รีวิวโครงการ
ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น | ขึ้นบ้านใหม่ [EP.8]
1 กรกฎาคม 2024
..วันนี้เราพามารีวิวโครงการ ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น ซึ่งเป็นคอนโดใหม่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ดังนั้นจึงใกล้ความอุดมสมบูรณ์และแหล่งงานของย่านในระยะเดินถึงได้ อีกทั้งอนาคตก็ยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูให้ใช้งานอีกด้วยครับ โดยเค้าเพิ่งจะเปิดตัวกันไปสดๆร้อนๆเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง ซึ่งความน่าสนใจของโครงการที่ผมได้รวบรวมมาให้จะมีดังนี้เลย
- ทำเลฝั่งขาเข้าเมืองตรงข้ามกับเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ใกล้ความอุดมสมบูรณ์และแหล่งงานในย่าน หาของกินและเดินไปทำงานได้
- อนาคตมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูให้ใช้ ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 450 m.
- มี Sky Facilities ให้ขึ้นไปใช้งานและชมวิวได้ 360 องศาบนชั้น 26
- เน้นห้อง 1 Bedroom ที่กั้นห้องนอนด้วยผนังทึบเป็นส่วนตัว และห้อง Studio ก็ยังได้วิวสระว่ายน้ำสวยๆอีกด้วย
ข้อมูลโครงการ
Lumpini Place Chaengwatthana – Pakkret Station (ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น) ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566
ชื่อโครงการ | Lumpini Place Chaengwatthana – Pakkret Station (ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท แอล. พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซอย แจ้งวัฒนะ 17 ถนน แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี |
ที่ดิน | ประมาณ 3 ไร่เศษ |
ประเภทคอนโด | High Rise 26 ชั้น 1 อาคาร |
จำนวนยูนิต | 536 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 27 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 198 คัน หรือคิดเป็น 37% แบบรวมจอดซ้อนคัน |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2565 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | Q2 ปี 2567 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.6 เมตร |
ราคาเริ่มต้น | 2.02 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 86,000 บาท/ตร.ม. |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | ผ่านแล้ว |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.lpn.co.th/ |
Call Center | 02-689-6888 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- อยู่ฝั่งขาเข้าเมืองตรงข้ามกับห้างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
- ทำเลอุดมสมบูรณ์พอสมควร มีทั้งห้างสรรพสินค้า ตลาด โรงพยาบาล และอาคารสำนักงานอยู่ใกล้ๆ
- อนาคตช่วงประมาณปลายปี 2566 มีรถไฟฟ้าสายสีชมพูให้ใช้งาน โดยสถานี แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด 28 จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 450 m.
พิกัด Google Maps : 13.905892, 100.526129
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น ตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะฝั่งขาเข้า หรือตรงข้ามกับห้างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะที่หลายๆคนรู้จักกันดี แน่นอนว่าห้างแห่งนี้เป็นความอุดมสมบูรณ์หลักของย่าน ที่เราสามารถมาเดินช้อปปิ้งและทานอาหารใกล้บ้านกันได้ง่ายๆ รวมถึงยังมีซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Lotus’s และ Big C ให้ซื้อของตุนเข้าบ้านได้อีกด้วยนะ
นอกจากนี้การมาของรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย – มีนบุรี) ก็มีส่วนช่วยทำให้การเดินทางของคนในย่านนี้สะดวกมากยิ่งขึ้น นั่นเลยทำให้ Developer หลายๆเจ้าเริ่มมาทำคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในย่านนี้กันมากขึ้น ซึ่งตอบโจทย์สำหรับพนักงานออฟฟิศแถวๆนี้ หรือคนที่อาจทำงานอยู่แถวๆเมืองทองธานีได้ดีเลยทีเดียวครับ
ถ้าทำงานแถวนี้อยู่แล้วก็จะสะดวกมาก :
..เรามาดูสถานที่สำคัญๆที่อยู่ใกล้กับโครงการในระยะไม่เกิน 500 m. กันบ้างครับ ซึ่งก็จะมีแหล่งงานหลักๆอยู่ 3 แห่งคือ Jusmine Tower / Software Park และ รพ.เวิลด์เมดิคอล ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายหลักๆก็อาจเป็นพนักงานออฟฟิศ และคุณหมอพยาบาลเหล่านี้นั่นเอง
อีกทั้งบริเวณนี้ก็จะมีทั้งห้างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ และตลาดกันเอง ซึ่งเป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยหลักของพนักงานออฟฟิศแถวนี้ครับ โดยเฉพาะตอนช่วงพักเที่ยงและช่วงเย็นๆ ผมก็เห็นเค้ามาเดินซื้อของกันเพียบเลย ซึ่งหากใครที่ทำงานในสถานที่ต่างๆเหล่านี้อยู่แล้ว ก็คิดว่าคงสะดวกมากๆเลยทีเดียวนะ
สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด :
..สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย – มีนบุรี) จะมีสถานี แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด 28 อยู่ใกล้โครงการมากที่สุดประมาณ 450 m. โดยจะเป็นรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกรุงเทพฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกเป็นแนวนอน และสามารถไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสีอื่นๆได้ เช่น สายสีม่วง สายสีแดง สายสีเขียว และสายสีส้ม
โดยจะตั้งอยู่ตรงด้านหน้าห้างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะเลยครับ ซึ่งถ้าใครที่ขยันเดินหน่อยก็พอจะเดินถึงได้อยู่นะ แถมเรายังสามารถแวะซื้อของกินของใช้ที่ตลาดหรือในห้างได้อีกด้วย และจากข่าวล่าสุดก็คาดการณ์ว่าจะเปิดให้บริการช่วงสิ้นปี 2566 นี้ครับ หรืออย่างน้อยๆก็น่าจะเป็นช่วงก่อนที่โครงการจะสร้างเสร็จพอดีนั่นเอง
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว :
สำหรับทางด่วนที่ใกล้โครงการมากที่สุดก็คือ “ทางพิเศษศรีรัช” ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.5 km. สามารถเข้าเมืองไปทางจตุจักร-พญาไท-สาทรได้สบายๆ หรือถ้าจะออกนอกเมืองก็สามารถเชื่อมต่อกับ “ทางพิเศษอุดรรัถยา” เพื่อไปทางรังสิต-ปทุมธานีได้อีกด้วยครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องรู้สักนิดก็คือ จุดกลับรถของย่านนี้จะค่อนข้างไกลอยู่สักหน่อย โดยจะอยู่ตรงบริเวณทางแยกต่างๆทั้ง 2 ด้าน ซึ่งมีระยะห่างประมาณ 1 – 3 km. ดังนั้นเวลาขับรถไป-กลับก็อาจต้องเผื่อเวลาตรงนี้กันสักนิดนึงนะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
โครงการลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น จะตั้งอยู่ภายในซอยแจ้งวัฒนะ 17 ซึ่งเข้าไปเพียง 50 m. เท่านั้น และปัจจุบันโดยรอบจะมีตึกสูงแค่ ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น ที่เป็นเพื่อนบ้านเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้บังวิวตรงๆนะครับ
ซึ่งติดกับโครงการส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่ว่างและชุมชนแนวราบ แต่ก็บอกตามตรงว่าคงจะการันตีวิวแบบนี้ไม่ได้เสมอไปนะ เพราะอนาคตก็อาจมีโครงการตึกสูงอื่นๆเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่ถ้าเป็นตอนนี้ก็เรียกได้ว่ามีวิวเปิดโล่งทุกด้านเลยครับ
- ทิศเหนือ : ติดกับ ชุมชนแนวราบและที่ว่าง ระยะไกลได้วิวทางฝั่งสรงประภา-ศรีสมาน
- ทิศใต้ : ติดกับ ที่ว่างและถนนใหญ่แจ้งวัฒนะ ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ว่างขนาดใหญ่ ระยะไกลได้วิวทางฝั่งรัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน
- ทิศตะวันออก : ติดกับ ที่ว่างขนาดใหญ่ ระยะไกลมองเห็นเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ และตึกออฟฟิศ Software Park อีกทั้งยังได้วิวทางด่วนศรีรัชและมองออกไปทางดอนเมืองครับ
- ทิศตะวันตก : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ถนนซอยแจ้งวัฒนะ 17 ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ว่างและชุมชนแนวราบ เยื้องๆกันทางขวาจะเป็นคอนโดรุ่นพี่สูง 21 ชั้น ส่วนระยะไกลจะมองออกไปทางห้าแยกปากเกร็ด
และนี่คือบรรยากาศภายในซอยแจ้งวัฒนะ 17 บริเวณด้านหน้าโครงการครับ ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นโครงการรุ่นพี่อย่าง ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น และที่ว่าง
ส่วนภายในซอยนี้ด้านในจะเป็นชุมชนแนวราบและหมู่บ้าน บรรยากาศไม่ค่อยพลุกพล่าน แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยวจนเกินไป เพราะมีรถเข้า-ออกอยู่เป็นระยะๆ
ส่วนบริเวณหน้าปากซอยจะเป็นที่ตั้งของสำนักงานขายปัจจุบัน ซึ่งตอนนี้ตัวโครงการก็กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างกันอยู่เลยครับ
ภายในสำนักงานขายจะมีทั้งโมเดลและห้องตัวอย่างให้ได้ชมกันครบเลย โดยนอกจากโครงการของลุมพินี เพลส แล้วก็ยังมีโครงการอื่นๆของลุมพินี ที่อยู่ในละแวกเดียวกันนี้ให้ได้ชมกันอีกด้วย หากใครสนใจก็เข้าไปชมกันได้นะครับ
และจากหน้าปากซอยเราก็สามารถเดินมาตามทางเท้าเรื่อยๆได้สบาย ซึ่งในระยะ 120 m. เราจะเจอสะพานลอยและป้ายรถเมล์ ให้ได้เรียกรถสาธารณะได้สะดวก
และหากเราเดินจากหน้าโครงการมาเรื่อยๆประมาณ 450 m. ก็จะเจอกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู ห้างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ตลาด และอาคารสำนักงาน ซึ่งถือเป็นจุดที่คึกคักและอุดมสมบูรณ์ที่สุดของย่านนี้แล้วครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Central แจ้งวัฒนะ ~ 500 m. (ระยะเดิน)
- ตลาดกันเอง ~ 500 m. (ระยะเดิน)
- Lotus’s แจ้งวัฒนะ ~ 3.8 km.
- Makro แจ้งวัฒนะ ~ 3.9 km.
- The Avenue แจ้งวัฒนะ ~ 3.9 km.
- Impact Arena เมืองทองธานี ~ 4.2 km.
- Big C แจ้งวัฒนะ ~ 4.4 km.
โรงพยาบาล
- รพ.เวิลด์เมดิคอล ~ 450 m. (ระยะเดิน)
- รพ.มงกุฎวัฒนะ ~ 4.4 km.
โรงเรียน
- รร.สาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ~ 650 m. (ระยะเดิน)
- ม.สุโขทัย ~ 2.4 km.
- ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ DPU ~ 6.6 km.
- รร.ชลประทานวิทยา ~ 7.6 km.
- รร.สวนกุหลาบ นนทบุรี ~ 8.1 km.
สถานที่ราชการและอื่นๆ
- ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ~ 4.8 km.
- สนามบินดอนเมือง ~ 10.7 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- ออกแบบผังอาคารเป็นรูปตัว L ไม่บังวิวกันเอง ทำให้ได้วิวที่เปิดโล่งทุกด้านในปัจจุบัน
- มีส่วนกลางบนชั้นดาดฟ้าให้ขึ้นไปใช้งาน และทำให้ชมวิวมุมสูงได้แบบ 360 องศา
- แปลนชั้น 1 มีการจัดแบ่งโซนการใช้งานได้ดี แยกทางเดินรถออกไปไม่รบกวนพื้นที่ส่วนกลาง และมีพื้นที่สวนด้านหน้าเป็น Buffer กันเสียง/ฝุ่น/พรางสายตาจากถนนภายนอกได้ดี
- ห้อง Studio อยู่ในตำแหน่งที่ดีและน่าสนใจ สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำและสวนบนชั้น 5 ได้ทั้งหมด รวมถึงยังได้วิวที่เปิดโล่งอีกด้วย
..ลุมพินี เพลส (Lumpini Place) เป็นแบรนด์คอนโดระดับ Standard ของ LPN ซึ่งปกติก็มักจะตั้งอยู่ในเมืองหรือพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง ติดถนนใหญ่ และใกล้รถไฟฟ้าเป็นหลัก แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกๆเลยครับ ที่มีการนำคอนโดแบรนด์นี้มาเปิดตัวในทำเลชานเมืองแบบนี้ สังเกตจากก่อนหน้านี้เค้าก็ยังเอาแบรนด์ ลุมพินี วิลล์ มาลงใกล้ๆกันอยู่เลย
อาจเพราะทาง LPN มองเห็นถึงศักยภาพของพื้นที่มีความเจริญมากขึ้น โดยเฉพาะการมาของรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่กำลังจะเปิดใช้งานเร็วๆนี้ อีกทั้งยังต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัย ให้มีความแตกต่างจากโครงการเดิมด้วยนั่นเองครับ เช่น ฝ้าเพดานที่สูงโปร่งมากขึ้น มีการเพิ่มฟังก์ชันส่วนกลางให้ครบครัน และทำเลก็ยังตั้งอยู่ตรงปากซอยใกล้ถนนใหญ่มากขึ้นอีกด้วย แต่รายละเอียดอื่นๆจะเป็นอย่างไรบ้างไปชมกันเลย
..โครงการ ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น เป็นโครงการ High Rise สูง 26 ชั้น 1 อาคาร และมีเพื่อนบ้านทั้งหมด 536 ยูนิต ถือว่าเป็นโครงการขนาดกลาง รวมถึงยังกระจายพื้นที่ส่วนกลาง (Facilities) ออกเป็น 3 โซนหลักๆ โดยเฉพาะที่ชั้นบนสุด (Rooftop) ซึ่งเราสามารถขึ้นไปชมวิวสวยๆได้ 360 องศาเลยทีเดียวครับ
Master Plan บริเวณด้านหน้าโครงการจะเป็น Drop-Off ให้สามารถวนรถเข้ามารับ-ส่งผู้โดยสารได้สะดวก แต่ถ้าเป็นลูกบ้านหรือ Visitor ที่ต้องการเข้ามาจอดรถด้านใน ก็จะต้องผ่านป้อม รปภ. มาก่อนเพื่อความปลอดภัย
แต่สิ่งที่ผมชอบก็คือ เค้าแบ่งเส้นทางเดินรถแยกออกจากพื้นที่สวนได้อย่างชัดเจนไม่รบกวนกัน ทำให้ลูกบ้านสามารถมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งสวนด้านหน้ายังทำหน้าที่เป็น Buffer คอยกันเสียง/ฝุ่น และช่วยพรางสายตาจากรถที่ผ่านไป-มาบนถนนใหญ่ด้านนอกได้ด้วยนั่นเองครับ
ภาพจากโมเดลเราจะเห็นว่า ทางเข้า-ออกของโครงการจะขยับเข้ามาอยู่ภายในซอยแจ้งวัฒนะ 17 อีกทั้งยังมีการจัดพื้นที่สวนให้อยู่ตรงหัวมุม ซึ่งทำหน้าที่เป็น Buffer คอยกันฝุ่น/เสียง และช่วยพรางสายตาจากรถที่ผ่านไป-มาบนถนนใหญ่ด้านนอกได้ดี จึงทำให้ตัวโครงการมีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณทางเข้า-ออกโครงการ จะไม่ได้มีป้อม รปภ. อยู่ด้านหน้าสุดเหมือนโครงการทั่วไป แต่จะขยับเข้าไปอยู่ด้านใน ทำให้สามารถเข้า-ออกได้สะดวกมากขึ้น คนที่จะเข้าไปวนรถรับ-ส่งเพื่อนก็ไม่ต้องเสียเวลาแลกบัตรด้านหน้าก่อน รวมถึงรถก็จะไม่ต้องติดยาวออกมาที่ถนนซอยด้านนอกอีกด้วยครับ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณสวนที่อยู่ด้านหน้า ตรงกลางจะเป็นลานอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ให้มานั่งเล่นพักผ่อนกันได้ โดยที่รอบๆก็จะมีการปลูกต้นไม้เพื่อความร่มรื่น รวมถึงเรายังสามารถเดินเชื่อมต่อไปยัง Lobby ที่อยู่ใต้อาคารได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย เพราะเค้าจะมีรั้วกั้นไม่ให้รถยนต์ขับผ่านมาบริเวณนี้ได้นั่นเองครับ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณภายใน Lobby ซึ่งจะมีชุดโซฟาให้ใช้งานกันได้หลายจุด สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน/นั่งคอย และใช้รับรองแขกได้เลยครับ
สำหรับลูกบ้านหรือ Visitor ที่ต้องการเข้าไปจอดรถด้านในโครงการ จะมีป้อม รปภ. แยกออกมาทางซ้ายมือครับ ซึ่งจะเปิดอัตโนมัติด้วยระบบ Bluetooth ทำให้เข้า-ออกได้สะดวก
โดยที่จอดรถจะมีทั้งหมด 198 คัน หรือคิดเป็น 37% แบบรวมจอดซ้อนคัน แต่ถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรก่อนตามปกติ และสามารถจอดรถได้ที่รอบๆอาคารครับ
แปลนชั้น 5 จะเป็นชั้นที่มีส่วนกลางและห้องพักอาศัยอยู่ด้วยกันครับ โดยจะเป็นชั้นที่เหมาะกับคนชอบมาว่ายน้ำหรือมาเดินเล่นที่สวนบ่อยๆ เพราะสามารถเดินมาใช้งานได้สะดวกมาก อีกทั้งห้องที่หันหน้าเข้ามาด้านในก็ยังจะมองเห็นต้นไม้และสระสวยๆได้อีกด้วย
แต่ก็แลกมากับความเป็นส่วนตัวที่อาจลดลงไปบ้าง เพราะคนจากชั้นอื่นๆเค้าอาจมองเข้ามาเห็นภายในห้องเราได้ รวมถึงชั้นนี้จะไม่ได้มีประตูกั้นแยกโซนห้องพักอาศัยออกจากโถงลิฟต์ และพื้นที่ส่วนกลางชัดเจนครับ
ภาพจากโมเดลบริเวณพื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 5 ทั้งหมดจะเป็นฟังก์ชัน Outdoor ประกอบด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่สวนแบบทางเดินเล่นระดับ และยังมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงให้ใช้งานได้สะดวกอีกด้วย
โดยจุดที่น่าสนใจก็คือ บริเวณรอบๆสระจะมีการปลูกแนวต้นไม้เพื่อเพิ่มความร่มรื่น และยังทำหน้าที่ช่วยพรางสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องพักที่อยู่ในชั้นนี้ได้ในระดับหนึ่งอีกด้วยครับ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณสระว่ายน้ำบนชั้น 5 จะมีขนาดประมาณ 6 x 19 m. แบ่งเป็นสระเด็กขนาด 4 x 3 m. และยังมี Jacuzzi ให้มานั่งแช่พักผ่อนกันได้อีกด้วย
ส่วนบริเวณด้านข้างเราก็จะได้ความสดชื่นจากต้นไม้ที่ปลูกไว้ รวมถึงยังสามารถมองออกไปชมวิวระยะไกลได้อีกด้วย
แปลนชั้น 6 – 18 จะเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด โดยลักษณะผังอาคารจะเป็นรูปตัว L ทำให้ไม่บังวิวกันเอง แต่ถ้าเป็นห้องที่หันหน้าเข้ามาด้านในก็จะได้ทั้งวิวส่วนกลางชั้น 5 และวิวเปิดโล่งได้ครับ
ตรงโถงทางเดินก็จะมีช่องเปิดช่วยระบายอากาศ ทำให้ได้ทั้งแสงสว่างและโปร่งโล่งไม่อึดอัด มีเพื่อนบ้านทั้งหมด 27 ห้อง/ชั้น และมีอัตราส่วนลิฟต์โดยสาร 179 : 1 ถือว่าหนาแน่นอยู่นะ ส่วนตำแหน่งที่น่าสนใจของห้องพักต่างๆจะมี 2 จุดหลักๆคือ
- กรอบสีเขียว : เป็นห้อง Studio ที่มีเพียง 3 ยูนิต/ชั้นเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นตำแหน่งที่สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำและสวนได้ดีอีกด้วย แนะนำไม่เกินชั้นที่ 10 จะได้วิวสวยเลยครับ แต่แน่นอนว่าราคาก็จะสมน้ำสมเนื้อตามไปด้วยนะ
- กรอบสีแดง : เป็นตำแหน่งห้อง 1 Bedroom ไซส์ใหญ่ที่จะอยู่ตรงมุมอาคาร โดยจะมีเพียง 5 ยูนิต/ชั้นเท่านั้น จุดเด่นคือ เป็นห้องที่ได้ช่องแสง 2 ด้าน สามารถรับวิวและระบายอากาศได้ดีกว่าห้องทั่วไปครับ
ชั้น 19 ตัวอาคารจะมีจำนวนห้องพักอาศัยน้อยลง ทำให้เป็นส่วนตัวมากขึ้น และมีการเพิ่มจุดชมวิวเล็กๆมาให้บนชั้นนี้ด้วยครับ ซึ่งลูกบ้านทุกคนจะสามารถขึ้นมาใช้งานได้ โดยจะต้องเดินผ่านห้องต่างๆมาตามโถงทางเดิน จึงอาจทำให้ห้องพักในชั้นนี้มีความเป็นส่วนตัวลดลงบ้างในตอนที่มีคนมาใช้งาน
แต่ส่วนตัวก็คิดว่าอาจจะไม่ได้มีคนมาบ่อยสักเท่าไหร่ครับ เพราะขึ้นไปบนดาดฟ้าเลยจะง่ายกว่า และยังชมวิวได้ไกลกว่าอีกด้วย ซึ่งทำให้คนที่จะมาใช้งานจุดชมวิวบริเวณนี้ ก็อาจเป็นเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในชั้น 19 นี้ก็ได้ เพราะจะเดินมาได้สะดวกมากกว่า และถ้าเป็นแบบนั้นก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากๆได้เหมือนกัน
แปลนชั้น 20 – 25 จะเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวกว่าโซนชั้นล่างๆนิดหน่อย เพราะมีเพื่อนบ้าน 23 ห้อง/ชั้น เนื่องจากการออกแบบอาคารจะต้องมีระยะร่น (Set Back) จากถนนด้านหน้าตามกฎหมายควบคุมอาคารนั่นเอง
แปลนชั้น 26 หรือดาดฟ้า (Rooftop) ชั้นบนสุดของโครงการ ซึ่งจะมีส่วนกลางให้ขึ้นมาใช้งานและชมวิวได้แบบ 360 องศาเลยครับ โดยหลักๆจะเป็นพื้นที่ Indoor อย่าง Sky Lounge และ Fitness ส่วนด้านนอกจะเป็นสวนกับจุดชมวิว ให้ออกไปเดินเล่นพักผ่อนหรือชมวิวสวยๆกันได้
ภาพจากโมเดลเราจะเห็นว่า Fitness และ Sky Lounge จะเป็นห้องกระจกแบบฝ้าเพดานสูงขนาดใหญ่ ให้เราสามารถขึ้นมาใช้งานและชมวิวในห้องแอร์สบายๆได้
แต่ถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ก็สามารถออกมาเดินเล่นที่สวนด้านนอกได้ แถมยังมีจุดชมวิวตรงปลายอาคารอีกด้วย
ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง Fitness จะตกแต่งแบบเรียบๆ และสามารถออกกำลังกายไปพร้อมกับชมวิวรอบๆไปด้วยได้
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Sky Lounge จะมีชุดโซฟาให้ขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อน และชมวิวมุมสูงไกลๆได้อีกด้วย รวมถึงเราอาจใช้เป็นจุดนั่งคอยคนที่กำลังออกกำลังกายอยู่ห้องข้างๆ หรือจะมานั่งทำงานอ่านหนังสือก็เหมาะนะครับ
แถมอีกนิดสำหรับโมเดลนี้จะมีอาคารของ “ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น” โครงการรุ่นพี่อยู่เยื้องๆกันด้วย ซึ่งจะเห็นว่าเค้ามีการออกแบบให้อาคารทั้ง 2 ไม่บังวิวกันเอง และสามารถมองออกไปชมวิวเปิดโล่งไกลๆได้อีกด้วยครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
ชั้นที่ 1
- Lobby (หรือ Co-Living Zone)
- Mailbox
- EV Charger
- Garden
ชั้นที่ 5
- Swimming Pool ขนาด 6 x 19 m. แบ่งเป็นสระเด็ก 4 x 3 m.
- Jacuzzi
- Garden
ชั้นที่ 19
- Garden และจุดชมวิว
ชั้นที่ 26
- Sky Lounge
- Fitness
- Garden และจุดชมวิว
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 179 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถ 198 คัน หรือคิดเป็น 37% แบบรวมจอดซ้อนคัน
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card Access
แบบห้อง
Highlights :
- เน้นห้อง Studio และ 1 Bedroom เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน
- ห้อง 1 Bedroom กั้นห้องนอนด้วยผนังทึบ มีความเป็นส่วนตัวสูง และได้ครัวปิด
- ห้อง Studio มีพื้นที่กว้างขวางและโปร่งโล่ง พร้อมมุมอเนกประสงค์ริมหน้าต่างให้ใช้งาน
- ขายแบบ Fully Fitted เหมาะกับคนที่ชอบแต่งห้องและออกแบบพื้นที่ใช้สอยด้วยตัวเอง ซึ่งห้องแต่ละแบบก็มีพื้นที่ยืดหยุ่น ให้ปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามต้องการ
แบบห้องของโครงการนี้จะมีอยู่ 3 Type โดยจะเน้นเป็นห้องไซส์เล็กอย่าง Studio และ 1 Bedroom ขายแบบ Fully Fitted คือจะได้เฉพาะชุดครัวและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ดังนั้นเราจึงต้องเผื่อเงินสำหรับซื้อของตกแต่งห้องเพิ่มเติมด้วยนะครับ ประกอบด้วย
- Studio ขนาด 23.5 – 24 ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 28 – 28.5 ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 34 – 35 ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 28 – 28.5 ตร.ม.
เป็นแบบห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ และยังเป็นห้องที่มีการแบ่งฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนมาก จุดเด่นคือ “ความเป็นส่วนตัว” เพราะกั้นห้องนอนด้วยผนังทึบ แต่ถ้าแขกจะขอเข้าห้องน้ำก็จำเป็นจะต้องเดินผ่านห้องนอนก่อน เลยอาจทำให้เสียความเป็นส่วนตัวในบางครั้ง แลกกับความสะดวกในการใช้งานของเจ้าของห้อง ที่สามารถลุกเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน หรืออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ง่ายมากๆ
จุดที่ผมชอบอีกอย่างคือ ขนาดพื้นที่ใช้สอยของ Living Area ที่กว้างมากๆ จนมีพื้นที่เหลือบริเวณหน้าต่างให้จัดเป็นมุมโต๊ะทำงานอเนกประสงค์ได้ด้วย จึงเหมาะกับยุคสมัยที่ต้อง WFH แบบนี้สุดๆ รวมถึงยังเป็นห้องที่ได้ครัวปิดด้านหน้า ให้สามารถทำอาหารจริงจังได้ระดับหนึ่งอีกด้วย ภาพรวมเป็นห้องที่เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน ชื่นชอบความเป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัว รวมถึงอาจชอบทำอาหารทานเองด้วยก็ได้ครับ
นอกจากนี้บริเวณประตูหน้าห้องเค้าก็จะติดตั้ง Digital Door Lock ของ Hafele มาให้แบบนี้เป็นมาตรฐานทุกยูนิตด้วยครับ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย และสามารถใช้งานได้สะดวก ไม่ต้องใช้กุญแจไขให้ยุ่งยากนั่นเอง
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับฟังก์ชันครัวเป็นอันดับแรก ซึ่งจะยังคงได้แสงสว่างที่ส่องมาจากหน้าต่างด้านใน ทำให้บริเวณนี้สว่างอยู่ตลอดเวลาครับ
โดยความสูงฝ้าเพดานจะอยู่ที่ 2.6 m. และพื้นก็จะเป็น SPC ที่มีความทนทานต่อความชื้น และรอยขีดข่วนได้ดีกว่าพื้นไม้ลามิเนต ทำให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น
ขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวที่จะ Built-in มาให้แบบนี้ ยกเว้นที่ดูดควันจะเป็นของตกแต่งนะครับ แต่ถ้าใครที่ชอบทำอาหารก็อาจต้องติดตั้งเพิ่มเอง แนะนำให้ใช้เป็นเตาไฟฟ้า Induction ก็จะสามารถถอดเก็บและช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดีทีเดียว
สำหรับช่องเก็บของก็มีพอประมาณ และด้วยความสูงฝ้า 2.6 m. จึงทำให้มีพื้นที่บนหลังตู้เหลือพอให้เก็บของเพิ่มเติมได้ด้วย แต่สาวๆที่ตัวเล็กๆหน่อยก็จะต้องใช้งานอย่างระมัดระวังนิดนึงนะ โดยเฉพาะเตาไมโครเวฟที่อยู่สูงสักหน่อย
รวมถึงต้องคอยเช็ดเคาน์เตอร์ครัวให้แห้งอยู่เสมอด้วย เพราะ Top เคาน์เตอร์เมลามีนจะไม่ค่อยถูกกับน้ำสักเท่าไหร่ครับ ซึ่งค่อนข้างจะบวมหรือพุได้ง่ายนั่นเอง
พื้นที่ครัวที่กว้าง 2.7 x 1.5 m. ทำให้เราสามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานได้ 2 ฝั่ง โดยตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ ซึ่งทางโครงการได้ตกแต่งเป็นตู้เก็บของและชั้นวางรองเท้ามาให้ดูเป็นไอเดีย รวมถึงยังใช้เป็นพื้นที่วางตู้เย็นได้อีกด้วย
แต่ที่ผมชอบก็คือ บนฝ้าเพดานจะมีพัดลมดูดอากาศติดตั้งเอาไว้ด้วย ทำให้ช่วยระบายอากาศหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์บริเวณหน้าห้องนี้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ตรงกลางห้องจะมีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน กรอบเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ พร้อมกระจกเขียวตัดแสงทั้งห้อง ซึ่งจะทำหน้าที่คอยกันกลิ่น/ควัน จากการประกอบอาหารภายในครัวได้ รวมถึงยังอาจช่วยกันเสียงรบกวนจากคนที่เดินผ่านไป-มา หน้าห้องได้อีกชั้นหนึ่งด้วยครับ
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area ซึ่งจะอยู่ติดกับช่องแสงภายนอก ทำให้มีความสว่างและโปร่งโล่ง แต่ยังคงได้ความเป็นสัดส่วนจากการกั้นห้องด้วยผนังทึบแยกจากห้องนอน โดยที่เค้าจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ทั้ง 2 ส่วนเท่าๆกันครับ
เริ่มกันที่โซฟานั่งเล่นจะมีระยะดูทีวีกว้าง 2 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 30 – 40 นิ้วได้ครับ โดยผนังฝั่งด้านทีวีเราอาจทำชั้นวางของหรือ Built ตู้แบบเต็มผนัง เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของให้มากขึ้นก็ได้
ช่องหน้าต่างมีขนาดใหญ่มากครับ จึงได้แสงสว่างและความโปร่งดีทีเดียว โดยพื้นที่บริเวณริมหน้าต่างก็ยังมีเหลือเฟือ ให้เราสามารถทำเป็นมุมโต๊ะอเนกประสงค์แบบห้องตัวอย่างได้ ซึ่งจะใช้เป็นโต๊ะทำงานก็ดีหรือโต๊ะทานข้าวก็ได้
แต่ถ้าใครที่ให้ความสำคัญกับการนั่งเล่นบนโซฟามากกว่า ก็อาจเปลี่ยนมาใช้โซฟาขนาดใหญ่ และเลื่อนมาติดกับหน้าต่างเลยก็ได้ครับ ซึ่งจะทำให้สามารถนั่งดูทีวีไปและชมวิวไปด้วยได้ ส่วนบริเวณกลางห้องก็จะมีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะทานข้าวเล็กๆเพิ่มได้นั่นเอง
ต่อมาเราจะไปดูห้องนอนที่อยู่อีกด้านของห้องกันบ้างครับ ซึ่งการกั้นด้วยผนังทึบแบบนี้ก็จะทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว
ภายในห้องนอนมีขนาด 3.2 x 2.6 m. กว้างพอที่จะสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้สบายๆ แถมยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้เดินผ่านไป-มาได้อีกด้วย อย่างเวลานอนด้วยกัน 2 คน ก็จะได้ขึ้น-ลงเตียงคนละฝั่งได้สะดวกนั่นเอง
ปลายเตียงเป็นผนังทึบที่สามารถติดทีวีแขวนผนังเพิ่มได้ จะทำให้เราสามารถนอนดูทีวีบนเตียงได้แบบชิลๆ และไม่ต้องมีปัญหาแย่งกันดูกับแฟนอีกต้องไป แบ่งกันดูคนละเครื่องคนละห้องไปเลยสิครับ
ติดกันจะเป็นระเบียงห้องที่ทำหน้าที่เป็นช่องแสงขนาดใหญ่ ภายนอกมีขนาด 2.55 x 0.6 m. สามารถออกไปยืนสูดอากาศได้นะครับ
อีกทั้งด้วยความสูงฝ้าเพดาน 2.6 m. จึงทำให้สามารถแขวน Condensing Unit ไว้ด้านบนเหนือประตูบานเลื่อนได้พอดี เวลามองจากในห้องก็จะดูเรียบร้อย แบบไม่มีอะไรมาบังสายตาเลยครับ
อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นห้องน้ำในตัว ซึ่งเราก็สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าเพื่อทำเป็นมุมแต่งตัวได้แบบนี้ครับ
ภายในห้องน้ำเราจะได้สุขภัณฑ์ต่างๆจาก American Standard เหมือนในห้องตัวอย่างเลย โดยเฉพาะกระจกเงาบานใหญ่ที่จะมีการติดตั้งไฟด้านล่างมาให้ด้วย
ซึ่งช่วยทำให้ห้องดูกว้างและสว่างมากขึ้นเยอะเลย ส่วนพื้นที่ใช้สอยก็จะกว้าง 1.4 x 1.35 m. สามารถใช้งานได้สะดวกครับ
สุดท้ายคือ Shower Box ซึ่งจะมีการกั้นผนังกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้แบบนี้เลยครับ ทำให้ช่วยกันน้ำกระเด็นออกมาเปียกด้านนอกได้เป็นอย่างดี
พื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1 x 0.9 m. ใช้งานสะดวก และนอกจากเราจะได้ Hand Shower แบบปกติแล้ว เรายังได้ Rain Shower เหมือนในห้องตัวอย่างให้ใช้งานอีกด้วยนะ ส่วนด้านบนก็จะมีไฟ 2 ดวง และพัดลมดูดอากาศเป็นมาตรฐานครับ
ข้อสังเกตอีกนิดสำหรับพื้นห้องน้ำทั้ง 2 โซน จะมีระดับราบเรียบเท่ากัน และถูกกั้นด้วยขอบประตูเล็กๆเท่านั้น ดังนั้นจึงควรหมั่นทำความสะอาดท่อระบายน้ำไม่ให้อุดตันครับ เพราะถ้ามีน้ำขังเจิ่งนองเมื่อไหร่ ก็อาจไหลมาทางฝั่งโซนแห้งด้านนอกได้ง่ายนั่นเอง
- Studio ขนาด 23.5 – 24 ตร.ม.
เป็นแบบห้องไซส์เล็กสุดของโครงการที่มีเพียงชั้นละ 3 ยูนิตเท่านั้น และสิ่งที่ดีงามของห้องนี้ก็คือ “ตำแหน่ง” ที่อยู่ในจุดที่ได้วิวสระว่ายน้ำสวยๆนั่นเองครับ และในแง่ของฟังก์ชันก็จะเน้นการออกแบบเป็น Open Plan เชื่อมต่อกันทั้งหมด ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่และกว้างขวาง สามารถใช้งานจุดต่างๆร่วมกันได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด และได้ฟังก์ชันครัวเปิดที่อาจไม่ค่อยเหมาะกับทำครัวจริงจังสักเท่าไหร่ แต่ก็มีระยะให้กั้นเป็นครัวปิดได้ถ้าต้องการ
ซึ่งจุดที่ผมชอบก็คือ พื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่างขนาดใหญ่ ที่เราสามารถใช้งานเป็นมุมนั่งเล่น/นั่งทำงานได้ดี แถมยังมองวิวภายนอกแบบเพลินๆได้ด้วย ภาพรวมเป็นห้องที่เหมาะกับการอยู่ 1 – 2 คน ชอบความกว้างขวางโปร่งโล่ง ไม่เน้นรับแขกและทำอาหาร จะปล่อยเช่าก็ดีหรืออยู่เองก็ได้ครับ
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับครัวและโถงทางเดิน ซึ่งจะมองเชื่อมไปจนถึงเตียงนอนและหน้าต่างด้านในได้ ข้อดีคือจะมีความโปร่งโล่ง และได้แสงสว่างจากภายนอกมาถึงตรงนี้ได้ แต่ก็แลกมากับความเป็นส่วนตัวที่ลดลงไปบ้างนะครับ
อย่างที่บอกว่าเราจะได้เป็นครัวเปิด แต่ถ้าใครที่ชอบทำอาหารก็อาจกั้นผนังกระจก เพื่อทำเป็นครัวปิดเพิ่มเติมเองได้ครับ ซึ่งเค้าก็จะมีระยะให้ทำได้สะดวกอยู่นะ
ในส่วนของครัวจะมีพื้นที่ใช้งานกว้าง 2.3 m. ซึ่งเราจะได้ชุดเคาน์เตอร์ครัว Built-in มาเหมือนห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้เลยครับ
อีกทั้งยังมีความกว้างมากพอที่จะทำตู้เก็บของ/ชั้นวางรองเท้าอีกฝั่งหนึ่งเพิ่มได้ด้วย โดยเราสามารถเลือกหามาใช้และออกแบบพื้นที่เองได้ตามต้องการเลย
ติดกันจะเป็นห้องน้ำที่แบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์จาก American Standard ครบเหมือนเดิมทุกอย่างเลย
ถัดเข้ามาภายในจะเป็นพื้นที่ใช้งานหลักของห้อง ซึ่งจะรวมทุกฟังก์ชันเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ จะได้รู้สึกกว้างขวางและโปร่งโล่ง แถมเรายังได้ช่องแสงขนาดใหญ่ 2 จุด ทั้งจากระเบียงและหน้าต่างอีกด้วยครับ
โดยตรงกลางก็จะเป็นที่วางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต พร้อมกับมีพื้นที่ด้านข้างเหลือให้วางโต๊ะข้างเตียงได้ 2 ฝั่ง ปลายเตียงก็จะเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและติดทีวีได้ครับ ซึ่งเราก็สามารถนอนดูทีวีบนเตียงได้สบายๆเลย
ด้านขวาของเตียงจะเป็นระเบียงที่สามารถเปิดออกไปใช้งาน หรือยืนสูดอากาศได้ปกติ โดยด้านบนก็สามารถแขวน Condensing Unit ซ่อนเอาไว้ได้เหมือนเดิมครับ
Highlight ของห้องนี้ก็คือ พื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่าง ซึ่งมีขนาดกว้าง 2 x 0.7 m. สามารถจัดเป็นมุมโซฟานั่งเล่นพักผ่อน หรือจะทำเป็นมุมโต๊ะทำงานจริงจังเลยก็ได้ โดยเราสามารถนั่งทำงานไปและชมวิวภายนอกไปด้วยได้แบบชิลๆ
ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ มุมโซฟาตรงนี้จะไม่ได้อยู่ตรง Center กับทีวีนะครับ ดังนั้นหากเราต้องการจะนั่งเล่นและดูทีวีไปด้วยแบบสบายๆ แนะนำให้ติดทีวีแบบหมุนได้ เวลาใช้งานจะได้ปรับเอียงหน้าจอมาดูตรงๆไม่ต้องปวดตา
รวมถึงแนะนำให้ใช้เป็นโต๊ะทรงสูงสักนิดนึง เพื่อที่จะได้ใช้นั่งพิมพ์งาน หรือใช้เป็นโต๊ะทานข้าวไปในตัวได้ด้วย เพราะห้องนี้จะไม่มีมุมโต๊ะทานอาหารแบบจริงจัง เราจึงต้องประยุคการใช้งานจุดอื่นๆเอา เพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่ใช้สอยครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
แบบแปลน
สำหรับแบบห้องอื่นๆจะมีดังนี้ครับ
- 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม.
เป็นห้องหน้ากว้างที่จะอยู่บริเวณมุมอาคาร จึงทำให้มีช่องเปิด 2 ด้าน และสามารถระบายอากาศได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยฟังก์ชันภายในก็จะมีความเป็นสัดส่วนครับ เริ่มที่ห้องครัวจะอยู่ด้านหน้าสุด ซึ่งลักษณะการเปิดประตูเราจะมองไม่เห็นส่วนอื่นของห้องเลย จึงเป็นห้องที่เป็นส่วนตัวมากๆ และด้านในก็จะเป็น Living Area ที่มีระเบียงให้ใช้งาน ส่วนห้องนอนจะกั้นด้วยผนังทึบเพื่อความเป็นส่วนตัว มีพื้นที่ขนาดใหญ่ และเพิ่ม Walk-in Closet เข้ามาให้ใช้งานเป็นสัดส่วนด้วยครับ อีกทั้งห้องน้ำก็จะอยู่ภายในห้องนอน ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากๆเลย
- 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม.
ลักษณะของห้องนี้จะเหมือนกับห้อง 34 ตร.ม. ก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่จะมีพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะตรงส่วนของห้องครัวหน้าห้อง และห้องน้ำก็จะไม่ได้ยื่นออกไปด้านนอกแล้วนั่นเอง
- 1 Bedroom ขนาด 35.5 ตร.ม.
เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ ลักษณะเป็นห้องหน้ากว้างที่แบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนดี และถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นห้องมุมอาคารก็จริง แต่ก็มีช่องแสงที่เยอะกว่าห้องปกติ บรรยากาศจึงน่าจะสว่างและโปร่งโล่งดีทีเดียวครับ
ราคา
ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น ราคา ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566
- Studio ขนาด 23.5 – 24 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.02 ล้านบาท
- 1 Bedroom ขนาด 28 – 28.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.4 ล้านบาท
- 1 Bedroom ขนาด 34 – 35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.92 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปเมลามีน
- จอง 12,000 บาท
- ทำสัญญา 6,000 บาท
- ค่ากองทุน 225 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน
- ผ่อนดาวน์ เริ่มต้นที่ 4,000 บาท/เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเล : ตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะฝั่งขาเข้า หรือเป็นฝั่งตรงข้ามกับเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ค่อนข้างคึกคักและอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้ครับ อีกทั้งยังมีแหล่งงานที่สำคัญใกล้ๆอย่าง Jusmine Tower / Software Park และ รพ.เวิลด์เมดิคอล อยู่ใกล้กับโครงการในระยะ 500 m. อีกด้วย ซึ่งก็น่าจะเป็นโครงการที่เหมาะกับพนักงานออฟฟิศ หรือคุณหมอพยาบาลที่ทำงานอยู่แถวนี้ โดยที่มีตลาดและห้างสรรพสินค้ารองรับครบครัน
ซึ่งหากเทียบกับเพื่อนบ้านย่านเดียวกัน นี่ก็ถือเป็นคอนโดใหม่ที่ใกล้เซ็นทรัลมากที่สุดในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ใกล้ขนาดที่ว่าถ้าขยันเดินหน่อยสัก 500 m. ก็มาช้อปปิ้งหรือมาทำงานที่ออฟฟิศได้โดยไม่ต้องเสียเวลาขับรถ และอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าจะเหมาะก็คือ คนที่คาดหวังจะใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพูในการเดินทางนั่นเอง รวมถึงตอนเย็นๆก็สามารถแวะซื้อของกินของใช้ที่ห้าง/ตลาดก่อนกลับบ้านได้อีกด้วยนะ
การเดินทางโดยใช้รถ : เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่ฝั่งขาเข้าเมือง ก็เลยทำให้เข้าเมืองได้ง่าย มีทางด่วนศรีรัชให้ใช้ในระยะ 2.5 km. และสามารถไปเชื่อมต่อกับทางด่วนอุดรรัถยาได้อีกด้วย รวมถึงหากใครที่ทำงานอยู่แถวๆเมืองทองธานีบอกเลยว่าสะดวกมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงหรือเผื่อเวลาให้ดีๆหน่อยก็คือ จุดกลับรถของย่านนี้ค่อนข้างไกลนิดนึง ประมาณ 1 – 3 km. และตัวโครงการก็มีที่จอดรถ 37% แบบรวมจอดซ้อนคัน ถือว่าไม่มากไม่น้อยครับ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ตัวโครงการอยู่ใกล้ปากซอยแจ้งวัฒนะ 17 ซึ่งตรงถนนใหญ่จะสามารถเรียกแท็กซี่ได้ง่าย อีกทั้งยังมีป้ายรถเมล์อยู่ไม่ไกลอีกด้วยครับ แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือ อนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย – มีนบุรี) ให้ใช้งานด้วย ถือเป็นอีกตัวเลือกในการเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกทีเดียว
โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด 28 ที่อยู่ตรงด้านหน้าห้างเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะพอดี ห่างจากโครงการประมาณ 450 m. ซึ่งหากเป็นคนที่ขยันเดินหน่อยก็พอจะเดินถึงได้อยู่ครับ แต่ก็คงแอบเหงื่อซึมๆอยู่เหมือนกันนะ
การออกแบบโครงการ : มีการออกแบบผังอาคารเป็นรูปตัว L จึงไม่บังวิวกันเอง แถมยังคำนึงถึงคอนโดสูงรุ่นพี่ที่อยู่เยื้องๆกันไว้แล้วด้วย ทำให้ปัจจุบันทุกๆห้องสามารถมองเห็นวิวที่เปิดโล่งได้หมดเลย และสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ตำแหน่งของห้อง Studio ที่ได้วิวสระว่ายน้ำสวยๆ ต่างจากโครงการอื่นๆที่มักจะเอาห้อง Type นี้ไปอยู่ในตำแหน่งที่อาจไม่ค่อยดีนัก แต่ก็แลกมากับ “ราคา” ที่มีการอัพเพิ่มขึ้นมาสมน้ำสมเนื้ออยู่เหมือนกัน
ส่วนเรื่องการแบ่งโซนใช้งาน Facilities กับโซนพักอาศัย เค้าอาจไม่ได้มีประตูกั้นแยกมาให้ชัดเจนนะครับ ดังนั้นคนที่พักในชั้นที่มีส่วนกลางก็อาจต้องทำใจในเรื่องนี้ไว้สักหน่อย ว่าอาจรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวที่ลดลงไปบ้าง แต่ที่ผมชอบเป็นพิเศษก็คือ การที่เค้าจัดสวนชั้น 1 ไว้ด้านหน้าสุด ซึ่งทำหน้าที่เป็น Buffer คอยกันเสียง/ฝุ่น และช่วยพรางสายตาจากถนนใหญ่ด้านหน้าได้ดีด้วยนั่นเองครับ
การออกแบบห้องพักอาศัย : โครงการนี้จะเน้นเป็นห้อง Studio และ 1 Bedroom โดยห้อง 1 Bedroom 28 ตร.ม. จะเป็นแบบห้องที่มีเยอะสุดในโครงการ จุดเด่นคือ การกั้นห้องนอนด้วยผนังทึบ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูงมากๆ รวมถึงยังได้ครัวปิดและช่องแสงขนาดใหญ่อีกด้วย
ส่วนห้อง Studio จะเน้นพื้นที่เชื่อมต่อกันแบบ Open Plan ทำให้ภายในกว้างขวางและโปร่งโล่ง โดยแลกกับเราจะได้เป็นครัวเปิด แต่ก็มีมุมอเนกประสงค์ริมหน้าต่างน่าใช้งานดีครับ ภาพรวมของทั้งโครงการจะเป็นห้องที่เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คนเป็นหลัก อาจเป็นคนที่มาใช้ชีวิตทำงานแถวนี้ เป็นคนโสด หรือเป็นคู่แฟนกันที่ยังไม่มีลูกก็ได้ครับ
วัสดุ : ขายแบบ Fully Fitted ให้มาเฉพาะชุดครัวและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ดังนั้นเราเลยต้องเผื่อเงินอีกส่วนหนึ่งไว้ซื้อเฟอร์นิเจอร์อื่นๆไว้ด้วย (จากขนาดห้องผมคิดว่าราวๆ 1 แสนบาทก็น่าจะเอาอยู่) จึงเหมาะกับคนชอบตกแต่งห้องเอง ซึ่งเราสามารถออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ โดยในด้านของคุณภาพวัสดุที่เค้าจัดมาให้ ก็จะมีทั้งดีและเป็นมาตรฐานปกติปนๆกันไปครับ
เช่น พื้นห้องเป็น SPC อันนี้ผมว่าดี เพราะทนน้ำหรือรอยขีดข่วนได้ดีกว่าลามิเนต รวมถึงยังได้ช่องแสงขนาดใหญ่มาก พร้อมกระจกเขียวตัดแสง ได้เป็นกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ และได้ Top เคาน์เตอร์ครัวเมลามีน ที่จะไม่ค่อยถูกกับน้ำสักเท่าไหร่ ตอนใช้งานจึงต้องเช็ดทำความสะอาดดีๆหน่อย โดยภาพรวมผมมองว่าราคา 86,000 บาท/ตร.ม. จริงๆแล้วสามารถให้ของดีหรือเยอะขึ้นกว่านี้ได้อีกสักหน่อยนะ
สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ และกระจายอยู่ตามชั้นต่างๆเพื่อลดความหนาแน่นของการใช้งาน รวมถึงยังมีชั้น Sky Facilities ให้ขึ้นไปชมวิวมุมสูงโดยรอบได้ 360 องศา โดยเฉพาะ Sky Lounge และ Fitness แต่ถ้าเป็นสระว่ายน้ำก็จะอยู่บนชั้น 5 รวมถึงยังมีการกระจายพื้นที่สีเขียวไว้ 3 จุดหลักๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นชั้น 1 / 5 / 19 และ 26 ครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 86,000 บาท/ตร.ม., 15 กุมภาพันธ์ 2566
- ทำเล 7.5/10 – อยู่ฝั่งตรงข้ามเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ใกล้ความอุดมสมบูรณ์และแหล่งงาน
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – เป็นฝั่งขาเข้าเมือง ใกล้ทางด่วนศรีรัช 2.5 km. มีที่จอดรถ 37%
- ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้ถนนใหญ่เรียกรถสาธารณะง่าย ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีชมพู 450 m.
- วัสดุ 7/10 – Fully Fitted ต้องเผื่อเงินแต่งห้องเพิ่ม ส่วนตัวคิดว่าราคานี้ยังให้ของได้มากกว่านี้อีกหน่อย
- แบบ 7.5/10 – อาคารไม่บังวิวกันเอง เน้นห้อง 1 Bedroom 28 ตร.ม. กั้นผนังทึบเป็นส่วนตัว และได้ครัวปิด
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีฟังก์ชันหลักๆครบ พร้อม Sky Facilities ชมวิวได้ 360 องศา
- MAIN CLASS
- 7.58 / 10.00
ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น เหมาะกับใคร
โครงการ ลุมพินี เพลส แจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด สเตชั่น เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ อาจเป็นคนที่ทำงานในออฟฟิศ/โรงพยาบาล/ห้างต่างๆในพื้นที่ หรือเป็นคนที่ทำงานแถวเมืองทองธานีก็สะดวก และอนาคตมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูให้ใช้ในระยะ 450 m. เป็นคอนโดที่มี Sky Facilities ให้ใช้งานครบ และเน้นเป็นห้อง Studio กับ 1 Bedroom อยู่อาศัย 1 – 2 คนเป็นหลัก ขายแบบ Fully Fitted เหมาะกับคนที่ชอบแต่งห้องเพิ่มเอง มีงบประมาณระดับ 2.02 – 2.92 ล้านขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 – 20,000 บาท/เดือนขึ้นไป
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc