รีวิวฉบับที่ 1433 … สวัสดีค่ะ ช่วงนี้คอนโดของป้าศุก็ทยอยเปิดตัวกันหลายทำเลทีเดียว สำหรับวันนี้จะพาไปชมอีกหนึ่งโครงการกับ “ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู” เป็นคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินประมาณ 300 เมตร ซึ่งเปิดตัวมาด้วยราคาถูกสุดบนทำเลนี้ ตัวโครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 34 ชั้น ออกแบบให้มีพื้นที่สวนส่วนกลางในหลายชั้นแบบ Step Terrace Garden ทำให้ผู้อยู่อาศัยเข้าถึงพื้นที่สีเขียวได้ง่าย มีขนาดห้องให้เลือกตั้งแต่ 27.5 – 72.5 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้น 1.66 ล้านบาท ไปชมกันเลยค่ะ

Fact @ 21 September 2017

  • Supalai Park Park Talat Phlu Station (ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู)
  • บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ธนบุรี
  • คอนโด High Rise 34 ชั้น 1 อาคาร 785 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 31 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 43% (ไม่รวมซ้อนคัน)
  • ที่ดินประมาณ 4-1-60.7 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ปี 2560
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปี 2563
  • Studio 27.5 – 28.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.66 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 35 – 49 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 60.5, 72.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.74 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 60,000 – 72,500 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1720

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วนะคะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.712442, 100.473855

แผนที่จากทางโครงการ ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู ตั้งอยู่ใกล้แยกรัชดา-ราชพฤกษ์ โดยโครงการจะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีตลาดพลูประมาณ 300 ม. (วัดจากทางบันไดทางลงรถไฟฟ้าที่ใกล้โคงการที่สุด) หน้าโครงการจะอยู่ติดกับถนนราชพฤกษ์ ในช่วงทางกลับรถใต้ทางยกระดับถนนราชพฤกษ์ที่มุ่งหน้าไปถนนเพชรเกษมอีกทีค่ะ

โครงการ ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู จัดเป็นโครงการในย่าน BTS ตลาดพลู ทำเลนี้จัดเป็นทำเลของชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิม เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งรวมความเจริญของชาวฝั่งธนฯ เลยก็ว่าได้ค่ะ จุดศูนย์กลางของความเจริญในย่านนี้แต่เนิ่นนานนี้เริ่มต้นจากบริเวณแยกตลาดพลูหรือสถานีรถไฟตลาดพลู บริเวณนั้นจะเรียกกันว่า “ตลาดพลู” นั่นเองค่ะ บรรยากาศบริเวณตลาดพลูนี้มีร้านอาหารอร่อยเก่าแก่หลายร้านมากๆ ซึ่งต่อมาความเจริญก็ได้ขยับขยายออกมาทางราชพฤกษ์มากขึ้น เนื่องจากถนนราชพฤกษ์นี้มีความสำคัญคือเป็นถนนที่เชื่อมเข้าถนนกรุงธนบุรี และขึ้นสะพานตากสินข้ามไปยังฝั่งพระนคร ย่านสาทรได้ง่าย และมีโครงข่ายรถไฟฟ้าที่ตัดผ่านเส้นนี้ รวมไปถึงมีแหล่งความอุดมสมบูรณ์อีกจุดในย่านนี้อย่าง The Mall ท่าพระ ที่ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษก ใกล้แยกรัชดา-ราชพฤกษ์ แต่ด้วยทำเลโครงการที่จะอยู่ถัดออกมาหน่อยในระยะประมาณ 700 ม. ก็คงต้องนั่งรถไปอีกต่อนึง หรือเรียกพี่วินไปได้ค่ะ ด้วยการเข้ามาของรถไฟฟ้าทำให้ย่านนี้มีการพัฒนาความเจริญมากขึ้น และรูปแบบการอยู่อาศัยก็เปลี่ยนหน้าตาจากโครงการแนวราบเป็นคอนโดมิเนียม High Rise ติดถนนใหญ่กันเยอะมากๆ หลายโครงการทีเดียวค่ะและทุกโครงการมีราคาขายปัจจุบันไม่ถูกแล้ว ถ้าเป็นโครงการใกล้สถานีในระยะเดินแบบไม่เกิน 200 ม. ก็มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 บาท/ตร.ม. ถ้าห่างจากสถานีออกไปก็มีราคาที่ลดหลั่นกันไปตามระยะทางค่ะ

สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ของโครงการนี้ก็สามารถใช้ถนนหลักได้หลายเส้นทาง ในส่วนของถนนราชพฤกษ์ที่อยู่ด้านหน้าโครงการนั้นจะเป็นถนนราชพฤกษ์ ในช่วงทางกลับรถใต้ทางยกระดับถนนราชพฤกษ์ ทำให้การใช้ถนนจะต้องวนไปกลับรถก่อนเพื่อมายังแยกรัชดา-ราชพฤกษ์ อีกทีแล้วจึงเลือกว่าจะไปเส้นทางไหนทำเลตรงนี้จึงไม่ได้ดีเหมือนการอยู่ติดถนนราชพฤกษ์เส้นหลักสักทีเดียวนะคะ แต่การอยู่ใกล้แยกก็มีข้อดีที่สามารถเลือกใช้ถนนได้หลายสาย ถ้าต้องการเข้าเมืองไปข้ามสะพานสาทรก็ง่ายแค่วนไปตามทางกลับรถก็สามารถวิ่งไปทางโพธิ์นิมิตรได้แล้ว แต่ถ้าจะใช้เส้นราชพฤกษ์วิ่งออกเมืองจะต้องไปกลับรถมาอีกที หรือจะวิ่งเข้าถนนรัชดาภิเษกนั้นก็เชื่อมต่อไปตลาดพลู ไปก็จะถึงแยกท่าพระได้ ซึ่งตอนนี้ก็กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอยู่ หรือถ้าวิ่งไปทางฝั่ง The Mall ท่าพระ  แล้วตรงไปเรื่อยๆ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปก็เป็นถนนพระราม 3 แล้วค่ะ

สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะต่างๆนั้นก็สะดวกสบายมากๆ ค่ะ จุดเด่นเลยคือเป็นโครงการที่ทางเข้า-ออกโครงการนั้นติดกับบันไดทางขึ้น-ลง BTS ตลาดพลูเลย เรียกว่าติดของแท้ และด้วยสถานีนี้จัดเป็นส่วนหนึ่งของรถไฟฟ้าสายหลักในการเข้าเมืองไปยังย่านสาทร เลยไปถึงสยามได้ง่ายเลยค่ะ ส่วนในอนาคตบริเวณ BTS บางหว้านั้นจะ Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค ให้สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้หลากหลายมากขึ้นด้วยนะคะ และอีกตัวเลือกนึงสำหรับใครที่เรียนหรือทำงานในย่านพระราม 3 หรือจะไปสีลมและสาทรนั้นก็มี BRT รองรับเช่นเดียวกัน โดยสถานีราชพฤกษ์นั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโครงการเลย เรียกว่าข้ามถนนไปก็ถึงสถานีแล้วค่ะ สะดวกในการเดินทางมากๆ โดยราคาค่าโดยสารเพียง 5 บาทตลอดสายเท่านั้นเอง เทียบกับรถเมล์แบบไม่ปรับอากาศยังแพงกว่าอีก

ความอุดมสมบูรณ์หลักๆ นั้นอยู่ในละแวกโครงการเลยค่ะ แต่จะไม่ได้อยู่ในระยะที่เดินได้นะคะ เพราะบริเวณโดยรอบโครงการยังไม่เจริญมาก สิ่งอำนวยความสะดวก ระยะที่ใกล้สุดก็จะเป็นห้าง The Mall  ท่าพระ ที่ห่างจากโครงการประมาณ 700 ม. สำหรับห้างเดอะมอลล์ท่าพระนี้จัดเป็นห้างเก่าแก่ที่อยู่กับคนย่านนี้มานาน ต่อมามีการปรับปรุงภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัยขึ้น นอกจากนั้นบริเวณรอบๆโครงการก็จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า ของกินแผงลอยตั้งอยู่ค่อนข้างเยอะ ในช่วงเช้าจะคึกคักกว่าหน่อยตามข้างทางจะมีของขายทั้ง หมูปิ้ง หมูทอด ข้าวไข่เจียว ไปจนถึงอาหารตามสั่ง แต่ช่วงเย็นบรรยากาศจะเงียบๆกว่าหน่อย แต่ก็ยังมีร้านอาหารเปิดเยอะอยู่  นอกจากเดอะมอลล์ใกล้ๆโครงการยังมีไทยช่วยไทยพลาซ่า , ตลาดซอย13 , MaxValu และ ตลาดพลู ตลาดเก่าแก่ที่มีทั้งร้านอาหาร และ ขนมขึ้นชื่อมากมาย โดยเฉพาะร้านขายกุยช่ายเจ้าดัง ที่คนซื้อต้องมายืนรอต่อแถว ก็อยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟนี่เอง  นอกนั้นสถานที่สำคัญก็จะเป็นพวกวัด โรงพยาบาล และ โรงเรียน เป็นต้นค่ะ ส่วนถ้าจะเอาความเจริญต้องรออาศัย BTS, BRT เข้าสาทร สีลมเอา แต่โดยรวมแล้วเป็นทำเลที่เหมาะกับคนใช้ชีวิตในคอนโดนะคะ เพราะหาของกินได้ง่าย เน้นซื้อกิน ไม่ก็ห่อเข้ามาแกะถุงกินที่ห้องได้เลยไม่ต้องทำอาหาร น่าเสียดายที่แหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่กล่าวมานั้นไม่ได้อยู่ในระยะเดินได้ หรือถ้าเดินก็ต้องออกแรงกันสักหน่อย แต่ก็แลกมากับราคาของโครงการที่หยิบจับง่ายที่สุดในย่านนี้นะคะ

ในย่านนี้มีโครงการคอนโดขึ้นหลายโครงการทั้งมือ 1 มือ 2 ทุกโครงการต่างหวังพึ่งพิง BTS ตลาดพลู แต่ก็มีความสะดวกและระยะทางแตกต่างกันไป บางโครงการอยู่ใกล้ The Mall ท่าพระ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจและแหล่งพักพิงหลักในย่านนี้ ส่วนราคาของคอนโดมือ 1 ที่ใกล้รถไฟฟ้าแบบเดินง่ายๆ ไม่เกิน 100 ม.ในย่านนี้ขึ้นไปแตะถึงประมาณ 100,000 บาท​/ตร.ม. กันแล้วนะคะ ส่วนมือ 2 ก็มีให้เลือกหลายโครงการ ราคามีให้เลือกตั้งแต่ 65,000 บาท/ตร.ม. ไปจนถึง 90,000 ปลายๆ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นแบรนด์ไหนและอยู่ห่างจากรถไฟฟ้า + แหล่งความอุดมสมบูรณ์แค่ไหนค่ะ

การเดินทางไปโครงการจะเริ่มบนถนนเพชรเกษมช่วงใกล้แยกท่าพระค่ะ จากตรงนี้ก็ให้ตามป้ายมไหสวรรย์ไว้นะคะ

ขับตรงมาไม่ไกลจะถึงแยกท่าพระ ให้เลี้ยวซ้ายที่แยกท่าพระ บริเวณแยกนี้จะดูวุ่นวายพอสมควรเลยเพราะตอนนี้กำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสถานีท่าพระของสายสีน้ำเงินกันอยู่ค่ะ

เลี้ยวซ้ายมาแล้วก็ตามทางไปเรื่อยๆ ทางขวาจะเห็นมีทางขึ้นของอุโมงค์ลอดใต้แยกท่าพระมานะคะ ซึ่งถ้าใครจะมาโครงการจากทางเส้นจรัญฯ ก็สามารถใช้อุโมงค์ลอดใต้แยกมาได้เลยค่ะ

ตรงมาเรื่อยๆ ก็วิ่งตามทางขึ้นสะพานไปนะคะ

จากบนสะพานจะเห็นวิวของคอนโดเรียงรายอยู่เป็นเหมือนกำแพงเลยนะคะ นั่นคือคอนโดที่ขึ้นตามแนวถนนราชพฤกษ์ค่ะ ก็มาตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวเลยนะคะ

วิ่งมาเรื่อยๆ จนถึงแยกรัชดา – ราชพฤกษ์ ก็ให้เลี้ยวขวา

แอบมองผ่านแยกไปจะเห็น The Mall ท่าพระอยู่ทางซ้ายมือ

เลี้ยวขวามาแล้วให้ชิดซ้ายไว้นะคะ เราจะวิ่งออกไปตามทางกลับรถใต้ทางยกระดับราชพฤกษ์ ก็วิ่งตามรถแท็กซี่สีชมพูไปเลยค่ะ

บริเวณทางลงของสถานีตลาดพลูก็จะมีชุมชนในซอยเทอดไท 33 ซึ่งพอมีลักษณะที่เป็นชุมชนก็ทำให้ภายในซอยมีความอุดมสมบูรณ์อยู่พอสมควร ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร 7-11 และ Tesco Lotus Express นะคะ

ถัดมาที่ทางลงจุดต่อไป ซึ่งทางลงนี้จะอยู่ใกล้กับโครงการที่สุด มีระยะประมาณ 300 ม. ก็จะมีพี่วินนั่งคอยให้เรียกใช้บริการได้

ตรงมาเรื่อยๆ ตามเส้นทางจะเป็นทางเดินรถแบบ One-Way นะคะ บรรยากาศโดยรอบดูเงียบสงบ เดินคนเดียวก็จะเปลี่ยวหน่อย แต่ตลอดทางเดินก็มีไฟทางติดไว้ให้ตลอดเส้นทางนะคะ

ตรงมาอีกไม่ไกลก็ถึงโครงการแล้ว ตัวโครงการ ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู จะอยู่ทางฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งขวาเป็นลานกีฬาสาธารณะที่เปิดให้ชาวบ้านของชุมชนบริเวณนี้มาเล่นกันได้ ส่วนใหญ่ก็จะมาเล่นกันช่วงเย็นๆ หลังเลิกเรียนหรือเลิกงานค่ะ

ตอนนี้โครงการก็ได้ทำ Sale Office เสร็จเรียบร้อย พร้อมให้เข้าชมห้องตัวอย่างแล้ว ใครสนใจก็สามารถไปติดต่อกันได้ ต่อไปจะขอพาไปชมสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการนะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ซูมเข้ามาดูสภาพแวดล้อมโครงการกันนะคะ จะเห็นว่าที่ตั้งโครงการนั้นอยู่ติดกับถนนราชพฤกษ์ในช่วงทางกลับรถใต้ทางยกระดับ ด้วยทำเลที่ไม่ได้อยู่ติดถนนราชพฤกษ์แบบเส้นหลัก ทำให้พื้นที่บริเวณนี้จะเป็นบ้านพักอาศัยในรูปแบบชุมชนดั้งเดิมเสียเป็นส่วนใหญ่ ก็มีข้อดีที่สภาพแวดล้อมโดยล้อมจะไม่เป็นปัญหาในเรื่องวิวเลยนะคะ

  • ทิศเหนือ : ติดถนนราชพฤกษ์ในช่วงทางกลับรถใต้ทางยกระดับ
  • ทิศตะวันออก : ด้านหน้าติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ส่วนด้านหลังติดกับโรงแรม Jolly Suite & Spa สูง 4-8 ชั้น
  • ทิศใต้ : ติดอาคาร 4 ชั้นและที่ดินเปล่า
  • ทิศตะวันตก: ติดบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น

บริเวณด้านหน้าโครงการทางซ้ายจะติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น

ส่วนทางขวาของด้านหน้าโครงการอาคาร 3 ชั้น

บรรยากาศพื้นที่ด้านในของโครงการตอนนี้ก็มีการเทพื้นคอนกรีตไว้บางส่วนแล้ว ซึ่งตามกำหนดก็จะเริ่มสร้างในปีนี้แล้วนะคะ

เข้ามาด้านในโครงการอีกหน่อยจะมีแนวคลองกั้นพื้นที่ส่วนหน้าทางเข้า และพื้นที่ด้านในของโครงการไว้ โดยตำแหน่งของป้อมยามจะอยู่ด้านหลังคลองนะคะ จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องความปลอดภัยของโครงการค่ะ

ลักษณะคลองที่มีการทำทางเดินตามแนวคลองแบบนี้ แสดงให้เห็นถึงการมีชุมชนในย่านนี้ ซึ่งพอมีชุมชนก็ต้องมีความอุดมสมบูรณ์อย่างพวกร้านค้า ที่ขายของกินของใช้ตามมานะคะ

จากภายในโครงการมองออกไปด้านหน้าทางเข้า จะเห็นรางรถไฟฟ้าคู่ขนานมากับทางยกระดับราชพฤกษ์ ถ้าเทียบจากอาคารโดยรอบคิดว่าถ้าใครเลือกห้องทิศนี้และอยากให้พ้นแนวรถไฟฟ้า ก็คงต้องเลือกที่ชั้น 8 ขึ้นไปน่าจะพ้นนะคะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • เดอะมอลล์ ท่าพระ ~ 700 ม.
  • ไทยช่วยไทยพลาซ่า ~1.2 กม.
  • ตลาดซอย 13 ~ 750 ม.
  • วัดบางสะแกใน ~ 700 ม.
  • ตลาดพลู ~ 1 กม.
  • วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ~ 2.1 กม.
  • โรงเรียน สตรีวัดอัปสรสวรรค์ ~ 2.9 กม.
  • วงเวียนใหญ่  ~ 3.5 กม.
  • โรงพยาบาล พญาไท 3 ~ 5.6 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู เป็นคอนโดฯ High Rise 1 อาคาร สูง 34 ชั้น บนที่ดินประมาณ 4 ไร่กว่าๆ ถูกออกแบบให้ดูร่มรื่น น่าอยู่ ด้วยพื้นที่สีเขียวในแบบ Step Terrace Garden 7 ชั้น ทำให้ห้องพักอาศัยในชั้นต่างๆ สามารถเข้าถึงพื้นที่สีเขียวส่วนกลางได้ง่าย โครงการจัดพื้นที่ส่วนกลางมาครบตามมาตรฐาน ในราคาห้องที่หยิบจับง่ายในที่สุดในย่านนี้ ปัจจุบันพื้นที่โดยรอบโครงการมีลักษณะเป็นอาคารพักอาศัยซะส่วนใหญ่ ทำให้ไม่มีอาคารบังวิวในระยะประชิดนะคะ ก็สามารถเลือกห้องในทิศที่ชอบได้สบายๆ

เข้ามาที่ผังชั้น 1 ของโครงการ ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู มีทางเข้าออกโครงการทางเดียวทางถนนราชพฤกษ์ ซึ่งที่ดินของโครงการจะมีส่วนที่ติดกับถนนประมาณ 30 เมตร แล้วที่ดินค่อยไปขยายเป็นที่ดินผืนใหญ่ด้านใน ช่วงหลังจากข้ามคลองมาแล้ว ทำให้ตัวอาคารของโครงการจะถัดจากถนนเข้ามาด้านในหน่อยก็ช่วยในเรื่องของความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยที่มากขึ้น ลดความพลุกพล่านจากบริเวณริมถนน จากหน้าโครงการจะมีป้อมยามคอยรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.และใช้ Key Card Access เพื่อเข้าออกค่ะ

ชั้น 1 ของอาคารไม่มีห้องพักอาศัยนะคะ จะเป็นส่วนของ Lobby, ร้านค้า, Meeting Room และที่จอดรถ เส้นทางเดินรถในโครงการเมื่อขับเข้ามาในโครงการจะเป็นทางวิ่งตรงมาผ่านบริเวณ Drop-Off หากใครต้องการขับเข้ามาส่งลูกบ้าน ก็สามารถวนรถออกได้สะดวก ส่วนผู้อยู่อาศัยก็สามารถขับผ่าน Drop-Off เพื่อเข้าไปจอดรถที่อาคารด้านในได้ หรือจะจอดบริเวณรอบๆ ตึกก็ได้แต่จะเป็นที่จอดแบบกลางแจ้งนะคะ

ทางเข้า Lobby ของโครงการไม่ได้ถูกออกแบบให้เห็นเด่นเป็นสง่าตั้งแต่ด้านหน้าโครงการนะคะ ผู้ออกแบบตั้งใจให้หลบอยู่ด้านในถัดจากร้านค้ามาหน่อย ซึ่งก็เป็นปกติของผู้อยู่อาศัยที่มักจะแวะซื้อของกิน ของใช้ ก่อนขึ้นห้องพัก สำหรับแขกของลูกบ้านสามารถมานั่งรอได้ในบริเวณนี้ แต่ไม่สามารถขึ้นชั้นพักอาศัยได้ เพราะ ทางขึ้นห้องพักจะขึ้นผ่าน Lift Lobby โดยใช้ระบบ Finger Scan ผ่านเข้าไปเท่านั้นค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการจะมีต้นไม้ใหญ่ปลูกไว้ตลอดเส้นทาง เพื่อสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่น โดยการเข้าโครงการลูกบ้านจะมีทั้ง Sticker ติดภายในรถและมี Key Card สำหรับแสกนผ่านเข้าออกด้วยนะคะ

ภาพบรรยากาศบริเวณ Lobby ของโครงการ ที่แขกของลูกบ้านสามารถมานั่งรอได้ในบริเวณนี้

ขึ้นมาชั้น 5 จะเริ่มเป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยและเป็นชั้นที่มี Facilities ส่วนกลางหลักๆ อย่างสระว่ายน้ำ, ห้อง Fitness, สวน, ส่วนภายในห้องน้ำจะมีห้อง Steam ให้ด้วย จึงเป็นชั้นที่จะมีลูกบ้านผ่านขึ้นลงบ่อยๆ เพื่อใช้พื้นที่ส่วนกลางนี้ ผังของโครงการนี้มีข้อดีของการจัดตำแหน่งของโถงลิฟต์ที่ออกได้ 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางเลย ไม่ต้องเดินผ่านห้องพักอาศัย และอีกฝั่งหนึ่งเชื่อมกับพื้นที่ของห้องพักอาศัย ทำให้ห้องพักอาศัยในชั้นนี้ไม่ต้องเสียความเป็นส่วนตัวไป

โถงลิฟท์ของอาคารมีตำแหน่งเดียวอยู่ตรงกลางอาคาร ทำให้ห้องทั้ง 2 ฝั่งซ้ายขวาไม่ได้เดินไกลจากลิฟท์เท่าไหร่นะคะ ในโถงจะมีลิฟท์จะมีลิฟท์ 3 ตัว เป็นแบบไม่ล็อกชั้น มีอัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยทั้งโครงการ  261 : 1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่เยอะที่เดียวแต่ก็เป็นไปตามระดับราคาของคอนโดนะคะ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าเย็นก็คงจะต้องเผื่อเวลากันสักหน่อย ทางเดินจัดเป็น Double corridor วางห้องพักขนาบทางเดิน 2 ฝั่ง การจัดวางห้องในอาคารใช้วิธีการจัดวางเรียงไปตามรูปทรงอาคาร 

ในส่วนของห้องพักในชั้นนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้วิวมุมสูง แต่ก็มีข้อดีที่อยู่ชั้นเดียวกับพื้นที่ส่วนกลางทำให้มาใช้งานง่าย และห้องพักบางส่วนจะได้เป็นห้องวิวสวน วิวสระด้วย โดยมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 29 ยูนิต สำหรับห้องในชั้นล่างๆ แบบนี้ทางโครงการเน้นไปที่ห้องแบบ Studio และแบบ 1 ห้องนอนให้มีจำนวนห้องมากที่สุด โดยห้องพักของโครงการจะมีให้เลือกทั้ง 4 ทิศเลยนะคะ วิวส่วนใหญ่ในชั้นนี้จะยังไม่สวยเท่าที่ควรเพราะเพิ่งจะพ้นอาคารโดยรอบมาแค่ชั้นเดียว แต่ห้องท้ายๆ ของอาคารที่หันทางทิศตะวันออกจะยังโดนบล๊อกด้วยโรงแรม 8 ชั้นที่อยู่ติดกัน และห้องทางทิศเหนือที่หันออกทางถนนราชพฤกษ์จะโดนบล๊อกวิวด้วยถนนอละรางเดินรถไฟฟ้านะคะ ในชั้นนี้จึงแนะนำเป็นห้องในทิศใต้กับทิศตะวันตกที่เป็นห้องวิวสระ วิวสวน จะได้วิวที่ดีกว่าบริบทโดยรอบค่ะ

ภาพจำลองสระว่ายน้ำของโครงการ เป็นสระระบบเกลือ ขนาด 24.4 x 10.75 เมตร ลึก 1.1 เมตร ส่วนสระเด็ก ขนาด 7.6 x 10.75 เมตร ลึก 0.6 เมตร รอบสระจะมีพื้นที่ให้มานั่งเล่นได้ รวมถึงมีสวนเล็กๆ และห้อง Fitness ที่อยู่ติดกันกับสระว่ายน้ำด้วย

ภาพจำลองบรรยากาศในห้อง Fitness ภายในทำผนังกระจกทำให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไป ชมวิวสระและสวนภายนอกไปได้

ขึ้นมาที่ชั้น 11-16 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น มียูนิตต่อชั้นที่ 31 ยูนิต เน้นที่ห้องแบบ Studio และแบบ 1 Bedroom อีกเหมือนกัน ส่วนพวกห้อง 2 Bedroom จะเป็นห้องมุม ชมวิวได้ 2 ฝั่งนะคะ ความพิเศษของการออกแบบโครงการนี้คือการจัดสวนไล่ระดับเป็น Step โดยจะมีสวนใน Step แรกอยู่ที่ชั้น 11 ค่ะ

สำหรับเรื่องวิวตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นมา ห้องพักอาศัยทั้งทางทิศตะวันออกและตะวันตกจะพ้นจากการถูกบล๊อกวิวหมดทุกห้องแล้วนะคะ ถ้าใครชอบแบบวิวตึกสูงๆ เป็นวิวเมืองก็เลือกห้องทางทิศตะวันออกนะคะ ส่วนห้องทิศตะวันตกจะหันหน้าออกนอกเมือง ส่วนใหญ่จึงเป็นวิวบ้านพักอาศัยสลับกับพื้นที่ว่างเปล่า แต่ก็ต้องแลกมากับแดดที่จะแรงกว่าด้านอื่นๆ อยู่พอสมควร ส่วนห้องทางทิศเหนือจะหันไปทางตลาดพลูและถนนจรัญฯ ก็จะได้วิวแบบบ้านพักอาศัยสลับกับตึกสูงในระยะไกล ส่วนตัวคิดว่าห้องทิศใต้น่าสนใจ เพราะจะหันเข้าทางในซอยไม่ได้หันออกถนนใหญ่ จึงมีโอกาสที่ในอนาคตจะเกิดอาคารสูงขึ้นมาบล๊อกวิวได้น้อยกว่า และยังหันไปทางแม่น้ำ ไม่แน่ว่าอาจจะได้เห็นแม่น้ำในระยะไกลด้วยค่ะ

ขึ้นมาดูผังชั้น 17 – 20 ก็จะมีการจัดผังห้องพักคล้ายๆ กับที่ชั้นก่อนหน้านี้เลย ส่วนที่ต่างคือจำนวนห้องพักในชั้นนี้จะลดจำนวนลงเหลือ 28 ห้อง โดยตัดห้อง Studio ออกไป 2 ห้อง และห้อง 1 Bedroom ออกไป 1 ห้อง และมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่บนชั้น 17 ส่วนวิวบนชั้นนี้ ยิ่งสูงขึ้นมาจะยิ่งได้วิวเมืองที่โล่งขึ้นด้วยแต่โดยรวมก็เหมือนที่ชั้น 11-16 นั่นแหละค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 21 -23 จำนวนห้องก็จะลดลงอีก ใครที่อยากอยู่บนชั้นที่มียูนิตน้อยๆ ก็แนะนำให้เลือกชั้นสูงๆ หน่อย ส่วนพื้นที่สีเขียว Step ถัดมาก็จะอยู่บนชั้น 21 สำหรับเรื่องวิวก็ไม่ต่างจากที่ชั้น 20 นะคะ แต่จะได้วิวในมุมที่สูงขึ้นมาอีกหน่อยค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 24 -27 จำนวนห้องก็จะลดลงอีก ส่วนพื้นที่สีเขียว Step ถัดมาก็จะอยู่บนชั้น 24 ค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 28 – 30 จำนวนห้องก็จะลดลงเหลือ 22 ห้อง และพื้นที่สีเขียว Step ถัดมาก็จะอยู่บนชั้น 28 ค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 31 – 33 จำนวนห้องก็จะลดลงเหลือ 19 ห้อง และพื้นที่สีเขียว Step ถัดมาก็จะอยู่บนชั้น 31 ค่ะ วิวก็จะเหมือนๆ กันแล้วนะคะ แค่จะได้มุมมองของวิวที่กว้างขึ้นตามชั้นที่สูงขึ้นเท่านั้นเอง

สำหรับชั้นบนสุดของอาคาร จะเป็นชั้นดาดฟ้า ซึ่งทางโครงการจัดสวนไว้ให้ เป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านทุกห้องสามารถขึ้นมานั่งเล่นชมวิวได้จากบนนี้ แต่เวลาในการใช้งานคงจะเหมาะเฉพาะตอนเย็นๆ เท่านั้น โดยจะแบ่งเป็นพื้นที่ออกเป็นพื้นที่กึ่ง Indoor อย่าง Sky Terrace และพื้นที่สนามหญ้าแบบเปิดโล่งให้มาเปลี่ยนบรรยากาศกันได้ที่ชั้นนี้เลยค่ะ ซึ่งชั้นนี้นอกจากจะมีข้อดีที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางแล้ว การจัดสวนไว้บนชั้น Rooftop ยังมีข้อดีที่ช่วยกันความร้อนให้กับห้องพักที่ชั้น 33 ด้วยค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Sky Terrace ที่ชั้น Rooftop ของโครงการ ถูกจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนให้แก่ลูกบ้าน ให้มีพื้นที่มาชมวิว นั่งเล่น รับลม แต่คงเหมาะจะใช้ในตอนเย็นๆ ที่แดดร่มเท่านั้นนะคะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 24.4 x 10.75 เมตร ลึก 1.1 เมตร ส่วนสระเด็ก ขนาด 7.6 x 10.75 เมตร ลึก 0.6 เมตร
  • Fitness
  • Sauna
  • Meeting Room
  • Playground
  • 7 Step Terrace Garden
  • Sky Terrace
  • ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 261 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณคิดเป็น 43% (ไม่รวมซ้อนคัน)
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

สำหรับห้องตัวอย่างจะมีให้ดูทั้งหมด 2 ห้องด้วยกันคือห้อง Studio ขนาด 27.5 ตร.ม. และห้อง 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. ค่ะ โดยขายห้องแบบ Fully Fitted นะคะ โดยสิ่งที่ได้คือ

  • ชุดครัว Built – in จาก Modernform Top ไม้ปิวผิวด้วยลามิเนต
  • Wallpaper
  • เครื่องปรับอากาศ
  • เครื่องทำน้ำอุ่น
  • ฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัย

หรือถ้าใครอยากได้ห้องแบบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ (Fully Furnished) ก็สามารถเลือกได้เช่นกัน แต่ราคาก็จะเพิ่มจากห้องเปล่าขึ้นมาอีกนิดหน่อย ก็แลกกับความสะดวกสบายที่ไม่ต้องไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เองนะคะ

ห้องแบบแรกคือแบบ Studio ขนาด 27.5 ตร.ม. มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จัดมาได้ลงตัว ลักษณะห้องเป็นสไตล์หน้าแคบลึกและวางฟังก์ชันของพื้นที่ครัวและห้องน้ำให้อยู่ด้านหน้าห้อง(ในอาคาร) เพื่อให้พื้นที่ส่วนเตียงนอนและพื้นที่นั่งเล่นได้วิวและแสงจากภายนอกได้ดี ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้นมามากกว่าการวางฟังก์ชันครัวและห้องน้ำอยู่ด้านนอก แลกมาประสิทธิภาพใช้งานครัวและห้องน้ำที่ลดลง เพราะครัวและห้องน้ำจะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ แต่ถ้าให้เลือกเราก็เลือกการวางแปลนแบบนี้นะ เพราะเหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นทำครัวเยอะ ส่วนใหญ่ก็ใช้พื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่เตียงนอนเป็นหลัก จึงอยากให้แสงเข้าห้องมายังพื้นที่นั่งเล่นมากกว่า อย่างไรก็ตามแบบห้องจะเหมาะหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยด้วยนะคะ

อย่างที่บอกไปว่าโครงการขายแบบห้องเปล่า (Fully Fitted) แต่หากใครอยากได้พร้อมเฟอร์นิเจอร์ตามห้องตัวอย่างเลย ก็มีเป็น Option ให้เลือกได้เช่นกัน โดยเพิ่มค่าเฟอร์ฯ อีกประมาณ 80,000 บาทก็จะได้เฟอร์ฯ ของ SB ครบตามในรูปเลยค่ะ

มาดูห้องตัวอย่างห้องแรกกันเลยค่ะ ทางโครงการไม่ได้ทำผนังและประตูหน้าห้องไว้ ซึ่งประตูเข้าห้องจะอยู่ตรงกลางประมาณตำแหน่งของเส้นประสีเหลือง ที่เขียนขึ้นมาคร่าวๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น ขนาดมาตรฐานประมาณ 0.9 x 2 ม. จะไม่สูงเท่าฝ้าเพดานในห้องที่สูงประมาณ 2.5 ม. ค่ะ

เข้ามาในห้องจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวทางฝั่งขวา ฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปเป็นโซนพักผ่อน ทั้งนอนและนั่งเล่นที่รวมไว้ในพื้นที่เดียวกัน โครงการเก็บรายละเอียดมาดี สังเกตุจากพื้นห้องจะได้วัสดุปูพื้นที่ต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับฟังก์ชั่น โซนครัวจะปูกระเบื้องเพื่อให้ทำความสะอาดง่าย ส่วนโซนพักผ่อนจะได้พื้นไม้ลามิเมตค่ะ ต่อไปจะพาไปดูรายละเอียดกันทีละส่วนนะคะ

มาดูเคาน์เตอร์ครัวกันก่อน ได้เคาน์เตอร์ครัวของ Acmen ยาวประมาณ 1.6 เมตร ลึก 0.55 เมตร พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดแบบ Studio เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะมีPantry ครัว, Backsplash ด้านหลังและตู้ลอย พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง ไมโครเวฟ, เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน จะไม่ได้ให้มานะคะ ด้านข้างเว้นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็นไว้ให้ ห้องตัวอย่างจะวางตู้เย็นขนาด 11.3 คิวไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง เวลาจะเลือกซื้อตู้เย็นก็ต้องคำนึงเรื่องพื้นที่วางด้วยนะ

ส่วนเคาน์เตอร์ด้านล่างจะมีตู้เก็บของ เป็นตู้บานเปิดปิดไว้เก็บพวกจานชามและตู้ลิ้นชักไว้เก็บช้อนส้อม หน้าบานเป็นไม้ลามิเนต สำหรับตู้ใต้ซิงค์ล้างจานเป็นตู้ไว้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่ไว้เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ

มือจับตู้ถูกออกแบบให้ด้านบนถูกเฉือนเป็นร่อง เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ

มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้พื้นที่เคาน์เตอร์มากว้างพอสมควรและซิงค์ล้างจานขนาดค่อนข้างใหญ่ ส่วนเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันจะไม่ได้ให้มานะคะ Top เคาน์เตอร์เป็นไม้ลามิเนตจึงต้องระวังเรื่องน้ำ อย่าให้วัสดุเปียกน้ำนานค่ะ ส่วน Backsplash ด้านหลังติดกระเบื้องแกรนิตโต้มาให้แบบห้องตัวอย่างเลย เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

ซิงค์ล้างจานได้ของ Hafele และก๊อกน้ำตามมาตรฐานโครงการ ตัวซิงค์มีขนาดกว้างพอสมควร ลองเอากระทะใบเล็กใส่ลงไปดูก็วางได้พอดี และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา ด้านข้างมีพื้นที่ให้สำหรับตากจานได้สะดวก

ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 2 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องย่อยๆ ไว้ พร้อมตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟได้

พื้นที่ในโซนครัวมีความกว้างประมาณ 1.2 เมตร ก็พอจะให้ยืนทำครัวได้สะดวกได้สะดวก

อีกฝั่งหนึ่งของประตูห้องจะมีพื้นที่ให้สามารถ Built-in ตู้เก็บรองเท้าหรือตู้วางของใช้ ของตกแต่งได้ ซึ่งส่วนนี้ถ้าใครที่เลือกซื้อห้องแบบ Fully Fitted จะไม่ได้ตู้มาด้วยนะคะ

ติดกับตู้วางรองเท้าเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งบานประตูจะเล็กลงกว่าบานประตูหน้าห้องอีกนิดนึง โดยมีขนาดอยู่ที่ 0.8 x 2 เมตร

ภายในห้องน้ำแบ่งแยกส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย รวมถึงได้กระจกด้วย ทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำดูโปร่งขึ้น

พื้นที่ส่วนเปียก – แห้งจะมีขอบธรณีกั้นแบ่งพื้นที่ 2 ส่วน เพื่อกันน้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกไหลไปส่วนแห้ง ทำให้ได้การใช้งานที่เป็นสัดส่วน

อ่างล้างหน้าของ Cotto หรือเทียบเท่า มีขนาดพอสมควรกับการใช้งาน มีขอบอ่างสำหรับวางของได้นิดหน่อย

โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นของยี่ห้อ Cotto หรือเทียบเท่า พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานโครงการ

ต่อไปมาดูพื้นที่อาบน้ำกันบ้าง จะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำเป็นประตูกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานเลื่อน ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง ภายในพื้นที่อาบน้ำก็มีการติดตั้งอุปกร์อาบน้ำไว้เรียบร้อยเช่นเดียวกัน

บานประตูฉากกั้นจะมีมือจับให้สามารถเปิดได้สะดวก ส่วนขอบประตูกระจกทางโครงการเก็บรายละเอียดมาเรียบร้อย ด้วยการติดขอบยางกันกระแทกให้ด้วย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุค่ะ

พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 0.8 x 1.3 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านเพื่อนกันลื่น

ในส่วนของห้องน้ำก็จะมีขอบธรณีกั้นพื้นไว้ เพื่อกันไม่ให้น้ำจากห้องน้ำไหลออกมายังพื้นที่อยู่อาศัยส่วนอื่นๆ

อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้ภายในพื้นที่อาบน้ำ จะให้มาทั้งฝักบัวและเครื่องทำน้ำอุ่นของ Electrolux

หน้าตาของฝักบัวที่ได้มาเป็นเซตกับเครื่องทำน้ำอุ่น มีขนาดจับได้ถนัดมือดี ส่วนตัวก๊อกเปิดปิดจะได้ของ Cotto ค่ะ

สำหรับพื้นที่ด้านหน้าห้องนี้สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้โดยทำประตูบานเลื่อนเพิ่ม ถ้าทำเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอนได้ยิ่งดี เพราะจะทำให้เวลาเปิดประตูแล้ว เราจะได้พื้นที่ทางเดินที่กว้างกว่าประตูแบบ 2 ตอนค่ะ

ถัดมามาดูพื้นที่ภายในโซนพักผ่อนกันบ้าง โดยโครงการจะจัดเตียงขนาด 5 ฟุตไว้กลางห้องเลย ซึ่งห้อง Studio แบบนี้ก็เหมาะกับผู้ที่ไม่ได้มีแขกมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะไม่ได้กั้นโซนห้องนอนกับห้องนั่งเล่นออกจากกันอย่างชัดเจนเลยนะ พื้นที่ตรงนี้มีข้อดีที่จะได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากทางกระจกด้านในเต็มๆ ซึ่งจะเป็นส่วนที่โปร่งโล่ง น่าอยู่ ที่สุดในห้อง ถ้าใครเลือกแบบ Fully Fitted ห้องนี้จะได้มาแบบโล่งๆ เลยนะคะ แต่ถ้าใครซื้อแบบ Fully Furnished ก็จะได้เฟอร์ฯ มาครบเกือบเหมือนห้องตัวอย่าง ขาดแค่พวกของตกแต่งค่ะ

ข้อด้อยของการจัดห้อง Studio คือต้องเลือกว่าจะวางเตียงหรือโซฟาให้ตรงกับทีวีดีนะคะ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้อยู่อาศัยเลยว่าชอบแบบไหน สำหรับห้องตัวอย่างตำแหน่งของโซฟาจะไม่ได้ตรงกับทีวีซะทีเดียว จะเน้นเป็นการนอนดูทีวีจากบนเตียงมากกว่า ก็ลองจัดกันดูตามชอบนะคะ

ด้านข้างเตียงเหลือพื้นที่ให้สามารถวางโซฟานั่งกันได้ 2 คน และมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะกลางได้ตามแบบในห้องตัวอย่าง ถ้าใครซื้อแบบ Fully Furnished ก็จะได้เฟอร์ฯ หน้าตาแบบนี้

ถัดมายังพื้นที่ปลายเตียง ทางโครงการจัดไว้เป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เสื้อผ้า เป็นตู้ Built-in แบบบานเลื่อน 2 บาน ซึ่งถ้าใครไม่ได้เลือกซื้อแบบ Fully Furnished ก็สามารถเก็บไว้ใช้เป็นไอเดียในการตกแต่งห้องได้

สำหรับห้องนี้พอวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ไว้กลางห้องก็ยังเหลือพื้นที่ทางเดินรอบๆ ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวก

ถัดเข้ามายังพื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่าง ในห้องตัวอย่างจัดไว้ให้เป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงาน ที่สามารถนั่งทำงานแล้วเห็นวิวภายนอกได้จากมุมนี้ ซึ่งห้องจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ จึงสามารถปรับเป็นมุมโซฟานั่งเล่นตามแต่ไลฟ์สไตล์เจ้าของห้องได้เลย แต่ถ้าใครซื้อแบบ Fully Furnished ก็จะมีชุดโต๊ะทำงานมาให้พร้อมใช้งานเลยนะคะ

มุมโต๊ะทำงานก็จะได้ติดกับหน้าต่างแบบนี้ เป็นหน้าต่างบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง ทำให้สามารถเปิดระบายอากาศภายในห้องได้ด้วย

ส่วนพื้นที่ปลายเตียงเป็นตำแหน่งสำหรับวางทีวี ถ้าจะทำตู้วางทีวีก็มีพื้นที่เหลือพอให้ทำได้สบายๆ หรือจะติดทีวีแบบแขวนผนังก็ได้ ด้านข้างเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกนิดหน่อย เรียกว่าถึงห้องเล็กแต่ฟังก์ชันก็ครบดีนะ

ถ้าใครซื้อห้องแบบ Fully Furnished ก็จะได้ชั้นวางทีวีหน้าตาแบบนี้นะคะ มีช่องสำหรับเก็บของทั้งแบบตู้ช่องโล่งและบางส่วนมีบานปิด

ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งก็จะได้มาพร้อมสตูลเลย ด้านล่างตู้มีลิ้นชักให้เก็บของใช้ เครื่องสำอางได้ด้วย

ถัดมายังพื้นที่ใช้สอยส่วนสุดท้ายในห้องคือส่วนของระเบียง ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ตัวเฟรมวงกบเป็นอลูมิเนียม ส่วนตัวบานเป็นกระจกตัดแสง จึงรับแสงธรรมชาติได้และยังช่วยกันความร้อนเข้ามาในห้อง

มือจับเป็นแบบฝังลงในเฟรมประตู พร้อมตัวล็อกแบบนี้

โดยกรอบประตูจะอยู่บนขอบธรณีที่ยกสูงขึ้นอีกทีนึง ซึ่งขอบธรณีนี้จะช่วยกันน้ำจากภายนอกไม่ให้ไหลเข้าสู่ภายในตัวห้อง

พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แบบผิวด้านกันลื่น ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่าย มีขนาด 1.6 x 1.1 ม. เป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้าขนาดเล็ก และตั้งเครื่องซักผ้า

ซึ่งทางโครงการติดตั้งก๊อกน้ำและเดินท่อ พร้อมปลั๊กไฟมาให้เรียบร้อย

ส่วนตำแหน่งของ Condensing Unit จะแขวนอยู่ด้านบนทำให้พื้นที่ระเบียงด้านล่างไม่ร้อนมากนัก แต่ก็ควรจะหาตัวปัดทิศทางลมร้อนออกด้านนอกเพิ่มนะคะ เพื่อช่วยให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียง

 

ต่อมาที่แปลนของห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. ห้องนี้เน้นพื้นที่ทำอาหารที่เป็นแบบครัวปิด ติดระเบียง และห้องนอนที่มีหน้าต่างบานใหญ่หน่อย ทำให้ได้ช่องรับแสงธรรมชาติแบบเต็มๆ แลกกับพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ด้านในอาคารติดกับโถงทางเดิน ทำให้ไม่มีช่องหน้าต่างเป็นของตัวเอง ต้องอาศัยแสงที่ลอดผ่านห้องครัวเข้ามานะคะ ซึ่งห้องแบบนี้ก็เหมาะกับคนที่อยากได้ครัวไทยแบบเป็นสัดส่วนระบายอากาศได้ดี และต้องการพื้นที่ในห้องนอนกว้างๆ แบบมีห้องน้ำในตัวค่ะ

ถ้าซื้อแบบ Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ตามในรูปนี้เลย และก็จะเป็นของ SB เช่นเดียวกัน โดยคิดราคาเฟอร์ที่เพิ่มมาจากห้องเปล่าอีกประมาณ 90,000 บาทค่ะ

ตำแหน่งประตูจะอยู่ตรงกลางประมาณเส้นประที่ทำให้ดูคร่าวๆ แบบนี้ ก็จะอยู่ระหว่างชั้นวางรองเท้ากับชุดโซฟานะคะ

เข้ามาในห้องจะเจอพื้นที่ส่วนกลางเป็นส่วนแรก จัดฟังก์ชันเป็นห้องรับแขก ส่วนพื้นที่ด้านในจะแบ่งเป็นห้องครัวแบบครัวปิด และห้องนอน ทำให้พื้นที่ส่วนกลางบริเวณนี้จะดูไม่ค่อยโปร่งโล่งเท่าไหร่ เพราะไม่มีหน้าต่างเป็นของตัวเองต้องพึ่งแสง พึ่งวิว ที่มองผ่านประตูห้องครัวออกมาอีกที ความสูงของห้องนี้คือ 2.5 ม. เท่ากับห้องแบบแรก พื้นห้องเป็นไม้ลามิเนตเกือบทั้งหมด ยกเว้นห้องครัวที่จะปูด้วยกระเบื้อง ส่วนผนังจะให้ Wallpaper ลายมาตรฐานตามที่โครงการกำหนดค่ะ

จากขนาดพื้นที่ทำให้การจัดฟังก์ชันในห้องนี้ดูลงตัวดี โดยมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 3.2 เมตร สามารถเลือกทีวีที่ใหญ่เกินกว่า 60 นิ้วก็ได้นะ ส่วนพื้นที่ติดกันกับโซฟาจะเป็นตำแหน่งของโต๊ะทานข้าว ก็ทำให้สามารถนั่งทานอาหารไป ดูทีวีไปด้วยได้ค่ะ

ชั้นวางทีวีและตู้รองเท้าที่ได้ก็จะมีหน้าตาแบบนี้ เป็นสเปคเดียวกันกับห้องแบบแรกเลยนะคะ

ด้วยขนาดของพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างทำให้เวลาที่วางโต๊ะรับแขกแล้ว ก็ยังเหลือพื้นที่สำหรับเดินผ่านได้สะดวก ตรงนี้ถือเป็นการออกแบบห้องที่ดี เพราะปัจจุบันนี้ห้องส่วนใหญ่ของคอนโดระดับนี้มักจะไม่ได้ให้พื้นที่มากว้างแบบนี้นะคะ

โต๊ะทานอาหารที่อยู่ติดกับชุดโซฟาเป็นโต๊ะขนาด 2 ที่นั่ง

ด้านข้างโต๊ะมีพื้นที่เหลือให้สามารถดึงเก้าอี้ออกมานั่งได้สะดวก

ถัดไปมาดูห้องครัว เป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนกรอบบานอะลูมิเนียมสีธรรมชาติ ทำให้เป็นห้องครัวปิดที่สามารถกันกลิ่นและควันเวลาทำอาหารได้

รางประตูจะฝังลงบนพื้น ทำให้เดินเข้าออกได้สะดวก

ภายในห้องครัว เราจะได้ Pantry ครัวของ SB ตามแบบในห้องตัวอย่างนะคะ ยกเว้นพวกเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และไมโครเวฟที่จะไม่ได้แถมให้ ซึ่งสเปคของเคาน์เตอร์ครัวก็จะเหมือนกับห้องแบบแรกเลย ครบทั้งเคาน์เตอร์ล่าง ตู้ลอยด้านบน และ Backsplash ด้านหลังค่ะ

ภายในห้องครัวมีขนาดพอเหมาะกับการใช้งานโดยมีความกว้างของพื้นที่ให้ยืนทำครัวประมาณ 1.2 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องผิวด้าน เวลาที่ทำครัวแล้วมีคราบกระเด็น ก็สามารถทำความสะอาดได้ง่าย

ด้านในสุดของห้องจะมีประตูเปิดไปเชื่อมกับระเบียง เป็นข้อดีที่ทำให้สามารถเปิดระบายอากาศได้ โดยทั้งสเปคของกรอบประตูและบานกระจกจะเหมือนกับประตูระเบียงของห้องในแบบแรกเลยนะคะ

พื้นที่ระเบียงของห้อง Type นี้จะกว้างกว่าห้องแบบแรกขึ้นมาอีกหน่อย แต่ก็พอเหมาะแค่วางเครื่องซักผ้ากับราวตากผ้าเล็กๆ ก็น่าจะเต็มพื้นที่พอดี ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคเพื่อช่วยกันลื่น

คอมเพลสเซอร์แอร์ถูกออกแบบมาเป็นแบบแขวนเช่นเดียวกับห้องแรก ทำให้พื้นที่ระเบียงด้านล่างไม่ร้อนมากนัก แต่ก็ควรจะหาตัวปัดทิศทางลมร้อนออกด้านนอกเพิ่มนะคะ เพื่อช่วยให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียงค่ะ

สำหรับห้องนอนจะมีประตูทางเข้าอยู่ติดกับห้องครัวเลย เป็นประตูไม้บานทึบแบบบานผลักเปิดปิด ทำให้พื้นที่ภายในห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มที่

เข้ามาด้านในห้องนอนมีพื้นที่ใช้สอยกว้างสบาย มีพื้นที่โดยรอบเตียงให้จัดสรรการใช้งานได้ตามใจชอบ ด้านในมีหน้าต่างบานใหญ่ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่ง ไม่อึดอัด และสามารถนอนมองวิวจากบนเตียงนอนได้เลย

ถ้าใครเลือกห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ ก็จะได้เตียงขนาด 5 ฟุต เหมือนในห้องตัวอย่าง ด้านล่างเตียงมีช่องสำหรับเก็บของทั้งแบบที่เป็นช่องโล่งเล็กๆ และตู้ลิ้นชักด้วยค่ะ

หากใครอยากดูทีวีในห้องนอนก็มีพื้นที่ปลายเตียงให้วางชั้นวางทีวีได้สบายๆ ด้านข้างมีพื้นที่ให้วางโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกด้วย ถ้าใครเลือกซื้อแบบ Fully Furnished ก็จะได้เฟอร์ฯ ตามนี้เลยนะคะ แต่ถ้าใครอยากตกแต่งเอง ก็แนะนำให้ Built-in ชั้นวางทีวีให้เป็นชิ้นเดียวกับโต๊ะเครื่องแป้งไปเลยก็ดูลงตัวดีค่ะ

จากเตียงนอนแล้วมองไปยังอีกฝั่งหนึ่งของห้องจะมีทางเดินไปยังห้องน้ำในตัว ซึ่งด้านหน้าห้องน้ำมีพื้นที่ให้วางตู้เสื้อผ้าได้ โดยสเปคของตู้เสื้อผ้าก็จะเป็นตู้บานเลื่อนเหมือนในห้องแบบแรกนะคะ

มาดูภายในห้องน้ำกันต่อ ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งไว้เรียบร้อย ด้านในติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วนเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรกเลยนะคะ

ขนาดพื้นที่ใช้สอยก็จะมีพื้นที่พอๆ กับห้องน้ำแบบแรกเช่นเดียวกันค่ะ

แต่ขนาดของพื้นที่อาบน้ำจะมีขนาดกว้างกว่าห้องแรกอยู่นิดหน่อยค่ะ

หน้าตาของสวิชต์เปิด – ปิดและปลั๊กไฟที่ได้ตามมาตรฐานโครงการค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 September 2017

  • Studio ขนาด 27.5 – 28.5 ตร.ม.

  • ห้อง Fully Fitted ราคา 1.77 – 2.26 ล้าน มีส่วนลด 110,000 บาท เหลือ 1.66 – 2.15 ล้านบาทหรือ 60,364 – 75,439 บาท/ตร.ม.
  • ห้อง Fully Furnished ราคา 1.77 – 2.26 ล้าน มีส่วนลด 30,000 บาท เหลือ 1.74 – 2.23 ล้านบาทหรือ 63,273 – 98,673 บาท/ตร.ม.

  • 1 Bedroom ขนาด 35 – 37.5 ตร.ม.
    • ห้อง Fully Fitted ราคา 2.32 – 2.84 ล้าน มีส่วนลด 130,000 บาท เหลือ 2.19 – 2.71 ล้านบาทหรือ 62,571 – 72,267 บาท/ตร.ม.
    • ห้อง Fully Furnished ราคา 2.32 – 2.84 ล้าน มีส่วนลด 40,000 บาท เหลือ 2.28 – 2.8 ล้านบาทหรือ 65,143 – 74,667 บาท/ตร.ม.

    • Fully Fitted และ Fully Furnished
    • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • จอง 10,000 – 20,000 บาท
    • ทำสัญญา 29,000 – 69,000 บาท
    • ดาวน์ประมาณ 8% ผ่อนดาวน์ 31 งวด
    • ค่ากองทุน 380 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 38 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู โครงการนี้ ทำเซอร์ไพร์ดด้วยราคาเปิดตัวที่ต้องเรียกว่า “ถูกที่สุดในทำเลรอบสถานีตลาดพลู” หรือถ้าจะมองหาโครงการมือ 1 ที่ราคาเริ่มต้นแบบล้านปลายๆ ในสถานีรอบๆ ที่ถัดไปก็ยังหาได้ยาก แต่ก็แลกมากับทำเลที่แบบก้ำกึ่ง จะเรียกว่าดีก็ดีตรงที่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะที่สามารถเดินไปได้คือประมาณ 300 ม. แต่บรรยากาศตลอดแนวทางเดินก็จะสงบๆ หน่อย จึงเกรงว่าอาจจะดูเปลี่ยวไปสักนิด ส่วนความอุดมสมบูรณ์ที่อยู่โดยรอบโครงการนั้นจะต้องออกแรงเดินหรือนั่งพี่วินกันหน่อย เพราะมีแหล่งที่เป็นจุดอารยธรรมความอุดมสมบูรณ์สูงสุดอยู่บริเวณ The Mall ท่าพระและตลาดฝั่งตรงข้าม ซึ่งห่างจากโคงการประมาณ 700 ม. จึงเป็นโครงการที่ทำมาเอาใจคนที่มองหาคอนโดในย่านนี้ ในงบประมาณตั้งแต่ 1.66 – 5.26 ล้าน ค่ะ

    ทำเล – การให้คะแนนโครงการนี้อยากให้คำนึงในเรื่องราคาที่ต่ำกว่าตลาดอยู่พอสมควร จึงมีที่ตั้งของทำเลโครงการที่มีทั้งจุดเด่นและจุดด้อย จุดเด่นคือตำแหน่งที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะที่เดินได้ แต่ด้วยที่ตั้งที่ไม่ได้ติดถนนหลักทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบ ออกไปทางเปลี่ยวๆ บ้าง ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบแบบว่าติดกับโครงการเลยไม่มีนะคะ ทางโครงการจึงทำร้านค้าไว้ให้ในโครงการ 3 ยูนิต เพื่อรองรับลูกบ้าน แต่ถ้าเป็นความอุดมสมบูรณ์ในระยะ 1 กม. จากโครงการอันนี้มีเพียบเลยนะคะ ทั้งที่ The Mall และตลาดฝั่งตรงข้าม รวมถึงตลาดขึ้นชื่อในเรื่องของกินย่านเก่าอย่าง “ตลาดพลู” ด้วยค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถ –  จะเข้าออกโครงการค่อนข้างลำบากหน่อย แต่ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้แยกรัชดา – ราชพฤกษ์ ก็ทำให้มีเส้นทางหลักๆ ให้สามารถเลือกใช้ได้หลายสาย สำหรับที่จอดรถของโครงการจัดมาให้ที่ 43 % ไม่รวมซ้อนคัน ก็ถือว่าโอเคนะคะ สำหรับโครงการที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินได้แบบนี้

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ถ้าเป็นคนไม่ใช้รถก็สะดวกด้วย BTS-BRT-พี่วิน-Taxiและ รถเมล์ ซึ่งตอนนี้ยังเห็นพี่วินอยู่เฉพาะตรงทางขึ้น-ลงรถไฟฟ้า ไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะมีวินมาเพิ่มบริเวณหน้าโครงการหรือไม่ ถ้ามีก็จะผลดีกับผู้ที่ไม่ได้ใช้รถอย่างมากเลยนะคะ

    วัสดุ  เทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ 60,000 – 72,500  บาท/ตร.ม. แล้ว ถือว่าได้ของมาค่อนข้างดีทีเดียว ขายแบบ Fully Fitted ให้ชุดครัว สุขภัณฑ์ Cotto พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ แอร์แบบ Wall Type วอลเปเปอร์ และวัสดุมาตรฐาน ความสูงของห้องอยู่ที่ 2.5 ม. พื้นแบ่งส่วนของห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิก ประตูบานเลื่อนกระจกตัดแสง

    การออกแบบ  จุดเด่นของโครงการคือการออกแบบพื้นที่สีเขียงของโครงการแบบ Step Terrace Garden 7 ชั้น ทำให้ผู้อยู่อาศัยในแต่ละชั้นเข้าถึงพื้นที่สวนได้ง่าย ส่วนการออกแบบห้องพักทำออกมาให้มีขนาดใหญ่หน่อย อย่างสตูดิโอก็เริ่มต้นที่ 27.5 ตร.ม. ทำให้ห้องพักสามารถจัดพื้นที่ใช้สอยในห้องได้อย่างลงตัว ไม่อึดอัด และมีให้เลือกหลายแบบทั้งแบบสตูดิโอ, 1 Bedroom และ 2 Bedrooms แบบครัวปิดและแบบครัวเปิดโล่ง ส่วนการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางนั้นจะจัดตำแหน่งของสระว่ายน้ำไว้ทางทิศตะวันตกของอาคาร ทำให้พื้นที่ส่วนกลางนี้เหมาะจะใช้แค่ในช่วงเช้าและเย็น หลังแดดร่มไปแล้วเท่านั้น

    สาธารณูปโภค  มีให้ครบตามมาตรฐานทั้ง สวนหย่อมรอบโครงการพร้อมสนามเด็กเล่นและส่วนหย่อมเล็กๆ ทั้ง 7 ชั้น, มีร้านค้า 3 ยูนิต ให้ลูกบ้านได้พึ่งพิงได้สะดวก บนชั้น 5 มีส่วนกลางหลักอย่างสระว่ายน้ำทั้งสระเด็ก, สระผู้ใหญ่และสวนหย่อม ห้อง Fitness และ Sauna ส่วนบนชั้น Roof Top จะมี Facilities อย่าง Sky Terrace ค่าส่วนกลางอยู่ที่ 38 บาท/ตารางเมตร ก็อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล แต่ส่วนที่มีความหนาแน่นมากหน่อยก็คือ อัตราส่วนลิฟท์ทั้งโครงการจะอยู่ที่ 261 : 1 ถือว่าแน่นพอควรเลยนะ สำหรับที่จอดรถคิดเป็น 44 % (ไม่รวมซ้อนคัน) ถือว่าไม่น้อยเมื่อเทียบกับการเป็นโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้านะคะ

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 60,000 – 72,500 บาท/ตร.ม., 19 September 2017

    • ทำเล 8/10 – ภาพรวมทำเลดี ใกล้รถไฟฟ้า แต่ยังต้องอาศัยการเดิน การต่อรถ เพื่อไปยังแหล่งความอุดมสมบูรณ์โดยรอบ และบรรยากาศดูเปลี่ยวไปหน่อย
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – อยู่ใกล้แยก เลือกใช้ได้หลายเส้นทาง แต่การเข้าออกโครงการต้องวิ่งไปกลับรถ รถติดมาก แต่ให้ช่องจอดมาเยอะถ้าเทียบกับว่าเป็นโครงการใกล้รถไฟฟ้า
    • ไม่ใช้รถ 8.25/10 – สะดวกมีให้เลือกทั้ง BTS – BRT พี่วิน ส่วนแท็กซี่และรถเมล์จะต้องเดินออกไปเรียกที่ถนนใหญ่นะคะ
    • วัสดุ 8/10 – ให้มาดีเมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย
    • แบบ 8.5/10 – มีพื้นที่สวนส่วนกลางหลายตำแหน่งดี ห้องออกแบบมาได้ลงตัว แต่อาคารมีความหนาแน่นสูงไปหน่อย
    • สาธารณูปโภค 8.5/10 – มีมาให้ครบ กระจายอยู่หลายตำแหน่ง ติดตรงที่ลิฟต์ที่เมื่อเทียบขนาดโครงการอาจจะน้อยไปนิด

    • ECONOMY CLASS
    • 8.09 / 10.00

     

    BOTTOM LINE

    ศุภาลัย ปาร์ค สถานีตลาดพลู เป็นโครงการที่มีราคาจับต้องได้ง่ายที่สุดในทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้าตลาดพลู เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดฝั่งธนฯใกล้รถไฟฟ้า ใกล้แหล่งความเจริญในทำเลนี้อย่าง The Mall ท่าพระ ตลาด… แต่จะต้องออกแรงเดินหน่อย หรือต้องต่อรถไปอีกที มีงบประมาณระดับ 1.66 – 5.26 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 12,000 – 37,000 บาท/เดือน