รีวิวฉบับที่ 495 … ศุภาลัย City Resort พระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา … คอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนนสนามบินน้ำ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีสะพานพระนั่งเกล้า ในราคาเริ่มต้น 1.65 ล้านบาท จาก ศุภาลัย ครับ เป็นอีกหนึ่งโครงการคอนโดมิเนียมจากศุภาลัย ที่ตั้งอยู่บนถนนรัตนาธิเบศร์เกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงครับ หลังจากที่เคยมาปักธงไปแล้วที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรีด้วยโครงการ ศุภาลัย Park แคราย-งามวงศ์วาน ส่วนโครงการใหม่นี้นอกจากจะใกล้กับรถไฟฟ้าแล้ว ยังได้โบนัสเรื่องวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย เนื้อโครงการจะเป็นแบบไหน อ่านต่อไปได้เลยครับ 😀
Fact @ 23 DEC 2013
- ศุภาลัย City Resort พระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา
- บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด High Rise 33 ชั้น 1 อาคาร 733 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 30 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 48% รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 3-2-91 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2559
- Studio 33-37 ตารางเมตร
- 1 Bedroom 47-71 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 69-79 ตารางเมตร
- ราคาเริ่มต้น 1.65 ล้านบาท (ธ.ค. 56)
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 50,000 บาท (ธ.ค. 56)
- Official Website
- โทร 02-5277999
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
เริ่มต้นกันที่แผนที่ของโครงการก่อนเลยครับ โครงการ ศุภาลัย City Resort พระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา เป็นคอนโดในโซนนนทบุรี ย่านรัตนาธิเบศร์-แครายครับ ตั้งอยู่บน ถนนสนามบินน้ำ หรือ ถนนนนทบุรี 1 ซึ่งเป็นถนนที่ตัดเป็นเส้นโค้ง เลียบขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ในอำเภอเมืองนนทบุรีครับ ตัวโครงการศุภาลัย ตั้งอยู่ห่างจากแยกสนามบินน้ำเข้าไปประมาณ 100 เมตรนิดๆ อยู่ทางขวามือครับ
ต่อมาเรามาดูแผนที่จาก Google Maps กันบ้าง จะได้เห็น Scale จริงนะครับตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยาเลย ใกล้กับสะพานพระนั่งเกล้า ซึ่งจริงๆแล้วจะอยู่ใต้ทางขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าพอดีครับ ดังนั้นจะไม่สามารถใช้สะพานใหญ่ได้ ต้องใช้สะพานเล็ก ที่เป็น “สะพานพระนั่งเกล้าเดิม” ครับ
การเดินทางด้วยรถยนต์ในโซนนี้ ถนนเส้นหลักสำหรับคนแถวนี้อันดับหนึ่งก็ย่อมเป็น ถนนรัตนาธิเบศร์ เป็นเส้นเลือดใหญ่ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีห้างสรรพสินค้า สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆค่อนข้างดี สามารถวิ่งข้ามสะพานไปถนนราชพฤกษ์ได้ หรือวิ่งผ่านแยกแครายก็จะเข้าสู่ถนนงามวงศ์วาน ที่จะเป็นถนนเส้นเดียวกัน มีทางขึ้น-ลงทางด่วนงามวงศ์วานให้ใช้ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะเหมือนกัน
ถนนเส้นรองแถวๆนี้อีกเส้นก็คือ ถนนติวานนท์ ที่ตัดผ่านถนนรัตนาธิเบศร์ที่แยกแคราย ในแนวเหนือ-ใต้ เชื่อมไปยังถนนนครอินทร์ ไปสะพานพระราม 5 ได้ในทิศใต้ และเชื่อมไปถนนแจ้งวัฒนะ มุ่งหน้าห้าแยกปากเกร็ดในทิศเหนือ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางคมนาคมที่สำคัญของโซนนนทบุรีนี้ครับ
และยังมีถนนอีกหนึ่งเส้นคือ ถนนสนามบินน้ำ ที่ตัดผ่านหน้าโครงการ เชื่อมมาจากติวานนท์ วิ่งอ้อมเลียบแม่น้ำมา แล้ววิ่งต่อไปเข้าตัวเมืองนนทบุรี ไปยังท่าน้ำนนท์ได้ (แถวๆถนนประชาราษฏร์) เส้นนี้อาจจะไม่ได้ใช้บ่อยนักถ้าโดยปกติไม่ได้มีธุระอะไรที่ต้องเข้าไปยังตัวเมืองนนทบุรีครับ เพราะเป็นถนนเส้นรองลงมา แต่เป็นเส้นที่ใช้หนีรถติดจากแยกแครายได้ดีทีเดียว กรณีที่จะไปแจ้งวัฒนะโดยใช้เส้นติวานนท์ เป็นต้น
ที่ตั้งของโครงการอยู่เกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงด้วย โดยจะอยู่ใกล้กับสถานีสะพานพระนั่งเกล้าครับ (ห่างประมาณ 300 เมตร จากโครงการ) และใกล้ๆกันยังมี สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ที่เป็นสถานี Interchange ไปยังรถไฟฟ้าสายสีชมพูแคราย-แจ้งวัฒนะ-มีนบุรี ได้ในอนาคตครับ
ระยะห่างจากแยกสำคัญๆถึงโครงการ ศุภาลัย City Resort พระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา
เดินทางไปโครงการ
ต่อไปจะพาไปโครงการแล้วนะครับ #เกาะแน่นๆนะจ๊ะ ขอเลือกใช้เส้นทางที่ซับซ้อนน้อยที่สุด เริ่มจากถนนวิภาวดีรังสิต วิ่งลงโทลล์เวย์มาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนงามวงศ์วาน ตรงยาวๆ ผ่านแยกพงษ์เพชร, ทางด่วน, แยกแคราย, กลับรถใต้สะพานพระนั่งเกล้า จนถึงโครงการครับ
ยึดป้ายแครายก่อนเลย
ข้ามสะพานข้ามแยก ผ่านเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ห้างสรรพสินค้า ที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวก Supermarket สำคัญ ของถนนเส้นนี้
ขวามือจะเป็นพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า งามวงศ์วาน ศูนย์รวมสินค้า I.T. ที่น่าจะเป็นที่พึ่งพิงที่ดีของโครงการเลย แต่รถหน้าพันธุ์ทิพย์ติดหน่อยนะครับ
วิ่งผ่านทางด่วนขั้นที่ 2 ทางขึ้น-ลงทางด่วนงามวงศ์วาน ซึ่งจุดนี้ถ้ามาจากโครงการครับจะเป็นจุดที่ได้ใช้บ่อยเลยครับ ใช้เข้าเมือง-ออกเมืองได้ดีทีเดียวสำหรับคนที่ขับรถเป็นประจำ
ยึดป้ายบางบัวทอง ข้ามสะพานข้ามแยกแคราย
ลงสะพานข้ามแยกแครายมาจะเจอกับ Esplanade รัตนาธิเบศร์ กับ Lotus รัตนาธิเบศร์อยู่ติดกัน (ฝั่งตรงข้าม) มีโรงหนัง มีลานโบวลิ่ง ฯลฯ
เข้าสู่ถนนรัตนาธิเบศร์แล้ว เจอกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง “ศูนย์ราชการนนทบุรี” ซึ่งจุดนี้เป็น interchange ไปยังรถไฟฟ้าสายสีชมพูดด้วยครับ
ใกล้ๆกันมีโครงการกำลังจะสร้างเสร็จของศุภาลัย คือ ศุภาลัย Park แคราย-งามวงศ์วาน ที่อยู่ใกล้กับบันไดทางขึ้นรถไฟฟ้าเลย ถ้าสังเกตจะเห็นว่าบันไดรถไฟฟ้าค่อนข้างใหญ่มากๆเลยครับ ด้วยความที่ถนนรัตนาธิเบศร์เป็นถนนกว้างมาก ทำให้บันได หรือ “ขา” ของสถานีรถไฟฟ้านั้นอยู่ห่างกันพอควร ไม่ใช่ว่าอยู่ใกล้สถานีแล้วจะขึ้นลงสะดวกเสมอไปนะครับ ต้องดูจุดขึ้นลงด้วย
ถัดมาจะเป็นรถไฟฟ้าอีกหนึ่งสถานี คือ “ศรีพรสวรรค์”
ติดกับรถไฟฟ้าคือห้าง Big-C ที่มีบันไดมาจ่ออยู่หน้าห้างเลยครับ
พอถึงตรงนี้เราเริ่มออกด้านนอกได้แล้วครับ ยึดป้าย ถนนสนามบินน้ำ เลยครับ ถ้าวิ่งในทางหลักจะมุ่งหน้าไปยังสะพานพระนั่งเกล้า ข้ามไปราชพฤกษ์, ไปวงแหวนรอบนอกได้ครับ
ถ้าใครจะไปเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ให้ขึ้นสะพานกลับรถตามป้ายเลยครับ แต่เรายังไม่ไปนะ เดี๋ยวไปให้เจอโครงการก่อน
ผ่านสถานีรถไฟฟ้าอีกหนึ่งสถานี คือ สถานีแยกนนทบุรี 1 ถ้าดูจากรูปฝั่งนี้จะไม่ค่อยมีอะไร แต่อีกฝั่งหนึ่งของสถานีเป็นเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ครับ
ห้ามขึ้นสะพานกลับรถนะ!
มาถึงจุดที่เป็นเชิงสะพานพระนั่งเกล้าแล้ว ตรงนี้เราชิดซ้ายไว้ครับ เพราะเราไม่ขึ้นสะพาน
เราจะวิ่งเลียบใต้สะพานมา แล้วจะมาเจอ แยกสนามบินน้ำ ดังรูปครับ เมื่อก่อนแยกนี้เปิดให้เลี้ยวขวาได้ แต่ปัจจุบันเลี้ยวไม่ได้แล้วนะครับ ต้องไปกลับรถใต้สะพานพระนั่งเกล้ามาก่อนแล้วมาเลี้ยวซ้ายครับ (ตัวแยกไม่ได้ปิดตายไว้ครับ ไม่แน่ใจว่ามีการเปิด-ปิดเป็นเวลาหรือเปล่า ใครพอจะทราบรายละเอียดตรงนี้ช่วยมาตอบด้วยครับ ^^)
วิ่งมาจนถึงจุดกลับรถใต้สะพาน ทางซ้ายมือของเรานี้จะเป็นสถานีรถไฟฟ้า สถานีสะพานพระนั่งเกล้าครับ เดินมาจากโครงการก็เดินมาใช้สถานีนี้แหละ
เราขับรถไป U-Turn ใต้สะพานครับ สะพานพระนั่งเกล้านี้จะมีอยู่ 2 อันนะครับ อันเดิมที่เป็นสะพานเล็กๆ กับอันใหม่ที่ใหญ่ๆสูงๆอยู่ด้านขวาของภาพบน
U-Turn เลย
ตรงจุด U-Turn มีทางเข้าของ สำนักงานบำรุงทางนนทบุรี
เมื่อ U-Turn มาแล้ว เราจะมาถึงแยกสนามบินน้ำอีกครั้งครับ เราก็เตรียมตัวเลี้ยวซ้าย
เลี้ยวซ้ายที่แยกเข้าถนนสนามบินน้ำ
เข้ามาที่ถนนสนามบินน้ำมานิดหน่อย ประมาณ 150-200 เมตร จะเจอกับโครงการตั้งอยู่ทางขวามือครับ
เราก็ไปกลับรถด้านหน้า
U-Turn มาแล้ว
แล้วจะเจอโครงการ ศุภาลัย City Resort พระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา ตั้งอยู่ทางซ้ายมือครับ
โครงการใกล้เคียง, สถานที่สำคัญ, และสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ
ถนนรัตนาธิเบศร์นี้ ด้วยความที่ทุกคนรู้ว่าจะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงมาเปิด ทำให้มีโครงการทั้งที่อยู่อาศัย, ร้านค้า, ห้างสรรพสินค้า, สิ่งปลูกสร้างอื่นๆ มาตั้งเรียงรายเกาะแนวรถไฟฟ้ากันเต็มเลย ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ถ้าดูข่าวจากหลายๆสำนัก ก็จะพบว่าโซนนี้แหละเป็นโซนที่มีคอนโดเกิดใหม่เยอะที่สุด มีจำนวนยูนิตที่อยู่อาศัยเปิดใหม่เกิดขึ้นเฉพาะปี 56 นี้ก็มากถึง 5,000-6,000 ยูนิตเลยทีเดียว นับว่ามีการแข่งขันกันสูงมาก ขนาดศุภาลัยยังมีถึง 2 โครงการด้วยกัน ไม่แพ้ AP, LPN ถ้าดูผิวเผินก็จะเห็นว่ามีอยู่หลายโครงการที่เน้นขายความเป็นคอนโดใกล้รถไฟฟ้า เช่นเดียวกับ ศุภาลัย แต่ว่าโครงการที่พระนั่งเกล้านี้ จะอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย เลยจะได้วิวแม่น้ำ แต่ก็จะอยู่ห่างจากห้างฯ หรือ สิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า คงจะเดินไปไม่ได้ ต้องนั่งรถไป
นั่นอาจจะเป็นเพราะถนนเส้นนี้มีความอุดมสมบูรณ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ รองรับตลาดบ้านแนวราบที่มีอยู่แถวนี้มาก่อนแล้ว เช่น ห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์, Big-C, Lotus, Esplanade และยังมีสถานที่ราชการ เช่น กระทรวงพาณิชย์, ศูนย์ราชการนนทบุรี กระทรวงสาธารณสุข ฯลฯ อะไรเป็นอะไรลองดูจากในแผนที่ดูนะครับ
ส่วนอันนี้ก๊อบมาให้ดูจากเว็บของ ศุภาลัย เค้าครับ
มีครบเลย Robinson, B2S, Power Buy, Supersports …
ถัดมาเป็นโซน Index Livingmall
ใน Central รัตนาธิเบศร์ มี Homework ด้วย … แถมยังมีโรงหนัง, มีฟิตเนสอีก … ถ้าใครไม่เคยมาอยู่แถวนี้ แล้วจะย้ายมา อยากให้ลองเข้าไปใน Central ดูนะครับ ไม่ได้ว่าจะโฆษณาให้เขาหรอกนะ 55+ แต่ว่ามันมีครบพอสมควร ไม่ต้องเข้าเมืองไกลๆก็ได้
ตอนนี้ตัวรถไฟฟ้าสถานีแยกนนทบุรีกำลังก่อสร้างอาคารจอดรถอยู่ครับ ซึ่งพื้นที่ของห้างเซ็นทรัลก็จะอยู่ถัดไป และจะมีบันไดทางเชื่อมมาลงด้านหน้า (Credit: คุณ Boy สำหรับข้อมูล)
ข้างๆ Central มีโรงพยาบาลนนทเวช เป็นอาคาร 1 ชั้นอยู่ตรงนี้
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
กลับมาดูที่สำนักงานขายของโครงการ มาเดินดูรอบๆกันว่ามีอะไรบ้าง
ถ้าดูจากรูป ที่ดินของโครงการยาวไปจนถึงริมรั้วฝั่งโน้นนะครับ
จุดที่เป็นทางเข้า-ออกจริงๆของโครงการก็คือทางเข้าที่จอดรถของสำนักงานขายนี้เลย
ด้านหลังสำนักงานขาย ก็ทำเป็นที่จอดรถอยู่
ขอบเขตที่ดินอยู่เลยรั้วไปนิดนึงครับ อยู่บริเวณที่ปักเสาธงเอาไว้ ดูรูปคงดูไม่ออก ต้องลองไปดูของจริง
ด้านหน้าโครงการเมื่อมองจากฝั่งตรงข้าม
ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นที่ดินโล่งๆขนาดใหญ่ทีเดียว ขึ้นตึกสูงได้สบายๆ แต่ตอนนี้ยังถูกทิ้งให้โล่งๆอยู่ อาจจะมีตึกขึ้นมาบังวิวแม่น้ำของโครงการได้
มุมมองจากฝั่งตรงข้าม
ข้างๆที่ดินโล่งๆ จะมีคอนโดมิเนียมโครงการเก่าอยู่อีกหนึ่งโครงการ ชื่อ ธาราริน เจ้าพระยา คอนโดมิเนียม ซึ่งตึกนี้จะอยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการพอดีเลยครับ คาดว่าน่าจะบังวิวไปส่วนหนึ่ง แต่ก็ถือว่าเป็นตึกที่ไม่อ้วนมาก ยังได้วิวทางด้านข้างๆอยู่
จากโครงการ เดินไปทางสี่แยก
บริเวณปากซอยเป็นตึกแถวติดถนน ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ไม่มีเซเว่น รถไฟฟ้าอยู่ข้ามแยกสนามบินน้ำไปก่อนทางขวามือ ก่อนขึ้นสะพานพระนั่งเกล้า
ถนนหน้าโครงการ
จากหน้าโครงการเดินต่อเข้าไปทางที่จะไปถนนติวานนท์
สิ่งปลูกสร้างริมถนนเป็นตึกแถวธรรมดาๆ ยังมองไม่เห็น 7-Eleven หรือร้านค้ามินิมาร์ทใดๆ … สภาพแวดล้อมโดยรวมที่อยู่รอบๆโครงการ ถือว่าไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ ไม่ใช่จุดที่เป็นชุมชน แต่เป็นเหมือนทางผ่านมากกว่า
สภาพแวดล้อมโครงการก็จะประมาณนี้ครับ ไม่มีอะไรมาก (เพราะไม่ค่อยมีอะไรจริงๆ) มีแต่แม่น้ำ, สะพาน และรถไฟฟ้า ที่เป็นจุดเด่นในเรื่องของการเดินทางและวิว พักเรื่องทำเลไว้เท่านี้ก่อนต่อไปเราไปดูรูปแบบโครงการกัน
เจาะลึกตัวโครงการ
โครงการศุภาลัย City Resort พระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา เป็นโครงการคอนโดมิเนียม High Rise 33 ชั้น 1 อาคารครับ มีจำนวนยูนิตทั้งหมดอยู่ที่ราว 733 ยูนิต บนที่ขนาดประมาณ 3 ไร่ครึ่ง ซึ่งก็จัดว่า ขนาดที่ดินเท่านี้ ทำจำนวนยูนิตเท่านี้ จำนวนชั้นเท่านี้ ก็เป็นระดับปกติของคอนโดราคา 50,000-60,000 บาทต่อตารางเมตรที่มักจะพบเห็นกันได้ทั่วไปในคอนโดระดับเดียวกัน จะหนาแน่นหรือเปล่าเดี๋ยวเราค่อยๆดูกันไปครับ เพราะจะมี indicator อัตราส่วนต่างๆที่เราต้องมาพิจารณา
ตัวที่ดินของโครงการหันหน้าไปทางทิศตะวันตกที่เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ทางเข้าออกมีทางเดียวอยู่ติดกับถนนสนามบินน้ำ เป็นที่ดินรูปปังตอแบบนี้ ทางศุภาลัยเคลมว่ามีพื้นที่เปิดโล่งของโครงการอยู่ 60% ด้วยกัน อันนี้เป็นเพราะมีที่ดินส่วนที่เป็นติ่งยื่นออกไปด้านหลังที่ติดกับคลอง ทำเป็นสนามหญ้า ดังรูป Master Plan ข้างบนครับ คลองนี้ถ้าเราไปโครงการเราจะมองไม่เห็น เพราะเขาเอารั้วบังไว้ แต่ถ้าดูจากใน Master Plan จะเห็นอยู่ว่ามีลำน้ำอยู่ติดที่ดินโครงการทางด้านทิศตะวันออกด้านหลังโครงการครับ
มาดู Model ของโครงการบ้าง ตัวตึกมี 33 ชั้น มีชั้น Podium อยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้น Facilities ครับ อันนี้ทิศตะวันตกของโครงการ
โมเดลด้านทิศใต้
ทิศตะวันออก
ทางด้านทิศเหนือ
ถัดมาเรามาดู Floor Plan ชั้น G กันครับ จากหน้าโครงการเข้ามาจะมาเจอกับจุด Drop-off หน้าตึกก่อนเลย ซึ่งบริเวณเดียวกันนี้ก็จะมีการจัดสวนไว้ด้านหน้าทางเข้าริมรั้วของโครงการด้วย จากนั้นก็จะวนรถขึ้นไปจอดที่ชั้น 1-5 จอดรถได้ 48% รวมซ้อนคันครับ
ชั้น G จากจุด Drop-Off จะลงมาเจอส่วนที่เป็น Shop ครับ ข้างๆกันจะมี Lobby ที่ต่อกับส่วนโถงลิฟท์ … ส่วนโซนที่เป็นสำนักงานนิติบุคคล และห้องช่าง ห้อง Service อื่นๆ จะอยู่อีกโซนหนึ่งที่เราจะเห็นเวลาเดินมาจากที่จอดรถครับ
โมเดลจะแสดงหน้าตาบริเวณทางเข้าและจุด Drop-off ไว้ให้ดุด้วยนะ จะเป็นลักษณะนี้นะครับ
ขึ้นมาที่ชั้น Podium คือชั้น 6 ซึ่งจะเป็นชั้น Faciliities ของโครงการ ชั้นนี้จะมีห้องพักอาศัยด้วย ข้อดีของลูกบ้านที่พักอยู่ชั้นนี้คือสามารถเดินมาใช้ Facilities ได้ง่าย รวมถึงมีห้องที่ได้ระเบียงอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำจากในห้องตัวเองได้ แต่ข้อเสียของชั้นนี้ก็มีเหมือนกัน คือจะเป็นชั้นที่มีความวุ่นวายหน่อย เพราะลูกบ้านที่อาศัยอยู่ชั้นอื่นๆก็จะลงมาใช้พื้นที่ส่วนกลางที่ชั้นนี้กันหมด ทำให้อาจจะดูจอแจบ้าง
ส่วน Facilities ของโครงการก็จะประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำแยกสระเด็ก, ห้องออกกำลังกาย และมีพื้นที่นั่งเล่นอีกนิดหน่อย ไม่มีอะไรมาก พอให้ใช้งานได้ ถ้าเทียบกับจำนวนลูกบ้าน 700 กว่าห้อง จริงๆแล้วก็อาจจะไม่เพียงพอ แต่ก็คือต้องผลัดๆกันใช้ไปครับ อยู่คอนโดคือการอยู่ร่วมกัน (อย่างสันติ) 😀
แบบจำลองสระว่ายน้ำชั้น 6
ภาพ Render ของสระว่ายน้ำชั้น 6 ครับ
ถัดมาเป็นชั้น 7-22 ครับ จะเป็นห้องพักล้วนๆเลย Floor Plan ของตึกทำเป็นรูปตัว L ครับ มีโถงบันไดอยู่สองฝั่งของอาคาร ที่มีช่องเปิดให้ลมไหลเวียนในอาคารได้ และมีโถงลิฟท์อยู่ตรงมุมของตัว L พอดี โครงการนี้มีลิฟท์โดยสาร 3 ตัว และลิฟท์ดับเพลิงอีก 1 ตัวครับ อัตราส่วนลิฟท์ของโครงการอยู่ที่ 245:1 ซึ่งถือว่าเป็นลิฟท์ที่หนาแน่นมากเลย ซึ่งคิดว่าคงต้องแอบไปใช้ลิฟท์ดับเพลิงบ่อยๆแน่ ไม่งั้นต้องรอลิฟท์นานเลยทีเดียว ในชั้น 7-22 นี้จะมีห้องพักอยู่ทั้งหมด 30 ยูนิตต่อชั้นครับ ซึ่งก็เป็นอัตราส่วนที่หนาแน่น แต่ก็พบเห็นได้ทั่วไปในคอนโดระดับ 50,000-60,000 บาทต่อตารางเมตรในสมัยนี้ … แทบจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ไปแล้ว -__-
ในเรื่องของทิศการมองเห็นวิวแม่น้ำ ห้องที่จะเห็นวิวแม่น้ำชัดที่สุดแน่นอนย่อมเป็นทิศตะวันตก เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำมากที่สุด ชั้นเตี้ยๆก็น่าจะเห็นแล้ว (แต่แปลงที่ดินฝั่งตรงข้ามมีว่างๆอยู่แปลงนึง อาจจะขึ้นตึกสูงก็ได้นะ) ส่วนทิศเหนือก็ยังเห็นวิวแม่นำ้เหมือนกัน และจะได้วิวส่วนที่จะมองเห็นความโค้งของแม่น้ำได้ด้วย แต่จะต้องเป็นชั้นที่สูงขึ้นมาจากห้องทิศตะวันตก ส่วนห้องทิศใต้จะเป็นห้องที่เห็นวิวแม่น้ำแบบเฉียดๆ และไกลๆ ถ้าจะอยากได้วิวแม่น้ำทิศใต้ ต้องอยู่ชั้นสูงๆหน่อย แต่ห้องฝั่งทิศใต้จะมองเห็นสะพานพระนั่งเกล้าเป็นฉากหน้าของวิวแม่น้ำด้วย อาจจะสวยอีกแบบก็ได้นะ … ส่วนทิศตะวันออกจะเป็น City View ไม่เห็นแม่น้ำครับ
ชั้น 23 เป็นชั้นที่มีสวนดาดฟ้า อยู่ตรงปลายสุดของโถงทางเดิน
ชั้น 24-27 ก็จะหน้าตาเหมือนชั้น 23 ที่ตัดเอาสวนออก
ส่วนชั้น 28 ก็จะมีสวนดาดฟ้ามาเพิ่มอีกติ่งนึง …
ดูจากภายนอกอาคารจะเห็นเป็นลักษณะนี้ครับ ห้องที่อยู่ทิศตะวันตก นอกจากจะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ยังได้วิวสระว่ายน้ำ กับสวน ด้วยนะครับ
ชั้น 29-31 ก็จะมีห้องพักหน้าตาเหมือนชั้น 28 แต่ไม่มีพื้นที่สวน
ส่วนชั้น 32 จะเป็นชั้น Penthouse ครับ ฟังชื่อ Penthouse อาจจะตกใจ แต่ก็คือเขาไม่ทำห้อง Studio ในชั้นนี้ครับ คือจะทำเป็นห้อง 1-Bed 47 ตารางเมตรขึ้นไป เท่านั้นเอง ไม่ได้มีห้องใหญ่พิเศษหรอกครับ
ส่วนขึ้นมาที่ชั้น 32 จะเป็น Rooftop Garden ครับ เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อีกจุดหนึ่ง ลูกบ้านสามารถเดินออกมารับลมข้างบนได้
ชั้นบนสุดไม่ได้ทำเป็นพื้นที่เปิดโล่งเฉยๆนะครับ มีส่วนที่เป็น Indoor ด้วย โดยจะทำเป็นห้องนั่งเล่น ให้ขึ้นมานั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ นั่งสนทนาได้
ภาพจำลอง ห้อง Sky Lounge (พื้นที่ประมาณ 84 ตารางเมตร) ที่อยู่บนดาดฟ้าครับ ก็จะวางชุดโต๊ะเก้าอี้ไว้ จะเอาเครื่องดื่มขึ้นมานั่งจิบ เอาหนังสือมาอ่าน เอางานมาทำ เอา Laptop มานั่งเล่น น่าจะเหมาะ จะได้ไม่ต้องคุ้ดคู้อยู่ในห้องอย่างเดียว และข้างบนนี้สามารถรับวิวได้เต็มที่เลย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ขนาด 30 x 8 ตร.ม. ที่ชั้น 6 แยกสระเด็กขนาด 5.7 x 3 ตร.ม.
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ขนาด 54 ตร.ม. ที่ชั้น 6
- สวนหย่อมรอบโครงการ, สวนดาดฟ้า และห้อง Sky Lounge พื้นที่ 84 ตารางเมตร
- ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 245:1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถ 48% รวมซ้อนคัน (ประมาณ 350 คัน)
- ระบบ CCTV / Access Card
UNIT PLANS
ส่วนห้อง Two-Bed ของที่นี่จะเป็นห้องมุมทั้งหมด มีขนาด 69-79 ตารางเมตร จะมี Layout แตกต่างกันอยู่ 4-5 แบบครับ แต่หลักๆคือแบบ 69 ตารางเมตรที่มีเยอะที่สุดที่เห็นในรูปนี้ การจัดวางจะเอา Living มาอยู่หน้าห้อง แล้วให้ห้องนอนทั้ง 2 ห้องอยู่ติดหน้าต่างมุมหนึ่งหันหน้าไปรับวิวแม่น้ำ มีระเบียงส่วนตัวทั้งสองห้อง ส่วนห้องครัวกับห้องน้ำก็จะอยู่ติดหน้าต่างอีกมุมหนึ่ง แยกฟังก์ชั่นกันไป
ห้องตัวอย่าง Chao Phraya Suite Studio ขนาด 33 ตารางเมตร
ห้องที่จะรีวิวให้ดูห้องแรกคือ Studio ขนาด 33 ตารางเมตรครับ
ห้องตัวอย่างไม่ใส่ประตู และผนังหน้าห้องมาให้ดูนะครับ เปิดออกโล่งๆแบบนี้ แต่ของจริงจะมีผนังนะ ต้องจินตนาการเอาครับ ห้องของโครงการนี้ขายแบบ Fully-Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์แบบในห้องตัวอย่างเด๊ะๆ ยกเว้น Props ตกแต่ง เป็นเฟอร์นิเจอร์ของ Starmark ครับ … ตำแหน่งเสาที่อยู่ในห้องตัวอย่างก็เหมือนกับห้องจริงที่ได้ และห้องตัวอย่างนี้ก็ใส่วัสดุจริงมาให้เห็นกันเลย ไม่มีการเปลี่ยนวัสดุใดๆ ตำแหน่งไฟตามนี้ มีแม้แต่ตำแหน่ง Sprinkler ดับเพลิงในห้องให้เห็น ถือว่าโครงการจริงใจดีครับ
ส่วนห้องนี้ความสูงของพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.60 เมตรครับ ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับโครงการราคาใกล้ๆกัน เพราะเดี๋ยวนี้จะเห็น 2.40 เมตรซะเยอะ
ตำแหน่งประตูเข้าห้องจะอยู่ประมาณนี้ครับ อันนี้ผมกะๆเอานะครับ ไม่ใช่ระยะจริงๆตามนี้ แค่วาดให้ดูพอเห็นภาพ…
ชุดโซฟา กับ โต๊ะกลาง ที่แถมมาให้ อยู่ติดข้างๆเตียงเลย
ด้านหน้าโซฟาเป็นโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง นั่งอยู่ที่โซฟา จะมองทีวีแบบเฉียงๆนะครับ ไม่ได้อยู่ Center กับ โซฟา นั่งดูทีวีบนเตียงอาจจะสะดวกกว่า
ชุดนี้แถมมาให้เลย หน้าตานี้เด๊ะ
ชุด Sideboard สำหรับวางทีวี แถมมาให้แบบนี้ วางอยู่ตรงตำแหน่งเสาของห้องพอดีครับ ก็เลยดูเนียนๆกันไป
ทีวีติดได้เต็มที่ขนาดประมาณ 42-46 นิ้วครับ เพราะพื้นที่มันวางได้แค่นี้
ด้านบนมีพื้นที่เหลือสำหรับวางของกระจุกกระจิกได้อีกนิดหน่อย เนื่องจากฝ้าเพดานที่สูง 2.60 เมตร ใครจะบิ๊วตู้เพิ่มก็ทำได้
ชุดโต๊ะเครื่องแป้งก็วางอยู่ติดกับตู้ทีวีเลย
เนื่องจากเป็นห้อง Studio เขาก็จะเป็นฟังก์ชั่นห้องนอนรวมกับห้องนั่งเล่นไปเลย วางเตียงอยู่ข้างโซฟาแบบนี้
โต๊ะหัวเตียงแถมมาด้วย มี 2 ฝั่ง
ฐานเตียงมีลิ้นชัก สามารถซ่อนของใต้เตียงได้ อิอิ
หัวเตียงเป็นแบบนี้
ตู้เสื้อผ้าอยู่ต่อจากเตียงเลยครับ วางอยู่หน้าทางเข้าห้องน้ำ
ตู้ค่อนข้างเล็กเหมือนกัน ถ้าอยู่คนเดียวก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าอยู่ 2 คนนี่ไม่น่าจะพอแน่ๆ
บานเลื่อนเปิดได้ด้านเดียวนะครับ และไม่มีการใส่กรอบวงกบมาให้ แนะนำมากว่าควรจะหากรอบวงกบมาติดเอง ไม่งั้น Wallpaper มันจะค่อยๆลอกออกนะครับ
รางบานเลื่อนอลูมิเนียม
ผนังติดบัวมาให้ด้านล่าง
Wallpaper ติดมาให้แล้วเรียบร้อย แถมมากับห้อง
พื้นที่ครัวไม่เยอะเท่าไหร่ มีแค่พอใช้งาน ถ้าวางตู้เย็นกับเครื่องซักผ้าเข้าไปก็น่าจะแน่นแล้ว
Pantry ของ Starmark แถมมาให้ด้วย
หน้าบานแบบ Soft-Close
พื้นที่วางตู้เย็น Fix มาแล้ว
พื้นที่ฝั่งตรงข้าม Pantry ตรงที่มีปลั๊กไฟนี้ เอาไว้วางเครื่องซักผ้าครับ
พื้นที่เก็บของเยอะใช้ได้
ใต้อ่างล้างจานวางแผ่น Plate กันเปียกชื้นไว้แล้ว
อ่างล้างจานแบบมีที่พักภาชนะ ด้านหลังปูกระเบื้องไว้ให้ป้องกันเลอะเทอะ พร้อมติดราว Stainless สำหรับแขวนอุปกรณ์ทำครัวไว้แล้ว
Top ครัววัสดุเป็น Laminate
หัวก็อกยี่ห้อ MEX
พื้นที่ตรงนี้ไม่มีเตาไฟฟ้าติดมาให้ แต่เว้นช่องสำหรับติด Hob & Hood มาให้แล้ว ใครจำเป็นต้องใช้ก็ไปซื้อมาติดซะนะครับ
ที่วางไมโครเวฟอยู่ด้านบน ใส่ได้ขนาดไม่ใหญ่มาก
ประตูบานเลื่อน เปิดออกไปสู่ระเบียง (เปิดออกได้ด้านเดียวนะครับ)
ธรณีก่อ ป้องกันน้ำสาดเข้ามาในห้องได้ดี แต่ต้องระวังสะดุด
พื้นที่ระเบียงค่อนข้างแคบ กว้างประมาณ 70 ซม.เท่านั้น วางเครื่องซักผ้าไม่ได้ ตากผ้ากับปลูกต้นไม้ได้อย่างเดียว
ประตูระเบียงไม่มีกรอบวงกบเช่นเดียวกัน
ด้านบนแขวน Compressor แอร์ เป่าออกด้านนอกเพื่อไม่ให้ระเบียงมีลมร้อน และมี Grille บังสายตาจากภายนอก
สุดท้ายของห้อง Studio 33 ตารางเมตร คือส่วนห้องน้ำครับ เป็นแบบ 3 Fixture มาตรฐาน อ่างล้างหน้า+โถสุขภัณฑ์+Shower Box
ประตูทางเข้าห้องน้ำวางตัวจบเป็นหินไว้ด้วย ซึ่งดี ทำให้น้ำไม่ซึมออกมาโดนพื้นลามิเนตที่ไม่ชอบน้ำ
ติดกระจกเงามาให้บานเท่านี้
มีราวแขวนผ้าเช็ดมือ กับ ที่เสียบกระดาษชำระ
ก็อกน้ำจาก COTTO
โถสุขภัณฑ์ ขนาดแอบเล็ก
สายฉีดชำระแบบพลาสติก แบบนี้อาจจะไม่ค่อยทนไม้ทนมือเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าให้มาตามมาตรฐานของราคาครับ
ราวแขวนผ้าเช็ดตัว
Shower Box ติดฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัยให้ด้วย แข็งแรงดี ไม่ใช่แบบ Acrylic
ฝ้าเพดานไม่ได้ตีปิดทึบ เป็นแบบเปิดขึ้นไป Maintenance ได้สะดวก แต่ความสวยงามบางคนอาจจะไม่ชอบ และบางทีอาจจะมีแมลงไต่มาตามช่องว่างได้
ตัวจบของ Shower Box ก็เป็นหินเหมือนกัน วางกรอบไว้ด้วย
ในห้องน้ำมีบานกระทุ้งเปิดออกเพื่อระบายอากาศได้ ซึ่งถือว่าดี และมีแสงธรรมชาติส่องเข้าห้องน้ำได้ด้วย แต่เท่านี้ก็ยังไม่พอนะครับ ควรจะไปหาพัดลมดูดอากาศมาใส่เพิ่มด้วย
เครื่องทำน้ำอุ่นจาก Electrolux แถมมาด้วย
หัวก็อก COTTO
ห้องตัวอย่าง 1-Bedroom ขนาด 47 ตารางเมตร
ต่อมาเป็นห้องแบบ 1-Bed ขนาด 47 ตาราเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่มีเยอะที่สุดในโครงการครับ ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของป้าศุเค้าเลยที่ทำห้องพื้นที่ใหญ่แบบนี้ เราลองไปดูการออกแบบในห้องกัน
ห้องตัวอย่างห้องนี้ก็ไม่ได้ใส่ประตูไว้ให้อีกเหมือนกัน อย่าลืมจินตนาการว่ามีประตูด้วยนะครับ ซึ่งถ้าดูจากรูปบน ประตูจะอยู่ทางขวามือ เปิดเข้าห้องมา
ไฟในห้องเป็นแบบ ไฟซาลาเปากลมๆแบบนี้
ตำแหน่งประตูห้องจะอยู่ตรงนี้ครับ
ส่วนหน้าสุดของห้องก็จะเป็น Living Area วางโซฟาและโต๊ะกลาง
ชุดโซฟาของห้อง 1-Bed ก็จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย
แต่โซฟาอยู่ไม่ตรงกับชั้นวางทีวีครับ ต้องดูทีวีเฉียงๆ หรือไม่ก็ต้องแขวนทีวีเข้ากับผนัง แล้วให้มี Arm ยื่นออกมาเพื่อหันทีวีมาทางโซฟาครับ
ชั้นวางทีวีของห้อง 1-Bed ดูใหญ่กว่าของห้อง Studio เยอะเลย แถมทีวีก็สามารถใส่ขนาดที่ใหญ่ขึ้นได้ด้วย
สามารถนั่งดูทีวีจากโต๊ะกินข้าวได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ Center นะครับ
พื้นที่เก็บของในตู้ใต้ทีวี
พื้นที่เก็บของบนชั้นเหนือทีวี
ถัดเข้ามาด้านในเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร ให้มาเป็นโต๊ะเล็ก 2 ที่นั่ง แต่มีเก้าอี้ 3 ตัว สำหรับห้อง 1-Bed … ถ้าดูตามพื้นที่แล้วจริงๆก็จะใส่โต๊ะตัวใหญ่กว่านี้ก็ได้ จะได้นั่งกินข้าวสบายๆหน่อย
พื้นที่ครัวใหญ่กว่าเดิมนิดหน่อย
วาง Pantry แบบนี้อยู่ติดหน้าต่าง ครัวไม่ได้อยู่ติดระเบียงแล้วนะครับ เพราะระเบียงเข้าไปอยู่ในห้องนอนแทน
พื้นที่วางตู้เย็น
ให้ดูแพนทรี่ครัวอีกครั้ง จริงๆแล้ว Spec ของแพนทรี่จะเหมือนกับห้อง Studio เลยนะครับ สามารถอ้างอิงจากห้องที่แล้วได้เลย
จากภาพ ทางซ้ายเป็นประตูเข้าห้องน้ำ ทางขวาเป็นประตูเข้าห้องนอน เดี๋ยวเราเข้าไปดูห้องน้ำก่อน
ในห้องน้ำห้องนี้ ก็เช่นเดียวกัน Layout และ Spec วัสดุ ทุกอย่างเหมือนกับห้อง Studio ครับ
เป็นแบบ 3 Fixture เหมือนกัน ประกอบด้วย อ่างล้างหน้า,โถสุขภัณฑ์, Shower Box
เข้ามาดูที่ห้องนอนเป็นส่วนสุดท้าย เข้าห้องมาปุ๊บจะเจอกับชั้นวางของ และมุมโต๊ะเครื่องแป้งก่อนเลย ทางซ้ายเป็นประตูเปิดออกไปที่ระเบียง ทางขวาไปที่เตียง
พื้นที่ในห้องนอนมีประมาณนี้ครับ โต๊ะเครื่องแป้งอยู่ตรงข้ามกับตู้เสื้อผ้า
ชั้นวางของ
มีพื้นที่วางของด้านล่างอีกนิดหน่อย … เอาเข้าจริงผมว่าพื้นที่ตรงนี้ใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ สู้บิ๊วขึ้นมาเป็นตู้จริงๆจังๆเลยดีกว่า
โต๊ะเครื่องแป้ง เหมือนกับห้องที่แล้ว แค่ย้ายตำแหน่งวาง
ตู้เสื้อผ้าได้ขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย สำหรับอยู่กัน 2 คนได้ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่พอนะ
เปิดออกให้ดูด้านในของตู้เสื้อผ้า
มองย้อนไปที่ประตูทางเข้าห้องนอน
สุดท้ายเป็นเตียง ปลายเตียงติดทีวีแขวนผนังได้ ระยะดูทีวีประมาณนี้ ไม่มากไม่น้อย แต่ต้องนอนดูทีวีเอานะ
พื้นที่ข้างเตียงเหลือนิดหน่อย วางโต๊ะหัวเตียงได้ 2 ฝั่ง
มองย้อนจากที่เตียงไปยังระเบียงครับ
ให้ดูภาพรวมของห้องนอนจากอีกมุมหนึ่ง
สุดท้ายคือส่วนระเบียง ที่อยู่ติดกับห้องนอน มีประตูบานเลื่อนกั้น
พื้นที่ระเบียงมีอยู่ประมาณนี้ ผมไม่สามารถออกไปถ่ายรูปให้ดูได้ เพราะระเบียงของห้องตัวอย่างนั้นปิดตายไปแล้ว
พื้นระเบียงก่อธรณีสูง
มือจับประตูอลูมิเนียม
Compressor แอร์วางแขวนผนังแบบนี้ แต่ดันเป่าเข้าหาระเบียง เลยอาจจะทำให้ระเบียงร้อนหน่อยนะครับ แต่ด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่ก็ยังทำให้ใช้งานระเบียงได้น่าจะเต็มที่อยู่
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 24/12/2013
- Studio เนื้อที่ 33.00-37.00 ตารางเมตร ราคา 1.65 – 2.29 ล้านบาท
- 1-Bedroom เนื้อที่ 47.00-58.50 ตารางเมตร ราคา 2.32 – 3.48 ล้านบาท
- 2-Bedroom เนื้อที่ 69.00-79.00 ตารางเมตร ราคา 3.41 – 4.73 ล้านบาท
- Penthouse เนื้อที่ 47.50 – 71.00 ตารางเมตร ราคา 3.15 – 4.56 ล้านบาท (ห้องเปล่าเท่านั้น, ชั้น 32F)
- Fully Furnished (เฟอร์ Starmark)/แอร์/Wallpaper
- เพดานสูง 2.6 เมตร
- จอง 10,000 บาท สำหรับห้อง Studio และ 1 Bedroom / 20,000 บาท สำหรับห้อง 2-Bed และ Penthouse
- ทำสัญญา Stduio 49,000 บาท / 1-Bed 79,000 บาท / 2-Bed 129,000 บาท / Penthouse 159,0000 บาท
- ค่ากองทุน 350 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 35 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
ศุภาลัย City Resort พระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา เป็นโครงการของศุภาลัยโครงการที่ 2 แล้วที่ตั้งอยู่ในทำเลเกาะแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงรัตนาธิเบศร์ตอนต้นก่อนจะข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่ง ซึ่งโครงการแรกก็คือ ศุภาลัย Park แคราย-งามวงศ์วาน ที่เป็นคอนโดใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ซึ่งถึงแม้จะเป็นโครงการเน้นรถไฟฟ้าเหมือนกัน แต่โครงการที่ 2 นี้ด้วยความที่ทำเลอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ทางศุภาลัยจึงดึงจุดเด่นตรงนี้ออกมา โดยวางคอนเซปท์ให้เป็นคอนโดที่มองเห็นวิวแม่น้ำและใกล้รถไฟฟ้าไปพร้อมๆกัน เพื่อให้แตกต่างจากโครงการแรก
สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจอย่างหนึ่งก่อน คือ โครงการ “วิวแม่น้ำ” กับโครงการ “ริมแม่น้ำ” นั้นไม่เหมือนกัน โครงการ “วิวแม่น้ำ” นั้น เป็นโครงการที่ไม่ได้อยู่ติดน้ำ แต่จะมีห้องที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้ ซึ่งเป็นข้อดี แต่ข้อดีตรงนี้จะหมดไป ถ้าห้องที่เราซื้อไม่ได้มองเห็นแม่น้ำ (เช่นห้องทางทิศตะวันออกของโครงการนี้) ซึ่งความรู้สึกก็จะไม่ได้ต่างจากโครงการอื่นๆทั่วไปที่ไม่ได้มองเห็นแม่น้ำ เว้นเสียแต่ว่าโครงการจะมีการจัดให้มีพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ชั้นสูงๆและสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้เหมือนกัน ก็จะพอให้ลูกบ้านที่ห้องตัวเองไม่เห็นวิว สามารถมองเห็นได้จากชั้น Facilities
ส่วนโครงการ “ริมแม่น้ำ” นั้นจะเป็นโครงการที่มีที่ดินติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ความรู้สึกในการอยู่อาศัยจะแตกต่างกัน คือ พื้นที่ตั้งแต่ชั้นล่างก็จะอยู่ติดน้ำ ลูกบ้านสามารถเดินเล่นริมน้ำได้ สามารถมีพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ริมน้ำ อาจจะมีท่าเรือก็ได้ และได้บรรยากาศความเป็นแม่น้ำมากกว่าที่สำคัญคือวิวแม่น้ำที่ได้จะไม่มีอะไรมาบัง ไม่เหมือนกับโครงการที่อยู่ห่างจากแม่น้ำ แล้วมีโอกาสโดนตึกสูงอื่นๆขึ้นมาบังวิวแม่น้ำนั้นไปในอนาคต ที่ต้องอธิบายแบบนี้เพื่อจะให้หลายๆคนที่อยากจะได้บรรยากาศจากแม่น้ำจริงๆได้เข้าใจก่อน ว่ามันแตกต่างกัน ถ้าเป็นคนที่อยากจะได้บรรยากาศแบบแม่น้ำควรจะเลือกโครงการติดแม่น้ำ แต่ถ้าเป็นโครงการวิวแม่น้ำแบบนี้ ต้องเลือกทิศเลือกห้องดีๆถ้าจะเอาให้เห็นวิวแม่น้ำแบบที่ไม่มีอะไรมาบัง และควรจะคิดเผื่ออนาคตด้วย ว่าจะมีตึกสูงตรงไหนขึ้นมาบังวิวแม่น้ำสวยๆหรือเปล่า
สำหรับ ศุภาลัย City Resort พระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา ตัวนี้ชัดเจนว่าเป็นโครงการวิวแม่น้ำนะครับ ซึ่งอยู่ในระยะที่ไม่ไกลจากแม่น้ำ สามารถมองเห็นแม่น้ำได้ 3 ทิศ โดยมีทิศตะวันตกที่ใกล้แม่น้ำที่สุด รองมาเป็นทิศเหนือ และ ทิศใต้ตามลำดับ ทิศตะวันตกเป็นด้านที่ติดถนนสนามบินน้ำ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะโดนบังวิวเหมือนกัน เพราะอย่างในปัจจุบันฝั่งตรงข้ามถนนมีตึกคอนโดมิเนียม High Rise ชื่อ ธาราริน เจ้าพระยา ที่น่าจะบังวิวทางทิศตะวันตกไปแล้วบางส่วน และในอนาคตก็มีแปลงที่ดินที่อยู่ข้างๆกับอาคารดังกล่าว เป็นแปลงใหญ่ที่สามารถขึ้นตึกสูงได้สบายๆ และถ้าขึ้นสูงมากๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะ Block วิวฝั่งตะวันตกเกือบหมดและทิศตะวันตกเฉียงเหนือบางส่วนไปได้เลย … ในปัจจุบันยังคงไม่มีพิษภัยอะไร แต่อยากจะให้คิดว่าวิวเหล่านี้เป็นของแถมละกันนะครับ
ตัวแปลงที่ดินสองฝั่งด้านข้างของโครงการยังเป็นพื้นที่โล่งๆอยู่ ทิศเหนือเป็นที่ดินแปลงใหญ่ ไม่รู้ว่าเป็นที่ดินตาบอดหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ใช่ก็สามารถขึ้นตึกสูงได้แน่นอน วิวทิศเหนือก็ยังมองเห็นแม่น้ำได้ชัดอยู่ โดยเฉพาะทางตะวันตกเฉียงเหนือครับ ส่วนวิวทางทิศใต้ที่มองเห็นแม่น้ำจะเห็นเฉพาะห้องที่อยู่สูงๆเท่านั้นครับ แต่ว่าทางทิศใต้นี้ค่อนข้างจะการันตีว่าไม่น่าจะมีตึกสูงขึ้นมาบัง เพราะแปลงที่ดินที่อยู่ข้างๆไม่น่าจะขึ้นตึกสูงได้ ถัดไปก็เป็นโซนตึกแถว วิวทิศใต้นี้จะมองเห็นสะพานพระนั่งเกล้าด้วยครับ
ตัวทำเลของโครงการถ้าตัดเรื่องวิวออกไป ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีจุดขายนะครับ การเดินทางด้วยรถยนต์ในโซนนนทบุรีนี้ค่อนข้างจะสะดวกเลย เพราะมีถนนรัตนาธิเบศร์, ถนนติวานนท์ เป็นถนนเส้นหลัก อยู่ใกล้สะพานพระนั่งเกล้า ข้ามไปฝั่งราชพฤกษ์ ไปถนนวงเแหวนได้ไม่ยาก ส่วนทางด่วนอยู่บนถนนงามวงศ์วาน วิ่งข้ามแยกแครายไปก็จะเจอ อยู่ห่างออกไปหน่อย ข้อเสียของการใช้รถแถวๆนี้ก็คือรถค่อนข้างติดนั่นเอง โดยเฉพาะ แยกแครายที่เป็นแยกใหญ่
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ด้วยความที่โครงการอยู่ติดถนนใหญ่สนามบินน้ำก็ทำให้ลูกบ้านสามารถเรียกรถได้สะดวกหน่อย ไม่ต้องเดินเข้าซอยลึกๆ มีรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีสะพานพระนั่งเกล้าอยู่ไม่ไกล ในระยะเดินเท้าประมาณ 300 เมตร ซึ่งถ้าใครที่กำลังรอคอยรถไฟฟ้าสายนี้เปิดใช้งานอยู่ ก็คิดว่าน่าจะได้ใช้พอๆกันกับช่วงเวลาที่โครงการสร้างเสร็จนะครับ ก็คือประมาณปี 59-60 ครับ แต่การเดินไปรถไฟฟ้า จะต้องเดินข้ามถนนรัตนาธิเบศร์ที่เป็นถนนกว้าง และปัจจุบันสะพานลอยที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าพอสมควร ถ้าจะขึ้นสะพานลอยอาจจะต้องเพิ่มระยะเดินไปอีก 100-200 เมตร ถ้าไม่อยากเดินอ้อมไปขึ้นสะพาน ก็จะมีทางม้าลายอยู่ แต่ก็ต้องรอรถว่างๆนิดนึงครับ
อาหารการกินรอบๆโครงการในรัศมีการเดินเท้า ถือว่าแห้งแล้งทีเดียว ไม่ค่อยมีของกิน ไม่ค่อยมีร้านค้าเท่าไหร่ อาจจะไม่สะดวกนัก แต่ถ้าเปลี่ยนจากการเดินมาขับรถแทน บนเส้นรัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน มีห้างสรรพสินค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่เป็นจำนวนมาก รองรับการอยู่อาศัยของชุมชนแถวๆนี้ได้ดีอยู่แล้ว
ในเรื่องของการออกแบบ ตัวโครงการมี 700 กว่ายูนิต บนตึก 33 ชั้น ที่ดินขนาด 3 ไร่ครึ่ง โดยรวมแล้วก็ถือว่าความหนาแน่นปานกลางค่อนไปทางสูง แต่ก็ยังไม่ได้เยอะจนน่าตกใจ เมื่อเทียบกับโครงการระดับเดียวกัน ที่เปิดในระยะเวลาไล่เลี่ยกันนี้ เพราะโครงการบางที่อาจจะเฉียด 1,000 ยูนิต หรือเกินกว่านั้นไปแล้ว จะมีก็เรื่องอัตราส่วนลิฟท์ ที่ให้ลิฟท์มาน้อยไปหน่อย สำหรับที่จอดรถที่อยู่ที่ 48% รวมซ้อนคัน เมื่อเทียบกับราคาและทำเลที่สามารถใช้รถไฟฟ้าได้ด้วย ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสมัยนี้ครับ
การออกแบบห้อง ตามสไตล์ของศุภาลัยที่เน้นห้องขนาดใหญ่ แค่ Studio ก็เริ่มต้นที่ 33 ตารางเมตรแล้ว ใหญ่กว่า 1-Bed ของหลายๆที่ซะอีก แถม 1-Bed ก็ไปเริ่มต้นที่ 47 ตารางเมตร ทำให้ห้องมีพื้นที่เยอะ จัดวางสิ่งของ และเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย และค่อนข้างใช้งานได้สบายๆ ไม่ค่อยมีมุมที่ดูคับแคบ หรืออึดอัด มากนัก ยังพอมีพื้นที่ให้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งของสิ่งต่างๆในห้องได้บ้าง แต่ความที่ทำห้องมาขนาดใหญ่ แม้ว่าราคาต่อตารางเมตรจะเริ่มต้นอยู่ที่ 50,000 บาท แต่ทำให้ราคาต่อห้องค่อนข้างสูง Studio เริ่มที่ 1.65 ล้าน แล้วถ้าเป็น 2-Bed ก็จะกลายเป็นราคา 2 ล้านกว่าขึ้นไปเลย ทำให้เป็น Package ราคาที่อาจจะหยิบจับได้ยาก สำหรับคนที่มีงบไม่เกิน 2 ล้านครับ
ส่วนวัสดุอุปกรณ์ที่ให้มานั้น ให้มาในเกรดมาตรฐานของคอนโดระดับใกล้กัน ไม่ได้พิเศษหรือด้อยกว่ามาตรฐาน ใช้งานได้ระดับหนึ่ง แต่จัดมาให้ครบดี เพราะขายแบบ Fully-Furnished มี Wallpaper มีแอร์แถมให้ อาจจะเป็นเพราะราคาต่อห้องที่สูง เลยทำให้สามารถจัดของแถมให้ได้ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าพอใจกับของที่ได้หรือเปล่านะครับ
สุดท้ายคือเรื่อง สาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก ก็ถือว่ามีมาให้ใช้งานได้ และใช้ได้โอเคด้วย แต่ว่าจะมีเพื่อนบ้านเยอะระดับ 700 ห้อง ก็อาจจะทำให้ต้องแบ่งๆ หรือแย่งกันใช้เยอะหน่อย ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของนิติบุคคลในอนาคตด้วย มีข้อดีคือมี Sky Lounge และ Sky Garden บนชั้น 33 ที่ถ้าทำดีๆจะน่าใช้งานมาก เพราะจะสามารถรับวิวแม่น้ำได้ด้วย ซึ่งก็น่าจะมีประโยชน์กับลูกบ้านครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 50,000 บาทต่อตารางเมตร, 24/12/2013
- ทำเล 7.5/10 – ติดถนนใหญ่สนามบินน้ำ, ไม่ติดแม่น้ำแต่ได้วิวแม่น้ำ, อยู่ใกล้ห้างในระยะขับรถ แต่รอบโครงการค่อนข้างแห้งแล้ง
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – รถค่อนข้างติด อยู่ใกล้สะพาน แต่ใช้สะพานใหญ่ไม่ได้ แต่มีทางลัดเป็นถนนสนามบินน้ำ ที่จอดรถ 48%
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ระยะ 300 เมตรจากรถไฟฟ้า และไม่ต้องเดินเข้าซอย เรียกรถสะดวก
- วัสดุ 7.75/10 – ให้มาเกรดมาตรฐานเทียบกับราคา แต่เป็น Fully Furnished
- แบบ 7.5/10 – ห้องขนาดใหญ่ วางแปลนค่อนข้างโอเค จำนวนยูนิตไม่น้อยไม่มากเทียบกับราคา แต่ลิฟท์น้อยไปหน่อย
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – สระว่ายน้ำ/ฟิตเนส/Sky Lounge ถือว่าให้มาพอใช้งานได้
- MAIN CLASS
- 7.76 / 10.00
BOTTOM LINE
ศุภาลัย City Resort พระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา เป็นคอนโดมิเนียมที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านในโซนแคราย-รัตนาธิเบศร์ หรือทำงานในโซนนนทบุรี-กรุงเทพโซนตะวันตกเฉียงเหนือ หวังพึ่งพาการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเดินทางด้วยรถส่วนตัวบ้าง มองหาห้องที่มีพื้นที่ใหญ่ แต่มีงบประมาณเริ่มต้นตั้งแต่ 1 ล้านปลายถึงสองล้าน ขึ้นไป และมีวิวแม่น้ำเป็นของแถม
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ