..โครงการ Mastery Ville บางนา – เทพารักษ์ ทาวน์โฮม 2 ชั้นที่มีวิว Clubhouse สุดปัง เพราะสามารถมองเห็นทะเลสาบขนาดใหญ่กว่า 280 ไร่ได้ โดยมีราคาเริ่มต้นน่าสนใจอยู่ที่ 2.49 ล้านบาท ตั้งอยู่ในย่านตำหรุ-บางพลี และใกล้นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ถึง 2 แห่ง ส่วนจุดเด่นอื่นๆที่น่าสนใจจะมีดังนี้

  • ทำเลตั้งอยู่ในซอยที่เป็นทางลัดสำคัญของย่าน สามารถเชื่อมต่อถนนหลักได้ถึง 3 เส้นทาง ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางและใช้ชีวิตได้หลากหลาย
  • ใกล้แหล่งงานสำคัญอย่างนิคมอุตสาหกรรมบางพลี และนิคมอุตสาหกรรมบางปู
  • เป็นโครงการที่เน้น Facilities มีฟังก์ชันหลักๆครบครัน และให้มาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต ที่สำคัญคือชั้นบนของ Clubhouse จะสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบได้อีกด้วย
  • ตัวบ้านก่อสร้างด้วยระบบผนังคอนกรีตสำเร็จรูป Precast จาก SCG และยังออกแบบช่องแสงมาได้ดี ทำให้บรรยากาศภายในดูสว่างโปร่งโล่ง
  • เป็นหนึ่งในโครงการทาวน์โฮมที่มีราคาจับต้องได้ง่ายของย่าน ถือว่าทำราคาออกมาได้น่าสนใจ

ข้อมูลโครงการ

Mastery Ville Bangna – Thepharak (มาสเตอรี่ วิลล์ บางนา – เทพารักษ์) ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2566

 ชื่อโครงการ   Mastery Ville Bangna – Thepharak (มาสเตอรี่ วิลล์ บางนา – เทพารักษ์)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท มาสเตอรี่ เอสเตท จำกัด
 SEGMENT CLASS   MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนน เทพารักษ์ อำเภอ บางพลี จังหวัด สมุทรปราการ
 ที่ดิน  25-3-23 ไร่
 จำนวนยูนิต  274 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • แบบบ้าน Type A ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 17.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 94 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท
  • แบบบ้าน Type B ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 21.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 131 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 2 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท

 ความสูงจากพื้นถึงฝ้า   2.6 – 3 เมตร
 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ   43,500 – 50,000 บาท
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2565
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   n/a
 เว็บไซต์โครงการ   https://www.masteryestate.co.th/mastery-ville/
 โทร   093-669-9688

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • เป็นซอยที่เชื่อมต่อถนนสำคัญของย่านได้ถึง 3 เส้นทาง
  • ใกล้แหล่งงานทั้งนิคมอุตสาหกรรมบางพลี และนิคมอุตสาหกรรมบางปู
  • ฝั่งตรงข้ามที่ดินโครงการได้วิวทะเลสาบขนาด 280 ไร่

พิกัด Google Maps : 13.591340, 100.682923
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

..โครงการ Mastery Ville บางนา – เทพารักษ์ ตั้งอยู่ภายในซอยที่ดินไทยบนถนนเทพารักษ์ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งซอยที่สำคัญของย่านไม่แพ้ซอยมังกรเลยครับ เพราะจะไม่ใช่ซอยตันและสามารถเชื่อมต่อถนนต่างๆได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนเทพารักษ์ ถนนตำหรุ-บางพลี และถนนแพรกษา โดยคนในพื้นที่มักจะรู้จักกันในชื่อ “ซอยคลองอาเสี่ย” นั่นเอง

ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้นับว่ามีพอสมควร เพราะเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเก่าเยอะ รวมถึงยังอยู่ใกล้กับแหล่งงานสำคัญอย่างนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ถึง 2 แห่งคือ นิคมอุตสาหกรรมบางพลี และนิคมอุตสาหกรรมบางปู ดังนั้นโครงการแห่งนี้จึงค่อนข้างตอบโจทย์สำหรับคนที่ใช้ชีวิต และทำงานอยู่ในพื้นที่นี้อยู่แล้วมากๆนั่นเองครับ

เป็นซอยที่เข้า-ออกได้ 3 เส้นทางหลัก

..อย่างที่บอกไปครับว่าที่ตั้งของโครงการนี้ไม่ใช่ซอยตัน แต่จะเชื่อมต่อถนนสำคัญได้ถึง 3 เส้นทาง จึงทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางและใช้ชีวิตได้หลากหลายมาก สามารถสรุปได้ดังนี้

  1. ถนน เทพารักษ์ : เป็นเส้นทางหลักของโครงการ สามารถเข้า-ออกถนนเส้นนี้ได้จาก 2 ซอยย่อย (ซ.ที่ดินไทย และ ซ.กรุงสยามวิลล่า) เหมาะกับคนที่เน้นใช้ชีวิตไปทางศรีนครินทร์ หรือต้องการไปขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกนั่นเอง (ระยะทาง 2.2 km.)
  2. ถนน ตำหรุ-บางพลี : สามารถเข้า-ออกได้จากซอยจงศิริ เหมาะกับคนที่เน้นใช้ชีวิตไปทางตำหรุ กิ่งแก้ว และบางพลีได้ง่าย ยิ่งถ้าใครจะไปนิคมบางพลี ผมก็แนะนำให้มาออกทางนี้จะเลี้ยวขวาที่แยกไฟแดง ได้ง่ายกว่าไปรอกลับรถที่ถนนเทพารักษ์ซะอีกครับ (ระยะทาง 2.4 km.)
  3. ถนน แพรกษา : สามารถเข้าได้จากซอยคลองอาเสี่ย เหมาะกับคนที่เน้นใช้ชีวิตไปทางนิคมอุตสาหกรรมบางปู และปากซอยแพรกษาก็ยังเป็นที่ตั้งของห้างโรบินสันขนาดใหญ่ และมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวอีกด้วย (ระยะทาง 3.7 km.)

และสำหรับใครที่ต้องการเดินทางเข้า-ออกเมืองไกลๆ ย่านนี้ก็จะมีวงแหวนภาญจนาภิเษกให้ใช้อยู่ไม่ไกลครับ ซึ่งห่างจากโครงการประมาณ 5.7 km. สามารถเลือกได้เลยว่าจะเลี้ยวซ้ายไปพระราม 2 หรือจะเลี้ยวขวาไปทางบางนา-บางปะอินก็ได้

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการจะเป็นที่ว่างและที่อยู่อาศัย ถึงแม้ว่าจะเป็นทำเลในซอยก็จริงแต่ก็ไม่ได้เปลี่ยวหรือแห้งแล้งเลยครับ เพราะคนในพื้นที่ก็มักจะใช้เป็นเส้นทางลัดเลี่ยงรถติดกันอยู่แล้ว แถมด้านในซอยลึกๆก็ยังมีหมู่บ้านเก่าๆอีกหลายแห่งเลย แต่ที่สำคัญก็คือ ฝั่งตรงข้ามกับโครงการจะมีผืนน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นที่มาของจุดขายโครงการ ที่เรามักจะเห็นเค้าโฆษณาไว้ว่า Clubhouse ได้วิวทะเลสาบนั่นเอง

  • ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่างและชุมชนแนวราบ
  • ทิศใต้ : เป็นทางเข้าโครงการ ติดกับ ถนนซอยที่ดินไทย และฝั่งตรงข้ามเป็นผืนน้ำขนาดใหญ่
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ชุมชนแนวราบ
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ ชุมชนแนวราบ

เรามาเดินดูทำเลรอบๆโครงการกันสักหน่อยครับ ซึ่งทางด้านขวามือของโครงการจะเป็นทางที่มุ่งหน้าไปออกตำหรุ-บางพลี และถนนแพรกษาได้ โดยถัดมาอีกหน่อยก็จะมีร้านส้มตำเล็กๆ / CJ Mall และเซเว่นตั้งอยู่ด้วย

ส่วนด้านซ้ายมือของโครงการจะเป็นทางที่มุ่งหน้าไปออกถนนเทพารักษ์ได้ครับ และทีเด็ดเลยก็คือร้านอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งจะตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบนั่นเอง

..ร้านอาหารแห่งนี้มีชื่อว่า Wind and Wave restaurant โดยตั้งอยู่ติดกับริมน้ำแบบนี้เลย ซึ่งนอกจากเราจะสามารถมาทานอาหารอร่อยๆได้แล้ว เค้าก็ยังมีกิจกรรมทางน้ำให้ได้ทำกันด้วยนะ เช่น Jet Ski / Wake Board และเรือใบ เป็นต้น แต่ที่ชอบมากๆก็คือ บรรยากาศริมน้ำที่จัดออกมาได้เหมือนอยู่ริมทะเลเลยนั่นเองครับ

และในวันที่เข้าไปถ่ายรีวิวเอง ผมก็บังเอิญได้เจอกับพี่เจ้าของร้านด้วยนะ โดยเค้าก็ให้ข้อมูลเบื้องต้นมาว่า ที่ดินผืนน้ำนี้เป็นของเค้าเองทั้งหมดเลย ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีแผนจะพัฒนาถมที่ดินทำเป็นอย่างอื่นเร็วๆนี้นะ จึงคาดว่าเราน่าจะมีวิวทะเลสาบสวยๆขนาด 280 ไร่ แบบนี้ให้ได้ชมกันไปอีกนานพอสมควร

บรรยากาศมุมอื่นๆของจริงจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมภาพใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/6

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • บิ๊กซี บางพลี ~ 5.5 km.
  • เมกาบางนา ~ 11 km.
  • โรบินสัน สมุทรปราการ ~ 14.4 km.
  • เซ็นทรัล บางนา ~ 19.2 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาล บางนา 5 ~ 2.4 km.
  • โรงพยาบาล บางพลี ~ 5.4 km.
  • โรงพยาบาล สินแพทย์ เทพารักษ์ ~ 7.6 km.

โรงเรียน

  • โรงเรียน ปทุมคงคา สมุทรปราการ ~ 2.3 km.
  • โรงเรียน แพรกษา วิเทศศึกษา ~ 7.7 km.
  • โรงเรียน สารสาสน์ วิเทศสมุทรปราการ ~ 8.1 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • จัดพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้เป็นส่วนต้อนรับด้านหน้าโครงการ ช่วยสร้างบรรยากาศตอนขับรถเข้า-ออกได้ดี มีความร่มรื่นสวยงาม
  • ภายในห้อง Fitness ที่อยู่ชั้น 2 ของอาคาร Clubhouse สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้
  • มีการแบ่งโซนพักอาศัยแยกออกจากกันชัดเจน ซึ่งมีผลกับราคาเพิ่ม-ลดที่ดินด้วย โดยทาวน์โฮมหลังใหญ่จะได้อยู่ด้านหน้าใกล้สวน และทาวน์โฮมหลังเล็กจะอยู่เป็นส่วนตัวด้านในสุด

ทำความรู้จักกับผู้พัฒนากันสักหน่อย

..เชื่อว่าหลายๆคนอาจยังไม่ค่อยคุ้นกับชื่อ “Mastery Estate” กันสักเท่าไหร่ใช่มั้ยครับ ซึ่งจริงๆแล้วเค้ามีประสบการณ์ด้านอสังหาฯมานานกว่า 10 ปีแล้วนะ แต่ส่วนใหญ่มักจะทำอยู่แถวๆชลบุรี-ศรีราชา และต่างจังหวัดอื่นๆเป็นหลัก ได้แก่  Billion Commercial Home / Fifth Avenue Meechoke – Chiang Mai / 123 Residence Sriracha และแบรนด์ The Valley ต่างๆอีก 3 แห่ง

โดยล่าสุดก็คือ “Mastery Ville บางนา – เทพารักษ์” ซึ่งถือเป็นโครงการแรกที่ได้มีการขยับเข้ามาทำตลาดในเขตกรุงเทพและปริมณฑลแบบนี้ แน่นอนว่าทาง Mastery Estate จะต้องมีการทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อที่จะได้สู้กับพี่ๆเจ้าตลาดและแบรนด์เจ้าถิ่นให้ได้ โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดคือ “ราคา” ที่ทำออกมาได้น่าสนใจ แถมยังได้ตำแหน่งที่ดินสุดปังมาประเดิมโครงการแรกแบบนี้อีกด้วย ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยครับ

โครงการ Mastery Ville บางนา – เทพารักษ์ มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครก็คือ “วิวทะเลสาบ” จากแปลงที่ดินเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเราจะมองเห็นได้จากชั้น 2 ของอาคาร Clubhouse ในห้อง Fitness ทำให้สามารถขึ้นมาออกกำลังกายไปและชมวิวไปด้วยได้ นอกจากนี้ Facilities ทั้งหมดก็จะถูกจัดเอาไว้อยู่ทางด้านหน้าโครงการ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และยังเป็นส่วนต้อนรับที่ดีมากๆอีกด้วย

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือ “การแบ่งโซนตามโปรดักส์” ที่ค่อนข้างมีความชัดเจนมากๆ โดยทาวน์โฮมหลังใหญ่ (Type B) จะอยู่ทางโซนด้านหน้า ซึ่งจะมีราคาที่ดินเพิ่ม-ลดอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาท/ตร.วา เพราะถือว่าเป็นโซนใกล้สวน ที่มีความสะดวกในการมาใช้งานได้มากกว่า ในขณะที่ทาวน์โฮมหลังเล็ก (Type A) จะอยู่ทางโซนด้านใน ที่ค่อนข้างห่างจากส่วนกลางมาสักหน่อย แต่ก็มีความเป็นส่วนตัว และทำให้มีราคาที่ดินเพิ่ม-ลดจับต้องได้ง่ายกว่าอยู่ที่ประมาณ 43,500 บาท/ตร.วา. นั่นเองครับ

เริ่มกันที่บริเวณซุ้มประตูด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะมีการแบ่งทางเข้า-ออกแยกจากกันชัดเจนไม่รบกวนกัน

ไม้กั้นกระดกเปิดได้เองแบบอัตโนมัติด้วยสัญญาณ Bluetooth ทำให้ลูกบ้านสามารถขับรถผ่านได้สะดวกเลย ส่วนแขกที่มาติดต่อก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อนตามปกตินะครับ

เมื่อเข้ามาด้านในก็จะเจอกับถนน Main ที่กว้างมากถึง 14 m. โดยทั้ง 2 ข้างทางก็จะมีการจัดพื้นที่สีเขียวมาให้เป็นส่วนต้อนรับเป็นอย่างดี

ตัวอาคาร Clubhouse จะเป็นส่วนหนึ่งของซุ้มประตูทางเข้าในตอนแรกด้วย ซึ่งจะมีอยู่ทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกันครับ

มาเริ่มกันที่บริเวณแรกจะเป็นสระว่ายน้ำแบบกลางแจ้ง ขนาดประมาณ 4 x 11 m. ซึ่งก็แนะนำให้มาใช้ตอนแดดร่มๆช่วงเย็นๆหน่อยจะดี

และบริเวณปลายสระก็จะมีทางเดินลาดให้เชื่อมต่อไปยังสวนได้ด้วยครับ (แต่เดี๋ยวเราดูในอาคารให้เสร็จกันก่อน แล้วค่อยไปเดินดูในสวนอีกทีนะ)

ที่ใต้อาคารชั้น 1 จะเป็นทางไปห้องน้ำแยกชาย-หญิงครับ ซึ่งสามารถเดินมาใช้งานเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำตรงนี้ได้สะดวกเลย

ภายในห้องน้ำจะมีฟังก์ชันให้ใช้งานครบทั้งอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำ

ขึ้นบันไดมายังชั้น 2 เราจะเจอกับห้องกระจกขนาดใหญ่คือ Lobby Lounge

ภายในจะมีชุดโต๊ะเก้าอี้และโซฟาให้เลือกนั่ง 2 – 3 ชุด ซึ่งเราสามารถมานั่งตากแอร์ ทำงาน อ่านหนังสือ หรือจะใช้เป็นพื้นที่รับรองแขกก็ได้ โดยจุดเด่นก็คือผนังกระจกที่ล้อมรอบทั้ง 3 ด้าน จึงทำให้พื้นที่นี้มีความสว่างและโปร่งโล่งมากๆครับ

และเมื่อเดินบันไดขึ้นมาบนชั้น 3 ก็จะเจอกับอีก 2 ห้องก็คือ ห้องนิติบุคคล และห้อง Fitness

ภายในห้อง Fitness มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และมีอุปกรณ์เครื่องออกกำลังกายค่อนข้างครบ โดยผนังทั้ง 2 ด้านจะเป็นกระจกที่เปิดรับวิวภายนอกได้ด้วยครับ

และ Highlight ของโครงการนี้ก็คือ “วิวทะเลสาบ” ที่สามารถมองเห็นได้จาก Fitness ห้องนี้นั่นเอง โดยเราสามารถออกกำลังกายไปพร้อมกับชมวิวพื้นที่สีเขียว และผืนน้ำขนาดใหญ่ไปด้วยได้แบบนี้เลย ซึ่งให้อารมณ์ผ่อนคลายเหมือนได้มาพักผ่อนที่ตากอากาศเลยครับ

ส่วนผนังกระจกอีกด้านเราก็สามารถมองเข้ามา และเห็นพื้นที่สวนสีเขียวด้านในโครงการได้ด้วยนะ ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรบ้างเราลงไปชมกันเลยครับ

สวนบริเวณนี้มีขนาดประมาณ 1 ไร่ มีการปลูกต้นไม้เพื่อให้ความร่มเงา และทำทางเดินรูปทรง Freeform ให้สามารถเดินเล่น/วิ่งออกกำลังกายกันได้ทั่วทั้งสวนเลย

บริเวณตรงกลางจะมีสนามบาสแบบ 3 ต่อ 3 ให้มาเล่นออกกำลังกายกันได้ครับ

ถัดมาอีกหน่อยก็จะเป็น Playground ซึ่งมีเครื่องเล่นสำหรับเด็กอยู่พอสมควร ใครมีลูกๆหลานๆก็พาน้องๆมาเล่นกันตรงนี้ได้นะ

ปิดท้ายกันที่ Jogging Track ที่จะเชื่อมต่อวนรอบสวน ให้เราสามารถมาเดิน/วิ่งออกกำลังกายได้สบายๆ แบบไม่ต้องเสี่ยงออกไปเดินริมถนนให้อันตรายครับ

ส่วนภาพนี้ก็จะเป็นบรรยากาศภายในซอยที่อยู่อาศัย ซึ่งจะเป็นถนนกว้าง 8 m. เป็นมาตรฐานแบบนี้ครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • Lobby Lounge
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 4 x 11 m.
  • Kids Pool ขนาด 4 x 3.5 m.
  • Fitness
  • Playground (สนามเด็กเล่นกลางแจ้ง)
  • Basketball Court แบบ 3 on 3
  • Jogging track
  • พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 1 จุด รวมประมาณเกือบ 1 ไร่
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 5 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร
  • ถนนหลักกว้าง 10 – 14 ม. และถนนภายในกว้าง 8 ม.
  • Key Card Access ระยะไกลด้วยสัญญาณ Bluetooth
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก

แบบบ้าน

Highlights :

  • โครงสร้างบ้าน Precast จาก SCG มีความแข็งแรงและช่วยป้องกันเสียงได้ดี
  • ออกแบบช่องแสงมาดี ทำให้ภายในบ้านมีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่ง โดยเฉพาะ Skylight ตรงโถงบันไดชั้น 2 ทำให้ไม่ต้องเปิดไฟส่องสว่างตอนกลางวันเลยครับ
  • มีบ้านให้เลือก 2 แบบ ซึ่งฟังก์ชันก็เหมาะกับคนที่มี Lifestyle และความต้องการที่แตกต่างกัน
  • ผนังรั้วหลังบ้านมีความสูง 3 m. สามารถวางหลังคาเพื่อต่อเติมเป็นครัวไทยได้ แบบไม่ต้องเสียเวลาตั้งเสาใหม่เองให้ยุ่งยาก

โครงการนี้จะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้นทั้งหมดครับ โดยจะมีอยู่ 2 Type ด้วยกัน ออกแบบมาเป็นสไตล์ Modern และใช้สีแนว Earth Tone ดูเป็นธรรมชาติ แต่จุดที่แตกต่างกันก็คือ “ฟังก์ชัน” ซึ่งจะเหมาะกับคนที่มี Lifestyle ไม่เหมือนกันเลย โดยเฉพาะจำนวนที่จอดรถและพื้นที่อเนกประสงค์ชั้นล่าง ประกอบด้วย

  • แบบบ้าน Type A ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 17.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 94 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ที่จอดรถ
  • แบบบ้าน Type B ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 21.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 131 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 2 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

โครงสร้างบ้าน Precast (ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป) จาก SCG

นับว่าเป็นโครงสร้างที่เหมาะกับทาวน์โฮมที่มีผนังติดกันแบบนี้มากๆครับ เพราะเป็นผนังที่สามารถ “กันเสียงได้ดี” กว่าผนังชนิดอื่นๆ ทำให้ช่วยลดปัญหาเรื่องเสียงรบกวนจากบ้านข้างๆได้ดี อีกทั้งยังเป็นผนังที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการรั่วซึม และยังมีความแข็งแรงทนทานมากๆอีกด้วยนะ โดยทางโครงการก็เลือกใช้เป็นผนังของ SCG ที่วางใจในเรื่องคุณภาพได้นั่นเองครับ

แต่ก็มีข้อจำกัดเล็กๆในเรื่อง “การทุบ/เจาะ/ต่อเติม” ที่ทำได้ค่อนข้างยากสักหน่อย เพราะนอกจากผนังจะแข็งมากๆแล้ว ผนังแต่ละจุดก็ยังทำหน้าที่เป็นผนังรับน้ำหนักอีกด้วย เราจึงจะไม่เห็นเสาภายในบ้านเลยนั่นเองครับ ดังนั้นเวลาจะทำอะไรกับผนังชนิดนี้ ก็อาจต้องปรึกษาวิศวกรหรือช่างประจำโครงการก่อนให้ดีๆด้วยนะ

  • แบบบ้าน Type B ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 21.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 131 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 2 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

เป็นทาวน์โฮมหน้ากว้าง 5.7 m. จึงทำให้ “จอดรถ 2 คัน” ได้สบายๆเลยครับ โดยภายในก็จะเป็น Common Area ขนาดใหญ่เหมือนทาวน์โฮมทั่วไปนะ แต่จุดเด่นของแปลนบ้านนี้ก็คือ บริเวณด้านหลังบ้านจะมี “พื้นที่อเนกประสงค์” ขนาดใหญ่ให้ใช้งาน ซึ่งเราจะทำเป็นมุมห้องครัวแบบในแปลนนี้ หรือจะกั้นห้องให้เป็นส่วนตัว เพื่อทำเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ เช่น ห้องนอนชั้นล่าง ห้องทำงาน และห้องนั่งเล่นอื่นๆ เป็นต้น ส่วนครัวก็อาจทำเป็นครัวไทยเพิ่มที่หลังบ้านเอาก็ได้ครับ

แปลนชั้น 2 จะมีห้องนอน 3 ห้อง ซึ่งห้องนอนใหญ่สุดจะอยู่ทางด้านหน้าบ้าน และยังมีประตูที่สามารถเข้าห้องน้ำได้เลยอีกด้วย ส่วนห้องนอนเล็กจะอยู่บริเวณด้านหลัง อย่างที่บอกไปแล้วว่าโครงสร้างบ้านจะเป็น Precast ดังนั้นเราจึงไม่สามารถทุบผนังตรงกลางออก เพื่อเชื่อมต่อเป็นห้องใหญ่ได้นะครับ จึงทำให้เราจะมีห้องเล็กให้ใช้งาน 2 ห้อง ถ้าใครมีลูกคนเดียวก็อาจทำอีกห้องเป็นห้องพระหรือห้องทำงานเพิ่มได้นั่นเอง

ประตูรั้วหน้าบ้านจะเป็นเหล็กบานเฟี้ยม ซึ่งถ้าใครต้องการความสะดวกสบาย และพอจะมีงบสักหน่อย ก็สามารถติดตั้งเป็นประตูอัตโนมัติเพิ่มเติมเองได้นะครับ เพราะสมัยนี้ก็จะมีรูปแบบที่ใช้กับประตูประเภทนี้ได้ด้วย จะได้ไม่ต้องลำบากลงมาตากแดดตากฝนเปิดด้วยตัวเอง

พื้นที่จอดรถกว้าง 5.2 m. สามารถจอดรถ 2 คันได้สบายๆ โดยพื้นจะเทด้วยคอนกรีตที่ตัด Joint แยกออกจากโครงสร้างบ้านแบบทั้งผืนเลย ทำให้เวลาที่พื้นดินเกิดการทรุดในอนาคตก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของบ้านนั่นเองครับ ส่วนถ้าใครที่ไม่อยากจอดรถแบบกลางแจ้ง ก็อาจต้องทำหลังคาเพิ่มเติมเองนะ

ความแปลกอย่างหนึ่งของพื้นนี้ก็คือ ตรงบริเวณที่ตัด Joint โดยรอบทั้งหมดจะมีการเทพื้นยางมะตอยทับเอาไว้อีกที ส่วนตัวผมคิดว่าเค้าน่าจะทำเพื่อความเรียบร้อยนะ

เพราะถ้าในอนาคตพื้นเกิดการทรุดตัวแยกโครงสร้างกันขึ้นมาจริงๆ บริเวณรอยต่อพวกนี้ก็จะเกิดรอยแตกร้าวที่ไม่สวยงามได้ง่ายนั่นเอง แต่ถ้าใครอยากทำให้พื้นสวยงามมากขึ้น ก็อาจปูทับด้วยวัสดุชนิดอื่นเองก็ได้ครับ

ทางเข้าบ้านจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ กรอบเป็นอลูมิเนียมสีเทาเข้ม และใช้กระจกเขียวตัดแสงทั้งหลัง

อีกทั้งยังมีชานพักขนาดใหญ่ให้ถอด-ใส่รองเท้าสะดวก หรือจะใช้วางของต่างๆ และยังช่วยป้องกันไม่ให้เศษฝุ่นเข้าสู่ตัวบ้านได้ง่ายอีกด้วย

เข้ามาภายในบ้านเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ โดยฝ้าเพดานก็จะสูง 2.6 m. และปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้เป็นมาตรฐานทุกหลัง แต่สำหรับบ้านตัวอย่างหลังนี้จะเป็นแปลงมุมพอดี ก็เลยมีช่องแสงด้านข้างเพิ่มเข้ามา ทำให้มีความสว่างโปร่งโล่งเป็นพิเศษครับ

ซึ่งพื้นที่ส่วนแรกก็จะเป็น Living Area สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่แบบ 3 ที่นั่ง หรือจะใช้เป็นโซฟารูปตัว L แบบนี้ก็ได้ โดยมีระยะดูทีวีกว้าง 4 m. สามารถใช้ทีวีจอใหญ่ๆ 40 – 50 นิ้วได้สบายๆ

ถัดเข้ามาด้านในบ้านก็จะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารครับ โดยบ้านตัวอย่างนี้ก็จะวางเป็นโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งมาพอดีกับจำนวนสมาชิกครอบครัวนะ

แต่จริงๆแล้วนี่เป็นทาวน์โฮม Type ใหญ่ของโครงการ ซึ่งนอกจากหน้าบ้านจะกว้างมากขึ้นแล้ว ความลึกของที่ดินบ้านก็จะลึกขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นภายในบ้านตรง Common Area นี้จึงจะมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ จนเราสามารถขยายโต๊ะทานข้าวและโซฟาให้ใหญ่ขึ้นอีกได้ตามต้องการ

หรือเราอาจหา Partition มากั้นแยกโซนให้ชัดเจนมากขึ้นก็ได้นะ อย่างบ้านตัวอย่างนี้ก็ได้ใช้โต๊ะเล็กๆมาวางไว้ ทำให้พื้นที่ทั้ง 2 โซนจะมีความเป็นส่วนตัวจากกันมากขึ้น เวลาทำกิจกรรมพร้อมๆกันก็จะได้ไม่รบกวนกันเองครับ

ส่วนอีกด้านหนึ่งของบ้านจะเป็นห้องน้ำและพื้นที่อเนกประสงค์นะ

ภายในห้องน้ำจะเป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกันระหว่างโซนเปียกและโซนแห้ง กว้าง 1.7 x 1.75 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มาพร้อมกับสุขภัณฑ์จาก American Standard ครบตามบ้านตัวอย่างเลยครับ

ส่วนพื้นที่อเนกประสงค์ข้างๆของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ ที่เราสามารถกั้นผนังทำเป็นห้องเพิ่มเติมเองได้ เหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวให้ใช้งานที่ชั้นล่าง เช่น ห้องทำงาน ห้องนอนผู้สูงอายุ หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆ

แต่สำหรับใครที่อยากทำเป็นมุมห้องครัวจริงจัง ต้องบอกไว้ก่อนว่าเค้าจะไม่ได้เตรียมพวกท่องานระบบใดๆไว้ให้นะครับ ซึ่งผนังบ้าน Precast จะไม่สามารถทุบ/เจาะได้เหมือนผนังทั่วไป ดังนั้นหากใครที่ต้องการทำอะไรที่เกี่ยวกับผนัง ก็จะต้องปรึกษาวิศวกรหรือช่างประจำโครงการให้ดีๆก่อนนะ

โดยบ้านตัวอย่างหลังนี้เค้าก็ได้จัดไอเดียออกมาเป็นห้องทำงาน โดยใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวทั้งหมด เพื่อที่อนาคตเราจะได้ปรับเป็นฟังก์ชันอื่นๆได้ง่ายตามต้องการนั่นเองครับ

ส่วนพื้นที่ครัวก็จะมีการต่อเติมด้านหลังบ้านมาให้ดูเป็นไอเดียแบบนี้เลยครับ

โดยของจริงเราจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆ ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่รั้วบ้านที่ล้อมรอบอยู่ทั้ง 3 ด้าน จะเป็นผนังสูง 3 m. ทั้งหมด และเราสามารถทำหลังคามาวางบนผนังเหล่านี้ได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาวางเสาหรือทำโครงสร้างหลังคาใหม่เองให้ยุ่งยาก ส่วนพื้นก็จะเป็นโครงสร้าง Slab on Ground นะครับ

สำหรับบันไดจะอยู่ทางด้านหน้าบ้านเลยครับ ซึ่งจะเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กที่แข็งแรงทนทาน เดินขึ้น-ลงเร็วๆก็ไม่มีเสียงรบกวน และปิดผิวด้วยไม้ยางพาราอีกที

โดยจุดที่ต้องระวังก็คือ บริเวณขั้นบันไดสามเหลี่ยม ที่อาจทำให้เราเหยียบได้ไม่เต็มฝ่าเท้านั่นเอง แต่ยังดีที่เค้ามีราวจับมาให้ตลอดทาง และยังมีช่องแสงขนาดใหญ่เพื่อความสว่างด้วยนะครับ

นอกจากนี้บนฝ้าเพดานก็ยังมีช่องแสง Skylight ที่ช่วยทำให้บริเวณโถงบันไดสว่างได้สบายๆ แบบที่ไม่ต้องเปิดไฟช่วยในตอนกลางวันเลยครับ

ด้านบนจะมีประตูทั้งหมด 4 ห้องแยกออกจากกันเป็นส่วนตัว โดยความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของบ้าน Type นี้คือจะได้ฝ้าเพดานสูง 3 m. จึงมีความโปร่งโล่งมากขึ้น และปูพื้นด้วย SPC ลายไม้ที่สามารถทนน้ำหรือความชื้นได้ดีกว่าไม้ลามิเนตครับ

เริ่มกันที่ห้องแรกทางซ้ายมือของบันได จะเป็นห้องนอนขนาดเล็กสุดที่อยู่ทางด้านหลังบ้าน ภายในกว้าง 2.9 x 2.7 m. สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตได้สบาย

พร้อมกับวางตู้เสื้อผ้าด้านข้างและโต๊ะตัวเล็กๆได้พอดี เหมาะที่จะเป็นห้องนอนของลูกคนเล็ก หรือถ้าใครมีลูกคนเดียวก็อาจปรับเป็นห้องอื่นๆก็ได้ เช่น ห้องพระ และห้องทำงานครับ

ติดกันจะเห็นห้องนอนที่ 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยอยู่ที่ 4 x 2.55 m. จึงทำให้สามารถใช้เตียง 5 ฟุตได้สบายๆ เหมาะที่จะเป็นห้องนอนลูกคนแรกครับ

ตรงกลางของบ้านจะเป็นห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกัน โดยจะมีประตูที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง (จากโถงบันไดรวมและห้องนอนใหญ่) รวมถึงยังมีช่องแสง Skylight และหน้าต่างบานกระทุ้งที่ช่วยทำให้ภายในห้องสว่างอีกด้วย

สุขภัณฑ์ภายในยังคงเป็นของ American Standard และแยกโซนการใช้งานด้วยพื้นต่างระดับเล็กน้อย โดยพื้นที่โซนแห้งด้านนอกจะกว้าง 1.6 x 1.6 m. สามารถใช้งานได้สะดวก

ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้าง 1.5 x 0.9 m. ซึ่งเราสามารถติดฉากกั้นอาบน้ำหรือม่านพลาสติก เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาเปียกด้านนอกได้นะ

บนผนังจะมีการติดตั้ง Hand Shower แบบปรับระดับความสูงได้ และมี Junction Box ให้ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มได้เอง ส่วนที่ผนังก็จะเจาะช่องมาให้วางของได้สะดวกแบบนี้เลยครับ

สุดท้ายคือ Master Bedroom ซึ่งจะเป็นห้องที่อยู่ทางโซนด้านหน้าบ้านครับ ภายในมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ จึงสามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ และยังมีช่องแสงที่กว้างเป็นพิเศษด้วยนะ

โดยห้องนี้จะมีความกว้างเท่ากับตัวบ้านอยู่ที่ 5.7 m. ดังนั้นเราจึงสามารถจัดแบ่งพื้นที่ใช้งานให้เป็นสัดส่วนได้มากขึ้น ซึ่งอีกด้านหนึ่งของห้องก็เหมาะจะทำเป็นพื้นที่แต่งตัวมากๆครับ เพราะจะอยู่ใกล้กับโซนห้องน้ำเลยนั่นเอง

รวมถึงบริเวณนี้ก็จะมีประตูกระจกที่เปิดเชื่อมต่อกับระเบียงภายนอกได้ด้วย (บ้านตัวอย่างเค้าติดม่านขนาดใหญ่ปิดไว้ ผมก็เลยนำภาพบ้านเปล่ามาให้ชมกันแทนนะ)

ระเบียงภายนอกมีขนาด 2 x 0.6 m. พอจะออกมายืนสูดอากาศหรือชมวิวได้พอดีๆครับ ส่วนด้านบนก็จะมีพื้นที่ให้แขวน Condensing Unit หลบเอาไว้ไม่ให้รบกวนด้านล่างได้แบบนี้เลย

และถ้าใครที่อยากชมบ้านเปล่าของจริงว่าเป็นอย่างไร ก็สามารถคลิกดูได้ใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/5


  • แบบบ้าน Type A ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 17.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 94 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ที่จอดรถ

สำหรับหลังนี้จะเป็นทาวน์โฮม Type เล็กของโครงการที่มีหน้ากว้าง 5.7 m. สามารถจอดรถได้ 1 คัน จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กที่มีรถใช้เพียงคันเดียว โดยที่จอดรถจะค่อนข้างลึกเลยครับ สามารถจอดพวกรถตู้หรือรถกระบะได้สบายๆ ภายในบ้านจะมีพื้นที่ “Common Area ขนาดใหญ่” แต่จุดที่ผมมองว่าค่อนข้างดีหน่อยก็คือ “ช่องแสง” ที่ช่วยทำให้บ้านสว่างโปร่งโล่ง และช่วยระบายอากาศได้ดี โดยเฉพาะตรงบริเวณบันไดกลางบ้านและห้องน้ำด้านหลังครับ

แปลนชั้น 2 จะมีห้องนอน 3 ห้องและใช้งานห้องน้ำร่วมกัน แน่นอนว่าเราไม่สามารถทุบผนังเชื่อมต่อห้องใดๆได้นะครับ โดยสิ่งที่ผมชอบอย่างหนึ่งก็คือ “ขนาด” ของห้องนอนเล็กทั้ง 2 ที่กว้างมากพอจะใช้เตียง 5 ฟุตได้ทั้งคู่แบบพอดีๆ ส่วนห้องนอนใหญ่สุดก็จะมีช่องแสงขนาดใหญ่และพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งานด้วยครับ

พื้นที่จอดรถจะเป็นช่องจอดแบบคันเดียว กว้าง 2.6 x 6.3 m. สามารถจอดรถตู้หรือรถกระบะได้สบายๆ โดยพื้นก็จะตัด Joint แยกโครงสร้างออกมาจากตัวบ้านเหมือนเดิมนะครับ ส่วนบริเวณหน้าประตูบ้านเราก็อาจใช้จอดรถมอเตอร์ไซค์เพิ่มได้อีกนิดหน่อยด้วยนั่นเอง

สำหรับบ้านแปลงมุมแบบนี้จะมีการปูพื้นหญ้า พร้อมกับปลูกไม้พุ่มจำพวกไทรเกาหลี และให้ต้นไม้ขนาดกลางมาอีกหนึ่งต้นด้วย ซึ่งเมื่อมองจากถนนภายนอกก็จะดูมีความสดชื่นมากๆครับ

อีกยังช่วยพรางสายตาให้กับพื้นที่ภายในบ้านได้ดีอีกด้วยนะ แต่ถ้าใครที่ชอบสวนในลักษณะอื่นๆ เราก็สามารถจัดสวนแห่งนี้เป็นแบบที่เราชอบได้ตามต้องการเลย

เข้ามาในบ้านเราจะเจอกับ Common Area ซึ่งพื้นที่ส่วนแรกก็จะเป็น Living Area ที่มีระยะดูทีวีกว้าง 2.8 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้พอดี

ถัดเข้ามาก็จะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารที่จะอยู่โซนด้านหลังบ้านนะครับ ซึ่งก็จะมีช่องแสงด้านหลังบ้านอีกหนึ่งจุด ที่ช่วยให้ความสว่างและเปิดระบายอากาศได้ด้วย

โดยทางโครงการก็ Built ทำเป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆมาให้ดูเป็นไอเดีย สามารถอุ่นหรือเตรียมอาหารเบาๆในบ้านได้ครับ

แต่ถ้าใครที่ชอบทำอาหารจริงจัง ผมก็แนะนำให้ทำครัวเพิ่มที่ด้านหลังบ้านแทนดีกว่า เพื่อที่กลิ่น/ควันจะได้ไม่รบกวนพื้นที่พักผ่อนส่วนอื่นในบ้านนะ

ด้านหลังบ้านของจริงก็จะเป็นพื้นคอนกรีตแบบ Slab on Ground และได้ผนังรั้วสูง 3 m. ทั้ง 3 ด้านเหมือนบ้านตัวอย่างก่อนหน้านี้เลยครับ

ซึ่งถ้าใครที่อยากทำครัวไทยเพิ่มเติม ก็สามารถวางหลังคาบนผนังเหล่านี้ได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องตั้งเสาเพิ่มเองให้ยุ่งยากนั่นเอง

อีกด้านหนึ่งของบ้านจะเป็นฟังก์ชันใช้งานอื่นๆอย่าง ห้องน้ำ ห้องเก็บของ และบันไดตามลำดับ

เริ่มกันที่ห้องน้ำจะมีขนาด 1.55 x 1.8 m. เป็นพื้นที่ใช้งานรวมกันระหว่างโซนเปียกและโซนแห้ง ซึ่งการที่มีฟังก์ชันอาบน้ำเพิ่มเข้ามานั้น ก็เผื่อใช้งานในช่วงเวลาเร่งด่วนที่ห้องน้ำชั้นบนไม่ว่าง ก็สามารถแบ่งกันลงมาใช้ที่ห้องนี้ได้ด้วยนั่นเองครับ

โดยสุขภัณฑ์ต่างๆก็ยังคงเป็นของ American Standard ครบเช่นเดิม อีกทั้งยังมีช่องหน้าต่างบานกระทุ้งที่เปิดระบายอากาศได้ด้วยนะ จึงหมดปัญหาเรื่องกลิ่นอับชื้นหรือเชื้อราในห้องน้ำไปได้เลย

ติดกันจะเป็นห้องเก็บของที่อยู่ใต้บันได สามารถใช้เก็บสิ่งของต่างๆที่เราไม่ค่อยได้ใช้งานพอสมควร โดยที่ด้านหน้าห้องก็จะมีพื้นที่ว่างเล็กๆ ให้เราสามารถวางโต๊ะหรือชั้นวางของเล็กๆเพิ่มเติมได้อีกด้วย

บันไดจะเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กที่แข็งแรงทนทาน แต่ที่ชอบมากๆก็คือ “ช่องแสง” ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่จอดรถหน้าบ้านก่อนหน้านี้ได้ด้วย อีกทั้งยังมี Skylight ที่อยู่ด้านบน จึงทำให้โถงบันไดนี้สว่างดีมากๆ ถึงแม้ว่าจะอยู่ตำแหน่งกลางบ้านแบบนี้ก็ตามครับ

และไม่ใช่เพียงแค่บันไดเท่านั้น แต่ช่องแสงนี้ก็ยังส่งผลต่อพื้นที่ชั้น 1 โดยรวมของตัวบ้านด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยดึงแสงสว่างให้ส่องเข้ามาถึงบริเวณกลางบ้านได้ง่ายมากขึ้น จึงทำให้ตัวบ้านดูสว่างและโปร่งโล่งดีนั่นเอง

ชั้น 2 จะมีห้องอยู่ทั้งหมด 4 ห้อง พื้นเป็น SPC ลายไม้เช่นเดิม ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ความสูงฝ้าเพดานที่จะลดลงกว่าบ้านหลังแรกเล็กน้อยอยู่ที่ 2.7 m. แต่ก็ยังถือว่าค่อนข้างสูงกว่าฝ้าเพดานปกติทั่วไปอยู่ดีครับ

สำหรับห้องแรกจะเป็น Master Bedroom ซึ่งจะอยู่บริเวณโซนด้านหน้าบ้านเลย ภายในมีขนาดกว้าง 2.85 x 4 m. สามารถวางเตียง 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ และยังมีพื้นที่เหลือโดยรอบให้ใช้งานได้สะดวกครับ

ทางด้านซ้ายของเตียงจะมีช่องแสงขนาดใหญ่ 2 จุด ซึ่งจะมีการออกแบบพื้นที่ให้มีประโยชน์การใช้งานที่แตกต่างกัน แบ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่างที่อยู่ในห้องจะกว้าง 1.4 x 0.3 m. เหมาะจะใช้เป็นมุมนั่งเล่นหรือวางโต๊ะทำงานได้สบายๆ

ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นระเบียงเล็กๆ ที่มีขนาดเท่ากับพื้นที่อเนกประสงค์ด้านในเลย ซึ่งอาจไม่สามารถเดินออกไปยืนหรือใช้งานได้จริงจังสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ทำให้ห้องนอนนี้ได้มีช่องแสงขนาดใหญ่ และได้บรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่งแบบนี้นั่นเอง

ติดกันจะเป็นห้องนอนเล็กขนาด 2.9 x 2.6 m. สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตได้สบายๆ หรือถ้าใครชอบเตียง 5 ฟุตก็พอจะวางได้แบบพอดีๆ โดยห้องนี้ก็จะอยู่ทางโซนด้านหน้าบ้าน จึงเหมาะที่จะเป็นห้องของลูกคนแรกมากๆครับ

ส่วนห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่งจะอยู่โซนด้านหลังบ้าน ภายในมีขนาดใกล้เคียงกันอยู่ที่ 2.7 x 2.85 m. สามารถใช้เตียง 3.5. – 5 ฟุตได้เลย แต่ถ้าใครที่มีลูกคนเดียวก็อาจปรับเป็นห้องทำงานอื่นๆได้ตามต้องการเลยนะ

สุดท้ายก็คือห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกันทุกๆห้องครับ จุดเด่นที่ชอบมากๆก็คือ “ช่องหน้าต่างบานกระทุ้ง” ที่เราสามารถเปิดระบายอากาศได้ดีเลยทีเดียว

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

Mastery Ville บางนา – เทพารักษ์ ราคา ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2566

  • แบบบ้าน Type A ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 17.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 94 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 2.49 – 3 ล้านบาท
  • แบบบ้าน Type B ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินมาตรฐาน 21.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 131 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 2 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 3.19 – 5 ล้านบาท
  • ค่าจอง 5,000 บาท
  • ค่าทำสัญญา 10,000 – 20,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด แบบบ้าน Type A ราคาตารางวาละ 43,500 บาท  / แบบบ้าน Type B ราคาตารางวาละ 50,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยที่ดินไทย หรือที่คนในพื้นที่รู้จักกันในชื่อ “ซอยคลองอาเสี่ย” ซึ่งเป็นหนึ่งในซอยสำคัญของย่านที่หลายๆคนมักใช้เป็นทางลัด เชื่อมต่อกับถนนสำคัญได้ถึง 3 เส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนเทพารักษ์ ถนนตำหรุ-บางพลี และถนนแพรกษา จึงมีตัวเลือกในการใช้ชีวิตค่อนข้างหลากหลาย รวมถึงยังอยู่ใกล้กับแหล่งงานขนาดใหญ่อย่างนิคมอุตสาหกรรมถึง 2 แห่ง จึงเป็นโครงการที่เหมาะกับคนที่เน้นทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้อยู่แล้วนั่นเอง

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือ “ราคา” ถึงแม้โปรดักส์ทาวน์โฮมในย่านนี้จะมีตัวเลือกอยู่พอสมควร แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2 ล้านปลายๆถึง 3 ล้านต้นๆ ซึ่งโครงการนี้ทำราคาออกมา 2.49 ล้าน จึงนับว่าเป็นหนึ่งในโครงการทาวน์โฮมที่มีราคาจับต้องได้ง่าย โดยแลกกับขนาดพื้นที่ใช้สอยที่อาจน้อยลงกว่าเพื่อนบ้าน 20 – 30 ตร.ม. แต่ยังคงได้ฟังก์ชันครบและใช้เทคนิคการออกแบบไม่ให้ตัวบ้านรู้สึกแคบหรืออึดอัดมาทดแทนครับ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ตัวโครงการมีทางเข้า-ออกแค่ทางเดียว โดยใช้ระบบสัญญาณ Bluetooth ที่ไม้กั้นกระดกจะเปิดให้อัตโนมัติเหมือนทางด่วน พร้อมกับมีกล้อง CCTV และ รปภ. คอยดูแลรักษาความปลอดภัย 24 ชม. ส่วนภายในบ้านจะไม่ได้มีระบบใดๆให้นะครับ ซึ่งเราสามารถติดตั้งเพิ่มเติมเองได้ถ้าต้องการ

การออกแบบโครงการ : ผมชอบที่เค้ารู้จักใช้ประโยชน์จากจุดเด่นของวิวทะเลสาบ และดึงเอาศักยภาพของทำเลตัวเองที่แตกต่างจากเพื่อนบ้านโครงการอื่นๆออกมา โดยออกแบบให้อาคาร Clubhouse อยู่ด้านหน้าสุด ซึ่งบนชั้น 2 – 3 จะสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบนี้ได้จริง อีกทั้งการที่นำส่วนกลางทั้งหมดมาไว้ด้านหน้าแบบนี้ ยังช่วยในเรื่องของบรรยากาศและการปรับอารมณ์เวลาเข้า-ออกโครงการได้ดีอีกด้วย

ส่วนผังโครงการจะมีการแบ่งโซนที่โปรดักส์กันค่อนข้างชัดเจน ทำให้สามารถเลือกได้ง่ายไม่ซับซ้อน โดยทาวน์โฮมหลังใหญ่จะอยู่ทางโซนใกล้สวนด้านหน้า ทำให้สามารถมาใช้งานได้สะดวก ส่วนทาวน์โฮมหลังเล็กจะอยู่ถัดเข้ามาด้านในสุดของโครงการเลย ก็จะได้เรื่องของความเป็นส่วนตัวไม่พลุกพล่านครับ แต่ทั้งนี้ตำแหน่งบ้านก็ส่งผลต่อราคาที่ดิน/ตร.วา ด้วยเช่นกัน ยังไงก็อย่าลืมพิจารณาถึงความคุ้มค่าและความเหมาะสมด้วยนะ

การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : มีการออกแบบ “ช่องแสง” ได้ดี ซึ่งตรงบริเวณโถงบันไดนอกจากจะมีช่องแสงจากด้านหน้าบ้านแล้ว ยังมีช่อง Skylight จากบนฝ้าเพดานด้วย จึงทำให้พื้นที่บริเวณกลางบ้านสว่างแบบไม่ต้องพึ่งการเปิดไฟในตอนกลางวันเลย โดยเฉพาะทาวน์โฮมหลังเล็กจะเห็นได้ชัดสุด เพราะจะมีการเว้นพื้นที่เข้ามาและทำเป็นผนังกระจก ซึ่งเป็นตำแหน่งบริเวณกลางบ้านพอดี จึงทำให้แสงสว่างสามารถส่องเข้ามาจนถึงกลางบ้านได้นั่นเองครับ

ทาวน์โฮมจะมีให้เลือก 2 แบบ ซึ่งก็มีฟังก์ชันที่แตกต่างกันออกไป จึงเหมาะกับครอบครัวที่มีความต้องการไม่เหมือนกัน โดยทาวน์โฮมหลังเล็กหน้ากว้าง 5.7 m. ถึงแม้จะมีที่จอดรถแค่คันเดียว แต่ก็มีความลึกมากพอที่จะจอดรถตู้หรือรถกระบะได้ อีกทั้งห้องนอนเล็กสองห้องชั้นบนก็ยังมีขนาดใหญ่พอๆกันทั้งคู่ แบบสามารถใช้วางเตียง 5 ฟุตได้เลยครับ

ส่วนทาวน์โฮมหลังใหญ่จะมีที่จอดรถ 2 คันสบายๆ จึงเหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 3 – 4 คน โดยชั้นล่างของตัวบ้านมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งาน สามารถกั้นผนังทำเป็นห้องอะไรก็ได้ ส่วนห้องน้ำชั้นบนก็สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางสะดวก แอบเสียดายนิดหน่อยที่ห้องนอนชั้นบนไม่สามารถทุบผนัง เพื่อเชื่อมต่อให้กลายเป็นห้องใหญ่ได้ เพราะเป็นผนังแบบ Precast นั่นเองครับ

วัสดุ : โครงสร้างเป็น Precast หรือผนังคอนกรีตสำเร็จรูปจาก SCG มีความแข็งแรงทนทาน และช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันได้ดี แต่ก็มีข้อจำกันคือการทุบ/เจาะ/ต่อเติม จะทำได้ค่อนข้างยากกว่าผนังชนิดอื่นๆ ซึ่งจำเป็นห้องปรึกษาวิศวกรหรือช่างโครงการก่อนให้ดีๆนะครับ

และที่ชอบอีกอย่างก็คือ กำแพงด้านหลังบ้านที่มีความสูงเป็นพิเศษ โดยหากใครที่ต้องการจะต่อเติมครัวไทยก็สามารถวางหลังคาบนกำแพงได้เลย แบบไม่ต้องทำเสาเพิ่มเองให้ยุ่งยาก แต่ก็อาจต้องเผื่อเงินในการทำครัวเพิ่มเองอีกที ส่วนพื้นที่จอดรถและลานซักล้างจะเป็น Slab on Ground และได้สุขภัณฑ์จาก American Standard เป็นมาตรฐาน

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ส่วนตัวคิดว่าตอนสร้างเสร็จแล้วน่าจะมีบรรยากาศค่อนข้างดีเลยครับ เพราะบริเวณด้านหน้าโครงการจะถูกจัดเป็นพื้นที่สวนสีเขียวกว่า 1 ไร่ ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นเป็นอย่างดี และบ้านหลังแปลงมุมที่อยู่ริมถนน Main ก็จะมีที่ดินข้างๆที่ปลูกต้นไม้จัดสวนไว้ให้แล้ว โดยรั้วบ้านก็จะเป็นเหล็กโปร่งครับ ดังนั้นเวลาขับรถเข้าไปด้านในโครงการ เราก็จะมองเห็นต้นไม้ที่อยู่ริมรั้วบ้านไปได้ตลอดเส้นทางเลยนั่นเอง

สาธารณูปโภค : ส่วนกลางมีฟังก์ชันหลักๆมาให้ใช้งานครบ ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ ล็อบบี้ ห้องออกกำลังกาย สนามบาส และสนามเด็กเล่น พร้อมกับมีพื้นที่สวนอีกกว่า 1 ไร่ ซึ่งภาพรวมถือว่าให้มาค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต ทีเด็ดก็คือวิวชั้นบนของอาคาร Clubhouse ที่เราสามารถออกกำลังกายไปพร้อมกับชมวิวทะเลสาบไปด้วยได้นั่นเอง

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 2.49 – 5 ล้านบาท, 3 พฤษภาคม 2566

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – อยู่ภายในซอยที่เชื่อมต่อถนนใหญ่ได้ มีร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ ไม่ไกลจากนิคมและวงแหวนกาญจนาฯ
  • ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วกั้นไม้กระดก, Keycard Access, CCTV, รปภ. 24 ชั่วโมง
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 7.75/10 – ออกแบบช่องแสงดี บรรยากาศสว่างโปร่งโล่ง มีทาวน์โฮมให้เลือก 2 แบบ
  • วัสดุ 7.5/10 – โครงสร้างผนัง Precast จาก SCG และให้รั้วหลังบ้านทรงสูงมา ทำให้ต่อเติมเป็นครัวไทยได้ง่ายขึ้น
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – ให้พื้นที่สวนประมาณ 1 ไร่ ปลูกต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่นดี และมีต้นไม้ที่แปลงมุมทุกหลัง บรรยากาศริมถนนหลักค่อนข้างสดชื่น
  • สาธารณูปโภค 8/10 – มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ ถือว่าให้มาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต และอาคาร Clubhouse ชั้นบนมองเห็นวิวทะเลสาบได้
  • 7.64 / 10.00

Mastery Ville บางนา – เทพารักษ์ เหมาะกับใคร

โครงการ Mastery Ville บางนา – เทพารักษ์ เหมาะกับคนที่มองหาทาวน์โฮม 2 ชั้นในย่านตำหรุ-บางพลี ที่อยู่ในซอยสามารถเข้า-ออกได้หลายทาง และใกล้นิคมอุตสาหกรรมถึง 2 แห่ง โครงสร้างบ้านเป็นผนัง Precast จาก SCG มีความแข็งแรงได้คุณภาพ ออกแบบช่องแสงมาดีได้ความโปร่งโล่ง พื้นที่ส่วนกลางให้มาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต ที่สำคัญหรือ Clubhouse สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้อีกด้วย และมีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 2.49 – 5 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 17,000 – 35,000 บาท


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc