รีวิวฉบับที่ 364 … Mr.Boom ขอเก็บตก LPN กันอีกหนึ่งโครงการครับ กับรีวิว ลุมพินี Ville อ่อนนุช-ลาดกระบัง คอนโดมิเนียม 8 ชั้น 4 อาคาร ติดถนนใหญ่ลาดกระบัง โครงการนี้เปิดตัวที่ราคาต่ำสุดอยู่ที่ราคา 777,000 บาท ไปเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาครับ แล้วในระยะเวลาอันรวดเร็ว ตึก A-B-C ก็ขายหมดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่ ตึก D ที่ยังไม่เปิดขาย (อย่างไม่มีกำหนด) โครงการนี้ก็เปิดมาเอาใจคนอ่อนนุช-ลาดกระบัง-สุวรรณภูมิ เลยแหละ ไปดูกันว่าจะทำออกมาแบบไหนนะครับ
Fact @ 12 June 2013
- ลุมพินี Ville อ่อนนุช-ลาดกระบัง
- L.P.N. Development Co.,Ltd
- SUPER ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร 1,118 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 38 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 340 คัน รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น
- ที่ดินประมาณ 11ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2557
- 1 Bedroom 22 – 26 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 45 – 52 ตารางเมตร (ห้อง Combined)
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 777,000 บาท
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 34,500 บาท
- http://www.lpn.co.th
- โทร 02-689-6888
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
โครงการ ลุมพินี Ville อ่อนนุช-ลาดกระบัง ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ลาดกระบัง ครับ ซึ่งเป็นถนนที่ขนานไปกับเส้นมอเตอร์เวย์ และ รางรถไฟฟ้า Airport Link ตามที่เห็นในแผนที่โครงการข้างบนนี้แหละครับ ตัวโครงการตั้งอยู่ห่างจากถนนกาญจนาภิเษกประมาณ 1.5 กิโลเมตร จากแยกถนนกิ่งแก้วประมาณ 3 กม. ประมาณ 4-5 กิโลเมตร จาก เขตสนามบินสุวรรณภูมิ (ประมาณ 8 กม.ถึงบริเวณ Terminal ของสนามบิน) และประมาณ 8 กม. ถึง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบังครับ
ลองทำ Google Maps ขึ้นมาเปรียบเทียบกับแผนที่โครงการให้ดูนะครับ ก็จะได้ออกมาประมาณนี้ การเดินทางด้วยรถยนต์ในบริเวณนี้ก็แน่นอนว่าคงจะเหมาะกับผู้ที่ใช้รถยนต์มากกว่า แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ขับรถ ก็มีป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการเลย ห่างไปไม่ถึง 50 เมตร** มอเตอร์ไซค์รับจ้างกับรถแท็กซี่ก็หาไม่ยาก เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ มีแท็กซี่วิ่งผ่านมาเรื่อยๆอยู่แล้ว
ทำเลตรงนี้ก็จะเน้นคนที่ทำงานในโซน อ่อนนุชตอนปลาย-ลาดกระบัง-กิ่งแก้ว-สุวรรณภูมิ เป็นหลัก สำหรับคนที่ใช้รถในทำเลนี้ ก็จะมีถนนกาญจนาภิเษกให้ใช้ได้ รวมถึงทางด่วนมอเตอร์เวย์ด้วย สำหรับวิ่งเข้าเมือง หรือจะวิ่งออกนอกกรุงเทพไปฉะเชิงเทรา/ชลบุรี ก็ได้เหมือนกัน
** คนที่อยู่ตึก C หรือ D จะเสียเปรียบหน่อยนะครับ เพราะที่ดินโครงการเป็นแบบเส้นก๋วยเตี๋ยว ลึกจากถนนใหญ่เข้าไป จากหน้าถึงท้ายโครงการ ระยะทาง 400 เมตร ดังนั้น คนที่อยู่ตึกท้ายๆก็จะต้องเสียเวลาเดินออกมาเรียกรถไกลหน่อย แต่สำหรับคนที่อยู่ตึก A นี่ก็สบายเลย เพราะอยู่ห่างจากหน้าโครงการแค่ 100 เมตร **
เริ่มต้นเดินทางไปโครงการกันจาก ถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าบางนา ยึดป้ายอ่อนนุช-ลาดกระบังเป็นหลักเลยครับ
ชิดขวาไปตามป้าย
ขึ้น Ramp ข้าม แยกทับช้าง มา
เลี้ยวซ้ายตามป้ายไปเลย
ลงมาที่ถนนสุขาภิบาล 2
พอถึงแยกนี้ก็เลี้ยวซ้ายเพื่อไปทางถนนลาดกระบัง
ขับตรงต่อไปอีกหน่อย
มาถึงแยกโรงพยาบาลสิรินธร เจอถนนลาดกระบัง ก็เลี้ยวขวาไปเลยครับ
ตรงต่อไปตามถนนลาดกระบัง
เจอโครงการอยู่ฝั่งตรงข้าม อยู่ตรงจุดกลับรถพอดีครับ แต่ว่าตรงนี้เลี้ยวขวาเข้าโครงการไม่ได้นะครับ เพราะมันจะอยู่เยื้องๆไปหน่อย ต้องตรงไปกลับรถข้างหน้านะครับ
ผมขับรถไป U-Turn ที่จุดกลับรถหน้าศูนย์ฯ Toyota นะครับ เพราะอยากจะพามาดู Community Mall “Paseo” ที่ตั้งอยู่ตรงนี้ ห่างจากโครงการไปประมาณ 1.2 กม.
จากจุดกลับรถเลี้ยวขวาเข้า Paseo ได้เลย ก็สะดวกดีนะ เวลากลับบ้าน ที่นี่จะมี Tesco Lotus Express เป็น Supermarket หลัก
ผ่าน Paseo มา ก่อนถึงโครงการจะผ่าน dcondo ลาดกระบัง ด้วย
ถึงซอยลาดกระบัง 14/1 ก็ชิดซ้ายไว้เลย
ถึงโครงการแล้ว สำนักงานขายอยู่ซ้ายมือติดถนนใหญ่ตรงนี้ สีสันร้อนแรงสไตล์ LPN
ก่อนจะเข้าไปดูโครงการ ขอไปดูรอบๆก่อนนะครับ
ที่ตั้งโครงการตั้งอยู่ใกล้กลับจุดกลับรถมากๆครับ แต่ยังไม่เลยนะครับ… แต่ยังไงก็ตาม สำหรับคนที่เวลาออกจากบ้านจะขับรถไปทางสุวรรณภูมิ เราก็ไม่แนะนำให้กลับรถตรงนี้นะครับเพราะออกจากโครงการมาแล้วมันต้องปาด 4 เลนเพื่อกลับรถ อันตรายครับอันตราย วิ่งไปอีก 1 กม.ก็จะเจอจุดกลับรถอีกจุดนึง ไปกลับรถตรงนั้นก็ได้ครับ 🙂
ข้างซ้ายของโครงการเป็นโชว์รูม Nissan ครับ อยู่ติดกับซอยลาดกระบัง 14/1
หน้าโชว์รูมนิสสัน ก็จะมีป้ายรถเมล์อยู่ด้วย
ด้านขวาของโครงการ จะเป็น ซอยแถมศรี ซึ่งเป็นถนนส่วนบุคคล
ซอยแถมศรีข้างๆโครงการนี้ก็ไม่มีอะไรนะครับ เป็นซอยเล็กๆ
เข้ามาดูในพื้นที่โครงการบ้าง
ลองเปรียบเทียบตัวที่ดิน กับโมเดลตัวตึกดู ก็จะเป็นประมาณนี้ … ที่ดินโครงการเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวลึกเข้าไป จากหน้าโครงการถึงท้ายโครงการ ยาวประมาณ 400 เมตรครับ ตึกหน้าสุดก็คือตึก A ถัดไปเป็น B, C, D ตามลำดับ
ด้านข้างล้อมรั้วเอาไว้แล้ว
มองไปด้านซ้ายบ้าง ข้ามรั้วไปก็จะเป็นศูนย์ฯ Nissan
เข้ามาดูในที่ดินโครงการ จะเห็นว่าพื้นที่ของจริงค่อนข้างยาวเลยครับ ตึก D มองเห็นอยู่ไกลๆท้ายโครงการโน่น
ที่ดินด้านข้างยังเป็นป่าอยู่เลย…
ฝั่งที่ติดท้ายโครงการก็จะเป็นบ้านคน กับที่ดินโล่งๆ ยังไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ
เสร็จสิ้นการเจาะลึกทำเลแต่เพียงเท่านี้ก่อน ต่อไปเราไปดูตัวโครงการกันบ้างครับ
เจาะลึกตัวโครงการ
ลุมพินี Ville อ่อนนุช-ลาดกระบัง เป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 4 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 11 ไร่เศษ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามแนวยาว ตัวโครงการมีจำนวนยูนิตพักอาศัยทั้งหมดรวม 1,118 ยูนิต แบ่งออกเป็น ตึก A (270 ยูนิต), ตึก B (288 ยูนิต), ตึก C (283 ยูนิต) และ ตึก D (277 ยูนิต) และนอกจากนี้ก็จะมียูนิตร้านค้าอีก 5 ยูนิต กระจายอยู่ทุกตึกด้วยครับ (หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นร้าน 7-Eleven นะครับ) ที่ดินโครงการวางตัวในแนว ตะวันตก-ตะวันออก ครับ
รูป Master Plan ของโครงการครับ … โครงการนี้มีนิติบุคคลแยกเป็น 2 ชุดครับ คือส่วนของตึก A-B-C หนึ่งชุด และของตึก D แยกไปอีกหนึ่งชุด บริหารแยกกัน (แน่นอนว่าเปิดขายไม่พร้อมกันด้วย ตอนนี้ตึกที่เปิดขายมีแค่ตึก A-B-C นะครับ ตึก D ยังไม่ได้เปิด) แต่พื้นที่ถนน, สวน และที่จอดรถภายนอกอาคาร เป็นทรัพย์ส่วนกลางร่วมกันของทั้ง 2 นิติฯ ครับ
ผังชั้น G ของตึก A จะเป็นที่จอดรถที่อยู่ใต้อาคารเป็นหลักครับ มียูนิตพักอาศัยอยู่ 5 ยูนิต
- ด้านหน้าตึก (ทิศตะวันออก) จัด Landscape ไว้เป็นทางเดิน มีพื้นที่จอดรถที่หน้าอาคาร ปลูกต้นไม้ไว้นิดหน่อย
- ด้านหลังตึก (ทิศตะวันตก) จะเป็นถนนสำหรับรถยนต์วิ่งวนได้
- ด้านข้างตึก (ทิศเหนือ) เป็นยูนิตร้านค้าขนาดใหญ่ (SA-01) ที่หันหน้าออกไปยังทางเข้าโครงการ น่าจะวางไว้เป็น 7-Eleven นะครับ
- ด้านข้างตึก (ทิศใต้) มียูนิตร้านค้าขนาดเล็ก (SA-02) อีกหนึ่งจุด
ภาพจำลองด้านหน้าตึก A
โมเดลตึก A บริเวณทางเข้า
ด้านหลังตึก A จะเป็นถนนโล่งๆ
ผังชั้น G ของตึก B เน้นเป็นยูนิตพักอาศัยเป็นหลักเลยครับ ไม่มีที่จอดรถใต้อาคาร ตึกนี้จะมีห้องสมุดสำหรับนั่งเล่นอ่านหนังสือ เล่นอินเตอร์เน็ตได้ (แต่ไม่มี WIFI ให้นะ)
- ด้านหลังตึก (ทิศตะวันตก) จะจัดเป็นทางเดินเอาไว้ สำหรับให้ลูกบ้านออกมาเดินเล่นนะครับ รถยนต์วิ่งผ่านไม่ได้
- ด้านข้างตึก (ทิศเหนือ) เป็นยูนิตร้านค้าขนาดเล็ก 1 ยูนิต
ภาพจำลองด้านหน้าตึก B ก็จะคล้ายๆตึก A นะครับ
ด้านหลังตึก B ดูจากโมเดล จะเห็นว่าไม่ได้เป็นถนนให้รถวิ่งนะครับ แต่เค้าจะทำเป็นทางเดิน ให้เดินเล่นวิ่งเล่นได้
ผังชั้น G ของตึก C เป็นตึกที่มี Facilities ส่วนกลางของลูกบ้าน ใครชอบที่จะใช้ Facilities ก็เลือกอยู่ตึกนี้ได้เลย มีสระว่ายน้ำ มีห้อง Fitness และมียูนิตพักอาศัยอยู่จำนวนหนึ่ง และเช่นกันไม่มีที่จอดรถใต้อาคารครับ โครงการให้เอารถจอดไว้ริมรั้วแทน
- ด้านหน้าตึก (ทิศตะวันออก) วางสระว่ายน้ำส่วนกลางของโครงการ จัดสวนหย่อมไว้ และมีสนามเด็กเล่นด้วย
- ด้านหลังตึก (ทิศตะวันตก) ทำเป็นทางเดินเหมือนตึก B
- ด้านข้างตึก (ทิศใต้) มียูนิตร้านค้าขนาดเล็กอยู่ท้ายโครงการเลย
ภาพจำลองด้านหน้าตึก C
ตึก C ดูจากโมเดล ก็จะเห็นว่ามีสระว่ายน้ำอยู่หน้าตึก
สำหรับผังชั้น G ของตึก D ก็จะคล้ายๆกับตึก A คือจะจอดรถใต้อาคารได้ มีร้านค้าด้านหน้าตึกด้วยเป็นยูนิตเล็ฏ แต่จะมียูนิตพักอาศัยเยอะกว่าตึก A ครับ ด้านหลังตึกก็จะเป็นถนนสำหรับวนรถเหมือนกัน
ภาพจำลองด้านหน้าตึก D ดูเหมือนจะลงต้นไม้ใหญ่ไว้ให้ด้วย
ส่วนตึก D ก็จะหน้าตาเหมือนๆตึกอื่นครับ
สำหรับผังชั้น 2-8 ของทั้ง 4 อาคารก็จะหน้าตาเกือบจะเหมือนกันเลยครับ ก็คือจะเป็นยูนิตพักอาศัยล้วนๆแบบนี้แหละ มีโถงลิฟท์อยู่ตรงกลางอาคาร แจกออกไปทาง North Wing และ South Wing หนึ่งชั้นก็จะมียูนิตอยู่มากสุดที่ 38 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งตามมาตรฐานก็คงต้องบอกว่าหนาแน่นแหละครับ แต่ถ้ามองว่าเป็นคอนโดระดับ Super Economy Class แล้ว ด้วยราคานี้ก็คงจะบอกว่าเป็นเรื่องปกติ แบบห้องก็ง่ายๆ มีให้เลือกหลักๆแค่ 22.50 และ 26 ตารางเมตร 2 ขนาดแหละครับ โดยที่ขนาด 22.50 จะเป็นแบบที่มีเยอะที่สุดของโครงการ ส่วนห้องขนาด 23.00 กับ 26.50 ก็จะเป็นพวกห้องมุม ซึ่งมีจำนวนไม่มากเท่าไหร่นัก
ลิฟท์ของที่นี่ มีให้อาคารละ 2 ตัว ไม่มี Service Lift นะครับ อัตราส่วนอยู่ที่ประมาณ 140:1 ซึ่งก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเมื่อเทียบกับราคาครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ที่ตึก C
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องที่ตึก C
- ห้องสมุดที่ตึก B
- สวนหย่อมที่ด้านหลัง ตึก B และ C
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ประมาณ 140:1
- ที่จอดรถ 340 คัน คิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
เจาะลึกห้องตัวอย่าง 1 ห้องนอน 22.50 ตารางเมตร
ห้องตัวอย่างห้องแรกที่จะรีวิวให้ดูกันคือ ห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 22.50 ตารางเมตร ซึ่งเป็นแบบที่มีเยอะที่สุดในโครงการครับ ถึงจะเห็นว่าเป็นห้อง 22.50 ตารางเมตร แต่ห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้าง 5.10 เมตร ลึก 4.55 เมตร เป็นลักษณะเกือบๆจะสี่เหลี่ยมจัตุรัส เป็นห้องหน้ากว้าง ซึ่งถ้าเทียบกับห้องแบบหน้าแคบยาวที่พื้นที่เท่ากัน แบบหน้ากว้างจะจัดเฟอร์ได้ลงตัวกว่า สำหรับห้องนี้ ถ้าใครเคยเห็นห้องขนาด 26 ตารางเมตรของ LPN มาก่อน ก็จะบอกว่าห้อง 22.50 ตร.ม. อันนี้เป็นเวอร์ชั่นย่อส่วนของห้องนั้นเลย ได้ฟังก์ชั่นเกือบๆจะเหมือนเดิมทั้งหมด เพียงแต่ Space จะน้อยกว่า ระยะการใช้งานของฟังก์ชั่นการใช้งานจะแคบกว่า
สำหรับรีวิวของห้องนี้ เนื่องจากที่สำนักงานขายมีห้องตัวอย่างให้ดู 2 แบบ คือห้องเปล่ามาตรฐานแบบที่ลูกค้าจะได้รับตอนส่งมอบ กับ ห้องแบบที่ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ให้ดูเรียบร้อยแล้ว ผมเลยอยากจะเอามาเปรียบเทียบให้ดูกันตรงนี้ไปเลยนะครับ
จากหน้าห้องเข้ามา First Impression ที่เห็นก็คือ ห้องนั่งเล่น ที่อยู่ต่อกับห้องนอน มีประตูกระจกบานสไลด์กั้นตรงกลาง ต้องบอกนิดนึงว่าเฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้หลายชิ้น เช่น เตียงนอน จะเป็นขนาดที่ไม่ใช่ขนาดมาตรฐานตามร้านเฟอร์นิเจอร์ทั่วๆไปนะครับ มันจะเล็กกว่าปกตินิดนึง เพื่อให้ Space ในห้องใช้งานได้สะดวกขึ้น ดังนั้นถ้าเราไปซื้อเฟอร์นิเจอร์มาใส่เอง ควรจะวัดขนาดห้องมาให้แน่ใจก่อนนะครับ เพื่อที่ว่าจะได้ไม่เกิดกรณีที่ว่าซื้อมาแล้วขนาดไม่พอดีนะครับ
สำหรับห้องมาตรฐาน Standard Room ที่เราจะได้จะเป็นแบบนี้ครับ หน้าต่างกระจกที่อยู่ในห้องนอน ของจริงจะไม่ใช่บานเต็มนะครับ จะเป็นแบบครึ่งบาน ดูจากภาพห้องที่ตกแต่งด้านบนแล้วได้
ลองปิดประตูบานกระจกให้ดู เป็นประมาณนี้ จะสังเกตว่ากระจกชิ้นล่างจะเป็นกระจกฝ้า อันนี้เพื่อเพิ่ม Privacy ให้กับห้องนอนครับ
มองกลับมาที่ทางเข้าห้อง ทางส่วนพักผ่อน วางโซฟาไว้ขนาดประมาณนั่งได้ไม่เกิน 3 คน วางโต๊ะข้างโซฟาเล็กๆไว้ได้อีก 1 ตัว ด้านหลังโซฟากรุผนังทำเป็นชั้นวางของ
เมื่อเทียบกับห้องมาตรฐาน จะเห็นว่าจริงๆแล้วตรงนี้จะเป็นตำแหน่งเสาครับ เค้าเลยเติมผนังส่วนที่เว้าเข้าไปให้เสมอกันกับความหนาของเสา ให้เป็นผนังเรียบๆ ให้จัดเฟอร์นิเจอร์ได้สะดวกหน่อย ลองเปรียบเทียบดูครับ
ถ่ายให้ดู Space ของพื้นห้องเมื่อจัดเฟอร์นิเจอร์เข้าไปแล้วนะครับ พื้นเป็นลามิเนต 8 มม.ตามมาตรฐาน
ผนังฝั่งตรงข้ามโซฟาก็จะเป็นจุดวางทีวี เค้าวางทีวีแขวนผนังไว้แบบนี้ ของจริงถ้าใส่ประตูแล้วระวังเปิดประตูมาชนทีวีด้วยนะครับ แล้วด้านขวาก็จะเป็นทางเดินเข้าไปยังส่วนครัว, ห้องน้ำ และ ระเบียง
เมื่อเทียบกับห้องจริงจะเห็นว่า ถ้าไม่ใส่เป็นเฟอร์นิเจอร์ Built-in แล้ว แทบจะวางตู้อะไรไม่ได้เลย ไม่งั้นเปิดประตูห้องมาชนหมด
ให้ดูอีกมุมหนึ่งนะครับ อันนี้ผมลองนั่งที่โซฟา แล้วมองไปที่ครัว
เข้าไปดูที่ห้องนอนก่อนละกัน หน้าต่างจะได้เป็นบานกระจกแบบนี้
ในห้องตัวอย่างเขาใส่บานกระจกเต็มบานไว้แบบนี้ ซึ่งของจริงจะไม่ใช่นะครับ เป็นแบบรูปข้างบน
พื้นที่ในห้องนอน เมื่อใส่เตียงขนาดประมาณเกือบๆ 5 ฟุต (เป็นแบบขนาดแบบสั่งทำพิเศษของ LPN) โปรดสังเกตพื้นที่ด้านข้างเตียง และปลายเตียงนะครับ และต้องลองจินตนาการเวลาปิดประตูกระจกเข้ามาแล้วด้วยนะครับ
ระยะข้างเตียงแบบชัดๆ
ข้างเตียงวางโต๊ะหัวเตียงตัวเล็กๆได้ตัวนึง
หัวเตียงอีกฝั่งหนึ่งเป็นแบบ Built-in เล็กๆ วาง iPad Mini เสียบสายชาร์จได้ 1 อัน
ระยะปลายเตียง กับตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ และกระจก
ถ้าเป็นห้องเปล่าๆก็จะได้แบบนี้ พื้นที่ข้างๆตู้เสื้อผ้าคงจะทำเป็นชั้นวางของ Built-in ได้อย่างเดียว
ตู้เสื้อผ้าเป็นแบบฝังเข้าไปในผนัง ขนาดประมาณนี้ ถ้าอยู่สองคนคงจะใส่ไม่พอแน่นอน
ตรงผนังตรงนี้ติดปลั๊กไว้ด้วย สำหรับคนที่อาจจะเสียบไดร์เป่าผม หรือ คนที่แขวนทีวีที่ผนัง (อาจจะต้องแขวนทีวีขนาดบางๆหน่อยนะครับ)
ถัดมาเป็นส่วนครัว มาดูห้องมาตรฐานกันก่อน พื้นที่จริงประมาณนี้ ได้ Pantry ครัว ที่มีอ่างล้างจานมาให้ ไม่มีเตา ไม่มีที่ดูดควัน ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำ ด้านขวาเปิดออกไปเชื่อมกับระเบียง
พอวางตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้า และ ข้าวของเครื่องใช้เข้าไปก็จะเป็นแบบนี้ ครัวเป็นครัวเปิด ไม่เน้นทำอาหารหนักนะครับ เพราะมันจะระบายกลิ่นลำบาก แล้วกลิ่นก็จะเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น และออกไปยังโถงทางเดินได้ไม่ยากเลย
พื้นที่ทางเดินเข้าครัว เป็นผนังเฉียงๆแบบนี้ สามารถกั้นห้องครัวเป็นครัวแยกส่วน เป็นครัวปิดได้ แต่จะลำบากหน่อย เพราะผนังด้านซ้ายเป็นผนังเฉียงๆ
พอใส่เฟอร์นิเจอร์แล้วก็จะประมาณนี้
พื้นที่ครัว เวลาวางโต๊ะกินข้าวแบบชิดผนังจะเหลือพื้นที่ประมาณนี้ พื้นครัวเป็นลามิเนต ไม่ใช่กระเบื้อง ดังนั้น ก็ต้องระวังเรื่องทำอะไรหกใส่พื้นด้วยนะครับ
ผนังครัวที่ติดกับห้องน้ำ มีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศจากห้องน้ำ เพราะห้องน้ำเป็นห้องที่ไม่มีหน้าต่าง ดังนั้นจึงต้องมีช่องระบายอากาศตรงนี้ และผมก็แนะนำให้ติดพัดลมดูดอากาศในห้องน้ำด้วยนะครับ เพราะไม่งั้นถ้ากลิ่นในห้องน้ำโชยออกมารวมกับกลิ่นครัวแล้วล่ะก็……คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก…
ห้องน้ำของจริงจะได้เป็นแบบนี้ สังเกตว่าของจริงจะไม่ได้ติดกระเบื้องกันเลอะเทอะที่ผนังมาให้ ก็แนะนำให้ไปซื้อมาติดซะนะครับ เพราะว่าจะทำให้ผนังครัวใช้การได้ดีขึ้นมาก ไม่ต้องกลัวเลอะเทอะ ปูกระเบื้องแล้วจะได้เช็ดทำความสะอาดง่ายกว่า
วัสดุอ่างล้างจาน ก็เป็นแบบมาตรฐานทั่วไป
หัวก็อกแบบวาล์วหมุน
พื้นที่วางตู้เย็น
ใส่ได้ขนาดประมาณนี้ ใหญ่กว่านี้ได้อีกหน่อย
ตรงข้ามตู้เย็น วางโต๊ะกินข้าวชิดผนังแบบ 2 ที่นั่ง เวลากินข้าวก็ต้องหันหน้าเข้าผนังแบบนี้นะครับ
ชั้นวางของด้านบน กว้างประมาณ 1 คืบของมือผม ใส่จานใบใหญ่ๆไม่ได้แน่ แนะนำให้เอาไว้ใส่พวกแก้วน้ำ
จากครัวออกไปที่ระเบียง มีประตูกระจกกั้นแบบนี้ เปิดได้แค่ด้านเดียวนะครับ
พื้นระเบียงกั้นด้วยธรณีก่อ ปูกระเบื้องขนาด 30×30 ซม.ไว้ ขนาดประมาณนี้ เวลาเดินออกไปเก็บผ้าที่ระเบียงตอนฝนตกนี่ต้องระวังสะดุดธรณีด้วยนะครับ
พอวางเครื่องซักผ้าลงไป ก็จะเหลือพื้นที่เท่าที่เห็น
ด้านบนเครื่องซักผ้า วางคอยล์ร้อนของแอร์ไว้สองตัว ติดกริลดันลมร้อนออกไปนอกระเบียง
ห้องเปล่าติดก็อกล้างพื้นระเบียง กับวางท่อไว้แล้ว
ราวกันตก
สุดท้ายคือห้องน้ำ ที่อยู่ด้านใน
ห้องน้ำกั้นด้วยธรณีก่อ
เข้ามาในห้องน้ำจะเจอกับโถสุขภัณฑ์ และ อ่างล้างมือแบบสำเร็จรูป ติดไว้ที่ผนัง เคาน์เตอร์อ่างล้างมือวางอุปกรณ์ต่างๆได้นิดหน่อย
ให้ดูอีกมุมนึง จะได้เห็นพื้นที่และระยะการใช้งาน
ติดกระจกเงาให้แบบนี้
อ่างล้างมือ กับหัวก็อก แบบชัดๆ
หัวสายฉีดชำระ
ถัดเข้าไปข้างในเป็นพื้นที่ Shower Box
พื้นที่ตรงนี้ไม่มีธรณีก่อ แต่ลดระดับไว้นิดเดียวเอง แบบนี้เวลาอาบน้ำ ห้องน้ำคงจะเปียกไปทั้งห้องแน่ๆ
พื้นที่ใน Shower Box
หัวฝักบัว
หัวก็อก ยี่ห้อ Hafele
ที่วางสบู่รูปสามเหลี่ยมแบบเข้ามุม แบบนี้ถ้าหลายคนเคยใช้ก็คงจะรู้ … ว่าวางอะไรไม่ได้เท่าไหร่หรอก … ไปหาอันที่ใหญ่ๆมาติดเถอะครับ ไม่กี่บาท …
เจาะลึกห้องตัวอย่าง 2 ห้องนอน 45 ตารางเมตร (ห้อง Combined)
ต่อมาเป็นห้องตัวอย่าง 2 ห้องนอน ขนาด 45 ตารางเมตร ซึ่งเป็นห้องแบบ Combined ครับ แปลว่า เราต้องซื้อห้องขนาด 22.5 ตารางเมตร 2 ห้องที่อยู่ติดกัน แล้วทุบผนังรวมกัน (ซึ่งถ้าเราซื้อก่อนที่โครงการจะสร้างเสร็จ เราก็สามารถบอกให้โครงการทำให้เราได้ ไม่ต้องไปทุบเองทำเองนะครับ)
ลักษณะ Layout ของห้องนี้ คือแบ่งส่วน Living กับส่วนห้องนอน แยกออกเป็นสองฝั่งชัดเจนเลย 50/50 ห้องนี้จะเป็นห้องที่เน้นพื้นที่ของ Living Area ที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะเหมือนเอาห้อง 22.5 ตารางเมตรห้องนึงมาทำเป็นส่วน Living ไปเลย ซึ่งจะประกอบได้วย ส่วนพักผ่อนวางโซฟากึ่งๆตัว L ได้ มีส่วนรับประทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง แต่ส่วนเตรียมอาหาร, ห้องน้ำ และ ระเบียงซักล้างจะเหมือนเดิม
อีกครึ่งหนึ่งของห้อง ก็จะถูกทำเป็นห้องนอนสองห้อง ห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัว อยู่ทางด้านหลัง ส่วนห้องนอนเล็กจะต้องเดินไปใช้ห้องน้ำที่อยู่ในห้องครัว ซึ่งเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกับส่วน Living ข้อดีอีกข้อหนึ่งของห้องนี้คือ เป็นห้องหน้ากว้างขนาด 10.20 เมตร ดังนั้นจะมีส่วนที่ติดกับหน้าต่าง เปิดรับแสงธรรมชาติอยู่หลายจุด ทำให้ห้องไม่ดูอึดอัด
เข้าห้องมาแล้วจะเจอกับส่วน Living Area ก่อน First Impression ประมาณนี้ ซ้ายมือเป็นส่วนห้องนอน ขวามือเป็นส่วนห้องครัว
ให้ดูอีกมุม มองจากห้องนอนไปที่ครัว ผนังกระจกที่เห็นในรูปนี้ จะไม่ได้แบบที่เห็นนะครับ แต่จะเป็นหน้าต่างครึ่งบาน เพราะอย่าลืมว่าตรงน้ันเคยเป็นห้องนอนของห้อง 22.5 ตารางเมตรมาก่อน
มุมนี้มองออกไปที่หน้าห้อง ข้างๆประตูจะ Built-in เป็นตู้เก็บของบานกระจกเอาไว้ ซึ่งดีกว่าเอาไว้วางทีวีแน่ๆแหละ แต่ห้องของจริงมันจะเปิดประตูห้องเข้ามาชนตู้กระจกตรงนั้นได้ เพราะฉะนั้นเราควรจะติด Door-Stopper เอาไว้ด้วยนะจ๊ะ ไม่งั้นเปิดประตูมาชนตู้กระจกแตกได้
ถัดมาเป็นส่วนโซฟาดูทีวี จะเห็นว่าเราใส่โซฟาใหญ่แบบตัว L ได้เลยนะครับ เพราะพื้นที่ด้านข้างเหลือพอสมควรเลย
ดูอีกมุมหนึ่งบ้าง มองเข้าไปในครัว
ตรงนี้ห้องตัวอย่างเขามีลูกเล่นนิดนึงนะครับ เพราะเขาทำผนังตรงนี้เป็นผนังโล่งๆ ทำชั้นวางของแบบเปลือยๆเอาไว้ ทำให้ห้องดูโปร่งไปเลย เพราะสามารถมองทะลุกันได้ เป็นไอเดียการกั้นผนังที่ดีนะครับ จะทำตามก็ทำได้ เพราะของจริงไม่มีมาให้อยู่แล้ว แต่แนะนำว่าควรจะใส่กระจกเพิ่มด้วยนะครับ เพราะไม่งั้นเราจะเผลอเอามือปัดสิ่งของลงมาตกแตกชำรุดเสียหายได้
ทางเดินเข้าครัว
ครัวเหมือนกับห้อง 22.50 ตารางเมตรครับ เป็นครัวเปิด ไม่เน้นทำอาหารเหมือนเดิม
ผนังครัวตรงนี้ของจริงไม่ได้ปูกระเบื้องมาให้นะครับ แต่ก็ทำตามเขาซะ
ครัวเชื่อมออกไปที่ระเบียง
ระเบียงที่ติดกับครัวตรงนี้ เน้นเป็นระเบียงซักล้าง เป็นฟังก์ชั่นที่เน้นใช้งานเป็นหลักเลย ไม่เหมือนระเบียงในห้องนอน
ห้องน้ำตรงนี้อยู่ติดกับครัว ใช้งานร่วมกันระหว่าง ห้องรับแขก และ ห้องนอนเล็ก สามฟังก์ชั่นมาตรฐาน อาบน้ำได้ เหมือนกับห้องที่แล้วนะครับ
กลับมาดูฝั่งที่เป็นห้องนอน ก่อนจะเข้าห้องนอน ส่วน Living Area ตรงข้ามโซฟาดูทีวี ก็แน่นอนว่าต้องใส่ทีวีแขวนผนัง กับชั้นวางทีวีไว้แบบนี้ ข้างๆกันก็จะวางโต๊ะรับประทานอาหารแบบ “เกือบๆจะ” 4 ที่นั่งเอาไว้ด้วย ชิดผนังแบบนี้ แปลว่าเรานั่งกินข้าวไป ดูทีวีไปด้วยไม่ได้นะครับ แล้วเวลาเราดูทีวีจากโซฟาก็จะเห็นภาพแบบนี้ โต๊ะกินข้าวมันก็ดูวางเกะกะๆหน่อย แต่ก็ถือว่าได้ครบฟังก์ชั่น
ทีวีแขวนผนัง ใส่ขนาดใหญ่กว่านี้ได้ แต่ก็เต็มที่แค่พื้นที่ผนังเท่าที่เห็นนะครับ เพราะมันจะติดประตูห้องนอน
เข้าไปดูห้องนอนเล็กที่อยู่ทางซ้ายก่อน มีโต๊ะกินข้าววางอยู่หน้าห้องด้วย …
ห้องนอนเล็ก วางเตียงลงไปพอดีเป๊ะ ไม่เหลือพื้นที่ปลายเตียง หรือข้างเตียง ขนาดเตียงไม่มาตรฐานนะครับ ซื้อเตียง 3 ฟุตมาไม่แน่ใจว่าจะใส่ได้พอดีแบบนี้มั้ย แนะนำให้ทำเป็น built-in จะดีกว่า ของทั้งหมดในห้องนี้ไม่มีให้ ของจริงเป็นห้องเปล่านะครับอย่าลืม
หน้าห้องใส่ตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กไว้แบบนี้
ด้านบนตู้เสื้อผ้ามีตู้เล็กๆอีกหนึ่งตู้ built-in ให้เต็มผนัง
ด้านข้างตู้เสื้อผ้า ทำเป็นโต๊ะแต่งตัวติดกระจกเอาไว้ให้ดูเป็นไอเดีย
ที่ข้างๆหัวเตียงจะเห็นว่ามีหน้าต่างอยู่หนึ่งบานครับ เพราะห้องนี้เป็นห้องที่ไม่มีหน้าต่างเชื่อมออกภายนอก มันก็จะดูมืดๆหน่อย ถ้าไม่มีหน้าต่างบานนี้ช่วยให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้ มันก็จะมืดสนิทไปเลย
หน้าต่างนี้เปิดออกไปเจอหน้าห้องน้ำครับ ซึ่งเชื่อมต่อกับระเบียงในห้องนอนใหญ่ทำให้มีแสงลอดผ่านเข้ามาได้ แต่จะเปิดจะปิดคุณลูกก็ต้องดูนิดนึงนะครับ ว่าคุณพ่อคุณแม่พึ่งเข้าห้องน้ำไปหรือเปล่า อาจจะมีกลิ่นลอดเข้ามาได้นะ อิอิ
ถัดไปเป็นห้องนอนใหญ่ ทางเข้าห้องอยู่ด้านนี้
ห้องนอนใหญ่จะเป็นห้องแบบแคบยาวแบบนี้ มีทางทะลุออกไปด้านหลังไปยังส่วนแต่งตัว ห้องน้ำ และระเบียง
มองจากด้านในย้อนออกไป ทีวีติดที่ผนังปลายเตียงได้
พื้นที่ปลายเตียงเหลือๆ เดินผ่านได้สบายๆ แต่ก็ไม่แนะนำให้เอาตู้มาวางนะครับ ไม่งั้นเดินเตะแน่ๆ เราอาจจะ built-in ชั้นวางของเข้าไปในผนังแบบที่เค้าทำแบบนั้นก็ได้
ผนังกระจกฝั่งนี้ เป็นหน้าต่างครึ่งบานนะครับ ไม่ใช่บานเต็มแบบนี้
ทางทะลุออกไปที่ห้องน้ำ ส่วนหัวเตียง จะเห็นว่าเตียงก็เป็นแบบ built-in เหมือนกัน เพราะถ้าซื้อเตียงขนาดมาตรฐานทั่วไปมาใส่ มันอาจจะมาบังทางเดินตรงนี้ได้
ตู้เสื้อผ้าด้านหลังห้องนอน
พื้นที่ตู้เสื้อผ้า และจุดแต่งตัว
ช่องข้างตู้ตรงนี้เว้นเอาไว้ เพราะตู้เสื้อผ้าจะได้ไม่ไปบังหน้าต่าง
ข้างๆตู้เสื้อผ้าเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ติดกระจก ติดโคมไฟด้านบน ที่ผนังห้องน้ำมีหน้าต่างระบายอากาศ ระบายกลิ่นออกจากห้องน้ำได้
ตรงข้ามโต๊ะแต่งตัว จะเป็นพื้นที่ว่าง เค้าก็ built ชั้นวางของไว้ให้ดูตรงนี้ ส่วนหน้าต่างที่เห็นตรงนั้นคือหน้าต่างที่เชื่อมออกไปยังห้องนอนเล็กยังไงล่ะครับ
ห้องน้ำเหมือนกับห้อง 22.50 ตารางเมตรเช่นเดียวกัน
ทางเดินออกไประเบียงหลังห้องนอน จะเห็นว่าเขาติดม่านเอาไว้ด้วย ของจริงเราก็ควรจะติดนะครับ เพราะส่วนนี้เป็นส่วนแต่งตัวของเรา อย่าเดินเล่นโชว์สิงโตทะเลนะจ๊ะ 😀
พื้นที่ระเบียงตรงนี้ก็ขนาดเท่ากับปกติ คงจะไม่ได้ใช้วางเครื่องซักผ้าอยู่แล้วแหละ แต่หลายๆคนคงจะเอาไว้ใช้ตากผ้าแน่นอน
Compressor Air วางที่ระเบียงในห้องนอน … เนื่องจากห้องนี้เป็นห้อง Combined จึงมีระเบียงอยู่ 2 จุด ดังนั้นถ้าคิดว่าเราจะไม่ค่อยได้ใช้ระเบียงในห้องนอน เราอาจจะวางคอมฯแอร์ตรงนี้ให้หมดเลยก็ได้ ส่วนระเบียงที่ติดกับครัว ก็จะได้ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงเรื่องระเบียงร้อน
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 24 May 2013
- 1 ห้องนอน อาคาร A ชั้น 5 ห้อง 20-21 เนื้อที่ 22.50 ตร.ม. ราคา 788,000 บาท หรือ 35,022 บาท/ตร.ม.
- 1 ห้องนอน อาคาร B ชั้น 7 ห้อง 07, 14-19, 22-27 เนื้อที่ 22.50 ตร.ม. ราคา 909,000 บาท หรือ 40,400 บาท/ตร.ม.
- 1 ห้องนอน อาคาร B ชั้น 7 ห้อง 04-06, 35-37 เนื้อที่ 26.00 ตร.ม. ราคา 1.063 ล้านบาท หรือ 40,884 บาท/ตร.ม.
- 1 ห้องนอน อาคาร C ชั้น 7 ห้อง 01, 32 เนื้อที่ 26.50 ตร.ม. ราคา 1.163 ล้านบาท หรือ 43,886 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- เพดานสูง 2.40 เมตร
- จอง 3,000 บาท
- ทำสัญญา xxx บาท
- ค่ากองทุน 300 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 30 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
ทำเลของ ลุมพินี วิลล์ อ่อนนุช-ลาดกระบัง ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ลาดกระบัง ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างโอเค มี Community Mall อย่าง Paseo, มี Lotus Express อยู่ตามปั๊มน้ำมัน, 7-Eleven และร้านมินิมาร์ทหาได้ทั่วไป มีตลาดสด มีตึกแถวร้านค้าค่อนข้างหลากหลาย ทำเลตรงนี้อยู่สามารถไปบางนา-ตราดได้ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากมีถนนวงแหวนเชื่อมกัน ถ้าอยากจะได้ห้างใหญ่ๆก็จะมี Mega บางนาให้ไปได้ อยู่ติดกับวงแหวนบางนาเลย นอกจากนี้ทำเลยังอยู่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิเท่าไรนัก ซึ่งเป็นข้อดีที่นำพาให้ทำเลตรงนี้มีการพัฒนาอย่างค่อนข้างต่อเนื่อง เนื่องจากชุมชนรอบๆสนามบินก็จะค่อยๆโตขึ้นเรื่อยๆ
ตัวโครงการไม่ต้องเข้าไปอยู่ในซอย แต่เป็นที่ดินแบบเส้นก๋วยเตี๋ยว หน้าแคบ ลึก จากหน้าโครงการร่นเข้าไป 400 เมตรถึงท้ายโครงการ คนที่อยู่ตึกหน้าๆก็ถือว่าโชคดี เดินออกมาเรียกรถได้สะดวก ซึ่งหน้าโครงการก็มีป้ายรถเมล์อยู่ใกล้ๆ แต่คนที่อยู่ตึกท้ายๆต้องเดินออกมาเรียกรถไกลพอสมควร ถ้าเป็นคนที่ไม่เน้นใช้รถส่วนตัว ก็อยากจะแนะนำให้เลือกตึก A หรือ B นะครับ จะได้ไม่ต้องเดินออกมาไกลๆ ส่วนถ้าเป็นคนที่มีรถ อยู่ตึกไหนก็เหมือนกัน (แต่ตึก A กับ D จะได้เปรียบหน่อย เพราะว่ามีที่จอดรถใต้อาคารด้วย)
สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ ถนนเส้นหลักที่ใช้ก็คงจะเป็น ถนนอ่อนนุุช-ลาดกระบัง ไปได้ทั้งศรีนครินทร์, พัฒนาการ, สุขุมวิท และอาจจะได้ใช้บ่อยๆอีกก็จะมี ถนนกิ่งแก้ว ที่ใช้วิ่งไปบางนา-ตราดได้, ถ้าวิ่งขึ้นเหนือไปรามคำแหงก็จะมีถนนร่มเกล้าให้ใช้ได้ด้วย ทำเลตรงนี้สามารถขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์ เพื่อวิ่งเข้าเมืองได้ หรือจะออกนอกเมืองไปชลบุรีหรือฉะเชิงเทราก็ทำได้ แล้วบนถนนลาดกระบังนี้ก็ยังมีถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกให้ใช้ได้ สามารถสัญจรไปมาในช่วง บางนา-อ่อนนุช-รามคำแหง-รามอินทรา ได้โดยไม่ต้องวิ่งผ่านเมือง แต่จุดด้อยหลักๆของการใช้รถยนต์ของโครงการนี้คือ มีที่จอดรถเพียง 30% เท่านั้น ซึ่งก็อาจจะเพียงพอก็ได้ เมื่อเทียบกับระดับราคาของโครงการนี้ ที่ลูกบ้านหลายๆคนอาจจะไม่ได้มีรถ แต่ด้วยตัวทำเลมันก็น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่าจะเพียงพอหรือเปล่า
ส่วนคนที่ไม่ใช้รถ คงจะต้องนั่งรถเมล์/แท็กซี่/มอเตอร์ไซค์เป็นหลัก แต่ก็อาจจะใช้รถไฟฟ้า Airport Link ได้ถ้าจำเป็น เพราะจะมีสถานีที่อยู่ใกล้โครงการที่สุด คือ สถานีบ้านทับช้าง กับ สถานีลาดกระบัง แต่ก็อยู่ห่างจากโครงการไปราวๆ 4 กม.เลยทีเดียว ไม่ได้เหมาะกับคนที่จะใช้ Airport Link ทุกๆวันนะครับ
ด้านการออกแบบโครงการ ที่นี่เป็นโครงการ Low Rise มีจำนวนยูนิต 1,118 ยูนิต แต่ถึงจำนวนยูนิตจะเยอะ ก็ต้องบอกว่าโครงการตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 11 ไร่เหมือนกัน หารๆออกมาก็คือประมาณ 100 ยูนิต ต่อ 1 ไร่ ซึ่งถ้าเทียบกับคอนโดในเมืองแล้วก็ดูธรรมดาไปเลย อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 140:1 ซึ่งก็อยู่ในเกณฑ์ปกติของคอนโดระดับราคานี้ ตัวตึกก็เป็น 4 ตึกเรียงๆ รูปตัว I ตามแนวที่ดิน วางตัวตึกไปทางตะวันออก-ตะวันตกครับ ก็เจอแดดกันไปตามระเบียบ… แบบห้องที่มีให้เลือกหลักๆเป็นห้อง 22.50 ตารางเมตรที่มีเยอะที่สุด รองลงมาก็เป็นแบบ 26 ตารางเมตร แล้วก็จะเป็นห้องมุม 23 กับ 26.50 ตารางเมตร การจัดฟังก์ชั่นในห้อง 22.50 ตร.ม. ทำออกมาได้ค่อนข้างครบ ตามแบบฉบับของ LPN อยู่แล้ว แต่่ด้วยความที่เป็นห้องเล็ก พื้นที่ และระยะการใช้งานก็อาจจะอึดอัดเกินไปสำหรับหลายๆคน ถ้าขยับไปเป็นห้อง 26 ก็จะใช้งานได้สะดวกกว่าพอสมควร
วัสดุอุปกรณ์ที่โครงการให้ ตัวห้องจัดเป็นแบบ Fully-Fitted คือให้ชุดครัว, ฉากกั้นห้องประตูกระจกบานเลื่อน กับตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in มาให้ เมื่อเทียบกับราคาก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มาตรฐานครับ
สาธารณูปโภคของโครงการ มีสระว่ายน้ำ และ ห้องออกกำลังกายอยู่ที่ตึก C, มีห้องสมุดที่ตึก B, รอบๆโครงการมีพื้นที่สีเขียวให้มาพอสมควร แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร อยู่ตามรอบๆตัวอาคาร โดยรวมแล้วก็คือถือว่ามีพอให้ใช้งานได้ แต่เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตแล้ว อาจจะไม่พอก็ได้ แต่ด้วยความที่นำเอา Facilities ต่างๆไปไว้ที่ตึก C ถึงเวลาจริงๆก็อาจจะมีแต่คนที่ตึก C ที่เดินลงมาใช้ก็เป็นไปได้ครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 35,000-40,000 บาทต่อตารางเมตร, 14/06/2013
- ทำเล 7.5/10 – ทำเลติดถนนใหญ่ลาดกระบัง
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ใกล้สุวรรณภูมิ ใกล้วงแหวน มีทางด่วนให้ใช้ จอดรถได้ 30%
- ไม่ใช้รถ 8/10 – มีป้ายรถเมล์หน้าโครงการ เรียกรถสะดวก แต่ตึกท้ายๆเดินออกมาหน้าโครงการระยะทางไกล
- วัสดุ 7.5/10 – ห้องเปล่ามาตรฐาน ให้ตู้เสื้อผ้า+ฉากกั้นห้อง+เคาน์เตอร์ครัว วัสดุมาตรฐานในราคานี้
- แบบ 7.75/10 – ห้องหน้ากว้าง คงฟังก์ชั่น แต่พื้นที่น้อย เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวจัดลำบาก ส่วนใหญ่ต้อง Built-in
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – สระว่ายน้ำ-ฟิตเนสตึก C และ ห้องสมุดตึก B มีพอให้ใช้งานได้ แต่เทียบกับจำนวนยูนิตแล้วก็อาจจะไม่พอได้
- MAIN CLASS
- 7.68 / 10.00
BOTTOM LINE
ลุมพินี Ville อ่อนนุช-ลาดกระบัง เหมาะกับคนพื้นที่ ที่ทำงาน หรือ มีสถานศึกษา อยู่ในโซน ลาดกระบัง-สุวรรณภูมิ มองหาบ้านในราคาต่ำล้านถึงล้านต้นๆ ที่เดินทางสะดวกในทำเลย่านนี้
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ