..วันนี้พามารีวิว Reseo Home รามอินทรา – จตุโชติ ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ติดทางด่วนจตุโชติและวงแหวนกาญจนาภิเษก จึงเหมาะกับคนที่เน้นใช้ทางด่วนในการเดินทางเข้าเมืองเป็นประจำ จุดเด่นคือฟังก์ชันบ้านที่มี Living Area หน้ากว้าง ซึ่งเค้าได้มีการพัฒนามาจากโครงการตัวก่อนๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ส่วนความน่าสนใจอื่นๆของโครงการจะมีดังต่อไปนี้เลยครับ
- ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนฉลองรัช และถนนกาญจนาภิเษกเพียงไม่ถึง 1 km.
- Living Area กว้างเท่ากับตัวบ้าน 5.3 m. บรรยากาศโปร่งโล่ง และทำให้จัดสรรพื้นที่ได้เองตามต้องการ
- ฟังก์ชันบ้านยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับ Lifestyle ของเจ้าของบ้านได้หลากหลาย
- มีแบบบ้านที่ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ให้เลือก ไม่ต้องเสียเวลาตกแต่งเอง และสามารถเข้าอยู่ได้ทันที
ข้อมูลโครงการ
Reseo Home Ramintra – Chatuchot (เรซิโอ โฮม รามอินทรา – จตุโชติ) ณ วันที่ 28 มีนาคม 2566
ชื่อโครงการ | Reseo Home Ramintra – Chatuchot (เรซิโอ โฮม รามอินทรา – จตุโชติ) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท รีโว พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด |
SEGMENT CLASS | MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนน จตุโชติ เขต สายไหม |
ที่ดิน | 12-2-39 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 141 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ราคาเริ่มต้น | 3.09 ล้านบาท |
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.7 – 3 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | 100,000 บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2564 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | Q4 ปี 2566 |
เว็บไซต์โครงการ | https://revo.estate/Reseo-Chatuchot/ |
โทร | 082-639-4239 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ใกล้จุดขึ้น -ลงทางด่วนฉลองรัชเพียงไม่ถึง 1 km. สามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกมาก
- มีจุดกลับรถให้ใช้งานง่ายอยู่ด้านหน้าโครงการ
- ความอุดมสมบูรณ์ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณย่านใกล้เคียงโดยรอบ แต่ก็เดินทางไปถึงได้ไม่ยากนัก
พิกัด Google Maps : 13.898954, 100.690333
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ Reseo Home รามอินทรา – จตุโชติ ตั้งอยู่บนถนนจตุโชติย่านวัชรพล-สายไหม ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งที่สามารถเข้าเมืองได้ง่าย เพราะมีทางด่วน 2 สายให้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นทางด่วนฉลองรัช และถนนกาญจนาภิเษก โดยโครงการนี้ก็จะตั้งอยู่ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนมากๆ จึงมีความสะดวกสบาย เหมาะกับคนที่เน้นใช้ทางด่วนในการเดินทางไปทำงานในเมืองเป็นประจำ
สำหรับความอุดมสมบูรณ์หลักๆจะอยู่แถวสุขาภิบาล 5 ถนนสายไหม และถนนคู้บอน ซึ่งเราก็สามารถขับรถไปใช้งานได้สะดวก ถ้าใครถนัดหรือเน้นใช้ชีวิตไปทางโซนสายไหม-ลำลูกกา ก็สามารถใช้ทางคู่ขนานกาญจนาตรงไปถึงได้เลย หรือถ้าเป็นย่านสุขาภิบาล 5 ก็จะมีจุดให้กลับรถหน้าโครงการได้สะดวก รวมถึงเรายังสามารถขับเลียบทางคู่ขนานมายังคู้บอนได้อีกด้วย ถือเป็นจุดศูนย์กลางที่แยกออกไปยังโซนต่างๆได้หลากหลายเลยทีเดียว
จุดกลับรถลับๆที่ Google Map ไม่ยอมบอกเรา :
…หากใครที่ไปโครงการครั้งแรกหรือไม่ค่อยคุ้นเคยกับถนนทำเลนี้มาก่อน แล้วขับรถไปตาม Google Map ก็อาจจะไม่ได้แนะนำเส้นทางกลับรถใต้ทางด่วนนี้ให้เรา (ไม่แน่ว่าอนาคตอาจมีแนะนำให้แล้ว แต่ปัจจุบันก็คือยังนะครับ)
ซึ่งถ้าใครที่ลงมาจากวงแหวนกาญจนาภิเษก แผนที่จะบอกให้เราขึ้นทางด่วนฉลองรัชเพื่อไปอ้อมกลับรถที่สุขาภิบาล 5 แล้วขึ้นทางด่วนมาลงหน้าโครงการอีกที ทำให้เสียเวลาและเสียค่าทางด่วนถึง 2 ต่อ 60 บาทฟรีๆ ทั้งๆที่เห็นป้ายชื่อโครงการตอนลงกาญจนาฯมาอยู่ใกล้แค่เอื้อม
แต่จริงๆแล้วมันจะมีทางให้เราเบี่ยงออกซ้ายได้ 2 จุด เพื่อไปกลับรถใต้ทางด่วนฉลองรัชได้ครับ โดยแต่ละจุดก็จะมีโอกาสใช้งานได้ต่างกันคือ
- เป็นจุดเบี่ยงก่อนจะถึงทางลงวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งเราจะใช้ได้ตอนที่ออกจากโครงการแล้วกลับรถที่ด้านหน้า สามารถลัดเลาะใต้ทางด่วนเพื่อเชื่อมต่อถนนจตุโชติไปยังสุขาภิบาล 5 ได้โดยไม่ต้องเสียค่าทางด่วนสักบาท
- เป็นจุดเบี่ยงตรงด่านเก็บเงินค่าทางด่วนด่านจตุโชติ ซึ่งจะเป็นเส้นทางสำหรับคนที่เพิ่งจะลงมาจากวงแหวนกาญจนาฯ แล้วต้องการจะวนรถเพื่อกลับมายังโครงการนั่นเอง
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :
แน่นอนว่าทางด่วนที่ใกล้ที่สุดก็คือ “ทางด่วนฉลองรัช ด่านจตุโชติ” ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการเพียง 950 m. เท่านั้นครับ โดยเราสามารถเข้าเมืองไปทางรามอินทรา-พระราม 9 และไปเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัชเพื่อไปย่านอื่นๆต่อได้อีกด้วย
อีกเส้นทางหนึ่งก็คือ “วงแหวนกาญจนาภิเษก” ซึ่งจุดขึ้นจริงๆเค้าจะอยู่ตรงถนนลำลูกกา ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 6 – 7 km.
แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเวลาไปอ้อมไกลๆเพื่อเข้าเมือง ก็สามารถใช้เส้นทางลัดเลาะมาใช้ทางคู่ขนานถนนกาญจนาภิเษกได้เหมือนกัน โดยจะเชื่อมต่อไปยังคู้บอนและไปขึ้นวงแหวนกาญจนาฯอีกทีตรงแฟชั่นไอส์แลนด์ครับ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบของโครงการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นที่ว่างและชุมชนแนวราบนิดหน่อย อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับทางด่วน 2 สายด้วยครับ ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้ที่บริเวณด้านหน้าโครงการอาจมีเสียงจากรถยนต์ ที่ขับผ่านไป-มาบนทางด่วนอยู่บ้าง แลกกับการที่เราเองก็สามารถขับรถไปขึ้นทางด่วนได้สะดวกเช่นกัน
- ทิศเหนือ : ติดกับที่ว่างและชุมชนแนวราบ ส่วนวัดพุทธญาณวิสุทธิ์จะเป็นเพียงวัดเล็กๆครับ
- ทิศใต้ : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ถนนภาระจำยอมและถนนจตุโชติ รวมถึงยังมีทางด่วนฉลองรัชที่เป็นทางยกระดับตั้งอยู่อีกด้วย
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : ติดกับ ที่ว่างและถนนกาญจนาภิเษก
- ทิศตะวันตก : ติดกับ ที่ว่าง
และนี่ก็คือบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะอยู่ติดกับใต้ทางด่วนและมีถนนภาระจำยอมแยกออกไปทางซ้าย
โดยเมื่อเราออกมาจากหน้าโครงการประมาณ 150 m. ก็จะเจอกับแยกไฟแดงและจุดกลับรถ ที่จะสามารถเชื่อมต่อไปยังโซนต่างๆตามที่ต้องการได้ แต่จะเป็นถนนช่วงทางโค้งพอดี ดังนั้นจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้า-ออกพอสมควรนะครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Big C Food Place สุขาภิบาล 5 ~ 5.7 km.
- ตลาดวงศกรสายไหม ~ 5.9 km.
- ตลาดออเงิน ~ 6.8 km.
- Max Value คู้บอน ~ 6.8 km.
- Fashion Island รามอินทรา ~ 8.8 km.
- The Promenade ~ 9.3 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาล CGH สายไหม ~ 5.9 km.
- โรงพยาบาลอินทรารัตน์ ~ 8.4 km.
- โรงพยาบาลสินแพทย์ ~ 10.9 km.
โรงเรียน
- มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ~ 3.2 km.
- โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ สายไหม ~ 6.2 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- มีเพื่อนบ้านเพียง 141 ยูนิต ถือว่าค่อนข้างเป็นส่วนตัวดี สำหรับโปรดักส์ทาวน์โฮมทั้งโครงการแบบนี้
- จัดพื้นที่ส่วนกลางและสวนอยู่บริเวณด้านหน้า เป็นส่วนต้อนรับที่ร่มรื่นสวยงามดี และยังสามารถมาใช้งานได้สะดวกอีกด้วย
- เนื่องจากไม่ใช่โครงการใหญ่หรือมีซอยย่อยเยอะ เลยทำให้ยูนิตส่วนใหญ่สามารถเดินมาใช้งานอาคาร Clubhouse ได้ค่อนข้างสะดวก
Master Plan :
มีการจัดสวนและพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้บริเวณด้านหน้า ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับเวลาขับรถเข้า-ออก และทำให้เราสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวได้ตลอดเวลา โดยบ้านที่อยู่ในซอยแรกๆจะมีความสะดวกในการมาใช้งานส่วนกลางมากๆ เรียกได้ว่าสามารถเดินมาได้สบายๆเลย แต่ถ้าเป็นบ้านที่อยู่ในซอยลึกๆด้านในก็อาจขับรถมาใช้ได้เช่นกัน ส่วนตำแหน่งบ้านที่น่าสนใจสำหรับผมคิดว่ามีดังต่อไปนี้
- กรอบสีแดง : เป็นบ้านซอยแรกที่ฝั่งตรงข้ามเป็น Jogging Track จึงได้บรรยากาศความร่มรื่นจากแนวต้นไม้ และยังได้ความเป็นส่วนตัวเพราะไม่ต้องหันหน้าบ้านชนกับใครอีกด้วย
- กรอบสีน้ำเงิน : เป็นบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับอาคาร Clubhouse จึงสามารถมาใช้ส่วนกลางได้ง่าย แต่ก็แลกกับความเป็นส่วนตัวที่ลดลงอยู่บ้าง เพราะจะมีเพื่อนบ้านมาใช้งานด้วยเหมือนกันครับ
- กรอบสีชมพู : เป็นบ้านที่อยู่ใกล้ส่วนกลางเหมือนกัน แต่จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะไม่ค่อยมีใครผ่านหน้าบ้านนอกจากเพื่อนร่วมซอยเท่านั้น
- กรอบสีเขียว : เป็นบ้านที่อยู่ในซอยลึกสุด อาจไกลจากหน้าโครงการหรือส่วนกลางมากหน่อย แต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบมากขึ้น อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่มีความกังวลเรื่องเสียงและฝุ่นควันจากทางด่วนด้านหน้าอีกด้วยครับ
เริ่มกันที่ถนนด้านหน้าโครงการที่จะเป็นภาระจำยอมร่วมกับเขตทาง แต่ก็ได้มีการปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม และแบ่งทางเข้า-ออกชัดเจน
ถัดมาเราจะเจอกับซุ้มประตูทางเข้าของโครงการที่เป็นสไตล์ Modern แบบเรียบๆ มาพร้อมกับกล้อง CCTV และเข้า-ออกด้วยระบบ Bluetooth ที่ไม้กั้นกระดกจะเปิดให้อัตโนมัติ แต่ถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามทางซ้ายก่อนตามปกติ
เข้ามาด้านในเราจะเจอกับถนน Main กว้าง 12 m. และปูพื้นเป็น Concrete Stamp เป็นส่วนต้อนรับสวยงาม
ซึ่งขวามือจะเป็นที่ตั้งของอาคาร Clubhouse และมีพื้นที่สีเขียวให้สามารถมองเห็นได้ทุกครั้ง ในตอนที่ขับรถเข้า-ออกโครงการอีกด้วย
ภายในสวนด้านข้างของอาคาร Clubhouse จะมีทางเดินให้มาเดินเล่นพักผ่อนกันได้ ซึ่งก็จะทอดยาวไปจนถึงตัวอาคารที่อยู่ด้านในเลยครับ
นอกจากนี้ยังมีที่นั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ตามจุดต่างๆ ให้สามารถมานั่งพักผ่อนในช่วงเวลาเย็นๆแดดร่มๆกันได้ครับ
ด้านขวาของสวนจะเป็นทางเดินอ้อมไปยังด้านหลังอาคาร Clubhouse
ซึ่งบริเวณนี้ก็จะมีพื้นหิน Foot Spaให้มาเดินนวดเท้า และมีบ่อทรายให้น้องๆได้มาเล่นสนุกกันได้
สุดท้ายจะเป็นทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังอาคาร ที่จะเป็นการเข้าจากทางด้านหลัง หรือเราจะเข้าจากทางด้านหน้าโดยตรงเลยก็ได้ครับ
และนี่ก็คือทางเข้าด้านหน้าอาคารที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ดีไซน์จะเป็นสไตล์ Modern เรียบๆ และอาจไม่ได้มีการเตรียมที่จอดรถให้เป็นสัดส่วนนะครับ
ซึ่งหากใครที่ขับรถยนต์มาใช้งาน เบื้องต้นผมอาจแนะนำให้ไปจอดริมถนน Main ที่มีความกว้างมากกว่าถนนภายในซอยย่อยแบบนี้ จะได้ไม่ขวางหน้าบ้านของเพื่อนบ้านในซอยนะ
เข้ามาภายในอาคารเราจะเจอกับพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume แบบ Semi-Outdoor ที่มีลมธรรมชาติพัดผ่านได้ตลอดเวลา
รวมถึงยังเป็นพื้นที่ Co-Working Space ที่สามารถมานั่งเล่น ทำงาน หรืออ่านหนังสือกันตรงนี้ได้ (มี Wi-Fi ฟรีให้ใช้ด้วย)
ถัดเข้ามาก็จะเป็นที่นั่งแบบโต๊ะเก้าอี้ที่จริงจังมากขึ้น รวมถึงยังมีตู้กดน้ำอัตโนมัติคอยให้บริการอีกด้วยนะครับ
ส่วนบนชั้น 2 จะเป็นห้อง Fitness ที่ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีอุปกรณ์ให้ครบและเพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งโดยรอบเป็นผนังกระจกที่สามารถชมวิวสวนด้านล่างได้ครับ
มาต่อกันที่ด้านหลังอาคาร Clubhouse ซึ่งด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง ก่อนจะตรงไปยังสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านในสุดครับ
ภายในห้องน้ำมีทั้งโถสุขภัณฑ์และห้องอาบน้ำให้ใช้งาน ซึ่งถ้าใครที่มาออกกำลังกายหรือมาว่ายน้ำที่นี่ ก็สามารถมาล้างเนื้อล้างตัวก่อนกลับบ้านกันได้สะดวกนะ
ต่อมาจะเป็นสระว่ายน้ำที่อยู่ติดกับบริเวณด้านหน้าสุดของโครงการ ดังนั้นก็อาจต้องทำใจเรื่องเสียงรถจากทางด่วนด้านนอกสักหน่อยนะครับ โดยฟังก์ชันก็จะแบ่งออกเป็น 2 สระ และมีที่ให้ล้างตัวอยู่ด้านข้างแบบนี้
เริ่มต้นที่สระเด็กจะมีดีไซน์เป็นลักษณะคล้ายริมชายหาด ที่มีการปูพื้นทรายล้างเป็นทางลาดลงไป ซึ่งจะช่วยป้องกันการลื่นของน้องๆได้ดีทีเดียว
ส่วนอีกด้านจะเป็นสระว่ายน้ำหลักที่มีขนาด 8 x 4 m. แน่นอนว่าค่อนข้างเล็กและอาจไม่ค่อยเหมาะที่จะใช้ว่ายออกกำลังกายจริงจังเท่าไหร่ แต่ก็ใช้เป็นที่ฝึกว่ายน้ำของน้องๆที่โตขึ้นมาหน่อยได้ดีเลยครับ
สุดท้ายจะเป็น Jogging Track ที่จะอยู่ในซอยที่ 1 ด้านซ้ายมือของ Main Gate ซึ่งจะมีการปลูกต้นไม้ใหญ่และเล็กให้ร่มเงาสลับกันไป พร้อมกับมีลู่วิ่งให้มาเดิน/วิ่งออกกำลังกายกันได้ โดยบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจะได้ทั้งความร่มรื่น และความเป็นส่วนตัวดีมากๆครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse
- Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 8 x 4 m.
- Children Pool
- Fitness & Yoga Lawn
- Spirit House
- Terrace
- BBQ Yard
- Foot Spa
- Meeting Yard
- Swing & Sand Bath
- Gazebo
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 2 จุด รวมประมาณ 1.5 ไร่
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 9 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
- Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
- Key Card Access ระยะไกล ใช้ระบบ Bluetooth
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
แบบบ้าน
Highlights :
- ได้พื้นที่ใช้สอยของ Living Area ในบ้านที่กว้างเท่ากับตัวบ้าน เลยมีความกว้างขวางโปร่งโล่งเป็นพิเศษ
- ฟังก์ชันบ้านยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ เช่น อาจกั้นห้องนอนชั้นล่างเพิ่มเติม หรือเชื่อมห้องนอนเล็กด้านบนให้เป็น Master Bedroom อีกห้องไปเลยก็ได้
- โครงสร้างบ้านก่ออิฐมวลเบา ทำให้ทุบผนัง/ต่อเติมได้ง่าย สอดคล้องกับการดีไซน์ฟังก์ชันที่ยืดหยุ่น
- มี Option บ้านพร้อมเฟอร์ฯให้เลือก ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ต้องการความสะดวก ไม่อยากเสียเวลาตกแต่งบ้านเอง
แบบบ้านของโครงการนี้จะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ซึ่งจะแบ่งออกเป็นหลังแปลงกลางกับแปลงมุม ดีไซน์เป็นสไตล์ Fusion Japanese Urban เอาใจคนรุ่นใหม่ที่ชอบบรรยากาศหมู่บ้านแบบญี่ปุ่น โครงสร้างก่ออิฐมวลเบาสามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย จึงเหมาะกับฟังก์ชันบ้านที่มีความยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ ประกอบด้วย
- Rhythm ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.3 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 20 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 124 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ พร้อมชั้นลอยตรงโถงบันได - Rhyme (แปลงมุม) ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.3 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 27 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 130 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ พร้อมชั้นลอยตรงโถงบันได
ความน่าสนใจอีกอย่างของทาวน์โฮมโครงการนี้ก็คือ Furniture Package ที่หากเพิ่มเงินอีกประมาณ 150,000 – 200,000 บาท ก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ครบเหมือนบ้านตัวอย่างที่กำลังจะพาไปชมต่อไปนี้เลยครับ จึงเหมาะกับคนที่ชอบความสะดวกสบาย และไม่อยากเสียเวลาซื้อของตกแต่งบ้านเอง
- Rhythm ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.3 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 20 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 124 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ พร้อมชั้นลอยตรงโถงบันได
ความน่าสนใจของทาวน์โฮมหลังนี้ก็คือ Living Area ที่มีความกว้างเท่ากับตัวบ้าน 5.3 m. ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ได้มีการพัฒนามาจากแบบบ้านตัวก่อนๆ ทำให้ภายในบ้านมีบรรยากาศที่กว้างขวางและโปร่งโล่งมากๆ โดยเราอาจแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็น 2 ฟังก์ชันได้สบายๆ อย่างในแปลนหรือบ้านตัวอย่างจะทำเป็นโซฟานั่งเล่น และพื้นที่อเนกประสงค์ด้านหลังโซฟาได้ด้วยนั่นเอง ส่วนหลังบ้านก็จะเป็นพื้นที่นั่งทานอาหารและครัว ที่เราสามารถกั้นผนังทำเป็นครัวปิดจริงจัง หรือเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้อีกด้วยนะ
แปลนชั้น 2 นอกจากเราจะได้ Master Bedroom ขนาดใหญ่ตรงหน้าบ้านแล้ว ห้องนอนเล็กด้านหลังบ้านก็น่าสนใจไม่แพ้กันครับ เพราะสำหรับคนที่อาจมีลูกคนเดียวเราก็มี Option ที่สามารถเอาผนังตรงกลางออก เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ห้องนอนเล็กทั้ง 2 ให้กลายเป็น Master Bedroom อีกห้องหนึ่งได้เลย
ส่วนห้องน้ำจะแชร์ร่วมกันที่ด้านนอก หรือถ้าในชั่วโมงเร่งด่วนที่จำเป็นห้องใช้งานพร้อมๆกัน ก็ยังมีห้องน้ำชั้นล่างที่มีฟังก์ชันอาบน้ำรองรับอีกด้วยครับ สุดท้ายคือพื้นที่ชั้นลอยเล็กๆตรงโถงบันได ซึ่งเราสามารถทำเป็นมุมหิ้งพระหรือพื้นที่อื่นๆได้ตามต้องการ แต่ที่แน่ๆก็คือ จะช่วยทำให้ฝ้าเพดานของพื้นที่ชั้นบนมีความสูงโปร่งมากกว่าทาวน์โฮมทั่วไปด้วยครับ
เริ่มกันที่ประตูรั้วหน้าบ้านจะเป็นเหล็กบานพับแบบ 3 ตอน ซึ่งเราอาจติดเป็นประตูอัตโนมัติเพิ่มเติมเองได้นะครับ จะได้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น รวมถึงจะมีการปลูกต้นโมกให้ 3 ต้นอีกด้วย
พื้นที่จอดรถกว้าง 5.2 m. สามารถจอดรถได้ 2 คันสบายๆ โดยจะเป็นพื้นคอนกรีตแบบ Slab on Ground ที่ตัด Joint แยกโครงสร้างออกมาจากตัวบ้าน เพื่อที่เวลาเกิดดินทรุดตัวในอนาคตก็จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลักนั่นเอง
นอกจากนี้ทางโครงการก็จะติดตั้งหลังคาผ้าใบ มาให้เป็นมาตรฐานทุกยูนิตเลยครับ ซึ่งจะสามารถช่วยบังแดดบังฝนให้รถได้ประมาณครึ่งคัน
หมายเหตุ : ทางโครงการแจ้งว่าอาจไม่อนุญาติให้ทำหลังคาจอดรถเพิ่มเอง เพื่อต้องการจะคุมบรรยากาศให้สวยงามเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งโครงการ หรืออนาคตอาจลองสอบถามเพิ่มเติมดูอีกครั้งหนึ่งได้นะครับ
ทางเข้าหลักของบ้านจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนขนาดใหญ่ กรอบอลูมิเนียม Powder Coat พร้อมกระจกเขียวตัดแสงทั้งหลัง มีชานพักเล็กๆให้ถอด-ใส่รองเท้าสะดวก และช่วยกันเศษฝุ่นไม่ให้เข้าไปในบ้านได้ด้วย
เข้ามาภายในบ้านเราจะรู้สึกถึงความกว้างและโปร่งโล่งมากๆ เพราะพื้นที่ Living Area จะได้พื้นที่ใช้สอยภายในเต็มความกว้างเท่าตัวบ้านเลยครับ โดยฝ้าเพดานก็จะสูง 2.7 m. และปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้เป็นมาตรฐาน
เมื่อมองย้อนกลับมาบริเวณหน้าบ้าน เราจะเห็นความสว่างโปร่งโล่งจากช่องแสงทั้ง 2 ที่เกือบจะเต็มผนังทั้งหมดเลยก็ว่าได้
ทำให้ตอนกลางวันแบบนี้เราไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเลย แต่ตอนกลางคืนก็อาจต้องมีการปิดม่านกันอยู่บ้าง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยภายในบ้านครับ
และด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางแบบนี้ จึงทำให้เราสามารถแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วนได้สบายๆ อย่างบ้านหลังนี้เค้าก็ได้แบ่งพื้นที่หลังโซฟา 1.8 m. ทำเป็นโต๊ะนั่งทำงานอเนกประสงค์ให้นั่งทำงานไปและดูทีวีไปด้วยได้
ส่วนระยะดูทีวีก็จะเหลือประมาณ 3 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ตามปกติ หรือถ้าใครจะทำพื้นที่ทั้งหมดนี้เป็น Living Area หน้ากว้าง 5.2 m. ก็จะทำให้เราใช้ทีวีจอใหญ่ได้แบบจุใจแน่นอนครับ
ถัดเข้ามาในบ้านจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ครัว และห้องน้ำ
เรามาเริ่มที่ห้องน้ำตรงใต้บันไดก่อนครับ ภายในจะมีฟังก์ชันอาบน้ำให้ใช้งานด้วย และแบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วน อย่างพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.2 x 1.55 m. ใช้งานได้สะดวก และได้สุขภัณฑ์จาก American Standard ครบทั้งหมด
ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้าง 1.2 x 0.9 m. มาพร้อมกับ Hand Shower และเจาะช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำตรงผนังให้ใช้งาน ซึ่งเราอาจติดม่านพลาสติกหรือฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเองได้นะ ส่วนด้านบนเพดานก็จะมีพัดลมดูดอากาศติดตั้งไว้ด้วย
ติดกันจะเป็นครัวที่เราสามารถกั้นผนังทำเป็นครัวปิดได้ถ้าต้องการ เวลาทำอาหารที่มีควันหรือกลิ่น ก็จะได้ไม่ลอยฟุ้งเข้าไปรบกวนพื้นที่พักผ่อนส่วนอื่นในบ้าน
โดยของจริงเราจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆ ที่มีการเตรียมท่องานระบบเอาไว้ให้นะครับ ซึ่งเราจะต้องเผื่อเงินเพื่อ Built เคาน์เตอร์เพิ่มเอง หรืออาจกั้นผนังทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ตามต้องการ เช่น ห้องนอนผู้สูงอายุ หรือห้องดูหนังเล่นเกมส์ เป็นต้น
โต๊ะทานอาหารจะสามารถใช้ขนาด 4 – 6 ที่นั่งได้พอดีๆ และตั้งอยู่ติดกับประตูกระจกหลังบ้าน ซึ่งถ้าเราไม่ได้ต่อเติมเป็นครัวแบบบ้านตัวอย่าง ก็จะได้ทั้งแสงและลมธรรมชาติ รวมถึงยังสามารถชมวิวสวนหลังบ้านได้ด้วยนั่นเอง
โดยของจริงหลังบ้านจะเป็นพื้นคอนกรีตแบบ Slab on Ground และไม่มีหลังคาครับ ซึ่งหากใครสนใจต่อเติมเป็นครัวไทยแยกออกมา ก็สามารถลองอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย >> ต่อเติมครัวทาวน์โฮมให้ถูกกฎหมาย ในงบ 1-2 แสนบาท
โครงสร้างบันไดที่อยู่กลางบ้านจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน เวลาเดินขึ้น-ลงก็จะไม่มีเสียงดังรบกวน พร้อมมีช่องเก็บของใต้บันไดเล็กๆให้ใช้งาน
บันไดกว้าง 1 m. ปิดผิวด้วยไม้ยางพารา และมีราวจับให้ใช้งานเพื่อความปลอดภัยตลอดทาง แต่อาจต้องระวังตรงขั้นบันไดสามเหลี่ยมที่จะเหยียบได้ไม่เต็มฝ่าเท้านัก โดยเฉพาะเด็กๆที่ชอบวิ่งขึ้น-ลงบ่อยๆ ผู้ปกครองอาจต้องดูแลใกล้ชิดนิดนึง
ขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะรู้สึกได้ว่าโถงบันไดนี้มีความสูงโปร่งเป็นพิเศษ เพราะบริเวณนี้จะมีชั้นลอยให้ขึ้นไปใช้งานได้อีกครึ่งชั้น และทำให้ได้ฝ้าเพดานที่สูงถึง 3.6 m. นั่นเองครับ
โดยพื้นที่ด้านบนจะมีขนาดกว้าง 2.5 x 0.95 m. และมีฝ้าเพดานสูง 2 m. ให้ยืนใช้งานได้เต็มความสูงสบายๆ เหมาะที่จะทำเป็นหิ้งพระหรือพื้นที่อเนกประสงค์อื่นๆได้ตามต้องการ
ระบบ Ventilation ภายในบ้าน :
สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาสำหรับการขึ้นไปใช้งาน ที่ชั้นบนสุดของตัวบ้านแบบนี้ก็คือ “อุณหภูมิ” เพราะความร้อนมักจะลอยตัวขึ้นสู่ที่สูงและอบอวลอยู่ด้านบนเสมอ
ดังนั้นทางโครงการจึงติดตั้งพัดลมระบายอากาศให้ในทุกๆห้องของชั้นบนนี้ ไม่ว่าจะเป็นตรงโถงบันได ห้องนอนเล็กทั้ง 2 และห้องนอนใหญ่
ซึ่งจะทำงานอัตโนมัติในตอนกลางวันควบคู่กับแผงโซล่าเซลล์ และเซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อน ที่จะช่วยดูดอากาศร้อนในบ้านออกสู่ภายนอก และจะปิดการทำงานเองอัตโนมัติในตอนกลางคืนครับ
ถัดมาจะเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งห้องทั้ง 2 จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยเท่ากันอยู่ที่ 2.55 x 2.35 m. สามารถวางเตียง 3.5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเล็กๆได้พอดี
ซึ่งถ้าใครมีลูก 2 คนอยู่แล้วก็เหมาะเลยครับ หรือถ้ามีลูกคนเดียวก็อาจปรับอีกห้องหนึ่งเป็นห้องใช้งานอื่นๆได้ตามต้องการ (ฝ้าเพดานสูงประมาณ 2.7 m. และพื้นเป็น SPC ลายไม้ ที่ทนน้ำและรอยขีดข่วนได้ดีกว่าไม้ลามิเนต)
สามารถทุบผนังตรงกลางออก เพื่อเชื่อมต่อกันเป็นห้องนอนใหญ่ได้ :
หรืออีก Option หนึ่งสำหรับคนที่อาจมีลูกคนเดียว แล้วอยากให้ได้พักอาศัยยาวๆตั้งแต่เด็ก-โตไปเลย ก็สามารถนำผนังตรงกลางนี้ออก เพื่อเชื่อมต่อห้องนอนทั้ง 2 ให้กลายเป็น Master Bedroom อีกห้องหนึ่งไปเลยก็ได้
หมายเหตุ : หากใครสนใจก็อาจลองสอบถามกับทางโครงการดูก่อนได้นะครับ เพราะเค้าจะมีรายละเอียดและเงื่อนไขในการนำผนังออกให้ได้ด้วยนั่นเอง
ถัดมาจะเป็นห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนทั้งหมด ซึ่งถ้าเป็นในช่วงเวลาเร่งด่วนที่ต้องมีการใช้งานพร้อมกัน ก็อาจแบ่งลงไปใช้ห้องน้ำชั้นล่างได้ด้วยครับ เพราะเค้าจะมีฟังก์ชันอาบน้ำรองรับอยู่แล้วนั่นเอง
ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันออกเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์จาก American Standard ครบเหมือนบ้านตัวอย่างเลยครับ แต่ที่ชอบมากๆก็คือ กระจกเงาบานใหญ่ที่สามารถส่องได้เต็มตัว และยังทำให้ห้องน้ำดูกว้างมากขึ้นอีกด้วย
พื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.4 x 1.5 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.4 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้สะดวก แต่เราอาจต้องติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเองนะครับ ส่วนด้านบนก็มีพัดลมดูดอากาศติดตั้งมาให้แล้วเป็นมาตรฐาน
สุดท้ายจะเป็นห้อง Master Bedroom ที่อยู่ด้านหน้าบ้าน ภายในมีขนาดใหญ่ที่กว้างเท่ากับตัวบ้านเลยครับ สามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกได้เป็นสัดส่วน รวมถึงยังได้ฝ้าเพดานที่สูง 3 m. อีกด้วย จึงมีความโปร่งโล่งเป็นพิเศษ
อย่างบริเวณพื้นที่รอบๆเตียงก็จะมีเหลือให้ใช้งานเดินได้สะดวก รวมถึงเรายังสามารถติดทีวีแขวนผนังเพื่อนอนดูสบายๆได้อีกด้วย
ส่วนอีกด้านของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ ซึ่งเราสามารถจัดเป็นมุมพื้นที่อเนกประสงค์ได้ตามต้องการ อย่างบ้านตัวอย่างนี้ก็จัดออกมาเป็น Walk-in Closet ที่มีประตูบานเลื่อนปิดได้แบบจริงจัง (หากเราซื้อบ้านแบบที่มีเฟอร์นิเจอร์ด้วย ก็จะได้เป็นลายญี่ปุ่นแบบนี้เลยนะ)
ภายในมีขนาดพื้นที่ประมาณ 1.5 x 2 m. สามารถทำเป็นตู้เสื้อผ้าสำหรับ 1 – 2 คน และยังมีพื้นที่ยืนแต่งตัวได้สบายๆ
อีกด้านหนึ่งจะมีช่องหน้าต่างที่ช่วยให้แสงสว่างแก่บริเวณนี้ รวมถึงยังสามารถเปิดระบายอากาศได้ และภายนอกยังมีพื้นที่ให้วาง Condensing Unit ของห้องนอนใหญ่หน้าบ้าน โดยมีราวกันตกช่วยพรางสายตาให้ดูเรียบร้อยได้อีกด้วยครับ
..สำหรับ Furniture Package ที่เราจะได้ตามในบ้านตัวอย่าง จะเป็นไปตาม Gallery ด้านล่างนี้เลยครับ
ชั้นวางของติดผนัง (ได้ทั้งชิ้นบนและชิ้นล่าง)
- Rhyme (แปลงมุม) ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.3 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 27 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 130 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ พร้อมชั้นลอยตรงโถงบันได
สำหรับบ้านอีกแบบหนึ่งจะเป็นหลังแปลงมุม ที่เราจะได้พื้นที่ข้างบ้านเพิ่มเข้ามาให้ปลูกต้นไม้/ทำสวนเพิ่มเติมได้ ส่วนฟังก์ชันภายในจะเหมือนกับบ้านตัวอย่างที่เราเพิ่มชมกันไปทุกอย่าง ยกเว้นแปลนชั้น 1 ที่จะมีการออกแบบช่องแสงด้านข้างเพื่อความสว่างโปร่งโล่งมากขึ้น รวมถึงยังมีการยื่นชานพักด้านนอกตัวบ้านออกไป ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
Reseo Home รามอินทรา – จตุโชติ ราคา ณ วันที่ 28 มีนาคม 2566
- Rhythm ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.3 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 20 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 124 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ พร้อมชั้นลอยตรงโถงบันได
– ราคาเริ่มต้น 3.09 ล้านบาท - Rhyme (แปลงมุม) ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.3 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 27 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 130 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ พร้อมชั้นลอยตรงโถงบันได
– ราคาเริ่มต้นประมาณ 4 ล้านบาท - **ราคาแพ็คเกจแบบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มเงินอีกประมาณ 150,000 – 200,000 บาท (โปรดสอบถามกับทางโครงการอีกครั้ง)
- ค่าจอง 5,000 บาท
- ค่าทำสัญญา 15,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 100,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.วา/เดือน
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนจตุโชติ ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนฉลองรัชและถนนกาญจนาภิเษกไม่ถึง 1 km. จึงเป็นโครงการที่เหมาะกับคนเน้นใช้ทางด่วนไปทำงานในเมืองเป็นประจำ จุดที่ชอบก็คือมีทางให้กลับรถใช้ชีวิตวน Loop หน้าโครงการได้ไม่ยาก แต่ทั้งนี้ก็อาจต้องแลกมากับความอุดมสมบูรณ์ที่อาจไม่ได้คึกคักเท่าโซนเพื่อนบ้านใกล้เคียงเท่าไหร่นัก รวมถึงบางคนก็อาจมีความกังวลเรื่องเสียงหรือฝุ่นควัน ซึ่งผมแนะนำให้ลองเข้าไปชมด้วยตัวเองก่อนว่าชอบหรือไม่ โดยเราก็อาจเลือกบ้านในโซนด้านในที่มีความเงียบสงบกว่าเป็นการทดแทนได้ครับ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : มีป้อม รปภ. อยู่ด้านหน้าคอยดูแล 24 ชม. เข้าออกด้วยระบบ Bluetooth ที่ไม้กั้นกระดกจะเปิดให้อัตโนมัติ มาพร้อมกับกล้อง CCTV และรั้วรอบโครงการสูง 3 m. ส่วนภายในบ้านเราอาจต้องติดตั้งเพิ่มเองนะครับ
การออกแบบโครงการ : มีเพื่อนบ้านเพียง 141 ยูนิต ถือว่าเป็นโครงการขนาดเล็กที่เป็นส่วนตัวสำหรับโปรดักส์ทาวน์โฮมแบบนี้ และยังทำให้บ้านส่วนใหญ่สามารถมาใช้งานส่วนกลางได้สะดวกอีกด้วยครับ โดยอาคาร Clubhouse และสวนจะถูกจัดไว้บริเวณด้านหน้าสุด ทำให้กลายเป็นส่วนต้อนรับที่สวยงาม เพราะสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวสดชื่นได้ตลอดเวลานั่นเอง
การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้นที่มีจุดเด่นคือ Living Area ภายในบ้านชั้น 1 ที่กว้างขวางเท่ากับตัวบ้าน 5.3 m. จึงทำให้เราสามารถใช้สอยพื้นที่ภายในได้อย่างเต็มที่มากขึ้น มีบรรยากาศที่กว้างขวางโปร่งโล่ง รวมถึงยังจอดรถได้ 2 คันสบายๆ อีกทั้งยังมีฟังก์ชันที่ยืดหยุ่น สามารถจัดสรรและออกแบบให้เหมาะกับ Lifestyle ของเราได้ตามต้องการ
เช่น เราอาจกั้นห้องนอนเพิ่มที่ชั้นล่างแทนห้องครัว หรือเอาผนังชั้นบนออกเพื่อเชื่อมต่อห้องนอนให้เป็น Master Bedroom ที่ 2 ไปเลยก็ได้ จึงเป็นบ้านที่เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก อาจมีข้อจำกัดเล็กๆน้อยๆในเรื่องจำนวนห้องน้ำที่มีเพียง 2 ห้องเท่านั้น และด้านบนก็ต้องแชร์การใช้ร่วมกันด้วย ส่วนเรื่องดีไซน์หน้าตา Facade สไตล์ญี่ปุ่นก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนนะครับ
วัสดุ : โครงสร้างเป็นก่ออิฐมวลเบา จึงสามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย เหมาะกับฟังก์ชันบ้านที่ถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ พื้นที่จอดรถและลานซักล้างเป็น Slab on Ground พร้อมเทคอนกรีต และติดตั้งหลังคากันสาดผ้าใบมาให้ด้วย ส่วนพื้นชั้นบนก็จะเป็น SPC ที่ทนความชื้นหรือรอยขีดข่วนได้ดี แต่ที่ชอบมากๆก็คือ Ventilation System หรือพัดลมดูดอากาศที่จะติดอยู่บนฝ้าเพดานชั้น 2 ของตัวบ้านทุกห้อง ซึ่งจะช่วยลดความร้อนและระบายอากาศภายในบ้านได้ดีเลยทีเดียวครับ
โดยพื้นฐานเราจะได้เป็นบ้านเปล่า ที่ต้องเผื่อเงินสำหรับตกแต่งและทำครัวใหม่เองด้วย แต่ทางโครงการนี้ก็มี Option เพิ่มเงินอีกประมาณ 150,000 – 200,000 บาท ก็จะได้ Furniture Package ครบตามบ้านตัวอย่าง พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ทันทีอย่างกับคอนโด เหมาะกับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย และไม่อยากเสียเวลาไปตกแต่งบ้านเอง ทั้งนี้ก็ลองพิจารณาดูก่อนได้ครับว่าสิ่งที่ได้มีความคุ้มค่า หรือมีดีไซน์ที่ตรงใจกับความต้องการของเราหรือไม่นะ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ทั้งบริเวณด้านหน้าโครงการ ด้านข้างถนนหลัก และสวนของพื้นที่ส่วนกลาง มีการปลูกต้นไม้มาให้พอสมควร โดยจะมีทั้งต้นไม้เล็กและต้นไม้ใหญ่สลับกันไป บรรยากาศภาพรวมค่อนข้างโอเคเป็นมาตรฐาน และภายในบ้านก็จะมีการปลูกต้นโมกมาให้อีก 3 ต้นด้วยครับ
สาธารณูปโภค : จัดฟังก์ชันหลักๆมาให้ใช้งานครบ ประกอบด้วย สวนสาธารณะ / Co-Working Space / Fitness / Swimming Pool และ Jogging Track โดยเฉพาะสระว่ายน้ำผมจะชอบไอเดียการทำสระเด็กเป็นทางลาดชายหาดนะครับ แต่ในสระผู้ใหญ่ส่วนตัวผมคิดว่าเล็กเกินไปสำหรับการว่ายออกกำลังกายจริงจัง แต่ถ้าแช่น้ำเล่นคล้ายร้อนหรือเป็นที่ซ้อมว่ายของเด็กๆก็ได้อยู่นะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 3.09 – 4 ล้านบาท, 28 มีนาคม 2566
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ใกล้ทางด่วน 2 สาย แต่รอบๆอาจไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์สักเท่าไหร่
- ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วกั้นไม้กระดกระบบ Bluetooth รปภ. 24 ชม. และกล้อง CCTV
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ฟังก์ชันยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามต้องการ Living Area กว้างเท่าตัวบ้าน
- วัสดุ 7.5/10 – โครงสร้างก่ออิฐมวลเบา มีตัวเลือกให้ระหว่างบ้านเปล่าและบ้านพร้อมเฟอร์นิเจอร์ โดยที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.75/10 – เน้นพื้นที่สีเขียวที่สวนด้านหน้าโครงการ บรรยากาศดูสดชื่นดี
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – ฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ เหมาะสมกับจำนวนยูนิต สระว่ายน้ำเล็กไปหน่อย
- 7.8 / 10.00
Reseo Home รามอินทรา – จตุโชติ เหมาะกับใคร
โครงการ Reseo Home รามอินทรา – จตุโชติ เหมาะกับคนที่มองหาทาวน์โฮมในย่านวัชรพล-สายไหม ที่เน้นการเดินทางไปทำงานด้วยทางด่วนฉลองรัช และถนนกาญจนาภิเษกเป็นประจำ ซึ่งจะอยู่ใกล้โครงการมากๆเพียงไม่ถึง 1 km.โดยตัวบ้านจะมีดีไซน์เป็นสไตล์ญี่ปุ่น มาพร้อมฟังก์ชันที่ยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ และมีตัวเลือกของบ้านพร้อมเฟอร์นิเจอร์ให้เลือก เป็นโครงการที่ยูนิตไม่เยอะ แต่ก็มีฟังก์ชันส่วนกลางหลักๆให้ใช้งานครบ มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 3.09 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 22,000 บาท
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc