รีวิวโครงการ

ศุภาลัย เวลลิงตัน กลุ่มคอนโด High Rise ติดถนนเทียมร่วมมิตร ห้องไซส์ใหญ่ 76 – 250 ตร.ม. พร้อมส่วนกลางที่หลากหลาย จาก ศุภาลัย [รีวิวฉบับที่ 2334]

3 กุมภาพันธ์ 2022

อ่านรีวิวล่าสุด

ก่อนที่จะเข้ารีวิวเจาะลึกตัวเต็มของโครงการศุภาลัย เวลลิงตัน (Supalai Wellington) ผมก็จะหยิบยกประเด็นการวิเคราะห์ผังโครงการและแบบบ้านมาให้รับชมกันก่อน โดยศุภาลัย เวลลิงตันเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่เทียมร่วมมิตร โดยมีรายละเอียดดังนี้

Fact @ 28 February 2012

จาก MASTER PLAN ที่เป็นกระดาษ ผมก็ต้องถ่ายภาพเอาเพราะตอนนี้ยังไม่มีภาพกราฟฟิคลงบนเวปไซต์ของศุภาลัยนะครับ คอนโดมิเนียม Supalai Wellington ทั้ง 9 ตึก ตั้งเป็นวงกลมล้อมสระว่ายน้ำอยู่ ตึกที่วงกลมสีดำๆเป็นตึกที่เปิดขายก่อนในรอบของลูกค้าเก่าศุภาลัย ได้แก่ตึก 1,5,6,7,8 จำนวน 5 ตึกด้วยกัน

จะเห็นว่าตรงกลางมีอาคารส่วนกลางที่มีที่จอดรถ, ฟิตเนสและห้องดูหนังรวมอยู่ด้วย ซึ่งรายละเอียดของอาคารนี้จะอยู่ในรีวิวเจาะลึกว่ามีอะไรเป็นอย่างไรบ้าง

เรามาพุ่งเป้าไปที่ผังโครงการก่อน ซึ่งผังของโครงการนี้ก็ซับซ้อนเหมือนกัน ไม่ง่ายๆเหมือนโครงการอื่น เพราะเป็นการออกแบบ “หมู่ตึก” ไม่ใช่เป็นการออกแบบตึกใดตึกหนึ่ง ทำให้ต้องคำนวณดีๆว่าแต่ละตึกจะบังวิวกันน้อยมากขนาดไหน และสร้างมูลค่าขายให้แต่ละตึกได้อย่างไรจะดีที่สุด

  • ตึก 1 อยู่หน้าโครงการสุด มีสวนหย่อมเล็กๆส่วนตัว
  • ตึก 2 อยู่ถัดมาจากหน้าโครงการแต่ใกล้อาคารจอดรถ มองทิศตะวันออกเห็นสระว่ายน้ำ
  • ตึก 3 อยู่ได้วิวทิศใต้ที่เปิดโล่งและมีสนามเด็กเล่น ยังมองเห็นสระว่ายน้ำเช่นกัน
  • ตึก 4 อยู่หน้าโครงการได้วิวทิศเหนือที่เปิดโล่งและใกล้อาคารจอดรถ
  • ตึก 5 ได้วิวทิศเหนือที่เปิดโล่งและวิวสระน้ำ ใกล้อาคารจอดรถ
  • ตึก 6 อยู่ท้ายโครงการ แต่ได้วิวทิศเหนือเปิดโล่ง และวิวสระน้ำเต็มๆ ติดคลอง
  • ตึก 7 อยู่ท้ายสุดของโครงการ แต่ได้ทิศเหนือหันเข้าหาสระน้ำ ร่ม สบาย ติดคลอง
  • ตึก 8 อยู่ท้ายโครงการ ทิศใต้เปิดโล่ง ทิศเหนือหันเข้าหาส่วนกลาง ใกล้อาคารจอดรถ
  • ตึก 9 อยู่กลางโครงการ ทิศใต้เปิดโล่ง ใกล้อาคารจอดรถ

จะเห็นว่าระเบียงหรือหน้าต่างห้องนอนที่ยื่นออกมาเป็นรูปผีเสื้อมีองศาที่หลบหลีกกันได้เยอะมาก ไม่ PERFECT หมดทุกมุมหรอกนะครับ แต่ก็ยังดีกว่าไม่คำนึงถึงเลย สีแดงๆคือเส้นที่ลากออกจากระเบียง และสีฟ้าๆคือเส้นที่ลากออกจากหน้าต่างห้องนอนใหญ่ … สถาปนิคเขาก็คิดมาเยอะพอสมควรแล้ว ไม่ใช่สักแต่ว่าเอาตึกมาปักลงบนที่ดินนะเออ

การออกแบบตึกแต่ละตึกแบบผีเสื้อจะเห็นว่ามีรากฐาน คล้ายๆกับการออกแบบตึกของพวกคอนโดมิเนียมประเภท “หมู่ตึก” ในยุคปี 40 ที่เป็นรูปแปดเหลี่ยม เช่น Belle Park, Belle Avenue, Fortune Condo Town, Bangkok Garden และ Oakwood เป็นต้น ข้อดีของการออกแบบตึกแบบนี้จะทำให้ยูนิตที่อยู่ข้างๆกัน Combine กันง่าย ทุกห้องสามารถซื้อห้องข้างๆทุบเข้าหากันได้หมด แต่การออกแบบตึกเป็นรูปผีเสื้อจะตัดส่วนที่เชื่อมกันตรงกลางของตึกออก ทำให้ Combine ได้มากที่สุดแค่ 1 ฟาก ต่างจากคอนโดสมัยเก่าที่ Combine ได้ทั้ง Floor เลยครับ

ปีกของตึกแบ่งเป็นสองข้าง มี Lift จำนวน 2 ตัววางอยู่ตรงกลาง และบันไดหนีไฟ โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละตึกมีประมาณ 110 ยูนิต ซึ่งลิฟท์แต่ละตัวจะแบบภาระในอัตราส่วน 55:1 ซึ่งเป็นจำนวนน้อย แต่ทว่าตึกแต่ละตึกของศุภาลัย เวลลิงตัน ไม่มี Service Lift ทำให้ถ้าจะใช้ลิฟท์ตัวหนึ่งหยุดขนของ ลิฟท์อีกตัวจะต้องแบกภาระ 110 ยูนิตทันที ซึ่งผมเห็นว่าไม่มากเกินไปครับ โดยที่ชั้น 4 – 15 เป็นยูนิต 1 – 2 Bedrooms เป็นหลัก

พอมาถึงชั้น 16 – 18 ก็จะเป็น 3 Bedrooms เห็นไหมครับเหมือนที่ผมบอก แปลนห้องแทบไม่ได้เปลี่ยน แต่เป็นการ Combine 2 Beds + 1 Bed = 3 Beds ลบเหลี่ยม ลบมุมตึกหน่อยให้ออกมาดูสวย แต่ถ้าใครอยากจะได้ 3 ห้องนอนชั้นล่างๆ ที่ราคาต่อตารางเมตรไ่มแพง ก็ซื้อห้องติดกันมาทุบเองได้ จะได้แปลนห้องคล้ายๆกันเลย ยกเว้นห้องน้ำ Master Bathroom ที่ต้องไปขยายเอง

พอเรามาดูห้อง 1 Bedroom ก็จะพบว่าเป็นห้องหน้ากว้างใช้ได้ 5.9 เมตร ลึก 8.6 เมตร การออกแบบดีกว่าห้องของศุภาลัยทั่วไป โดยมีระเบียงเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่รู้สึกว่าห้องแคบเพราะแบ่งสัดส่วนความกว้างไว้ได้โอเคพอสมควร ห้อง 1 Bedroom ก็สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 4 คนได้ มีจุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์แยก ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร ห้องรับแขกวาง Sofa 3 เมตรรูปตัว L ได้ ห้องน้ำแชร์กันได้ทั้งห้องนอนและห้องรับแขก ห้องอาบน้ำเปิดปิดสะดวก มีมุมทำงานในห้องนอน ครบถ้วน แต่เสียตรงได้ครัวเปิด เรียกว่าเป็นแบบที่ลงตัวทีเดียว … ก็แน่ละครับใช้ไปตั้ง 47 ตารางเมตรจะไม่ให้ลงตัวได้อย่างไร … ศุภาลัย เวลลิงตัน เน้นความกว้างและเหลือเฟือของพื้นที่ ไม่ใช่เอาความ “กะทัดรัด” minimize ให้ต่ำสุดๆแบบ IDEO Mobi หรือ LPN ที่ยัด 2 Bedrooms ลงพื้นที่ขนาด 47 ตารางเมตรได้

ต่อมาเป็นแบบ 2 ห้องนอน ตรงนี้ได้ระเบียงแหลมๆเหมือนที่ผมชี้ไปให้ดูใน Master Plan ข้างบน ระเบียงจะออกตลกๆนิดนึง แต่ก็ดีตรงที่หลบสายตาตึกไม่ให้ชนตึกได้เยอะ การที่ออกแบบพื้นที่เป็นปีกผีเสื้อ ก็จะมีพื้นที่เหลี่ยมๆเหลือเยอะ ทำให้จัดวาง Furniture ลำบาก ซึ่งศุภาลัยก็ทำได้ดี เลือกที่จะเอาโต๊ะอาหารแบบโต๊ะกลมใส่ลงไป พร้อมกับชุดรับแขกแบบ L Shape 3 Seats + 1 Arm Chair วางลงได้อย่างไม่อึดอัด

ห้อง 2 Bedrooms นี้ได้ประโยชน์จากการออกแบบปีกผีเสื้อเต็มๆ จะเห้นว่าทุกห้องนั้นได้หน้าต่างในมุมที่โปร่งทั้งหมด ตั้งแต่ห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็ก ห้องน้ำใหญ่ ห้องน้ำเล็ก ห้องรับแขก ระเบียงหลังบ้าน ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับการออกแบบเช่นนี้ครับ ส่วนเรื่องความสวยงามนั้นก็แล้วแต่สเปคความงามของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร

ห้องนอนใหญ่มีกระจกมุมที่ปลายเตียงเพิ่มมุมมองจากหัวเตียง และได้ห้องน้ำใหญ่ อาบได้อย่างสบายแต่ไม่มี Bath Tub ส่วนห้องนอนเล็กก็ได้กระจกมุมเช่นกัน ประตูเปิดเข้าเป็นแบบบานสวิงคู่ เท่ดีๆ  สงสัยพื้นที่ไม่พอใช้บานสวิงเดี่ยวที่หน้าบานกว้างกว่า แต่ก็เป็นการแก้ได้สวย ข้อเสียของห้องนอนเล็กก็คือไม่ค่อยมีพื้นที่ใส่ตู้เสื้อผ้าเท่าไร

ลานซักล้างหลังบ้านได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มๆ 2 รูปแบบ 1 คือการเอาไว้ “ซักล้าง” วางเครื่องซักผ้า ตากผ้า อะไรก็ว่าไป สองก็คือเป็นที่เชื่อมต่อของ “ลม” ที่จะไหลจากระเบียงหน้าบ้านผ่านเข้าตัวบ้านออกไปทางลานซักล้าง ทำให้ห้องนั้นไม่อับลม ยิ่งเป็นยูนิตที่หันหน้าเข้าหาทิศใต้ ถ้าเปิดลานซักล้างและระเบียงไว้ รับรองว่าเย็นสบายแน่นอน

ส่วนข้อเสียที่เห็นชัดๆเลยก็คือการที่มีเหลี่ยมมุมเยอะๆทำให้เสียพื้นที่เยอะ เช่นพื้นที่บริเวณเหลี่ยมระหว่างโต๊ะทานข้าวกับห้องน้ำ หรือมุมระเบียงที่ทำให้วางโต๊ะเก้าอี้ลำบาก

มาถึง Plan สุดท้ายที่เราจะรีวิวกัน ก็คือ 3 Bedrooms ที่กว้างใหญ่ 124 ตารางเมตร ได้ระเบียงเต็มๆ 3 ชิ้น จากระเบียงห้องรับแขกที่กว้างราวๆ 4.5 เมตร เทลมออกไปทางลานซักล้างท้ายบ้าน หรือว่าจะดูดลมเข้าจากระเบียงโค้งในห้องนอนใหญ่ก็ได้

จุดที่แตกต่างระหว่าง 2 และ 3 Bedrooms ที่ใหญ่ๆมีอยู่ 3 ส่วน แต่ยังคงคอนเซปท์เดิมคือมี “หน้าต่าง” ทุกห้อง ยกเว้น Master Bathroom ที่อยู่ส่วนลึกของ Master Bedroom เลยอดได้หน้าต่างรับวิวธรรมชาติอย่างห้องน้ำในห้องนอนเล็กครับ

ส่วนแรกก็คือห้องรับแขกและห้องรับประทานอาหารที่กว้างมาก โต๊ะทานข้าววางโต๊ะกลมแบบนั่งได้ 6 คน ส่วนรับแขกเช่นกันวางโซฟาขนาดใหญ่แล้วยังเหลือพื้นที่อีกเกือบ 2 เมตรระหว่างชั้นวางทีวีกับโซฟา พื้นที่ใช้สอยของห้องรับแขกและห้องอาหารเปรียบเสมือ”ศูนย์กลาง” ของบ้าน ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าบริเวณนี้เป็นจุดศูนย์กลางของห้องนอนทั้ง 3 ห้อง เรียกได้ว่าเปิดประตูมาห้องรับแขกได้ทุกห้อง ไม่ต้องเดินผ่านซอกหรือทางเดินเล็กๆเพื่อเข้าห้องนอนเหมือนการออกแบบห้องสี่เหลี่ยมทั่วๆไป ที่มักจะเอาห้องนอนไปวางไว้มุมหนึ่งและห้องรับแขกวางไว้อีกมุมหนึ่ง

ส่วนที่ 2 เป็นห้องนอนใหญ่ที่วางอยู่ด้านล่าง ขนาดใหญ่มาก พร้อมระเบียงชิ้นใหญ่ โต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้า ในห้องน้ำ Master มีอ่างอาบน้ำพร้อม Rain Shower ให้เลือกได้ว่าอยากจะอาบแบบไหน

ส่วนสุดท้ายเป็นห้องครัวที่มีบาน Slide สามารถปิดครัวเพื่อประกอบอาหารจากนั้นเปิดกระจกครัวที่เชื่อมเข้ากับลานซักล้างหลังบ้านเพื่อระบายอากาศออกไป โดยที่ไม่ต้องผ่านห้องรับแขกและห้องรับประทานอาหาร

แต่ก็ยังคงข้อเสียเดิมเอาไว้นั่นก็คือการที่มีเหลี่ยมมุมเยอะๆ ทำให้หาเฟอร์นิเจอร์มาจัดให้ลงตัวยาก เช่น ห้องนอน 2 ไม่มีชั้นวางทีวีที่มองได้ตรงๆเป็นต้น ต้องมองเฉียงๆหรือหาขาจับทีวีแบบปรับมุมได้มาแก้เอา

โดยรวมการออกแบบ 1-3 Bedrooms ของ Supalai Wellington ก็เรียกได้ว่าย้อนยุคไปเล็กน้อย เพราะเราแทบไม่ค่อยเห็นการออกแบบ “หมู่ตึก” ในโปรเจคคอนโดมิเนียมสมัยใหม่ นานๆทีจะมีมาให้เห็นกัน โดยยึดเอาหลักการหลบวิวและการที่มีกระจกรอบยูนิตมาใช้เป็นโจทย์หลัก เพื่อดึงวิวและความ “โปร่ง” เข้ามาที่ห้องให้ได้มากที่สุด

นับเป็นอีกก้าวของการพัฒนา “แบบบ้าน” ของโครงการศุภาลัย ที่นานๆทีจะมีให้เห็นกันสักครั้งครับ

ปล. แต่ยังไม่วายทิ้งมงกุฎอยู่บนยอดตึกอยู่ดีนะ 😛