รีวิวฉบับที่ 603 … สวัสดีครับวันนี้พาไปรีวิวคอนโดของลมพินีอีกสักโครงการกับ ลุมพินี พาร์ค นวมินทร์ – ศรีบูรพา เป็นคอนโด High Rise ที่สูงแค่ 15 ชั้น 7 อาคารและใช้แนวคิด LPN Green เน้นการลดใช้พลังงานและสิ่งแวดล้อม ตัวโครงการอยู่ติดถนนนวมินทร์ระหว่างซอย นวมินทร์ 36 กับ 38 เยื้องๆกับตลาดอินทรารักษ์ อยู่ห่างจากแยก นวมินทร์ – นวลจันทร์ 1.9 กม. และห่างจากแยกบางกะปิ 3.4 กม. เราไปดูกันดีกว่าครับว่าโครงการจะเป็นอย่างไร ヾ(^-^)ノ~♪
Fact @ 13 June 2014
- Lumpini Park Nawamin – Si Burapha (ลุมพินี พาร์ค นวมินทร์ – ศรีบูรพา)
- บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บึงกุ่ม
- คอนโด High Rise 15 ชั้น 7 อาคาร 1,831 ยูนิต และร้านค้า 5 ยูนิต
- อาคารจอดรถ 5 ชั้น 1 อาคาร
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 19 ยูนิตทุกอาคาร (ยกเว้นอาคาร D 15 ยูนิต/ชั้น)
- ที่จอดรถประมาณ 557 คัน รวมจอดซ้อนคันแบบ LPN คิดเป็น 30.42%
- ที่ดินประมาณ 15-0-0 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปลายที 2558
- 1 Bedroom 22.5 – 27 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 45 – 52 ตารางเมตร
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านบาทหรือประมาณ 44,444 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 52,900 บาท
- http://www.lpn.co.th/condominium/index.php/lumpini/home/LPark-NS
- โทร 02-689-6888
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.794058,100.652282
ตัวโครงการจะอยู่บนถนนนวมินทร์ ช่วงที่อยู่ระหว่างถนนประเสริฐมนูกิจ(เกษตร-นวมินทร์)และถนนเสรีไทย ตัวโครงการจะอยู่ติดถนนนวมินทร์เลยและอยู่ระหว่างซอย นวมินทร์ 36 กับ นวมินทร์ 38
ตัวโครงการอยู่ห่างจากแยกที่ตัดกับถนนประเสริฐมนูกิจประมาณ 1.9 กม. และจากโครงการไปถึงถนนเสรีไทยประมาณ 3.4 กม. ตัวถนนนวมินทรเป็นถนนขนาด 6 เลนมีเกาะกลางถนน และค่อนข้างคึกคักตลอดช่วงกลางวัน เพราะถนนเส้นนี้ต้องรองรับรถจากเส้น รามอินทรา-ประเสริฐมนูกิจ ที่ต้องการจะมาโซน บางกะปิ-รามคำแหง สภาพแวดล้อมบนถนนเส้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแนวราบซะเป็นส่วนมาก และมีทั้งการเคหะ, แฟลตคลองจั่น, หมุ่บ้านต่างๆในย่านแฮปปี้แลนด์ การเดินทางเข้าเมืองใช้เส้นรามคำแหงไปพระราม 9 หรือเพชรบุรี จะเป็นทางที่สั้นที่สุด แต่รถก็ติดสุดๆเช่น ทีนี้ถ้าจะขึ้นทางด่วนจะลำบากหน่อยเพราะทำเลนี้ไม่ได้อยู่ใกล้ทางด่วนเท่าไหร่ ถ้าไม่ไปขึ้นตรงด่านพระราม 9 ก็ไปขึ้นทางด่านรามอินทรา-อาจณรงค์ แต่จะอ้อมนิดๆ หรือถ้าจะไปโซนบางนาก็ใช้ วงแหวนกาญจนาภิเษกได้ครับ
ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการถือว่าดีมากเพราะมีทั้งตลาดสดอินทรารักษ์, 7Eleven, Tesco Lotus Express อยู่ฝั่งตรงข้าม และมีร้านอาหารต่างๆตามตึกแถวรอบๆตลาดทั้ง 2 ฝั่งให้เลือกอีกเยอะ เนื่องจากบริเวณนี้มีหมู่บ้านมาตั้งอยู่เยอะ ทำให้มีสวนสาธารณะอยู่หลายแห่งรอบ เช่น สวนนวมินทร์ภิรมย์, สวนพฤกษชาติ และ สวนเสรีไทย ส่วนพวกห้างสรรพสินค้าและ Hyper Market ต่างๆ จะอยู่บนเส้นลาดพร้าวและประเสริฐมนูกิจ บริเวณ 3 แยกบางกะปิจะมีทั้ง Tesco Lotus, Makro, ตะวันนา(แหล่งซื้อเสื้อผ้า) และ The Mall บางกะปิ ซึ่งถ้าจะซื้อของใช้ทั่วๆไปไม่ได้กะจะไปเดินเล่นก็ไป Big C บนเส้นประเสริฐมนูกิจดีกว่าเพราะแถวแยกบางกะปิ รถติดสุดๆเลยครับ
แผนที่ๆเห็นอยู่นี้ผมถ่ายมาจากสำนักงานขาย ซึ่งเป็นแผนที่บอกสถานที่ใกล้เคึยงไว้เยอะพอสมควรมีทั้งหมด 24 แห่ง แบ่งเป็น 5 โซน
โซนแรกเป็นโซนสีเขียว ลาดพร้าว – บางกะปิ ทำเลส่วนใหญ่จะอยู่บนเส้นลาดพร้าว โซนที่ 2 เป็นโซนที่อยู่บนเส้นนวมินทร์ตอนปลาย(ขึ้นไปทางรามอินทรา)
โซนที่ 3 จะอยู่บนนถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา โซนที่ 4 จะอยู่บนเส้นเสรีไทยและรามคำแหงช่วงซอย 120 กว่าขึ้นไป และโซนสุดท้ายโซนที่ 5 จะไปบนเส้นรามอินทรานู้นนน ซึ่งบริเวณนี้ค่อนข้างไกลแล้วครับ
ข้อดีของโครงการนี้อีกข้อนึงก็คือแนวคิด LPN Green ที่เน้นการประหยัดพลังานและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยไฟส่องสว่างภายในอาคารที่เป็นส่วนกลางทั้งหมดจะใช้หลอด LED ซึ่งช่วยให้ลูกบ้านประหยัดค่าไฟส่วนกลางในระยะยาวได้ดีครับ ส่วนน้ำก็จะใช้เป็นระบบ Reuse (การนำกลับมาใช้ใหม่) มีที่จอดรถเฉพาะของ Eco Car ตามจุดต่างๆรอบโครงการ แต่อย่าเข้าผิดคิดว่าเป็น Eco Car รถราคาประหยัดนะครับ เพราะ Eco ที่เค้าหมายถึงคือ Ecology พวกรถ Hybrid ทั้งหลายแหล่ มีที่จอดเฉพาะสำหรับจักรยาน การปลูกต้นไม้จะใช้พันธ์ที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศบ้านเราคือทนความร้อนและชื้นได้ดี
การเดินทางจะเริ่มจากแยก ประเสริฐมนูกิจ กับ เลียบทางด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์
จากแยกนี้ถ้าเราเลี้ยวซ้ายจะไปรามอินทราที่มีตลาดนัดเลียบทางด่วนรามอินทรา ที่ร้านค้าน้อยใหญ่มาเปิดขายของกินของใช้กันอื้อเลยครับ ว่างๆก็ไปเดินดูเสื้อผ้าได้นะ ส่วนใครจะไปลาดพร้าวให้เลี้ยวขวา แต่ไม่ได้เลี้ยวตรงนี้นะครับต้องตรงไปอีกนิด
ทางเลี้ยวขวาไปแยกลาดพร้าวจะอยู่ใต้สะพานข้ามแยก
ตรงมาเรื่อยๆจนเจอ 3 แยกไป นวลจันทร์ และมีนบุรี ถ้าใครจะไป Fashion Island ก็เลี้ยวไปเลยครับ
พอถึงแยกที่ตัดกับถนน นวมินทร์ ให้เลี้ยวขวาเลยครับ
พอเลี้ยวมาแล้วให้ขับตรงมาเรื่อยๆ จะเจอ 3 แยกที่เป็นทางลัดไปซ.ลาดพร้าว 101 ได้
ก่อนถึงโครงการจะมีจุดสังเกตคือซอย นวมินทร์ 42 ที่เป็นทางลัดไปถนนรามอินทรา (ซ.สำนักสงฆ์)
เลยซอย นวมินทร์ 38 มาอีกนิดเดียวก็จะเจอสำนักงานขายตั้งอยู่ริมถนนเลย ก่อนจะเข้าไปดูตัวโครงการเดี๋ยวผมจะพาเดินดูความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการก่อนนะครับ
ในวันที่ไปเก็บข้อมูลนั้นเจ้าหน้าที่กำลังเตรียมพื้นที่สำหรับเปิดขายในวันที่ 14 มิ.ย. เป็นวันแรก
ด้านข้างโครงการฝั่งซอย นวมินทร์ 36 จะมีธนาคาร กสิกรไทย ตั้งอยู่ ซึ่งรอบๆนี้จะมีธนาคารตั้งหมด 3 แห่ง อีก 2 แห่งคือ ธนาคารธนชาต และ ธนาคารทหารไทยตรงตลาด อินทรารักษ์
ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น และหมู่บ้านปริญลักษณ์ อินทรารักษ์
เดินต่อมาเรื่อยๆประมาณ 35 เมตรจะเห็นตลาดสดอินทรารักษ์ที่ฝั่งตรงข้ามแล้ว แต่เดินต่อไปอีกนิดถึงจะเจอสะพานลอยนะครับ
บริเวณสะพานลอยจะเป็นที่จอดจักรยาน และมีร้านอาหารต่างๆตั้งอยู่เยอะพอสมควร ใครจะซื้อของกินก็เดินมาไม่ไกลคัรบ
ขึ้นมาบนสะพานลอยแล้ว รูปนี้หันไปทางด้านถนนประเสริฐมนูกิจ มีธนาคาร ธนชาต อยู่ฝั่งเดียวกันกับโครงการ และฝั่งตรงข้ามมี Tesco Lotus Express และปั๊มน้ำมัน Esso
ฝั่งที่มุ่งหน้าไปแยกบางกะปิจะเห็นป้ายรถเมล์อยู่ฝั่งเดียวกับโครงการ และตรงข้ามเป็นตลาดสดอินทรารักษ์กับ 7Eleven
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- The Mall บางกะปิ 4 กม.
- ตะวันนา 4.3 กม.
- Makro 4.3 กม.
- Tesco Lotus บางกะปิ 3.7 กม.
- Big C Market 2 กม.
- ตลาดสดอินทรารักษ์ 1.7 กม. (ระยะเดิน 260 เมตร)
- สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 3.2 กม.
- โรงพยาบาล พญาไท นวมินทร์ 4 กม.
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการที่ติดกันจะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบซะเป็นส่วนใหญ่ประเภท บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮาส์ หรืออพาร์ทเม้นท์ที่สูงประมาณ 5 ชั้น ตรงข้ามโครงการจะเป็นตลาดสดอินทรารักษ์ ซึ่งจะเดินไปก็ไม่ไกลนะครับ มีสะพานลอยอยู่ใกล้ๆ ริมถนนนวมินทร์ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สำหรับค้าขายเกือบตลอดเส้นทาง ถ้าเป็นช่วงใกล้ๆโครงการจะเป็นร้านอาหารเป็นส่วนใหญ่ ช่วยให้ลูกบ้านหาของกินได้สะดวกขึ้น เหมาะสำหรับคนที่อยู่คอนโดแล้วไม่ต้องการทำอาหารเอง สามารถลงรถเมล์แล้วแวะซื้อก่อนกลับได้เลยสะดวกดี สำหรับคนที่ไม่ใช้รถถือว่ายังคงมีความสะดวกอยู่มากพอสมควรเพรามีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย (22, 36ก, 60, 71, 73ก, 95, 95ก, 96, 115ร, 156, 178, 501, และ 520) และมีรถ 2 แถววิ่งหลายวิน ป้ายรถเมล์ก็อยู่เยื้องๆหน้าโครงการทั้ง 2 ฝั่ง เดี๋ยวผมจะพาไปดูที่ดินก่อนนะครับ
เดินเข้ามาในเขตที่หันหน้าไปทางท้ายโครงการ (คลองบางเตย) ด้านซ้ายมือช่วงต้นๆจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4.5 ชั้น และช่วงๆกลางๆถึงท้ายๆจะเป็นบ้านพักอาศัยและที่ดินว่างเปล่าสลับกัน มีอพาร์ทเม้นท์ 4 ชั้นก่อนข้ามคลองอีกตึก
หันไปทางคลองบางเตย ด้านท้ายโครงการจะเห็นเป็นที่พักอาศัยแนวราบทั้งหมด
ด้านขวามือจะเป็นโฮมออฟฟิศสูง 4.5 ชั้น ที่กำลังสรัางใหม่อยู่ติดกันเลย
แต่ช่วงต้นๆจะมีส่วนนึงที่ ที่ดินยุบเข้ามาตรงนี้ไม่ได้ถูกสร้างเป็นอาคารพาณิชย์แต่เป็นที่พักอาศัยสูง 2ชั้นแทน
สภาพคลองที่อยู่ด้านท้ายโครงการจะเป็นแบบนี้ครับ คือไม่ได้มีขยะมากมายแต่น้ำไม่ค่อยสะอาดสีดำอย่างที่เห็นเลย รูปนี้ถ่ายจากซอยนวมินทร์ 40 เลยเห็นที่ดินของโครงการแค่นิดเดียวตรงพงหญ้าฝั่งขวามือ
กลับมาดูในสำนักงานขายกันต่อจะเห็นว่ามีลูกค้าให้ความสนใจไม่ขาดสายเลย
ภายในจะมีทั้งโมเดล, ผังโครงการ, ผังบริเวณ และรายละเอียดต่างๆ
สิ่งนึงที่ผมคิดว่า LPN ให้ความสำคัญคือ การให้ข้อมูลกับลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมาก อย่างแผนที่บริเวณที่เห็นนี้จะเป็นแผนที่ขนาดใหญ่ที่เหมือนกับใน Google Map บอกถึงสาพแวดล้อมแบบกว้างๆรอบโครงการ ชื่อถนนต่างๆและ ชื่อสถานที่สำคัญรอบๆ พอให้มาครบลูกค้าก็ดูเข้าใจง่ายไม่ต้องอธิบายให้วุ่นวาย
ที่ดินของโครงการจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ แต่มีมุม มีแง่ง ยื่นๆหดๆบ้างนิดหน่อย ด้านหน้าติดถนน นวมินทร์ ด้านหลังติดคลองบางเตย ตัวอาคารจะเรียงกันตามยาวไล่จาก A1-A2 ที่อยู่ด้านหน้าโครงการ อาคาร B1 และ B2 จะอยู่ตรงข้ามกับ C1 และ C2 และอาคาร D อยู่ท้ายสุด Facility ต่างๆจะกระจายตัวกันอยู่ตามใต้อาคาร แต่สระว่ายกบ Fitness จะอยู๋ที่อาคาร D ด้านในสุด สวนหย่อมที่ให้มาจะอยู่ระหว่างอาคาร ดังนั้นใครอยากได้วิวไหนก็เลือกเอานะครับ ส่วนติ่งที่ยื่นออกมาด้านบนตรงนั้นเอาไว้จอดรถอย่างเดียวเลยไม่ได้ใช้ทำอย่างอื่น และอาคารจอดรถสูง 5 ชั้น จะอยู่ถัดจากอาคาร D เข้าไปอีก ถ้าใครอยู่อาคารด้านๆหน้าๆอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่สำหรับการมาจอดรถที่ท้ายโครงการและเดินมาด้านหน้าอีกที สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวเลือกอาคารๆที่อยู่ด้านหน้าหน่อยจะดีกว่า(A1,A2,B1,C1) เพราะไม่ต้องเดินไกล แต่คนที่ใช้รถเลือกอาคารท้ายๆ(B2, C2, D)จะดีกว่าเพราะอยู่ใกล้อาคารจอดรถ
มาดูโมเดลกันดีกว่า ตัวโมเดลแสดงให้เห็นถึงความเป็นลุมพินีได้อย่างชัดเจน ตัวอาคารออกแบบมาเหมือนกับโครงการก่อนๆเลย
ดูจากมุมสูงจะเห็นว่ามีโมเดลอาคาร B2 และ C2 ที่ทำเป็นโปร่งใสแต่ของจริงไม่ใสนะ ;p
ทางเข้าโครงการจะมีระบบ CCTV และ Key Card ตามปรกติอยู่แล้วแต่สิ่งที่น่าสนใจคือด้านหน้าจะมีส่วนที่ดูเหมือนพื้นที่จอดรถสำหรับบุคคลภายนอกอยู่ ตรงนี้ต้องรอดูของจริงอีกทีว่าทางโครงการจะมีการกั้นรั้วแบบในโมเดลรึเปล่า
อีกฝั่งจะเห็นตัวอาคารเรียงรายกันไปจนถึงท้ายโครงการ ส่วนพื้นที่สีเขียวข้างๆโครงการของจริงไม่ได้เป็นพื้นที่แบบนี้นะเป็นทาวน์เฮาส์, อพาร์ทเม้นท์, บ้านพักอาศัยปนๆกันอยู่
อันนี้เป็นติ่งที่ดินที่ยื่นออกมาเอาไว้จอดรถอย่างเดียว เพราะมีขนาดเล็กเลยเอาไปทำอะไรมากไม่ได้
ช่วงตรงกลางระหว่างอาคาร A2 กับ B1 และ C1 จะมีถนนสำหรับรถวิ่งตัดผ่านกลางโครงการช่วยให้คนที่อยู่อาคารด้านหน้าไม่ต้องวิ่งอ้อมรอบโครงการเพื่อกลับรถ
ระยะห่างระหว่างอาคาร B2 และ C2 อยู่ที่ 25 เมตร และระยะห่างระหว่างอาคาร B2 และ D อยู่ที่ 11 เมตร
สระว่ายและ Fitness จะฝังตัวอยู่กับอาคาร D ดังนั้นลูกบ้านของอาคาร D จะได้เปรียบเรื่องการใช้งานเพราะไม่ต้องเดินไกลแค่ลงลิฟท์มาก็ถึงเลย
ส่วนข้อเสียของอาคาร D คือไม่มีที่จอดรถใต้อาคาร ถ้าใครใช้รถก็จอดรอบๆตึกกับที่อาคารจอดรถได้ แต่เวลาฝนตกก็เปียกหน่อยนะครับ
ตัวอาคารจอดรถมี 5 ชั้นรวมชั้นดาดฟ้าด้วย ระหว่างอาคารจอดรถกับอาคาร D ไม่มีหลังคาคลุมมาให้นะใครจะจอดรถที่อาคารต้องเดินกลางแจ้งไปนะครับ
ผังบริเวณแสดง Facility ต่างๆภายในโครงการ จะเห็นว่าทางโครงการพยายามกระจายให้อยู่ตามอาคารต่างๆ ร้านค้าส่วนใหญ่จะอยู่ด้านหน้าและมีร้านค้าที่อาคาร D 1 ร้านค้า ห้องสมุดอยู่ที่อาคาร A2 และ B2 จะเหลือแค่อาคาร B1, C1 และ C2 ที่ไม่มีส่วนกลางใต้อาคารเลย อันนี้ก็แล้วแต่ใครจะชอบแบบไหนนะครับ
มาดูผังอาคาร A1 กับ A2 กันก่อนนะครับ 2 อาคารนี้จะมีสวนด้านข้างและไม่มีอาคารฝั่งตรงข้ามดังนั้นจะได้วิวไกลหน่อย แต่ไม่การันตีนะครับว่าในอนาคตจะมีอะไรมาขึ้นข้างๆรึเปล่า ส่วนร้านด้านล่างจะมี 7Eleven มาเปิดใต้อาคาร A1 เพราะฉะนั้นใครเป็นขาประจำก็สบายเลย
ผังชั้น 2 – 15 ห้องที่เป็นขนาด 26 ตร.ม.(สีฟ้า) จะหันเข้าด้านในโครงการทั้งหมด ส่วนห้องที่เป็นสีเหลืองขนาด 22.5 จะหันออกนอกโครงการทั้งหมด สำหรับห้องขนาด 27 และ 23 จะอยู่ที่หัวมุมของอาคารเท่านั้น จำนวนยูนิตของทั้ง 2 อาคารนี้เท่ากันอยู่ที่ 273 ยูนิต/อาคาร
ผังอาคาร B1 และ B2 จะเริ่มมีห้องพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 1 เป็นต้นไปและอีกครึ่งจะเป็นที่จอดรถ ขนาดของห้องพักจะใหญ่กว่าชั้นอื่นๆ เริ่มต้นที่ 34.5 – 35.5 ห้องสมุดจะอยู่ที่อาคาร B2 ด้านล่างขวา แปลนของ 2 อาคารนี้เหมือนกันเลยแค่กลับด้านกันเท่านั้น ระยะห่างตรงกลางที่เป็นสวนอยู่ที่ 25 เมตร
ผังอาคาร B1 และ B2 ชั้น 2 -15 ห้องขนาด 26 ตร.ม. จะได้วิวสวนและอาคารฝั่งตรงข้าม (C1, C2) จำนวนยูนิตของอาคารเพิ่มขึ้นมาเป็น 273 ยูนิต/อาคาร(B1) และ 270 ยูนิต/อาคาร(B2)
ผังอาคาร C1 และ C2 ก็เหมือนกับ B1 และ B2 แค่กลับด้านกันเท่านั้น และมีจำนวนยูนิตที่เยอะกว่าเพราะไม่มีห้องสุมดแล้ว ห้องเครื่องซักผ้าและตู้จดหมายจะอยู่ตรงบริเวณโถงลิฟท์
ผังอาคาร C1 และ C2 ข้อเสียของผังอาคารโครงการนี้คือตำแหน่งของลิฟท์ดันเอาไปอยู่ที่ปลายอาคารทำให้ ห้องที่ปลายสุดอีกด้านจะต้องเดินไกลกว่าเพื่อนโดยมีระยะเดินประมาณ 45 เมตร จำนวนยูนิตของอาคารอยู่ที่ 273 ยูนิต/อาคาร (ทั้ง 2 อาคาร)
ฝังอาคาร D ทิศในการวางอาคารนี้จะแตกต่างจากอาคารอื่นโดยห้องพักจะหันหาทิศตะวันออกและตะวันตกโดยตรงมากกว่าอาคารอื่นๆ แต่ระยะความยาวของอาคารจะสั้นกว่า แถมได้ส่วนกลางที่เป็นสระว่ายน้ำกับ Fitness อยู่ที่ใต้อาคารด้วยไม่ต้องเดินไกลเหมือนอาคารอื่นๆ แต่…ข้อเสียคืออาจจะขาดความสงบเวลามีคนมาใช้งานเยอะๆ ห้อง Fitness คือห้องที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ ตัวสระมีขนาด 21.6 x 10 เมตรเป็นระบบเกลือ
ฝังอาคาร D ชั้น 2 – 15 จำนวนยูนิตของอาคารนี้เหลือแค่ 210 ยูนิต การรอลิฟท์ก็จะน้อยกว่าอาคารอื่นๆ ดังนั้นใครที่ชอบยูนิตน้อยๆก็เลือกอาคารนี้ได้ครับ ห้องขนาด 22.5 ชั้น 2 – 5 จะมีส่วนครึ่งซ้ายของอาคารที่เห็นอาคารที่จอดรถด้านหลังนะ เลยจากชั้น 6 ไปก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องวิวแล้ว
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 10 x 21.6 เมตร แบ่งสระเด็กและผู้ใหญ่
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาด xxx ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ xxx เครื่อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ห้องสมุด ที่อาคาร A2
- ห้องสมุดและห้องเด็ก ที่อาคาร B2
- ห้องเครื่องซักผ้า, เครื่องอบผ้า และ ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ที่ชั้น 1 ของทุกอาคาร
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 131 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก A1-C2 133-136:1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก D 105:1
- Service Lift : ไม่มี
- ที่จอดรถ 557 คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 30.42%
- ระบบ CCTV / Access Card
- 7-11 และร้านค้า 3 ร้านที่อาคาร A1
ห้องตัวอย่างที่เค้าทำไว้มีอยู่ 4 ห้อง 2 ห้องแรกที่อยู่ตรงข้ามกันจะเป็นห้องขนาด 22.5 แบบตกแต่งภายในครบ(ซื้อเพิ่ม) กับแบบห้องเปล่า ส่วนด้านในเป็นห้องขนาด 26 กับ 45 หรือห้อง Combine นั่นเอง ทุกแบบจะมีรายละเอียดของเฟอร์นิเจอร์พร้อมราคาโชว์อยู่ด้านหน้าเลย
แบบห้อง 22.5 ของลุมพินี ต้องบอกว่าใช้คุ้มจริงๆครับ เพราะแบบยังคงเหมือนกับโครงการอื่นๆที่ใช้มาได้สักระยะแล้ว แบบขนาด 22.5 จะวางฟังก์ชั่นได้ค่อนข้างครบแต่พื้นที่ใช้งานจะลดลงมาตามขนาดห้อง แนะนำว่าใครที่ไม่ยากลำบากวิ่งหาเฟอร์นิเจอร์ให้ได้ตามขนาดของพื้นที่ ก็ซื้อของเค้าได้เลยครับ
ราคาเฟอร์นิเจอร์ในห้องตัวอย่างอยู่ที่ 155,000 เฉลี่ยต่อตร.ม.แล้วได้ประมาณ 6,900 บาท แถมสามารถผ่อนพร้อมห้องชุดได้อีกด้วย
โซนแรกที่เจอเป็นโซนห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนเลยถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวในห้องนอนคงต้องติดม่านเพิ่มด้วย
ตัวห้องเปล่าเข้ามาก็โล่งๆเลย
หันกลับมาโซฟาจะเห็นว่าตัวโซฟาที่ให้มาเป็น Built-in เข้ามุมได้พอดีถ้าจะหาซื้อที่ได้ขนาดพอดีแบบนี้อาจจะลำบากหน่อย เท่าที่ลองนั่งดูตัวที่นั่งๆได้ลึกดีแต่ระยะพิงจะไม่สามารถนอนเอนได้มากนัก
โต๊ะกลางขนาดจะมีขนาดเล็กหน่อยพอวางขนมแก้วน้ำได้ แต่ไม่พอวาง Notebook นะครับ ส่วนตัวโซฟาจะมีลิ้นชักให้เก็บของใต้เบานั่ง และด้านข้าง
พอเป็นห้องเปล่าแล้วจะเห็นว่ามีเหลี่ยมเสายื่นออกมา ถ้าใครอยากจะวางโซฟาตัวใหญ่แนะอย่าลืมเชคระยะดีๆนะครับ
ภายในห้องเปล่ามีตัวอย่างพื้นลามิเนตระบบคลิปล๊อคมาโชว็ให้ดูว่าไม่ต้องใช้กาวในการติดตั้ง
มุมมองจากโซฟาไปยังห้องครัว จะเห็นว่ามุมที่เป็นห้องน้ำถูกปาดเหลี่ยมไปเพื่อให้ระยะทางเดินเข้าห้องครัวดูกว้างขึ้น
ชั้นวางทีวีจะมีช่องเก็บของมาให้แต่ไม่สามารถเก็บรองเท้าได้นะเพราะความลึกไม่พอ รองเท้าต้องเอาไว้ใต้ชั้นวางทีวีแทน
ตู้เก็บของชุดบน ช่องที่มีบานปิดเป็นการครอบตู้เมนไฟฟ้าไว้เพื่อความสวยงาม เลยเหลือที่เก็บของไม่มากนัก
ระยะดูทีวีสองเมตรกว่าๆเหลือให้พอวางทีวีได้ถึง 50″ แต่…พื้นที่ของกำแพงดันเหลือให้แค่นิดเดียวประมาณ 1 เมตรแถมไม่ได้ Center กับ โซฟาด้วย ถ้าจะติดก็กะระยะดีๆนะครับ
พื้นที่ห้องเปล่าก็มาแบบโล่งๆ ห้องทุกแบบจะได้โคมไฟ Downlight ทั้งหมด
ประตูบานเลื่อนเป็นแบบ 2 ตอนอลูมิเนียมสีธรรมชาติ กระจกชุดล่างเป็นแบบฝ้า
รางเลื่อนที่พื้นจะนูนๆออกมาแบบนี้ พอเดินได้ไม่ถึงกับสะดุดง่ายๆ และความกว้างจะไม่เท่าพวกบานเลื่อน 3 ตอน
แบบของมือจับค่อนข้างคมไปหน่อยจับแล้วไม่ค่อยน่าใช้งานแถมตามขอบ บน/ล่าง ค่อนข้างคมเวลาจับก็ระวังหน่อย
ขนาดห้องนอนไม่ใหญ่มากพอวางได้แค่เตียง 5′ เท่านั้นตัวกระจกของจริงไม่ได้เป็นบานใหญ่เต็มพื้นที่แบบนี้นะครับ เดี๋ยวพาไปดูที่ห้องขนาด 26 ตร.ม.
ฐานเตียงเป็นแบบ 5′ มีช่องเก็บของใต้เตียงแต่ไม่มีบานปิดมาให้
ระยะเหลือรอบๆเตียงทั้ง 2ด้านไม่พอวาง โต๊ะหัวเตียงนะต้องใช้วิธีเลื่อนไปชิดด้านใดด้านนึงถึงจะวางโต๊ะเล็กๆได้
ตู้เสื้อผ้าจะให้มาอยู่แล้วแต่ชั้นวางของทางขวาเป็นชุดที่ต้องซื้อเพิ่มเติม ถ้าใครไม่ซื้อจะทำเป็นชั้นวางทีวีก็ได้แต่
มือจับค่อนข้างเล็กและมีระยะให้จับน้อยไปทำให้จับไม่ค่อยถนัด
การแบ่งช่องภายในตู้เสื้อผ้า ถ้าอยู่กัน 2 คนเวลาใช้งานจริงไม่น่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน
ตัวชั้นวางของจะมีหน้าบานเป็นกระจกเงาด้านในใส่ของได้นิดหน่อยเพราะมีควาามลึกประมาณ 10 ซม.เท่านั้น
มุมมองหันกลับมายังพื้นที่ห้องนั่งเล่น
ห้องครัวจะได้ Pantry ขนาดเล็ก ไม่มีตู้วางของชุดบนมาให้ มีแต่ชุดล่าง Top เคาน์เตอร์ได้เป็นปาติเกิ้ลปะเมลานีนสำหรับใช้ในครัว
อ่างล้างจานเป็นทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กวางแนวตั้ง วางจานชามได้นิดเดียวก็อย่าใช้จานชามทีเดียวเยอะๆเดี๋ยวจะไม่มีที่ล้างกับที่พึ่งลืม ;p
ตรงส่วน Pantry จะมีจุดแปลกๆอยู่ 1 จุด ตรงส่วนปลายของเคาน์เตอร์ครัว จะมีระยะต่อของเคาน์เตอร์มาให้อีกหน่อยเพราะเป็นช่วงพ้นระยะเสาพอดี ด้านขวาจะเป็นช่องใหญ่หน่อยเลยใส่ชั้นวางของมาให้ซะเลย
โต๊ะทานอาหารยังคงวางแบบนั่งหันหน้าเข้าหากำแพง 2 ที่นั่ง ขนาดโต๊ะก็พอวางแบบอาหารจานเดียวมากกว่า
ประตูออกระเบียงเป็นแบบ บานเลื่อนเดี่ยวกรอบอลูมิเนียม
ธรณียกสูงมาประมาณ 10 ซม.
กลอนเป็นแบบมาตรฐานธรรมดา ตัวล็อค 2 ชั้น
ด้านนอกจะเว้นพื้นที่ไว้วางเครื่องซักผ้าพร้อมงานระบบน้ำ-ไฟฟ้า
ด้านบนเอาไว้วางคอมแอร์แบบเป่าเข้าระเบียง แนะนำเหมือนทุกครั้งคือให้ติดแผงเปลี่ยนทิศทางลมเพื่อจะได้ใช้งานส่วนของระเบียงได้
ในส่วนของห้องน้ำเปิดประตูมาเจอกับโถสุขภัณฑ์ก่อนเลย ถ้าใครไม่อยากให้เสียบรรยากาศในการกินข้าวก็ปิดประตูไว้นะครับ
ชุดโถสุขภัณฑ์ใช้ของ American Standard
ตัวอ่างวัสดุยังคงเป็นไฟเบอร์กลาสเหมือนเดิม แต่ก็ได้พื้นที่วางของเยอะดี
ตัวอ่างค่อนข้างเล็กไปหน่อยถ้าเทียบกับขนาดอ่างในยุคก่อนๆของ LPN
โซนอายน้ำจะอยู่ตรงข้ามกับอ่างล้างหน้าได้ฝักบัวปรับระดับได้ และมีชั้นวางสบู่มาให้
ขนาดพื้นที่อาบน้ำก็ประมาณ 80 x 80 ซม.พออาบน้ำแต่อึดอัดไปนิด
ห้องขนาด 26 ตร.ม.ผังเหมือนกับแบบ 22.5 เป๊ะๆแต่ได้ความลึกของห้องเพิ่มมากขึ้น สามารถใส่ฟังก์ชั่นโต๊ะเขียนหนังสือไปได้อีกอย่าง
ราคาชุดตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ก็เพิ่มขึ้นมาอีก 70,000 บาท ค่าตกแต่งเฉลี่ยอยู่ที่ 8,700 บาท/ตร.ม.
โซนแรกที่เจอยังคงเป็นห้องนั่งเล่น แต่ตัวโซฟาจะไม่เหมือนเดิมแล้ว แบ่งเป็น 2 ที่นั่งแต่ได้ขนาดกว้างขึ้นหน่อย
และบรรยากาศจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย ดูเป็นสัดส่วนน่าทำงานมากขึ้น เพราะสามารถใส่โต๊ะทำงานเข้ามาได้อีกชุด
ตัวลิ้นชักใต้โซฟาจะไม่ได้ติดตายอยู่กับเก้าอี้ แต่เป็นล้อเลื่อนที่สามารถลากออกมาทั้งชิ้นได้เลย
ส่วนโต๊ะทำงานได้ Top เป็นกระจกสีชา ช่วยบดบังความรกในลิ้นชักได้(ถ้าใครจัดของไม่ค่อยเป็นระเบียบนะ ;p)
ตัวตู้วางทีวีก็ดูดีกว่าและได้ความกว้างของผนังด้านนี้เพิ่มขึ้นด้วย
ห้องนี้ก็ได้รับผลจากความลึกที่เพิ่มจึ้นมาด้วยเช่นกันสามารถใส่ตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กได้อีกตู้
หน้าต่างของจริงจะเป็นแบบนี้ครับ ชุดล่างได้บาน Fix ชุดบนได้บานเลื่อนสลับ
ขนาดเคาน์เตอร์ครัวได้ช่องเก็บของตรงกลางเพิ่มขึ้นมาและตัวอ่างวางเป็นแนวนอนแล้วชั้นวางของด้านบนก็ได้เพิ่มเช่นกัน ส่วนมุมแปลกที่พ้นระยะเสาไปจะไม่มีแล้ว อ่อ ลืมบอกไปว่าผนังปูกระเบื้องมาให้เป็นมาตรฐานนะครับ
ห้องน้ำจะได้ลายกระเบื้องปูผนังที่สวยกว่า ที่แขวนทิชชู่ก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกันคือใต้อ่างล้างหน้าซึ่งอยู่ไกลมากกกก จะใช้ทีก็เอื้อมกันไกลเลย
ห้องน้ำของขนาดนี้จะได้ ฉากกั้นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ กรุอะคริลิคผิวส้ม เปิดแบบบานเลื่อน 3 ตอน
ห้องแบบ 45 ตร.ม.เป็นการ รวมห้องขนาด 22.5 ตร.ม.เข้าด้วยกัน ดังนั้นการออกแบบจะมีบางส่วนที่แปลกๆไม่ค่อยลงตัวอยู่บ้าง เช่นตรงทางเข้าห้องนอนใหญ่กับตำแหน่งเตียงที่ไม่สัมพันธ์กัน ทำให้การวางทีวีตรง center กับเตียงไม่ได้
พอเป็นห้อง Combine ราคาของการตกแต่งก็สูงขึ้นมาอีกหน่อยอยู่ที่ 495,000 บาท เฉลี่ยออกมาได้ 11,000 บาท/ตร.ม.
โซนแรกจะเป็นโซนทานอาหารที่ติดกับโซนนั่งเล่น ขนาดของโต๊ะกินข้าวสามารถนั่งได้ 4 คนพอดีๆ และระยะดูทีวีประมาณ 2.5 ม.ก็ใส่ทีวี 50′ เลยครับ
ฟังชันก์ของห้องนอนถูกแบ่งให้อยู่ซีกนึงแยกไปเลย ประตูทางเข้าที่เห็นด้านขวาเป็นทางเข้าห้องนอนเล็ก ด้านซ้ายเป็นทางเข้าห้องนอนใหญ่
ภายในห้องนอนเล็กวางเตียงได้แค่ขนาด 3.5′ เท่านั้น และเป็นการวางชิดผนังด้านนึงด้วย
มุมหัวเตียงจะมีหน้าต่างที่เปิดไปเป็นโซน Walk-in Closet เป็นบานเลื่อนสลับ
ถ้าใครซื้อชุดตกแต่งก็จะได้กระเงาบานใหญ่ที่หัวเตียงแบบนี้ครับ
ห้องนอนใหญ่ใส่เตียงได้แค่ 5′ เพราะถ้าใส่ 6 ‘ ทางเดินด้านข้างจะเหลือน้อยมาก
ตำแหน่งวางทีวีจะเยื้องๆกันหน่อย ส่วนหน้าต่างด้านข้างของจริงไม่ได้เป็นแบบนี้นะครับ จะได้เหมือนห้องขนาด 26 ตร.ม.
ตู้เสื้อผ้าที่ได้มาจะมีขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นๆอยู่นิดหน่อย
ช่องเก็บต่างๆในตู้เสื้อผ้า
ตรงหน้าต่างห้องนอนเล็กจะมีชั้นวางของมาให้นิดหน่อย
ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะเครื่องแป้งขนาดเล็กมีลิ้นชักเก็บของมาให้ด้วย
ห้องน้ำมีขนาดเท่าๆกับห้องอื่นๆ ไม่ได้ใหญ่ขึ้นนะครับ ขนาดคร่าวๆคือ 1.7 x 1.3
ไฟส่องสว่างมีมาให้ 2 ดวงแบบ Downlight พร้อมพัดลมดูดอากาศ
โซนอาบน้ำกลับไปเหมือนห้องขนาด 22.5 คือไม่มีฉากกั้นมาให้
พื้นที่ระเบียงตรงนี้เอาไว้วางคอมเพรสเซอร์แอร์ 2 เครื่องของห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ และมีพื้นที่เหลือให้ตากผ้าได้อีกเพราะไม่ต้องวางเครื่องซักผ้าตรงนี้
มุมมองจากห้องนอนใหญ่ เดี๋ยวเราไปดูส่วนครัวกันต่อนะครับ ใครที่ซื้อชุดตกแต่งจะได้ฉากกั้นหลังโซฟาด้วยนะครับ
ขนาดเคาน์เตอร์ครัวจะเท่ากับห้อง 22.5 ถ้าอยู่กันเยอะๆนี่ไม่พอใช้แน่ๆ พื้นที่แบบนี้เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กนะครับ(2-3คน)
เครื่องซักผ้าจะติดตั้งมาอยู่ที่ระเบียงนี้ครับ
ข้อดีของห้องนี้คือมีห้องน้ำให้ 2 ห้องพร้อมกับโซนอาบน้ำ เวลามีแขกไปใครมาก็เข้าห้องน้ำได้โดยไม่ต้องผ่านห้องรับแขก
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 June 2014
- 1Br. อาคาร A1 ชั้น 15 ห้อง 02 เนื้อที่ 26.0 ตร.ม. ราคา 1.46 ล้านบาท หรือ 56,200 บาท/ตร.ม.
- 1Br. อาคาร A2 ชั้น 6 ห้อง 13 เนื้อที่ 22.5 ตร.ม. ราคา 1.12 ล้านบาท หรือ 49,800 บาท/ตร.ม.
- 1Br. อาคาร B2 ชั้น 9 ห้อง 16 เนื้อที่ 22.5 ตร.ม. ราคา 1.12 ล้านบาท หรือ 49,800 บาท/ตร.ม.
- 1Br. อาคาร C1 ชั้น 12 ห้อง 01 เนื้อที่ 26.0 ตร.ม. ราคา 1.3 ล้านบาท หรือ 50,000 บาท/ตร.ม.
- 1Br. อาคาร D ชั้น 9 ห้อง 12 เนื้อที่ 22.5 ตร.ม. ราคา 1.21 ล้านบาท หรือ 53,800 บาท/ตร.ม.
- 1Br. อาคาร D ชั้น 3 ห้อง 01 เนื้อที่ 26.0 ตร.ม. ราคา 1.5 ล้านบาท หรือ 57,700 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- เพดานสูง 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink
- Shuttle Bus ไปกลับ ท่าเรือ และ The Mall บางกะปิ
- จอง 6,000 บาท
- ทำสัญญา xxx บาท
- ดาวน์ประมาณ 10% ผ่อนดาวน์ 16 งวด
- งวดที่ 1 – 15 งวดหละ 6,000 บาท
- งวดที่ 16 ห้อง 22.5 ตร.ม. 20,000 บาท
- งวดที่ 16 ห้อง 26 ตร.ม. 40,000 บาท
- ค่ากองทุน 300 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.ม./เดือน
- ค่ารักษามาตรวัดน้ำประปา 25 บาท/หน่วย/เดือน
- ค่าจอดรถยนต์ 300 บาท/คัน/เดือน
- ค่าจอดรถมอเตอร์ไซด์ 50 บาท/คัน/เดือน
- 1 ห้อง/1 สิทธิ์ (ไม่สามารถใช้สิทธิ์ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซด์พร้อมกันได้ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
- อัตราค่าน้ำประปาต่อ 1 หน่วย : 18 บาท
- ชั้นที่เปิดขาย 3, 6, 9, 12 และ 15 (ณ วันที่ 13 มิถุนายน)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลตรงนี้เป็นทำเลในย่านชานเมือง ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนน นวมินทร์ ระหว่างซอยนวมินทร์ 36 กับ 38 ที่อยู่ระหว่างเส้น ประเสริฐมนูกิจ กับ เสรีไทย-ลาดพร้าว อยู่ในช่วงกลางๆพอดี ที่ดินโครงการเป็นแนวยาวจากถนนด้านหน้าไปจนถึงคลองบางเตยด้านหลังมีความยาวประมาณ 360 เมตร สภาพแวดล้อมบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแนวราบ แต่จะมีอพารท์เม้นท์ขึ้นมาผนๆอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นอาคารสูงเป็นแค่ Low Rise 5-7 ชั้นเท่านั้น อาคารพักอาศัยที่สูงที่สุดบนเส้นนี้ก็น่าจะเป็นโครงการนี้แหละครับ เพราะสูงกว่าเพื่อนเลย(15 ชั้น) ความอุดมสมบูรณ์มีมาให้ครบครันเลยครับนอกจากร้านค้าภายในโครงการแล้ว ฝั่งตรงข้ามโครงการเยื้องๆไปนิดเดียวมีตลาดสด อินทรารักษ์ และบริวเณตลาดจะมีร้านอาหารตามตึกแถวเรียงรายกันอยู่ทั้ง 2 ฝั่งเลย ใครที่ชอบซื้ออาหารกินเองก็สบายหน่อย ส่วนห้างที่ใกล้ที่สุดจะเป็นย่าน The Mall บางกะปิ บริเวณนี้เป็นแหล่ง Shopping สำคัญของคนแถวนี้เลยมีให้ข้าวของให้เลือกเยอะ เดินได้ทั้ง ตะวันนา, แฮปปี้แลนด์เซ็นเตอร์, Makro และ Tesco Lotus
การเดินทางโดยใช้รถจะต้องทำใจเรื่องรถติดหน่อยนะครับเพราะทำเลตรงนี้ไม่ได้เป็นทำเลที่อยู่ติดทางด่วน แถมความหนาแน่นของการอยู่อาศัยในย่านบางกะปิก็สูงซะด้วย การเข้าเมืองก็อาจจะต้องใช้เวลามากหน่อย ถ้าจะขึ้นทางด่วนก็มีให้เลือก 2 ทางคือไปขึ้นตรงถนนพระราม 9 หรือถ้าจะเลี่ยงรถติดก็วิ่งอ้อมไปขึ้นทางด่วนบนถนนประเสริฐมนูกิจแทน แต่ถ้าใครจะไป Ikea, ย่านบางนา หรือ ข้ามไปพระราม 2 ก็ใช้ทางด่วนบนเส้นกาญจนาภิเษก (วนแหวนตะวันออก) ไปลงบางนา หรือวิ่งยาวขึ้นสะพานภูมิพล(วงแหวนอุตสาหกรรม) ลงถนนพระราม 3 และพระราม 2 ได้
การเดินทางโดยไม่ใช้รถยังคงได้รับความสะดวกอยู่มาก เพราะมีป้ายรถเมล์และสะพานลอยที่อยู่ไม่ไกลจากตัวโครงเลย มีระยะเดินจากหน้าโครงการประมาณ 35 เมตร แต่ถ้าคนไหนอยู่อาคารด้านในๆหน่อยอย่างอาคาร D จะมีระยะเดินรวมแล้วอยู่ที่ 360 เมตร เนื่องจากถนนเส้นนี้มีแหล่งชุมชนอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะทั้งโซน แฮปปี้แลนด์ หมู่บ้านต่างๆในซอยนวมินทร์ และการเคหะคลองจั่นที่ช่วงต้นๆของถนนนวมินทร์ ทำให้เส้นมีรถเมล์ผ่านหลายสาย 22, 36ก, 60, 71, 73ก, 95, 95ก, 96, 115ร, 156, 178, 501, และ 520 และยังมีทางเลือกอื่นๆเช่น รถ 2 แถว หรือ รถตู้ของโครงการที่วิ่งไปถึงท่าเรือบางกะปิ (ด้านหลัง The Mall บางกะปิ)
วัสดุอุปกรณ์ของที่นี่ก็เป็นไปตามมาตรฐานของ LPN คือขายแบบ Fully Fitted ได้โถสุขภัณฑ์ของ American Standard อ่างล้างหน้าเป็นไฟเบอร์กลาส ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ มีชุด Built-in ครัวชุดล่าง 1 ชุด ส่วนชุดบนได้แค่ชั้นวางของเล็กๆ 2 ชั้น สุดท้ายคือตู้เสื้อผ้า สำหรับห้องขนาด 26 ตร.ม. จะได้ฉากกระจกกั้นแบ่งโซนเปียก-แห้ง เป็นกรอบอลูมินียม กรุอคลีลิคผิวส้ม พื้นห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนต หนา 8 มม.พื้นระเบียงและห้องครัวได้กระเบื้องเซรามิค ห้องนอนแบบ 22.5 และ 26 ได้ฉากกระจกกั้นบานเลื่อนเดี่ยว 2 ตอน
การออกแบบตัวอาคารจะเป็นสไตล์ของ LPN เช่นเคย คือวางอาคารตามแนวที่ดินตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงท้ายของที่ดิน แต่โครงการนี้อยู่ในซีรี่ ลุมพินี พาร์ค เลยจะได้ของที่แตกต่างจากโครงการอื่นนิดหน่อยอย่างเช่น หลอดไฟ LED ในพื้นที่ส่วนกลางของทุกอาคาร มีพื้นที่จอดรถยนต์ Ecology หรือพวกรถประเภท Hybrid ต่างๆ การนำน้ำทิ้งไปบำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ (ใช้รดน้ำต้นไม้) ส่วนการออกแบบห้องไม่ได้มีอะไรใหม่ ยังคงใช้ผังห้องแบบเดิม ประเภทห้องส่วนใหญ่ของที่นี่จะเน้นที่ 2 ขนาดคือ ขนาดเริ่มต้น 22.5 ตร.ม. และขนาด 26 ตร.ม. ซึ่งมีการวางผังที่เหมือนกันแต่ห้อง 26 ตร.ม.จะมีพื้นที่วางโต๊ะทำงานเพิ่มขึ้นมาและบรรยากาศโดยรวมน่าอยู่มากกว่า ห้องที่มุมอาคารจะได้พื้นที่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 ตร.ม. สำหรับห้องพักที่อยู่ชั้น 1 จะเป็นห้องพักขนาด 34.5 – 35.5
สาธารณูปโภคของโครงการ มีมาให้หลายอย่างทั้งร้านค้าทั่วไป 4 ร้าน 3 ร้านแรกจะอยู่ที่อาคาร A1 ติดกับ 7Eleven ส่วนอีก 1 ร้านสุดท้ายจะอยู่ที่อาคาร D ด้านในสุด มีห้องสมุดตามอาคารต่างๆ ส่วนที่อาคาร B2 จะมีห้องสำหรับเด็กเล็กเพิ่มมาให้ด้วยด้วย ได้สวนขนาดใหญ่ระหว่างอาคาร สระว่ายน้ำกับ Fitness จะอยู่ที่อาคาร D เช่นกัน พื้นที่จอดรถมีให้แค่ประมาณ 30% เท่านั้น อัตราส่วนลิฟท์ก็ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานราคานี้ 131:1 ไม่ได้สูงเหมือน ลุมพินี เพลส บรมราชชนนี-ปิ่นเกล้า ที่จัดให้ 330:1
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 52,900 บาทต่อตารางเมตร, 13 June 2014
- ทำเล 8.25/10 – ตัวโครงการติดถนนใหญ่ ใกล้ตลาดสดินทรารักษ์มีความอุดมสมบูรณ์รอบๆพื้นที่สูง
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เดินทางสะดวกสามรถทะลุออกได้หลายเส้นทาง แต่ไม่อยู่ใกล้ทางด่วนซักเท่าไหร่
- ไม่ใช้รถ 8.0/10 – เดินทางได้สะดวกมีป้ายรถเมล์และสะพานลอยใกล้ๆโครงการ มีรถเมล์และรถสองแถววิ่งผ่านเยอะ
- วัสดุ 7.25/10 – พื้นไม้ลามิเนต ได้ฉากกั้นห้องนอนบานเลื่อนกระจก 2 ตอน ตู้เสื้อผ้า และ ฉากกั้นห้องน้ำ(เฉพาะห้อง 26 ตร.ม.)
- แบบ 7.75/10 – แบบจัดมาให้ครบทุกฟังก์ชั่น แต่พื้นที่ห้องทานอาหารจะเล็กไปหน่อย แต่ระยะดูทีวีกำลังดี
- สาธารณูปโภค 7.0/10 – ความหนาแน่นค่อนข้างสูงตามสไตล์ LPN แต่ก็ยังอยู่ในมาตรฐานของราคาระดับนี้
- MAIN CLASS
- 7.81 / 10.00
BOTTOM LINE
ลุมพินี พาร์ค นวมินทร์ – ศรีบูรพา เป็นโครงการสำหรับคนที่ต้องการหาที่อยู่เป็นของตัวเองในย่านนวมินทร์ด้วยงบประมาณที่ไม่สูงมาก โดยเฉพาะคนที่เช่าห้องอยู่สามารถแปลงค่าเช่ามาเป็นค่าผ่อนคอนโดได้ สามารถเดินทางได้โดยที่ไม่ใช้รยนต์ เน้นการอยู่คนเดียวหรือ 2 คนมีงบประมาณ 1.2 – 1.7 ล้านบาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ
(ノ´ヮ´)ノ*:・゚✧