รีวิวโครงการ
Nue Hybe Suksawat (นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์) ทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ ติดถนนใหญ่สุขสวัสดิ์ ใกล้ทางด่วนและรถไฟฟ้าสายสีม่วง จาก Noble [รีวิวฉบับที่ 2603]
18 กันยายน 2023
Nue Hybe Suksawat (นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์) เป็นโครงการใหม่จากทาง Noble ที่สร้างมาเพื่อชาวสุขสวัสดิ์-พระราม 2 โดยเฉพาะ ที่นี่ถือว่าเป็น Rare Item ทั้งเรื่องทำเลที่เป็นโครงการแนวราบติดถนนใหญ่ และ Mixed-Product ที่น่าสนใจ ทั้ง Shop House ที่เป็นอาคารพาณิชย์ , Urban Hybrid Home และ Urban Home (ทาวน์โฮม)
- ทำเลติดถนนใหญ่ : บนถนนสุขสวัสดิ์หาโครงการใหม่ที่ติดถนนใหญ่ยากมากค่ะ เท่าที่เคยเจอโครงการใหม่ที่ติดถนนใหญ่ก็จะเป็นประเภทคอนโดมิเนียมไปหมดแล้ว แต่โครงการนี้เป็นโครงการแนวราบที่ติดถนนใหญ่เลย
- การเดินทาง : ถือว่าสะดวกทั้งรถส่วนตัว ใกล้ทางด่วนเฉลิมมหานครและวงแหวนกาญจนาฯ และสะดวกสำหรับคนที่ใช้รถสาธารณะด้วย ซึ่งหน้าโครงการเองจะมีป้ายรถเมล์อยู่ และ กำลังจะมีรถไฟฟ้าผ่านหน้าโครงการในอนาคต เป็นสายสีม่วงสถานีราษฎร์บูรณะ
- Mixed-product ที่คำนึงถึง Privacy เวลาใช้งาน : ภายในโครงการจะมีทั้งส่วน Shop House ที่เป็นอาคารพาณิชย์ เปิดหน้าร้านค้าขายได้ มีส่วน Urban Hybrid Home และมีส่วนพักอาศัยอย่าง Urban Home ซึ่งแต่ละส่วนก็จะมี Gate อีกชั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งานแต่ละโซนค่ะ
- ดีไซน์ : หน้าตาอาคารจะเป็นสไตล์โมเดิร์นที่แทรกมุมสำหรับพื้นที่สีเขียวเอาไว้ทางด้านหน้า ส่วนฟังก์ชันก็ได้พื้นที่ใช้สอยเยอะ 3.5 – 4 ชั้น
โครงการนี้จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8-16 ล้านบาท เปิดขายพร้อมกันทั้ง 3 แบบ Shop House, Urban Hybrid Home (2 แบบนี้ราคาเริ่มเท่ากัน 12 ล้านบาท) และ Urban Home เริ่ม 8 ล้านบาท ใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในย่านสุขสวัสดิ์นี้ อยากได้บ้านที่อยู่ก็ได้สบาย ค้าขายก็ดี ลองมาอ่านรีวิวโครงการนี้กันดูค่ะ
ข้อมูลโครงการ
Nue Hybe Suksawat (นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์) @ 1 March 2023
ชื่อโครงการ | Nue Hybe Suksawat (นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนสุขสวัสดิ์ เขตราษฎร์บูรณะ |
ที่ดิน | 15 – 3 – 31.25 ไร่ |
จำนวนยูนิต | จำนวน 156 ยูนิต แบ่งเป็น – ทาวน์โฮม 123 ยูนิต – อาคารพาณิชย์ 33 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ราคาเริ่มต้น | 8 – 16 ล้านบาท |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | N/A |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2566 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | N/A |
เว็บไซต์โครงการ | www.noblehome.com/th/house/nue-hybe-suksawat |
โทร | 02 251 9955 |
LINE | @nuehybe |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.668089803045545, 100.51470513306802
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ Nue Hybe Suksawat (นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์) เป็นโครงการที่มีทางเข้า-ออก ติดถนนใหญ่อย่างถนนสุขสวัสดิ์ เป็นถนนเส้นสำคัญที่คนในโซนนี้ใช้งานเป็นประจำค่ะ ซึ่งตำแหน่งของโครงการจะอยู่ระหว่างทางพิเศษเฉลิมมหานคร และ ถนนวงแหวนกาญจนาฯ แปลว่าเราสามารถใช้ทางด่วนได้ง่าย วิ่งเข้า-ออก หรือ อ้อมเมืองได้สบาย
ตัวถนนสุขสวัสดิ์จะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนประชาอุทิศ ถนนราษฎร์บูรณะ ถนนพระราม 2 ได้สะดวก และก็เป็นเส้นที่ขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้วิ่งไปใช้สะพานต่างๆ เพื่อเข้าไปยังในเมืองชั้นในได้หลากหลายเส้นทางด้วยค่ะ นอกจากนี้การที่ตัวโครงการติดกับถนนใหญ่ก็จะช่วยประหยัดเวลาการเดินทางได้ เมื่อเทียบกับโครงการแนวราบอื่นๆ ที่อยู่ภายในซอยต่างๆ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ นับเป็นจุดเด่นที่สำคัญของโครงการ Nue Hybe Suksawat ก็ว่าได้ เนื่องจากโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่ มีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการ และมีสะพานลอยข้ามไปอีกฝั่งของถนนได้ด้วย นอกจากนี้ในอนาคตก็จะสามารถใช้งานรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ (ปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่) สถานีที่ใกล้กับโครงการจะเป็นสถานีราษฎร์บูรณะค่ะ
ในส่วนของความอุดมสมบูรณ์ ย่านนี้เป็นย่านชุมชนที่อยู่อาศัยที่มีคนอยู่ค่อนข้างหนาแน่น ดังนั้นจะมีตลาดหรือ Hyper market อยู่เพียบ ทั้ง Big-C, HomePro, Lotus’s, Makro รวมไปถึงวัด โรงเรียน โรงพยาบาล ที่รองรับผู้ที่อยู่ในโซนนี้อยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่อยากไปห้างใหญ่ เราได้ลองถามเพื่อนที่อยู่ในโซนนี้มา จะมี 2 จุดที่ไปกันบ่อย คือ ICOMSIAM และ Terminal 21 พระราม 3 ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ค่ะ
สรุปจุดเด่นเรื่องทำเล
บนถนนสุขสวัสดิ์นี้ในช่วงที่ผ่านมามีโครงการติดถนนใหญ่เกิดใหม่น้อยมาก เท่าที่เจอก็จะเป็นโครงการประเภทคอนโดมิเนียม ส่วนโครงการบ้านแนวราบต่างๆ ก็จะอยู่ลึกเข้าไปในซอย ไปทางประชาอุทิศ พระราม 2 หรือ โซนพุทธบูชามากกว่า ดังนั้นโครงการ Nue Hybe Suksawat เราจึงมองว่าเป็น RARE ITEM บนทำเลนี้ค่ะ แต่แน่นอนว่าราคาของโครงการนี้ก็ถือว่าสูงเช่นกัน ตัวทาวน์โฮมจะเริ่มที่ประมาณ 8 ล้าน แต่ถ้าเป็น Urban Hybrid Home และ Shop House จะเริ่มที่ 12 ล้าน ถือเป็นราคาที่แลกกับทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า และกับความสะดวกสบายในระยะยาวนั่นเองค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
ป้ายรถเมล์ตั้งอยู่หน้าโครงการ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- ไทวัสดุ สุขสวัสดิ์ ~ 750 m.
- ตลาดไทยสมบูรณ์สแควร์ ~ 1.8 km.
- Big C สุขสวัสดิ์ ~ 1.8 km.
- ตลาดสุขสวัสดิ์ 39 ~ 2.4 km.
- Homepro สุขสวัสดิ์ ~ 2.9 km.
- โลตัส บางปะกอก ~ 4.3 km.
- แมคโคร สุขสวัสดิ์ ~ 4.6 km.
- ตลาดใหม่ทุ่งครุ-ประชาอุทิศ 61 ~ 5.9 km.
- ตลาดอินดี้ ~ 6.2 km.
- เซ็นทรัล พระราม 3 ~ 7.4 km.
- ตลาดบางน้ำผึ้ง ~ 8.5 km.
- Asiatique The Riverfront ~ 9.9 km.
- Icon Siam ~ 11.5 km.
- เซ็นทรัล พระราม 2 ~ 11.7 km.
- Terminal 21 พระราม 3 ~ 11.9 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์ ~ 3.4 km.
- โรงพยาบาลบางปะกอก 1 ~ 4 km.
- โรงพยาบาลบางปะกอก สมุทรปราการ ~ 4.1 km.
- โรงพยาบาลบางปะกอก 3 ~ 5.2 km.
- โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ~ 7 km.
- โรงพยาบาลบางมด ~ 8.8 km.
- โรงพยาบาลนครธน ~ 12.1 km.
- โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ~ 13.4 km.
สถานศึกษา
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ~ 5.1 km.
- อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ~ 5.8 km.
- โรงเรียนสารสาสน์สุขสวัสดิ์ ~ 6.2 km.
- โรงเรียนบูรณะศึกษา ~ 7.4 km.
- โรงเรียนสารสาสน์วิเทศศึกษา ~ 10.1 km.
การเดินทาง
- รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ สถานีราษฎร์บูรณะ
- ทางพิเศษเฉลิมมหานคร
- ทางพิเศษศรีรัช
- ทางหลวงพิเศษกาญจนาภิเษก
รายละเอียดโครงการ
Nue Hybe Suksawat (นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์) เป็นโครงการแนวราบประเภท Mixed-Product ที่มีทั้งอาคารพาณิชย์ (เรียก Shop House) ทาวน์โฮมที่มีฟังก์ชันปรับเป็นโฮมออฟฟิศได้ (เรียก Urban Hybrid Home) และ ทาวน์โฮมเพื่ออยู่อาศัยโดยเฉพาะ (เรียกว่า Urban Home) รวมอยู่ในโครงการเดียวกัน รวมทั้งหมดจะมี 156 หลัง ตั้งบนที่ดินขนาดเกือบ 16 ไร่
คำถามแรกที่เกิดขึ้นเมื่อเราเห็นข้อมูลโครงการคือเรื่องความเป็นส่วนตัวหรือว่า Privacy เนื่องจากภายในนี้จะมีทั้งส่วนที่เป็นอาคารพาณิชย์ที่ต้องรองรับลูกค้าที่เข้า-ออก พื้นที่ส่วนนี้ควรจะต้องให้ความรู้สึกกึ่งสาธารณะที่เชื้อเชิญให้คนเข้ามาเยี่ยมชม ผิดกับส่วนที่พักอาศัยที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ดังนั้นในการวาง Master Plan ของที่นี่จะออกแบบซุ้มประตูทางเข้าอยู่ทั้ง 3 จุด ไล่ลำดับเข้าไปตามความเป็นส่วนตัวที่ต้องการ
- ซุ้มประตูแรก ติดถนนใหญ่ จุดนี้ทั้งลูกบ้าน คนทำงาน และผู้มาติดต่อ (Visitor) จะต้องผ่าน ซึ่งอาคารที่อยู่ในโซนนี้จะเป็น Shop House ทั้งหมด รวม 33 ยูนิต ซึ่งตัว Shop House จะไม่มีที่จอดรถประจำ แต่สามารถจอดตรงกลางระหว่างถนนได้ (ทางโครงการจะตีเส้นจอดให้ในอนาคต) และจะมีลานจอดรถเล็กๆ อยู่ทางด้านหน้าติดกับถนนใหญ่
- ซุ้มประตูที่ 2 จะพาเข้ามาสู่โซนที่เป็นทาวน์โฮมแบบไฮบริดที่ปรับเป็นโฮมออฟฟิศได้ และ พื้นที่ส่วนกลางอย่าง Clubhouse ตัวทาวน์โฮมใช้เป็นโฮมออฟฟิศที่พนักงานประจำมีไม่กี่คน ทำให้คนที่จะเข้ามาในโซนนี้จะต้องเป็นคนที่อยู่ในโครงการหรือเป็นลูกจ้างประจำเท่านั้น
ส่วนตัว Clubhouse นี้ เจ้าของอาคารทั้ง 3 โซนสามารถเข้ามาใช้งานร่วมกันได้หมดค่ะ ตำแหน่งที่อยู่ตรงกลางทำให้ลูกบ้านทั้ง 3 โซนมาใช้งานได้ง่าย และยังมีความเป็นส่วนตัว ตัดปัญหา Visitor ที่มาโครงการเพียงชั่วคราวออกไปได้เลย เพราะ Visitor ที่มายังโซนพาณิชย์ด้านหน้าจะเข้ามาตรงนี้ไม่ได้ค่ะ - ซุ้มประตูสุดท้าย จะพาเรามายังส่วน Urban Home หรือว่าทาวน์โฮมนั่นเอง ซึ่งคนที่ซื้อบ้านตรงนี้ต้องการความเป็นส่วนตัว ตำแหน่งที่อยู่ห่างจากถนนใหญ่ก็จะช่วยลดเสียงรบกวนหรือฝุ่นควันบนถนนลงไปได้ และยังกลายเป็นบ้านที่ได้ Triple Security อีกด้วย โดยส่วนที่เป็นทาวน์โฮมเพื่อพักอาศัยตรงนี้จะมีเพียง 67 ยูนิต ถือว่าค่อนข้างเป็นส่วนตัวเลยค่ะ (ตัวโปรดักส์ทาวน์โฮมเฟสนี้ ณ วันที่เราไปรีวิวยังไม่เปิดขายนะคะ รอติดตามกันอีกทีค่ะ)
*สำหรับใครที่อยากเห็น Master Plan และ ผังบ้าน สามารถติดต่อกับทางโครงการได้โดยตรงนะคะ
ตัวโครงการออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นที่เน้นเส้นตั้งสีขาว ดังนั้นตั้งแต่รั้วรอบโครงการ ซุ้มประตูทางเข้าเราจะเห็นการออกแบบที่เน้นสีขาวเป็นเส้นในแนวตั้งค่ะ
ซุ้มประตูทางเข้าแยกฝั่งเข้าและฝั่งออก มีรปภ.ดูแลตลอด 24 ชั่วโมงอยู่ตรงกลาง
ด้านหน้าจะมีการออกแบบ landscape และ ป้ายชื่อโครงการอยู่
เข้ามาโซนแรกจะเป็นโซนอาคารพาณิชย์ รวมแล้ว 33 ยูนิต ถนนตรงนี้จะมีขนาดใหญ่ รถส่วนใหญ่ที่มาติดต่อโซนนี้จะจอดอยู่ตรงกลางค่ะ วันที่เราไปถ่ายรีวิวยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี แต่เมื่อเสร็จสิ้นจะมีเส้นกำหนดโซนที่จอดรถเอาไว้ให้ด้วยนะคะ
ติดกับรั้วโครงการจะมีลานจอดรถเล็กๆ สำรองเอาไว้ให้กับคนที่ใช้งานโซนอาคารพาณิชย์ โดยพื้นบริเวณด้านหน้าจะเป็นคอนกรีตแสตมป์ค่ะ
บรรยากาศที่จอดรถและรั้วโครงการ ซึ่งมีการออกแบบ Landscape อย่างไม้ประดับตามรั้วและต้นไม้ใหญ่มาสร้างให้ภายในโครงการดูร่มรื่นขึ้นค่ะ
บรรยากาศถนนหน้าโซน Urban Shop house หรือโซนที่เป็นอาคารพาณิชย์ค่ะ ถนนหลักจะกว้าง 14.4 เมตร
ภาพจำลองบรรยากาศอาคาร Clubhouse ค่ะ โดยที่ตั้งของ Clubhouse จะอยู่หลังจาก Gate ที่ 2 เข้าไปนะ
ชั้น 1 – จะมีสระว่ายน้ำแยกสระปกติออกจากสระว่ายน้ำเด็ก
ชั้น 2 – มี Open-air Terrace เป็นพื้นที่พักผ่อนใต้ต้นไม้ และ Fitness Center ห้องออกกำลังกายที่จัดอุปกรณ์ทั้งแบบ Cardio และ Weight Training เอาไว้ให้
ชั้น 3 – เป็นพื้นที่ทำงาน แบ่งเป็น Business Lounge และ Meeting Room ห้องประชุมแบบปิดพร้อมจอ
บรรยากาศของ Business Lounge ที่อยู่ภายใน Clubhouse เป็นฟังก์ชันที่เหมาะกับคนที่ปรับใช้ที่อยู่อาศัยโฮมออฟฟิศเลยค่ะ เพราะเราสามารถนัดลูกค้าพูดคุย หรือเรียกคนในทีมมาเปลี่ยนบรรยากาศการประชุมที่นี่แทนได้นะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- public parking zone
- Urban Garden
- Open-air Terrace
- Playground
- Clubhouse
- Business Lounge
- Meeting room
- Fitness Center
- Swimming pool
- Kids pool
** พื้นที่ส่วนกลางหลักจะอยู่หลังจาก Gate 2 โดยเจ้าของอาคารสามารถเข้ามาใช้งานได้โดย Keycard
ระบบรักษาความปลอดภัย
- พนักงานรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- กล้อง CCTV 41 จุด
- Triple Gates เข้า-ออกผ่านไม้กั้นกระดก และ ประตูเหล็กบานเปิด
- ระบบในการเข้า-ออก Bluetooth ระยะไกล / Keycard Access
- รั้วทึบสูง 2.5 เมตร
แบบบ้าน
Nue Hybe Suksawat (นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์) เป็นโครงการ Mixed-product มีทั้งอาคารพาณิชย์ และ ทาวน์โฮมอยู่รวมกัน รายละเอียดดังนี้
- US 8 (Urban Shop House 8)
อาคารพาณิชย์ หน้ากว้าง 8 เมตร สูง 4 ชั้น
– ที่ดิน 20.40 – 32.87 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 225.9 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ชั้น / 4 ห้องน้ำ (powder room 1 ห้องที่ชั้น 1)
– ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท - US 5 (Urban Shop House 5)
อาคารพาณิชย์ หน้ากว้าง 5 เมตร สูง 4 ชั้น
– ที่ดิน 20.04 – 23.58 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 249.6 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ชั้น / 4 ห้องน้ำ (powder room 1 ห้องที่ชั้น 1)
– ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท - UO (Urban Hybrid Home)
โฮมออฟฟิศหน้ากว้าง 7.5 เมตร สูง 4 ชั้น
– ที่ดิน 22.21 – 37.65 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 256.9 – 268.2 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ชั้น / 4 ห้องน้ำ (powder room 1 ห้องที่ชั้น 1) / ที่จอดรถ 4 คัน
– ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท - UT (Urban Home)
ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5.45 เมตร สูง 3.5 ชั้น
– ที่ดิน 17.71 – 31.19 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 174 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 8 ล้านบาท
ปัจจุบันโครงการกำลังก่อสร้างในส่วนที่เป็น Urban Shop House หรือ อาคารพาณิชย์ และ ส่วน Urban Hybrid Home อยู่ค่ะ ยังไม่ได้ขายส่วนที่เป็นทาวน์โฮมนะ ดังนั้นในรีวิวนี้เราจะพาไปดู Urban Shop House 8 อาคารพาณิชย์หน้ากว้าง 8 เมตร และ Urban Hybrid Home กันแบบละเอียดก่อน ส่วนทาวน์โฮม ไว้ถ้ามีโอกาสจะนำมาอัปเดทให้ดูกันอีกครั้งค่ะ
*สำหรับใครที่อยากเห็นผังบ้านแต่ละแบบ สามารถติดต่อกับทางโครงการได้โดยตรงนะคะ
ในบ้านเปิดขาย ทั้งตัว Shop House และ ทาวน์โฮมที่ปรับฟังก์ชันเป็นโฮมออฟฟิศได้ จะมีราคาเริ่มต้นที่ 12 ล้านบาทเท่ากันค่ะ แต่จะมีข้อดีข้อด้อยแตกต่างขึ้นอยู่กับความต้องการของคนซื้อนะ
- Urban Shop House ภายในจะเป็นผังโล่งแบบ Open plan ด้านหน้าเป็นกระจกใจ เหมาะสำหรับจัดเป็น Window display สินค้า ตัวพื้นที่ให้มาจะไม่มีส่วนที่มี Texture เป็นไม้ SPC เหมือนกับแบบที่เป็น Urban Hybrid Home
- Urban Shop House 8 จะมีหน้ากว้างมากกว่า แต่จะได้พื้นที่ใช้สอยน้อยกว่า Urban Shop House 5
- Urban Shop House 8 เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการหน้าร้านกว้าง จัดโชว์สินค้าได้
- Urban Shop House 5 ที่ดินจะเป็นแนวลึก เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการ Stock สินค้า ไม่อยากให้รับแดดหรือความร้อนมาก หรือ ธุรกิจที่ต้องการความเป็นส่วนตัวค่ะ
- Urban Hybrid Home ทาวน์โฮมที่ปรับเป็นโฮมออฟฟิศหน้ากว้างมากถึง 7.5 เมตร และ สามารถจอดรถได้ 4 คันในร่ม ถือว่าค่อนข้างเยอะเลยค่ะ
โครงสร้างและวัสดุภายในโครงการ
- โครงสร้าง Precast
- Motorized Shutter Door (ประตูชั้น 1 ของ Urban Shop House และ Urban Hybrid Home)
- Digital Door Lock (เฉพาะ Urban Hybrid Home และ Urban Home)
- พื้น Urban Shop House = กระเบื้องแกรนิตโต้ทั้งหลัง
- พื้น Urban Hybrid Home = พื้นไม้สำเร็จรูป SPC และกระเบื้องแกรนิตโต้
- พื้นหลังบ้าน = ปูกระเบื้องเซรามิค
- พื้นหลังบ้านลงเสาเข็มเท่าตัวบ้าน
- ผนังและฝ้าเพดาน = ฉาบเรียบทาสี
- ไฟส่องสว่าง = ดาวน์ไลท์
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
Urban Shop House 8
อาคารพาณิชย์หน้ากว้าง 8 เมตร Urban Shop House 8 ถือเป็นแบบ Shop House ที่มีจำนวนมาก และออกแบบมาค่อนข้างโดดเด่นค่ะ
การจัดผังจะค่อนข้างเรียบง่าย ทุกชั้นจะเป็นพื้นที่โล่งไว้ใช้งาน ที่ชั้น 2-4 จะจัดฟังก์ชัน service อย่างห้องน้ำ ระเบียง บันได ไว้ทางฝั่งหลังบ้าน และมีการออกแบบที่สามารถต่อเติมผนังและประตูกั้นให้เป็นห้องมิดชิดได้ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวหรือเผื่อปล่อยเช่าต่อในอนาคต
จุดน่าสนใจของ Urban Shop House 8
- Shop House หน้ากว้าง จัด Window Display ได้ทุกชั้น
- พื้นที่สีเขียวที่แทรกเอาไว้ ทั้งระเบียงที่ปลูกต้นไม้ได้ และ กระบะปลูกต้นไม้ที่อยู่ในทุกชั้น
- สามารถแบ่งเช่าพื้นที่แต่ละชั้นได้ เช่น ปล่อยเช่าชั้น 4 เป็น Studio, ชั้น 3 เป็น ห้องเสื้อ ส่วนชั้น 1-2 เป็นหน้าร้านของเรา เป็นต้น
หน้าบ้านของ Urban Shop House 8 อาคารพาณิชย์ที่มีจุดเด่นเรื่องหน้ากว้างของห้อง และ Pocket garden ตามชั้นต่างๆ ของอาคาร
มุมมองจากภายใน Urban Shop House 8 ไปยังฝั่งตรงข้าม ดู modern สวยงามดีนะคะ
ทุกชั้นจะออกแบบให้ฝั่งด้านหน้าเป็นกระจกบานใหญ่ เป็นพื้นที่สำหรับ Window Display สินค้าที่เราขายได้ และมีแนวผนังที่ออกแบบให้เป็นชื่อร้านติดไว้แต่ละชั้นได้เช่นกันค่ะ
สำหรับโซนที่เป็น Urban Shop House จะไม่มีที่จอดรถภายในแปลงที่ดินนะ โดยโครงการจะตีเส้นแบ่งที่จอดรถเอาไว้ให้ตรงกลางค่ะ
ตัวอาคารจะมีทางเข้าอยู่ 2 แบบคือ ประตูกระจกที่เห็นขวามือ และ ประตูเลื่อนอัตโนมัติ สีน้ำตาล (Motorized Shutter Door) โดยด้านหน้าก็จะมีทางเท้าให้เดินเป็นสัดส่วน และ มีแนวกันสาดช่วยบังแดดให้กับหน้าร้านได้เล็กน้อย
แผงควบคุม Motorized Shutter Door จะอยู่ทางด้านใน หน้าตาแบบนี้ค่ะ
เลื่อนประตูเปิดก็จะได้หน้าร้านที่เปิดสุดแบบนี้เลย แต่จะไม่ได้ชุดประตูกระจกอีกชั้นนะคะ ใครที่อยากได้ ก็สามารถออกแบบติดตั้งได้เอง ตาม Concept ร้านเราเลย
ส่วนประตูด้านข้างจะเป็นระบบล็อกแบบปกติ พร้อมมือจับก้านโยก ในกรณีที่เราแบ่งพื้นที่ชั้นอื่นให้เช่า คนที่อยู่ชั้นบนก็สามารถเปิดประตูตรงนี้ขึ้นไปได้เลย ไม่ต้องผ่านฟังก์ชันใช้งานหลักของแต่ละชั้นค่ะ
หน้าอาคารมีทางเท้ากว้าง และพอเปิดประตูสุดพื้นที่ indoor ก็ดูเชื่อมต่อกับพื้นที่ outdoor ได้เป็นอย่างดีเลย
พื้นที่ชั้น 1
พื้นที่ชั้นล่างจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ทั้งทางด้านหน้าและฝั่งด้านหลัง สามารถเปิดให้อากาศถ่ายเทได้เต็มที่ ตัวพื้นของ Shop House จะใช้วัสดุเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนผนังและฝ้าเพดานจะฉาบเรียบทาสีขาวให้มาเป็นมาตรฐาน สามารถไปปรับแต่งเพิ่มเติมเอาทีหลังได้ค่ะ
สำหรับบ้านแบบนี้จะเป็นบ้านหน้ากว้างแต่ไม่ลึก อย่างชั้น 1 จะลึกประมาณ 4.95 เมตร ทำให้แสงสว่างส่องเข้ามาใจกลางบ้านได้ทั่วถึงค่ะ
บรรยากาศชั้น 1
สำหรับบันไดและห้องน้ำจะอยู่ฝั่งเดียวกันค่ะ โดยจะมีพื้นที่ใต้บันไดเป็นพื้นที่เก็บของเล็กๆ ด้วย
สำหรับห้องน้ำที่ชั้นนี้จะเป็นแบบ Powder Room คือจะไม่มีพื้นที่อาบน้ำ ส่วนตำแหน่งห้องน้ำจะอยู่ชิดกับผนังหลังบ้าน ทำให้มีหน้าต่างเป็นช่องแสงและระบายอากาศได้ค่ะ
หลังบ้านจะมีพื้นที่ใช้งานค่ะ โดยโครงการจัดชุดประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่มาให้ ยาว 4.4 เมตรเลย ทำให้ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านเชื่อมต่อพื้นที่ภายนอกได้เต็มที่ ดูสว่าง โปร่ง ดีเลย
หลังบ้านทางโครงการจะปูกระเบื้องเอาไว้ให้แบบนี้ค่ะ โดยความลึกของพื้นที่หลังบ้านก็จะอยู่ที่ 3-3.7 เมตร ถือว่าลึกพอสมควรเลย จัดเป็นฟังก์ชันเพิ่มเติมได้ด้วย โครงสร้างพื้นหลังบ้านจะลงเสาเข็มไว้ให้ เป็นเข็มที่มีขนาดเท่าตัวบ้าน 22 เมตร
ถ้าสังเกตบริเวณผนังด้านข้างจะเห็นว่าความสูงจะมีการปาดเฉียงอยู่ ทำให้ใครที่อยากต่อเติมหลังคาก็ทำได้ง่ายนะ ส่วนบ้านตัวอย่างนี้หลังบ้านจะลึก 3 เมตรนะคะ
ที่มุมนี้จะมีการเดินงานระบบเอาไว้ เผื่อทำเป็นครัวเล็กๆ หรือมุมพักผ่อนของพนักงานค่ะ
จากหลังบ้านมองออกไปทางฝั่งหน้าบ้าน เป็นบ้านหน้ากว้าง ทำเป็น Shop หรือ คาเฟ่ก็ได้เลยนะคะ
ตัวบันไดจะอยู่ติดกับประตูทางเข้าเลย สามารถเดินขึ้นได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านหน้าร้าน
พื้นที่ชั้น 2
ที่ชั้น 2-4 การออกแบบ Layout จะเหมือนกันค่ะ คือเอาฟังก์ชันใช้งานไว้ฝั่งหน้าบ้าน และ ฟังก์ชัน service อย่างห้องน้ำ ระเบียงและบันไดไว้ทางฝั่งด้านหลัง เป็นการเปิดหน้าบ้านให้เป็นพื้นที่ค้าขายได้อย่างเต็มที่ด้วย
ส่วน Service ต่างๆ จะถูกจัดไว้ทางฝั่งหลังบ้าน
ตัวระเบียงจะมีทางหนีไฟอยู่ด้วยนะคะ
ห้องน้ำที่ชั้น 2-4 จะเป็นห้องน้ำที่มีพื้นที่อาบน้ำไว้ให้ด้วย เผื่อใครปรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยไปในตัว โดยห้องน้ำถือว่ามีขนาดกว้าง ส่วนเปียกอย่างโซนอาบน้ำก็มีการลดระดับพื้นลงไปให้ด้วย และถ้าใครใช้เป็นห้องอาบน้ำจริงจังก็ค่อยหาฉากกั้นมาติดตั้งเพิ่มทีหลังได้นะคะ
อ่างล้างหน้าและกระจกเงาอยู่ตรงกับประตูทางเข้าพอดี เป็นจุดที่ใช้งานบ่อยสุดด้วยค่ะ
ส่วนฟังก์ชันใช้งานหลักทางฝั่งด้านหน้าจะถูกออกแบบให้เป็นกระจกขนาดใหญ่ค่ะ ถือว่าแปลกตาจากอาคารพาณิชย์ทั่วไปเลยค่ะ พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 3.7 x 7.8 เมตร โดยมาตรฐานแล้วจะเป็นพื้นที่โล่งแบบ open plan แต่เราก็สามารถกั้นเป็นห้องปิดได้ เพื่อให้ได้ Privacy เพิ่มขึ้นค่ะ
บรรยากาศชั้น 2
ที่มุมห้องจะมีพื้นที่ระเบียงอยู่ค่ะ
บันไดขึ้นชั้น 3
พื้นที่ชั้น 3
ชั้น 3 มีการจัดฟังก์ชันต่างๆ เหมือนกับชั้น 2 ค่ะ แต่จะมีตำแหน่งระเบียงที่อยู่สลับฝั่งกันค่ะ
ฟังก์ชัน Service อยู่ทางด้านหลัง
ห้องน้ำฟังก์ชันครบ พร้อมมุมอาบน้ำ
พื้นที่ชั้น 3 ยังออกแบบให้ผนังทางฝั่งด้านหน้าเปิดกว้างด้วยหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ค่ะ ตัวหน้าต่างนี้เป็นบานเลื่อนที่เราสามารถเปิดได้สุดเลยนะคะ
บรรยากาศชั้น 3
บันไดขึ้นชั้น 4
พื้นที่ชั้น 4
ขึ้นมาชั้นนี้จะมีความแตกต่างจาก 2 ชั้นก่อนอยู่เล็กน้อย ตรงขนาดของระเบียงที่ใหญ่ขึ้นค่ะ ทำให้พื้นที่หน้าต่างที่จะทำเป็น Window Display มีขนาดลดลง แต่อีกมุมหนึ่งเรามองว่าชั้นนี้สามารถปรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้เช่นกันนะคะ เนื่องจากมีส่วนที่ไม่เปิดโล่งมาก จัดเป็นที่นอนก็ยังพอได้ความเป็นส่วนตัวนั่นเองค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 4 ฝั่งด้านหลังเป็นตำแหน่งของระเบียงและห้องน้ำค่ะ
บรรยากาศของพื้นที่ชั้น 4 ฝั่งขวามือจะเป็นประตูออกไปทางระเบียงขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า ในกรณีที่ปรับใช้ห้องนี้เป็นห้องนอนหรือ Penthouse เราก็สามารถกั้นเป็น 2 ห้องได้ หรือจะทำเป็น Master bedroom เปิดโล่ง แบ่งฝั่งขวาวางเตียงนอน ส่วนฝั่งซ้ายมือเป็นชุดโซฟาพักผ่อน ดูทีวี และมุมทำงานก็จัดได้ตามสบายเลยค่ะ
บรรยากาศที่ชั้น 4
ที่ชั้นนี้จะมีขนาด 3.65 x 7.8 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร วัสดุพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาวค่ะ
ระเบียงที่ชั้นนี้จะมีขนาดกว้างขึ้น จัดมุมนั่งเล่นแบบ Semi-outdoor เพิ่มเติม หรืออยากปลูกไม้กระถางอะไรก็ใช้พื้นที่ตรงนี้ได้เต็มที่เลย
บางจุดเมื่อมองออกไปทางโครงการก็จะมีต้นไม้จัดไว้ให้บ้างอยู่แล้วค่ะ และถ้าเราหาต้นไม้มาปลูกเพิ่มที่กระบะหน้าห้อง เรามองว่าเป็น Shop House ที่ดูสดชื่นมากขึ้นอีกด้วยนะ
Shop House 5
Urban Shop House 5 เป็นอาคารพาณิชย์อีกแบบ แบบนี้จะมีรูปแบบที่หน้ากว้างแคบ แต่ตัวบ้านตอนลึก ทำให้พื้นที่ใช้สอยจะเยอะกว่าแบบ Urban Shop House 8 ค่ะ
Urban Shop House 5 เป็นอาคารพาณิชย์ หน้ากว้าง 5 เมตร สูง 4 ชั้น ที่ดิน 20.0 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 249 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ชั้น / 4 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท
Urban Hybrid Home
บ้านอีกแบบที่เราจะพาไปรีวิวกันเป็น Town Home ที่ปรับใช้เป็น Home Office ได้ มีชื่อว่า Urban Hybrid Home ค่ะ จุดที่เราว่าน่าสนใจคือเป็นแบบที่ได้ที่จอดรถมากถึง 4 คัน และยังเป็นที่จอดรถในร่ม นั่นก็แปลว่าคนที่อยากได้บ้านที่มีที่จอดรถเยอะๆ น่าจะลองมาดูบ้านแบบนี้กันนะ
ทุกชั้นจะออกแบบไว้เป็นแบบ open plan ซึ่งทำให้เราสามารถแบ่งกั้นห้องแต่ละชั้นตามแต่ฟังก์ชันที่เราต้องการได้นะ
Urban Hybrid Home ทาวน์โฮมสูง 4 ชั้นที่มีหน้ากว้างถึง 7.5 เมตร บ้านแบบนี้จะอยู่บนที่ดินขนาด 22.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 256 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ชั้น / 4 ห้องน้ำ / ที่จอดรถ 4 คัน ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท
ที่ชั้น 1 จะมีประตูทางเข้าอยู่ 2 ช่อง ทางซ้ายเป็นประตูสำหรับทางเดินคนบานสีขาว ส่วนฝั่งขวาเป็น Motorized Shutter Door หรือบานม้วนเก็บทางฝั่งด้านบนค่ะ
พื้นที่จอดรถเป็นคอนกรีต สามารถจอดได้ทั้งหมด 4 คัน(แบบซ้อนตอนลึกเข้าไป) ขนาดที่จอดรถ 5.6 x 7.6 เมตร
ด้านหลังบ้านมีพื้นที่ลึกไปอีกประมาณ 3.7 เมตร ทำเป็นมุมพักผ่อนแบบ outdoor จัดเป็นสวนได้นะคะ ขับรถกลับมาบ้าน เจอพื้นที่สีเขียวจะได้ดูชื่นใจ
ที่ชั้นนี้จะมีห้องน้ำอยู่เป็นแบบ Powder room ห้องเล็กๆ ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ
ส่วนประตูเข้าบ้านก็จะมีจากที่จอดรถเช่นกันเป็นบานเลื่อนนะคะ
เข้ามาภายในตัวบ้าน ที่ชั้นนี้จะมีลักษณะเป็น foyer ต้อนรับ ซึ่งจัดเป็นชั้นวางรองเท้าแบบในบ้านตัวอย่างได้ ขนาดตรงนี้อยู่ที่ 1.5 x 3.15 เมตร
ตัวบันไดถือว่ามีขนาดกว้างเลยค่ะ เคลียร์ในประมาณ 1.4 เมตร ถือเป็นระยะที่เดินสวนกันได้สบาย
จุดที่น่าสนใจคือการออกแบบตัวบันไดให้ดูเชื่อมต่อ เช่น มีหน้าต่างทางฝั่งหลังบ้านเป็นช่องแสงให้กับพื้นที่บันได เดินขี้นลงบ้านก็ไม่ต้องเปิดไฟ และยังมีมุมที่เห็นพื้นที่ชั้น 2 ได้อีกค่ะ(รูปขวามือ)
ชั้น 2
ส่วนชั้น 2 จะจัดฟังก์ชัน Service อย่างระเบียงและบันไดไว้ทางฝั่งด้านหลังบ้าน (ซ้ายมือ)
ส่วนฝั่งหน้าบ้านจะเป็นพื้นที่โล่งแบบ open plan เอาไว้จัดเป็นพื้นที่ทำงานหรือ Home office ได้แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคนค่ะ
มุมนี้จะเป็นห้องน้ำ ซึ่งหน้าห้องน้ำก็มีพื้นที่เล็กๆ Built-in เป็นชั้นวางของแบบในบ้านตัวอย่างก็เป็นไอเดียที่ดีค่ะ เวลาเราทำออฟฟิศส่วนตัวก็ย่อมอยากได้มุมสำหรับเก็บของ เก็บเอกสาร มุมนี้คือพอดีเลย
ส่วนห้องน้ำก็จะเป็นห้องที่มีทั้งส่วนแห้งและส่วนเปียก(พื้นที่อาบน้ำ) มาให้ แต่จะไม่ได้ฉากกั้นอาบน้ำนะคะ
เข้ามาในห้องน้ำจะเจออ่างล้างหน้ากับกระจกเงา
ส่วนพื้นที่ทำงานมีหน้ากว้างเต็มความกว้างของหน้าบ้านเลยค่ะ คือ 7.5 เมตร (เคลียร์อยู่ที่ประมาณ 7.3 เมตร) และมีความลึกอยู่ที่ 2.7 – 4.5 เมตร สามารถกั้นเป็นห้องย่อยๆ ได้ เป็นออฟฟิศขนาดเล็กกำลังดีค่ะ
พื้นที่ทำงานชั้น 2
ที่ชั้น 2 นี้จะมีระเบียงทางฝั่งหน้าบ้านด้วย ซึ่งตรงนี้เราจะได้ประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ภายในห้องทำงานด้วยโล่งขึ้นค่ะ
บันไดขึ้นชั้น 3
ชั้น 3
ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเป็นโซนพักอาศัยค่ะ ที่ชั้นนี้ก็จะให้แบบ Open plan หรือห้องโล่งมาเป็นมาตรฐาน เพื่อที่แต่ละครอบครัวสามารถปรับใช้ได้สะดวก เช่น ถ้าอยู่ 1-2 คน ตรงนี้ก็จัดเป็นพื้นที่นั่งเล่น + กินข้าวขนาดใหญ่ได้ แต่ถ้าอยู่เป็นครอบครัวขนาดเล็ก ก็สามารถกั้นห้องนอนเพิ่มอีกห้องได้ค่ะ
ในบ้านตัวอย่างขึ้นมาเราจะเจอมุมหน้าห้องน้ำ จัดเป็นมุมทำงานเพิ่มเติมได้ เผื่อใครมีลูกแล้วต้องการสร้างพื้นที่ทำงาน/อ่านหนังสือ
มาดูที่ห้องน้ำที่ชั้นนี้กันก่อน ตัวห้องน้ำจะเหมือนกันกับชั้น 2 ทุกอย่างเลย ทั้ง Layout วัสดุ สุขภัณฑ์ มีโซนอาบน้ำให้มาด้วยค่ะ
อ่างล้างหน้าพร้อมพื้นที่เก็บของใต้อ่าง
ที่บ้านตัวอย่างจะมีการกั้นห้องเพิ่มเติม โดยทางซ้ายมือจะเป็นห้องนอน ส่วนขวามือจะเป็นห้องนั่งเล่น+กินข้าวค่ะ
ห้องนอนที่กั้นให้ดูเป็นตัวอย่างนี้มีขนาดประมาณ 3.15×3.2 เมตร ถือว่าเป็นขนาดที่กำลังดี วางเตียง Queen size ได้เลย และเป็นห้องที่มีระเบียงด้วยค่ะ
บรรยากาศภายในห้องนอนรองชั้น 3
สำหรับ Common area ในบ้านตัวอย่างจะจัดเหมือนกับคอนโดค่ะ คือรวมเอาพื้นที่กินข้าว นั่งพักผ่อน และ ครัวไว้ด้วยกันเลย มีขนาดประมาณ 4.4 x 3.85 เมตร
พื้นที่ขนาดค่อนข้างใหญ่ จัดแล้วไม่ได้ดูอึดอัดค่ะ
บันไดขึ้นชั้น 4
ชั้น 4
ขั้นมาที่ชั้น 4 เราก็จะได้เป็น open plan อีกเช่นกัน ซึ่งบ้านตัวอย่างจะกั้นไว้ให้ดูเป็น Master Bedroom ยกชั้น บรรยากาศเหมือนกับ Penthouse เลยค่ะ โดยที่ชั้นนี้จะมีการจัดแปลนที่แตกต่างคือ จะมีห้องน้ำขนาดใหญ่ พร้อมกับอ่างอาบน้ำ และอยู่ทางฝั่งหน้าบ้านนะ
ในห้องนอนใหญ่นี้สามารถออกแบบมุมนั่งเล่นพักผ่อนส่วนตัวเพิ่มได้ที่ปลายเตียง
โซฟาพักผ่อน
นอกจากนี้ก็ยังสามารถกั้นทำเป็น Walk-in closet เป็นสัดส่วนได้ด้วย
นอกจากนี้ก็จะมีระเบียงพักผ่อนขนาดใหญ่ 1.4 x 5.3 เมตร
ห้องน้ำ อยู่ทางด้านข้างของห้อง
เข้ามาเจอกับอ่างล้างหน้าแบบ His&Her พร้อมกระจกบานใหญ่ มีชั้นวางของ Built-in มาใต้เคาน์เตอร์ด้วย
ระยะทางเดินในห้องน้ำนี้ถือว่าใหญ่เลยค่ะ ตรงนี้กว้างประมาณ 1.85 เมตรเลย
อีกมุมจะเป็นโซนเปียก หรือพื้นที่อาบน้ำนะ ซึ่งตรงนี้จะอยู่ติดกับผนังทางฝั่งหน้าบ้าน และเราก็จะได้กระจกบานใหญ่เป็นช่องแสง และ ช่วยระบายอากาศกับความชื้นภายในห้องน้ำได้ ลดโอกาสการเกิดเชื้อราในห้องน้ำค่ะ
ในพื้นที่อาบน้ำก็จะมีความพิเศษคือได้ทั้งอ่างอาบน้ำ และฝักบัวอาบน้ำเลย
ตัวโฮมออฟฟิศที่นี่ก็ออกแบบมาน่าสนใจนะคะ ตัวบ้านที่หน้ากว้างถึง 7.5 เมตร และบรรยากาศภายในที่ดูโปร่งสว่างทุกฟังก์ชัน ทั้งฟังก์ชันใช้งานที่อยู่ติดกับผนังทางหน้าบ้าน และฟังก์ชัน Service อย่างห้องน้ำ หรือ บันได ที่ถูกออกแบบให้อยู่ติดกับผนังทางด้านใหญ่ ซึ่งบรรยากาศของ Space ภายในที่ดูโปร่ง สว่าง ก็ทำให้ที่ Nue Hybe Suksawat ดูแตกต่างจากทาวน์โฮมทั่วๆ ไปที่เราเคยเจอด้วยค่ะ
Urban Home
ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5.45 เมตร สูง 3.5 ชั้น ที่ดิน 17.71 – 31.19 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 174 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 8-11 ล้านบาท
ราคา
ราคา Nue Hybe Suksawat (นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์) @ 1 มีนาคม 2023
- Urban Shop House 8 : อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 225 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 12 – 16 ล้านบาท
- Urban Shop House 5 : อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 249 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 13 – 15 ล้านบาท
- Urban Hybrid Home : โฮมออฟฟิศ สูง 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 256 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 12 – 15 ล้านบาท
- Urban Home : ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 174 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 8 – 11 ล้านบาท
- จองและทำสัญญา N/A บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ N/A บาท
- ค่าส่วนกลาง N/A บาท/ตร.วา/เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
“สุขสวัสดิ์” เป็นอีกทำเลที่ไม่ค่อยเจอโครงการแนวราบเกิดขึ้นบ่อยนัก โดยเฉพาะโครงการที่มีทำเลติดถนนใหญ่อย่างถนนสุขสวัสดิ์ ซึ่งเป็นย่านที่มีผู้คนอยู่อาศัยเยอะ มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งตลาด Hyper market วัด โรงพยาบาล ทำให้เรามองว่ามี Demand จากคนท้องถิ่นที่ต้องการขยับขยายเลือกซื้อที่อยู่อาศัยใหม่บนทำเลเดิม ที่เดินทางสะดวก และสามารถประยุกต์ที่อยู่อาศัยเป็นร้านค้า หรือ สถานที่ทำงานได้เช่นกัน
ในแง่การเดินทางด้วยทำเลที่ติดถนนใหญ่ ทำให้ทำเลนี้เดินทางสะดวก ด้วยรถส่วนตัว เพราะใกล้กับทางด่วน เชื่อมต่อกับถนนพระราม 2, ถนนประชาอุทิศ หรือ ถนนราษฎร์บูรณะ ได้ง่าย มีสะพานข้ามเข้าตัวเมืองได้หลายจุด ส่วนในแง่การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะก็ถือว่าดีเลยค่ะ มีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการ พนักงานที่นั่งรถเมล์มาทำงานก็ไม่ต้องต่อวินมอเตอร์ไซค์ให้ยุ่งยาก และในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีราษฎร์บูรณะอยู่ใกล้ๆ อีกด้วยค่ะ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
สำหรับโครงการ Nue Hybe Suksawat (นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์) นี้ที่ทำโปรดักส์ทั้ง อาคารพาณิชย์ และ ทาวน์โฮม ซึ่งทั้งคู่มีความต้องการเรื่อง Privacy หรือความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกัน ทางโครงการก็ตีโจทย์นี้ออกมาเป็น Triple gate หรือ ประตูเข้า-ออกโครงการ 3 ชั้น ตามลำดับความเป็นส่วนตัวที่ต้องการค่ะ ทำให้คนที่ไม่ว่าจะซื้อโปรดักส์แบบไหน ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวที่เหมาะสมกับการใช้งานค่ะ
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
ภาพรวมโครงการออกแบบหน้าตาออกมาในสไตล์โมเดิร์น แทรกพื้นที่สีเขียวไว้บน Facade หรือด้านหน้าของอาคาร ทุกแบบถือว่ามีดีไซน์น่าสนใจ และ มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ สูง 3.5-4 ชั้น
Urban Shop House – โปรดักส์ Rare item ที่เป็นอาคารพาณิชย์ได้ทั้งหลัง มีแบบหน้ากว้าง 8 เมตร สามารถจัด Window display ฝั่งด้านหน้าได้ทุกชั้น แบ่งเช่าแยกชั้นได้ หรือจะแบ่งบางชั้นเป็นที่อยู่อาศัยก็ได้เช่นกันค่ะ
Urban Hybrid Home – ทาวน์โฮมหน้ากว้าง 7.5 เมตร ที่สามารถปรับเป็นโฮมออฟฟิศได้ และจอดรถได้ถึง 4 คัน พื้นที่ภายในยืดหยุ่น แบ่งแยกชั้นโซนพักอาศัยและออฟฟิศได้สะดวก โดยชั้นบนสุดที่เป็นพื้นที่พักอาศัยจะได้ห้องน้ำที่มีอ่างล้างหน้าแบบ His&Her และอ่างอาบน้ำมาให้
วัสดุ :
ตัวโครงการจะขายในรูปแบบ Fully Fitted แต่ละชั้นทั้งแบบ Urban Shop House และ Urban Hybrid Home จะไม่ได้กั้นผนังเอาไว้ให้ ทำให้พื้นที่ภายในยืดหยุ่น แบ่งฟังก์ชันได้เองตามความต้องการของแต่ละคน ในส่วนที่เป็น Urban Shop House จะได้พื้นกระเบื้องแกรนิตโต้เป็นมาตรฐาน ส่วน Urban Hybrid Home จะได้พื้นเป็น SPC โดยทั้งคู่จะได้ Motorized Shutter Door ประตูม้วนอัตโนมัติที่ชั้น 1 ของบ้าน ส่วนผนังและฝ้าเพดานได้แบบฉาบเรียบทาสี
สาธารณูปโภค และ พื้นที่สีเขียวภายในโครงการ :
ตำแหน่งของพื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ตรงกลางโครงการ หลังผ่าน Gate ที่ 2 เข้าไป (ในวันที่เราไปยังโครงการยังก่อสร้างไม่เสร็จ) ในแง่ตำแหน่งทำให้กัน Visitor ที่มายังโซนอาคารพาณิชย์ไม่ให้เข้ามาใช้งานส่วน Clubhouse ได้ ส่วนในแง่ความหนาแน่น ทั้งโครงการมีอยู่ 156 ยูนิตนับว่าไม่เยอะมาก สำหรับอาคารพาณิชย์นับว่าดีเพราะโครงการส่วนใหญ่ที่เป็นอาคารพาณิชย์มักจะไม่ค่อยมีส่วนกลางที่ใหญ่หรืออาคาร Clubhouse ให้ใช้
สำหรับโครงการที่เป็นทาวน์โฮม ด้วยขนาดของพื้นที่ส่วนกลางทั้ง Clubhouse และ สวนเรามองว่าค่อนข้างเพียงพอกับการใช้งานเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต และยังมีฟังก์ชันทำงานเหมาะสำหรับคนที่ซื้อแบบ Urban Hybrid Home ให้มาใช้พูดคุยกับลูกค้าหรือประชุมกับพนักงานได้ค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพ็กเกจ 8 – 15 ล้านบาท, 1 March 2023
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 9/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้ป้ายรถเมล์ ใกล้รถไฟฟ้า
- ความปลอดภัย 7.75/10 – ภายในแบ่งโซนชัดเจน
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – มีหลายแบบ เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในที่ยืดหยุ่น
- วัสดุ 7.25/10 – ให้มาตามมาตรฐาน
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – มีการออกแบบให้ตัวอาคารมีพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้มารวมกัน ทั้ง Clubhouse 3 ชั้น และ สวนส่วนกลาง
- 8.19 / 10.00
Nue Hybe Suksawat (นิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์) เหมาะกับใคร?
Nue Hybe Suksawat เหมาะสำหรับชาวสุขสวัสดิ์ที่มองหาที่อยู่อาศัยในโซนนี้ สามารถใช้อยู่และทำการค้าควบคู่กันได้ มีตัวเลือกทั้งโซนร้านค้า โซนที่ทำเป็นโฮมออฟฟิศได้ และโซนทาวน์โฮมล้วน แยกเป็นสัดส่วนชัดเจนไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ก็เหมาะกับคนที่ชอบในดีไซน์ทันสมัย แทรกพื้นที่ปลูกต้นไม้ไว้บนบ้านได้ โดยมีงบ 8-11 ล้านบาทสำหรับทาวน์โฮมอยู่อาศัย และมีงบ 12-15 ล้านบาทสำหรับอาคารพาณิชย์และโซนที่ทำเป็นโฮมออฟฟิศได้ค่ะ