รีวิวฉบับที่ 1031 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการโฮมออฟฟิศ Wayra Biznet ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ ที่ตั้งอยู่บนถนนร่มเกล้า ใกล้แยกที่ตัดกับถนนเคหะร่มเกล้า จากตัวโครงการสามารถเดินทางได้สะดวกทั้งเข้าเมืองและออกนอกเมือง เพราะอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลงทั้งวงแหวนรอบนอก และมอเตอร์เวย์ และสะดวกในการเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิและนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ตัวโครงการเป็นโฮมออฟฟิศมีทั้ง 3 และ 3 ชั้นครึ่ง มีแบบทั้งหมด 4 แบบ บนที่ดินเริ่มต้น 21.1 ตร.วา ในราคาเริ่มต้น 3.65 ล้านบาทค่ะ โครงการจะเป็นอย่างไรนั้นตามไปชมพร้อมๆ กันเลยค่ะ ^^
Fact @ 23 February 2016
- Wayra Biznet Romkao – Suvarnaphumi (เวร่า บิสเน็ท ร่มเกล้า – สุวรรณภูมิ)
- บริษัท วิน แอสเสท จำกัด
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ลาดกระบัง
- เนื้อที่โครงการ 20-0-86.8 ไร่ จำนวน 180 ยูนิต
- แบบ A โฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง พื้นที่ใช้สอย 437 ตร.ม. 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 11.2 ล้านบาท
- แบบ B โฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง พื้นที่ใช้สอย 323 ตร.ม. 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 8.4 ล้านบาท
- แบบ C โฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง พื้นที่ใช้สอย 215 ตร.ม. 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 4.7 ล้านบาท
- แบบ D1 โฮมออฟฟิศ 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 169 ตร.ม. 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 3.65 ล้านบาท
- ที่ดินแปลงมาตรฐาน
- แบบ A 46.5 ตร.วา
- แบบ B 34.7 ตร.วา
- แบบ C 22.9 ตร.วา
- แบบ D1 21.1 ตร.วา
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.766458, 100.746056
แผนที่โครงการ Wayra Biznet ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ ตั้งอยู่บนถนนร่มเกล้าฝั่งขาเข้าไปทางแยกรามคำแหง-ร่มเกล้า ซึ่งตัวโครงการอยู่ห่างจากแยกเคหะร่มเกล้าประมาณ 850 ม.
ที่ตั้งโครงการตั้งอยู่บนถนนร่มเกล้าในโซนที่ใกล้กับย่านอุตสาหกรรมใหญ่อย่างนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังที่อยู่บนถนนฉลองกรุง สภาพบรรยากาศบนถนนร่มเกล้านี้จะไม่ค่อยมีอะไรมากนักเนื่องจากอยู่ในย่านชานเมือง ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการพักอาศัยแนวราบทั้งบ้าน, ทาวน์โฮม, อาคารพาณิชย์บ้าง ร้านอาหารบ้างประปรายบริเวณริมถนน และจะคึกคักหน่อยบริเวณแยกรามคำแหง-ร่มเกล้า ซึ่งจะมี Big C เป็น Hyper Market ที่ใกล้และใหญ่ในละแวกนี้ ในส่วนของ ถนนร่มเกล้า เป็นถนนที่เริ่มต้นจากถนนเสรีไทยยาวลงมาจนตัดกับถนน เจ้าคุณทหารซึ่งเป็นเส้นทางไปนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ถัดมาจะตัดถนนมอเตอร์เวย์และลาดกระบัง สุดทางจะเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิและไปถนนกิ่งแก้วได้ ซึ่งในอนาคตจะมีการตัดถนนกรุงเทพกรีฑาใหม่ โดยเริ่มจากบริเวณกรุงเทพกรีฑาสปอร์ตคลับ ยาวมาจนถึงการเคหะร่มเกล้าเลยค่ะ สามารถตัดไปออกถนนศรีนครินทร์ได้ ทำให้มีทางลัดเลาะเข้าเมืองชั้นในมากขึ้น
การเดินทางโดยใช้รถยนต์ถือเป็นการเดินทางหลักๆ ของโครงการนี้ สามารถเดินทางเข้า – ออกเมืองได้ค่อนข้างสะดวกพอสมควรค่ะ สำหรับการเข้าเมืองสามารถขึ้นมอเตอร์เวย์ไปพระราม 9 หรือจะเข้าถนนลาดกระบังไปทะลุออกถนนอ่อนนุชเพื่อเข้าไปยังถนนสุขุมวิทชั้นใน รวมทั้งลัดไปออกถนนรามคำแหงโดยเข้าถนนเคหะร่มเกล้าไปทะลุออกถนนราษฎร์พัฒนาหรือที่รู้จักกันในชื่อ ซอยมิสทีน ส่วนออกนอกเมืองก็สามารถขึ้นมอเตอร์เวย์ออกไปทางฉะเชิงเทรา บางประกงได้เช่นกันค่ะ
ส่วนการเดินทางโดยพึ่งพิงระบบสาธารณะนั้นบนถนนเส้นนี้ก็ถือว่าสะดวกระดับนึง เพราะด้วยตัวโครงการที่อยู่ติดถนนใหญ่ไม่เปลี่ยว มีป้ายรถเมล์ให้ยืนคอยได้บริเวณหน้าโครงการ และนอกจากจะมีรถเมล์แล้วยังมีรถสองแถว รถตู้คอยบริการอยู่ตลอด ส่วนเรื่องของระบบรางที่ใกล้ที่สุดคือ Airport Rail Link ลาดกระบัง โดยมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 5 กม.ค่ะ แต่ในอนาคตก็จะมีทางเลือกให้มากขึ้นหน่อยสำหรับระบบรางโดยจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุดจะเป็นสถานีมีนบุรี บริเวณซอยรามคำแหง 192 ห่างจากโครงการประมาณ 5.7 ม. โดยสถานีนี้มีจุดจอดแล้วจร (Park and Ride) ซึ่งสามารถจอดรถได้ประมาณ 2,000 คัน รวมไปถึง Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีส้มอีกด้วยค่ะ ซึ่งใครที่จะเดินทางเข้าเมืองก็สามารถขับรถออกจากโครงการไปจอดแล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปได้เลย ซึ่งกำหนดการที่คาดว่าจะแล้วเสร็จจะอยู่ในปี 2563
จุดขึ้น-ลงวงแหวนรอบนอกนั้นจะอยู่บริเวณจุดตัดกับมอเตอร์เวย์ ซึ่งห่างจากโครงการไปประมาณ 7-8 กม. สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางคือจากถนนพัฒนาชนบทที่มีระยะทางสั้นหน่อยประมาณ 7.6 ม. และจากถนนหลักคือถนนร่มเกล้าไปตัดเข้าเลียบมอเตอร์เวย์ระยะทางประมาณ 8 กม. ค่ะ
ส่วนจุดขึ้น-ลงมอเตอร์เวย์อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 5 กม. ตรงบริเวณจุดตัดกับถนนร่มเกล้าเลยค่ะ
สำหรับใครที่ทำการค้าอย่าง Import & Export หรือต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ก็ถือว่าสะดวกในการเดินทางระดับนึงเลยนะคะ เพราะตัวโครงการอยู่ไม่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิมากนักประมาณ 7 กม. ค่ะ
สำหรับการเข้าถึงโครงการ หากใครที่มาจากทางถนนรามคำแหงทะลุมาทางถนนเคหะร่มเกล้า หรือตรงมาจากมีนบุรีจะต้องกลับรถไกลหน่อยนะคะ โดยจุดกลับรถจะอยู่บริเวณโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ ร่มเกล้าห่างจากโครงการประมาณ 2 กม.ค่ะ ส่วนจุดกลับรถอีกจุดเพื่อมุ่งหน้าไปทางสุวรรณภูมิจะอยู่ไม่ไกลจากโครงการประมาณ 300 ม. บริเวณซอยร่มเกล้า 19 (ซอยเทพนิมิตร)
ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์บนถนนร่มเกล้า ในเรื่องของอาหารการกินถือว่ามีไม่ค่อยมากนักในระยะเดิน จำเป็นต้องอาศัยขับรถออกไปกินในช่วงกลางวัน ซึ่งส่วนใหญ่ร้านอาหารบนถนนเส้นนี้จะเป็นเต้นท์ หรือตึกแถวที่เปิดบ้างเป็นจุดๆ ไม่ได้กระจุกตัวหรืออยู่ตลอดฝั่งแนวถนน ซึ่งจะพอมีร้านอาหารให้เห็นคึกคักหน่อยบริเวณโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ ร่มเกล้า และจุดตัดกับถนนเจ้าคุณทหารค่ะ หรือจะเข้าไปบนถนนเคหะร่มเกล้าเลยไปจนถึงซอยมิสทีนซึ่งเป็นชุมชนในซอยขนาดใหญ่ก็จะมีร้านอาหาร คอมมูนิตี้มอลล์เล็กๆ และตลาดให้เลือกกินเลือกซื้อหลากหลายดีค่ะ สำหรับห้างบนถนนเส้นนี้ก็จะอยู่บริเวณจุดตัดกับถนนรามคำแหง อย่าง Big C ร่มเกล้าค่ะ ถือเป็นแหล่งจับจ่ายซื้อของหลักของคนในย่านนี้เลย หรือจะเข้ามาทางรามคำแหงอีกหน่อยก็จะมี HomePro และ Tesco Lotus ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ส่วนสถานศึกษาบนถนนเส้นนี้ก็มีโรงเรียนดังๆ ในย่านนี้อย่าง โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ ร่มเกล้า, โรงเรียนเทพศิรินทร์ ร่มเกล้า และมหาวิทยาลัยอย่างมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ร่มเกล้าค่ะ
การเดินทางในวันนี้ของเราจะเริ่มต้นจากถนนรามคำแหงบริเวณซอยมิสทีน มุ่งหน้าไปยังแยกรามคำแหง-ร่มเกล้า จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนร่มเกล้าผ่านแยกเคหะร่มเกล้าแล้วตรงมาอีกประมาณ 2.8 กม. จะเจอจุดกลับรถบริเวณใกล้โครงการเรียนสารสาสน์วิเทศน์ ร่มเกล้าจากนั้นตรงขึ้นมาอีกประมาณ 2 กม. จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ
เริ่มต้นกันบนถนนรามคำแหงมุ่งหน้าไปทางมีนบุรี บริเวณหน้าปากซอยมิสทีนซึ่งเป็นซอยลัดที่สามารถทะลุออกถนนเคหะร่มเกล้าแล้วออกไปยังถนนร่มเกล้าได้ค่ะ หากใครมาทางถนนรามคำแหงก็สามารถลัดเลาะเข้าซอยนี้ได้นะคะเพื่อร่นระยะทางไม่ต้องอ้อมไปถึงแยกรามคำแหง-ร่มเกล้าด้วยค่ะ แต่วันนี้เราจะพาไปดูเส้นทางหลักกันก่อนนะคะ
ขับตรงขึ้นสะพานลอยไปทางสุวินทวงศ์ค่ะ
ขึ้นสะพานข้ามแยกลาดบัวขาว ลดปัญหารถติดบริเวณแยกที่ตัดกับถนนมีนพัฒนาที่เป็นถนนเชื่อมเข้าถนนเสรีไทย
ขับตรงมาเรื่อยๆ ก่อนจะถึงแยกรามคำแหง-ร่มเกล้าจะเจอกับ HomePro และ Big C
จากนั้นเราจะเริ่มเบี่ยงซ้ายไปทางมีนบุรี-ลาดกระบัง เพื่อที่จะเลี้ยวเข้าสู่ถนนร่มเกล้าค่ะ
ขับตรงมาจนถึงแยกรามคำแหง-ร่มเกล้า แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนร่มเกล้าค่ะ
บนถนนร่มเกล้าตอนต้นจะมีห้างอย่าง Big C ร่มเกล้าเป็นห้างขนาดใหญ่ในละแวกนี้ ซึ่งลูกบ้านสามารถมาจับจ่ายซื้อของได้ในระยะไม่ไกลมากค่ะ ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็น SCG Home Solution ค่ะ
ตรงมาอีกหน่อยจะเห็นมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต วิทยาเขตร่มเกล้า
บรรยากาศรอบข้างถนนจะเป็นอาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน โรงงานเป็นส่วนใหญ่ และจะมีร้านอาหารบ้างตามข้างทางเป็นจุดๆ ไม่ได้อยู่รวมกันเป็นแหล่งขนาดใหญ่หรือมีร้านอาหารให้เห็นตลอดฝั่งถนน
ขับเลยแยกเคหะร่มเกล้ามาซักพักจะเห็นโครงการอยู่ทางขวามือค่ะ ซึ่งเราจะต้องไปกลับเรามากัน
ระยะทางกลับรถจะค่อนข้างไกลหน่อย ต้องผ่านแยกที่ตัดกับถนนเจ้าคุณทหารและถนนพัฒนาชนบท
เลยแยกมาหน่อยจะเห็น SCG Home Solution อีกสาขา
เมื่อตรงมาอีกจนถึงบริเวณโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ ร่มเกล้าจะเห็นจุดกลับรถค่ะ
เมื่อกลับรถมาซักพักจะเห็นปั๊มน้ำมันปตท.ด้านซ้ายมือ
จากนั้นขับตรงมาอีกซักพักจะเห็นโครงการฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ ^^
บริบทรอบๆ โครงการส่วนใหญ่จะเป็นโครงการแนวราบ และมีพื้นที่พาณิชย์อย่างอาคารพาณิชย์ โชว์รูมรถ ร้านขายวัสดุ อู่รถยนต์ และปั๊มน้ำมัน ส่วนใหญ่พื้นที่ที่ติดกับโครงการจะยังเป็นที่ดินว่างเปล่าอยู่ค่ะ
- ทิศเหนือ ติดกับที่ดินว่างเปล่า ร้านขายวัสดุก่อสร้าง
- ทิศตะวันออก ติดกับถนนร่มเกล้า
- ทิศใต้ ติดกับที่ดินว่างเปล่า
- ทิศตะวันตก ติดกับคลองเล็กๆ (คลองสองต้นนุ่น)
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ ร่มเกล้า ~ 2 กม.
- ตลาดสดเกรียงไกร ~ 3.8 กม.
- โรงเรียนเทพศิรินทร์ ร่มเกล้า ~ 4.1 กม.
- Big C Market เคหะร่มเกล้า ~ 4.5 กม.
- วัดลาดกระบัง ~ 5.7 กม.
- นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ~ 7 กม.
- มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต วิทยาเขตร่มเกล้า ~ 8.6 กม.
- Big C ร่มเกล้า ~ 9.4 กม.
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ~ 10 กม.
- HomePro ~ 10.9 กม.
- Tesco Lotus ~ 11 กม.
- ตลาดมีนบุรี ~13.5 กม.
มาดูที่ผังโครงการกันต่อนะคะ ที่ดินทั้งหมดของโครงการมี
สำหรับการหันทิศทางของอาคารส่วนใหญ่จะหั
เริ่มกันที่หน้าโครงการเลยค่ะ จากทางหน้าโครงการจะแบ่งอาคารเป็น 2 ฝั่งยาวไปจนสุดขอบเขตที่ดิน มีจุดเข้า-ออกโครงการตรงกลางและป้อมยามแบ่งทางเข้า-ออกเป็น 2 ฝั่งชัดเจน
พื้นที่ด้านข้างก่อนจะเป็นอาคาร ทำเป็นพื้นที่จอดรถสำหรับผู้เข้ามาติดต่อ
สามารถจอดรถได้ทั้ง 2 ฝั่งค่ะ
ปัจจุบันโครงหลังคาทางเข้า-ออกยังไม่เสร็จดี ซึ่งหลังคาเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจะสามารถกันแดดกันฝนได้นะคะ เวลายื่น Access Card ระยะใกล้มาทาบจะได้ไม่เปียกค่ะ ระบบการเข้าออกเป็นไม้กระดกอัตโนมัติ และมีรปภ.รักษาความปลอยให้ 24 ชม.ค่ะ
พร้อมกล้องวงจรปิด 2 จุด ส่องหน้ารถและป้ายทะเบียนทั้งขาเข้าและขาออก
ถนนภายในโครงการกว้าง 14 ม. แบ่งออกเป็นถนน 2 เลน เข้า-ออกโดยมีที่จอดรถคั่นกลาง ซึ่งการมีที่จอดรถคั่นกลางแบบนี้ก็ช่วยลดปัญหาของการจอดรถขวางหน้าบ้านได้ดีค่ะ
ความกว้างของถนนเมื่อหักลบกับพื้นที่จอดรถแล้วจะเหลือความกว้างประมาณ 4.9 ม. ซึ่งก็อยู่ในระยะที่ขับได้สะดวกค่ะ
ด้านข้างถนนบริเวณเสาไฟฟ้าจะติดตั้ง CCTV ให้ซึ่งมีให้บริเวณป้อมยามและถนนหลักจำนวน 39 จุด
ขนาดช่องจอดรถมาตรฐาน มีช่องจอดรถส่วนกลางทั้งหมดประมาณ 144 ช่องจอด ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอนะคะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตที่มีทั้งหมด 180 ยูนิตและที่จอดรถภายในบ้านอีกด้วย
ถัดมาบริเวณกลางๆ ที่ดิน จะมีพื้นที่สวนหย่อมปลูกต้นไม้และปูหญ้าให้เรียบร้อย ซึ่งขนาดจะไม่ได้มีเท่าที่เห็นนี้นะคะ ต่อไปจะมีพื้นที่สวนเพิ่มมาอีกบริเวณฉากกั้นป้ายชื่อโครงการค่ะ โดยจะมีพื้นที่สวนหย่อมทั้งหมดประมาณ 244 ตร.วา
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนสาธารณะ 0-2-44.01 ไร่
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการประมาณ 39 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 2 เมตร
- Key Card Access ระยะใกล้
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
- ถนนหลักกว้าง 14 ม.
ทางโครงการมีโฮมออฟฟิศทั้งหมด 5 แบบ ด้วยกันนะคะ เริ่มตั้งแต่ขนาดพื้นที่ใช้สอย 169-437 ตร.ม. โดยมีที่ดินเริ่มต้นที่ 21.2 ตร.วา ค่ะ สำหรับบ้านตัวอย่างที่จะพาไปดูกันคือโฮมออฟฟิศ Type C สูง 3 ชั้นครึ่ง บนที่ดินมาตรฐาน 22.9 ตร.วา มีพื้นที่ใช้สอย 206 ตร.ม. จำนวน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และมีหน้ากว้าง 6.5 ม. ค่ะ โดยตำแหน่งของ Type C บนโครงการจะอยู่ในโซนกลาง-หลังโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีที่แล้วเสร็จพร้อมโอนและอยู่ในระหว่างการก่อสร้างค่ะ
การออกแบบภายในตัวบ้านจะแบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือโซนสำนักงานที่อยู่ในชั้น 1-2 และโซนที่พักอาศัยในชั้น 3 และอีกครึ่งชั้นค่ะ สำหรับลูกบ้านที่เปิดสำนักงานเล็กๆ ด้านล่างและเป็นที่พักอาศัยได้ด้วยในชั้นบนได้ด้วย
ในชั้น 1 จากที่จอดรถที่มีความกว้าง 6.5 ม. สามารถจอดรถ 2 คันได้สบายๆ ถัดมาก่อนเข้าไปในตัวบ้านจะมีห้องเก็บของด้านข้างให้เรียบร้อยสำหรับเก็บอุปกรณ์ทำสวน หรืออุปกรณ์ล้างรถได้ จากนั้นเข้ามาภายในตัวบ้านในชั้นนี้จัดให้เป็นพื้นที่สำนักงานทั้งหมด สามารถวางโต๊ะทำงานได้ประมาณ 3 ชุด ด้านซ้ายมีมุมสำหรับเป็น Reception เล็กๆ ได้หรือจะจัดให้เป็นพื้นที่รับรองเเขกก็ได้เช่นกันค่ะ ในชั้นนี้มีห้องน้ำให้ 1 ห้องติดอยู่กับโถงบันได ซึ่งห้องน้ำทุกห้องจัดให้มีพื้นที่อาบน้ำทั้งหมดค่ะ ออกมานอกบ้านบริเวณลานซักล้างจะเป็นลานคอนกรีตโล่งกว้างประมาณ 2 ม.
ชั้น 2 จัดให้ฟังก์ชันเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งสามารถทำเป็นพื้นที่สำนักงาน หรือจะเป็นโซนนั่งเล่นรับประทานอาหารได้เช่นกันค่ะ จากแปลนโครงการจัดให้เป็นโซนพื้นที่นั่งเล่นของคนในออฟฟิศและครอบครัวลูกบ้านสามารถใช้พื้นที่นี้ร่วมกันได้ สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ และโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 6-10 ที่นั่งได้ พร้อม Pantry เตรียมอาหารด้านข้าง หากใครที่ต้องการจัดให้เป็นพื้นที่สำนักงานมากขึ้นก็อาจจะกั้นเป็นห้องประชุมหรือห้องผู้จัดการได้ (บริเวณพื้นที่รับประทานอาหาร) และภายในชั้นนี้มีห้องน้ำอยู่ด้านหลังเหมือนกันกับชั้นแรก หากใครที่จะกั้นห้องอย่าลืมกั้นเพื่อทางเดินเข้าห้องน้ำไว้ด้วยนะคะ
ชั้น 3 จะเริ่มเป็นชั้นสำหรับอยู่อาศัย พื้นห้องที่ได้จะเป็นพื้นลามิเนตแตกต่างกับพื้นที่ชั้น 1-2 ที่เป็นพื้นแกรนิตโต้นะคะ ภายในชั้นนี้เเบ่งเป็นห้องนอน 2 ห้อง ใช้ห้องน้ำร่วมกัน ห้องที่ติดกับหน้าบ้าน เป็นห้องนอน Master Bedroom ลักษณะของห้องเป็นแนวยาวตามความกว้างของบ้าน ข้อพิเศษของห้องนี้คือความสูงของฝ้าที่ได้สูงถึง 6 ม. ในสไตล์ Duplex ด้วยความยาวของห้องที่ยาวถึง 6.5 ม. นอกจากจะจัดวางให้เป็นห้องนอนแล้วยังสามารถกั้นมุมเป็น Walk in Closet หรือเป็นพื้นที่ทำงานเล็กๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ ส่วนอีกห้องนอนที่ใช้ห้องน้ำร่วมกันกับ Master Bedroom เป็นห้องนอนกลางสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ค่ะ ด้านหลังมีระเบียงยื่นสำหรับตากผ้า/ซักล้างได้เล็กน้อย
ขึ้นมาอีกชั้น จะเป็นชั้นไม่เต็ม Floor ในชั้นนี้มีห้องอเนกประสงค์อีกห้องพร้อมห้องน้ำในตัว สำหรับใช้เป็นห้องนอนห้องที่ 3 ได้ หากใครที่มีครอบครัวใหญ่หน่อย หรือใช้เป็นห้องนอนรับรองแขกก็ได้ค่ะ นอกจากนี้ในชั้นนี้ยังมีพื้นที่ซักล้างที่ถูกออกแบบไว้ให้เป็นสัดส่วนไม่ต้องไปวางเครื่องซักผ้าบริเวณโรงจอดรถหรือลานซักล้างหลังบ้าน โดยพื้นที่ซักล้างนี้จะอยู่ในร่มไม่โดดฝน และมีระเบียงด้านนอกใช้ตากผ้า/ซักล้างให้เรียบร้อยค่ะ
มาดูบ้านตัวอย่างพร้อมเปรียบเทียบกับบ้านมาตรฐานกันเลยค่ะ ลักษณะอาคารสูง 3 ชั้นครึ่ง ตกแต่งในสไตล์ Modern ใช้โทนสีเรียบง่ายด้วยสี เทา-ครีม เน้นกระจกทรงสูง ใช้ระแนงตกแต่งบังสายตาบริเวณที่วางคอยด์แอร์ มีการทำกันสาดยื่นออกมาให้ทั้งด้านข้างและเป็นหลังคา ช่วยบังแดดและหักเหแสงแดดไม่ให้เข้าไปในตัวบ้านได้ ในเรื่องของระบบการก่อสร้างใช้ระบบการก่อสร้างแบบ Conventional คือระบบเสา-คาน ซึ่งมีความคงทนและมีอายุการใช้งานมากกว่าระบบสำเร็จรูปทั่วไปที่นิยมใช้ในการก่อสร้างอาคารในปัจจุบันที่เน้นงานก่อสร้างที่รวดเร็วและลดปัญหาเรื่องคุณภาพในการก่อสร้างค่ะ
รั้วหน้าบ้านเป็นรั้วเหล็กแบบบานพับ 3 ตอน มีความแข็งแรงพอสมควรค่ะ
ด้านข้างติดตั้งกริ่ง และดวงโคมติดผนังไว้ให้เรียบร้อยค่ะ
พร้อมติดตั้งถังขยะภายในบ้านให้ด้วยค่ะ ไม่ต้องเดินออกไปนอกบ้าน หน้าบ้านจะมีช่องเปิดรับขยะ
รั้วด้านข้างที่ติดกับเพื่อนบ้านเป็นรั้วทึบต่อด้วยรั้วโปร่งเหล็ก มีความสูงทั้งหมดประมาณ 1 ม.
หากเป็นบ้านที่ติดมุมจะได้พื้นที่ด้านข้างด้วย ซึ่งทางโครงการจะปลูกหญ้าให้ด้วยค่ะ
ด้านหลังบริเวณซักล้างปูพื้นคอนกรีต พร้อมเซาะร่องระบายน้ำให้รอบๆ
ประตูบริเวณซักล้างด้านบนติดไฟฟลูออเรสเซนต์ให้เป็นเพื่อส่องสว่างบริเวณหลังบ้าน
กลับมาที่หน้าบ้านกันต่อค่ะ พื้นบริเวณที่จอดรถเป็นพื้นกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ด้านข้างโรยหินกรวดตกแต่งบริเวณทางระบายน้ำ ส่วนหลังคาโรงจอดรถนี้ปกติไม่ได้ทำไว้ให้นะคะ หากใครที่ต้องการพื้นที่บังแดดให้กับรถแนะนำให้ติดตั้งผ้าใบ ที่สามารถกางหรือรูดเก็บได้ ง่ายต่อการทำความสะอาดและการบำรุงรักษา รวมไปถึงราคาไม่แพงมากนักด้วยค่ะ ส่วนขนาดความกว้างของที่จอดรถจะอยู่ที่ 6.5 สามารถจอดรถได้ 2 คันสบายๆ ถัดมาก่อนจะเข้าไปในตัวบ้าน ฝั่งซ้ายเป็นประตูส่วนห้องเก็บของและด้านขวาเป็นประตูทางเข้าหลักค่ะ
มุมด้านข้างมีท่อสำหรับเดินน้ำยาปลวกได้
ภายในห้องเก็บของใช้จะพื้นที่ใต้บันได ซึ่งถือว่ามีขนาดพอสมควรนะคะ ประมาณ 0.9 x 3 ม. สามารถเก็บอุปกรณ์ทำสวน อุปกรณ์ล้างรถได้สบายเลยค่ะ
ประตูหน้าบ้านเป็นประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ ใช้กระจกสีเขียวตัดแสงพอหักเหและสะท้อนความร้อนออกไปได้บ้าง กรอบบานเป็นอลูมิเนียมพ่นสีดำค่ะ
มือจับขนาดพอดีมือ แข็งแรง ด้านข้างบุด้วยผ้าสักหลาดเพื่อให้ปิดประตูได้แนบสนิทและสามารถกันฝุ่นได้พอสมควรค่ะ
เข้ามาภายในบ้าน สำหรับชั้นแรกนี้จะเป็นพื้นที่โล่งสำหรับจัดเป็นพื้นที่สำนักงาน สามารถวางโต๊ะทำงานได้ประมาณ 3 ชุด ติดริมหน้าต่าง ลักษณะของบ้านจะค่อนข้างโปร่งโล่ง ด้วยความสูงฝ้า 2.75 ม. และสำหรับแปลงมุมจะได้หน้าต่างบานใหญ่ 2 บานทั้งด้านหลังและด้านข้าง สามารถระบายอากาศได้ดี ในส่วนของวัสดุมาตรฐานที่ได้อย่างพื้นจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังจะได้เป็นแบบฉาบเรียบสีขาวค่ะ
ด้านข้างที่ติดกับทางขึ้นบันไดมีพื้นที่เล็กๆ เป็นมุมไว้สำหรับวางที่นั่งรับแขก หรือจะทำเป็น Reception เล็กๆ รองรับผู้เข้ามาติดต่อได้ค่ะ
สำหรับหน้าต่างนั้นจะเป็นหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้แสงธรรมชาติสามารถส่องเข้ามาภายในห้องให้ห้องดูโปร่งโล่งและหากวันไหนอากาศดีๆ ก็สามารถเปิดหน้าต่างแทนการเปิดแอร์ได้ โดยลมจะพัดเข้า-ออกจากหลังบ้านไปหน้าบ้านหรือหน้าบ้านไปหลังบ้านได้ เนื่องจากทิศทางของอาคารที่ส่วนใหญ่หันไปยังทิศเหนือ-ใต้ ส่วนแปลงมุมก็จะได้เปรียบหน่อยค่ะเนื่องจากบานหน้าต่างที่มีทั้งด้านข้างและด้านหลังบ้านทำให้อากาศสามารถพัดผ่านเข้ามาได้ดีขึ้นไปอีกค่ะ
ถัดมาที่สุดมุมห้องด้านหลัง ฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำและฝั่งขวาเป็นประตูออกไปยังส่วนลานซักล้างค่ะ
พื้นห้องน้ำลดระดับลงมานิดหน่อยกันน้ำไหลย้อน ส่วนพื้นของโครงการได้เป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 60 ซม. สีดำ
ภายในห้องน้ำแบ่งเป็น 2 โซน คือโซนเปียกและโซนแห้ง
ชุดอ่างล่างมือเเบบฝั่งเคาน์เตอร์ พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ อ่างล่างมือจากยี่ห้อ Cotto มีพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางของได้เล็กน้อย
ถัดจากอ่างล้างมือเป็นส่วนของโถสุขภัณฑ์ที่ด้านหลังมีการทำ Low Wall ให้ด้วยสำหรับวางข้าวของได้เล็กๆ น้อยๆ ความกว้างบริเวณพื้นที่โถสุขภัณฑ์กว้างประมาณ 90 ซม. สามารถนั่งได้สบายๆ ไม่อึดอัดค่ะ ส่วนโถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำทั้งหมดจาก Cotto เช่นเดียวกันกับอ่างล้างมือค่ะ ^^
ด้วยขนาดพื้นที่ห้องน้ำที่ค่อนข้างเล็กทำให้พื้นที่อาบน้ำมีขนาดเล็ก และด้านหลังมีโถชายติดตั้งอยู่ด้วย อาจจะไม่สะดวกสำหรับการอาบน้ำเท่าไหร่นัก หากบ้านไหนที่จำเป็นต้องอาบน้ำในห้องน้ำชั้นนี้บ่อยๆ แนะนำให้ติดตั้งม่านพลาสติกด้วยนะคะ เพื่อกั้นพื้นที่อาบน้ำหรือโซนเปียกให้เป็นสัดส่วนมากขึ้นและสามารถติดตั้งได้ง่ายในพื้นที่ที่จำกัดและราคาไม่แพง
พื้นที่อาบน้ำมีระดับพื้นเท่ากับพื้นโซนแห้งนะคะ อาจจะมีน้ำไหลย้อนออกมาบ้าง อย่าลืมเช็ค Slope ของกระเบื้องว่ามีความลาดเอียงสำหรับระบายน้ำได้ดีหรือไม่ด้วยนะคะ หรือใครจะก่อธรณีเล็กๆ ขึ้นมากันน้ำไหลย้อนก็ได้เช่นกันค่ะ
ขนาดฝักบัวสายอ่อนที่ได้มีขนาดพอดีมือ แข็งแรง ด้านข้างติดที่วางของขนาดเล็กๆ ไว้ให้สำหรับวางสบู่หรือขวดแชมพูได้
ถัดมาที่โถงบันไดกันต่อค่ะ ลักษณะบันไดเป็นแบบหักศอก หรือรูปตัว L โครงสร้างคือคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนราวบันไดของบ้านมาตรฐานที่ได้จะเป็นราวเหล็กพ่นสีดำ ด้านบนบริเวณมือจับเป็นไม้สำเร็จรูป
พื้นลูกนอนปูด้วยกระเบื้องสีเทา มีขอบบันไดให้กันลื่นและเห็นขั้นบันไดได้ชัดเจน
มีชานพักเล็กๆ บริเวณจุดหักศอก
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นชั้นอเนกประสงค์ สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันเป็นส่วนออฟฟิศ หรือพื้นที่พักผ่อนสำหรับคนในครอบครัวก็ได้เช่นกันค่ะ สำหรับชั้น 2 นี้ ฝ้าเพดานจะสูงที่ 2.55 ม. พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ด้านข้างมีกระจกและประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ ช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นเมื่อได้รับแสงธรรมชาติส่องเข้ามา สำหรับโซนนี้ในห้องตัวอย่างตกแต่งให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นหรือจะสามารถใช้รับรองแขกได้ของส่วนสำนักงาน
อีกมุมสามารถจัดชั้นวางหนังสือ เป็นโซนห้องสมุด หรือเก็บเอกสารต่างๆ ได้ หรือหากใครที่มีจำนวนพนักงานมากขึ้นอีกหน่อย ก็ใช้พื้นที่เป็นพื้นที่ทำงานได้ค่ะ
ส่วนของช่องเปิดที่ได้เป็นกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้า โดยมีประตูบานเลื่อนแบบ 4 ตอนอยู่ตรงกลาง และหน้าต่างบานเลื่อนอยู่ด้านข้าง ด้วยขนาดหน้าต่างบานเลื่อนที่ค่อนข้างใหญ่ก็จะช่วยในเรื่องของการระบายอากาศได้ดีมากขึ้นค่ะ
ลักษณะมือจับมาตราฐาน มีตัวล็อกแบบก้นหอยเพิ่มมาด้วย เป็นการล็อก 2 ชั้น
ระเบียงหน้าบ้านลักษณะเป็ยระเบียงยาว แต่ค่อนข้างแคบกว้างประมาณ 60 ซม. อาจจะไม่สามารถเอาชุดโต๊ะเก้าอี้สนามมานั่งชมวิวได้ แต่ก็สามารถออกมายืนชิลๆ ได้บ้างค่ะ ส่วนด้านข้างของระเบียงใช้เป็นพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ได้
หันกลับมาในส่วนด้านหลัง จากบ้านตัวอย่างตกแต่งให้เป็นพื้นที่รับประทานอาหาร และมี Pantry เตรียมอาหารด้านข้าง หรือหากใครจะปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้เป็นห้องประชุมหรือเป็นห้องผู้จัดการก็ได้นะคะ แต่หากมีการกั้นห้องก็อย่าลืมกั้นเหลือพื้นที่ทางเดินให้เดินไปใช้ห้องน้ำด้านหลังได้ด้วยนะคะ
ในส่วนของด้านข้าง จากบ้านตัวอย่างที่จัดเป็น Pantry ถือเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมกับการจัดฟังก์ชันนี้นะคะ โดยเฉพาะแปลงมุมเพราะจะติดกับหน้าต่างทั้ง 2 ข้างช่วยระบายอากาศ กลิ่นอาหาร และความชื้นจากการล้างจานได้ด้วย ส่วนแปลงกลางนั้นหากไม่วาง Pantry มุมนี้ก็สามารถย้ายไปหลังบ้านที่ติดกับหน้าต่างก็ได้ค่ะ และทำ Pantry เป็นตัว L หรือจะเป็นตัว I ก็ได้แต่จะได้ Pantry สั้นลงมาหน่อยตามความกว้างของตัวบ้าน
ด้านหลังสุดเป็นห้องน้ำ ตำแหน่งเดียวกับห้องน้ำชั้นแรกเลยค่ะ
พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแบบเดียวกับห้องน้ำชั้นแรก พร้อมลดระดับลงไปนิดนึง
ภายในวางตำแหน่งสุขภัณฑ์เหมือนกันกับห้องน้ำด้านล่างเลย และใช้ยี่ห้อ Cotto แบบเดียวกันค่ะ
มีพื้นที่อาบน้ำเช่นเดียวกันกับห้องแรก
ส่วนของสวิตช์ไฟเป็นแบบมาตรฐาน จาก bticino
ขึ้นมาที่ชั้น 3 กันต่อค่ะ ลักษณะรูปแบบบันไดจะเปลี่ยนเป็นแบบพับผ้า หรือรูปตัว U มีชานพักใหญ่ เดินพักเท้าได้สบาย ส่วนรูปแบบของราวบันไดยังเหมือนเดิมกับชั้นแรกนะคะ สำหรับโถงบันไดนี้ในตอนกลางวันได้รับแสงสว่างจากช่องเปิดด้านบนด้วย และมี Low Wall ยื่นออกมานิดหน่อย สามารถวางของตกแต่งอย่าง ต้นกระบองเพชร ที่เป็นต้นไม้ชอบแสงแดดและไม่ต้องการการดูแลมากนัก หรือจะวาง Sculpture สวยๆ ก็ได้นะคะ
สำหรับพื้นในชั้น 3 จะเปลี่ยนเป็นพื้นไวนิลนะคะ ซึ่งจะปรับเปลี่ยนพื้นตามฟังก์ชันการใช้งาน สำหรับชั้นสามนี้และอีกครึ่งชั้น ทางโครงการออกแบบให้เป็นชั้นสำหรับการอยู่อาศัยค่ะ มาว่ากันต่อที่คุณสมบัติของพื้นไวนิล ซึ่งจะแตกต่างกับพื้นลามิเนตอยู่ โดยพื้นไวนิลจะซ่อมแซมง่าย, ทนน้ำดี แต่ไม่ค่อยทนรอยขีดข่วนเท่าไหร่นะคะ เวลายกเฟอร์นิเจอร์หรือลากเก้าอี้ก็ควรจะหุ้มผ้าที่ขาเฟอร์นิเจอร์ไว้กันรอยด้วยนะคะ ^^
เดินขึ้นมาจะเจอทางเดินแจกไปยังห้องนอน 2 ห้อง โดยห้องฝั่งขวาจะเป็นห้องนอนใหญ่ และห้องนอนฝั่งซ้ายเป็นห้องนอนเล็กค่ะ
วัสดุประตูเป็นบานสำเร็จรูป
มือจับเป็นก้านโยกอลูมิเนียม
เข้ามาภายในห้องนอนใหญ่ เป็นห้องที่มีฝ้าเพดานสูงถึง 6 ม. แบบ Duplex Function ลักษณะห้องเป็นห้องยาวตามความกว้างของบ้าน ทำให้ห้องดูยาวแต่ไม่ได้กว้างมากนัก ซึ่งในฝั่งนี้สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้นะคะ แต่หากวางขนาดเตียงแบบ 6 ฟุตก็จะเบียดพื้นที่ทางเดินด้านข้างไปบ้างค่ะ
เนื่องจากห้องที่ค่อนข้าวยาว ทำให้ฝั่งปลายเตียงสามารถจัดเป็นฟังก์ชันอื่นเพิ่มเติมได้ อย่าง จัดวางโต๊ะทำงานเล็กๆ หรือสาวๆ คนไหนมีเสื้อผ้าเยอะ ก็สามารถ Built-in เป็นพื้นที่ Walk in Closet ในส่วนนี้ได้เช่นกันค่ะ
บานกระจกที่ได้ในห้องนี้ให้มาใหญ่และสูง คือตั้งแต่พื้นจนถึงฝ้า และจากผนังจนสุดผนังอีกฝั่ง ถึงแม้ว่าทางโครงการจะใช้กระจกเขียวตัดแสงที่ช่วยในการสะท้อนและหักเหแสงที่มีความร้อนไปได้บ้างนั้น ก็อาจจะไม่เพียงพอนะคะ จำเป็นต้องติดม่านเพื่อลดทอนความร้อนและเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และสำหรับบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือก็จะได้เปรียบในเรื่องของปริมาณแดดที่อ่อนกว่าทางทิศใต้
ถัดมาที่ระเบียงหน้าบ้าน มีบางส่วนที่กว้างกว่าระเบียงชั้น 2 อยู่ ซึ่งสามารถวางโต๊ะเก้าอี้สนามเล็กๆ มาวางนั่งได้บ้างค่ะ ส่วนด้านข้างมุมๆ ระเบียงสามารถใช้เป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ได้ ไม่ดูรกตาจากด้านนอก เนื่องจากด้านนอกได้ตกแต่งให้มีระเเนงบังสายตาไว้เรียบร้อย
กระเบื้องระเบียงปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม.
กลับมาภายในห้องนอน ที่มีห้องน้ำภายในตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับระเบียง
ห้องน้ำนี้เป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันกับห้องนอนอีกห้องนึงนะคะ พื้นห้องน้ำลดระดับลงไปนิดนึง ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทา
ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นโซนเปียกและโซนแห้งชัดเจน โดยในโซนแห้งจะมีอ่างล้างมือพร้อมกระจกเงาบานใหญ่ และด้านข้างเป็นโถสุขภัณฑ์
ตัวอ่างล้างมือเป็นแบบฝังกับเคาน์เตอร์ มีพื้นที่ให้วางของด้านข้างได้ ส่วนขนาดอ่างกำลังพอไม่เล็กไม่ใหญ่ จากยี่ห้อ Cotto
โถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำจาก Cotto เช่นเดิม สำหรับระยะความกว้างบริเวณโถกว้างประมาณ 70 ซม. ซึ่งเป็นขนาดที่นั่งได้แบบพอดีๆ ค่ะ
อีกฝั่งเป็นพื้นที่อาบน้ำ กั้นด้วยกระจก Tempered ครึ่งนึงของพื้นที่อาบน้ำ สามารถกันน้ำได้ระดับนึงนะคะ
พื้นที่อาบน้ำค่อนข้างกว้างขวางอาบสบาย
ส่วนฝักบัวสายอ่อน และที่วางสบู่ใช้เสป็คแบบเดียวกับห้องน้ำชั้น 1 และ 2 เลยค่ะ
เข้ามาที่ห้องนอนถัดไปกันค่ะ
ในส่วนของห้องนอนนี้จะอยู่บริเวณหลังบ้าน มีลักษณะแปลนเป็นทรงสี่เหลื่มชัดเจน และค่อนข้างโปร่งโล่งเนื่องจากได้หน้าต่างและประตูบานเลื่อนที่เป็นกระจก ขนาดของห้องนี้สามารถวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ ค่ะ
ด้านหลังจัดเป็นพื้นที่ทำงาน และวางตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ
ด้านหลังบ้าน จะเป็นประตูบานเลื่อน 4 ตอน ติดกับระเบียงด้านนอก
ขนาดระเบียงกว้างประมาณ 70 ซม. เป็นพื้นคอนกรีตขัดมัน หากโดนน้ำหรือมีน้ำขังก็จะลื่นได้ง่ายกว่าพื้นกระเบื้องอยู่นะคะ
พื้นที่ระเบียงนี้สามารถใช้ซักล้างหรือตากผ้าหลังบ้านได้
ขึ้นไปต่อที่ชั้น 4 ที่มีครึ่งชั้นกันค่ะ พื้นลูกนอนบันไดก็จะเปลี่ยนไปเป็นไม้ยางอัดประสานแทนกระเบื้อง เพื่อให้ความรู้สึกเป็นบ้านมากขึ้น
ลักษณะบันได้เป็นแบบพับผ้า มีชานพักเดินพักเท้าได้ดี และมีช่องเปิดเพื่อให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในโถงบันไดได้เช่นเดิม
ขึ้นมาในส่วนของทางเดิน ในบ้านมาตรฐานจะได้เป็นราวระเบียงสเป็คเดียวกับราวบันไดนะคะ หากใครกลัวเปลืองแอร์ หรือรู้สึกว่าห้องนอนไม่เป็นส่วนตัวมากนักเพราะเวลานอนก็สามารถมองเห็นคนเดินตรงทางเดินด้านบนได้ จะติดตั้งเป็นกระจกฝ้าบานใหญ่เหมือนห้องตัวอย่างก็ได้นะคะ ^^
ภายในชั้นนี้จะมีห้องนอนอีก 1 ห้องและพื้นที่ส่วนซักล้างที่อยู่ฝั่งซ้ายค่ะ
ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ และภายในห้องนอนนี้ก็มีห้องน้ำภายในตัวด้วยนะคะ จะใช้เป็นห้องนอนลูกๆ หรือจะเป็นห้องนอนรับรองแขกก็ได้ค่ะ เพราะว่าไม่ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันเหมือนห้องนอนชั้น 3
ด้านข้าง Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้เล็กน้อย อย่าลืมเช็คระยะบานสวิงประตูด้วยนะคะก่อนที่จะ Built-in เฟอร์นิเจอร์
ไปดูภายในห้องน้ำกันต่อค่ะ
พื้นห้องน้ำลดระดับลงไปนิดนึงเพื่อกันน้ำไหลย้อน ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีครีม
ภายในห้องน้ำไม่ได้แบ่งโซนเปียกและโซนแห้งได้ชัดเจนนะคะ เนื่องจากขนาดห้องน้ำมีขนาดเล็ก โดยมุมขวาจากประตูห้องน้ำจะเป็นอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ ซึ่งใช้ยี่ห้อและสเป็คเดียวกันกับห้องน้ำห้องอื่นๆ
ส่วนด้านขวาเป็นพื้นที่อาบน้ำ ไม่ได้ลดระดับพื้นหรือกั้นสัดส่วนไว้ชัดเจนนะคะ ซึ่งสามารถซื้อม่านพลาสติกแบบราวฉากกั้นได้ และไม่เปลืองเนื้อที่ด้วยค่ะ
ไปดูพื้นที่ซักล้างกันต่อค่ะ
การออกแบบที่ทำพื้นที่ซักล้างไว้ให้เป็นสัดส่วน อยู่ชั้นบน ก็ทำให้ไม่เสียพื้นที่ด้านล่างบริเวณซักล้าง ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนไปทำเป็นพื้นที่ Outdoor นั่งเล่นได้ รวมทั้งมีความเป็นส่วนตัวด้วย เนื่องจากด้านล่างเมื่อทำเป็นสำนักงานก็จะมีพนักงานหรือคนภายนอกเข้ามาติดต่อ ซึ่งหากเราจะตากผ้าซักผ้าด้านล่างก็จะดูไม่สวยงามเท่าไหร่นักค่ะ ส่วนการทำพื้นที่ซักล้างไว้ให้เรียบร้อยในชั้นบนนั้นก็ถือว่าเสียพื้นที่สำหรับการใช้งานพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ ไป อย่างห้องนอนหรือห้องน้ำในชั้นนี้ที่จะได้ขนาดใหญ่มากขึ้นหน่อย
บริเวณซักล้างจะอยู่ในร่ม วางเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้าได้
พื้นที่ซักล้างมีขนาดประมาณ 1.5 x 1.2 ม.
ถัดออกไปจะเป็นส่วนของระเบียงด้านนอก สำหรับตากผ้าได้
พื้นระเบียงที่ได้ตามบ้านมาตรฐานคือ พื้นคอนกรีตขัดมันนะคะ
วิวที่ได้จากระเบียงชั้นบนจะเป็นที่ดินข้างเคียงที่ยังเป็นที่ดินว่างเปล่าอยู่ค่ะ ^^
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 23 February 2016
- Type A ยูนิต 331 พื้นที่ใช้สอย 437 ตร.ม. ที่ดิน 54.8 ตร.วา ราคา 12.65 ล้านบาท หรือ 230,839 บาท/ตร.วา
- Type B ยูนิต 314 (แปลงมุม) พื้นที่ใช้สอย 323 ตร.ม. ที่ดิน 44.5 ตร.วา ราคา 9.532 ล้านบาท หรือ 214,202 บาท/ตร.วา
- Type C ยูนิต 261 (แปลงมุม) พื้นที่ใช้สอย 215 ตร.ม. ที่ดิน 23.7 ตร.วา ราคา 5.25 ล้านบาท หรือ 221,519 บาท/ตร.วา
- Type C ยูนิต 274 (แปลงกลาง) พื้นที่ใช้สอย 215 ตร.ม. ที่ดิน 22.8 ตร.วา ราคา 4.999 ล้านบาท หรือ 219,254 บาท/ตร.วา
- Type D1 ยูนิต 164 พื้นที่ใช้สอย 169 ตร.ม. ที่ดิน 21.1 ตร.วา ราคา 3.658 ล้านบาท หรือ 173,365 บาท/ตร.วา
- จอง
- Type A, B 100,000 บาท
- Type C, D1 20,000 บาท
- Type A, B 500,000 บาท
- Type C, D1 180,000 บาท
- Type A –
- Type B ดาวน์ 50,000 บาท 3 งวด
- Type C ดาวน์ 30,000 บาท 3 งวด
- Type D1 ดาวน์ 30,000 บาท 8 งวด
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ Wayra Biznet ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ ตั้งอยู่ในแถบชานเมืองกรุงเทพ บนถนนร่มเกล้าซึ่งใกล้ย่านอุตสาหกรรมใหญ่ๆ อย่างนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังบนถนนฉลองกรุง สภาพแวดล้อมบนถนนร่มเกล้าส่วนใหญ่ยังมีพื้นที่ว่างเปล่ารอการพัฒนาอยู่พอสมควร มีบริษัทตั้งแต่โฮมออฟฟิศ อาคารพาณิชย์ ไปจนถึงโรงงาน และโครงการพักอาศัยแนวราบอย่างบ้านและทาวน์โฮม ด้วยทำเลของโครงการที่มีความสะดวกในการเดินทางไปสุวรรณภูมิได้ง่ายไม่ไกลมากนัก รวมทั้งใกล้กับย่านอุตสาหกรรมด้วยนั้น จึงเป็นทำเลที่เหมาะกับออฟฟิศที่ทำธุรกิจการค้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม หรือการธุรกิจที่ต้องขนส่งสินค้าต่างๆ
สำหรับความอุดมสมบูรณ์โดยรอบ ในด้านอาหารการกินค่อนข้างหายากในระยะเดิน จำเป็นต้องอาศัยขับรถออกไปกินนะคะ ซึ่งแหล่งอาหารการกินที่มีอย่างคึกคักหน่อยก็จะอยู่ภายในซอย บนถนนเคหะร่มเกล้าทะลุไปออกที่ซอยมิสทีนเลยค่ะ ส่วนร้านอาหารบนถนนร่มเกล้าที่เห็นติดถนนเลยมีค่อยมากนัก จะอยู่เป็นจุดๆ ไปอย่างบริเวณตรงแยกตัดกับถนนเจ้าคุณทหาร และบริเวณหน้าโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ ร่มเกล้าค่ะ ส่วนห้างที่ใกล้ที่สุดก็จะเป็น Big C ร่มเกล้าใกล้แยกรามคำแหง-ร่มเกล้า เป็นห้างใหญ่ที่อยู่บนถนนเส้นนี้ สามารถไปจับจ่ายซื้อของใช้หลักๆ กันได้ที่นี่ค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว ถือเป็นการเดินทางหลักๆ ของโครงการนี้ ค่อนข้างสะดวกพอสมควร เนื่องจากตัดกับถนนค่อนข้างเยอะสามารถเลือกการเดินทางได้หลากหลาย ทั้งการเข้า-ออกเมือง และยังอยู่ไม่ไกลจากมอเตอร์เวย์วิ่งยาวไปเข้าถนนพระรามเก้าถึงเส้นนี้ก็แยกไปได้ทั้งเอกมัย ทองหล่อ อโศก ดินแดง จะไปออกวิภาวดี ลาดพร้าวก็ได้ค่ะ หรือจะไปมีนบุรีก็ง่ายจากโครงการก็ใช้ถนนร่มเกล้าวิ่งตรงไปอย่างเดียว จะออกต่างจังหวัดอย่างชลบุรีก็ใช้เส้นมอเตอร์เวย์ได้ และใกล้ถนนกาญจนภิเษกหรือวงแหวนรอบนอก ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกในการเดินทางได้มากขึ้นค่ะ ในส่วนเรื่องจุดกลับรถหน้าโครงการหากใครมาจากมีนบุรี จะมีจุดกลับรถค่อนข้างไกลประมาณ 2 กม. หากบวกกับรถที่ติดบนถนนร่มเกล้าอยู่แล้วด้วยก็อาจจะใช้เวลานานพอสมควรนะคะ ปัญหาเรื่องรถติดแถวนี้คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ตั้งแต่ถนนร่มเกล้าทั้งช่วงเช้าและเย็นเนื่องจากแถวนี้มีแหล่งงานเยอะ ส่วนถนนมอเตอร์เวย์ก็ติดเป็นช่วงๆ ค่ะ ทำให้ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางหน่อยนะคะ
การเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ ถือว่าสะดวกระดับนึง เนื่องจากโครงการอยู่ติดริมถนนเลย และมีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการ ค่อนข้างสะดวกในการเรียกรถและไม่เปลี่ยว รวมไปถึงบนถนนร่มเกล้าจะมีทั้งรถตู้ รถสองแถว นอกเหนือจากรถเมล์ให้บริการอีกด้วยค่ะ ส่วนรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดก็จะเป็น Airport Rail Link สถานีลาดกระบัง ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 5 กม. ต้องนั่งรถต่อนึงไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ ส่วนในอนาคตจะมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีมีนบุรีตรงบริเวณซอยรามคำแหง 192 โดยจะห่างจากโครงการไปประมาณ 5.7 ม. และสถานีนี้เป็นสถานี interchange ที่เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม รวมทั้งมีจุดจอดรถแล้วจร จอดได้ประมาณ 2,000 คัน สามารถขับรถไปจอดแล้วเข้าเมืองได้ไม่ยากค่ะ ซึ่งก็ต้องอดใจรอกันต่อไปนะคะ โดยกำหนดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 แต่ก็คงจะยืดออกไปอีกหลายปีพอสมควร
ตัวโครงการเป็นโครงการโฮมออฟฟิศ จำนวน 180 ยูนิต ลักษณะการวางผังเป็นแบบแนวยาว วางอาคารหันหน้าทิศเหนือ-ใต้ มีถนนตัดกลางแบ่งเป็น 2 เลน โดยมีที่จอดรถกลางแจ้งให้ตรงกลางเพื่อลดปัญหาการจอดรถขวางหน้าบ้าน และเพื่อให้มีที่จอดรถสาธารณะสำหรับผู้ที่เข้ามาติดต่อลูกบ้านอีกด้วย ส่วนการออกแบบตัวอาคารออกแบบมาในสไตล์ Modern เรียบง่าย เน้นกระจกบานใหญ่และเรื่องของความโปร่งโล่งที่ได้ฝ้าเพดานสูง 2.6 ม. และสำหรับห้องนอนใหญ่จะได้ฟังก์ชันเป็นแบบ Duplex ที่มีฝ้าเพดานสูง 6 ม. ส่วนการออกแบบภายในจะแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วนหลักๆ คือส่วนสำนักงานที่อยู่ชั้น 1 และ 2 ส่วนในชั้น 3 และอีกครึ่งชั้นออกแบบให้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยได้ ซึ่งลูกบ้านสามารถเปิดออฟฟิศเล็กๆ ด้านล่างพร้อมอยู่อาศัยได้ในชั้นบนได้เลยค่ะ และมีการออกแบบพื้นที่ซักล้างในชั้น 3 ครึ่งพร้อมระเบียงด้านหลังให้เรียบร้อย เพื่อที่จะสามารถซักผ้า ตากผ้าในชั้นบนได้เลย ดูเรียบร้อยและเป็นส่วนตัวมากกว่าต้องไปตากผ้า หรือซักเสื้อผ้าในชั้นล่างที่เป็นส่วนออฟฟิศค่ะ แต่ทั้งนี้ก็จะเสียพื้นที่ส่วนห้องนอนในชั้น 3 ครึ่งไปบ้าง
วัสดุของโครงการอยู่ในระดับมาตรฐานทั่วไป โดยพื้นในชั้น 1 และ 2 จะได้เป็นพื้นแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. ส่วนชั้นบนเป็นพื้นไวนิล สุขภัณฑ์ที่ได้ทั้งหมดจาก Cotto ส่วนหน้าต่างกระจกและกรอบบานค่อนข้างแข็งแรง โดยใช้กระจกลามิเนตสีเขียวตัวแสง กรอบบานอลูมิเนียมพ่นสีดำ ในเรื่องของงานโครงสร้างเป็นระบบ Conventional ใช้เสาและคาน ซึ่งข้อดีคือเรื่องของความทนทานและอายุการใช้งานที่มากกว่าระบบสำเร็จรูป ก่อด้วยอิฐมวลเบาสามารถเจาะรูผนังแขวนกรอบรูป หรือจะ Built-in ตกแต่งเพิ่มเติมก็ทำได้มากกว่าระบบ Precast ค่ะ
ส่วนระบบสาธารณูปโภคที่ได้ก็ตามมาตรฐานโครงการขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก โดยจะมีสวนส่วนกลางให้ประมาณ 244 ตร.วา มีพื้นที่จอดรถส่วนกลางให้ค่อนข้างเพียงพอ พร้อม CCTV ประมาณ 39 จุดทั้งหน้าทางเข้าหลักและบนถนนหลักในโครงการ สำหรับเรื่องระบบความปลอดภัยก็ตามมาตรฐานเช่นเดียวคือ ระบบ Key card Access ด้วยไม้กระดกอัตโนมัติหน้าทางเข้า-ออก มีรปภ.รักษาความปลอดภัย 24 ชม. และรอบรั้วโครงการเป็นรั้วทึบสูงประมาณ 2 ม. ค่ะ
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 3 – 10 ล้านบาท, 23 February 2016
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ ไม่ค่อยมีแหล่งอาหารการกินในระยะเดินได้ ใกล้มอเตอร์เวย์และสนามบิน
- ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วกั้นไม้กระดก รปภ.หน้าโครงการ 24 ชม. CCTV 39 จุด
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 7.5/10 – จัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในได้ดี เน้นความโปร่งโล่งด้วยฝ้าเพดานสูง และกระจกบานใหญ่
- วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7/10 – โครงการเล็ก มีพื้นที่สีเขียวจุดเดียว 244 ตร.วา
- สาธารณูปโภค 7/10 – มาตรฐานโครงการเล็ก มีสวนเล็กๆ มีพื้นที่จอดรถสาธารณะเพียงพอ
- 7.38 / 10.00
BOTTOM LINE
Wayra ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ โครงการโฮมออฟฟิศ จำนวนยูนิตไม่เยอะมาก บนถนนร่มเกล้า เหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่สำนักงานและใช้อาศัยได้ด้วย ใกล้สุวรรณภูมิ ใกล้นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ขับรถและเดินทางโดยใช้มอเตอร์เวย์เป็นหลัก สำหรับคนที่สนใจต้องมีงบประมาณ 3.5-12.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 25,000 – 100,000 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )