่ข้อจำกัดอย่างหนึ่งของบ้านหลังนี้ก็คือ เราจะมีที่จอดรถเพียงแค่คันเดียวนั่นเอง

บ้านหลังนี้มีหน้ากว้าง 5.2 m. ซึ่งจัดให้มีช่องจอดรถลึกเข้าไปในตัวบ้านได้ 1 คัน กว้างประมาณ 2.5 m. สามารถจอดได้แบบพอดีๆ ส่วนบริเวณหน้าประตูทางเข้าบ้านที่ตื้นกว่า ก็สามารถจอดมอเตอร์ไซค์เพิ่มอีกสักคันก็ได้ครับ

โดยพื้นที่หน้าบ้านทั้งหมดจะเป็นแบบ On Ground ไม่ได้ลงเสาเข็มมาให้นะ แต่ก็มีการตัด Joint ทำเป็นรางน้ำแยกออกจากตัวบ้าน เพื่อที่เวลาพื้นเกิดการทรุดตัวในอนาคต น้ำหนักของแผ่นพื้นจะได้ไม่กระทบต่อโครงสร้างบ้านนั่นเองครับ

ประตูทางเข้าจะเป็นกระจกบานเลื่อน และมีการทำกรอบอลูมิเนียมเป็นตารางแบบนี้เลยครับ โดยจะให้ตัวล็อคแบบ 2 ชั้นเพื่อความปลอดภัย และใช้เป็นกระจกเขียวตัดแสงทั้งหลัง ซึ่งตรงพื้นจะมีขั้นบันไดเล็กๆให้ถอด/ใส่รองเท้าบริเวณนี้ได้ อีกทั้งยังช่วยกันเศษฝุ่นต่างๆ ไม่ให้ปลิวเข้าบ้านได้ด้วยนะครับ

เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ และจะสังเกตได้ว่าตรงมุมผนังจะมีการทำเป็น “กระจกเข้ามุม” ซึ่งช่วยลดความทึบตัน และทำให้บรรยากาศภายในบ้านสว่างโปร่งโล่งมากขึ้นด้วยครับ

โดยพื้นจะเป็น SPC หรือ Stone Plastic Composite ที่มีการผสมใยหินเพิ่มเข้ามา ทำให้ไม่กลัวความชื้นหรือปลวกเลยครับ รวมถึงยังดูเป็นธรรมชาติและสวยงามมากขึ้นกว่าการใช้กระเบื้องแบบทั่วไปอีกด้วย ส่วนความสูงฝ้าเพดานคือ 2.6 m. เป็นมาตรฐานตามปกติ

เริ่มกันที่ Living Area จะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.2 m. สามารถใชัทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ครับ รวมถึงยังกว้างมากพอให้วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้แบบนี้เลย

แต่ที่น่าสนใจก็คือ เราจะได้ช่องแสงอย่างน้อย 2 ด้าน ซึ่งทางด้านซ้ายจะเชื่อมต่อกับพื้นที่จอดรถพอดี เลยทำให้บรรยากาศสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้นครับ

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งตำแหน่งก็จะอยู่ติดกับครัวหลังบ้านพอดี รวมถึงหากเป็นบ้านแปลงมุมแบบนี้ ก็จะมีประตูกระจกบานเลื่อนให้เปิดออกไปข้างบ้านได้ด้วยครับ

ส่วนห้องที่อยู่ทางขวามือจะเป็นห้องอเนกประสงค์ ขนาดประมาณ 2.8 x 2.5 m. สามารถปรับเป็นห้องทำงานสำหรับช่วง WFH แบบนี้ได้ และอาจทำเป็นห้องดูหนัง/เล่นเกมส์ หรือถ้าใครที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วย ก็อาจทำเป็นห้องนอนเล็กชั้นล่างก็ได้ครับ

โดยห้องอเนกประสงค์นี้ก็จะมีช่องแสง 2 ด้าน คือช่องหน้าต่างบริเวณหลังบ้าน กับช่องกระจกเข้ามุมตรงกลางบ้าน ซึ่งก็มีส่วนในการทำให้บรรยากาศของห้องนี้ดูไม่อึดอัดนั่นเอง

ส่วนพื้นที่หลังบ้านเราก็สามารถทำเป็นครัวได้แบบนี้เลยครับ โดยเราอาจแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งให้เป็น Laundry หรือทำเป็นโซน Outdoor ไว้ตากผ้า/ปลูกต้นไม้เล็กๆน้อยๆได้ด้วย

ของจริงเราจะได้เป็นพื้นคอนกรีตโล่งๆแบบนี้ ซึ่งจะมีการลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้าน และได้กำแพงที่สูง 2.5 m. สามารถรองรับการต่อเติมเป็นครัวไทยได้สบายมาก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นจะทรุดตัวง่ายๆเลยครับ เพียงแค่เพิ่มหลังคาและเคาน์เตอร์ครัวอีกหน่อยก็พร้อมใช้งานได้เลย

กลับมาที่ตรงกลางบ้านจะเป็นห้องน้ำใต้บันได โดยจะมีการลดระดับพื้นลงไป เพื่อที่เวลาใช้งานห้องน้ำจะได้ไม่ติดปัญหาเรื่องความสูงฝ้าเพดาน และสามารถยืนได้แบบเต็มตัวนั่นเอง

ภายในมีพื้นที่รูปตัว L สามารถใช้งานได้แบบพอดีๆ และมีสุขภัณฑ์ต่างๆจาก Bathline ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และมี Hand Shower เผื่อสำหรับการทำห้องนอนชั้นล่างเพิ่มเติมด้วยนะครับ

บันไดจะเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก กว้างประมาณ 90 cm. พร้อมมีราวกันตกให้จับตลอดเส้นทาง อีกทั้งบนฝ้าเพดานยังมีการทำเป็นช่อง Skylight เพื่อให้แสงได้ส่องลงมาในตอนกลางวัน เลยทำให้บริเวณโถงบันไดสว่างและใช้งานได้ดี โดยไม่ต้องพึ่งการเปิดไฟตลอดเวลาเลยครับ ส่วนพื้นบนชั้น 2 ก็จะเปลี่ยนวัสดุเป็นไม้ลามิเนตตามปกติ

เริ่มกันที่ห้องแรกทางซ้ายมือจะเป็น Master Bedroom ที่อยู่ด้านหน้าบ้าน ภายในมีพื้นที่ประมาณ 2.9 x 5.1 m. สามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานระหว่างเตียงนอน และพื้นที่แต่งตัวให้เป็นสัดส่วนมากขึ้นได้

อีกทั้งยังมีฝ้าเพดานที่สูงพิเศษกว่าห้องอื่นๆอยู่ที่ 3.6 m. เลยทำให้บรรยากาศภายในดูโปร่งโล่งมากๆ และเรายังสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่แนวตั้งได้อีกด้วย อย่างบ้านหลังนี้ก็มีการทำพื้นต่างระดับตรงโซนแต่งตัว ทำให้มีความเป็นญี่ปุ่นหน่อยๆ หรือบางทีก็อาจทำเป็นชั้นลอบเพิ่มก็ได้ ส่วนอีกด้านของห้องก็จะมีห้องน้ำในตัวด้วยนะ

ภายในห้องน้ำจะมีขนาดใหญ่และแบ่งพื้นที่สัดส่วน โดยพื้นที่ส่วนแห้งกว้างประมาณ 1.35 x 1.45 m. พร้อมกับได้สุขภัณฑ์จาก Bathline ครบเช่นเดิม

ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้างประมาณ 0.75 x 1.45 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มีทั้ง Hand Shower และ Junction Box สำหรับติดเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ รวมถึงจะมีการเจาะช่องวางของตรงผนังให้ได้ใช้งานสะดวกๆ แต่จะไม่ได้มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะครับ ซึ่งถ้าใครอยากทำให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น ก็อาจติดตั้งเพิ่มเติมเองได้เลย

ส่วนห้องนอนที่สองจะอยู่ทางด้านหลังบ้าน มีขนาดประมาณ 3.4 x 2.8 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่รอบๆให้ใช้งานได้สะดวกอยู่ครับ

ส่วนอีกด้านของห้องก็จะมีพื้นที่ให้วางโต๊ะ/ตู้เพิ่มเติมได้อีกจุดหนึ่ง และมีห้องน้ำให้ใช้งานเป็นส่วนตัวด้วยครับ

ภายในห้องน้ำจะมีขนาดประมาณ 1.45 x 1.65 m. เป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกับส่วนอาบน้ำ ไม่ได้มีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน แต่ก็สามารถติดม่านพลาสติกเพิ่มเติมได้นะครับ เวลาอาบน้ำพื้นจะได้ไม่เปียกทั่วทั้งห้อง นอกจากนี้ยังมีชุดสุขภัณฑ์จาก Bathline ครบ และได้หน้าต่างบานกระทุ้งที่ช่วยระบายอากาศได้ดีอีกด้วย

ส่วนบรรยากาศบ้านมาตรฐานของจริงจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมรูปใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/10


  • BLOOKLYN ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 18.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 118 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ

สำหรับบ้านหลังนี้มีหน้ากว้าง 5.7 m. สามารถจอดรถได้ 2 คันสบายๆ เหมาะกับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย เพราะบนชั้น 2 เราจะได้ห้องนอนมาถึง 3 ห้อง ซึ่งถ้าใครมีลูก 2 คนก็จะมีห้องนอนไว้รองรับได้สบายๆ โดยอาจต้องมาใช้งานห้องน้ำร่วมกันที่ด้านนอกนะครับ หรือหากมีลูกแค่คนเดียวก็จะได้ใช้ห้องน้ำเป็นส่วนตัวไปเลย และอีกห้องหนึ่งก็อาจใช้เป็นห้องอเนกประสงค์เช่น ห้องทำงาน หรือห้องพระก็ได้

ส่วนห้องนอนใหญ่ก็จะมีห้องน้ำเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว แต่อาจมีขนาดที่กระทัดรัดลงสักหน่อย ไม่ได้แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนเหมือนหลังก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ก็เพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง ให้มีขนาดใหญ่และกว้างขวางมากขึ้นนั่นเอง แน่นอนว่าเรายังคงได้ห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างให้ใช้งานเช่นเคย ซึ่งหากใครที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยก็เหมาะเลยครับ หรือจะปรับเป็นห้องทำงานช่วง WHF แบบนี้ก็ได้เหมือนกัน

เริ่มกันที่หน้าบ้านจะสามารถจอดรถ 2 คันได้สบายๆ และแน่นอนว่าโครงสร้างยังเป็นแบบ On Ground ไม่ได้ลงเสาเข็มมาให้เหมือนเคยครับ

เมื่อเข้ามาในบ้านจะรู้สึกได้ว่ามีความกว้างมากขึ้น เพราะระยะดูทีวีจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.7 m. สามารถใช้ทีวีจอใหญ่ๆ 50 – 60 นิ้วได้เลยครับ

โดยพื้นที่ Common Area ก็จะเชื่อมต่อตั้งแต่หน้าบ้านถึงหลังบ้าน ซึ่งถัดเข้ามาด้านในก็จะเป็นโต๊ะทานอาหารครับ

ส่วนหลังบ้านก็จะสามารถทำเป็นครัวเพิ่มเติมได้ โดยจะเป็นพื้นคอนกรีตที่ลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้าน พร้อมกำแพงที่สูง 2.5 m. สามารถรองรับการต่อเติมได้เหมือนเดิม

มองย้อนกลับเข้ามาในบ้าน ทางด้านขวามือจะเป็นห้องอเนกประสงค์ ห้องน้ำ และบันไดขึ้นชั้น 2 ตามลำดับ

โดยบริเวณกลางบ้านจะมีทำทางเข้าห้อง แยกออกจาก Common Area ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งานได้เล็กน้อย หรือจะทำเป็นประตูเลื่อนปิด ให้เนียนไปกับผนังเลยก็ได้นะครับ

เรามาดูห้องอเนกประสงค์ทางซ้ายมือกันต่อครับ ซึ่งด้านในเค้าจัดเป็นห้องดูหนังมาให้ดูเป็นตัวอย่าง หรือเราอาจทำเป็นห้องทำงานช่วง WFH แบบนี้ก็ได้ครับ

โดยขนาดพื้นที่ภายในจะกว้างประมาณ 2 x 2.5 m. พอจะวางเตียง 3.5 ฟุต เพื่อทำเป็นห้องนอนเล็กสำหรับผู้สูงอายุก็ได้ อีกทั้งยังมีช่องแสงให้ 2 จุดเหมือนเคย เลยทำให้ภายในห้องดูไม่อึดอัดครับ

ติดกันจะเป็นห้องน้ำใต้บันได ซึ่งลักษณะก็จะคล้ายกับบ้านหลังก่อนหน้านี้เลยครับ โดยจะมีส่วนอาบน้ำให้ด้วย เพื่อรองรับการทำห้องนอนชั้นล่าง ส่วนสุขภัณฑ์ก็จะเป็นของ Bathline เช่นเดิม

โถงบันไดมีขนาด 90 cm. เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กที่แข็งแรงทนทาน พร้อมกับช่องแสง Skylight บนฝ้าเพดานเหมือนเดิมครับ

ส่วนโถงบันไดชั้นบนจะมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานของห้องทั้ง 3 ได้พอดีๆ

ซ้ายมือจะเป็น Master Bedroom ที่อยู่บริเวณหน้าบ้าน พร้อมได้ฝ้าเพดานที่สูง 3.6 m. บรรยากาศจึงดูโปร่งโล่งมากๆ และพื้นก็จะเป็นลามิเนตตามปกติครับ

และด้วยความที่ห้องกว้างถึง 2.5 x 5.6 m. เลยสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยให้เป็นสัดส่วนได้สบายๆ โดยทางซ้ายมือก็จัดเป็นพื้นที่วางเตียงนอนขนาดใหญ่ไปเลย ส่วนขวามือก็จัดเป็นโซนแต่งตัวหน้าห้องน้ำไปครับ

ภายในห้องน้ำจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส ขนาดประมาณ 1.7 x 1.75 m. ใช้งานร่วมกันระหว่างพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้ง ซึ่งเราอาจติดม่านพลาสติกเพื่อแยกฟังก์ชันให้เป็นสัดส่วนมากขึ้นก็ได้ครับ ส่วนสุขภัณฑ์เราจะได้ของ Bathline ครบชุดเช่นเคย

ทางด้านหลังบ้านจะมีห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง และห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกันอีก 1 ห้องทางขวามือตามลำดับ

เรามาเริ่มที่ห้องนอนทางซ้ายมือ ซึ่งจะมีขนาดใหญ่รองลงมาจากห้องก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ 2.7 x 3.3 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุตแล้วยังมีพื้นที่ใช้สอยรอบเตียงได้สบายๆเลยครับ

โดยฝ้าเพดานก็จะสูงตามปกติอยู่ที่ 2.6 m. และสำหรับบ้านตัวอย่างนี้ก็ได้จัดเป็นห้องนอนเด็กมาให้ดูเป็นไอเดียครับ ดูน่ารักกุ๊กกิ๊กดีทีเดียว

ติดกันจะเป็นห้องนอนเล็กสุด มีขนาดประมาณ 2.2 x 2.8 m. พอจะวางเตียง 3.5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าได้แบบพอดีๆ เลยเหมาะที่จะเป็นห้องนอนลูกคนเล็ก หรืออาจปรับเป็นห้องพระและห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ครับ

สุดท้ายคือห้องน้ำที่มีขนาดและได้สุขภัณฑ์ครบ เหมือนๆกับของห้องนอนใหญ่ก่อนหน้านี้เลยครับ สามารถใช้งานได้ตามปกติ

ส่วนบรรยากาศบ้านมาตรฐานของจริงจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมรูปใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/12

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

สิริ เพลส บางนา – สุวรรณภูมิ ราคา ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565

  • SOHO ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.2 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 16.25 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 99 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
  • BLOOKLYN ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 18.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 118 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ N/A บาท
  • ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : โครงการตั้งอยู่บนถนนวัดศรีวารีน้อย ใกล้กับโซนทางฝั่งลาดกระบัง-สุวรรณภูมิ จึงเหมาะกับคนที่เน้นใช้ชีวิตอยู่ในโซนนี้เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว พนักงานออฟฟิศ พ่อค้าแม่ค้า หรือแม้แต่คนที่ทำงานในสนามบินก็มีครับ อีกทั้งเรายังสามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 9 ได้ไม่ยาก และมีทางด่วนให้เข้า-ออกเมืองหลายจุด ส่วนความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆก็จะมีทั้งตลาด และซูปเปอร์มาร์เก็ตให้จับจ่ายใช้สอยกันได้ หรือจะไปเดินห้างใหญ่ๆก็จะมี Central Village และ Mega Bangna เป็นต้น อีกทั้งยังใกล้สถานศึกษาชื่อดังหลายแห่งอีกด้วย สามารถส่งลูกเรียนไป-กลับใกล้ๆบ้านจนจบได้ โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าหอเลยครับ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : การเข้า-ออกใช้ระบบ RFID หรือสัญญาณ Bluetooth เหมือน Easy Pass บนทางด่วน และใช้ประตูเหล็กเลื่อนไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังมี รปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชม. พร้อมระบบ LIV-24 มาตรฐานจากแสนสิริ ที่จะช่วยดูแลความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ ผ่านกล้อง CCTV ของพื้นที่ส่วนกลางในจุดต่างๆได้อีกด้วยครับ

การออกแบบโครงการ : ปฏิเสธไม่ได้ว่าคอนเซ็ปต์ New York City นั้นช่วยเสริมสร้างบรรยากาศ และประสบการณ์ที่แตกต่างจากเพื่อนบ้านย่านเดียวกันมากๆครับ ซึ่งถ้าใครที่กำลังมองหาโครงการที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์แบบนี้อยู่ก็คงถูกใจไม่น้อย อีกทั้งยังมีการวางผังโครงการที่น่าสนใจ อย่างการพยายามแบ่งโซนพักอาศัยเป็นซอยย่อย เลยทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ก็ยังสามารถเดินมาใช้พื้นที่ส่วนกลางได้สะดวกอยู่ครับ หรือจะเป็นการจำลองแบบบ้านให้เป็นเหมือน Greenwich Village ที่มีการคละแบบและคละสีกันไปเรื่อยๆ เลยทำให้บรรยากาศโครงการดูไม่น่าเบื่อดีอีกด้วยนะ

การออกแบบพื้นที่ใช้สอย : มีแบบบ้านให้เลือก 2 แบบ ซึ่งก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป โดยแบบบ้าน SOHO เราจะได้ห้องนอนใหญ่พร้อมกับห้องน้ำในตัวทั้ง 2 ห้องเลยครับ จึงค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวดีทีเดียว อีกทั้งยังมีการออกแบบกระจกเข้ามุม Bay Window ตรงพื้นที่ชั้นล่าง ทำให้มีความโปร่งโล่งและได้แสงสว่างส่องเข้าถึงกลางบ้านมากขึ้นอีกด้วยครับ แต่ก็มีข้อจำกัดคือ เราจะสามารถจอดรถได้เพียงคันเดียวเท่านั้น เลยเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กนั่นเอง

ส่วนบ้านแบบ BLOOKLYN จะมีห้องนอนเพิ่มขึ้นอีกห้องหนึ่ง แต่อาจต้องใช้งานห้องน้ำร่วมกันที่ด้านนอก และเราจะได้ที่จอดรถเพิ่มเป็น 2 คันเลยครับ จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่ทั้งนี้แบบบ้านทั้ง 2 จะมีจุดเด่นที่เหมือนกันคือ มีห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างที่สามารถปรับเป็นห้องทำงาน/ห้องผู้สูงอายุได้ โดยที่ห้องน้ำชั้นล่างก็มีฟังก์ชันอาบน้ำไว้รองรับพร้อมแล้ว และที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆก็คือ ฝ้าเพดานในห้องนอนใหญ่ ที่มีความสูงถึง 3.6 m. จึงมีความโปร่งโล่งเป็นพิเศษ และทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่แนวตั้งเพิ่มได้อีกด้วยนะครับ

วัสดุ : ให้มาเหมาะสมราคา แต่ที่ชอบที่สุดคือ “พื้นที่หลังบ้าน” ที่ลงเสาเข็มลึกมาให้เท่ากับตัวบ้าน พร้อมกับได้กำแพงสูง 2.5 m. สามารถรองรับการต่อเติมเป็นครัวไทยได้สบายๆ โดยโครงสร้างบ้านจะเป็น Precast ที่แข็งแรงทนทานได้มาตรฐานจากโรงงาน พื้นเป็น SPC ลายไม้ที่ทนน้ำได้ดี กรอบประตูหน้าต่างเป็นอลูมิเนียมสีดำแบบลายตาราง พร้อมกระจกเขียวตัดแสง และได้ชุดสุขภัณฑ์ของ Bathline ครบพร้อมใช้งาน

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : สวยงามตามท้องเรื่องครับ ซึ่งทางโครงการจะมีการปลูกต้นไม้ประดับไว้ตามจุดต่างๆ ตั้งแต่บริเวณถนนทางเข้าโครงการ ไปจนถึงสวนส่วนกลาง และตามซอยต่างๆก็จะมีอยู่บ้าง แต่ด้วยความที่เป็นสวนสไตล์ยุโรป ที่จำลองมาจาก Central Park จึงจะเน้นเป็นพื้นหญ้าขนาดใหญ่ และมีไม้ดอกไม้ประดับต่างๆเยอะกว่าไม้ยืนต้นแบบทั่วไปนะครับ

สาธารณูปโภค : หากมองในเรื่องฟังก์ชันก็ให้มาเป็นพื้นฐาน และมีขนาดเพียงพอต่อจำนวนยูนิตดี แต่ถ้าเป็นในเรื่องบรรยากาศการตกแต่ง ก็นับว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของโครงการนี้เลยครับ ซึ่งได้จำลองมาจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ New York City หลายๆแห่ง ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตูทางเข้าจาก Brooklyn Bridge​ / วงเวียนน้ำพุจาก Bethesda Fountain / สวนส่วนกลางจาก Central Park หรือจะเป็น Times Square​ บริเวณสำนักงานขาย เป็นต้น โดยส่วนตัวผมมองว่าทั่วทั้งโครงการเหมือนเป็น Art Gallery ที่สามารถถ่ายรูปสวยๆได้หลายจุด รวมถึงยังมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาที่ไปเที่ยวต่างประเทศเลยล่ะครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 2 – 3 ล้านบาท, 25 กุมภาพันธ์ 2565

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.25/10 – อยู่ภายในซอย เดินทางสะดวกด้วยรถยนต์ ละแวกใกล้เคียงมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
  • ความปลอดภัย 7.75/10 – ประตูเหล็กรางเลื่อน / RFID / CCTV / LIV-24
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – คอนเซ็ปต์ New York City เป็นเอกลักษณ์ แบ่งบ้านเป็นซอยย่อยเพิ่มความเป็นส่วนตัว มีบ้าน 2 แบบ พร้อมห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง ฝ้าเพดานสูง 2.6 – 3.6 m.
  • วัสดุ 7.5/10 – ได้มาตรฐานตามระดับราคา โครงสร้าง Precast พร้อมลงเสาเข็มลึกหลังบ้าน
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – มีต้นไม้ริมถนนหลัก สวนค่อนข้างใหญ่ แต่จะเน้นเป็นสนามหญ้าและไม้ดอกไม้ประดับมากกว่า สวยงามดี
  • สาธารณูปโภค 8.75/10 – สไตล์โดดเด่นชัดเจน ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ ตปท. แต่ฟังก์ชันและขนาดอาจไม่ได้ใหญ่หรือหลากหลายมากนัก
  • 7.66 / 10.00

สิริ เพลส บางนา – สุวรรณภูมิ เหมาะกับใคร

โครงการ สิริ เพลส บางนา – สุวรรณภูมิ เหมาะกับคนที่มองหาทาวน์โฮมในย่านลาดกระบัง-สุวรรณภูมิ ทำเลที่เงียบสงบไม่วุ่นวาย สามารถไปขึ้นทางด่วนหรือจับจ่ายใช้สอยได้ไม่ยาก และอยู่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเน้นเป็นโครงการที่มีคอนเซ็ปต์สไตล์ New York City ชัดเจนไม่เหมือนใคร จัดเต็มกับบรรยากาศส่วนกลางเหมือนได้อยู่ต่างประเทศ และเป็นบ้านไซส์เล็กที่ทำราคาจับต้องได้ไม่ยาก มีฟังก์ชันครบครัน พร้อมห้องอเนกประสงค์ให้ใช้งาน โดยจะต้องมีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 2.29 – 2.89 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 16,000 -20,000 บาท


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc