รีวิวฉบับที่ 1747 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชม บ้านกลางเมือง THE ERA ปิ่นเกล้า-จรัญฯ โครงการนี้ตั้งอยู่เลียบทางรถไฟ ใกล้สถานีบางบำหรุ , เซ็นทรัล ปิ่นเกล้าเเละถนนจรัญสนิทวงศ์ ตัวโครงการเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น ที่มีชื่อว่า Terraria เป็นบ้านที่เน้นการออกแบบพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง มีการแทรกสวนอยู่ในทุกชั้นของบ้านและดึงเอาเเสงสว่างมาใช้ภายในอาคารได้อย่างน่าสนใจ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5.69 ล้านบาท เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าโครงการนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง
Fact @ 27 November 2018
- บ้านกลางเมือง ดิ เอร่า ปิ่นเกล้า-จรัญฯ (Baan Klang Muang THE ERA Pinklao-Charan)
- บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- ที่ตั้งโครงการ : ถนนเลียบทางรถไฟบางบำหรุ เขตบางกรวย
- เนื้อที่โครงการ 13-2-38.2 ไร่ จำนวน 119 ยูนิต
- Terraria ทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- ที่ดินแปลงมาตรฐาน 20 ตร.วา
- ราคาเริ่มต้น 5.69 ล้านบาท
- โครงการเริ่มก่อสร้าง ปี 2561
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ปี 2562
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1623
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.7977944,100.49225
โครงการตั้งอยู่บนถนนเลียบทางรถไฟสายใต้ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เดินทางสะดวกเชื่อมต่อกับ ถนนเลียบทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก , ถนนบางกรวย-ไทรน้อย และทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ และใกล้เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ที่จะมีในอนาคต สถานีบางบำหรุ (สถานีที่ใกล้โครงการที่สุด) (สายสีแดงอ่อน เปิด ให้บริการปี 2563) , สถานีบางกรวย-กฟผ. (สายสีแดงอ่อน เปิดให้บริการปี 2563) และสถานีบางพลัด (สายสีน้ำเงิน เปิดให้บริการปี 2562)
ทำเลที่ตั้งของโครงการนี้ต้องขอบอกว่าถึงเเม้จะตั้งอยู่ที่จ.นนทบุรี แต่ก็คือเป็นขอบของจังหวัดจริงๆ คือข้ามถนนหน้าโครงการไปก็จะเป็นกรุงเทพฯเเล้ว ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนเลียบทางรถไฟ ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟที่ยังสามารถใช้งานได้อยู่ในปัจจุบัน เเละมีทางด่วนตัดผ่านด้านหน้าโครงการ พื้นที่บริเวณนี้จะสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปได้หลากหลายเส้นทาง บริเวณถนนเลียบทางรถไฟนี้เองก็จะมีทางลัดเลาะไปออกยังถนนบางกรวย-ไทรน้อยได้ หรือจะขับตรงไปยังสะพานพระราม 7 ก็ได้เช่นกัน เส้นทางที่น่าสนใจคือ จากหน้าโครงการเมื่อกลับรถมายังอีกฝั่งก็จะมีเส้นทางที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสิรินธร และถนนบรมราชชนนีได้อีก ซึ่งเป็นถนนสำคัญในการใช้งานไปยังปิ่นเกล้าซึ่งเป็นเเหล่งความอุดมสมบูรณ์หลักของพื้นที่แถบนี้ หรือจะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังอนุสาวรีย์ชัยฯหรือฝั่งพระนคร ไปสนามหลวงได้สะดวกเช่นกัน
ในส่วนของการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะนั้น พื้นที่รอบๆโครงการในระยะเดินถึงนั้นจะไม่มีอะไรอยู่เลย เนื่องจากถนนเลียบทางรถไฟเป็นพื้นที่ดินเปล่าเป็นส่วนมาก การเดินทางสำหรับทำเลนี้จึงต้องอาศัยรถส่วนตัวเป็นหลัก ไม่มีรถสาธารณะให้บริการรับส่งอย่างเช่นรถเมล์หรือเเท๊กซี่ก็เเทบจะไม่มีผ่านหน้าโครงการเลย ถึงเเม้ว่าด้านหน้าโครงการจะมีเส้นทางรถไฟ และมีสถานีบางบำหรุอยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการ จะการที่จะหารถสาธารณะเพื่อไปตัวสถานีหรือจะเรียกกลับมาในโครงการนั้น ปัจจุบัน ยังถือว่าค่อนข้างลำบากค่ะ ในกรณีที่ไม่มีรถส่วนตัวใช้อาจจะต้องพึ่งพาการเรียกรถผ่าน Application แทนนะคะ
ส่วนแหล่งความอุดมสมบูรณ์หลักของโครงการนี้ เนื่องจากรอบๆโครงการแทบจะไม่มีร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายของชำในระยะที่สามารถเดินถึงเลย อาจจะต้องอาศัยการซื้อตุนไว้ที่บ้านหรือเเวะซื้อก่อนกลับบ้านเเทน ย่านแนะนำน่าจะอิงย่านปิ่นเกล้าหรือห้างตั้งฮั่วเส็งซึ่งเป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆ อย่างโซนปิ่นเกล้าก็เรียกได้ว่ามีค่อนข้างครบครัน ห้างใหญ่ Hypermarket โรงหนัง Community mall อยากจะช็อปปิ้งหรือทำธุรกรรมอะไรก็ขับรถไปยังโซนนี้ก็ถือว่ามีครบครัน สะดวกอยู่ค่ะ ระยะทางจากโครงการไปยังโซนปิ่นเกล้าก็ประมาณ 5 กม.เท่านั้น
ขอพูดถึงทางด่วนหน้าโครงการกันสักนิด เราอาจบอกได้ว่าทำเลนี้เป็นอีกทำเลนึงที่อิงการเดินทางโดยใช้ทางด่วนเป็นหลัก จากที่ตั้งโครงการเอง ที่มีทางด่วนศรีรัช-วงเเหวนตั้งอยู่หน้าโครงการเลย สามารถใช้เดินทางไปลงยังจตุจักรหรือเชื่อมต่อยังทางด่วนวงเเหวน-กาณจนาภิเษกได้สะดวกมาก เฉพาะทางด่วนนี้มีทางขึ้น-ลง 6 แห่งคือ
- บริเวณถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก)
- ทางขึ้นลงราชพฤกษ์
- ทางแยกต่างระดับบรมราชชนนี
- ทางขึ้นลงบางบำหรุหรือถนนสิรินธร
- ทางขึ้นลงจรัญสนิทวงศ์
- ทางขึ้นลงพระราม 6
- ทางขึ้นลงกำแพงเพชรตรงทางแยกต่างระดับศรีรัช (ด่วนขั้นที่ 2)
ซึ่งจากโครงการเราจุดขึ้น-ลงที่สะดวกที่สุดคงจะเป็น ทางขึ้น-ลงบางบำหรุค่ะ
เส้นทางการเดินทางแนะนำ
เส้นทางการเดินทางวันนี้ เราลองขับมาจากถนนราชพฤกษ์กันก่อน หันหลังให้ตลิ่งชัน มุ่งหน้าไปยัง ถนนสวนผัก ขับลงสะพานมาหาจุดกลับรถก่อนถนนสวนผัก พอกลับรถมาก็ขับตรงมาเรื่อยๆ ตามป้ายทางด่วนไปจตุจักร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบทางรถไฟ ตรงมาอย่างเดียวเลย ตัวโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ เส้นทางนี้จะมีแยกที่ชวนสับสนอยู่บ้าง แต่สำหรับคนที่ชินทางหรือคล่องกับถนนหนทางย่านนี้เเล้วไม่น่าจะมีปัญหาค่ะ เราไปดูกันดีกว่าว่าเส้นทางจะเป็นอย่างไรกัน
เราเริ่มต้นจากถนนราชพฤกษ์มุ่งหน้าไปยังถนนสวนผักค่ะ ให้เราชิดซ้ายไว้ ไม่ต้องขึ้นสะพานนะคะ
เตรียมหาจุดกลับรถไฟ ข้างๆก็จะมีปั๊มน้ำมัน ปตท.ให้บริการอยู่ค่ะ เป็นปั๊มใหญ่เลย
ป้ายทางด่วนจะเป็นป้ายสีฟ้า บอกว่าไปจตุจักรชัดเจน ให้เราตามทางป้ายนั้นไปเรื่อยๆเลย
พอถึงเเยกเลี้ยวไปยังถนนสวนผักให้เราชิดขวากลับรถค่ะ
เมื่อกลับรถมาอีกฝั่งจะเจอวัดศีลมหาสนิท เป็นโบสถ์คริสต์หน้าตาอาคารดูโดดเด่นสะดุดตา
ชิดซ้ายตามป้ายทางด่วนไปเรื่อยๆเลยค่ะ
ถนนที่เราจะไปจะเรียกว่าถนนเลียบทางรถไฟค่ะ ซึ่งเป็นถนนที่ตั้งของโครงการเรา แต่ว่าป้ายบอกทางไปถนนนี้จะไม่ค่อยมีให้เห็นมากเท่าทางด่วนไปจัตุจักร ดังนั้นถ้าใครงงเส้นทางก็ตามป้ายทางด่วนจัตุจักรจะง่ายกว่า
เจอทางเเยกนี้ให้ตรงไปนะคะ ตามป้ายไปเลย
มาสุดทางให้เลี้ยวซ้าย
พอเลี้ยวซ้ายมาเราจะเจอกับทางขึ้นทางด่วนศรีรัช-วงเเหวนค่ะ ระยะจะกระชั้นนิดนึง เราไม่ต้องขึ้นนะคะ ให้ชิดขวาไว้เลย
พอชิดขวาเเล้วก็จะเจอทางเเยกอีก ตรงนี้จะชิดซ้ายจะเป็นสะพานกลับรถ ให้เราขับตรงไปค่ะ
ขับมาตามทางตอนนี้เราจะมาอยู่ที่ถนนเลียบทางรถไฟแล้ว รางรถไฟจะอยู่ทางขวามือของเรานั่นเองค่ะ ถนนเส้นนี้จะเป็น One Way หรือเดินรถทางเดียวนะคะ
จะมีบางช่วงที่จะเจอกับจุดกลับรถ เเต่เรายังไม่ต้องกลับค่ะ ขับตรงไปอย่างเดียวเลย
เราจะต้องเจอสถานีรถไฟบางบำหรุกันก่อน ซึ่งเป็นสถานีรถไฟสายใต้ คือใช้เดินทางไปยังภาคใต้ของประเทศไทยเป็นหลักค่ะ
ขับตรงมาเราจะเจอกับจุดขึ้นทางด่วนศรีรัช-วงแหวนอีกจุดนึง เรียกว่าทางขึ้น-ลง บางบำหรุค่ะ
เลยจุดขึ้น-ลงทางด่วนมาไม่ไกลก็จะเจอกับโครงการเเล้ว ตั้งอยู่ทางซ้ายมือค่ะ เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย
การเดินทางไปยังโครงการสามารถไปได้หลายเส้นทางนะคะ อย่างถ้าเรามาจากสะพานซังฮี้ ผ่านถนนสิรินธร เเละตั้งฮั่วเส็ง เราจะเจอกับทางกลับรถใกล้ๆเเยกที่เลี้ยวไปถนนบรมราชชนนี ให้เรากลับรถเเล้วเลี้ยวซ้ายไปถนนรุ่งประชา เพื่อไปอยู่ที่ถนนเลียบทางรถไฟ และหาจุดกลับรถเพื่อไปยังอีกฝั่งนึงเเทนที่เป็นเส้นที่มุ่งหน้าไปยังสะพานพระราม 7 ขับตรงไปเรื่อยๆโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
หรือถ้ามาจากเซ็นทรัลปิ่นเกล้าก็จะใช้เส้นทางคล้ายๆกัน คือจากหน้าห้าง มุ่งหน้าไปยังถนนสิรินธร หาจุดกลับรถเเละเลี้ยวซ้ายไปยังถนนรุ่งประชา เเละหาจุดกลับรถไปยังถนนเลียบทางรถไฟอีกฝั่งเพื่อวิ่งเข้าไปยังโครงการค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ
เนื่องจากโครงการอยู่ติดกับถนนเลียบทางรถไฟบางบำหรุ ซึ่งเดิมทีเป็นถนนละแวกนี้มักจะใช้เป็นทางที่รถสัญจรผ่านมากกว่า ยังไม่ใช่จุดที่มีอาคาร ร้านค้า หรือที่อยู่อาศัยตั้งอยู่ ในปัจจุบันเริ่มจะมีการพัฒนาที่ดินสองข้างทางถนนนี้มาใช้งานเป็นอาคารที่พักอาศัยกันบ้างเเล้ว แต่โดยรวมเเล้วสภาพเเวดล้อมรอบๆโครงการ ณ ปัจจุบันยังคงมีสภาพเป็นที่ดินเปล่าอยู่ส่วนมาก ส่วนถนนหน้าโครงการจะเป็นถนนใหญ่ สามารถวิ่งได้ฝั่งละ 2 เลน เป็นการเดินรถทางเดียว (แต่จุดกลับรถอยู่ไม่ไกล) ระหว่างถนนทั้งสองฝั่งจะเป็นทางรถไฟอยู่ และจะมีทางด่วนศรีรัช-วงแหวนวิ่งผ่านอยู่ด้านบน ไม่มีสะพานลอยเดินข้าม และไม่มีทางเท้าหน้าโครงการค่ะ ถือว่าเป็นโครงการที่การเดินทางต้องใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก
- ทิศเหนือ – ติดกับหมู่บ้านภาณุรังสี
- ทิศใต้ – ติดกับถนนหน้าโครงการ เเละทางด่วนศรีรัช
- ทิศตะวันออก – ติดกับหมู่บ้านกลางเมือง ปิ่นเกล้า-จรัญฯ
- ทิศตะวันตก – ติดกับหมู่บ้านภาณุรังสี และที่ดินเปล่า
ทิศใต้ – ติดกับถนนหน้าโครงการ เเละทางด่วนศรีรัช เมื่อออกจากโครงการมาเส้นทางจะบังคับให้เลี้ยวซ้าย
ทิศใต้ ถนนหน้าโครงการ ระหว่างถนนกับทางรถไฟจะมีรั้วกั้นปิดชัดเจน ไม่สามารถเดินข้ามไปยังอีกฝั่งได้
ทิศใต้ ออกจากโครงการหันหน้าไปทางขวา จะมีสถานีรถไฟบางบำหรุอยู่ค่ะ ห่างออกไปประมาณ 2 กม.
ทิศตะวันตก ติดกับที่ดินเปล่า น้องหมาดุเยอะเลย
ส่วนทิศตะวันออก พื้นที่ที่ติดกับถนนใหญ่จะมีบางส่วนที่เป็นที่ดินเปล่าอยู่ เลยออกไปจะเป็นหมู่บ้านกลางเมือง ปิ่นเกล้า-จรัญ อีกหนึ่งโครงการพี่น้องของ AP ค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ตลาดวัดบางพลัด ~ 3.5 km.
- เมเจอร์ปิ่นเกล้า ~ 5 km.
- เซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า ~ 6.4 km.
- ตลาดเตาปูน ~ 6.7 km.
- ตลาดศรีย่าน ~ 7.3 km.
- โรงพยาบาลตา หู คอ จมูก ~ 3.6 km.
- โรงพยาบาลยันฮี ~ 4.8 km.
- โรงเรียนศึกษาบัณฑิต ~ 2.4 km.
- มหาวิทบาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ~ 4.7 km.
- โรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์ ~ 5.3 km.
- โรงเรียนบดินทรเดชานนทบุรี ~ 5.4 km.
- โรงเรียนทิวไผ่งาม ~ 6 km.
- โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ~ 7.5 km.
- โรงพยาบาลเจ้าพระยา ~ 7.7 km.
- โรงเรียนโยธินบูรณะ ~ 8.1 km.
- สถานีบางบำหรุ ~ 2.6 km.
บ้านกลางเมือง THE ERA ปิ่นเกล้า-จรัญฯ เป็นโครงการทาวน์โฮม 3 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนเลียบทางรถไฟ บนที่ดินขนาดประมาณ 13 ไร่ จำนวนยูนิตทั้งสิ้น 119 ยูนิต จัดเป็นหมู่บ้านขนาดกลางไม่ใหญ่มาก หนาแน่นน้อย ภายในโครงการจะประกอบด้วยส่วนที่เป็นบ้านพักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลาง โดยพื้นที่อาศัยจะถูกแบ่งออกเป็น 2 โซน จากทางเข้าเราจะเจอกับบ้านอยู่ 3 หลังที่ติดกับถนนหลักซึ่งกว้าง 12 เมตร โซนนี้จะเป็นบ้านที่ไม่หันชนกับบ้านหลังไหนเลยและเข้า-ออกโครงการได้ง่าย ใกล้รปภ.แต่ก็อาจจะมีคนผ่านเยอะหน่อย เพราะอยู่ช่วงต้นๆโครงการ เมื่อขับรถตรงเข้าไปเราจะเจอกับ Clubhouse ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการก่อน บริเวณนี้จะมีทางเเยก ถ้าเราเลี้ยวขวาจะเจอกับเฟสแรกของโครงการที่กำลังจะสร้างเสร็จเรียบร้อยอีกไม่นาน และถ้าเลี้ยวซ้ายไปจะเป็นเฟสหลังที่กำลังทำการก่อสร้างอยู่ คาดว่าทั้งโครงการจะสร้างเสร็จประมาณกลางปีหน้าค่ะ การวางผังภายในโครงการจะออกแบบมาค่อนข้างไม่ซับซ้อนไม่มีซอยย่อยเยอะ คือจะมีถนนหลักที่กว้าง 12 เมตร เเละถนนรองกว้าง 9 เมตร เลี้ยวขวา 2 ซอยเป็นเฟสเเรก เลี้ยวซ้ายอีก 2 ซอยเป็นเฟสที่ 2 เท่านั้นค่ะ โดยข้อดีของเฟสเเรกคือสามารถเข้า-ออกโครงการได้ง่ายกว่า ใกล้ป้อม รปภ.มากกว่าและจะมีบ้านที่อยู่ใกล้ Clubhouse หันหน้าเห็นวิวสวนและไม่ชนกับบ้านหลังไหนเลย ส่วนเฟสที่ 2 ถึงเเม้จะอยู่ไกลกว่า แต่ก็จะได้ความสงบห่างจากถนนใหญ่เเละทางด่วนมากขึ้นค่ะ ตัวบ้านเเทบทุกหลังจะถูกวางในทิศเหนือ-ใต้ ซึ่งจะทำให้ลมพัดผ่านสะดวก และไม่ร้อนมากในเวลากลางวันค่ะ
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการมีให้ ได้แก่ Clubhouse ที่ออกแบบมาสไตล์ Modern Classic สูง 2 ชั้น ตั้งอยู่กลางโครงการ ระหว่างเฟส 1 และเฟส 2 ทำให้ลูกบ้านทั้ง 2 เฟสสามารถออกมาใช้ได้สะดวก ภายในประกอบด้วย สระว่ายน้ำระบบเกลือแบบกลางแจ้งและสระเด็ก , ห้องออกกำลังกาย , พื้นที่นั่งพักผ่อน รอบๆ Clubhouse จะประกอบไปด้วยพื้นที่สวนสาธารณะ Kids zone และ BBQ zone ค่ะ โดยลูกบ้านเฟสเเรกและเฟสที่ 2 หลังเเรกๆก็จะมาใช้งานส่วนกลางนี้ค่อนข้างสะดวกหน่อยค่ะ ส่วนลูกบ้านเฟสสองที่อยู่หลังในๆก็ต้องถือว่าเดินออกกำลังกายเพื่อมาใช้งานส่วนกลางกันนะคะ
เราพาไปดูบรรยากาศรอบๆของโครงการกันเลยดีกว่าค่ะ โดยขอเริ่มจากทางเข้ากันก่อน จากถนนเลียบทางรถไฟ มาจากสถานีบางบำหรุ ตรงมาเรื่อยๆเราจะเจอกับทางเข้าโครงการทางซ้ายมือ ซุ้มประตูทางเข้าของโครงการถูกบิดเฉียงเล็กน้อย รับกันกับถนน ขับผ่านก็จะเห็นชัดหน่อยค่ะ
ทางเข้าออกจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ทางซ้ายขวา เข้า-ออกฝั่งละทางนะคะ โดยมีป้อมยามอยู่ตรงกลาง ประตูทางเข้าจะเป็นรั้วบานเลื่อนอัตโนมัติ ทางเข้าดูปลอดภัยเเละเเน่นหนาดีค่ะ ซุ้มประตูถูกออกแบบมาให้ล้อไปกับส่วนกลางของโครงการด้วยรูปแบบ Modern Classic เราจึงจะเห็นซุ้มประตูทรงเหลี่ยมที่ดูสง่างาม มั่นคงเเบบนี้ค่ะ
ด้านข้างของซุ้มประตูทางเข้าก็จะมีการจัด Landscape ที่ตกแต่งไปด้วยต้นไม้ สวนและ Sculpture ตกแต่งที่ดูหรูหราเหมือนสวนสไตล์ฝรั่งเศส
บริเวณทางเข้าพื้นจะปูด้วยคอนกรีตแสตมป์ดูเรียบร้อยสวยงามดีค่ะ
บานประตูเป็นบานเลื่อน และก็จะมีทางสำหรับคนเดินไว้ด้านข้างค่ะ
ลองมาตูรายละเอียดกันบ้าง บานประตูคนเดินจะเป็นบานเปิด ทางเท้าก็จะต่อเนื่องตั้งแต่ข้างนอกโครงการเข้ามายังภายในรั้วของโครงการเลย ส่วน การเข้าออกรถยนต์ก็จะต้องใช้ Key Card Access แบบ Easy pass ค่ะ มีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้บริเวณทางเข้าบันทึกภาพกว้างและทะเบียนรถที่เข้า-ออกทุกคันภายในโครงการ
เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับถนนหลักที่กว้าง 12 เมตร ทางซ้ายมือจะเป็นบ้านหลังเเรกๆที่สร้างของโครงการนี้ค่ะ ตัวถนนจะเปลี่ยนเป็นพื้นคอนกรีต
หันไปทางซ้ายมือจะเจอกับสวนเล็กๆเเละที่ตั้งศาลพระภูมิค่ะ
ส่วนทางขวามือจะเป็นรั้วโครงการค่ะ ตัวรั้วของโครงการนี้จะมีทั้งส่วนที่เป็นรั้วทึบสูง 3 เมตร บางส่วนจะมีรั้วโปร่งต่อขึ้นไปอีก มีการปลูกต้นไม้และพุ่มไม้ทรงสูงตามแนวรั้ว และมีทางเดินบนสวนค่ะ บริเวณนี้ถ้าต้นไม้โตขึ้นอีกหน่อยเส้นทางการเดินเท้าน่าจะเดินสบายร่มรื่นเลยทีเดียว
พอเดินเข้ามาเราจะเจอกับ Clubhouse ของโครงการ ตั้งเด่นอยู่ตรงกลางเลยค่ะ จากตรงนี้ถ้าเราเลี้ยวขวาจะเป็นพื้นที่เฟส 1 ของโครงการ เเต่ถ้าตรงไปต่อจะเป็นพื้นที่เฟส 2 ค่ะ เเต่วันที่ไปโครงการ เฟส 2 นี้ปิดก่อสร้างอยู่ค่ะ
ถ้าเราเลี้ยวซ้ายมาจะเจอกับอาคารที่ประยุกต์มาเป็น Sale Gallery อยู่ทางขวามือ ถนนหน้าโครงการตรงนี้เป็นถนนย่อยเเล้ว จะมีความกว้าง 9 เมตรค่ะ เป็นซอยตัน เข้า-ออกทางเดียว รถสวนกันได้ค่อนข้างสะดวกค่ะ
มาดูตัว Clubhouse กันก่อนเลยดีกว่าค่ะ สไตล์การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของที่นี่จะใช้รูปแบบ modern classic คือเค้าจะนำเอาองค์ประกอบเเละสัดส่วนของสถาปัตยกรรมแบบ classic มาใช้ เช่นการทำขอบบัว การออกแบบที่เน้นความ symmetry ที่ต้องเท่ากันทั้ง 2 ข้าง การเลือกใช้เส้นเเบ่งกระจกต่างๆ มาประยุกต์ให้มีความเรียบง่าย Simple มากขึ้น แต่ก็ยังได้บรรยากาศของความหรูหราเหมือนในอดีต ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดจากอาคาร Clubhouse ของที่นี่เลย ดูหรูหราน่ามานั่งจิบน้ำชายามบ่ายกันมาก
จากทางเข้าเมื่อสักครู่เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับพื้นที่โถงหน้าบันได ที่มองเข้าไปจะเจอกับสระว่ายน้ำที่อยู่ทะลุไปอีกฝั่งของประตู เป็นการออกแบบการเข้าถึงพื้นที่ส่วนต่างๆได้อย่างน่าสนใจ คือ ถึงเเม้ตัวสระว่ายน้ำจะถูกจัดให้อยู่ Outdoor แต่ด้วยการเข้าถึงเเล้วก็จะทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวของคนที่เข้ามาใช้งาน ไม่ใช่ใครที่ขับรถผ่านไปมาเเล้วจะสามารถเห็นคนที่ใช้งานสระว่ายน้ำได้ค่ะ
ในตัวอาคาร หันซ้ายมาเราจะเจอกับชุดโซฟานั่งเล่นพักผ่อน ที่จัดมาอยู่ใน Space ที่เปิดโล่งเป็น Double Volume ล้อมรอบไปด้วยกระจก สามารถมองไปเห็นสวนเเละพื้นที่สีเขียวที่อยู่รอบๆได้ น่ามานั่งใช้งานมากค่ะ
หันมาทางซ้ายจะเป็นบันไดทางขึ้นไปชั้น 2 ของอาคาร ตัวบันไดก็ออกแบบตกแต่งสวยเป็นหน้าเป็นตาให้กับคนอยู่โครงการ ดูแล้วน่าเดินขึ้นไปดูว่าข้างบนมีอะไรบ้าง นอกจากนี้มีการออกแบบราวกันตกด้วยลวดลายแบบ Arch Deco ดูคลาสสิกดีค่ะ
ขึ้นไปชั้น 2 พอมองลงมาจะเจอบรรยากาศเเบบนี้ สิ่งที่เราชอบอีกอย่างนึงคือ เส้นสายและการออกแบบเฟรมกระจกที่ดูเหมือนภาพวาดเลยค่ะ
ที่ชั้น 2 จะมีห้องฟิตเนสอยู่ ข้างในก็มีอุปกรณ์ค่อนข้างครบเลย ทั้งลู่วิ่ง ดัมเบล จักรยาน ลูกบอลเป็นต้น สามารถออกกำลังกายไปชมวิวสวนที่อยู่ด้านนอกได้
ที่น่าสนใจคือมีทางเดินชั้น 2 รอบสระว่ายน้ำอีกด้วย เป็นการช่วยกำหนดพื้นที่ให้มีความ enclose หรือโอบล้อมสระว่ายน้ำค่ะ ทำให้สระว่ายน้ำที่อยู่ outdoor ยังมีความเป็นส่วนตัว เเละพื้นที่ส่วนต่างๆทั้งในเเละนอกอาคารเชื่อมต่อถึงกันหมด เมื่อมองลงมาก็จะเจอสวนข้างๆ ที่ออกแบบเป็นสนามหญ้า และสนามเด็กเล่น
มาดูที่สระว่ายน้ำกันก่อน สระว่ายน้ำของโครงการจะเป็นระบบสระน้ำเกลือ ขนาดประมาณ 5 x 12 เมตร สามารถใช้งานได้ 4 คนว่ายสวนกันได้อยู่ค่ะ มีสระว่ายน้ำเด็กอยู่ข้างๆติดกัน
ฝั่งที่เป็นตัวอาคารจะเป็นตำเเหน่งของห้องน้ำ เเละห้องอาบน้ำค่ะ ที่โครงการนี้มีห้องน้ำคนพิการให้มาด้วย
ภายในห้องน้ำ ทั้งห้องน้ำหญิงเเละห้องน้ำชายก็จะตกแต่งคล้ายๆกัน คือใช้โทนสีครีมค่ะ มีอ่างล้างมี โถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำ 1 ห้อง
ห้องอาบน้ำที่ใช้เป็นห้องตำแหน่งมุม ตำแหน่งนี้ก็จะมีขนาดที่ใหญ่อยู่นะคะ แอบเสียดายที่ไม่มีล็อกเกอร์เอาไว้เก็บของ
บางคนอาจคิดว่าห้องอาบน้ำห้องเดียวจะไปพอไหม แต่จริงๆเเล้วข้างๆห้องน้ำ จะมีโซนอาบน้ำอยู่ค่ะ เป็นฝักบัว Rain Shower
ตรงนี้คือสามารถล้างตัวก่อนเเละหลังลงสระได้เลย มีพื้นที่เล็กน้อยให้วางของได้เล็กน้อย
เดินไปสุดทางเดิน เราจะเจอกับพื้นที่เป็นลาน BBQ ค่ะ เป็นลานกลางเเจ้งที่มีเคาน์เตอร์ให้ สำหรับวางเตาเเละมีอ่างล้างจานให้ไว้ด้วย สามารถมาทำกิจกรรมหรือจัดปาร์ตี้เล็กๆบริเวณนี้ได้ค่ะ
มองย้อนกลับไปจะมีทางเข้าอาคาร Clubhouse ที่อยู่หน้าสระว่ายน้ำค่ะ
เเละมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังพื้นที่สวนค่ะ
พื้นที่สวนภายในโครงการรวมๆเเล้วจะมีขนาดอยู่ประมาณ 500 ตร.วา เป็นสนามหญ้ามีต้นไม้ใหญ่ปลูกรอบๆ เเละมีพื้นที่ส่วนหนึงจัดเป็นเหมือนตารางหมากรุก ดูเก๋ไก๋ ให้ลูกๆมาวิ่งเล่นเเถวนี้ได้ค่ะ
เดินออกมาอีกทางนึงจะเจอกับทางเข้า Clubhouse อีกฝั่งค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ พื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้ ชอบอะไรไม่ชอบอะไรลองคอมเมนท์กันมาได้นะคะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Clubhouse
- Fitness
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 5×12 เมตร
- สวนสาธารณะ
- สนามเด็กเล่น
- BBQ Garden
- ระบบ Access Card สำหรับเข้า-ออกโครงการ
- ระบบ CCTV ทางเข้า-ออกโครงการ และกระจายตามจุดสำคัญรอบโครงการ
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร
- ประตูรั้วโครงการแบบบานเลื่อนอัตโนมัติ
- ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
โครงการ บ้านกลางเมือง THE ERA ปิ่นเกล้า-จรัญฯ จะมีเเบบบ้านอยู่เเบบเดียวชื่อว่า Terraria เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นที่มีพื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม. ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดมาตรฐาน 20 ตร.วา พื้นที่การใช้งานจะเเบ่งเป็น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ หน้ากว้าง 5 ม.
ชั้น 1 – จะประกอบด้วยพื้นที่สำหรับจอดรถ 2 คัน มีกันสาดติดตั้งให้เรียบร้อย พื้นที่ชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของบ้านที่เหล่าสมาชิกในบ้านจะมาใช้ร่วมกันเช่นพื้นที่นั่งเล่น รับแขก และโต๊ะทานอาหาร ที่ออกแบบให้เชื่อมต่อกันไปตั้งแต่หน้าบ้านไปยังหลังบ้าน สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่และจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ตามสะดวก โดยเมื่อเข้าบ้านมาจะเจอกับส่วนนั่งเล่นพักผ่อนก่อน ต่อเนื่องไปกับพื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านจะมีประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ ทำให้เมื่อเปิดทั้งสองบานก็สามารถระบายอากาศเเละรับเเสงสว่างได้เต็มที่ พื้นที่ฝากนึงของตัวบ้านจะประกอบไปด้วยบันไดทางขึ้นชั้น 2 ใกล้กับประตูทางเข้าบ้าน มีห้องเก็บของใต้บันได มีห้องน้ำ ซึ่งจะเป็นห้อง Powder room คือไม่มีส่วนอาบน้ำให้ มีพื้นที่ที่สามารถกั้นเป็นครัวได้ และมีหลังบ้านที่มีการเดินงานระบบไฟฟ้าเเละประปาไว้สำหรับทำเป็นพื้นที่ซักล้างหลังบ้านได้
ชั้น 2 – ก่อนขึ้นมา ตัวบ้านเเบบนี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่ตัวชานพัก จะมีขนาดกว้างกว่าปกติ ทำให้สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ เช่นเราจะทำ Built-in ที่นั่งริมหน้าต่างได้ หรือจะจัดเป็นชั้นวางของ เก็บหนังสือหรือวางของตกแต่งได้เช่นกัน พอขึ้นมาถึงชั้น 2 แล้วที่ชั้นนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ห้องนอนย่อย โดยมีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง โดยจะมีความน่าสนใจในการออกแบบพื้นที่ชั้นนี้ตรงที่ จะมีผนังส่วนหนึ่งที่เป็นผนังเบาสามารถทุบทิ้งได้ ทำให้เราสามารถกั้น Layout ห้องขึ้นมาใหม่ ยุบรวมห้องนอนทั้ง 2 ห้องให้เป็นห้องเดียวกัน สำหรับห้องน้ำที่ชั้นนี้ ถึงเเม้ตำแหน่งจะอยู่ตรงกลางบ้าน แต่การที่มี Pocket garden ที่อยู่มุมบ้าน ทำให้สามารถเปิดช่องเเสงให้ห้องน้ำได้เเสงสว่างเเละระบายอากาศได้ อีกทั้งยังช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มมากขึ้นจากการที่ผนังถูก Set เข้ามาภายในตัวบ้านระดับนึง และมีต้นไม้บังตา ในชั้นนี้ ห้องที่อยู่ทางหน้าบ้านจะได้หน้าต่างที่มีความกว้าง เต็มหน้ากว้างของห้องเลย ทำให้ดูโปร่งมากขึ้น เเละมีระเบียงเล็กๆด้านข้างออกไปยัง Pocket garden ได้
ชั้น 3 – ชั้นนี้จะเป็นชั้นของห้องนอน Master Bedroom ทั้งชั้นเลย ให้บรรยากาศเหมือน Penthouse ด้านหน้าจะได้หน้าต่างกว้างเต็ม สูงจรดพื้น กว้างจรดผนัง มีระเบียงยาวที่สามารถปลูกต้นไม้ด้านหน้า สร้างความร่มรื่นเเละพื้นที่สีเขียวให้เป็นวิวภายในห้องได้ มีพื้นที่ที่สามารถกั้นเป็น Walk-in closet ได้ มีห้องน้ำด้านหลัง ที่มีพื้นที่เว้าเข้ามาทำเป็น Pocket Garden อีกจุดหนึ่งของบ้าน ทำให้ห้องน้ำที่ชั้นนี้สามารถทำกิจกรรมต่างๆไป สามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวได้ เเละยังได้เเสงสว่างอย่างเต็มที่ โดยที่ยังพอได้ความเป็นส่วนตัวอีกด้วยค่ะ
จุดเด่นของแบบบ้าน Terraria นั้น ทาง AP ได้ออกแบบมาให้ดู Modern ผสมผสานความต้องการในการอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่มากขึ้น เริ่มต้นที่แนวความคิดการออกแบบบ้าน Terraria ชื่อแบบบ้านนี้มาจากคำว่า Terrarium ที่หมายถึงต้นไม้ในขวดโหล ลบภาพเดิมๆของแบบบ้านทาวน์โฮมที่ห่างไกลจากพื้นที่สีเขียวและภายในบ้านที่มืดทึบ ดังนั้นเเบบบ้านนี้จึงถูกออกแบบมาให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น มี DOUBLE GREEN SPACE ที่ระเบียงชั้น 2 ของบ้าน ถือเป็น Pocket garden ที่แทรกตัวอยู่ทุกชั้นของบ้านทั้งหน้าบ้านเเละหลังบ้าน เป็นหนึ่งในไอเดียเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่เข้าถึงผู้อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น จุดเด่นต่อมาคือเรื่องพื้นที่ใช้สอยที่สามารถปรับยืดหยุ่นได้ที่บริเวณชั้น 2 จะมีผนังที่สามารถทุบทิ้งและปรับเปลี่ยนพื้นที่ชั้น 2 ให้กลายเป็นห้องนอนใหญ่เพิ่มอีกห้องได้ ส่วนที่ชั้น 3 ที่เป็น Master Bedroom ทั้งชั้นเลย จึงได้บรรยากาศเหมือนเป็น Penthouse เลยค่ะ
ตัวอาคารจะออกแบบมาดูค่อนข้าง Modern คือเน้นรูปทรงเหลี่ยม ใช้โทนสีขาวเทาเเละน้ำตาล ที่น่าสนใจคือการออกแบบผนังที่มีการยุบยื่นไม่กันคนละระนาบ ทำให้เกิดพื้นที่เช่นระเบียงชั้น 2 ที่มีความสูง Double ทำให้สามารถปลูกต้นไม้ที่สูงขึ้นไปได้ และการเลือกใช้หน้าต่างที่ตรงเเนวกับขอบระเบียงที่ชั้น 2 กับหน้าต่างที่สูงจรดพื้นที่ชั้น 3 ก็ช่วยทำให้หน้าตาบ้านออกมาดูฉีกเเนวจากทาวน์โฮมเดิมๆที่เคยเห็นกันมาในยุคก่อน
ตัวรั้วบ้านจะเป็นรั้วเหล็กกล่อง บานเปิดสี่ตอนเปิดซ้าย-ขวาซ้อนกันได้ เมื่อเปิดสุดจะกว้างเต็มความกว้างของประตู
ด้านหน้าจะมีกริ่งให้มาด้วย โครงสร้างที่จอดรถจะเป็นพื้น Slab on ground ตัวบ้านหน้ากว้าง 5 เมตร เเต่วัดเเล้วเคลียร์ในก็จะอยู่ที่ประมาณ 4.8 เมตรค่ะ ความลึกของที่จอดรถอยู่ที่ 5 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คัน ถ้าเป็นรถเล็กก็จะสบายหน่อยเปิดประตูขึ้นลง เก็บของง่าย แต่ถ้ารถใหญ่ขึ้นก็อาจจะต้องลำบากนิดนึง แต่ถ้าบ้านไหนมีรถคันเดียวก็สบายเลยค่ะ
ทางโครงการจะมีหลังคากันสาดติดตั้งมาให้ เป็นกันสาดผ้าใบสีน้ำตาลเเบบพับเก็บได้ ทำให้ทัศนียภาพภายในโครงการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
บริเวณหน้าบ้านจะมีชานพักขึ้นมา 1 ระดับก่อนเข้าตัวบ้าน สำหรับเเขกไปใครมาจะมาวางรองเท้ากันตรงนี้ก่อนได้
หน้าบ้านจะมีพื้นที่เก็บของให้ เป็นห้องที่ระบายอากาศได้ เเละสามารถล็อกเก็บมิดชิดได้ ตัวประตูจะกว้าง 90 ซม. เป็นบานเปิดออกคู่ ส่วนพื้นที่ด้านในจะกว้าง 1.25 เมตร และลึก 40 ซม. สามารถเก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด อุปกรณ์ช่างไว้ได้ และสามารถสร้างชั้นเพิ่มเพื่อทำเป็นชั้นวางรองเท้าได้ค่ะ จะได้มีที่เก็บรองเท้าเรียบร้อยเป็นระเบียบ และระบายอากาศได้เช่นกัน
หันมาทางซ้ายมือ จะเห็นว่าบริเวณผนัง ก็จะมีงานระบบเดินไว้ให้เช่นก๊อกน้ำซักล้าง และปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบ เอาไว้ในกรณีที่ใครอยากล้างรถเองหรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรด้านหน้าบ้านได้
ประตูทางเข้าบ้านจะเป็นประตูบานเลื่อน กรอบบานเป็นอลูมิเนียมสีเทา-ดำ ตัวบานเป็นกระจกเขียวตัดเเสง (ตัวกระจกเขียวตัดเเสงนี้ โดยทั่วไปจะนิยมใช้กันเพราะว่าเป็นกระจกที่สามารถให้เเสงสว่างเข้ามาในอาคารได้ดี ในขณะที่ช่วยกรองความร้อนที่จะเข้ามาได้ดีกว่ากระจกสีอื่นๆค่ะ) ตัวบานสามารถเลื่อนได้ 2 ฝั่งเลยนะคะ
มือจับและตัวล็อคหน้าตาเป็นแบบนี้ เป็นมือจับที่กำถนัดมือเลย
เมื่อเข้ามาในตัวบ้านเราจะเจอกับพื้นที่ส่วนนั่งเล่นก่อน ซึ่งต่อเนื่องไปยังพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารที่อยู่ถัดเข้าไป พื้นที่ตรงนี้จะมีหน้ากว้าง 3.8 เมตรเลย ถือว่ากว้างพอสมควร จัดวางเฟอร์นิเจอร์ง่าย ระยะเดินเข้าออกสะดวกค่ะ ในบ้านตัวอย่างที่ไปดูจะเป็นบ้านเเปลงมุม ดังนั้นจะมีชุดประตูหน้าต่างกระจกเพิ่มมาอีกชุดนะคะ สำหรับบ้านเเปลงกลางตรงนี้จะไม่มีให้
วัสดุมาตรฐานที่ได้จะได้พื้นกระเบื้องเเกรนิตโต้ ผนังเเละฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว ไฟเป็นไฟดาวน์ไลท์ ความสูงของชั้นนี้จะอยู่ที่ 2.8 เมตรค่ะ
เราสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นโซฟาเเบบ 3 ที่นั่งหรือชุดโซฟาตัว L ก็ได้นะคะ เลือกโต๊ะกลางมาวางก็ได้ ระยะความกว้างของพื้นที่ตรงนี้จะอยู่ที่ประมาณ 3.5 เมตรเลย
ฝั่งตรงกันข้ามกับโซฟาจะเป็นตำแหน่งของชั้นวางทีวี ที่บ้านมาตรฐานจะเป็นบันไดโปร่งทางขึ้นชั้น 2 ค่ะ ตรงนี้จะมีพื้นที่เก็บของใต้บันไดซ่อนอยู่ด้วย ระยะที่เราสามารถวางชั้นวางทีวีได้จะอยู่ที่ประมาณ 1.55 เมตร ถ้าเราไม่คิดที่จะต่อเติมเป็น Built-in อะไรก็ให้เลือกเป็นชั้นวางทีวีมาวางเเทนหรือถ้าเราอยากทำ Built-in เพิ่มเเบบบ้านตัวอย่างก็น่าสนใจดีค่ะ เราอาจได้พื้นที่เก็บของด้านบนเพิ่มขึ้นจากการทำ Built-in นี้ได้
ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร อย่างที่บอกไปว่า บ้านตัวอย่างจะเป็นเเปลงมุม ทำให้พื้นที่บริเวณนี้จะได้ประตูบานเลื่อนเชื่อมต่อไปยังสวนด้านข้างเพิ่มขึ้นอีกด้าน บริเวณนี้จึงจะดูมีความโปร่ง โล่งมากขึ้น
พื้นที่ส่วนรับประทานอาหารจะมีขนาดประมาณ 3 x 3 เมตร สามารถจัดวางชุดโต๊ะทานอาหารได้ 4-6 ที่นั่ง สบายๆ แถมยังเหลือทางเดินรอบๆโต๊ะได้ด้วย ส่วนฝั่งขวามือที่เห็น จะเป็นตำแหน่งของ ห้องน้ำชั้น 1 และพื้นที่ครัว
เดี๋ยวเราจะขอพาไปดูพื้นที่หลังบ้านกันก่อน ความลึกของพื้นที่หลังบ้านนี้ ก็จะขึ้นอยู่กับขนาดแปลงที่ดินบ้านที่ซื้อ ในบ้านตัวอย่างจะได้พื้นที่หลังบ้านที่กว้าง ทีนี้เลยทำเป็นไอเดียให้ดู เป็นการต่อเติมห้องกระจกเพิ่มเข้าไปที่ด้านหลังบ้าน
บรรยากาศที่ต่อเติมเพิ่มขึ้นมาก็จะได้อารมณ์เหมือนกับ glass house ปลูกต้นไม้ก็ได้ หรือจะทำเป็นห้องสำหรับทำงานอดิเรกก็ดีค่ะ
สิ่งที่ดูน่าสนใจในไอเดียนี้คือ ปกติเเล้วเวลาที่เราต่อเติมบ้านกันเรามักจะต่อเติมไปจนสุดพื้นที่หลังบ้าน แต่ที่นี่เค้าออกเเบบให้มีพื้นที่เหลือไว้เป็นสนามหญ้าเล็กๆด้านหลังอีกทีนึง ถือว่าเป็นมุมพักผ่อนที่ส่วนตัวพอสมควรเลยค่ะ
เราดูไอเดียจากบ้านตัวอย่างกันเเล้ว ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าภายในบ้านมาตรฐานเราจะได้อะไร แบบบ้านของโครงการนี้จะมีการลงเสาเข็มให้ไว้ด้วยค่ะ มีรั้วทึบกั้นระหว่างหลังที่ติดกัน แต่สำหรับหลังไหนที่ชิดติดที่ดิน ก็จะมีรั้วทึบที่สูงขึ้นมาอีกเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้นค่ะ
สำหรับพื้นที่หลังบ้าน เราสามารถจัดให้เป็นพื้นที่ซักล้างได้ มีงานระบบไฟฟ้า ระบบประปาและเตรียมท่อไว้ให้เรียบร้อยเเล้ว
กลับมาดูในบ้านกันนะคะ ขอมาต่อที่ครัว พื้นที่ครัวจะเป็นพื้นที่เปิดที่เว้าเข้าไป ซึ่งตรงนี้เราสามารถต่อเติมเพิ่มให้เป็นครัวปิดได้นะคะ ข้างๆกันจะเป็นห้องน้ำ ในบ้านตัวอย่างอาจจะดูยากหน่อยเพราะมีการตกแต่งด้วยกระจกเพิ่มเติมดูพรางตา แต่ในบ้านจริงยังเป็นผนังขาวค่ะ
พื้นที่บริเวณนี้จะมีขนาดประมาณ 1.6 x 1.75 เมตร สามารถจัดวางเคาน์เตอร์เเละตู้เย็นเข้ามุมเป็นรูปตัว L แบบในห้องตัวอย่างได้ มีกระจกบานกระทุ้งให้มา 1 บานเล็กๆด้านบนเอาไว้ระบายอากาศ และเป็นช่องแสงค่ะ
เข้ามาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำที่ชั้นนี้จะเป็นห้องน้ำแบบ powder room คือมีเเต่อ่างล้างมือ และโถสุขภัณฑ์ค่ะ ภายในห้องน้ำจะปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทา ส่วนผนังจะเป็นกระเบื้องเซรามิกสีขาวสลับกับลายโมเสกค่ะ เป็นการเพิ่มลูกเล่นเเละลวดลายให้กับห้องน้ำ
ห้องน้ำนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 1.28 x 1.5 เมตร มีการลดระดับลงจากภายนอก เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด กันน้ำไหลย้อนออกไปสู่ด้านนอกได้
ตัวอ่างล้างหน้าจะเป็นอ่างเเบบเเขวนของ American Standard ติดตั้งมาพร้อมกับกระจกเงาแบบนี้
ส่วนโถสุขภัณฑ์ก็เป็นของ American Standard เช่นกัน ติดตั้งมาพร้อมกับสายฉีดชำระเเละที่ใส่กระดาษชำระค่ะ บริเวณมุมห้องจะมีพื้นที่ว่างอยู่สามารถตั้งเป็นถังขยะก็ได้ หรืออาจจะเอาชั้นวางของเล็กๆมาวางไว้ เป็นของตกแต่งพวกเทียนหอม หรือชั้นวางหนังสืออ่านเล่นได้ค่ะ
เเละก็เนื่องจากห้องน้ำจะอยู่ตำแหน่งกลางบ้านพอดี ทำให้ไม่มีผนังด้านไหนอยู่ชิดริมหน้าต่างเลย ดังนั้นในห้องน้ำจึงมีพัดลมระบายอากาศติดตั้งไว้ให้ด้วยค่ะ
จบชั้น 1 กันไปแล้ว เราขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันเลยดีกว่าค่ะ โครงสร้างบันไดจะใช้เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนวัสดุลูกนอนจะเป็นไม้สำเร็จรูปค่ะ ความกว้างของบันไดจะอยู่ที่ประมาณ 90 ซม.
ตัวบันไดจะเป็นไฟล์ทที่ค่อนข้างยาว ไปสุดผนังด้านหลังบ้านเลย พอขึ้นมาถึงชานพักบันได แบบบ้านของที่นี่ก็จะมีลูกเล่น จัดให้ชานพักนี้มีพื้นที่กว้างกว่าทั่วไป คือมีขนาดประมาณ 1.70 x 2.00 เมตร สามารถจัดวางเป็นพื้นที่อเนกประสงค์เพิ่มขึ้นได้ อย่างในบ้านตัวอย่างก็จะทำ Built-in เป็นชั้นวางหนังสือ และมุมที่นั่งข้างๆกัน ดีที่หน้าต่างตรงชานพักนี้จะมีหน้าตาที่ไม่ได้กว้างสุดขอบพื้นที่ ทำให้เราสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์อย่างชั้นวางหนังสือ หรือตู้โชว์ได้ทั้งเเนวผนัง เเละในกรณีที่เราจัดให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ใช้งานก็จะทำให้ไม่ร้อนเกินไปด้วยค่ะ
จากชานพัก ขึ้นไปอีกสามขั้นก็จะเป็นพื้นที่ชั้น 2 แล้วค่ะ โดยพื้นชั้น 2 นี้จะเปลี่ยนจากกระเบื้องแกรนิตโต้เป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. แทน ตัวห้องจะมี 2 ห้อง อยู่สุดทางเดินไปขวามือค่ะ ที่ชั้นนี้จะมีความน่าสนใจเล็กน้อยตรงที่ ตัวบ้านทั้งหมดจะเป็นการก่อสร้างเเบบระบบ Pre-cast ค่ะ อย่างที่ทราบกันว่าระบบนี้จะทำให้การทุบหรือต่อเติมเป็นไปได้ยาก แต่สำหรับบ้านเเบบนี้ก็จะมีทางเลือกเพิ่มขึ้นมาให้คือ ผนังบริเวณที่เป็นกระจกทางขวามือ ในบ้านมาตรฐานจะให้มาเป็นผนังทึบ ซึ่งสามารถทุบออกได้ เเละเราสามารถกั้นให้พื้นที่ชั้นนี้กลายเป็นห้องนอนใหญ่อีก 1 ห้องก็ได้ค่ะ
มาดูที่ตัวห้องกันต่อ พอเดินมาสุดทางเดินหันไปทางขวาเราจะเจอกับทางเเยกซ้าย-ขวาจะเป็นห้องนอน 2 ห้อง ส่วนตรงกลางจะเป็นห้องน้ำค่ะ
มาดูที่ห้องนอนเล็กที่อยู่ติดกับผนังหลังบ้านกันก่อน ห้องนี้จะมีขนาดประมาณ 2.8 x 4.0 เมตร มีหน้าต่างอยู่หลังบ้านเป็นบานเลื่อน 2 ตอน เปิดได้ทั้งซ้าย–ขวาค่ะ ห้องนี้เราสามารถจัดเตียงขนาด 3.5 ฟุตวางชิดผนังฝั่งนึงไปได้ คล้ายๆกับห้องตัวอย่างเพื่อให้ได้พื้นที่ครึ่งห้องอีกฝั่งมีทางเดินที่กว้างขวางมากขึ้น หรืออีกหนึ่งทางเลือกคือเราสามารถจะจัดเตียงขนาด 5 ฟุต วางหันหัวเตียงไปทางขวามือก็ได้ค่ะ แต่ปลายเตียงจะเหลือทางเดินประมาณ 80 ซม. ซึ่งไม่เหมาะที่จะจัดวางเฟอร์นิเจอร์อะไรเพิ่มปลายเตียงได้ ถ้าอยากติดทีวีเพิ่ม อาจจะต้องเลือกแบบเเขวนผนังเเทนคะ
ที่ชั้น 2 นี้ความสูงของพื้นถึงฝ้าเพดานจะอยู่ที่ 2.6 เมตร พื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ผนังเเละฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว และไฟเป็นดาวน์ไลท์ฝังฝ้า
ไอเดียการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนี้จะนำเอาเตียงนอนไปไว้ชิดผนังฝั่งนึงค่ะ ส่วนอีกฝั่งก็จะมามารถวางเป็นชั้นวางของ ชั้นวางทีวี หรือจัดเป็นโต๊ะเขียนหนังสือก็ได้
เห็นว่าตรงนี้น่ารักดี สำหรับเด็กๆ ที่ปลายเตียงทำเป็นบันไดขึ้นไปที่นั่งเล่นชั้นบน อารมณ์เหมือนมีห้อง loft ส่วนตัว ส่วนชั้นล่างก็เอาไว้เก็บของ เก็บเสื้อผ้า ที่ตรงนี้มีพื้นที่เหลือได้ค่อนข้างเยอะเพราะว่าห้องนี้เป็นห้องที่ค่อนข้างลึกเลยค่ะ ประมาณ 4 เมตร
มาดูห้องน้ำที่ชั้น 2 กันบ้างค่ะ ที่ชั้นนี้จะมีห้องน้ำอยู่ห้องเดียว การจัดวางก็จะวางสุขภัณฑ์ชิดไปฝั่งนึง ส่วนอีกฝั่งจะเป็นพื้นที่ทางเดินค่ะ พื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งจะมีการเเยกกันด้วยระดับพื้นที่ต่างกัน วัสดุปูพื้นและผนังภายในห้องน้ำจะใช้เป็นกระเบื้องเซรามิก ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด
พื้นที่ส่วนเเห้งของห้องนำ้จะมีขนาดประมาณ 1.4 x 1.75 เมตร ลดระดับพื้นลงมาจากพื้นด้านนอกเล็กน้อย
ตัวอ่างล้างหน้ากับโถสุขภัณฑ์จะได้เป็นของ American Standard เหมือนเดิม
มาดูพื้นที่โซนอาบน้ำที่เป็นส่วนเปียกกันบ้าง ตรงนี้จะไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะคะ เราอาจจะติดตั้งเองเพิ่มทีหลังได้ เวลาอาบน้ำ นำ้จะได้ไม่กระเซ็นออกมาด้านนอกจนทำให้ลื่นหรือเปียกไปทั่วห้อง
พื้นที่อาบน้ำจะมีขนาดประมาณ 1.4 x 0.90 เมตร ถือว่าเป็นระยะที่ใช้งานและหมุนตัวสะดวกอยู่นะคะ
ฝักบัวเป็นของ American Standard อีกเช่นกันเป็นรุ่นสเตนเลส มีการเดินงานระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนไว้ให้เเล้ว และบริเวณผนังมีการเจาะเป็นช่องบริเวณผนังไว้สำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆ เราสามารถติดตั้งชั้นเพิ่มได้ สำหรับผู้หญิงหลายคนพื้นที่แค่นี้อาจจะวางข้าวของไม่พอนะคะ
ส่วนด้านล่างเราจะเห็นว่ามีก็อกน้ำซักล้างไว้ให้ด้วย สะดวกต่อการใช้งานค่ะ
ตัวฝักบัวหน้าตาแบบนี้ จับถนัดมือค่ะ
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจของห้องน้ำนี้คือจะมีกระจกบานเลื่อน ตัวบานเป็นกระจกฝ้า สามารถเปิดระบายอากาศได้ และรับเเสงสว่างได้ค่ะ บริเวณนี้ถ้าเราเปิดออกไปจะเป็นพื้นที่ที่เป็น Pocket Garden ของชั้นนี้ สามารถเปิดออกไปเห็นพื้นที่สวนสีเขียวข้างๆห้องน้ำได้เลย
มาดูห้องนอนทางด้านหน้ากันบ้าง ห้องนี้จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น พื้นที่ห้องอยู่ที่ประมาณ 3.7 x 3.3 เมตร หน้าต่างจะเป็นหน้าต่างที่กว้างเต็มหน้ากว้างห้องเลย เเต่จะมีผนังทึบอยู่ด้านล่าง ทำให้เราสามารถเลือกจัดวางชั้นวางของเตี้ยๆได้ชิดริมหน้าต่าง
ห้องนี้สามารถวางเตียงนอนแบบ 5 ฟุตได้ และมีทางเดินที่ยังสามารถเดินรอบเตียงได้เช่นกันค่ะ
สามารถวางตู้เสื้อผ้าไว้ที่ผนังห้องที่อยู่ใกล้กับประตูเลยก็ได้นะคะ
ตำแหน่งปลายเตียงตะมีประตูเดินออกไปยังระเบียงอยู่ค่ะ
ภายนอกระเบียงจะลดระดับลงไปเล็กน้อย จะช่วยให้ฝุ่นผงต่างๆจากภายนอกบ้านไม่พัดปลิวเข้ามายังในบ้าน
พื้นที่ระเบียงนี้จะมีขนาดรวมอยู่ที่ประมาณ 2 x 1.5 เมตร
พื้นที่ตรงนี้จะอยู่หัวมุมของอาคารพอดี ในกรณีที่บ้านหลังกลางผนังสีน้ำตาลนี้จะกว้างเต็มจรดไปนังผนังห้องน้ำด้านในคะ
พื้นที่ระเบียงจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่สามารถยืนใช้งานได้กับส่วนที่กั้นไว้ให้ปลูกต้นไม้โดยเฉพาะ เเบ่งจากกันด้วยธรณีประตู ความต่างของพื้นที่ 2 ฝั่งคือฝั่งที่เป็นพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ บริเวณพื้นจะมีท่อระบายน้ำแบบกะโหลก ซึ่งจะมีข้อดีตรงนี้ ถ้าเกิดมีใบไม้มาอุดน้ำก็ยังสามารถไหลออกได้อยู่ค่ะ เเละที่น่าสนใจคือพื้นที่ส่วนที่สามารถปลูกต้นไม้ได้นี้จะมีความสูงไปถึงชั้น 3 เลย เป็นการเชื่อมต่อพื้นที่ให้สามารถมองถึงกันได้
หันไปทางขวา เราจะเห็นหน้าต่างบานที่เชื่อมไปยังห้องน้ำนั่นเองค่ะ
มาดูที่ชั้น 3 ที่เป็นชั้นสุดท้ายกันต่อ ตำแหน่งบันไดจะยังคงอยู่ที่ตำแหน่งเดิม
บางขั้นยังจะมีขั้นที่เป็น 3 เหลี่ยมอยู่นะคะ ระมัดระวังในการเดินเล็กน้อย
บันไดจะเป็นรูปตัว U ที่บริเวณโถงชานพักบันไดจะมีช่องเเสงอยู่ช่วยทำหน้าที่ให้เเสงสว่างสำหรับคนเดินขึ้นลงในเวลากลางวันก็ไม่ต้องเปิดไฟ บริเวณนี้ในบ้านมาตรฐานจะไม่มีไฟตกแต่งอื่นๆมาให้นะคะ จะมีแค่ไฟดาวน์ไลท์ แต่เราก็สามารถติดตั้งโดมไฟเหมือนในบ้านตัวอย่างได้เช่นกันค่ะ
ขึ้นมายังชั้น 3 จะมีชานพักเล็กๆก่อนเข้าห้องนอนทางขวามือค่ะ
ที่ชั้นนี้จะมีห้องนอนอยู่ห้องเดียวเป็น Master Bedroom ที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ Penthouse เลย คือเราเป็นเจ้าของเองทั้งชั้น(จริงๆก็คือทั้งหลังค่ะ) ในแง่ของวัสดุที่ใช้ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง มีแต่ระดับฝ้าเพดานที่สูงเป็น 2.8 เมตร เหมือนที่ชั้น 1 เลยค่ะ ดูโปร่งโล่งสบายเลย เมื่อเข้ามาในห้องสิ่งเเรกที่เราจะเจอก่อนเลยคือพื้นที่โล่งที่สามารถจัดเป็น Walk-in closet หรือตู้เสื้อผ้าได้ คือเราสามารถกั้นพื้นที่ได้ตามสะดวกเลยค่ะ โครงการจะให้มาเป็นพื้นที่โล่งๆ
หันมาทางซ้ายที่เป็นหน้าบ้านจะเป็นตำแหน่งสำหรับส่วนพักผ่อน ซึ่งจะติดกับหน้าต่างหน้าบ้านที่กว้างสุดความกว้าง และสูงจรดพื้นเลย ทำให้ห้องนี้ได้ความรู้สึกโปร่ง โล่งเต็มที่ เเสงเข้ามาได้เต็มที่เช่นกันค่ะ
ลองเทียบกับบ้านมาตรฐานกันดูนะคะ ชุดหน้าต่างฝั่งซ้ายมือจะเป็นชุดที่อยู่ติดกับระเบียงห้องนอนที่เป็นระเบียงหน้ากว้างเหมือนกัน ส่วนทางขวามือจะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับส่วนที่เป็น Pocket Garden ชั้น 2
บริเวณส่วนห้องนอนนี้จะมีขนาดใหญ่จัดเต็มมาก คือมีพื้นที่ประมาณ 4.9 x 4.2 เมตรได้ เราสามารถวางเตียง King Size ได้สบายๆอยู่กลางห้อง แถมยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลืออีกด้วย
ที่ปลายเตียงยังสามารถจัดเป็นชุดโซฟาเพิ่มขึ้นอีก สำหรับนั่งพักผ่อน หรือดูทีวีภายในห้องนอนไปเลย
นอกจากนี้ปลายเตียงเราสามารถทำ Built-in ชั้นวางของเเละชั้นวางทีวีเพิ่มเติมได้ทั้งแผงผนังเลย
ไปดูที่ระเบียงกันก่อน ประตูทางออกไปยังระเบียงจะอยู่ข้างๆหัวเตียง เป็นประตูบานเลื่อน 2 ตอนเปิดได้ 2 ด้าน กรอบบานจะเป็นอลูมิเนียม ส่วนตัวบานจะใช้เป็นกระจกเขียวตัดแสงเหมือนเดิมค่ะ
ระเบียงของ Master Bedroom จะได้กว้างเลย ขนาดประมาณ 3.2 x 0.7 เมตร เราจะเอาต้นไม้กระถางมาวางไว้บริเวณนี้ก็ได้ สร้างความร่มรื่นเเละพื้นที่สีเขียวเมื่อมองจากข้างในห้องออกไป
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ส่วนราวกันตกจะเป็นราวเหล็กกล่อง เน้นเส้นเเนวตั้ง ถือว่าเป็นเริ่มความปลอดภัยก็ได้ คือถ้าเราใช้เป็นเส้นเเนวนอน อาจจะมีคนปีนตกได้
ไฟส่องสว่างที่ใช้ระเบียงภายนอกนี้จะติดตั้งไว้ให้เป็นไฟผนังค่ะ
เมื่อมองย้อนจากระเบียงกลับมา จะเห็นได้ว่าห้องนี้จะใหญ่โตเลยทีเดียว เดี๋ยวเราจะลองเดินไปดูอีกฝั่งนึงกันนะคะ
บริเวณหน้าประตูทางเข้าห้องจะมีการทำ Built-in โต๊ะเครื่องเเป้งไว้ด้วยตำแหน่งอยู่หน้าห้องน้ำและหน้าตู้เสื้อผ้าเลย ใช้งานสะดวกอยู่ค่ะ เราลองใช้เป็นไอเดียตอแต่งบ้านเราก็ได้นะคะ แต่ถ้าคนไหนเสื้อผ้าเยอะเราอาจจะทำมุมนี้เป็นตู้เสื้อผ้าเพิ่มเเทนก็ได้ และให้โต๊ะเครื่องเเป้งไปรวมชุดเดียวกันกับชั้นวางทีวีเเทน
เดินเข้ามาสุดจะเป็นตำแหน่งห้องน้ำของ Master Bedroom ค่ะ เมื่อเปิดประตูเข้ามาเราจะเจอกับอ่างล้างหน้าและพื้นที่อาบน้ำทางซ้ายมือ การเลือกให้วัสดุและสุขภัณฑ์จะมีความพิเศษมากกว่าห้องน้ำอื่นๆตรงนี้จะมีชั้นวางของใต้อ่างล้างหน้านะคะ
พื้นที่ตรงนี้จะกว้างเลยค่ะ รวมๆเเล้วพื้นที่ห้องน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 2 x 2.5 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นขนาดห้องน้ำที่ใหญ่เลยนะคะ
ที่ Master Bedroom อ่างล้างหน้าจะมีความพิเศษเพิ่มขึ้นมาคือใต้อ่างจะมี Built-in เป็นชั้นวางของไว้ให้
ถัดเข้าไปจะเป็นส่วนอาบน้ำ เละก็ยังไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ค่ะ เราอาจจะต้องไปติดตั้งเพิ่มทีหลังเอาเอง
พื้นที่ส่วนอาบน้ำจะอยู่ที่ 1.48 x 0.90 เมตร ถือว่ากว้างเลยนะคะ มีระยะถอยหลังสะดวกเลย
ผนังด้านหลังก็จะเลือกเล่นกับ pettern ของลายโมเสกที่ต่างจากห้องน้ำห้องอื่นๆ เเต่ก็ยังคงมีช่องเว้าเข้าไปสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำให้อยู่ค่ะ
เเละความน่าสนใจของห้องน้ำนี้คือมุม Pocket Garden ที่อยู่ข้างในห้องน้ำนี้เลย เป็นผนังเข้ามุมที่มีกระจกใสอยู่ 2 ฝั่ง เราสามารถเดินข้ามออกไปปลูกต้นไม่ตรงนี้ได้ เเละสามารถได้รับแสงสว่างเข้ามาเต็มที่ และระบายอากาศได้ด้วยเช่นกัน
และอีกฝั่งนึงข้างๆกันจะเป็นตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์ที่เเยกออกมาเป็นมุมส่วนตัวดีค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 27 November 2018
- แบบ Terraria ยูนิต F03 พื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม. ที่ดิน 18.10 ตร.วา ราคา 5.69 ล้านบาท
- แบบ Terraria ยูนิต G07 พื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม. ที่ดิน 21.30 ตร.วา ราคา 6.07 ล้านบาท
- แบบ Terraria ยูนิต H03 พื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม. ที่ดิน 27.9 ตร.วา ราคา 7.07 ล้านบาท
- จองและทำสัญญา 50,000 บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 120,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 88 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
โปรโมชั่น ณ วันที่ไปโครงการ : ปั๊มน้ำ , แท๊งก์น้ำ , กันสาดหน้าบ้าน ม เครื่องปรับอากาศขนาด 24,000 BTU ที่ Master Bedroom และ ค่าส่วนกลางล่วงหน้า 2 ปี
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล – บ้านกลางเมือง THE ERA ปิ่นเกล้า-จรัญฯ ตั้งอยู่บนนถนนเลียบทางรถไฟ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี แต่เป็นทำเลที่อยู่ชิดติดกับกรุงเทพฯสามารถเดินทางไปยังนนทบุรีอย่างถนนบางกรวย-ไทรน้อยได้ง่าย หรือจะข้ามยังฝั่งกรุงเทพ ผ่านถนนสิรินธรหรือถนนบรมราชชนนีได้สะดวก ย่านความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้ที่สุดจะเป็นโซนปิ่นเกล้าที่ห่างจากโครงการไปประมาณ 5 กม. มีทั้งห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า Hypermarket อย่าง Tesco Lotus ปิ่นเกล้า โรงหนัง Major ปิ่นเกล้า (ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้าชั้นบนก็มีโรงหนังอยู่เช่นกัน) เเละ The Sense Community Mall บริเวณนั้น ซึ่งบริเวณนี้เองจะเป็นจุดที่มีอาหารการกินที่สะดวกมากค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ – สามารถใช้ทางด่วนได้สะดวกเนื่องจากมีทางด่วนศรีรัช-วงเเหวนที่สามารถใช้เดินทางไปยังจัตุจักรได้หรือจะใช้เพื่อเชื่อมต่อไปยังทางด่วนวงเเหวน-กาญจนาภิเษกก็ได้ แต่สำหรับคนที่ไม่ใช้ทางด่วน การเดินทางจากทำเลนี้ก็สามารถใช้เดินทางลัดเลาะไปได้หลายที่อย่างถนนบางกรวย-ไทรน้อย ถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนบรมราชชนนี และถนนสิรินทร ซึ่งเป็นถนนหลักๆของคนพรุ่งเทพฯฝั่งนี้เลยทีเดียว
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ค่อนข้างลำบากเล็กน้อยเนื่องจากหน้าโครงการเป็นถนนเลียบทางรถไฟที่เดิมทีเป็นที่ดินเปล่าเป็นส่วนมาก และเป็นเส้นทางที่รถสัญจรผ่านเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่มีระบบขนส่งสาธารณะผ่านหน้าโครงการเลย และถึงเเม้หน้าโครงการจะมีสถานีรถไฟบางบำหรุอยู่ไม่ไกล แต่ก็เป็นสถานีรถไฟที่ใช้เดินทางไปยังภาคใต้ของไทยเป็นหลัก ไม่น่าจะเป็นช่องทางการเดินทางที่ใช้ประจำในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ สำหรับการเดินทางเเนะนำในกรณีที่ไม่ใช้รถส่วนตัวคงเป็นการเรียกใช้บริการผ่าน Application ค่ะ
วัสดุ – วัสดุภายในบ้านได้ค่อนข้างมาตรฐานตามราคาระดับนี้คือ พื้นชั้น 1 เป็นกระเบื้องเเกรนิตโต้ ส่วนชั้น 2-3 เป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ผนังและฝ้าเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว เเละได้ไฟเป็นดาวน์ไลท์ ภายในห้องน้ำจะได้วัสดุปูพื้นและผนังเป็นกระเบื้องเซรามิคเเละสุขภัณฑ์เลือกใช้ของ American Standard ค่ะ ส่วนชุดประตูหน้าต่างที่เป็นกระจกจะใช้เป็นกรอบบานอลูมิเนียมสีเทา-ดำ และตัวบานเป็นกระจกสีเขียวตัดเเสง ช่วยลดความร้อนที่เข้ามาในอาคารได้ค่อนข้างดี
การออกแบบ – ในส่วนของการออกแบบผังโครงการเเละพื้นที่ส่วนกลางมีการออกแบบผังที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน เกือบทุกหลังในโครงการสามารถเข้า-ออกและมาใช้พื้นที่ส่วนกลางของโครงการได้ง่าย สภาพรอบๆโครงการก็ได้ถนนหลัก 12 เมตร และถนนรอง 9 เมตร ถือว่ากว้างเเละขับสวนกันสะดวก ตามเเนวรั้วรอบโครงการที่อยู่ติดกับถนน ก็จะมีการปลูกต้นไม้ เเละพุ่มไม้ทรงสูงเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับโครงการ พร้อมทางเดินคนข้างๆ ที่ไม่ใช่ลงมาเดินบนถนน
การออกแบบตัวบ้านมีแนวความคิดที่น่าสนใจ 1.พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านค่อนข้างยืดหยุ่นเเละปรับได้ เช่นชั้นล่างที่เป็น Open Plan และชั้น 2 ที่มีผนังส่วนหนึ่งสามารถทุบทิ้งเเละกั้นห้องรวมเป็นห้องใหญ่เลยก็ได้ 2. เเนวความคิดเรื่องสวนขวดที่นำเอามาปรับใช้ในโครงการ ทำให้ในเเต่ละชั้นจะมีพื้นที่ที่เป็น Pocket Garden ของตัวเอง อย่างชั้น 2 พื้นที่ระเบียงที่สามารถจัดเป็นสวนนี้ก็สามารถสูงขึ้นไปยังชั้น 3 เลยก็ได้ พื้นที่ต่อเนื่องกันเห็นได้ตั้งแต่หน้าบ้าน ทำให้ตัวบ้านดูน่าสนใจ 3.การใช้พื้นที่ที่คุ้มค่าเเละมีการดึงเอาเเสงธรรมชาติเข้ามาภายในตัวบ้านได้อย่างเต็มที่ จากการที่ทำ Pocket Garden ทำให้ตัวผนังบางส่วนสามารถ Set เข้ามาในอาคารได้ ทำให้เราสามารถเจาะช่องเปิดหรือหน้าต่างที่ใหญ่กว่าห้องน้ำปกติได้ เเละเกิดมุมหลายๆมุมที่สามารถเปิดเป็นช่องเเสงได้เต็มที่ หรือการที่เลือกให้ห้องนอนมีหน้าต่างที่กว้างเต็มหน้ากว้างของห้องเเละมีความสูงที่สูงจรดพื้นเลยในชั้น 3 ก็ช่วยเรื่องความโปร่งโล่งเเละเเสงสว่างในบ้านได้ อีกทั้งตัวบ้านเองที่ออกแบบมาค่อนข้างสูง ชั้น 1,3 สูง 2.8 เมตร ส่วนชั้น 2 สูง 2.6 เมตร ก็นับว่าเป็นองค์ประกอบที่ช่วยทำให้ตัวบ้านน่าอยู่อาศัยเเละดูสบายมากยิ่งขึ้น
สาธารณูปโภค – ออกแบบมาได้น่าใช้งานด้วยรูปแบบ Modern Classic มีสระว่ายน้ำ, BBQ Zone, Fitness, สวน และ Clubhouse แต่ค่าส่วนกลางดูจะค่อนข้างสูงไปนิดที่ 88 บาทต่อตร.วา แลกกับจำนวนยูนิตที่น้อย 119 ยูนิต
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 5.7 – 7 ล้านบาท, 27 November 2018
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7/10 – เป็นทำเลที่รอบไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆเลย แต่ถือว่าเดินทาางไปยังถนนต่างๆได้ง่าย
- ความปลอดภัย 7.5/10 – Key card access แบบ easy pass รั้วทางเข้าโครงการเป็นบานเลื่อนอัตโนมัติ รปภ. CCTV และรั้วสูง 3 เมตร
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ออกแบบพื้นที่ใช้สอยดี มีเเนวคิดที่น่าสนใจ
- วัสดุ 7/10 – มาตรฐานของระดับนี้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – ถนนกว้าง 12 เมตรและ 9 เมตร มีปลูกต้นไม้รอบๆโครงการเเละตามแนวรั้วโครงการ
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ออกแบบน่าใช้งาน มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวน ขนาดพื้นที่ส่วนกลางเหมาะสมกับจำนวนยูนิตในโครงการ
- 7.48 / 10.00
BOTTOM LINE
บ้านกลางเมือง THE ERA ปิ่นเกล้า-จรัญฯ เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กถึงกลางอยู่อาศัย 2-5 คน ที่กำลังมองหา ทาวน์โฮม 3 ชั้น ในทำเลปิ่นเกล้า-จรัญฯ ใช้รถยนต์และทางด่วนเป็นหลัก ชอบบ้านที่สามารถแยกพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วน มีพื้นที่จัดสวนในบ้าน ชอบในสไตล์คลาสสิกและธรรมชาติ ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลาง มีงบประมาณ 5.5-7 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 38,000-50,000 บาท