รีวิวฉบับที่ 2120 … นานๆที Think of Living จะมีโอกาสได้พามารีวิวบ้านต่างจังหวัดไกลๆกันบ้างนะครับ และวันนี้เราก็จะมารีวิวกันที่โครงการ Escent Town พิษณุโลก จาก CPN ซึ่งทำเลจะอยู่ด้านหลังห้างเซ็นทรัลเลยครับ เป็นบ้าน 2 ชั้น และ 2.5 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 m. ซึ่งมีฟังก์ชันเสริมให้เลือกปรับเปลี่ยนกันได้หลายจุดมาก จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยครับ

ข้อมูลโครงการ

Fact @ 27 August 2020

  • Escent Town Phitsanulok (เอสเซ็นท์ ทาวน์ พิษณุโลก)
  • บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ถ.สิงหวัฒน์ ต.พลายชุมพล อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก
  • เนื้อที่โครงการ 40-0-62.4 ไร่ จำนวน 358 ยูนิต
  • ทาวน์โฮม A  สูง 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 21.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 141 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
  • ทาวน์โฮม B  สูง 2.5 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 21.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 165 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 2 ห้องอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 3.35 ล้านบาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : ธ.ค. 62
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : n/a
  • เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • สำนักงานขาย : 092-907-2153

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 16.839934, 100.229907
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการตั้งอยู่ด้านหลังห้างเซ็นทรัลเลยครับ โดยจะอยู่เยื้องไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวเมืองเล็กน้อย และเป็นห้างเซ็นทรัลเดียวในละแวกภาคเหนือตอนล่างนี้ ซึ่งคนในจังหวัดใกล้เคียงอย่าง พิจิตร, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และกำแพงเพชร ที่ต้องการมาเดินเซ็นทรัล ก็จะมาเดินที่นี่เช่นกัน

ความอุดมสมบูรณ์สูงสุดของจังหวัดจะอยู่แถวๆสถานีรถไฟ ซึ่งคนในพื้นที่เค้าเรียกว่า “ตลาดใต้” ยิ่งช่วงเย็นๆบรรยากาศจะคึกคักมากๆเลยครับ หรือจะมาเดินซื้อของชิลๆที่ถนนคนเดินก็ได้ ส่วนสถานที่สำคัญอื่นๆอย่างท่าอากาศยานพิษณุโลก และมหาวิทยาลัยนเรศวร ก็จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 – 30 นาที ซึ่งทำเลต่างจังหวัดแบบนี้ก็รถไม่ค่อยติดครับ ถือว่าสะดวกอยู่เหมือนกัน (จะติดแค่ช่วงเย็นๆ แถวๆตลาดใต้ และหน้าห้างเซ็นทรัลนิดหน่อย)

ค่ายลูกเสือของทหารอากาศ ที่อยู่ใกล้ๆสนามบิน ที่ชอบมีคนมาวิ่งและปั่นจักรยานกันบ่อยๆ และมีอนุสาวรีย์พระนเรศวรตั้งอยู่ด้วยครับ

และโดยส่วนตัวผมมองกลุ่มลูกค้าแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ

  1. ข้าราชการ : โดยศูนย์ราชการสำคัญๆจะตั้งอยู่บนถนนสิงหวัฒน์ ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของโครงการ การเดินทางค่อนข้างสะดวก รวมถึงมีค่ายทหารอยู่อีกด้วย เช่น ค่ายนเรศวร หรือค่ายทหารอากาศรอบๆสนามบิน เป็นต้น
  2. หมอ/พยาบาล : เพราะในตัวเมืองพิษณุโลกมีโรงพยาบาลใหญ่ๆ อยู่ค่อนข้างเยอะเหมือนกันครับ
  3. บ้านหลังที่สอง : บางคนอาจซื้อไว้มาพักผ่อนในช่วงวันหยุด หรือซื้อไว้ให้ลูกอยู่อาศัยระหว่างเรียนมหาลัย จะได้ไม่ต้องไปเช่าหออยู่ มีความปลอดภัยมากกว่า พ่อแม่มาเที่ยวหาและค้างด้วยได้ แถมยังเป็นทรัพย์สินในอนาคตได้อีกด้วยครับ

และสำหรับสายเที่ยว จะมีโซนร้านสวยๆผมแนะนำคือแถวๆ “ถนนวังจันทน์” ซึ่งจะเป็นร้านอาหารริมแม่น้ำน่าน หรือใครจะตามมาเที่ยวคาเฟ่สไตล์ทุ่งนาแบบผมก็ได้นะ จะอยู่แถวๆชานเมืองตรงถนนเลี่ยงเมืองพิษณุโลกครับ บรรยากาศค่อนข้างดีทีเดียว

การเดินทางวันนี้ผมนั่งเครื่องบินมาจากกรุงเทพ พอลงเครื่องมาก็เช่ารถแล้วขับมาจากสนามบินพิษณุโลก ขับตรงผ่านตัวเมืองมาแล้วเข้าสู่ถนนสิงหวัฒน์ เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก(สุโขทัย) ขับตรงมาเรื่อยๆจนถึงห้างเซ็นทรัล จากนั้นก็เลี้ยวเข้าสู่ตัวห้างไปตามทางเรื่อยๆ ผ่านที่จอดรถไปแล้วจะเจอกับตัวโครงการอยู่ทางด้านหลังซ้ายมือครับ

Image 1/7
วันนี้ผมนั่งเครื่องบินมาครับ

วันนี้ผมนั่งเครื่องบินมาครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

ตัวโครงการจะอยู่ด้านหลังห้างเซ็นทรัล ซึ่งจะใช้ทางเข้า-ออกเดียวกับตัวห้าง และต้องมีการรับบัตรจอดรถของเซ็นทรัลด้วยเช่นกัน (โดยที่นี่ไม่จำกัดเวลาหรือเสียค่าจอดครับ แต่ต้องดูแลรักษาบัตรดีๆไว้คืนตอนออกด้วยนะ)

บริบทโดยรอบยังคงเป็นที่ว่างและบ้านพักอาศัยแนวราบ รวมถึงจะมีที่ดินอีกแปลงซึ่งมีขนาดใหญ่มาก และเป็นที่ของเซ็นทรัลเอง อนาคตจะเป็นโปรดักส์อะไรนั้นคงต้องรอติดตามกันต่อไปครับ โดยสภาพแวดล้อมโดยรอบสามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่างรอการพัฒนา
  • ทิศใต้ : ติดกับ ที่ว่างและบ้านพักอาศัย
  • ทิศตะวันออก : เป็นด้านหน้าโครงการ ติดกับถนนทางเข้าจากห้างเซ็นทรัล และฝั่งตรงข้ามเป็นที่ว่างรอการพัฒนา
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ ที่ว่างและคลองสาธารณะ

และนี่คือบรรยากาศของถนนด้านหน้าโครงการที่เข้ามาจากห้างเซ็นทรัลครับ ซึ่งทำเป็นพื้นคอนกรีตดูเรียบร้อยดี

ส่วนถนนอีกด้านปัจจุบันจะมาสิ้นสุดที่ตรงนี้ ซึ่งสำหรับคนที่สนใจจะมาเยี่ยมชมโครงการ อาจต้องรบกวนจอดรถตรงนี้นะครับ และทางโครงการจะมีรถกอล์ฟพาเข้าไปด้านใน ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวของลูกบ้านในโครงการนั่นเอง

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • เซ็นทรัล พลาซ่า พิษณุโลก ~ 350 m.
  • วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ~ 4.9 km.
  • สถานีรถไฟ พิษณุโลก ~ 6 km.
  • ถนนคนเดินพิษณุโลก ~ 6.3 km.
  • รพ. พุทธชินราช ~ 7.3 km.
  • รพ. พิษณุโลก ~ 7.5 km.
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ~ 8 km.
  • สนามบิน พิษณุโลก ~ 12.4 km.
  • รร. วิทยาศาสตร์ จุฬาภรณราชวิทยาลัย พิษณุโลก ~ 15.6 km.
  • มหาวิทยาลัยนเรศวร ~ 18 km.

รายละเอียดโครงการ

Master Plan ผมขอแบ่งการอธิบายเป็น 3 เรื่องหลักๆด้วยกัน คือ

1.) Access : การเข้าถึงโครงการ จำเป็นจะต้องผ่าน Gate หรือซุ้มประตูอย่างน้อย 2 จุดด้วยกันครับ จุดแรกคือเราจะต้องรับบัตรจอดรถของห้างเซ็นทรัลก่อน ซึ่งจะต้องเก็บรักษาดีๆเพื่อไว้คืนในตอนขาออกด้วย (ไม่เสียเงินและไม่จำกัดเวลาสำหรับสาขานี้) ส่วนอีกจุดนึงคือตรงซุ้มประตูทางเข้าโครงการ (โดยใช้ระบบ RFID หรือ Easy pass)

และในอนาคตก็จะมีการกั้นไม้กระดกอีกชั้นหนึ่ง คือบริเวณโซน Facilities ด้านหน้า สำหรับ Visitor ที่มาติดต่อ ซึ่งจะเข้ามาได้แค่ส่วนนี้เท่านั้น ทำให้โซนที่พักอาศัยด้านในยังได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ นอกจากนี้ในอนาคตยังจะมีทางเข้า-ออกอีกจุดหนึ่ง (สำหรับลูกบ้านเท่านั้น) ซึ่งจะออกไปยังถนนเลียบคลองด้านหลังได้ด้วยครับ

2.) ถนนหน้าโครงการ : ปัจจุบันเป็น “ถนนส่วนบุคคล” ของเซ็นทรัลเอง แต่ในอนาคตทางโครงการแจ้งว่าจะกลายเป็น “ถนนภาระจำยอม”  ซึ่งมีข้อดีคือ ลูกบ้านจะสามารถใช้ถนนเส้นนี้ในการเข้า-ออก ร่วมกับตัวห้างและโครงการอื่นๆได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีการปิดถนน ยกเลิกเส้นทาง หรือมีการเก็บค่าผ่านทางในภายหลังเหมือนถนนส่วนบุคคลทั่วไป เพราะภายในก็ยังมีที่ดินรอการพัฒนาของเซ็นทรัลอยู่อีกครับ (ซึ่งอนาคตจะกลายเป็นโปรดักส์อะไรบ้าง คงต้องรอติดตามกันต่อไปนะ ^^)

3.) การวางผังโครงการ : เมื่อเข้ามาจากซุ้มประตู ส่วนพักอาศัยจะถูกแบ่งออกเป็น 2 โซน และคั่นด้วย Facilities ที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งทำให้บ้านแต่ละโซนมาใช้งานส่วนกลางได้ไม่ยากนัก และยังช่วยลดความหนาแน่นของเพื่อนบ้านฝั่งนั้นๆลงได้อีกด้วย โดยบ้านแต่ละโซนจะหันไปในทิศทางที่ต่างกัน (ฝั่งซ้ายจะหันไปทิศตะวันออก-ตะวันตก ส่วนฝั่งขวาจะหันไปทางทิศเหนือ-ใต้)

ซึ่งจุดที่ผมชอบคือ การวางผังของบ้านฝั่งขวา เพราะนอกจากจะหันไปในทิศทางที่รับลมได้ดี แดดไม่ร้อนมากแล้ว ยังมีความเป็นส่วนตัวจากถนนหน้าบ้านอีกด้วย อย่างถนน Main จะมีเกาะกลางช่วยเพิ่มระยะห่างจากบ้านฝั่งตรงข้ามมาได้พอสมควร (ซึ่งถ้าเค้าปลูกต้นไม้ด้วยจะดีมากๆ เพราะช่วยบังสายตาฝั่งตรงข้ามได้ดีเลย) และยังมีบ้านบางส่วนที่หันออกไปนอกโครงการ ไม่ปะทะกับเพื่อนบ้านโดยตรง และมีถนนคั่นเพื่อความปลอดภัยอีกด้วย (เป็นพื้นที่ในเฟสอนาคต ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ครับ)

ซุ้มประตูทางเข้าโครงการจะเป็นสไตล์ Modern เรียบๆ ตกแต่งด้วยสีเอิร์ทโทน และแบ่งช่องการเข้า-ออกชัดเจน โดยคั่นด้วยป้อมยามที่อยู่ตรงกลาง

.

และนอกจากนี้ยังแบ่งช่องสำหรับลูกบ้านและ Visitor ออกจากกันอีกด้วยครับ ทำให้เวลามีแขกกำลังแลกบัตรกับ รปภ. ลูกบ้านก็ไม่ต้องคอยต่อคิวนั่นเอง ซึ่งระบบเข้า-ออกจะใช้เป็น RFID หรือ Easy pass แบบทางด่วน ขับผ่านเข้าไปได้เลยค่อนข้างสะดวก โดยประตูเหล็กรางเลื่อนแบบนี้อาจต้องใช้เวลาเปิด-ปิดนานกว่าไม้กั้นกระดกหน่อยนะครับ แต่ก็มีความสวยงามและปลอดภัยมากกว่าด้วยเช่นกัน

เข้ามาด้านในจะเจอทางแยกซ้าย-ขวา ซึ่งผมจะพาไปชมทางซ้ายก่อนครับ เพราะกลุ่มบ้านคลัสเตอร์แรกนี้คือ สำนักงานขายและบ้านตัวอย่างในปัจจุบัน รวมถึงฝั่งตรงข้ามบ้านจะเป็นจุดจอดรถของ Visitor หรือลูกบ้านที่จะขับมาใช้งานสวนที่อยู่ถัดไปด้วยครับ

สวนจะเป็นแนวยาวขนานไปกับถนน ขนาดประมาณ 1 ไร่กว่าๆ มีทางเดินและ Jogging track ให้วิ่งออกกำลังกายได้ ส่วนต้นไม้ใหญ่จะประกอบด้วย ต้นตีนเป็ดน้ำ ต้นกระพี้จั่น และต้นสนฉัตร ซึ่งในอนาคตก็จะสูงใหญ่และให้ร่มเงามากกว่านี้อีกครับ

บริเวณกลางสวนจะมีสนามเด็กเล่นให้พาน้องๆมาออกกำลังได้นะ ส่วนบ้านที่หันหน้าเข้าหาสวนแถบนี้ขายหมดแล้วครับ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดี มองเห็นสวนได้ แลกกับถนนหน้าบ้านจะมีรถผ่านไป-มาคึกคักอยู่สักหน่อย

และตรงปลายสวนจะเป็นวงเวียนขนาดใหญ่ พร้อมกับมีศาลาเล็กๆให้นั่งพักผ่อนได้ด้วย

ต่อไปเราจะมาดูทางด้านขวาของซุ้มประตูทางเข้ากันบ้างครับ ซึ่งจะมีอาคาร Clubhouse ตั้งอยู่หลังแรกเลย

ตัวอาคารจะเป็น 2 ชั้นสไตล์เรียบๆ พร้อมกับมีที่จอดรถอยู่ด้านหน้าประมาณ 4 – 6 คัน

ทางขึ้นอาคารจะมีทั้งแบบบันไดและทางลาด ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุหรือคนที่ใช้รถเข็นมากๆ โดยผมแนะนำให้เพิ่มทางลาดบริเวณก่อนขึ้นฟุตบาทด้วยจะดีครับ

.

เมื่อเข้ามาในอาคารจะเจอกับทางแยกครับ ช่องหน้าต่างซ้ายมือเป็นห้องนิติบุคคล เอาไว้มาติดต่อธุระต่างๆได้ และถ้าเราเลี้ยวซ้ายมาอีกก็จะเจอ Kids Room ด้วยนะ

ซึ่งภายในก็จะมีของเล่นเด็ก เหมาะที่จะพาน้องๆมาเล่นตอนช่วงเวลากลางวัน ส่วนช่วงเย็นๆแดดร่มๆ ก็ค่อยพาน้องๆออกไปเล่นกลางแจ้งกันด้านนอกต่อก็ได้ครับ

.

หันกลับมามองตรงหัวมุมทางเดินจะเป็นจุดล้างตัว ซึ่งเค้าทำผนังเป็นช่องๆดูเก๋ทีเดียว ช่วยพรางสายตาได้หน่อยแต่ก็ไม่ดูอึดอัด แต่จะมีระยะทางเดินจากสระมาสักหน่อยนะครับ (ไม่ได้ล้างตัวปุ๊ปแล้วลงได้เลย) ส่วนซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง

ซึ่งภายในจะมีทั้งโถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำ และตู้ล็อคเกอร์เอาไว้พร้อมเลย แต่ที่ชอบก็คงจะเป็น Skylight ที่อยู่ระหว่างห้องน้ำหญิงและชาย ซึ่งให้บรรยากาศปลอดโปร่งเหมือนรีสอร์ทเลยครับ

ส่วนอีกด้านของอาคารจะเป็นสระว่ายน้ำ ขนาด 5 x 25 m. สามารถว่ายออกกำลังกายกลางแจ้งได้จริงจังเลย

หรือถ้าใครกลัวร้อนแต่อยากนั่งแช่น้ำชิลๆในช่วงกลางวัน เค้าก็จะมีสระส่วนหนึ่งที่อยู่ในร่มด้วยนะ รวมถึงมีสระเด็กขนาด 2.5 x 6 m. แยกเอาไว้ด้วย โดยจะอยู่ด้านหลังจุดล้างตัวก่อนหน้านี้

ส่วนเรื่องความเป็นส่วนตัวก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะตัวสระจะถูกอาคาร Clubhouse โอบล้อม พร้อมกับหันเข้ามาด้านใน และมีแนวต้นไม้ทรงสูงช่วยบังสายตาจากถนนภายนอก ทำให้เล่นน้ำหรือนอนอาบแดดได้ชิลๆไม่ต้องเคอะเขินเลยครับ

ส่วนห้องที่อยู่ด้านล่างจะมีโซฟาและโต๊ะให้มานั่งเล่นพักผ่อน หรือใช้เป็นที่รับรองแขกกันได้ ซึ่งโดยรอบยังเป็นกระจกให้มองออกไปชมวิวสระ และธรรมชาติภายนอกได้อีกด้วยครับ

แถมอีกสักมุมซึ่งจะเป็นโต๊ะยาวให้นั่งจริงจังกันได้หลายคนเลย

.

ต่อไปเราจะขึ้นบันไดไปชั้น 2 กันต่อครับ ซึ่งก็จะมีอยู่ห้องเดียวเท่านั้น

ภายในคือ Fitness ที่มีเครื่องออกกำลังกายอยู่ค่อนข้างหลายชิ้นทีเดียว

โดยเฉพาะโซนเครื่องคาร์ดิโอเราสามารถวิ่งไปพร้อมกับชมวิวสระ สวน และมองเห็นห้างเซ็นทรัลด้านหน้าได้อีกด้วย

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5 x 25 ม.
  • สระเด็ก
  • Fitness
  • Kids Room
  • สนามเด็กเล่น
  • สวนสาธารณะ ขนาด 1-0-98.1 ไร่
  • Jogging track
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 2.6  ม. + รั้วโปร่ง 60 cm.
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic ทุกหลัง
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
  • ประตูรั้วโครงการแบบ ประตูเหล็กเลื่อนไฟฟ้า 2 ตอนทางด้านหน้า และไม้กั้นกระดกบริเวณส่วนกลาง (Double Access)

แบบบ้าน

แบบบ้านของโครงการนี้มี 2 Type ซึ่งเป็นโปรดักส์ทาวน์โฮมประกอบด้วย

  • ทาวน์โฮม A  สูง 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 21.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 141 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องอเนกประสงค์
  • ทาวน์โฮม B  สูง 2.5 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 21.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 165 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 2 ห้องอเนกประสงค์

โครงสร้างบ้านเป็นอิฐมวลเบา ทำให้สามารถทุบหรือต่อเติมได้ง่าย รวมถึงยังมี Option เสริมอื่นๆ อย่างการเพิ่มหลังคาโรงจอดรถด้านหน้า หลังคาลานซักล้างหลังบ้าน การกั้นผนังห้องอเนกประสงค์ และยังสามารถเลือกจำนวนที่จอดรถได้ว่าจะเป็น 1 หรือ 2 คันได้อีกด้วย โดยรายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างเราไปชมกันเลยครับ

เริ่มกันที่ทาวน์โฮม 2.5 ชั้น ซึ่งถือว่าเป็นโปรดักส์ที่ค่อนข้างแปลกใหม่ เพราะปกติเราจะเจอทาวน์โฮมที่สูง 2 , 3 และ 3.5 ชั้นมากกว่าครับ โดยภาพรวมจัดเป็นทาวน์โฮมที่มีการเล่นระดับของฟังก์ชันค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะโซนด้านหลังบ้านซึ่งจะเป็นชั้นลอย จึงทำให้พื้นที่ Living area และ Master Bedroom ที่อยู่ทางด้านหน้า กลายเป็นห้องฝ้าเพดานสูง 3.5 – 3.6 m. ซึ่งมีความโปร่งโล่งอย่างมาก ส่วนพื้นที่อื่นๆจะมีความสูงปกติอยู่ที่ 2.5 – 2.7 m. ครับ

บ้านหลังนี้เหมาะกับคนที่ชอบความแปลกใหม่ และมีความยืดหยุ่นของฟังก์ชันค่อนข้างสูง เป็นบ้านหน้ากว้าง 5.7 m. ที่สามารถจอดรถได้ 2 คันสบายๆ (แต่ถ้ามีรถคันเดียวก็มี Option ปรับให้อีกครึ่งนึงเป็นพื้นหญ้าได้) ส่วนพื้นที่ทานอาหารชั้น 1 กับพื้นที่อเนกประสงค์บนชั้นลอย ก็สามารถกั้นทำเป็นห้องเพิ่มเติมได้อีก (จากปกติ 3 ห้องนอน ก็อาจกลายเป็นบ้าน 4 – 5 ห้องนอนได้เลย) เหมาะกับคนที่ต้องการห้องนอนหลายห้อง หรืออยากได้ฟังก์ชันอื่นๆเพิ่มขึ้นนั่นเองครับ แลกกับห้องนอนเล็กต่างๆเหล่านี้ เวลามาใช้งานห้องน้ำอาจต้องมีการขึ้น-ลงบันไดอยู่สักหน่อยนะ ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยครับ

หน้าตา Facade จะเป็นสไตล์ Modern และใช้สีเทาอมฟ้าทำให้ดูทันสมัยและเย็นตามากขึ้น

ก่อนอื่นผมขอพามาดูบ้านมาตรฐานกันก่อนครับ อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าทางโครงการจะมีโปรโมชันทำหลังคาจอดรถให้ด้วย เพื่อเป็นมาตรฐานแบบเดียวกันทุกหลัง ซึ่งผมว่าดีเพราะจะได้ไม่ต้องจอดรถตากแดดตากฝน หรือเสียเวลาไปหาช่างมาทำเองครับ

ส่วนถ้าใครที่เลือกบ้านที่จอดรถคันเดียว เค้าจะเตรียมพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นพื้นดินเอาไว้ (แบบภาพซ้ายล่าง) แล้วจะปูหญ้าให้เราก่อนโอนบ้านครับ เพื่อที่หญ้าจะได้ยังสวยและใหม่ในตอนที่จะเข้าอยู่นั่นเอง ส่วนพื้นที่จอดรถจะเป็นแบบ On Ground ไม่ได้ลงเสาเข็มนะครับ

และอีกจุดหนึ่งที่แปลกดีคือลักษณะของประตูรั้วบานเฟี้ยม ซึ่งตรงรั้วบ้านจะมีบานเล็กๆประมาณ 30 cm. ยื่นออกมาข้อหนึ่ง ส่วนตัวผมมองว่า อาจช่วยลดปัญหาการจอดรถกระบะภายในบ้านซึ่งมีความยาวกว่ารถปกติได้ (ไม่ต้องจอดที่ถนนหน้าบ้าน) แลกกับการใช้งานจะยุ่งยากกว่าบานเลื่อนนิดหน่อย เพราะมีข้อต่อและบานพับเพิ่มขึ้นครับ

กลับมาที่บ้านตัวอย่างกันอีกครั้ง ก่อนเข้าประตูกระจกบานเลื่อนจะมีเฉลียงบ้านยก step ขึ้นมาชั้นหนึ่ง ช่วยกันสิ่งสกปรกไม่ให้กระเด็นเข้าบ้าน หรือเอาไว้ถอด-ใส่รองเท้ากันได้ตรงนี้ครับ

เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับ Living area ที่เป็นฝ้าเพดานสูง 3.6 m. ซึ่งให้ความรู้สึกโปร่งโล่งดีมากๆ ส่วนพื้นที่ด้านหลังของบ้านฝ้าเพดานจะสูง 2.5 m.

และสำหรับบ้านตัวอย่างหลังนี้จะกั้นห้องอเนกประสงค์มาให้ดูด้วยครับ โดยฟังก์ชันนี้จะถูก Fixed เอาไว้ในแต่ละแปลง สามารถสอบถามที่หน้างานได้ครับว่าหลังไหนกั้นหรือไม่กั้นผนังแบบนี้มาให้

.

ซึ่งหากเราเลือกบ้านที่กั้นผนังมาให้ เราก็จะได้ห้องอเนกประสงค์หรือห้องนอนเพิ่มอีกห้องแบบนี้ โดยบ้านตัวอย่างก็วางเตียงมาให้ดูแล้วว่าสามารถวางได้จริง (ขนาด 2.6 x 3 m.) ส่วนขวามือก็เป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดออกไปหลังบ้านได้ครับ ซึ่งก็ทำให้ห้องนี้ดูสว่างและโปร่งโล่งดีทีเดียว

.

อีกข้อสังเกตหนึ่งของแบบบ้านที่กั้นผนังเพิ่ม อาจต้องแลกมากับฟังก์ชันโซฟาที่ไม่ตรง Center กับทีวีนัก เนื่องจากโต๊ะทานอาหารจะถูกขยับให้เข้ามาใกล้มากขึ้นและมีพื้นที่จำกัด ส่วนระยะดูทีวีจะอยู่ที่ 4 m. และของจริงด้านหลังจะมีห้องเก็บของใต้บันไดอีกด้วยครับ

ส่วนอีก 2 ประตูคือ ห้องครัวและห้องน้ำ ถ่ายรูปจากบ้านมาตรฐานของจริง ก็จะเห็นว่าได้เป็นประตูแบบมีช่องหน้าต่างแบบนี้ด้วยครับ ซึ่งได้ความโปร่งโล่งดี และช่วยลดอุบัติเหตุเปิดประตูชนกันด้วยนะ

ส่วนภายในครัวของจริงจะได้เป็นห้องโล่งๆเลย โดยจะทิ้งท่อน้ำและงานระบบต่างๆเอาไว้ให้ แต่พวกเคาร์เตอร์และตู้อาจจะต้อง Built in เองนะครับ

และอีกเรื่องหนึ่งที่โครงการให้มาค่อนข้างดี คือระบบรักษาความปลอดภัยแบบ “Magnetic” ซึ่งจะติดอยู่ที่ประตูหน้าต่างทุกบานของบ้านเลยครับ อย่างในห้องครัวนี้ก็จะเห็นได้ชัดว่ามีถึง 3 จุดแล้ว

และเมื่อเปิดประตูมาก็จะเจอกับส่วนซักล้างหลังบ้าน ซึ่งกว้างประมาณ 2 m. พร้อมกับเทพื้นคอนกรีตและลงเสาเข็มยาวลึกเท่าตัวบ้านไปจนถึงรั้ว สามารถรองรับการต่อเติมทำเป็นครัวไทยได้ รวมถึงจะมีโปรโมชันทำหลังคาให้อีกด้วยครับ

.

ส่วนห้องน้ำจะให้สุขภัณฑ์ต่างๆเป็นของ Cotto ครบตามนี้เลยครับ พร้อมกับมีส่วนอาบน้ำมารองรับฟังก์ชันห้องนอนที่อาจเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย เพียงแต่อาจต้องกั้นกระจกหรือม่านเองนะครับ

.

กลับมายังโถงบันไดด้านหน้าเพื่อขึ้นไปยังชั้น 2 ซึ่งเป็นโครงสร้างเหล็กและปิดผิวด้วยไม้ประสาน (กว้าง 1 m. ลูกตั้ง 20 cm. ลูกนอน 25 cm.) มีช่องแสงและราวจับมาให้เพื่อความปลอดภัย

และเมื่อขึ้นมาจะเป็นชั้นลอย ฝ้าเพดานสูง 2.7 m. และพื้นจะเปลี่ยนเป็นไม้ลามิเนต โดยของจริงจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์โล่งๆ ให้ทำเป็น Family area หรือจะกั้นผนังทำเป็นห้องส่วนตัวเพิ่มก็ยังได้ครับ

ซึ่งสามารถกั้นได้ 2 แบบคือ หากกั้นเป็นผนังตรงๆ เราก็ยังได้พื้นที่อเนกประสงค์และช่องแสงบริเวณโถงบันไดนี้อยู่ แต่หากเราต้องการพื้นที่ห้องนี้ใหญ่ๆ ก็สามารถกั้นเป็นห้องรูปตัว L ได้ครับ โดยโถงบันไดอาจดูมืดและอึดอัดลงไปพอสมควร

อีกมุมหนึ่งของชั้นลอยซึ่งจะเห็นว่าพื้นที่นี้มีขนาดใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว และต่อไปเราจะขึ้นไปยังชั้น 2 กันครับ

.

สำหรับชั้น 2 จะมีประตูห้อง Master Bedroom และประตูห้องน้ำอีก 1 ห้องครับ ซึ่งเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันสำหรับของห้องนอนเล็ก 2 ห้องที่อยู่ถัดขึ้นไปอีกครึ่งชั้น ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าแอบมีความยุ่งยาก ในการขึ้น-ลงบันไดเพื่อมาใช้งานอยู่สักหน่อย แต่ถ้าใครไม่ติดอะไรในส่วนนี้ก็ไม่ว่ากันครับ

.

เริ่มที่ภายในห้องน้ำจะได้ฟังก์ชันมาตรฐานครบ และแยกส่วนเปียกส่วนแห้งด้วยพื้นต่างระดับไว้ให้ แต่อาจต้องกั้นกระจกหรือม่านเองครับ และเนื่องจากห้องนี้ไม่มีช่องหน้าต่าง ทางโครงการจึงติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้ด้วย

และที่พิเศษหน่อยก็คือ ที่ผนังจะมีช่องเพิ่มเข้ามาแบบบ้านตัวอย่างเลยครับ เหมาะกับคนมีของอุปกรณ์อาบน้ำเยอะๆ เพราะสามารถใช้วางของได้ หรือจะทำเป็นชั้นๆเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของอีกก็ได้เหมือนกัน

เข้ามาในห้อง Master Bedroom กันบ้าง ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าของตัวบ้าน มีช่องแสงขนาดใหญ่และยังได้ฝ้าเพดานสูงถึง 3.5 m. จึงมีความโปร่งโล่งมากๆครับ

.

ซึ่งของจริงห้องนี้จะเป็นห้องโล่งๆรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่กว้างเท่ากับตัวบ้าน 5.7 m. โดยบ้านตัวอย่างได้กั้นฟังก์ชันให้เป็นสัดส่วนมาให้ดูเป็นไอเดีย หรือถ้าใครจะไม่กั้นแบบเค้าก็สามารถปล่อยให้เชื่อมต่อกันโล่งๆแบบนี้ก็ได้เหมือนกัน

.

จากบ้านตัวอย่างด้านหลังเป็น Walk in closet ซึ่งได้แสงธรรมชาติจากระเบียงที่ขนาดพอดีๆไม่ใหญ่มาก เพราะบ้านหลังนี้จะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในเป็นหลัก ส่วน Condensing unit จะถูกแขวนอยู่ด้านบนไม่รบกวนพื้นที่ใช้สอยด้านล่าง พร้อมกับมีระแนงเหล็กช่วยพรางสายตาจากภายนอกให้ดูเรียบร้อยมากขึ้นครับ

ส่วนอีกด้านจะเป็นห้องน้ำในตัว ซึ่งค่อนข้างใช้งานสะดวก ขนาดก็ใกล้เคียงกับห้องอื่นๆ และมีฟังก์ชันใช้งานครบ

ส่วนห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องจะอยู่ทางด้านหลังบ้านครับ เริ่มจากห้องที่เล็กสุดก่อนที่เป็นห้องแรกที่ขึ้นบันไดมาแล้วเจอเลย ขนาดประมาณ 2.8 x 2.8 m. สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตได้แล้วยังมีพื้นที่ให้เหลือใช้งานพอดีๆครับ

ส่วนอีกห้องที่อยู่ติดกันจะมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย โดยกว้างขึ้นมาอีก 1 m. ซึ่งเพียงพอที่จะวางเตียง 5 ฟุตได้นะครับ แต่ถ้าอยากมีพื้นที่วางโต๊ะด้วยก็ใช้เป็น 3.5 ฟุตได้เหมือนกัน

แบบบ้านต่อมาเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้นที่เราค่อนข้างคุ้นเคยกันดี มีหน้ากว้าง 5.7 m. สามารถจอดรถได้ 2 คันสบายๆ และเช่นเดียวกันกับ Type ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมี Option ต่างๆเสริมเข้ามาให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกจำนวนที่จอดรถ หลังคากันสาด และการกั้นผนังห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง

โดยรวมแบบบ้านหลังนี้จะมีฟังก์ชันการใช้งานที่ง่ายกว่าแบบ 2.5 ชั้น อย่างห้องนอนเล็กบนชั้น 2 จะสามารถออกมาใช้ห้องน้ำด้านหน้าได้เลย โดยไม่ต้องขึ้น-ลงบันได และหากต้องการกั้นฟังก์ชันเป็นห้องอเนกประสงค์เพิ่มเติม ก็สามารถทำที่ชั้น 1 ได้อีกห้อง เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กที่อาจไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมฟังก์ชันมากนัก ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันครับ

หน้าตา Facade ของตัวบ้านก็จะเป็นสไตล์ Modern เช่นเดียวกับหลังก่อนหน้านี้ แต่จะมีความสูงที่น้อยกว่าครับ

.

ส่วนบ้านของจริงก็จะมีหลังคาเป็นโปรโมชันเสริมให้เหมือนกับบ้าน 2.5 ชั้นเลย และจะได้เป็นรูปแบบเดียวกันทั้งโครงการ

เข้ามาภายในเราจะได้เห็นความแตกต่างจากหลังที่แล้วอยู่ 2 จุดใหญ่ๆ จุดแรกคือความสูงฝ้าเพดานจะกลายเป็นปกติอยู่ที่ 2.7 m. และอีกจุดหนึ่งคือ บ้านหลังนี้จะเป็นแบบไม่ได้กั้นห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างมาให้ดู จึงทำให้ได้ความโปร่งโล่งและแสงสว่างจากช่องแสงหลังบ้านด้วยนั่นเองครับ (แต่ถ้าอยากทำก็ทำได้นะ)

และหากเราไม่ได้กั้นห้องก็จะสามารถเลื่อนโต๊ะทานอาหารไปด้านซ้าย ซึ่งจะทำให้ชุดโซฟาอยู่ตรง Center กับทีวีมากขึ้น และใช้ชุดโซฟาที่ใหญ่ขึ้นได้อีกด้วย

ส่วนโต๊ะทานอาหารก็จะอยู่ติดกับประตูกระจกบานเลื่อนหลังบ้าน ได้แสงสว่างและชมสวนได้

ส่วนลานซักล้างภายนอกก็จะกว้าง 2 m. พร้อมกับลงเสาเข็มรองรับการต่อเติมได้เช่นเคย

และภายในห้องครัวเราก็จะได้เป็นห้องโล่งๆ ซึ่งสามารถ Built in เพิ่มเองได้ครับ

ส่วนห้องน้ำที่อยู่ชั้น 1 ก็ยังคงมีส่วนอาบน้ำให้ใช้งานได้เหมือนเดิม

.

ขึ้นบันไดมาชั้น 2 โครงสร้างยังคงเป็นเหล็กปิดผิวด้วยไม้ประสาน และที่ดีคือไม่มีขั้นบันไดสามเหลี่ยมเลย ทำให้เดินง่ายไม่อันตราย และสำหรับโถงบันไดชั้นบนก็จะมีพื้นที่ให้วางตระกร้าหรือราวแขวนผ้าได้ด้วยครับ และมีฝ้าเพดานสูง 2.8 m. ซึ่งผมจะพาไปดูห้องนอนเล็ก 2 ห้องด้านหลังบ้านก่อนนะ

เริ่มจากห้องนอนเล็กสุดของบ้านที่อยู่ติดกับบันได ขนาดก็เท่ากับหลังก่อนหน้านี้เลยครับ คือ 2.8 x 2.8 m. วางเตียงได้ 3.5 ฟุตแบบนี้

ส่วนอีกห้องหนึ่งก็จะกว้างเพิ่มขึ้นอีก 1 m. สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้แบบนี้เลย

ติดกันจะเป็นห้องน้ำสำหรับห้องนอนเล็ก 2 ห้อง ฟังก์ชันครบพร้อมใช้งาน

ส่วนในห้อง Master Bedroom ก็จะมีขนาดเหมือนกับหลัง 2.5 ชั้นเลยครับ

โดยห้องนี้ก็จะเป็นห้องโล่งๆ ไม่ได้กั้นมาให้แบบบ้านตัวอย่าง แต่ด้วยความสูงฝ้า 3 m. เมื่อกั้นแล้วก็ยังมีความโปร่งโล่งอยู่ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลย

สุดท้ายคือห้องน้ำ ซึ่งจะมีขนาดเท่าๆกับห้องอื่นเลยครับ แยกส่วนเปียกกับส่วนแห้งชัดเจน

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ส่วนรูปบรรยากาศอื่นๆของโครงการ ที่ผมถ่ายมาฝากกันเพิ่มเติม สามารถคลิกชมได้ที่ Gallery ด้านล่างนี้เลยครับ

Image 1/13

ราคา

27 August 2020

  • ทาวน์โฮม A  สูง 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 21.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 141 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 1 ห้องอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
  • ทาวน์โฮม B  สูง 2.5 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 21.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 165 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ 2 ห้องอเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 3.35 ล้านบาท
  • จองและทำสัญญา 10,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 50,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ทำเลอยู่หลังห้างเซ็นทรัล เหมาะกับคนที่ชอบมาเดินห้างเซ็นทรัลบ่อยๆ หรือเป็นสมาชิกในเครืออยู่แล้ว ซึ่งจะได้สิทธิพิเศษอื่นๆอีกด้วย โดยตัวห้างหรือโครงการจะอยู่ถัดออกมาจากตัวเมืองทางทิศตะวันตกเล็กน้อย แต่ก็สามารถขับรถไปยังสถานที่สำคัญๆต่างๆได้ภายใน 15 – 30 นาที ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการสำคัญบนถนนสิงหวัฒน์ ตลาดใต้ และโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในตัวเมือง จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เหมาะกับคนที่ประกอบอาชีพต่างๆเหล่านี้ (ทั้งข้าราชการ พ่อค้าแม่ค้า หมอ/พยาบาล และอาจารย์มหาลัย)

ในอีกแง่หนึ่งก็เหมาะกับคนที่อาจซื้อไว้เป็นบ้านหลังที่สองด้วยครับ เพราะพิษณุโลกเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวและร้านค้าร้านอาหารสวยๆเยอะ หรือแม้แต่ผู้ปกครองก็อาจซื้อเอาไว้ให้ลูกหลานอยู่ เพื่อเรียนมหาลัยแทนการไปเช่าหอก็ได้ครับ ซึ่งพ่อแม่เองก็สามารถขึ้นมาเที่ยวหาและพักร่วมกันแบบครอบครัวได้อีกด้วยนะ โดยเมืองพิษณุโลกเองก็มีสนามบินไว้คอยบริการ ทำให้การเดินทางระยะไกลๆก็ค่อนข้างสะดวกอยู่เหมือนกัน

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : การ Access ของโครงจะต้องผ่าน Gate ที่มีป้อม รปภ. อย่างน้อย 2 จุด คือตรงหน้าห้างกับซุ้มประตูทางเข้าโครงการ และในอนาคตยังจะมีไม้กั้นกระดกตรงโซน Facilities ด้านหน้า แยกจากโซนพักอาศัยอีกชั้นหนึ่งอีกด้วย ทำให้ลูกบ้านภายในโครงการได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง มีกล้อง CCTV ตามจุดต่างๆ รวมถึงภายในบ้านมีระบบ Magnetic ติดอยู่ที่ประตูและหน้าต่างทุกบานอีกด้วยครับ

การออกแบบโครงการ : ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีเพื่อนบ้านมากถึง 358 ยูนิต ผังโครงการจะมีซุ้มประตูทางเข้า และส่วนกลางอยู่ทางด้านหน้า (บริเวณตรงกลางโครงการพอดี) ซึ่งจะแบ่งโซนพักอาศัยออกเป็น 2 ฝั่ง ทำให้แต่ละโซนสามารถมาใช้งานส่วนกลางได้ไม่ยากนัก และยังได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น จากเพื่อนบ้านที่ลดลงในฝั่งนั้นๆอีกด้วย

อีกหนึ่งอย่างที่ผมชอบคือ บ้านฝั่งขวาบริเวณถนน Main จะค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวจากวิวหน้าต่างชั้นบน เพราะมีเกาะกลางช่วยเพิ่มระยะห่างจากบ้านฝั่งตรงข้ามได้อีกหน่อย (ซึ่งถ้าเค้าปลูกต้นไม้ด้วยจะดีมากๆ เพราะช่วยบังสายตาฝั่งตรงข้ามได้ดีเลย) แถมยังมีบ้านบางส่วนที่หันหน้าออกไปนอกโครงการ โดยจะมีถนนกั้นไว้ได้ความปลอดภัย และไม่ต้องหันหน้าชนกับใครเลยนั่นเองครับ

การออกแบบตัวบ้านและพื้นที่ใช้สอย : สำหรับตัวโปรดักส์ 2.5 ชั้นถือว่ามีความแปลกใหม่ เพราะจะมีการเล่นระดับของฟังก์ชันค่อนข้างมาก มีห้องฝ้าเพดานสูง แถมยังมีฟังก์ชันยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย เหมาะกับคนที่ชอบฟังก์ชันที่หลากหลาย หรืออยากได้ห้องอเนกประสงค์เพื่อปรับเป็นห้องนอนเพิ่มเป็น 4 – 5 ห้อง ไว้รองรับการมาพักอาศัยกันได้หลายๆคน (จะอยู่อาศัยระยะยาว หรือเป็นบ้านหลังที่สองก็ได้) โดยมีข้อจำกัดคืออาจต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกันครับ

แต่หากใครที่เป็นครอบครัวเล็กๆ และอยากประหยัดงบลงอีกสัก 5 แสน เพื่อนำส่วนต่างนี้ไปตกแต่งบ้านหรือลงทุนอื่นๆ ผมแนะนำเป็นบ้าน 2 ชั้น ซึ่งมีฟังก์ชันให้ใช้งานได้ง่ายเป็นมาตรฐาน จะค่อนข้างเหมาะกว่าครับ และโดยรวมถือว่าเป็นทาวน์โฮมที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ 141 – 165 ตร.ม. ซึ่งก็เทียบเท่าบ้านแฝดหรือบ้านเดี่ยวเลยอีกด้วยครับ

วัสดุ : โครงสร้างบ้านเป็นก่ออิฐมวลเบา จึงสามารถทุบหรือต่อเติมได้ค่อนข้างง่าย ส่วนวัสดุภายในให้มาได้เหมาะสมกับราคาดีครับ แต่ส่วนที่ผมอยากอธิบายเพิ่มคือ โครงการนี้มี Option ให้เลือกหลายจุดทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นจำนวนที่จอดรถ ทำหลังคาหรือกันสาดที่หน้าบ้าน/หลังบ้าน และยังมีให้เลือกว่าจะกั้นผนังห้องอเนกประสงค์หรือไม่อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้มีมูลค่ารวมราวๆ 200,000 บาท และส่วนใหญ่ก็จัดอยู่ในโปรโมชันที่ลูกบ้านจะได้รับอยู่แล้ว (แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังได้ ลองสอบถามกับโครงการดูอีกทีนะครับ)

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : บริเวณด้านหน้าถูกจัดเป็นสวนขนาด 1 ไร่กว่าๆ และมีต้นไม้ปลูกประดับเอาไว้เพื่อความร่มรื่นครับ โดยวันที่ผมเข้ามารีวิวนี้เค้าเพิ่งลงต้นไม้ได้ไม่นานครับ แต่จากพันธุ์ไม้ที่เลือกใช้(ตีนเป็ดน้ำ กระพี้จั่น และสนฉัตร) ก็เป็นไม้ขนาดกลาง-ใหญ่ และอาจต้องให้เวลาเค้าโตอีกสักหน่อย ก็จะทำให้ด้านหน้าโครงการดูเขียวขจีและร่มรื่นมากกว่านี้อีกครับ ส่วนภายในเฟสอื่นๆผมอาจยังไม่ได้เห็นในวันนี้นะครับ ไว้รอชมกันในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

สาธารณูปโภค : มีให้ใช้งานครบเลยครับ ทั้งสวนที่เอาไว้เดินเล่นพักผ่อน หรือวิ่งออกกำลังกาย และพาน้องๆมาเล่นที่สนามเด็กเล่นได้ด้วย ส่วนอาคาร Clubhouse ก็มีทั้งสระว่ายน้ำ ห้องนั่งเล่นรับรองแขก Kids room และ Fitness ซึ่งก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเหมาะสมกับจำนวนยูนิตครับ

Judgement

เนื่องจากเป็นทำเลต่างจังหวัดที่ Think of Living ไม่คุ้นเคย จึงไม่อาจให้คะแนนความคุ้มค่าได้นะครับ

BOTTOM LINE

Escent Town พิษณุโลก เหมาะกับคนที่กำลังมองหาบ้านใกล้ความอุดมสมบูรณ์อย่างห้างเซ็นทรัล และเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ไม่ยาก มีโปรดักส์ให้เลือกทั้งแบบมาตรฐาน 2 ชั้นที่ใช้งานง่าย และแบบ 2.5 ชั้น ที่มีการเล่นระดับและได้ฝ้าเพดานสูง ฟังก์ชันยืดหยุ่นปรับได้ตามความต้องการ อาจซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือเป็นบ้านหลังที่สองก็ได้ สำหรับคนที่สนใจต้องมีงบประมาณ 2.89 – 3.35 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 20,000 – 23,000 บาท


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving