ต้องยอมรับว่าผมนึกไม่ถึงนะครับ ที่ผมต้องมาเขียนบทความวิเคราะห์ห้องประเภทหนึ่งของโครงการหนึ่งๆ … ที่มีจำนวนเพียง 2-3% ของปริมาณยูนิตทั้งโครงการ แต่พอดี Sky Home เป็นห้องที่ผมยอมรับว่าแปลกใหม่จริงๆ และน่าสนใจมากๆ จึงต้องหยิบออกมาแบ่งปันให้กับผู้อ่านทุกท่านครับ
Sky Home เป็นสินค้าใหม่ที่พึ่งเคยมีในตลาดครั้งแรกของเมืองไทย (ทาง IDEO เกริ่นว่าเป็นครั้งแรกของโลก) ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัวของผมและคุณโอ๋ สองนักวิเคราะห์จาก Think of Living ยอมรับว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่โดดเด่นมาก การที่ IDEO Mobi ออกสินค้าประเภท Sky Home มาได้ ต้องทำการบ้านมาอย่างหนัก ในเรื่องสถาปนิกและการออกแบบ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว Sky Home คือต่อยอดห้อง Duplex ปกติให้ไปอีกระดับอย่างง่ายๆครับ
Sky Home เป็นสินค้าที่เกิดจากการผสมผสานบ้านแนวราบเข้ากับการใช้ชีวิตในแนวดิ่ง ลองคิดดูว่าถ้าให้เด็กเล็กๆจับดินสอสีวาดรูปบ้าน หน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไร?
บ้านสองชั้นทั่วไปจึงแตกต่างจากคอนโดมิเนียมห้องปกติด้วย 3 ประเด็นใหญ่ๆ
- มีบริเวณนอกบ้าน เดินออกนอกบ้านได้
- มีสองชั้น
- มีสวนหรือสระน้ำกลางแจ้ง
“คอนโดมิเนียม” ก็พยายามจะพัฒนาตัวเองให้ใกล้บ้านเข้าไปเรื่อยๆ โดยเราจะเห็นในห้องประเภท Duplex ที่มีสองชั้น ทำให้มีความเป็น “บ้านในอุดมคติ” มากขึ้น และการที่คอนโดบางตึก ยกตัวอย่างเช่น Teal สาทร-ตากสินของแสนสิริ ที่ทำ Balcony ส่วนกลางของตึกยื่นออกไปปลูกเป็นต้นไม้สำหรับห้องบางยูนิต หรือบางตึกก็สร้าง Private Pool ตามระเบียง ก็เพื่อการเช่นนี้เหมือนกัน … โดย Sky Home ก็ใช้แนวคิดนี้ มาต่อยอดปรับแบบตึกให้เข้ากับ Life Style ของคนที่อยู่บ้านเดี่ยวมากขึ้น จนได้มาเป็นยูนิตแบบนี้ครับ
ถ้าอ่านแล้วชอบ หรือรู้สึกว่ามีประโยชน์ ก็ช่วยกด Like ส่ง Tweet ให้ผมหน่อยนะครับ 🙂
ภาพข้างบนเป็นชั้น 6 หรือชั้น Facility ของ IDEO Mobi สาทร มียูนิตพักอาศัยประเภท Sky Home อยู่ทั้งหมด 12 ยูนิตและแบบคอนโดมิเนียมทั่วไป 3 ยูนิต
สังเกตให้ดีว่า Floor 6 จะไม่มีทางเดินระหว่างห้อง หรือซอกแคบๆที่ผู้อยู่อาศัยคอนโดทุกท่านต้องเดินผ่านเช้าเย็นเพื่อไปขึ้นลงลิฟท์ในชีวิตประจำวัน … แตกต่างจากแปลนของ IDEO Mobi ที่เห็น
ชั้น Podium หรือ Facility นี้เมื่อประตูลิฟท์เปิด ลูกบ้านจะถูกบังคับให้เดินออกในส่วนที่เป็น Outdoor Facility ทันที วิวจะเปิดกว้างเห็นสวนและสระว่ายน้ำ โดยลูกบ้านที่ครอบครองห้องประเภท Sky Home จะสามารถเดินเข้าห้องจาก “หน้าบ้าน” หรือประตูบ้านชั้นล่างที่ติดกับสวนหรือสระว่ายน้ำนั่นเอง
ในจุดนี้มีข้อดีอย่างไร? สภาพแวดล้อมที่ผู้อยู่อาศัยต้องผ่านเช้าเย็นนั้น จะเปลี่ยนจากผนังปูนพื้นกระเบื้องความกว้าง 1.5 เมตร กลายเป็น Landscape ของสวนและสระว่ายน้ำที่จัดไว้สวยงาม รวมไปถึงบรรยากาศรอบๆตัวตึก ที่ทำให้ลูกบ้านรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่คอนโดมิเนียม ได้ใช้ Facility ทุกวัน แม้ว่าจะเป็นเพียงการเดินผ่าน ก็เจริญหูเจริญตาขึ้นมาก ต่อให้โถงลิฟท์จะทำสวยขนาดไหน ก็คงไม่น่าดูเท่าชั้น Facility อยู่แล้ว
ข้อเสียละ? มีเหมือนกันนะครับ การที่เราต้องเดินผ่าน Outdoor มาเข้าบ้านนั้น บางครั้งเราก็ไม่อยากเดิน ด้วยเหตุผลสองเรื่องหลักๆ คือแดดและฝน … แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา (เพราะอะไรเดี๋ยวจะเฉลย) ปัญหาที่แท้จริงก็คือการที่มีหน้าบ้านอยู่ติด Facility ทำให้เราเสียความเป็นส่วนตัว หรือเสียงดังจากสระว่ายน้ำ เด็กวิ่งเล่น อาจจะรบกวนการอยู่อาศัย ซึ่งบางคนก็ชอบความมีชีวิตชีวาของส่วนกลางครับ
เรามาดูวิธีแก้ไขเรื่อง “แดด” และ “ฝน” ของ IDEO Mobi … อนันดาฯออกแบบให้ชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นถัดมา หรือ “ชั้นสอง” ของ Sky Home มีประตูสามารถเปิดเข้าออกจากทางเดินระหว่างห้องตามปกติได้ นั่นก็คือถ้าวันไหนเห็นท่าแล้วไม่อยากเดินผ่านส่วนกลาง แทนที่จะกดลิฟท์มาที่ชั้น 6 ก็สามารถเข้าจากชั้น 7 ได้ ทำให้ปัญหาเรื่องแดดและฝนหายไป
Sky Home จึงจัดเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการคอนโดมิเนียม ที่พัฒนาสินค้าให้เป็น Hybrid ระหว่าง “แนวราบ” และ “แนวดิ่ง” เหมือนเอา Town Home มาวางอยู่บนตึก ผู้อยู่อาศัยสามารถเดินออกทาง “หน้าบ้าน” ไปใช้สวน สระว่ายน้ำ และ Facility ส่วนกลางทั้งหมด เดินออกมาจากบ้าน ผ่อนคลายความอึดอัด หรือแม้แต่เอาคอมพิวเตอร์ออกมานอนเล่นเน็ตอยู่ริมสระน้ำ เพราะว่า Wifi ในบ้านตัวเองสามารถส่งสัญญาณมาถึง
… แต่น่าเสียดายเหมือนกัน … ตึกหนึ่งๆเช่น IDEO Mobi สาทรนั้น มียูนิตที่จัดเป็น Sky Home เพียง 12 ยูนิตเท่านั้น และยูนิตที่เป็น Sky Home หน้าสระว่ายน้ำมีเพียง 4 ห้อง จาก 500 กว่าห้อง หรือไม่ถึง 1% จากจำนวนยูนิตทั้งหมด
ส่วนพวกห้องที่เอาคอนโดธรรมดามาวางอยู่บน Podium อีก 3 ห้องนั้น ผมต้องบอกเลยว่า ไม่ work … เพราะถ้าฝนตกแล้วละก็ … คุณต้องวิ่งฝ่าฝนเข้าห้องนะครับ เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของชั้น Podium นั้น … มันไม่มีหลังคา!
วิเคราะห์ทำเลห้อง Sky Home ของ IDEO Mobi ในแต่ละทำเล
เรามาดูกันเป็นตึกๆเลย ว่า Sky Home ที่ไหน น่าสนใจ ขนาดไหน เนื่องจากชั้น Podium หรือ Facility ของทุกตึกเป็นชั้นถัดมาจากที่จอดรถ ไม่ได้อยู่สูงแบบชั้น 10 ขั้นไป ทำให้ “วิว” ของห้องเหล่านี้อาจจะถูกบังได้ ด้วยตึกเตี้ยข้างเคียง หรือตึกที่จะขึ้นใหม่ในอนาคต เป็นเหตุผลให้ห้องที่หันหน้าออกนอกตึกนั้นไม่เซฟในเรื่องของวิว เพราะโอกาสถูกบังมีสูงมาก ต่างจากยูนิตที่มองวิวสระวิวสวน ที่เซฟกว่ามากครับ
เริ่มกันด้วย IDEO Mobi พญาไท … ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่มี Sky Home แต่มี Duplex ที่ชั้นสระว่ายน้ำแทน ซึ่งต้องเดินเข้าจากโถงลิฟท์และทางเดินระหว่างห้องปกติ ดังนั้นเราก็ไม่ถือว่าเป็น Sky Home นะครับ … จบกันไปอย่างรวดเร็ว
IDEO Mobi พระราม 9
โครงการนี้ Sky Home ตั้งอยู่บนชั้น 6 และ 7 ซึ่งอย่างที่เห็นจากภาพ พบว่า Layout ของตึกเป็นรูปตัว H ซึ่งทิศเหนืออยู่ทางซ้ายสุดของภาพติดสะพานข้ามแยก ไม่มีส่วนที่เป็นห้องพักอาศัย ตรงแกนของตัว H แบ่งออกเป็นสองฟาก ฝั่งตะวันตกแดดร้อนมีสระว่ายน้ำ วิวติดป้ายโฆษณา เลยออกไปเป็นถนนอโศกดินแดง ส่วนทิศตะวันออกมีบ้านคน ปั๊มแก๊ส และตึก Aspire พระราม 9 ซึ่งในอนาคตผมว่าปั๊มหรือบ้านคงจะกลายเป็นตึกสูง ส่วนทิศใต้ติดคลองแสนแสบ ซึ่งชั้น 6 เอากลิ่นน้ำคลองไม่อยู่หรอกครับ
ทำให้ยูนิตที่เยี่ยมยอดของตึกนี้เหลือเพียง 2 ยูนิต ที่ผมแปะสีเขียวๆเอาไว้ ซึ่งหันไปทิศเหนือ หน้าบ้านรับวิวสระน้ำเต็มๆทั้งสระ ในขณะที่ห้องแบบเดียวกันฝั่งส่วนดันติด Service Lift จึงไม่ Perfect ครับ
IDEO Mobi สาทร
โครงการ IDEO Mobi สาทรมี Sky Home อยู่ที่ชั้น 6-7 ตัวตึกมี Layout เป็นรูปตัว U ทิศเหนือที่ติดสถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี ได้ข้อดีตรงแดดไม่ร้อน ยูนิตที่ดีสุดทั้ง 3 ยูนิตจึงหันไปทางนี้ และได้วิวสระน้ำด้วย ส่วนยูนิตสุดท้ายติด Service Lift … ซึ่งทางตะวันตกและตะวันออกนั้นโดนตึกอื่นบังทั้งสองด้าน ไม่แนะนำ … สุดท้ายคือทิศใต้ที่มองออกไปยังซอยกรุงธนบุรี 6 เห็นพวกตึกแถว 4 ชั้นและอาคารบ้านเรือน จึงจัดเป็นยูนิตที่น่าสนใจ 5 ยูนิต แต่ไม่ถึงที่สุดอย่างยูนิตสีเขียว 3 ยูนิตนั้นครับ
IDEO Mobi สุขุมวิท ตึก A
โครงการ IDEO Mobi สุขุมวิทมี Sky Home อยู่ที่ชั้น 4-5 เป็นโครงการที่มี 2 ตึกหันหน้าเข้าหากันเป็นรูปตัว L ประกบกันกลายเป็นตัว U จึงทำให้มีทำเล “ดีๆ” หน้าสระว่ายน้ำเยอะมาก ตึก A ได้ทิศใต้ ซึ่งมี Sky Home ทำเลแจ่มๆดีๆอยู่ถึง 7 ห้องด้วยกัน ในขณะที่ทิศเหนือถูกตึก President บังเต็มๆเลย และทิศที่หันเข้าหา BTS Line ก็โดนพระอาทิตย์เต็มๆเช่นกัน ดีไม่ดี ความสูงชั้น 4 อาจยังไม่เลยรางรถไฟฟ้าด้วยครับ
IDEO Mobi สุขุมวิท ตึก B
ห้องของตึก B หันไปทางทิศเหนือ ซึ่งจะร้อนน้อยกว่าห้องของตึก A และมี Sky Home ที่เรียกว่าทำเลดีมากอยู่ 8 ยูนิต … ปัจจุบันทิศใต้ก็ OK นะครับ เพราะว่าหน้ายูนิตหันไปยังซอยสุขุมวิท 83 แต่เราก็การันตีไม่ได้ว่าสักวันหนึ่งจะมีตึกสูงมาขึ้นบังวิวเราไหม เพราะถ้ามี ฝั่งนี้ก็จะสาหัสเหมือนกันครับ ส่วนยูนิตสีดำๆสองอันขวาสุดนั้น มองออกไปได้สวน และเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้าง Private ไม่มีเสียงเด็กเล่นจากสระว่ายน้ำด้วย
เชื่อหรือไม่ว่า ผมนับรวมหมุดเขียวจากทุกโครงการของ IDEO Mobi แล้ว นับได้เพียง 20 Units เท่านั้น จากทั้ง 4 โครงการ ร่วมๆ 2,400 ยูนิต … คิดเป็น … 0.83% จากจำนวนยูนิตทั้งหมดครับ
Sky Home ดีๆ หายาก มันมีน้อยมาก!
วิเคราะห์ผังห้อง Sky Home ทั้ง 3 แบบ
ครั้งก่อนที่ผมเขียนวิเคราะห์ผังห้อง IDEO Mobi ไป ด้วยความที่ยังไม่ได้ไปดูโครงการ อ่านจากกระดาษแล้วร่ายสด ทำให้บทวิเคราะห์มั่วมาก ปล่อยไก่ออกมา 3 เล้าครึ่งในช่วงผังห้องที่เป็น Sky Home จึงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ และขอหยิบยกแบบบ้าน F1, F2, F3 ที่เป็น Sky Home ทั้ง 3 แบบ มาแก้ตัวกันในบทวิเคราะห์นี้ครับ
Type F1 – 42 Sq.m. (1 Bed หน้ากว้าง 5 เมตร)
ห้องนี้เกิดจากการเอาห้อง 21 ตารางเมตรมาทับซ้อนกันบนล่าง ด้านล่างกลายเป็นห้องครัว โต๊ะอาหารและห้องรับแขก ชั้นล่างมีระเบียงมองออกไปที่สระน้ำบนชั้น Podium เห็นไหมครับว่ามีประตูเข้าจากหน้าบ้านของชั้น LOWER ได้ โดย UPPER ก็มีประตูหลังบ้านเปิดเข้าได้จากชั้นบน … ห้องนี้เป็นขนาดพอดีๆ 42 ตารางเมตร ที่ใช้งานได้โอเคครับ
Type F2 – 42 Sq.m. (1 Bed หน้าแคบ)
ห้องนี้เกิดจากการเอาห้อง 21 ตารางเมตร Version หน้าแคบมาทับซ้อนกันบนล่าง โดยการใช้งานยังเหมือนเดิม วางห้องรับแขก โต๊ะอาหาร และห้องครัวไว้ด้านล่าง แต่การที่เป็นห้องลึก และเสียพื้นที่ความกว้างที่ต้องวางบันได ทำให้ห้องรับแขกนั่งได้ไม่สะดวก ห้องแบบ F2 ไม่มีระเบียงชั้นล่าง มีแต่กระจกข้างประตู ก็จะเปิดระเบียงออกไปนั่งเล่นรับลมที่ชั้นล่างไม่ได้ ส่วนระเบียงชั้นบนก็แคบเกินไปที่จะทำอะไรได้ กลายเป็นพื้นที่ ที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ สรุปก็คือ ถ้ามีโอกาสเลือก แนะนำให้เลือกห้องหน้ากว้างแบบ F1 ดีกว่าครับ
Type F3 – 60 Sq.m. (2 Beds หน้ากว้าง 5 เมตร)
F3 เป็นห้องที่สมบูรณ์ที่สุด แบบ 60 ตารางเมตรมีห้องน้ำชั้นล่างและชั้นบน มีระเบียงกว้างตั้งโต๊ะ โซฟาหรือเก้าอี้นอนได้ ข้างบนแจกเป็นสองห้องนอน ถ้าไม่ชอบก็ทุบผนังทิ้งทำเป็นห้องนอนใหญ่ Master ห้องเบ้อเริ่มห้องเดียวได้ ด้วยพื้นที่ 60 ตารางเมตร ทำให้ Sky Home ยูนิตนี้ดูดีที่สุดในเรื่องการใช้สอย การใช้ชีวิตอยู่อาศัยจริง เมื่อเทียบกับบรรดา Sky Home ทั้งหมดครับ
สรุป F3 > F1 > F2 ถ้างบไม่จำกัด ถ้างบจำกัดให้เลือก F1 ครับ
ความคุ้มค่าของ Sky Home
Sky Home คุ้มค่าหรือไม่? เราวิเคราะห์คุณสมบัติกันไปแล้วแต่เรายังหา โมเดลของ “ความคุ้มค่า” ของ Sky Home ไม่ได้ … วันนี้ผมเลยจะใช้ความรู้เท่าที่มี ลองเทียบๆดูนะครับ ว่าจริงๆแล้ว Unit Sky Home ที่ว่าเนี่ย มันดีหรือไม่? อย่างไร?
ข้อดี
- ได้เดินผ่านสิ่งเจริญหูเจริญตาทุกวันเช้าเย็น … ถ้าฝนตกแดดออก ก็เลือกที่จะเข้าบ้านจากชั้น 2 ได้
- เดิน “ออกจากบ้าน” ไปเปลี่ยนอารมณ์ได้ เมื่อเบื่อไม่อยากอยู่ในห้อง โดยไม่ต้องเดินผ่านลิฟท์และทางเดินระหว่างห้อง
- ผู้อยู่อาศัยมีโอกาสที่จะได้ใช้ Facility บ่อยกว่าชั้นอื่นๆมาก เดินออกจากบ้านลงสระว่ายน้ำได้เลย
- นั่งเล่นเน็ตนอกบ้านหรือริมสระได้ เพราะ Wifi จากบ้านตัวเองส่งมาถึง
- เหมือนมี Podium เป็นพื้นดินรอบบ้าน
ข้อเสีย
- ยูนิตที่อยู่หน้าสระน้ำอาจขาดความเป็นส่วนตัว เสียงจากสระว่ายน้ำและเด็กเล่นกันตอนเย็นๆอาจรบกวนในห้องได้ … พอมีทางเลี่ยงโดยการหนีไปอยู่ชั้น 2 หรือติดม่านประเภทมู่ลี่แนวตั้ง ให้บังสายตาทิศทางที่ไม่อยากให้มองเข้าบ้าน
- Sky Home ตั้งอยู่บน Podium ชั้นเตี้ยๆ 4-6 จึงทำให้วิวถูกบังได้ง่าย … ดังนั้นควรจะเลือกยูนิตที่วิวดีๆไว้แต่แรกครับ
- ความปลอดภัยต้องดูแลมากกว่าชั้นอื่น
Sky Home vs Duplex
- – Sky Home สูญเสียความโปร่งโล่งหรูหราแบบ Duplex ที่มีฝ้าเพดาน Void สูง 5 – 6 เมตร
- – Duplex ได้วิวพาโนราม่าจากกระจกบานใหญ่ในแนวดิ่ง เวลามองจากชั้นบนตรงพื้นที่ Void
- + Sky Home มีพื้นที่ใช้สอยบนชั้น 2 มากขึ้น
- + Sky Home ได้บรรยากาศในการเดินเข้าบ้าน
สิ่งที่ผมอึ้งมากที่สุดก็คือ … อนันดาตั้งราคา Sky Home เทียบเท่ากับยูนิตชั้น 10 เองครับ! ถูกกว่า Duplex Penthouse ชั้นบนสุดตารางเมตรละเป็น 10,000!
ถ้าอ่านแล้วชอบ หรือรู้สึกว่ามีประโยชน์ ก็ช่วยกด Like ส่ง Tweet ให้ผมหน่อยนะครับ 🙂