สินเชื่อรับสร้างบ้าน – ตอนที่ 9 ของคอลัมน์ “รอบรู้เรื่องบ้านๆ”

จากการสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างพบข้อมูลที่สอดคล้องกันว่าความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แม้จะมีการหยุดชะงักไปบ้างอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี ๒๕๕๔ แต่เมื่อมาถึงปี ๒๕๕๕ ความต้องการที่อยู่อาศัยก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกเช่นเดิม

การแสวงหาบ้านหรือที่อยู่อาศัยของบุคคลทั่วๆไปอาจจะมีวิธีที่แตกต่างกัน บางคนสนใจบ้านจัดสรรที่สร้างก่อนขาย เพราะจะได้เห็นบ้านก่อนว่าตรงตามที่ต้องการหรือไม่ บางคนอาจจะไม่มีโอกาสเลือกมากก็ไม่คิดถึงรูปแบบแต่ขอให้เป็นบ้านที่ตนมีกำลังซื้อก็พอใจแล้ว ส่วนคนที่มีที่ดินของตนองก็สร้างบ้านเองตามแบบที่ตนพอใจโดยการว่าจ้างผู้รับเหมารายย่อยหรือบริษัทรับสร้างบ้านที่ตนเชื่อถือ แต่ไม่ว่าจะเป็นการสนองความต้องการในเรื่องที่อยู่อาศัยด้วยวิธีใด ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องใช้บริการสินเชื่อในการซื้อหาหรือสร้างบ้านของตน

ในปี ๒๕๕๓ได้มีการสำรวจพบว่าลูกค้าของธนาคารพาณิชย์มากกว่าร้อยละ ๗๙ ต้องการใช้บริการสินเชื่อ แต่มีเพียงร้อยละ ๕๓ ของคนกลุ่มนี้เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงบริการสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ได้เพราะขาดข้อมูล ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่พอมีกำลังซื้อจึงใช้เงินสดในการสร้างบ้านเพราะคิดว่าการขอสินเชื่อเป็นเรื่องยากและมีขั้นตอนที่วุ่นวาย ทำให้ตลาดสินเชื่อในกลุ่มลูกค้ารับสร้างบ้านมีการขยายตัวน้อยธนาคารพาณิชย์หลายๆแห่งจึงได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เช่น การจัดงาน Home Loan Expo ของธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นต้น

ในความเป็นจริงแล้วการขอสินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้านไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด ในที่นี้จะมุ่งกล่าวถึงเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีที่ดินอยู่แล้วและต้องการสร้างบ้านเองโดยการว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้านเป็นผู้สร้าง การขอสินเชื่อเพื่อการปลูกสร้างบ้านโดยผ่านทางบริษัทรับสร้างบ้านนับว่าเป็นเรื่องที่สะดวกเป็นอย่างยิ่งเพราะบริษัทรับสร้างบ้านมีบริการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจให้ เจ้าของบ้านเพียงแต่เตรียมเอกสารที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้นเอง ในกรณีเช่นนี้ธนาคารให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง ๑๐๐%ของราคาค่าก่อสร้าง อัตราดอกเบี้ยต่ำและมีระยะเวลาการผ่อนชำระยาวนานถึง ๓๐ ปี ด้วยวิธีการใช้บริการขอสินเชื่อดังกล่าวการสร้างบ้านราคา ๒-๓ ล้านบาทอาจจะใช้เงินสดเพียง ๕๐,๐๐๐-๖๐,๐๐๐ บาทเท่านั้นในการชำระค่าธรรมเนียมในการดำเนินการต่างๆ ส่วนเงินค่าก่อสร้างนั้นธนาคารจะเป็นผู้จ่ายให้ผู้รับจ้างก่อสร้างเอง การเข้าถึงบริการสินเชื่อปลูกสร้างบ้านของธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันจึงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจสร้างบ้านควรประเมินกำลังซื้อของตนโดยพิจารณาปัจจัยที่สำคัญ ๓ ประการคือ เงินออม เงินกู้ยืมและรายได้ที่จะต้องนำมาชำระคืนสินเชื่อเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในภายหลัง

นายสิทธิพร สุวรรณสุต