รีวิวฉบับที่ 487… สวัสดีครับ 😀 ช่วงนี้เข้าหน้าหนาวแล้วนะครับ ผมก็เลยจะพาไปสูดอากาศที่เขาใหญ่กันอีกซักหนึ่งโครงการครับ กับ “แสนดาว เขาใหญ่” คอนโดและวิลล่าตากอากาศบนเขาใหญ่ ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของถนนผ่านศึก-กุดคล้า กลางหุบเขาพระนอนและรับวิวเขาใหญ่ จาก Developer ชื่อ “Khaoyai Top Hill” ครับ โครงการนี้เปิดตัวมาในช่วงเดือนตุลาคม 56 ที่ผ่านมา ปัจจุบัน (ธ.ค. 56) วิลล่าทั้ง 18 ยูนิตได้ขายหมดไปแล้ว รวมถึงยอดจองคอนโดมิเนียมก็อยู่แถวๆ 70% แล้ว จาก 81 ยูนิต ภายในระยะเวลาประมาณ 2 เดือน ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียวทั้งๆที่เป็นบ้านตากอากาศและเป็น Developer หน้าใหม่ด้วย โครงการนี้จะมีอะไรน่าสนใจ เดี๋ยวลองมาดูกันครับ
Fact @ 26 November 2013
- แสนดาว เขาใหญ่
- บริษัท เขาใหญ่ท็อปฮิลล์ จำกัด, Khao Yai Top Hill Co., Ltd.
- คอนโด Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร รวม 81 ยูนิต และ วิลล่า 18 หลัง
- ที่ดินประมาณ 13-1-81 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2558 (ประมาณ Q1)
- www.sandao-khaoyai.com
- โทร +6683-223-1111
CONDOMINIUM
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 6 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 75%
- 1 Bedroom 55 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 84-103 ตารางเมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 4 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 70,000-80,000 บาท (Q4/2013)
บ้านเดี่ยว
- Segment การตลาด 10-15 ล้านบาท
- วิลล่า 18 ยูนิต
- 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- พื้นที่ใช้สอย 282-288 ตารางเมตร
- ที่ดินแปลงมาตรฐาน 109-170 ตารางวา
- ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท (Q4/2013)
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
เริ่มจากแผนที่โครงการก่อนเช่นเคยครับ ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนที่มีชื่อว่า “ถนนผ่านศึก-กุดคล้า” ครับ ฟังชื่ออาจจะไม่คุ้นเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่าเป็นถนนที่ตัดจากถนนมิตรภาพ จากบริเวณ “แยกร้านแดรี่โฮม” ขึ้นเขาไปเชื่อมกับถนนธนะรัชต์ ก่อนที่จะขึ้นไปอุทยานฯเขาใหญ่ แบบนี้หลายๆคนที่่ไปเขาใหญ่บ่อยๆน่าจะนึกออกกันได้ไม่ยากนะครับ
ดูจากแผนที่ Google Maps ก็จะ Plot ออกมาได้ลักษณะนี้ครับ ดูเทียบกับแผนที่กราฟฟิกข้างบนก็น่าจะพอดูออกนะครับว่าอะไรเป็นอะไร
การไปโครงการ มีเส้นทางให้เลือกใช้อยู่ 2 ทางหลักๆครับ ทางแรกที่น่าจะสะดวกที่สุด ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ก็คือ เราขับรถเข้าถนนมิตรภาพมาตามทางไปโคราชเหมือนปกติ จากนั้นพอเราเจอร้านแดรี่โฮม (จริงๆก็คือฟาร์มแดรี่โฮมนั่นแหละ อยู่ก่อนถึงฟาร์มโชคชัย สังเกตค่อนข้างง่าย เดี๋ยวจะมีรูปให้ดูนะ) เราก็ทำการ U-Turn และเลี้ยวเข้าถนนที่อยู่ติดกับร้านแดรี่โฮมขึ้นเขาไป … ซึ่งนี่แหละทำไมเขาถึงเรียกว่า แยกแดรี่โฮม จากนั้นเราก็ขับรถไปตามทางขึ้นเขาไปเรื่อยๆ (ซึ่งก็คือถนนผ่านศึก-กุดคล้า) ขับไปประมาณ 17 กม. เราก็จะเจอโครงการ แสนดาว เขาใหญ่ อยู่ทางขวามือ
ส่วนอีกทางหนึ่ง เราใช้เส้นทางจาก ถนนธนะรัชต์ ขับไปทางเขาใหญ่ เลย Palio ไป … แล้วพอมาถึงสามแยก บ.เหวปลากั้ง แทนที่จะวิ่งตรงๆขึ้นอุทยานฯ เราก็จะเลี้ยวขวาผ่านสนามกอล์ฟ Mission Hill มันก็จะไปเชื่อมกับถนนหน้าโครงการเอง และจะเจอโครงการอยู่ทางซ้ายมือ รวมระยะทางจากถนนมิตรภาพประมาณ 28 กม. ซึ่งโดยปกติถ้ามาจากกรุงเทพฯก็คงจะไม่ได้ใช้เส้นทางนี้ แต่อาจจะได้ใช้ในกรณีที่เราอาจจะไปสถานที่ต่างๆบนถนนธนะรัชต์ (เช่น Palio) หรือ ไป Lotus/Makro ที่อยู่ใกล้ๆแยกมิตรภาพ-ธนะรัชต์ มาก่อน แล้วค่อยเข้าโครงการ เป็นต้น
เดี๋ยวผมพาไปดูโครงการตามเส้นทางก่อนนะครับ เราวิ่งจากกทม. เส้นพหลโยธิน แล้วแยกมาเข้าถนนมิตรภาพที่สระบุรี
ยึดเส้นถนนมิตรภาพมาเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปทางนครราชสีมา (โคราช)
ระหว่างทางเราก็จะวิ่งผ่านส่วนที่เป็นอำเภอแก่งคอย, อำเภอมวกเหล็ก (ส่วนปลายๆ) เข้าสู่อำเภอปากช่อง
ถึงปากช่องแล้ว
แล้วก็เข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้วนะครับ 😀
ขับไปอีกหน่อยก็เจอที่กลับรถอีก…แต่ก็ดันกั้นอีก -*-
จะได้ U-Turn มั้ยเนี่ย…
เจอจุดกลับรถ(ที่ไม่ปิด)แล้วครัช เรา U-Turn กลับไปทางแยกแดรี่โฮมได้เลย (จากจุดที่ผมกลับรถ ห่างไปประมาณ 1 กม.)
“ทางลงเขาโปรดลดความเร็ว”
เราขับมาเรื่อยๆ เราจะเจอฟาร์มแดรี่โฮมครับ ตัวฟาร์มจะมีลักษณะเป็นบ้านสีแดงๆเหมือนตัวป้ายคำว่า “แดรี่โฮม” นี่แหละครับ และในรูปข้างบนนี้ก็คือถนนที่เราต้องเลี้ยวเขาไป คือ ถนนผ่านศึก-กุดคล้า ครับ
เลี้ยวซ้ายขึ้นเขาไปเลยครับ ตามทางเราก็จะเห็นป้ายบอกว่าเป็นทางไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ … มาถูกทางแล้วครับ
ตรงนี้จะผ่าน “พลับพลาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ”
และจะเจอกับทางเข้าของ “วัดผ่านศึกอนุกูล”
ขับขึ้นเขาไปตามทางเรื่อยๆครับ ประมาณ 17 กม. ไม่ต้องคิดมาก
ตามป้ายเขาใหญ่ไปอย่างเดียวเลยครับ
พอขึ้นมาบนเขาแล้ว ต้องยอมรับว่าทัศนียภาพค่อนข้างดีทีเดียว ถ้าวันไหนอากาศดีๆ
จวนจะถึงโครงการแล้ว ทางซ้ายก่อนถึงโครงการประมาณ 1 กม. จะเจอโครงการของแสนสิริ ชื่อ The Valley ครับ เป็นคอนโดตากอากาศที่เขาใหญ่เหมือนกัน
ซึ่งจะเป็นที่เดียวกับโครงการ 23 องศา Estate ของแสนสิรินั่นแหละ
จากนั้นไปอีกหน่อย ก็จะเจอกับทางเข้า “วัดถ้ำพรหมจรรย์ธรรมมาราม”
และผ่าน “ภูพระนาง รีสอร์ท”
เจอแล้ว สำนักงานขาย ของ แสนดาว เขาใหญ่
ซึ่งทำเลบริเวณนี้ จะเป็นจุดที่สูงที่สุดของถนนเส้น ผ่านศึก-กุดคล้า นี้ครับ เราลองมองไปทางขวาหลังสำนักงานขาย จะเห็นว่าไม่มีอะไรบังเลย เพราะมันเป็นหุบเขาพอดี
ถึงแล้วครับ เดี๋ยวจอดรถแล้วเราไปเดินดูรอบๆโครงการกันก่อน
บริเวณรอบๆสำนักงานขายทำเป็นที่จอดรถด้านหน้าด้วย ซึ่งในอนาคต บริเวณสำนักงานขายนี้ก็จะไม่ได้ถูกทุบทิ้งนะครับ อาจจะถูกพัฒนาไปเป็นร้านกาแฟ หรือร้านอาหารก็ได้ ซึ่งโครงการก็คิดเผื่อเอาไว้ เลยทำที่จอดรถด้านหน้าสำนักงานขายยาวๆไปเลย
วิวรอบๆสำนักงานขายครับ
นั่นคือทางที่เราขับรถมา
มองไปอีกด้านหนึ่งก็จะมีป้ายชั่วคราวของโครงการตั้งอยู่
ลองไปดูว่าขับรถต่อไปจากโครงการอีกหน่อยเราจะเจออะไรใกล้ๆบ้าง (“ใกล้” ในที่นี้ก็เป็นกิโลๆได้นะ เดินเอาไม่น่าจะไหว ขับรถเถอะ แถมตอนกลางคืนจะมืดด้วย)
ถัดมานิดนึงจะเจอกับร้าน พรีโม เพียซซ่า (Primo Piazza) ครับ ซึ่งจริงๆเมื่อก่อนชื่อ “Primo Posto” หลายๆคนน่าจะเคยมาทานไอศกรีม+ถ่ายรูป กันที่นี่ เพราะเป็นจุดแวะชม เดินเล่น ทานอาหาร และซื้อของฝาก ซึ่งเป็นที่นิยมของคนที่มาเขาใหญ่อยู่เหมือนกันนะ
แต่สำหรับตอนที่ผมไปนี้ มันปิดปรับปรุงอยู่ครับ และจะเปิดให้บริการอีกครั้งวันที่ 14 ธ.ค. นี้
ถัดมาอีกหน่อยก็จะมีคอนโด Sucre เขาใหญ่ กำลังก่อสร้างอยู่
ติดกันจะมีร้านอาหาร ชื่อ Aramis Restaurante ที่จะเป็นร้านอาหารอิตาเลียน …จริงๆรอบๆนี้ก็จะมีร้านอาหาร/ที่พัก/ที่อยู่อาศัย ให้เห็นอยู่ประปรายตามทางอยู่อีกพอสมควรนะครับ แต่เอาเป็นว่าให้ดูเท่านี้ก่อนละกัน เดี๋ยวจะยืดเยื้อ ตอนนี้ขอย้อนกลับไปดูโครงการกันก่อนดีกว่า
เจาะลึกตัวโครงการ
โครงการ แสนดาว เขาใหญ่ จะเป็นโครงการแบบผสม ระหว่างคอนโดมิเนียมกับบ้านเดี่ยวแบบวิลล่าตากอากาศครับ ที่ดินของทั้ง Project จะมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 13 ไร่กว่าๆ และเป็นที่ดินที่มีลักษณะเป็น Slope ลาดลงเขา มีลักษณะเหมือนแอ่ง หรือหุบเขา ที่โดนเทือกเขาล้อมรอบอยู่ครับ ซึ่งจะทำให้ได้วิวภูเขาร้อมลอบโครงการ
ถ้าดูจาก Google Earth จะเห็นชัดครับ ผมลอง Capture ภาพมาให้ดู แสนดาวคือพื้นที่สีแดงๆในรูปครับ ที่ดินตั้งอยู่ติดถนนผ่านศึก-กุดคล้า มีลักษณะเป็นแอ่งอยู่กลางภูเขา ทิศเหนือจะอยู่ประชิดภูเขาเลย ทำให้ไม่ได้เห็นภูเขาเต็มๆ แต่โครงการเขารู้ดี เขาเลยหันหน้าห้องทุกยูนิต ทั้งคอนโดและวิลล่า หันหน้าไปทางทิศใต้ เพื่อให้เปิดรับวิว 180 องศา ฝั่งที่เป็น “เขาพระนอน” ครับ
ในตอนกลางคืน ด้วยความที่บริเวณตรงนี้ ถึงจะขึ้นมาอยู่บนเขา แต่อยู่ในตำแหน่งที่เป็นแอ่ง ไม่โดนภูเขาบังท้องฟ้า “ว่ากันว่า” ตอนกลางคืนของวันที่ฟ้าใส เมฆน้อยๆ จะมองเห็นดวงดาวเป็นจำนวนมาก จนถึงขนาดว่าโครงการนำมาตั้งเป็นชื่อโครงการ “แสนดาว” เลยทีเดียว ซึ่งอันนี้ผมก็ฟังมาอีกทีนะครับ ยังไม่เคยอยู่ข้ามคืนแถวๆนั้นจริงๆ เลยยังไม่มีโอกาสถ่ายรูปมาให้ดูกัน แต่เท่าที่เคยมองท้องฟ้าของเขาใหญ่ ถ้าอยู่ในจุดที่มืดมากๆ เราก็จะมองเห็นดวงดาวได้เยอะจริงๆ อย่างที่เขาว่า แต่ไม่รู้ว่าถ้ามาอยู่ในโครงการที่มีการเปิดไฟสว่างๆ จะทำให้เห็นดาวได้ดีอย่างที่ว่าหรือเปล่า 🙂
บนที่ดินขนาด 13 ไร่ของ แสนดาว เขาใหญ่ ประกอบด้วย อาคารสำนักงานขายส่วนที่อยู่ด้านบนสุดติดถนนใหญ่ (ที่ในอนาคตวางแผนไว้ว่าจะกลายเป็นร้านอาหาร/ร้านกาแฟ) ถัดมาเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise 7 ชั้น 2 อาคารครับ ขวาคือตึก A และซ้ายคือตึก B (มีที่จอดรถนอกอาคารใช้ร่วมกันบริเวณหน้าตึก 2) … ซึ่งด้วยความที่ที่ดินเป็น Slope ลาดลงจากเหนือลงใต้ ทำให้ตึก B จะอยู่สูงกว่าตึก A ประมาณ 1 ชั้นครับ … เช่น ชั้น 3 ของตึก B จะอยู่ประมาณชั้น 4 ของตึก A เป็นต้น …
ส่วนที่ดินด้านล่างถัดลงมาก็จะเป็นโซนบ้านเดี่ยวแบบวิลล่าครับ ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 Zone ด้วยกันคือ โซนแถวบน บ้านเบอร์ 1-5, โซนแถวล่าง บ้านเบอร์ 6-12 และ โซนด้านข้าง บ้านเบอร์ 13-18 ซึ่งทั้ง 3 Zone นี้ก็จะมีความสูงที่แตกต่างกัน และมี Facing ของบ้านที่แตกต่างกัน ตามลักษณะของที่ดินครับ โดยบ้านเบอร์ 1-12 จะหันระเบียงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ แต่บ้านเบอร์ 13-18 จะหันระเบียงไปทางทิศใต้ (และอย่าลืมว่าบ้านเบอร์ 13 ก็จะอยู่สูงกว่าบ้านเบอร์ 14 สูงกว่า 15, … ไล่ลงไปถึงเบอร์ 18 ที่อยู่จุดที่ต่ำที่สุดนะครับ)
มี Note นิดนึงนะครับ ว่าบ้านวิลล่าเบอร์ 5 ถึงแม้จะอยู่โซนแถวบนเหมือนเบอร์ 1-4 แต่ว่าเวลาขับรถเข้าไปจะอยู่ด้านในสุดครับ (ดูตามถนนใน Master Plan) หลังนี้จะเป็นหลังที่มีขนาดที่ดินใหญ่ที่สุดด้วย (ประมาณ 170 ตารางวา)
คอนโดมิเนียมของโครงการนี้ สูง 7 ชั้น อาคาร A มี 41 ยูนิต และ อาคาร B มี 40 ยูนิต รวม 81 ยูนิต ครับ ซึ่งโดยเบื้องต้นแล้ว ทั้ง 2 อาคารจะแยกส่วนการบริหารจัดการ รวมถึง Facilities ที่อยู่ด้านในก็จะมีของใครของมัน แยกกันใช้
Facilities หลักๆ จะประกอบด้วย สระว่ายน้ำ อย่างเดียว ไม่มีฟิตเนสครับ ซึ่งจะวางอยู่เยื้องๆมาทางด้านหน้าของตึกแต่ละตึก อย่างในรูปข้างบนนี้คือตึก A ครับ
ส่วนที่เป็นวิลล่า ก็จะมี 18 หลังอย่างที่บอกไปตอนต้น แต่ละหลังมี 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
ถ้าดูจากรูปด้านบน จะเห็นว่า ในโครงการจะมีการขุดธารน้ำขึ้นด้วย เพื่อเพิ่มทัศนียภาพให้ดูชุ่มชื้นมากขึ้น
เดินดูรอบๆโครงการ
เดี๋ยวผมพาไปเดินเล่นดูไซต์ก่อสร้างและที่ดินของโครงการครับ เริ่มจากภาพข้างบนนี้ เราจะมองเห็นภาพรวมของที่ดินทั้งหมด โดยผมใช้ iPhone ถ่ายแบบ Panorama มาให้ดูนะครับว่าภาพวิวที่ได้จากชั้นดาดฟ้าของสำนักงานขาย (ประมาณชั้น 4 ของคอนโดตึก B) จะเป็นแบบไหน ลองกดดูภาพใหญ่ดูครับ ส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นวิวที่สวยทีเดียวของเขาใหญ่ หลุมที่เราเห็นอยู่ด้านหน้านี้จะเป็นจุดที่จะขึ้นคอนโด B ครับ ดังนั้นในอนาคตสำนักงานขายก็จะโดนตึก B นี้บังวิวไปเกือบหมด
ทางด้านนี้จะเป็นทางเข้าโครงการครับ และที่เห็นเป็นทางนี้ก็คือพื้นที่ที่จะทำเป็นถนนเข้ามา
วิวเขาพระนอนครับ ที่ได้ชื่อว่าเขาพระนอน เพราะเวลามองจากมุมนี้จะเห็นเป็นเหมือนพระพุทธรูปกำลังนอนราบอยู่
เห็นเศียรพระไหมครับ? 😀
ส่วนที่เป็นหลุมนี้คือ คอนโดตึก B ลองจินตนาการวิวดูนะครับ ทิศที่ผมมองอยู่นี้คือทิศใต้-ตะวันออกเฉียงใต้ครับ วิวนี้ประมาณชั้น 3-4 ของตึก B ครับ
วิวตรงๆบ้าง
ด้านซ้ายไกลๆ คือ คอนโดตึก A และที่อยู่ใกล้ๆกันคือ วิลล่า หลังที่ 4 ที่ดินที่ขึ้นคอนโด A จะอยู่ต่ำกว่าคอนโด B นะครับ ทำให้ความสูงของทั้งสองตึกไม่เท่ากัน โดยตึก B จะอยู่สูงกว่าตึก A ประมาณ 1 ชั้น เช่นชั้น 2 ของตึก B จะสูงประมาณชั้น 3 ของตึก A อันนี้โครงการบอกมานะครับ เป็นการคาดการณ์ ของจริงไม่รู้ว่าจะต่างกันขนาดไหน
วิลล่า#4 ทางซ้าย วิลล่า#3 ทางขวา ใครงงกับตัวเลขเหล่านี้ลองย้อนขึ้นไปดู Master Plan ด้านบนนะครับ
ถ้ามองไปตรงๆจากตึก B ข้ามหลังคาวิลล่าไป เราจะเห็นวิวเขาใหญ่เป็นลักษณะนี้
ซูมให้ดูกันชัดๆ
ทางด้านนี้เป็นถนนในโครงการ ลองดูแนวถนนเทียบกับ Master Plan นะครับ
ทางด้านขวามือสุดของแปลงที่ดิน (ทิศตะวันตกสุด) แนวรั้วที่ดินโครงการจริงๆสุดที่ถนนนะครับ แต่พอข้ามถนนไป ตอนนี้เหมือนจะทำเป็นบ้านพักของคนงานอยู่นะครับ ไม่มีรั้วกั้นด้วย ไม่รู้ว่าเป็นที่ดินของเจ้าของโครงการหรือเปล่า หรือเช่าเขาอยู่ก็ไม่แน่ใจ และยังไม่ทราบว่าแผนในอนาคตจะกลายเป็นอะไรนะครับ
ลองลงไปเดินเล่นกันดูครับ รูปข้างบนนี้คือทางเข้าจริงๆของโครงการที่อยู่ติดถนนผ่านศึก-กุดคล้าเลยครับ
*** เนื่องจากตอนนี้สภาพที่ดินโครงการกำลังก่อสร้างอยู่นะครับ ถ้าดูแต่รูปอาจจะงงได้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน แนะนำให้ดู MasterPlan ประกอบไปด้วย จะทำให้เข้าใจโครงการมากยิ่งขึ้นครับ
พอเข้าโครงการมาก็จะเป็นทางโค้ง ตาม Slope ลงไปแบบนี้ครับ มีการตั้งศาลพระภูมิตรงหัวมุมพอดีเลย
สำนักงานขายจะอยู่ทางขวามือ
ถ้าดูในลักษณะภาพด้านข้าง จะเห็นว่าที่ดินเป็น Slope มากนะครับ ทางซ้ายนั่นคือหลุมที่จะขึ้นเป็นตึก B เทียบระดับที่ดินทางขวากับสำนักงานขายดูครับ
หน้าตาด้านหลังของสำนักงานขายก็ดูสวยดีเหมือนกันนะครับ เป็นอาคาร 3 ชั้น ผนังทำด้วยกระจกทั้งหมด เปิดรับวิว … แต่เดี๋ยวก็จะมีตึก B มาบังวิวแล้ว … แอบเสียดาย นึกว่าจะมีร้านกาแฟให้นั่งชมวิวตรงนี้ซะอีก
ภาพข้างบนนี้ผมยืนอยู่หน้าสำนักงานขายแล้วถ่ายไปทางคอนโด
กำลังปรับพื้นกันอยู่ เตรียมลงเข็ม
เลยสำนักงานขายมาปุ๊บก็จะเป็นทางโค้งให้เลี้ยวซ้าย อ้อมตึกคอนโด B ไป
มองย้อนกลับไป จะเห็นว่าถนนเส้นนี้จะออกไปเชื่อมกับถนนใหญ่ด้วย … เบื้องต้นนี้ทางโครงการจะไม่มีการเปิดทางเข้าด้านนี้นะครับ เพราะว่าระดับถนนตรงนี้ ถ้าตัดตรงๆมันจะมีความชันมาก เขาเลยไม่อยากให้ใช้เป็นทางเข้า-ออกครับ แต่ที่ทำอยู่นี้ เพื่อความสะดวกในการก่อสร้าง
เดินขึ้นไปถ่ายรูปย้อนลงมาให้ดู ย้ำอีกทีว่าตรงนี้ไม่ใช่ทางเข้า-ออกนะครับ พอโครงการเสร็จตรงนี้ก็จะกั้นขึ้นมาเป็นรั้วตามปกติ ต้องเข้าออกจากทางเข้าออกหลักที่อยู่ทางซ้าย
เดินลงเขาไปตามทาง …
นี่คือที่ดินของตึก B ครับ พอขับรถลงมาก็จะมีถนนแจกเข้าไปทางหน้าอาคารซึ่งหันไปทางทิศใต้ครับ
ถนนหน้าคอนโด B
เดินลงตต่อไปอีก …
ตรงนี้จะเข้าสู่ส่วนที่เป็นลานจอดรถครับ (ใครงงลองย้อนขึ้นไปดู Master Plan นะครับ) ขับรถเข้าไปจอดบนลานกว้างๆตรงนี้ แล้วค่อยเดินเข้าคอนโด … ข้อเสียของการจอดรถนอกอาคารคือ รถจะต้องตากแดด ตากฝน หน่อยนะครับ แล้วเวลาลงจากรถ หรือเดินไปเอาของที่รถ เราก็ต้องตากแดดตากฝนเหมือนกัน … แต่ทั้งนี้เพื่อให้ตัวคอนโดชั้น 1 สามารถมีห้องพักอาศัยได้ครับ
ถัดมาเป็นโซนวิลล่าแถวบนครับ จะเป็นหลัง #1-4 ที่หน้าบ้านจะหันไปทางทิศเหนือ และมีระเบียงอยู่หลังบ้านหันไปทางวิวภูเขาครับ … รูปข้างบนนี้ถ่ายให้ดูระดับถนนทางซ้ายที่อยู่หน้าบ้าน เทียบกับพื้นของวิลล่าที่อยู่ทางขวาครับ … ที่เห็นนั่นคือชั้น 2 ของวิลล่านะครับ … ใช่ครับชั้น 2 … เพราะว่าทางเข้าบ้านอยู่ที่ชั้น 2 ครับ 😀 และจะมีบันไดเดินลงไปชั้นล่าง จะเห็นว่าตัวบ้านอยู่ต่ำกว่าระดับถนนเล็กน้อยด้วยครับ
เดินลงมาไม่ไกล แต่พอมองย้อนขึ้นไปเห็นอาคารสำนักงานขายนิดเดียวเอง เพราะระดับที่ดินสูงต่างกันมาก
อันนี้จะเป็นวิวของวิลล่าครับ วิลล่าด้วยความที่เป็นบ้านสูง 2 ชั้น วิวก็ย่อมที่จะสู้คอนโดไม่ได้ แต่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวกว่าถ้าเทียบกับคอนโดครับ
ส่วนนี้เขาจะขุดไว้เป็นธารน้ำ ที่อยู่หลังบ้านครับ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับโครงการ
อันนี้เป็นภาพจำลองเทียบกับภาพจริงด้านบนที่กำลังก่อสร้างอยู่นะครับ ให้พอเห็นภาพว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
ระดับของที่ดินจะลดหลั่นกันไปนะครับ ซ้ายสุดเป็นบ้านแถวบน ตรงกลางเป็นธารน้ำ และทางขวาของภาพบนจะเป็นแนวบ้านถ่ายล่าง
บ้านแถวล่างยังไม่ขึ้นโครงเลยครับ แค่เอาไม้มาวางแบ่งแปลงไว้เฉยๆ สังเกตวิวของบ้านแถวล่างนี้นะครับ ที่ชั้น 1 แนวต้นไม้เริ่มจะบดบังภูเขาไปบ้างแล้ว … แต่ถ้าขึ้นชั้น 2 ให้พ้นแนวต้นไม้ก็น่าจะยังเห็นภูเขาเต็มๆอยู่
แล้วถนนก็จะวกเข้าไปทางด้านล่างสุด ผ่านหน้าบ้าน ของบ้านแถวล่าง
บ้านแถวล่างนี้ จะหันหน้าบ้านไปทางทิศใต้นะครับ หลังบ้านจะติดธารน้ำทางทิศเหนือ กล่าวคือ บ้านแถวบนกับแถวล่าง จะหันหลังบ้านชนกัน หันหน้าบ้านแยกจากกัน แต่ตัวระเบียงจะหันไปทางทิศใต้ทั้งหมดเพื่อรับวิวครับ ทั้งนี้เพื่อให้ทุกบ้านยังได้วิวเขาพระนอน แต่ว่ามีความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน เข้าบ้าน แต่ละหลัง
มองย้อนขึ้นไปทางทิศเหนือ ทางภูเขาด้านหลัง วิวก็สวยใช้ได้เหมือนกันนะ ถ้าวันไหนอากาศดีๆแบบวันนี้ ท้องฟ้าที่เขาใหญ่นี้ที่เห็นเป็นสีฟ้าจัดนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือผมใช้ App แต่งรูปให้สวยขึ้นนะครับ แต่ท้องฟ้าเขาใหญ่จะมีฝุ่นละออง และ “Particle” ต่างๆที่ลอยอยู่ในอากาศ ที่เป็น “Light Pollution” น้อยกว่ากรุงเทพ ดังนั้น ในวันที่ฟ้าเปิดลักษณะนี้ การกระเจิงแสงจะเกิดขึ้นน้อยกว่า ทำให้เราเห็นท้องฟ้าใสๆแบบนี้ได้ และแน่นอนว่ามีผลต่อการดูดาวในกลางคืนด้วยครับ ทำให้เรามองเห็นดาวง่ายขึ้น … จริงๆแล้วไม่ต้องเขาใหญ่ก็ได้ครับ ตามต่างจังหวัดทั่วไปที่มลภาวะน้อยๆ ท้องฟ้าก็จะมีสีน้ำเงินเข้มแบบนี้เหมือนกันครับ 🙂
ถนนด้านล่างสุดทำทางไว้แล้วครับ ใครมาดูที่เอง ก็สามารถเดินลงมาดูแบบผมได้ แต่แนวต้นไม้ทางขวายังถูกทิ้งไว้เหมือนเดิม ซึ่งในอนาคตก็คงจะมีรั้วโครงการมาบังสายตาไปบ้าง เพื่อความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวด้วย
วิวนี้ได้จากไซต์ก่อสร้างนะครับเนี่ย … ถือว่าเป็นไซต์ก่อสร้างที่สวยใช้ได้เลย …
เดินมาอีกหน่อย มองย้อนขึ้นไปทางบ้านโซนแถวบน … ในอนาคตจะมีคอนโดมิเนียมตึก 1 และ 2 ขึ้นมาบังภูเขาที่อยู่ด้านหลังด้วยนะครับอย่าลืม …
ต่อมาเป็นภาพ Panorama ส่วนหัวมุมถนน ทิศตะวันออกเฉียงใต้สุด บริเวณบ้านวิลล่าหลังที่ #18 ครับ มองย้อนกลับขึ้นไปทางทิศเหนือ จะได้วิวแบบนี้ครับ ทางซ้ายเป็นถนนที่เราเดินมา ทางขวาจะเป็นถนนที่เข้าสู่บ้านโซนริมด้านขวาครับ
เดี๋ยวเราเดินขึ้นไปดูทางด้านนี้บ้างครับ ทางขวามือของเรา โซนนี้จะเป็นบ้านแถวริม ทางทิศตะวันออก ที่จะวางตัวเฉียงๆ หันระเบียงออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และหันหน้าบ้านเข้ามาทางด้านในครับ
อันนี้ให้ดูวิวกันอีกซักรูป วิวด้านนี้หันไปทางทิศตะวันออกเลยครับ จะเห็นเขาพระนอนอยู่เนืองๆ ระดับความสูงจุดที่ผมยืนก็คือประมาณบ้านหลังที่ 16-17 ได้ครับ
ธารน้ำถูกขุดมาจนถึงฝั่งนี้เลย
เดินขึ้นมาอีก เราก็จะเจอกับคอนโดมิเนียมตึก A ครับ แต่ความจริงแล้ว คอนโดตึก A ไม่ได้เข้าทางนี้นะครับ ทางเข้าของตึก A อยู่ทางด้านข้างฝั่งทิศตะวันตก เวลาเราขับรถมาก็คือเข้ามาทางถนนลาดจอดรถและขับตรงมาจนสุดครับ
ปรับพื้นๆ
ถนนที่เห็นอยู่นี้ เป็นถนนที่ตัดขึ้นเพื่อความสะดวกในการก่อสร้างครับ ของจริงถนนเส้นนี้จะไม่มีอยู่ เพราะว่ามันจะไปสุดตั้งแต่จุดที่เป็นวิลล่าหลัง #5 หลังสุดท้ายครับ จะไม่มีถนนเข้ามาถึงคอนโด A และระหว่างวิลล่า #5 กับคอนโด A จะมีรั้วกั้นไม่สามารถเดินเชื่อมถึงกันได้ (ในเบื้องต้นนี้)
วิวทางด้านนี้จะเป็นวิวจากสระว่ายน้ำของตึก A ครับ ซึ่งจะเรียกว่านี่เป็นระดับชั้น 1 ของตึก A ก็ว่าได้ (ถ้าไม่มีรั้วบัง) ถ้าดูจากรูปจะเห็นโครงสร้างของสระว่ายน้ำอยู่ด้วย แล้วทางขวาเป็นวิลล่า #4 ที่กำลังสร้างอยู่
จากสระว่ายน้ำ มองกลับมาอีกด้านก็จะเป็นตึก A ที่กำลังก่อสร้างอยู่ …มองไปไกลๆก็จะเห็นอาคารสำนักงานขาย …
เดินดูที่ดินรอบๆมาพอสมควรแล้ว …เดี๋ยวเรากลับไปที่สำนักงานขายกันก่อนดีกว่าครับ
แว้บบบ! ถึงหน้าสำนักงานขายแล้วครับ 555
ภายในสำนักงานขายตกแต่งไว้สไตล์โมเดิร์นๆ ธรรมชาติๆหน่อยครับ ใช้สีเทาๆออกวัยรุ่นนิดนึง ในอนาคตหลังจากโครงการโอนแล้ว เดี๋ยวพื้นที่ตรงนี้ก็จะกลายเป็นร้านอาหาร/ร้านกาแฟครับ
วิวจากห้องสำนักงานขายก็สวยเหมือนกันนะครับเนี่ย … ต่อไปเดี๋ยวเราไปดูแปลนตึกกันดีกว่า
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระที่ตึก A และ 2 สระที่ตึก B
- ลิฟท์โดยสาร 1 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร; อัตราส่วนลิฟท์ ตึก A = 41:1 ตึก B = 40:1
- ที่จอดรถ 75%
- ระบบ CCTV / Access Card
FLOOR PLANS & UNIT PLANS
Floor Plan ชั้น 1 ของตึก A ครับ เป็นตึกทรงแบนๆยาวๆ วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ โดยหันระเบียงไปทางวิวภูเขาทิศใต้ครับ ทางเข้าจะอยู่ทิศตะวันตก ติดกับลานจอดรถ เข้ามาปุ๊บก็จะเป็นโถง Lobby ด้านหน้า และถัดเข้าไปเป็นส่วนพักอาศัย
พอขึ้นมาที่ชั้น 2-7 จะมีห้องมุม Two-Bed (สีเขียว) ขนาด 84 ตารางเมตรเพิ่มเข้ามาอีก 1 ห้องครับ จำนวนยูนิตที่นี่ถือว่าหลวมมากครับ เพราะมีสูงสุดแค่ 6 ยูนิตต่อชั้น และตึกหนึ่งมีเพียง 40-41 ยูนิต และโดยธรรมชาติของบ้านพักตากอากาศ ก็คงจะไม่ได้มีคนมาอยู่เป็นประจำ นานๆคงจะมากันที ซึ่งบางที่ก็เรียกว่าแทบจะไม่ได้เจอกันเลยก็มี
ส่วน Plan ชั้น 2-7 ก็จะเหมือนกับตึก A ต่างกันที่ตำแหน่งลิฟท์และบันไดหนีไฟเท่านั้น …
Floor Plan ห้อง 1-Bed ขนาด 55 ตารางเมตร ห้องนี้จัดเอาครัว กับห้องน้ำ ไว้ด้านหน้า และเอาห้องนอนกับห้องนั่งเล่นไปอยู่ติดระเบียง แบ่ง Partition ส่วน Living กับส่วน Bedroom อย่างละครึ่งๆเลย โดยจะมีผนังบานเลื่อนกั้นส่วนเปิด-ปิดได้ ระเบียงได้เป็นระเบียงขนาดใหญ่ วาง Day-Bed ได้สบายๆ
Floor Plan ห้อง 2-Bed 83-84 ตารางเมตร ห้องนี้จะเป็นห้องมุม วาง Layout ในลักษณะคล้ายๆกัน คือ เอาห้อง Living กับ Master Bedroom มาอยู่ใกล้ระเบียงติดหน้าต่าง เพื่อเปิดรับวิว แม้แต่ห้องนอนเล็กยังทำเป็นผนังกระจกบานเลื่อนให้มีแสงธรรมชาติส่องเข้า และมองเห็นวิวได้ ส่วนครัวและห้องน้ำจะมาอยู่ติดผนังฝั่งหน้าห้อง และจะเป็นห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนทั้ง 2 ห้อง สำหรับระเบียงจะได้เป็นระเบียงตัว I ในแนวยาวขนานกับตึก
Floor Plan ห้อง 2-Bed พิเศษ 84 ตารางเมตรที่อยู่ชั้น 1 เท่านั้น มีห้องเดียว แบ่งฟังก์ชั่นเป็น Living อยู่ตรงกลาง และมีห้องนอน 2 ห้องขนาบข้าง ห้องนอนทั้ง 2 ขนาดพอๆกัน เกือบๆจะเป็น Double Master Bedroom เลย แต่ลักษณะของห้องน้ำจะแตกต่างกัน
สุดท้ายเป็น ห้อง Two-Bed ขนาด 103-104 ตารางเมตร อยู่ที่มุมอีกด้านหนึ่ง จุดเด่นของห้องนี้คือจะได้ระเบียงเป็นตัว L เข้ามุมตึก เปิดรับวิวได้กว้าง และวิวฝั่งตะวันออกจะเห็นเขาพระนอนได้เต็มๆ นอกจากนี้ก็จะมี Living Area ที่ใหญ่ขึ้น สามารถวาง Sofa ตัว L ขนาดใหญ่ได้ ที่ครัวสามารถวาง Island ตรงกลางได้ และจะมีห้องน้ำ 3 ห้อง คือจะเป็น Shower Room อยู่ในห้องนอน 2 ห้อง และจะมี Powder Room อยู่ที่ห้อง Living อีกห้อง ส่วนอ่างอาบน้ำ โครงการจะนำออกมาไว้ที่ระเบียง สำหรับแช่น้ำไปด้วย ดูวิวไปด้วย 🙂
อันนี้เป็นกระดานตัวอย่างวัสดุที่ใช้ภายในคอนโดมิเนียมครับ จะเน้นสีสว่างๆ ขาวๆ เทาๆ ไวท์โอ๊ค ไม้เบิร์ช ฯลฯ
นอกจากคอนโดแล้วก็จะมี Villa อีก 18 หลัง ที่ขายหมดไปแล้วตั้งแต่ยังไม่มีบ้านตัวอย่าง @__@” วันนี้เอา Floor Plan ไปดูกันเล่นๆก่อนละกันนะครับ
เริ่มจาก Villa A ที่อยู่แถวบนสุดก่อน (หลัง 1-4) เป็นบ้านที่หันหน้าบ้านไปทางทิศเหนือ และหันระเบียงไปทางทิศใต้เพื่อรับวิวครับ … บ้านหลังนี้มีความแปลกอยู่ครับ คือ ทางเข้าบ้านจะอยู่ที่ชั้น 2 ครับ! ใช่ครับ เราจอดรถหน้าบ้านแล้วเดินเข้าชั้น 2 เลย อย่างที่เห็นในแปลนข้างบนนี้แหละครับ เขาไม่ได้พิมพ์ผิดหรอก เข้ามาปุ๊บจะเจอส่วนที่เป็น Living Area และระเบียงขนาดใหญ่สำหรับเป็นพื้นที่ใช้สอย Outdoor ทั้งหมดจะอยู่ที่ชั้น 2 แล้วจะมีบันไดเดินลงไปชั้นล่างซึ่งจะเป็นห้องนอนครับ
บ้านที่นี่มี 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถครับ ทุกห้องนอนมีห้องน้ำในตัว และห้องนอนจะอยู่ชั้นล่างของตัวบ้าน ที่เขาทำแบบนี้เพราะว่าชั้นบนวิวจะสวยกว่า ถือว่าคนที่มาพักตากอากาศน่าจะได้ใช้พื้นที่ในห้อง Living มากกว่า เลยเลือกให้ห้อง Living อยู่ชั้นบนแทนครับ ส่วนชั้นล่างที่เป็นห้องนอน ก็ไม่ต้องน้อยใจนะครับ ถึงวิวจะสวยสู้ไม่ได้ แต่เปิดระเบียงหลังบ้านมา จะเจอกับธารน้ำที่อยู่ด้านนอกบ้าน และจะได้วิวสวนหลังบ้านแทน 🙂
ต่อมาเป็น Villa B ที่อยู่แถวล่าง … บ้านโซนนี้วางหน้าบ้านไว้ทิศใต้ เช่นเดียวกับระเบียง จอดรถที่ชั้น 1 ตามปกติ และมีทางเข้าอยู่ชั้น 1 ไม่เหมือน Villa A ครับ … แต่พอเดินเข้าบ้าน แทนที่จะเจอกับส่วน Living เราจะเจอกับห้องนอนทั้ง 3 ห้องแทน เพราะเขาเอาห้องนอนไว้ชั้นล่างเหมือนเดิม … บางคนอาจจะเป็นห่วงเรื่องของ Privacy ว่าทำไมเปิดเข้าบ้านมาแล้วเจอห้องนอนทันที … ไม่ต้องเป็นห่วงครับ พอเดินเข้ามาในบ้านปุ๊บ เราจะเจอกับโถงบันไดเดินขึ้นชั้น 2 เลย ถ้าใครพาแขกมาที่บ้าน ก็สามารถพาเดินขึ้นไปชั้น 2 ได้ทันที โดยไม่ต้องเปิดเข้าห้องนอนครับ … แต่แหม คนที่พามาพักที่นี่ก็คงจะไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไร ก็น่าจะเป็นญาติๆ และคนในครอบครัว หรือเพื่อนฝูงนะครับ 😀
ต่อมาเป็น Villa C ครับ โซนนี้จะมีขนาดแปลงที่ดินที่ไม่ใหญ่มาก จะเห็นว่าที่จอดรถจะเข้ามาอยู่ประชิดตัวบ้านเลยครับ ถ้าเทียบกับที่จอดรถของVilla B จะเห็นว่าอยู่แยกกับตัวบ้าน อันนี้เป็นเพราะ Villa B จะมีพื้นที่สวนภายในบ้านมากกว่า แต่ Villa C จะมีน้อยกว่าครับ แบบ C นี้เข้าบ้านมาก็จะเจอกับห้องนอนทั้ง 3 ห้อง และบันไดขึ้นชั้น 2 เหมือนกัน
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ก็จะเป็นส่วน Living Area และระเบียงเช่นเดียวกับ Villa A, B
ภาพจำลองบรรยากาศในบ้านแบบ Villa ครับ อันนี้จะเป็นส่วนครัว และโต๊ะรับประทานอาหาร
ด้านนี้จะเป็นโซฟานั่งเล่น ดูทีวี ด้านขวาของภาพจะเห็นเป็นกระจกเข้ามุมด้วย
บ้าน Villa นำส่วน Living มาไว้ที่ชั้น 2 ทั้งหมดทำให้พื้นที่ใช้สอยตรงนี้มองเห็นวิวในมุมที่สูงขึ้น และเปิดโล่งเชื่อมถึงกันเป็นพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ ทำให้เห็นว่าโครงการจะเน้นการใช้งานในห้องนั่งเล่นมากกว่าห้องนอน เพราะกลุ่มลูกค้าจะ Target เป็นลูกค้า Family ที่สมาชิกในครอบครัว สามารถมาใช้พื้นที่ส่วนนี้ร่วมกันได้
ส่วนรูปนี้เป็นตัวอย่างวัสดุที่ใช้ในบ้านวิลล่า ซึ่งสีจะออกเข้มกว่าวัสดุที่ใช้ในคอนโด ใช้สีเทาเพิ่มขึ้น สีของไม้เป็นพวก Mahoggany, Walnut, Oak, Cherry ที่จะดูเข้มขึ้น
Product Walkthrough – ห้อง 1-Bedroom ขนาด 55 ตารางเมตร
ต้องบอกก่อนว่า ตอนที่ไปดูมีแต่ห้องตัวอย่างของคอนโดนะครับที่มีให้ดู ส่วนบ้านวิลล่าที่เป็นบ้านตัวอย่างนั้นกำลังสร้างอยู่ แล้วบ้านตัวอย่างก็ได้ขายไปแล้วด้วย ไม่แน่ใจว่าจะมีให้ชมกันหรือเปล่า แต่ตอนนี้พาไปดูคอนโดก่อนครับ
เริ่มกันตั้งแต่ประตูห้องที่จะได้ จะหน้าตาแบบนี้ สีนี้เลยครับ เป็นประตู Oversized สูง 2.50 เมตร กว้าง 90 ซม.
มือจับประตูแบบก้านโยก
ห้องนี้เป็นห้อง 1-Bedroom ขนาด 55 ตารางเมตร ขายแบบ Fully-Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์เกือบจะเหมือนห้องตัวอย่างเลย เดี๋ยวเรามาดูกันว่าอะไรได้บ้างไม่ได้บ้าง … เข้ามาในห้องปุ๊บสิ่งแรกที่จะเจอก็คือ Living Area ก่อน ฝ้าเพดานของห้องนี้สูง 2.75 เมตร
พื้นห้องเป็น Engineering Wood สีนี้
มองย้อนกลับไปที่ประตูห้อง
ระยะเปิดประตู กับระยะ Pantry ครัว วัดระยะมาพอดีเป๊ะเลย
ด้านหลังประตูเป็นตู้เย็น ของจริงถ้าไม่ระวังจะเปิดประตูบ้านไปกระแทกตู้เย็นได้ครับ แนะนำว่าติด Door Stopper จะช่วยให้ไม่พลาดครับ
ด้านข้างทางเข้าอีกฝั่งหนึ่งมีพื้นที่อยู่อีกหน่อย สามารถวางตู้เก็บรองเท้า หรือตู้เก็บของเอนกประสงค์อื่นๆได้
พื้นที่หน้าห้องเป็นแพนทรี่ครัว แบบครัวเปิด และโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง
แพนทรี่ครัวหน้าตาประมาณนี้ครับ ได้เป็นของ Modernform … ครัวเป็นครัวเปิด พื้นที่ไม่เยอะเท่าไหร่ ไม่น่าจะเน้นทำอาหารจริงจัง เพราะถ้าจะทำครัวหนักๆตรงนี้คงไม่เวิร์คแน่ กลิ่นอาหารคงคละคลุ้งไปทั่วห้องเลย … แต่คอนโดที่นี่มีดีอย่างนึงครับในแง่ของการทำอาหาร คือ ด้วยความที่โถงทางเดินของตึกนี้เป็น Single-Loaded Corridor ที่มีห้องพักอยู่เพียงด้านเดียวของโถงทางเดิน ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งเปิดโล่งสู่ภายนอก ทำให้การระบายกลิ่นไม่จำเป็นต้องระบายออกทางระเบียงห้องอย่างเดียว สามารถเปิดประตูห้องเพื่อระบายกลิ่นออกไปทางโถงทางเดินได้ด้วยโดยที่เพื่อนบ้านไม่ด่า เพราะโถงทางเดินจะมีลมธรรมชาติพัดมาตลอด มีการระบายอากาศที่ดี … อย่างไรก็ดี โครงการนี้เป็นคอนโดตากอากาศ คาดว่าคนที่มาพักอยู่ที่นี่อาจจะไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องทำอาหารขนาดนั้น เต็มที่ก็ทำแค่สนุกๆกับเพื่อนๆหรือครอบครัว ฟังก์ชั่นครัวเลยไม่ต้องเน้นมากครับ
แพนทรี่ครัวจะประกอบไปด้วย เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว, ที่ดูดควัน (Franke), อ่างล้างจาน ผนังด้านหลังครัวจะไม่ใช่อิฐแบบนี้นะครับ อันนี้ทำให้ดูเป็น idea เฉยๆ
ผนังด้านหลังครัวจะปูกระเบื้องให้ตามนี้ครับเพื่อป้องกันการเลอะเทอะ ไม่ใช่แบบรูปก่อนหน้านี้นะครับ
ด้านข้างของชุด Pantry ปิดผิวด้วยไม้ ดูเรียบร้อยดี
พื้นที่เก็บของมีพอประมาณ ไม่ต้องเยอะมาก เพราะคงไม่ได้มาอยู่ประจำ
อ่างล้างจานไม่ใหญ่มาก น่าเสียดายไม่มีที่พักภาชนะ สงสัยต้องไปหาถาดวางภาชนะมาเพิ่มอีกอัน
หัวก็อกน้ำ Stainless Steel
เครื่องดูดควันยี่ห้อ Franke แบบดูดไปปล่อยนอกอาคาร
เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Franke เช่นเดียวกัน
พื้นที่วางตู้เย็น สามารถใส่ขนาดใหญ่กว่าในรูปได้อีกนิดหน่อย แต่ใส่แบบ Double-Door ไม่ได้
เหนือตู้เย็นซ่อนตู้เบรคเกอร์เอาไว้ในตู้อีกทีหนึ่ง
ตรงข้ามครัวเป็นชุดโต๊ะ-เก้าอี้รับประทานอาหาร
โครงการแถมชุดนี้ให้ทั้งชุดเลย ประกอบด้วยโต๊ะ 1 ตัว เก้าอี้ 2 ตัว และม้านั่ง 1 ตัวแบบนี้ … โต๊ะนี้จริงๆแล้ว idea ไม่ได้จะให้ใช้เป็นโต๊ะกินข้าวอย่างเดียว แต่อาจจะใช้เป็นโต๊ะเอนกประสงค์ นั่งเล่นได้ นั่งทำงานชั่วคราวได้
ถัดจากครัว มองเข้าไปก็จะเจอกับห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับระเบียง
ห้องนั่งเล่นของที่นี่จะเชื่อม Space เป็นห้องเดียวกันกับห้องนอน และมีผนังกระจกยาวต่อเนื่องกันไป อารมณ์เหมือนห้อง Studio
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ก็สามารถดึงฉากกั้นห้องมากั้นได้ ก็จะสามารถกั้นห้อง Living กับห้องนอนให้แยกจากกันได้
ฉากกั้นห้องจะหดเข้าไปในผนังแบบนี้ ไม่มีขอบโผล่ๆยื่นๆออกมา ดูค่อนข้างเนียนตาเลยทีเดียว
พอเปิดออกก็จะได้อีกอารมณ์หนึ่ง
ถ่ายจากฝั่งห้องนอน จะเห็นภาพรวมห้อง Living Area ประมาณนี้ และมองเห็นทีวีด้วย เพราะเขาแขวนทีวีไว้ที่ผนังด้านโน้น
โซฟาของที่นี่ไม่ได้หันหน้าไปดูทีวี แต่หันออกไปทางระเบียงเพื่อรับวิวภูเขาของเขาใหญ่ แต่ถ้าใครไม่ชอบจะหันไปดูทีวีก็สามารถทำได้ เพราะยังมีพื้นที่เหลืออยู่
นั่งบนโซฟา ก็จะมองเห็นภูเขาแบบนี้ กระจกระเบียง ใส่เป้นบานเลื่อน Full-Height สูงเท่าผนัง
โซฟาชุดนี้เขาแถมให้รวมอยู่ในราคาห้อง แต่ไม่มีโต๊ะกลางนะครับ ต้องไปหามาใส่เอง
ชั้นวางทีวีชุดนี้ก็แถมให้เช่นเดียวกัน และแน่นอนว่าไม่มีทีวี ส่วนใครจะไปหาทีวีใหญ่ๆกว่านี้มาวาง หรือจะเอามาแขวนผนังก็ทำได้ ถ้าอยากนอนดูทีวีจากบนเตียง ผมแนะนำว่าควรจะใส่ทีวีจอขนาด 50-60 นิ้วขึ้นไปนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะตัวเล็กเกิน เพราะระยะห่างพอสมควรทีเดียว
เพดาน ดรอปฝ้า วางราง และใส่ม่านให้ 2 ชั้นด้วย โดยจะเป็นม่านโปร่งสีขาว 1 ชั้น และม่านแบบ Blackout Lining อีก 1 ชั้น ที่สามารถบังแสงได้ค่อนข้างสมบูรณ์ แทบจะไม่มีแสงลอดผ่านม่านเข้ามาเลย ทั้งหมดรวมอยู่ในราคาห้องแล้ว
พื้นระเบียง ดรอปลงไป ไม่มีธรณีกั้นระหว่างระเบียงกับพื้นห้อง
ออกมาที่ระเบียง พื้นที่ระเบียงกว้างมาก วางเตียงได้แล้วยังมีพื้นที่เหลืออีกหน่อย เว้นไว้สำหรับรางน้ำฝน
รางน้ำฝนใช้วิธีการเซาะร่อง และดรอปพื้นลงไป และเจาะรูท่อเอาไว้ที่กำแพง ซ่อนไว้ ไม่ให้เห็น Floor Drain ที่พื้น
หันกลับไปมองระเบียงอีกที ระเบียงนี้จะเปิดออกจากห้องนอนก็ได้ จากห้องนั่งเล่นก็ได้ เพราะพื้นระเบียงเชื่อมกันยาวตลอดแนว
*** ในห้องตัวอย่างนี้ เพดานของระเบียงจะอยู่สูงกว่าเพดานของตัวห้อง แต่ของจริงระดับของเพดานระเบียงจะเท่ากับในห้องนะครับ
สามารถวางเก้าอี้และชุดโต๊ะน้ำชาแบบนี้ได้โดยไม่อึดอัดนัก แต่ถ้านั่ง 3-4 คนหันหน้าชนกันอาจจะไม่ได้นะ
ราวกันตกทำด้วยกระจก มองเห็นวิวภายนอก นั่งกินชาไปด้วย ดูวิวไปด้วย
ถ้าเราลองเปิดประตูกระจกที่ระเบียงให้หมด และ เปิดฉากกั้นห้องออก เราจะได้พื้นที่ใหญ่ๆที่เชื่อมต่อกันแบบนี้ ซึ่งจะดูแล้วโปร่งๆ สบายๆ ไม่ดูตันๆ แต่น่าเสียดายที่มีเสามาคั่นตรงกลางหน่อยนึง เพราะถ้าไม่มีนี่จะสวยมากเลยทีเดียว
ถ้าเรานอนอยู่บนเตียง แล้วมองออกไปข้างนอก ก็จะได้มุมมองลักษณะนี้
ถัดมาเป็นส่วนของห้องนอนบ้าง
ห้องนอนที่นี่ก็จะแถมฐานเตียงให้ เป็นเตียงขนาด 6 ฟุต ที่พอวางลงไปแล้ว ยังมีพื้นที่เหลือทั้งด้านปลายเตียง และด้านข้างเตียงเลย
ด้านหน้าห้องน้ำ ที่ต่อมาจากหัวเตียง มีกระจกเงาด้วย บิ๊วมาเป็นชิ้นเดียวกันเลย …
พื้นที่ข้างเตียงยังพอมีให้ลุกออกจากเตียงได้ไม่ลำบาก
ฐานรองเตียงด้านข้าง และใต้ชั้นวางของหัวเตียง มีปลั๊กติดตั้งไว้สำหรับชาร์จมือถือ หรือวางโคมไฟ
ความพิเศษของห้องนอนที่นี่ คือ ห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน หน้าตาแบบนี้เลยครับ คือจะเป็นห้องน้ำแบบเปิด และไม่มีผนังกั้นด้วย ใส่เป็น Shower Box และ ห้องสุขาไว้ด้านหลัง
ระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำ จะวางรางไว้ให้ เผื่อใครเขินกัน จะใส่บานเลื่อนกั้นระหว่างห้องน้ำกับห้องนอน ก็สามารถทำได้ครับ
ห้องนอน พอปิดฉากกั้นห้องแล้วก็จะเป็นแบบนี้
เข้าไปดูในห้องน้ำกัน ตู้เสื้อผ้าเขานำมาไว้รวมในห้องน้ำเลยครับ และไม่มีบานปิด ทั้งนี้เพื่อให้ดูสบายๆ และเขาก็มองแล้วว่าคงไม่ได้ใช้งานจริงจัง เพราะเป็นบ้านตากอากาศที่ไม่ได้กะจะให้อยู่ทุกวัน จึงทำไว้แบบนี้ครับ มีเสื้อผ้า 3-4 ชุด ก็แขวนไว้บนราวแบบนี้
ถัดจากตู้เสื้อผ้าเข้ามาก็จะเป็น อ่างล้างหน้า ที่มาเป็นเคาน์เตอร์ชิ้นเดียว วางของได้ เก็บของได้
พื้นที่ด้านหน้าตรงนี้ มีระยะห่างพอสมควร ไม่อึดอัด กว้างพอที่จะวางม้านั่งได้ หรือจะวางพวกชั้นวางของเล็กๆก็ได้ สังเกตพื้นห้องนอน กับพื้นห้องน้ำนะครับ จะใช้วัสดุคนละอย่าง พื้นห้องน้ำจะปูกระเบื้องครับ แต่เขาใช้พรมสีน้ำตาล ที่วัสดุดูเหมือนไม้ ทำให้เราไม่รู้สึกว่าเราเดินเข้าห้องน้ำมาแล้ว แต่อันนี้เขาไม่ได้แถมให้นะครับ ต้องไปทำเอง แต่เป็นไอเดียการแต่งบ้านที่ดีครับ
ใต้อ่างล้างหน้ามีชั้นวางของ และมีช่องสำหรับเก็บเก้าอี้
ชั้นวางของใต้อ่าง มีลิ้นชักเปิด-ปิดได้ด้วย
อ่างล้างหน้า เป็นชิ้นเดียวกันกับเคาน์เตอร์ ยี่ห้อ Kasch
เคาน์เตอร์ล้างหน้านี้ บริเวณขอบจะยกขึ้นสูงนิดนึง เพื่อไม่ให้น้ำไหลออกมาครับ ถือว่าเป็นรายละเอียดที่ค่อนข้างใส่ใจทีเดียว
ก็อกน้ำของ Kasch เหมือนกัน
กระจกเงาบานใหญ่ 2 บาน ซ่อนหลอดไฟตรงกลาง
กระจกบานซ้ายสามารถเปิดออกได้ มีชั้นวางของสำหรับวางเครื่องสำอางค์ และ อุปกรณ์ในห้องน้ำอื่นๆ
ส่วนฝั่งนี้จะเป็น Shower Box ครับ ผมขอเรียกว่า Very Sexy Bath 555+ เพราะนอกจากจะมองเห็นกันแล้ว … ยังเห็นทั้งตัวเลยครับ! โอ้โห Recommend สำหรับคู่รักเท่านั้นนะครับแบบนี้ แต่จริงๆแล้วต้องบอกว่าการวาง Shower Box แบบนี้ทำให้ห้องดูโปร่งขึ้นมากเลยครับ และเชื่อมพื้นที่ห้องน้ำเข้ากับห้องนอนได้ลงตัวมาก เราสามารถอาบน้ำไปด้วย มองวิวด้านนอกไปด้วยได้ สำหรับการใช้งานจริง ถ้าใครที่ไม่ชอบที่จะมองเห็นกันเวลาอาบน้ำ สามารถติดฟิล์มขุ่นที่กระจกได้ครับ และติดขึ้นมาแค่ถึงคอก็พอ เพื่อที่เราจะได้ยังมองวิวภายนอกได้อยู่ แต่สามารถอาบน้ำได้โดยไม่ต้องกลัวคนอื่นเห็นครับ 🙂
การดีไซน์แบบนี้ ทำให้ ห้องน้ำ, ห้องนอน, ห้องนั่งเล่นและระเบียง เชื่อมต่อกันเป็น Space ชิ้นเดียว เพราะใส่กระจกเข้าไปนั่นเอง
มือจับของ Shower Box เป็น Stainless Steel
เปิดประตู Shower Box เข้ามา จะเห็นว่าพื้นถูกดรอปลงไปประมาณ 3 ซม. เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเลอะเทอะออกไปด้านนอก
ผนังกับพื้นก็จะใช้กระเบื้องสีเดียวกัน
มองออกไปด้านนอกเป็นแบบนี้เลยครับ ถ้าไม่ติดฟิล์มนี่ใสจริงๆครับ รู้เลยเกิดอะไรขึ้นบ้าง 555
มองเห็นวิวด้านนอกด้วย
ผนังด้านใน Shower Box เจาะช่องเอาไว้ วางสบู่ได้
ก็อกน้ำของ Cristina
เช่นเดียวกับหัวฝักบัว
และ Rain Shower …
เครื่องทำน้ำอุ่นติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน
ถัดมา ส่วนสุดท้าย จะเป็นห้องสุขาครับ ห้องนี้ผมคิดว่า ยังไงๆก็ควรจะติดฟิล์มนะครับ ถึงจะเป็นคู่รักกันก็ตาม … ห้องนี้ไม่มีหน้าต่างระบายกลิ่นนะครับ แต่เขาติดพัดลมดูดอากาศมาให้แทน
สายฉีดชำระ
ห้องน้ำทั้ง 2 ห้องนี้ไม่ได้เป็นห้องน้ำแบบปิดนะครับ มีช่องสำหรับระบายความชื้น, ไอน้ำ, อากาศ และ กลิ่น อยู่ทางด้านบน เหนือประตู และติดพัดลมดูดอากาศมาให้ … เชื่อว่าหลังใช้งานเสร็จ ควรจะต้องเปิดประตูแง้มไว้ และเปิดหน้าต่างที่ระเบียงเพื่อระบายอากาศ และพัดความชื้นออกไปบ้างครับ ไม่งั้นห้องอาจจะมีกลิ่นอับได้
นั่นคือทั้งหมดของห้องตัวอย่าง 1-Bed ขนาด 55 ตารางเมตรครับ เดี๋ยวไปดูห้อง Two-Bed กันต่อดีกว่า …
PRODUCT WALKTHROUGH – ห้องตัวอย่าง 2-Bed ขนาด 104 ตารางเมตร
เดินเข้าห้องมาปุ๊บ ส่วนแรกที่เจอก็จะเป็น Foyer เล็กๆที่ด้านหน้าทางเข้า ต่อด้วยส่วนครัวที่อยู่หน้าสุดของ Living นี้
พื้นที่ครัว เชื่อมต่อไปยังโต๊ะรับประทานอาหารที่อยู่ด้านใน ติดกับผนังกระจกรับวิวภายนอก
พื้นที่ Foyer ด้านหน้านี้ เป็นพื้นที่เอนกประสงค์ เหมาะสำหรับวางของอะไรก็แล้วแต่ ที่จะใช้ เวลาเข้า-ออก จากบ้าน เช่น รองเท้า, หมวก, ร่ม, กุญแจ ฯลฯ อย่างในห้องตัวอย่างนี้เขาใส่ที่นั่งเล็กติดผนังเอาไว้ สำหรับนั่งใส่รองเท้าด้วย 🙂
พื้นที่ครัววางโต๊ะ Island ตัวกลางได้ และยังมีพื้นที่เหลืออยู่อีก ซึ่งโต๊ะกลางนี้จะเป็นฟังก์ชั่นที่มีความสำคัญขึ้นมา เวลาทำครัวกันหลายๆคน เพราะเป็นพื้นที่เตรียมอาหาร จัดจาน เตรียมเสิร์ฟ ฯลฯ เพราะลำพังแค่เคาน์เตอร์ครัวอย่างเดียว ไม่สามารถจะรองรับการใช้งานของคนหลายๆคนพร้อมๆกันได้ แต่โต๊ะ Island ตัวนี้โครงการไม่ได้แถมให้นะครับ ต้องไปซื้อเอง ใครจะไปหาแบบที่เป็นไฟฟ้ามีเตาด้วย เจาะเครื่องดูดควันห้อยลงมาจากเพดาน อลังการแค่ไหนก็จัดไป
พื้นที่ครัวด้านนี้ก็จะประมาณนี้
แพนทรี่หน้าตาเหมือนเดิม เทียบกับห้องที่แล้ว
วางตู้เย็นด้านนี้ ข้างซ้ายของตู้เย็นเป็นประตู เปิดไปยังห้องน้ำที่อยู่ในห้องนั่งเล่นครับ
ฟังก์ชั่นห้องน้ำนี้จะเป็น Powder Room ไม่ได้ใช้สำหรับอาบน้ำ แต่เอาไว้รับแขกเสียมากกว่า และคนในห้อง Living จะได้ไม่ต้องไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน
โถสุขภัณฑ์
อ่างล้ำหน้า แบบแยกชิ้นกับเคาน์เตอร์ด้านล่าง
ติดกระจกเงามาให้บานใหญ่พอประมาณ
อ่างน้ำ Kasch
หัวก็อกน้ำฝังผนัง ยี่ห้อ Kasch เช่นเดียวกัน
ออกจากห้อง Powder Room ยืนอยู่ที่ครัวมองไปที่ห้องนั่งเล่น ได้มุมมองประมาณนี้
ถัดมาที่ส่วน Living ส่วนนี้จะอยู่ติดกับผนังกระจก 2 ด้าน เปิดรับวิวภายนอกได้กว้าง นี่คือข้อดีของห้องมุมของโครงการที่เน้นวิวแบบนี้
โต๊ะรับประทานอาหารแบบ 6 ที่นั่ง โคมไฟที่ห้อยลงมาจากเพดานนั้น ต้องติดตั้งเองนะครับ โครงการไม่ได้ทำสายไฟไว้ด้วย ต้องเดินสายใหม่
นั่งกินข้าวพร้อมกันได้ประมาณ 6-8 คน แต่ที่แถมมาให้กับห้องจะเป็นโต๊ะ 1 ตัว เก้าอี้ 3 ตัว และม้านั่ง 1 ตัว อย่างที่เห็น
ติดกับโต๊ะกินข้าว วางชั้นวางทีวีเอาไว้ตำแหน่งนี้ สำหรับนั่งกินข้าวไปด้วย ดูทีวีไปด้วย
ส่วนโซฟา ไม่ได้วางเอาไว้ให้ดูทีวีเลย แต่หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง รับวิวเต็มๆ
โซฟาตัว L ชุดนี้ก็รวมอยู่ในราคาห้องแล้ว ถ้าซื้อแบบ 2-Bed ห้องนี้
มองจากโซฟาออกไปด้านนอก … เสาที่อยู่ในภาพ สามารถแขวนทีวีจอเล็กๆได้ครับ ประมาณ 32-36″
ผนังกระจกเข้ามุม
ออกมาที่ระเบียง … ห้องนี้จะเป็นห้องเดียวในชั้นที่ได้เป็นระเบียงตัว L นะครับ ตัวระเบียงกว้างมาก สามารถวางเตียง 5 ฟุตแบบในรูปนี้ได้สบายๆเลย
*** สังเกตเพดานตรงส่วนนอกระเบียงนิดนึงครับ ของจริงจะไม่มีระแนงซี่ๆนะครับ แต่จะเป็นเพดานทึบยื่นออกมาแทน และห้องที่ได้ผนังและเพดานส่วนระเบียงเป็นระแนงไม้ จะมีเฉพาะยูนิตชั้น 5-6 บางยูนิตเท่านั้นครับ เพราะเป็นไปตามการออกแบบหน้าตาของตัวตึก
ระเบียงตัว L เข้ามุมยาวเลย เชื่อมตั้งแต่ห้องนั่งเล่นไปถึงห้องนอนใหญ่
มองจากระเบียงเข้าไปในห้องนั่งเล่น …
กลับเข้าไปดูในห้องก่อน … ประตูไม้ที่อยู่หลังโซฟานั่นคือประตูเข้าห้องนอนเล็กครับ ซึ่งทางโครงการก็ใส่ประตูแบบนี้มาให้เลยด้วย
เป็นบานเลื่อนเปิดออกแบบนี้
ห้องนอนเล็กใส่เตียง 3.5 ฟุตไว้ ของจริงให้มาเฉพาะฐานรองเตียงนะครับ
ผนังฝั่งตรงข้ามเตียงสามารถแขวนทีวีได้ครับ ใส่ขนาดใหญ่หน่อยก็ได้ เพราะระยะค่อนข้างไกล ด้านซ้ายนั่นคือประตูที่เปิดออกไปที่ห้องนั่งเล่นครับ ทางขวาเป็นตู้เสื้อผ้ากับประตูเข้าห้องน้ำ
พื้นที่ปลายเตียงเหลือเฟือ เดินเข้า-ออกสบาย
หัวเตียงด้านหนึ่งเป็นหน้าต่างแนวสูง ที่ทำแบบนี้เพื่อให้ห้องไม่เสีย Privacy แต่ในขณะเดียวกันก็ได้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาในห้องในปริมาณที่เยอะหน่อย
พื้นที่ข้างเตียง
ส่วนพื้นที่ข้างเตียงฝั่งนี้พอจะวางโต๊ะหัวเตียงได้ … แต่ถ้าใส่เตียงขนาด 5 ฟุตอาจจะต้องเอาเตียงมาชิดผนังฝั่งนี้นะ
ตู้เสื้อผ้าอยู่อีกด้านหนึ่ง ประตูด้านขวาเป็นประตูห้องน้ำ ที่เวลาเปิดเข้าห้องน้ำก็จะเป็นบานปิดให้กับตู้เสื้อผ้าไปด้วย
เปิดมาเจอห้องน้ำ ด้านขวาของประตูห้องน้ำเป็นกระจกที่มองเข้าไปยัง Shower Box ถ้าใครไม่ชอบก็อาจจะติดฟิล์มขุ่นบังสายตาได้
พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้อง เข้าห้องน้ำมาแล้วจะแบ่งฟังก์ชั่นออกเป็น ซ้าย-กลาง-ขวา
เริ่มจากตรงกลาง เป็นอ่างล้างหน้า, กระจกเงา และ ชั้นวางของ
ทางซ้ายแยกมาเป็นโถสุขภัณฑ์ … ความจริงผนังด้านข้างตรงนี้ไม่น่าเป็นลามิเนตเลย เนื่องจากอาจจะเปียกน้ำและบวมได้ เวลาฉีดน้ำแบบไม่ระวัง น้ำจะกระเซ็นไปโดนเอาได้
ด้านบนของโถสุขภัณฑ์เป็นพัดลมดูดอากาศที่ติดมาให้
ทางขวาของอ่างล้างมือจะเป็น Shower Box มีบานประตูกระจกกั้นไว้ชั้นหนึ่ง
Shower Box มีหน้าต่างด้วย เพื่อให้แสงส่องเข้ามาในห้องน้ำ … แต่ตรงนี้ก็ต้องติดฟิล์ม หรือติดม่านหน่อยนะครับ เพราะว่าห้องนี้เป็นห้องมุม ด้านนอกฝั่งนี้ก็เป็นนอกอาคารแล้ว มิเช่นนั้น คนข้างนอกจะมองเข้ามาได้
พื้นของส่วน Shower Box นี้ก็จะ Drop ลงมาอีก เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเลอะออกไปด้านนอก
ผนัง Shower Box มีเจาะเป็นช่อง สำหรับเอาไว้วางของได้
Rain Shower/เครื่องทำน้ำอุ่น และทางซ้ายเป็นผนังที่เจาะที่วางสบู่ไว้ให้
สุดท้ายเป็น Master Bedroom ครับ ห้องนี้จะต่างจากห้อง Master Bedroom ของห้องที่แล้วตรงที่จะมีประตูเปิดเข้าจากทางห้องนั่งเล่น ไม่ใช่ฉากกั้นห้องบานสไลด์นะครับ
Layout ของห้องนอนนี้ คล้ายกับห้อง 1-Bed เลย แต่จะมีรายละเอียดเฟอร์นิเจอร์บางส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
พื้นที่ด้านหน้าห้อง ไปจนถึงข้างเตียง
ฐานรองเตียง ใส่เตียงขนาด 6 ฟุตได้
โต๊ะหัวเตียงมีขนาดใหญ่ขึ้น วางของชิ้นใหญ่ๆได้
พื้นที่ปลายเตียงยังเหลือเหมือนเดิม แต่คราวนี้สามารถไปหาชั้นวางทีวีมาวางได้ จะได้นอนดูทีวีสะดวกๆ หรือใครคิดว่าเกะกะ ก็เอาทีวีแขวนผนังไปก็ได้ อีก option นึงก็คือบิ๊วตู้ Sideboard สำหรับวางทีวีขึ้นมาเลย แล้วเอาทีวีใส่ลงไปในตู้
ฟังก์ชั่นห้องน้ำของห้องนี้ เหมือนกับห้อง 1-Bed เลย ดังนั้นขอข้ามไปนะครับ
ฟังก์ชั่นห้องน้ำ จะมีส่วนที่แตกต่างนิดหน่อยคือ เพิ่มอ่างอาบน้ำที่ระเบียงเข้ามา … โครงการนี้สนับสนุนให้คนอาบน้ำโชว์กันมากเลยนะเนี่ย …
การวางอ่างอาบน้ำไว้ที่ระเบียง จุดประสงค์ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนหรอกครับ เพื่อให้เราสามารถแช่น้ำไปด้วย มองดูวิวไปด้วย หรือจะมองดูดาวไปด้วยก็ได้ ซึ่งเขาใหญ่จริงๆแล้วก็ถือว่าเป็นจุดที่อากาศค่อนข้างดี โดยเฉพาะตอนกลางคืน ที่อากาศจะเย็นๆหน่อย ไม่ร้อน การออกมาแช่น้ำ Outdoor เลยน่าจะเป็นกิจกรรมที่ทำได้ และผ่อนคลาย ชุดอ่างอาบน้ำชุดนี้ของ Cristina นะครับ รวมอยู่ในราคาขายเรียบร้อยแล้ว
พร้อมติดตั้งฝักบัวและก็อกน้ำมาให้แล้วเสร็จสรรพ
สำหรับที่วางสบู่หรือแชมพู สามารถวางบนชั้นวางของด้านข้างที่เขาก่อขึ้นมาให้แบบนี้ครับ เท่านี้ก็จะสามารถอาบน้ำได้แล้ว เป็นอันจบการพาชมห้อง 2-Bed ขนาด 104 ตร.ม.ครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 26 November 2013
- 1 Bedroom, อาคาร A ชั้น 2 ห้อง A202 เนื้อที่ 55.50 ตารางเมตร ราคา 4.09 ล้านบาท หรือ 73,700 บาทต่อตารางเมตร
- 2 Bedroom, อาคาร A ชั้น 2 ห้อง A201 เนื้อที่ 84.20 ตารางเมตร ราคา 6.20 ล้านบาท หรือ 73,700 บาทต่อตารางเมตร
- 2 Bedroom, อาคาร A ชั้น 1 ห้อง A105 เนื้อที่ 103.20 ตารางเมตร ราคา 7.55 ล้านบาท หรือ 73,200 บาทต่อตารางเมตร
- 1 Bedroom, อาคาร B ชั้น 4 ห้อง B402 เนื้อที่ 55.50 ตารางเมตร ราคา 4.35 ล้านบาท หรือ 78,500 บาทต่อตารางเมตร
- 2 Bedroom, อาคาร B ชั้น 2 ห้อง B201 เนื้อที่ 84.20 ตารางเมตร ราคา 6.20 ล้านบาท หรือ 73,700 บาทต่อตารางเมตร
- 2 Bedroom, อาคาร B ชั้น 1 ห้อง B104 เนื้อที่ 103.20 ตารางเมตร ราคา 7.55 ล้านบาท หรือ 73,200 บาทต่อตารางเมตร
- Villa ราคาประมาณ 12.xx – 13.xx ล้านบาท (SOLD OUT)
- Fully Furnished
- เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและ Built-in/ผ้าม่าน 2 ชั้น/แอร์/เครื่องทำน้ำอุ่น
- เพดานสูง 2.75 เมตร และดรอปฝ้าให้เหมือนห้องตัวอย่าง
- 1 ห้องนอน จอง 50,000 บาท/2 ห้องนอน จอง 80,000 บาท
- ทำสัญญา 5% ของราคาขายหลังหักเงินจอง
- ค่างวด 10%
- ค่ากองทุน 450บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน เก็บล่วงหน้า 12 เดือน
เจาะลึกรวบยอด
ก่อนที่จะสรุปอะไรใดๆ ผมขอเล่าถึงประวัติของ Developer หน้าใหม่เจ้านี้เสียก่อนแล้วกันครับ … แสนดาว เขาใหญ่ เป็นโครงการที่ถูกพัฒนาโดย บริษัท เขาใหญ่ท็อปฮิลล์ จำกัด ซึ่งมีผู้บริหาร คือ คุณสิทธิ ภานุพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ และ คุณอนุวัตร โกศล กรรมการผู้จัดการ ซึ่งถึงแม้ว่าโครงการแสนดาวนี้จะเป็นโปรเจคแรกสุดของบริษัท แต่ว่าพื้นเพของผู้บริหารทั้งสองก็ไม่ถือว่าเป็นมือใหม่ในวงการอสังหาฯเท่าไรนัก เนื่องจากคุณสิทธิ จะมี Background เป็นผู้บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสินแพทย์ และโรงพยาบาลวิภาวดี และยังเคยร่วมพัฒนาโครงการหมู่บ้าน, คอนโด และธุรกิจสนามกอล์ฟมาก่อน ในขณะที่คุณอนุวัตร มี Background เป็นตัวแทนของเจ้าของโรงแรม The Six Senses ยาวน้อย และ Holiday Inn Express หาดป่าตอง ภูเก็ต … ซึ่งก็ถือได้ว่าบริษัทนี้ก็มีพื้นเพทางด้านอสังหาฯมาบ้างเหมือนกันครับ ไม่ถึงกับเป็นใครที่ไหนไม่รู้จู่ๆมาซื้อที่ดินสร้างคอนโด 2 ตึก กับบ้านอีก 18 หลังที่เขาใหญ่ 🙂
ตัวทำเลของ แสนดาว เขาใหญ่ ในแง่ของภูมิศาสตร์ตั้งบนถนนผ่านศึก-กุดคล้า และอยู่ในจุดที่เป็นหุบเขา เป็นแอ่งพอดีประชิดภูเขาหนึ่งด้าน และเปิดเห็นวิวเขาพระนอน ซึ่งก็ต้องบอกว่า ทำเลในลักษณะนี้ก็ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก ตัวโครงการโชคดีตรงที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของถนนเส้นนั้นพอดี ทำให้รอบข้างไม่มีอะไรมาบังวิวของโครงการเลย และถ้าโครงการรอบข้างมันยังไม่กลายเป็นบ้านไปเสียหมด ก็เรียกได้ว่าการันตีวิวธรรมชาติและภูเขาไปอีกพักใหญ่ๆเลยครับ
นอกจากเรื่องวิวแล้ว ข้อดีของถนนเส้นนี้ยังมีความสงบและความเป็นส่วนตัวที่ดีกว่าถนนธนะรัชต์ ที่ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่อาศัยมาตั้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีรถผ่านไปผ่านมาเยอะ มีมอลล์ มีความวุ่นวายเข้ามา ในขณะที่เส้นผ่านศึก-กุดคล้านี้ยังมีความวุ่นวายน้อยกว่า แต่ในอนาคตถ้าหากมีโครงการมาขึ้นบนถนนเส้นนี้เยอะขึ้นอีก (และดูมีแนวโน้มว่าจะเป็นเช่นนั้น) ความ Private ของมันก็จะค่อยๆลดลงไป
ในเรื่องความสะดวกในการเดินทาง โครงการนี้ตั้งอยู่ห่างจากแยกแดรี่โฮมขึ้นเขาไป 17 กม. (แน่นอนว่าต้องขับรถนะครับ) สามารถมาได้ 2 ทางด้วย คือจะมาจากถนนธนะรัชต์ก็ได้ ถือเป็นข้อดี ถ้าเทียบระยะทางจากกรุงเทพแล้ว ทำเลผ่านศึก-กุดคล้านี้จะถึงก่อน แต่ตัวถนนจะเป็นการขับรถขึ้นภูเขา อาจจะทำความเร็วได้ไม่มากเท่าฝั่งถนนธนะรัชต์ ที่เป็นถนนกว้าง วิ่งง่ายกว่า รถวิ่งเยอะกว่า หาง่ายกว่า
การออกแบบตัวโครงการ วาง Layout ออกมาได้ดี มีการวางตำแหน่งอาคารและบ้านโดยพยายามให้สามารถมองเห็นวิวที่เป็นจุดขายหลักได้จากทุกๆยูนิต และมีจำนวนยูนิตน้อย มีความเป็นส่วนตัว ความ Private สูง เพราะตึกหนึ่งมีแค่ 40 ยูนิต 2 ตึกก็พึ่งจะ 80 ยูนิต และบ้านอีก 18 หลัง บนที่ดินรวม 13 ไร่ โดยรวมแล้วถือว่าจัดมาแบบหลวมๆ เหลือเฟือเลย และยิ่งถ้าคิดว่าเป็นบ้านตากอากาศแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าจะมีลูกบ้านมาพักไม่ตรงกันในแต่ละจังหวะโอกาสด้วย
การออกแบบภายในห้อง ทำห้องมาใหญ่ เริ่มที่ 55 ตารางเมตร ทำให้จัดเฟอร์นิเจอร์ และวาง Layout ได้ค่อนข้างลงตัว และมีขนาด+ระยะที่ใช้งานได้สะดวก ไม่ค่อยมีเหลี่ยม มุม แปลกๆให้เห็น เน้นการวางแปลนห้องให้ทุกส่วนของบ้านสามารถมองเห็นวิวได้ … ตัวคอนโดมิเนียมจะมีข้อติเรื่องห้องน้ำนิดนึง ที่อาจจะมีบางคนที่ไม่ชอบ เพราะดูแล้วไม่ค่อย Private เท่าไหร่ แต่พอแก้ไขได้ (ด้วยตัวเอง) และพื้นที่ครัวที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการทำอาหารแบบจริงจัง ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นคอนโดที่ไม่ได้อยู่ประจำ แต่คนชอบทำอาหารก็อาจจะเสียดาย เฉพาะสำหรับคอนโดนะ
สุดท้ายคือเรื่องของ Facilities … เนื่องจากมีจำนวนยูนิตที่ไม่เยอะ และเก็บค่าส่วนกลางอยู่ที่ 45 บาท/ตร.ม./เดือน ทำให้ Facilities ที่จัดมาให้ก็เลยจะไม่เยอะเท่าไหร่ มีเฉพาะสระว่ายน้ำ แยกระหว่างตึก A และตึก B มีมาแค่พอให้ใช้ได้ และไม่มีฟิตเนส ซึ่งหลายๆคนที่ชอบคอนโดแบบสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะๆ อาจจะไม่ถูกใจนัก
Judgement
สำหรับโครงการ แสนดาว เขาใหญ่ ขออนุญาตไม่ให้คะแนนครับ เนื่องจากโครงการประเภทตากอากาศนี้ในลักษณะนี้ มีปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อที่แตกต่างจากคอนโดเพื่อการอยู่อาศัยทั่วไป ซึ่งต้องมีเรื่องของความคุ้มค่าทางการเงินและความคุ้มค่าทางอารมณ์ผนวกกันครับ ซึ่งทำให้บรรทัดฐานการให้คะแนนแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ทั้งผู้อ่านและผู้รีวิวครับ นอกจากนี้ทำเลเขาใหญ่นี้ยังมีปัจจัยการเลือกทำเลที่แตกต่างจากทำเลในเมืองอย่างกรุงเทพมหานคร ผมไม่ใช่คนพื้นที่ ทำให้อาจจะยังมีความรู้ความเข้าใจในทำเลนี้ไม่เพียงพอที่จะให้เป็นคะแนนตัวเลขได้ครับ
BOTTOM LINE
โครงการ แสนดาว เขาใหญ่ เหมาะสำหรับ คนที่กำลังมองหาบ้านพักตากอากาศที่เขาใหญ่ เดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพ ในรูปแบบคอนโดมิเนียม หรือ แบบวิลล่า (ขึ้นกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว) ที่มองเห็นวิวภูเขา และมีความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ชอบโครงการยูนิตน้อยๆ เน้นความเป็นส่วนตัว แต่ไม่เน้น Facilities ใหญ่ๆ
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ