รีวิวฉบับที่ 2039 … PHYLL พหล 34 เป็นโครงการสร้างเสร็จใหม่ล่าสุดจาก CPN Residence บริษัทในเครือเซ็นทรัลพัฒนา ที่ปกติเราจะคุ้นกับห้างหรือว่าโรงแรมกันมากกว่า แต่เมื่อเซ็นทรัลหันมาทำธุรกิจอสังหาฯแบบเต็ม ๆ เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าโครงการจะเป็นอย่างไรบ้าง ใบ้ให้ว่าโครงการนี้ขายเฉพาะห้อง 1 Bedroom เป็นห้องหน้ากว้างทั้งหมด เป็น Low Rise ที่ติดถนนใหญ่และรถไฟฟ้าเสนานิคมค่ะ ไปดูรายละเอียดกับรีวิวตึกเสร็จของเรากันเลย 

ข้อมูลโครงการ

30 January 2020

  • PHYLL PHAHOL 34 ( ฟีล พหล 34 )
  • บริษัท ซีพีเอ็น เรสซิเด้นซ์ จำกัด
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • ที่ตั้งโครงการ : ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร 358 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 14 ยูนิตที่อาคาร C, D
  • ที่จอดรถประมาณ 145 คัน หรือคิดเป็น 40% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ที่ดินประมาณ 3 – 2 – 7.4 ไร่
  • สถานะโครงการ : สร้างเสร็จพร้อมอยู่
  • 1 Bedroom Type A พื้นที่ประมาณ 25 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type B พื้นที่ประมาณ 28 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type C พื้นที่ประมาณ 35 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 13x,xxx บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 02-541-1321 , 02-541-1322

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps :  13.836345, 100.574435
หรือสามารถคลิกที่นี่ 

แผนที่จากทางโครงการค่ะ จะเห็นว่าตัวโครงการจะอยู่ติดกับรถไฟฟ้าเสนานิคม ซึ่งเป็นสถานีใหม่ เปิดให้ใช้งานแล้วนะคะ โดยรถไฟฟ้าสถานีนี้จะเป็นสถานีส่วนต่อขยาย ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เริ่มต้นมาจากสถานี 5 แยกลาดพร้าว หรือว่าหน้าห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวเลย ซึ่งจุดประสงค์ของทำเลนี้คือช่วยให้คนที่อาศัยอยู่ทางฝั่งกรุงเทพฯตอนเหนือ เดินทางเข้าไปยังใจกลางเมืองได้สะดวกขึ้นค่ะ นอกจากระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นรถไฟฟ้าแล้ว สิ่งที่น่าสนใจของ Phyll พหล 34 คือเป็นคอนโด Low Rise ที่อยู่ติดกับถนนใหญ่ จึงทำให้ในแง่การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ เช่น จะขึ้นรถเมล์ เรียกรถ Taxi ก็ทำได้ไม่ยากเลยค่ะ นอกจากนี้การที่จะไปใช้งานถนนประเสริฐมนูกิจ ยังสามารถใช้ซอยพหลฯ 34 ไปออกที่เส้นนั้นได้ โดยที่ไม่ต้องไม่หาจุดกลับรถบนถนนพหลโยธิน ซึ่งมีท่าทีว่าอาจจะใช้เวลานานกว่าค่ะ

PHYLL พหล 34 ตั้งอยู่ในช่วงต้นๆ ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งสร้างต่อจากสถานีหมอชิต บริเวณนี้ก็แวดล้อมไปด้วยอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน มหาวิทยาลัยชื่อดัง ร้านค้าต่างๆ ตลอดจนบ้านพักอาศัย จัดเป็นพื้นที่ที่ครบครัน มีความอุดมสมบูรณ์สูง และคึกคักมากๆ อีกย่านหนึ่ง

สำหรับการเดินทางบนทำเลนี้จัดว่าง่ายและสะดวกทีเดียว สามารถใช้เส้นทางโดยอิงจากถนนพหลโยธินเป็นเส้นทางหลัก ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมและตัดกับถนนสายสำคัญต่างๆ ทั้งถนนลาดพร้าว วิภาวดีรังสิต รัชดาภิเษก งามวงศ์วาน และประเสริฐมนูกิจ (เกษตรนวมินทร์) ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวกมาก เพราะมีเส้นทางให้เลือกเดินทางที่หลากหลายทีเดียว แต่ต้องยอมรับเช่นกันค่ะว่าทำเลนี้จำเป็นต้องเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยเช่นกันนะคะ เพราะปริมาณรถที่มีจำนวนมาก ทำให้รถค่อนข้างติดขัดมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาก่อนเข้างานและหลังเลิกงาน

สำหรับความอุดมสมบูรณ์ถ้ามองจากภาพรวมจะเห็นว่าทำเลนี้เป็นทำเลที่มีความครบครันในเรื่องการอยู่อาศัยเกือบทั้งหมด ซึ่งจะเห็นว่าอยู่ใกล้กับห้างดังอย่าง Central ลาดพร้าว, Major Cineplex รัชโยธิน, Union Mall รวมไปถึง Hyper Market ใหญ่อย่าง Tesco Lotus และ Big C Supermarket ให้สามารถจับจ่ายซื้อของหรือ Shopping ได้สะดวกสบาย เดินทางไม่ไกล โรงพยาบาลและตลาดต่างๆ ประกอบกับทำเลนี้ก็มีโรงเรียนดังอย่างโรงเรียนหอวัง และมหาวิทยาลัยใหญ่ทั้ง 2 แหล่งใกล้ๆ กัน ทั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ทำให้เป็นทำเลที่มีนักเรียนนักศึกษาค่อนข้างมากเช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาคารสำนักงานต่างๆ อีกมากมาย จึงมีวัยคนทำงานที่เข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในย่านนี้เช่นเดียวกันค่ะ กลุ่มคนที่อยู่ในย่านนี้จึงค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งนอกเหนือจากนักเรียนนักศึกษาและพนักงานที่ทำงานในอาคารสำนักงานในย่านนี้แล้ว ก็ยังมีกลุ่มคนที่ต้องการอยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวก แต่ยอมอยู่ขยับออกมาหน่อยจากตัวเมืองเช่นกัน แต่ถ้ามองใน Scale ที่ใกล้กับโครงการเราลงมา ตัวโครงการจะได้ข้อดีของการที่ใกล้กับ ม.เกษตรค่ะ ทำให้ในระยะใกล้ จะมีร้านอาหารราคานักศึกษาให้เลือกหลากหลายเลย ทั้งตรงม.เกษตรเอง หรือจะในซอยพหล 34 ก็ถือว่าเป็นซอยที่อุดมสมบูรณ์มาก แต่ถ้าใครมีรถ จะขับไปกินโซนลาดพร้าว-วังหินก็มีของอร่อยอีกเพียบเลยค่ะ

เส้นทางการเดินทางและสภาพแวดล้อมรอบๆโครงกาาร

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ตัวโครงการจะมีทางเข้า-ออกอยู่ติดกับรถไฟฟ้าเลยนะคะ และมีพื้นที่ดินที่ติดกับซอยพหล 34 เราลองเดินไปโครงการจากรถไฟฟ้ากันดูสักรอบดีกว่าค่ะ

จากสถานีเสนานิคมให้ออกทางออกที่ 4 นะคะ(ขวามือ) ซ้ายมือจะเจอกับกรมที่ดินและร้านอาหาร

แอบแถมรูปร้านอาหารก่อน มีให้เลือกเยอะเลยค่ะ อยากกินปิ้งย่างขึ้นมาทันที

หันมาจะเจอกับทางออกสองฝั่ง ฝั่งซ้ายจะเป็นลิฟต์ (ใกล้กับโครงการเราค่ะ) ส่วนทางฝั่งขวาจะเป็นบันได

มีลิฟต์ใกล้ๆก็มีข้อดีนะคะ เช่นถ้าเราจะต้องเดินทาง นัดเพื่อนไว้ต้องใช้รถไฟฟ้า เข็นกระเป๋าออกมาก็ขึ้นลิฟต์ได้เลย ไม่ต้องยกขึ้นบันได หรือลากกระเป๋าขึ้นลงทางเท้าหลายๆรอบ (ถนนในกทม.เนอะ ไม่ได้ราบเรียบเดินสบายเท่าไหร่)

ลงมาจะเจอกับ MaxValu ซ้ายมือค่ะ

ลงมาจะตรงกับซอยพหลฯ 34 พอดี เส้นนี้จะไปออกยังถนนประเสิรฐมนูกิจได้

เดินย้อนกลับมานะคะ

Max Valu สาขานี้จะมีที่นั่งกินอาหารให้ด้วย ในบรรดา Convenience Store เราค่อนข้างชอบ Max Valu นะคะ มีอาหารปรุงสุกให้เลือกหลากหลาย ลดราคาบ่อย

เลยมาจะจอกับลิฟต์ขึ้นรถไฟฟ้าซ้ายมือ มีทางลาดเรียบร้อย ส่วนทางขวามือเป็นร้านสุกี้

ร้านดูคลาสสิกน่าอร่อยเชียว เราไม่ได้ลองเข้าไปกิน ใครกินแล้วลองเล่าให้ฟังหน่อยค่ะว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?

เลยร้านสุกี้มาก็จะเป็นทางเข้าโครงการเลยค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

รอบๆโครงการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแนวราบทั้งหมดเลยค่ะ เป็นอาคารพาณิชย์ตึกแถวที่ดัดแปลงเป็นหน้าร้านไว้ค้าขาย และอยู่อาศัยด้วย

ทิศเหนือ : แนวตึกแถว สูง 3-4 ชั้น
ทิศตะวันออก : ติดกับ Apartment สูง 8 ชั้น
ทิศตะวันตก : ติดกับอาคารพาณิชย์ สูง 5 ชั้น และ สถานีรถไฟฟ้าเสนานิคม
ทิศใต้ : ติดกับซอยพหลฯ 34 ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 5 ชั้น

ทิศตะวันตก ติดกับอาคารพาณิชย์ ที่ข้างล่างเป็นร้านสุกี้และ MaxValu ที่เราเดินผ่านมาค่ะ

ทิศใต้ ติดกับอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น

ทิศเหนือ ติดกับตึกแถว สูง 3-4 ชั้น ที่ดูสีเรียบร้อยเพราะทางโครงการขอไปทาสีที่หลังบ้านเขาให้ค่ะ เวลาเรามองออกไปจะได้ไม่เจอสีร่อนไม่สวยงาม

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น 

  • รถไฟฟ้าเสนานิคม ~ 5 m.
  • รพ.เปาโล เกษตร ~ 190 m.
  • ตลาดบางเขน ~ 350 m.
  • ม.เกษตรศาสตร์ ~ 550 m.
  • เมเจอร์รัชโยธิน ~ 1.2 km.
  • SCB Park ~ 1.8 km.
  • โรงเรียนหอวัง ~ 2.7 km.
  • Central Plaza ลาดพร้าว ~ 2.6 km.
  • Union Mall ~ 3.1 km.
  • ปตท.สำนักงานใหญ่ ~ 3.8 km.
  • ตลาดนัดสวนจตุจักร ~ 5.8 km.

รายละเอียดโครงการ

PHYLL พหล 34 เป็นโครงการ Low Rise จาก CPN ที่มีทางเข้า-ออกจากถนนใหญ่อย่างถนนพหลโยธินฝั่งขาเข้าเมืองและเป็นโครงการ Low Rise เพียงไม่กี่โครงการ ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าระยะ 0 เมตร (ไปเจอกับลิฟต์ของสถานีพอดี) เรื่องทำเลจึงถือว่าเป็นจุดเด่นข้อหนึ่งของโครงการนี้เลยก็ได้นะคะ

ส่วนตัวโครงการตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่ครึ่ง แบ่งเป็น 4 อาคารพักอาศัย สูง 8 ชั้น และ 1 อาคาร Clubhouse ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างอาคารทั้ง 4 ค่ะ รวมจำนวนยูนิตพักอาศัยทั้งหมดจะมีอยู่ 358 ยูนิต ลองคิดคร่าวๆ หาร 4 อาคารก็ถือว่าจำนวนไม่เยอะเลยนะคะ แต่ละอาคารก็จะมีลิฟต์ให้อยู่ 2 ตัวต่ออาคาร สัดส่วนลิฟต์ต่อจำนวนยูนิตทั้งอาคารก็อยู่ที่ 1 : 45 เท่านั้น ถือว่าน้อยค่ะ นั่นก็แปลว่า ข้อดีของอาคารนี้อีกอย่างคือจำนวนยูนิตที่ไม่มาก เหมาะกับคนที่มองหาความเป็นส่วนตัวในการใช้ชีวิตนะคะ

แนวความคิดในการออกแบบโครงการคือ ” Phyll Like Home “ Phyll ที่พ้องเสียงกับคำว่า Feel แปลว่าให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้าน และ Phyll ก็มาจากคำว่า Chlorophyll หรือสารสีเขียวที่อยู่ในพืชนั่นเองค่ะ ทำให้ภายในโครงการนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ให้ความสำคัญมากเลยก็คือพื้นที่สีเขียว แต่พื้นที่สีเขียวในโครงการจะไม่ใช่สนามหญ้ากว้างๆ ไว้วิ่งเล่นเตะบอล แต่จะเป็นพืชพรรณต่างๆที่เลือกมาปลูก ให้เป็นมุมมองสบายตาให้กับผู้ที่อยู่อาศัยในโครงการนี้ค่ะ ซึ่งถ้าเราไปดูโครงการจริง เมื่อเข้าไปอาจจะรู้สึกว่าการวาง Layout ต่างๆของอาคารดูแน่นมาก แต่นั่นก็เป็นเพราะพื้นที่ดินที่มีขนาดจำกัด และทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า ถ้าเทียบกับโครงการที่อยู่ในซอย โครงการนั้นอาจจะมีที่ดินใหญ่กว่า แต่ก็ต้องนั่งรถต่อเพื่อเข้าไปยังโครงการแทนนะคะ คนที่กำลังเลือกซื้อก็ต้องลองชั่งน้ำหนักในใจกันดูอีกที ว่าเราชอบที่กว้างจริงๆ หรือว่าเราอยากได้ความสะดวกสบายของทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้าและถนนใหญ่มากกว่ากันค่ะ

ก่อนที่จะไปดูโครงการจริง เรามาดู Master Plan หรือผังรวมของโครงการกันก่อนดีกว่า อย่างที่บอกไปว่าตัวอาคารจะมีที่ดินค่อนข้างจำกัดค่ะ และมีอยู่ทั้งหมด 4 อาคาร ทางเข้า-ออกจะอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นถนนใหญ่ แต่ว่าตัวที่ดินจะมีความยาวขนานไปกับซอยพหลโยธิน 34 นะคะ แต่จะไม่เปิดทางเข้า-ออกทางฝั่งนั้น ด้วยการที่ตัวโครงการตั้งอยู่บนที่ดินขนาดจำกัด และแบ่งออกเป็น 4 อาคาร ซึ่งทั่วๆไปที่เราเคยเห็นการวางผังของคอนโด Low Rise มักจะเอาส่วนกลาง On ground หรือไว้ที่ชั้น 1 ตรงกลางระหว่างอาคาร หรือว่าเอาไปไว้ในอาคารเลย ปล่อยให้ชั้น 1 เป็นที่จอดรถ แต่สำหรับ Phyll พหล 34 มีความน่าสนใจตรงที่สร้างพื้นที่ส่วนกลางเป็น Clubhouse สูงเท่ากับอาคาร 4 ชั้นไว้ตรงกลางระหว่างอาคารเลยค่ะ ทำให้ชั้น 1 ใต้อาคารพักอาศัยกับ 2 ชั้นล่างของ Clubhouse เป็นที่จอดรถ และเป็นโครงการที่ให้พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่อยู่เหมือนกันนะคะ เมื่อเทียบกับจำนวนห้องพัก 358 ยูนิต

ที่ชั้น 1 เราจะเห็นว่าพื้นที่ส่วนใหญ่จะถูกจัดเป็นที่จอดรถใต้อาคารหมดเลย โดยจะมีระบบรักษาความปลอดภัยหลายจุดมากค่ะ จุดแรกคือทางเข้า-ออกโครงการที่จะได้ประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ สำหรับรถลูกบ้านเมื่อเข้ามาจะสามารถวนรถได้ทางเดียวจากใต้อาคาร B ไป C ไป D และมาใต้อาคาร A อีกครั้ง ซึ่งการที่จะเข้าไปจอดรถใต้อาคารได้นั้นก็จะต้องใช้ Key Card เพื่อ Scan เข้าไปที่หน้าอาคาร B อีกครั้งค่ะ และถ้าจะนำรถออกก็จะมีจุด Scan ออกที่ปลายอาคาร A และออกที่ประตูบานเลื่อนหน้าโครงการอีกครั้ง ฟังดูเหมือนจะวุ่นวายหลายชั้นอยู่นะคะ แต่ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยในโครงการค่ะ นอกจากนี้ลูกบ้านที่เดินเท้าเข้า-ออก ก็จะต้องใช้ Key Card Scan ทุกจุดเลย ตั้งแต่รั้วทางเข้า-ออก โถงลิฟต์ชั้น 1 ของแต่ละอาคาร ทางเข้า Clubhouse หรือว่าพื้นที่ต่างๆภายใน Clubhouse เช่น Fitness , Lobby , Multi Purpose Room ก็ต้องใช้ Key-Card หมดเลยค่ะ จะมามั่วนิ่มเข้ามาใช้งานไม่ได้เลยจริงๆ

สำหรับส่วนที่เป็นอาคารพักอาศัยจะมีแค่ที่จอดรถ และลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องพักอาศัยเท่านั้น แต่ส่วนที่เป็น Clubhouse จะมีฟังก์ชันต่างๆเช่น Lobby, Mail Room, Smart Locker และห้องทำงานของนิติบุคคลค่ะ

พื้นที่ส่วนที่เป็น Clubhouse จะเป็นส่วนที่ออกแบบให้มีชั้นใต้ดินอยู่ด้วยนะคะ โดยจะแบ่งพื้นที่เป็นที่จอดรถ และมี Multi-Purpose Room เป็นพื้นที่เหมือน Co-Working Space นั่งทำงานได้ มีสวนเล็กๆอยู่ด้านข้าง มี Laundry เอาไว้ให้นำเสื้อผ้ามาซักได้ค่ะ โดยจากที่จอดรถสามารถเข้ามายังพื้นที่ในอาคารได้นะคะ แต่ต้องใช้ Key-Card Scan เท่านั้น โดยพื้นที่จอดรถรวมทั้งหมดจะอยู่ที่ 145 คันหรือประมาณ 40% ถือว่าไม่เยอะมาก แต่ก็อย่าลืมนะคะว่าโครงการนี้ถือเป็นโครงการติดรถไฟฟ้าเหมือนกัน เดินออกไปหน้าประตูโครงการก็เป็นรถไฟฟ้าแล้ว

ในส่วนนี้เราจะขออธิบายพื้นที่ส่วนกลางก่อน ส่วนเรื่องห้องพักอาศัยของแต่ละอาคารจะอธิบายแยกทีหลังนะคะ ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักอีกชั้น ประกอบไปด้วย Fitness และสระว่ายน้ำ ตัวสระว่ายน้ำจะยาว 20 เมตร กว้าง 6.50 เมตร ลึก 1.20 เมตร มีทั้งสระเด็กและ Jacuzzi ขนาด 4×4 เมตร ให้มาด้วย รอบๆสระมีพื้นที่นั่งเล่นทั้ง indoor และ outdoor พร้อมกับการจัดสวนเป็นมุมมองพักสายตาให้กับคนที่มาใช้งาน และส่วนกลางตรงนี้ก็จะเป็นวิวให้กับห้องพักที่หันเข้ามาด้านในของตัวโครงการด้วยค่ะ

ที่ชั้น 4 ส่วนที่เป็นหลังคาของ Fitness และห้องน้ำ จะถูกจัดเป็นสวน ซึ่งสวนตรงนี้ไม่อนุญาตให้ขึ้นมาใช้งานนะคะ แต่จะดูแลให้สวยงามเป็นวิวให้กับห้องที่หันเข้ามายังพื้นที่ตรงกลางค่ะ

ข้อดีของการมี Clubhouse อยู่ตรงกลางเลยคือพื้นที่ส่วนกลางที่เราจะได้ขนาดใหญ่ขึ้น แต่ละอาคารสามารถมาใช้ได้ทัดเทียมกัน (อาจจะมีอาคาร C ที่อาจจะเดินไกลหน่อย) แต่ข้อเสียคือพอเราอยู่ที่ชั้น 1 อาจจะรู้สึกว่าตัวโครงการดูแน่นมาก และห้องที่อยู่ชั้น 2 ก็จะไม่ได้วิวค่ะ

มาดูตัวโครงการจริงกันเลยดีกว่าค่ะ ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ สำนักงานขายย้ายมาจากเซ็นทรัลลาดพร้าวมาที่โครงการจริงเลย ใครที่อยากมาดูก็ Walk-in เดินเข้ามาดูได้เลยค่ะ

ทางเข้าหลักจะติดกับถนนพหลโยธินตรงรถไฟฟ้าเสนานิคมเลย โดยประตูรั้วทางเข้าจะถูก Set เข้าไปจากถนนใหญ่เล็กน้อย เวลาขับรถเข้ามาก่อนที่ประตูจะเปิดก็มาจอดรถหรือติดต่อพี่รปภ. รถก็จะไม่ไปเกะกะถนนใหญ่ด้านหน้าด้วยค่ะ คนที่ขับรถมาตัวโครงการจะอยู่ฝั่งที่ถึงก่อนรถไฟฟ้านะคะ มีป้ายบอกอยู่ค่ะ

ด้านหน้านอกจากจะมีทางเดินรถแล้วก็ยังมีทางคนเดินแยกให้ด้วย มีต้นไม้ใหญ่ปลูกตั้งแต่ทางเข้าเชื้อเชิญให้เข้าไปภายใน

ทางเข้าออกเป็นประตูรั้วบานเลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งถือว่าดีเลยค่ะ ดูเรียบร้อยสวยงาม มีรปภ.อยู่ตรงกลาง เข้า-ออกโดยใช้ Key-Card สำหรับลูกบ้านที่จะมีเพื่อนมาติดต่อ สามารถใช้ระบบ VMS (Visitor Management System) ผ่าน Application ของ CPN Residence ได้ เพื่อนที่มาก็จะได้รับ Code มาก่อน เพื่อที่จะ Scan เข้าไปภายในได้ง่ายขึ้นค่ะ

ส่วนทางเดินเข้าก็ต้องใช้ Key Card นะคะ เดินดุ่มๆเข้าไปไม่ได้ค่ะ

เข้ามาเราก็จะเจอกับอาคาร A ก่อนเลย ถนนจะวนอยู่ใต้อาคารต่างๆค่ะ จัดพื้นที่ดูเรียบร้อย มีต้นไม้ปลูกสร้างความร่มรื่นเป็นระยะ

อาคาร A จะอยู่ทางขวามือนะคะ แต่ว่าทางเดินรถจะเป็นการเดินรถทางเดียว เราต้องตรงเข้ามาก่อน ซึ่งจะเจอกับพื้นที่ต้อนรับแบบนี้ค่ะ

สำหรับคนที่จะจอดรถทางเดินรถก็จะลอดใต้อาคาร B เข้าไป พื้นตั้งแต่ทางเข้ามาจนถึงตรงนี้จะใช้วัสดุที่ไม่ใช่คอนกรีตแบบทั่วไป ดูเรียบร้อยสวยงาม

หันมาทางขวามือตรงกลางจะเป็นอาคาร Clubhouse ค่ะ บริเวณนี้จะมีการเลือกต้นไม้วางตามจุดต่างๆดูร่มรื่นเหมือนกันนะคะ

Clubhouse จะมีความสูงเท่ากับตึก 3 ชั้น ออกแบบมาดูร่มรื่นน่าใช้งานค่ะ

อาคารต่างๆก็จะวางล้อมรอบ Clubhouse เอาไว้ทำให้ห้องที่หันเข้ามาด้านในก็จะได้วิวเป็นต้นไม้ พื้นที่สีเขียว Clubhouse และสระว่ายน้ำ บรรยากาศดูต่างจากถนนใหญ่ด้านนอกพอสมควรเลย

มีการออกแบบตกแต่งด้วยน้ำพุ ต้นไม้ บรรยากาศธรรมชาติ เป็นวิวให้ทั้งห้องพักอาศัยและเป็นวิวให้กับฟังก์ชันภายใน Clubhouse เองด้วย

เนื่องจากอาคาร Clubhouse จะมีพื้นที่ใต้ดินด้วยนะคะ เราชอบการออกแบบที่เจาะช่องลงไปแบบนี้ทำให้ชั้นล่างได้แสงธรรมชาติเข้าไปยังพื้นที่ใช้งานได้ด้วยค่ะ ไม่ได้ดูเป็นพื้นที่ใต้ดินที่มืดทึบ

มาดูที่จอดรถกันก่อนนะคะ ที่เราบอกไปตอนอธิบายผังว่าหลังจากที่เข้ามาจากทางเข้าแล้ว รถที่จะเข้าไปจอดในอาคารได้ ก็จะต้องใช้ Key-Card Scan กันอีกครั้งหนึ่งด้วยค่ะ เป็นกึ่งๆ Double Security เหมือนกันนะคะ

ตรงเข้ามาตรงนี้จะเป็นใต้อาคาร B สามารถจอดรถได้ทั้ง 2 ฝั่ง เป็นที่จอดรถในร่มหมดเลย

ทางซ้ายมือจะเป็นโถงลิฟต์ ซึ่งแต่ละอาคารจะแยกกัน โดยจะต้องใช้ Key-card Scan เข้าโถงลิฟต์อีกครั้งค่ะ อาคารของใคร อาคารคนนั้นเลย เพราะแต่ละอาคารจะไม่มีส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันนะ

ด้านหลังที่จอดรถฝั่งหนึ่งจะเป็นอาคาร Clubhouse ตรงนี้จะมีการจัด Landscape เป็นพื้นที่สีเขียวค่ะ ดูร่มรื่นเลยนะคะ

วนมารอบๆ ทางเข้าที่จอดรถใต้ Clubhouse จะอยู่ทางฝั่งอาคาร D ค่ะ ใต้ Clubhouse จะจอดได้อีก 2 ชั้นนะคะ รวมแล้วจอดได้ 145 คันค่ะ

และตรงอาคาร A รถที่จะออกจากโครงการจะต้อง Scan ผ่านจุดนี้อีกครั้งเพื่อที่จะออกไปนะคะ ระบบเข้า-ออกที่นี่เข้มงวดมากเลย ถ้ามีผู้ปกครองจะให้ลูกอยู่อาศัยเพราะเป็นคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยก็น่าจะอุ่นใจได้เลยค่ะว่าปลอดภัย

กลับมาดูพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ภายใน Clubhouse กันบ้างนะคะ ส่วนนี้จะดูเป็นอาคาร 2 ชั้น ที่สูงเท่ากับอาคารพักอาศัย 3 ชั้นเลย เพราะพื้นที่ชั้นล่างอย่าง Lobby ก็จะได้ความสูงแบบ Double Volume ด้วยค่ะ แล้วก็เช่นเคยค่ะ จะเข้าไปใช้งานในอาคาร ต้อง Scan Key Card อีกครั้งนะคะ

เข้ามาก็จะเจอกับเคาน์เตอร์แบบนี้นะคะ ตอนนี้พื้นที่ส่วนนี้จะเป็นสำนักงานขายไปด้วยอยู่ เลยอาจจะมีโมเดลห้องพักตั้งอยู่ด้วย

พื้นที่ส่วนนี้จะเรียกว่า Well-Being Club เป็นเหมือน Lobby ที่เข้ามานั่งเล่น นัดเพื่อนมาคุยงาน เหมือนเป็นห้องรับแขกห้องของเราได้เลยค่ะโดยจะมีทั้งส่วนที่เป็น indoor และพื้นที่ในร่มนอกอาคาร เผื่อวันไหนอากาศดีๆก็ออกมานั่งเล่นได้นะคะ

ข้างๆกันจะมีบันไดเดินลงไปชั้นใต้ดินค่ะ ต้องบอกก่อนนะคะว่าอาคารนี้จะไม่มีลิฟต์ ต้องอาศัยการเดินเท่านั้นค่ะ เหนื่อยหน่อยแต่ถือว่าได้ออกกำลังกายและช่วยประหยัดพลังงานไปในตัวนะคะ

ที่ชั้นล่างจะมี Multi-Purpose Room และ Laundry อยู่ค่ะ

Multi-Purpose Room ต้องใช้ Key card Scan เข้านะคะ

ภายในจะมีมุมนั่งเล่น นั่งทำงานอีกจุด ซึ่งจะได้ความสงบมากขึ้นกว่าพื้นที่ส่วน Lobby

ที่ห้องนี้จะมีโต๊ะใหญ่ สามารถนั่งประชุม หรือคุยงานทำงานกับเพื่อนๆได้ด้วย และที่เราชอบคือถึงแม้จะเป็นชั้นใต้ดินแต่การออกแบบที่เจาะช่องแสงลงมาทำให้พื้นที่ส่วนนี้ไม่มืด และยังได้วิวพื้นที่สีเขียวที่เป็นสวนข้างๆห้องด้วยค่ะ

ที่ชั้นนี้จะมีห้องน้ำให้ใช้งานแยกชาย-หญิงนะคะ อยู่ทางซ้าย ขวามือจะเป็น Laundry ส่วนตรงไปจะเป็นที่จอดรถค่ะ

ห้องน้ำจะแยกเป็นสองส่วน เผื่อใครจะล้างมืออย่างเดียวก็สามารถใช้งานพร้อมกันได้ สิ่งที่น่าสนใจคือพัดลมที่ติดมาในห้อง ตรงนี้หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงไม่ติดแอร์? เรามองว่าการใช้งานพื้นที่ตรงนี้ในความเป็นจริงแล้ว ลูกบ้านก็มีจำนวนไม่มาก การใช้งานพื้นที่นี้อาจจะไม่หนาแน่นมาก ดังนั้นการเลือกที่จะใช้พัดลมอาจจะเพียงพอแล้ว สามารถเปิดระบายอากาศได้ การดูแลรักษา ค่าใช้จ่ายต่างๆก็ถูกกว่าด้วยค่ะ หลายๆโครงการพอใช้งานจริงไปสักระยะ แอร์ต่างๆก็ต้องเปิด-ปิดเป็นเวลา หรืออาจจะไม่ได้ใช้งานด้วยซ้ำ การที่มีพัดลมมาให้เลยก็ไม่ถือว่าเป็นข้อเสียนะคะ

มาดูห้องน้ำชายก็จะมี Layout คล้ายกับห้องน้ำหญิง เเต่จะเพิ่มโถสุขภัณฑ์ชายเข้ามา

หน้าห้อง Laundry จะมีตู้กดน้ำดื่มอยู่ด้วยค่ะ

ส่วนภายในก็จะมีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าให้ใช้งาน เราเอาเสื้อผ้าลงมาซัก นั่งรอ นั่งเล่นใน Multi-Purpose ได้เลย

หลังจากที่ลงใต้ดินกันมา เรามาขึ้นชั้นบนกันบ้างนะคะ

ก่อนจะขึ้นไปเราเจอกับ Smart Locker ก่อนค่ะ ตรงนี้เวลาเราฝากก็จะใช้ Key Card หรือบัตรประชาชนเพื่อฝากได้ โดยต้องระบุบ้านเลขที่ของเจ้าของห้องที่เราจะฝากไปค่ะ

เดินมาอีกนิดจะเป็น Mail Room ทุกอาคารจะต้องมารับที่จุดเดียวคือตรงนี้นะคะ

ข้างๆ Mail Room จะเป็นทางขึ้นไปชั้นสระว่ายน้ำ ต้อง Scan เข้าพื้นที่อีกครั้ง และก็ Warm Up ร่างกายด้วยการเดินขึ้นไปยังพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นพื้นที่ Active ประกอบไปด้วยฟังก์ชันที่เป็นกิจกรรมแบบออกแรง เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนสค่ะ

ขึ้นมาจะมีมุมนั่งเล่นเล็กๆ มีเครื่องกระตุ้นหัวใจเผื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินค่ะ

มาดูที่ห้อง Fitness กันเลย ต้อนรับเราเข้าห้องด้วยรูปคนวิ่ง

เราว่าพื้นที่และอุปกรณ์ที่ให้มาภายในห้องฟิตเนสของที่นี่ค่อนข้างหลากหลายเลยนะคะ วางได้แบบไม่อึดอัด สามารถมาใช้งานได้สบายๆเลย เล่นไปมองออกไปเห็นภายในอาคารบริเวณหน้า Clubhouse ด้วย

ตรงข้ามกับฟิตเนสจะเป็นทางเดินไปยังสระว่ายน้ำค่ะ พอมีระแนงอยู่ข้างหนึ่งของทางเดินก็แลดูสวยงามดีนะคะ

ก่อนจะไปยังส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำที่เป็นพื้นที่ Outdoor จะเจอกับห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือค่ะ แยกชาย-หญิง

ตัวห้องน้ำจะมีฟังก์ชันที่รองรับการใช้งานพื้นที่ออกกำลังกาย เช่นมี Locker ให้เก็บของ มีห้องอาบน้ำ

นอกจากนี้ก็จะมีห้อง Sauna มาให้ด้วย ออกแบบด้วยโทนสีเรียบๆแต่ให้ฟังก์ชันมาครบพร้อมใช้งาน

มีกระจกบานใหญ่ให้ด้วยไว้ส่องได้เต็มที่เผื่อใครเเต่งหน้าแต่งตัวหลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้วก็ออกไปข้างนอกได้เลย ไม่ต้องกลับขึ้นห้องไปแต่งหน้าแต่งตัวอีกรอบค่ะ

ห้องน้ำชายก็มีฟังก์ชันต่างๆภายในห้องเหมือนกันนะคะ

มาดูที่สระว่ายน้ำกันค่ะ บริเวณรอบๆสระจะมีพื้นที่นั่งเล่นที่ semi-outdoor และ outdoor

มีพื้นที่นั่งข้างสระ แต่เป็นพื้นที่ในร่มค่ะ

ตัวสระจะยาว 20 เมตร กว้าง 6.5 เมตร เรียกได้ว่าว่ายออกกำลังกายได้สบาย

สระว่ายน้ำจะถูกโอบล้อมด้วยอาคารพักอาศัยของโครงการเราเอง ไม่ต้องอายสายตาคนนอก อายก็แต่สายตาจากห้องพักที่อยู่รอบๆนี่แหละค่ะ แต่ก็จะกลายเป็นวิวที่สวยงามให้กับห้องพักรอบๆด้วย บรรยากาศเหมือนอยู่ใน Resort เลย

ข้างๆสระก็จะมี Daybed จัดไว้ นั่งเล่น หรือจะพับร่มนอนอาบแดดให้ผิวแทนดูสุขภาพดีได้เหมือนกัน ไม่ต้องไปทะเลที่ไหนเลย

ข้างๆจะมีจุดล้างตัวให้ด้วยเอาไว้ล้างทำความสะอาดก่อนและหลังจากใช้งานสระว่ายน้ำ

นอกจากสระปกติแล้ว ยังสีส่วนที่เป็นสระเด็กด้วย ลึก 0.30 เมตร กว้าง 1.40 เมตร ยาว 8.90 เมตร และมี Jacuzzi เข้ามุม กว้าง 4.00 เมตร ยาว 4.00 เมตรค่ะ

พอมีอาคารรอบๆก็ยังพอได้ร่มเงาช่วยบังแดดบ้างเหมือนกันนะคะ ไม่ร้อนมาก ที่เห็นจะเป็นอาคาร B ได้วิวสระว่ายน้ำเต็มๆเลย

อาคาร C ห้องที่หันเข้าโครงการส่วนใหญ่ก็จะได้วิวสระว่ายน้ำเช่นกัน

มาดูหน้าตาลิฟต์และโถงทางเดินกันค่ะ ลิฟต์จะมีให้อาคารละ 2 ตัวความหนาแน่นน้อยมาก ใช้งานรวดเร็วไม่ต้องรอกันนานๆ ส่วนทางเดินก็จะทาสีขาวเรียบๆ ปลายสุดทางเดินมีหน้าต่างเป็นช่องแสงและระบายอากาศ มีไฟตลอดแนวทางเดิน ไม่มืดค่ะ

หลังจากที่ดูบรรยากาศรอบๆและพื้นที่ส่วนกลางกันแล้ว เราลองมาดูผังห้องพักแต่ละอาคารกันเลยนะคะ

Building A

Image 1/4
อาคาร A ชั้น 2

อาคาร A ชั้น 2

เริ่มที่อาคาร A เป็นอาคารที่ขนานไปกับถนนพหลโยธิน อยู่ใกล้ทางเข้า-ออกมากที่สุด ใครที่ใช้รถไฟฟ้าบ่อยๆ ขี้เกียจเดินไกลๆ ตึกนี้น่าสนใจมากนะคะ โดยที่ตัวอาคารจะเป็นรูปตัว i ที่ชั้น 2 และ 3 จะมีจำนวนยูนิตน้อยหน่อยอยู่ที่ 8 และ 9 ยูนิต ส่วนชั้น 4-8 จะเป็น Typical Floor มีจำนวนยูนิตต่อชั้นที่ 13 ยูนิต โดยห้องขนาดใหญ่สุด หรือ Type C จะเป็นห้องที่หันหน้าเข้าสู่ Court กลางอาคาร ส่วนห้องอื่นๆจะหันไปฝั่งถนนพหลโยธินค่ะ ชั้น 4-5 ห้องที่หันหน้าไปสถานีรถไฟฟ้าจะเป็นห้อง Type A ขนาด 25 ตร.ม. แบบที่เล็กสุดของโครงการ ส่วนชั้น 6-8 ที่ตำแหน่งเดียวกันรูปแบบห้องจะเป็นห้อง Type B ขนาด 28 ตร.ม.แทน สำหรับห้องที่หันหน้าออกไปนอกโครงการของอาคารนี้จะหันหน้าไปทางถนนพหลโยธินค่ะ ซึ่งพื้นที่ส่วนที่ติดกับถนนใหญ่จะมีแนวอาคารที่เป็นอาคารพาณิชย์ตั้งอยู่ ทำให้ห้องที่อยู่ชั้นล่างๆไม่น่าจะได้วิวอะไรนะคะ ส่วนห้องที่พ้นแนวอาคารไป ก็จะไปเจอกับชานชาลาของสถานีรถไฟฟ้าพอดี ถ้าใครเลือกห้องฝั่งนี้ก็อยากให้ลองเข้าไปดูก่อนว่า เราโอเคกับวิวแบบนี้ไหม? ถ้าเป็นคนที่ปิดม่านอยู่ตลอดเวลาไม่สนใจวิวอยู่แล้วก็คงไม่ติดใจอะไรค่ะ (แอบไปดูห้องจริงก่อนก็ได้นะคะว่าเสียงรถไฟฟ้า เสียงถนนดังเข้ามาในห้องหรือไม่ แต่ส่วนตัวผู้เขียนเป็นคนประเภทที่ว่าเข้าห้องตัวเองมักจะเปิดเพลงฟัง เรื่องเสียงรอบข้างเลยไม่สังเกตเท่าไหร่ แต่ถ้าคนไหนชอบความเงียบสุดๆ อาคารนี้อาจจะไม่เหมาะนะคะ)

ส่วนทางเดินหน้าห้องพักจะเป็นแบบ Double Corridor มีห้องพักอยู่ 2 ฝั่งทางเดิน แต่ที่ปลายสุดทางเดินจะมีหน้าต่างไว้เป็นช่องแสงและระบายอากาศบริเวณทางเดินค่ะ ในช่วงกลางวันบางจุดอาจไม่ต้องเปิดไฟก็ได้ ช่วยประหยัดไฟค่าส่วนกลางไปได้ด้วย

Building B

Image 1/3
อาคาร B ชั้น 2-3

อาคาร B ชั้น 2-3

มาต่อกันที่อาคาร B อาคารเป็นรูปตัว i เช่นเคย รูปแบบห้องพักที่ชั้น 2-3 จะมีอยู่ 10 ยูนิตต่อชั้น ส่วนชั้น 4-8 จะมีอยู่  12 ยูนิตต่อชั้นค่ะ การวางห้องพักอาศัยยังคงเน้นห้องใหญ่สุดหรือ Type C หันหน้าเข้าสู่ภายในโครงการ แต่ก็จะมีห้อง Type B ที่หันหน้าเข้า 1 ยูนิตต่อชั้น ใครที่งบไม่มาก แต่อยากได้วิวอาจจะต้องรีบจองนะคะ นอกจากนี้ห้องที่หันหน้าออกนอกโครงการชั้น 2-5 จะเป็นห้อง Type A ขนาดเริ่มต้น ส่วนชั้น 6-8 จะเป็นห้อง Type B ค่ะ นั่นแปลว่าห้อง Type A ของอาคารนี้จะหันไปเจอกับด้านหลังตึกของอาคารข้างเคียงนะคะ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการวิวอะไรมาก แต่อย่างที่บอกไปในหัวข้อสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ ทาง CPN ก็พยายามที่จะปรับทัศนียภาพรอบๆด้วย เช่น ทาสีหลังบ้านเขา แต่เป็นวิวเรา ให้ดูใหม่ขึ้น เอาเป็นว่าอย่างน้อยเราก็จะไม่ได้มองไปแล้วเห็นผนังร้าว สีร่อนไม่สวยงามค่ะ

Building C

ที่ อาคาร C ชั้นพักอาศัยจะเหมือนกันหมดตั้งแต่ชั้น 2-8 เลย มีอยู่ 14 ยูนิตต่อชั้นค่ะ อาคารนี้จะอยู่ในสุด มีข้อดีที่ได้ความสงบที่สุด แต่ก็จะเดินไปใช้งานที่ Clubhouse ไกลสุดนะคะ (ซึ่งเอาจริงก็ไม่ไกลมากเท่าไหร่ เดินไม่เหนื่อยนะ แถมเดินในร่มด้วย) ส่วนรูปแบบห้องพักอาศัยจะมีอยู่ 2 Type เท่านั้นคือ Type B 28 ตร.ม. และ Type C 35 ตร.ม.แน่นอนว่าวิวที่ดีจะเป็นของ Type C ค่ะ ตรงนี้จะเป็นวิวที่เห็นส่วนกลางยาวไปเลย ฝั่งตรงข้ามที่เป็นอาคาร A ก็อยู่ไกลกว่า 30 เมตร มองไม่เห็นกันค่ะ

Building D

มาที่อาคารสุดท้าย อาคาร D เป็นอาคารที่คล้ายกับอาคาร C เลย มี 14 ยูนิตต่อชั้น ผังเหมือนกันหมด มีแต่ห้อง Type B และ Type C ห้องด้านในได้วิวสระ แต่ห้องที่หันออกด้านนอกตรงนี้จะเป็นซอยพหลฯ 34 ค่ะ เป็นซอยที่มีรถสัญจรตลอดเวลา ดีที่ไม่มีอาคารตั้งอยู่ในระยะประชิด แต่ก็ควรระวังเรื่องเสียงรบกวนจากรถราภายนอกนะคะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สวนหย่อม
  • Clubhouse

  • สระว่ายน้ำลึก 1.20 เมตร ยาว 20 เมตร กว้าง 6.50 เมตร รวมพื้นที่สระเด็ก ไม่รวมพื้นที่ Jacuzzi
  • สระเด็กลึก 0.30 เมตร กว้าง 1.40 เมตร ยาว 8.90 เมตร
  • Jacuzzi กว้าง 4.00 เมตร ยาว 4.00 เมตร
  • Well-Being Club (Lobby)
  • Phyll Idea Hub (Multi-Purpose Room)
  • Laundry Room
  • Smart Locker
  • Mail Room
  • Fitness

  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 45 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 145 คันคิดเป็น 40% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ 24 ชั่วโมง
  • Double Gate
  • CCTV / Key Card
  • แบบห้อง

    Phyll พหล 34 จะมีห้องให้เลือกอยู่แบบเดียวค่ะ เป็นห้อง 1 Bedroom เท่านั้น แต่จะมีแบบให้เลือกอยู่ 3 แบบ เริ่มต้นเรียกว่า Type A ขนาดห้องประมาณ 25 ตร.ม., Type B จะมีขนาดประมาณ 28 ตร.ม. เป็นแบบที่มีขายมากที่สุดในโครงการค่ะ ส่วน Type C จะเป็นห้องขนาด 35 ตร.ม. เป็นห้องที่อยู่ตำแหน่งที่วิวดีที่สุดของโครงการเลย โดยจุดเด่นของรูปแบบห้องของ Phyll พหล 34 คือได้ห้องหน้ากว้างทุกยูนิต และ ขายเป็นแบบ Fully Furnished ค่ะ โดยวันนี้เราจะมีห้องให้ดูอยู่ 2 ห้องคือ Type B และ Type C ก่อนที่จะไปดูในห้อง มาดูวัสดุกันก่อนดีกว่า

    วัสดุที่ให้มาภายในห้อง
    ตัวห้อง : ขายเป็นแบบ Fully Furnished (มีเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและ Built-in ให้มาพร้อมห้อง) พื้นห้องเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ติดไฟดาวน์ไลท์ ระดับพื้นถึงฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร และมีแอร์ระบบ inverter ให้มาห้องละ 2 ตัว
    ครัว : มี Built-in ชุดครัวให้มา พื้นห้องครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ TOP เคาน์เตอร์ครัวได้หินสังเคราะห์ และมี Back Splash เป็นกระเบื้อง อ่างล้างจาน Stainless และได้เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันของ Teka แบบดูดออกนอกอาคาร ส่วนนี้จะมี Wall Drain ที่ผนังหลังเคาน์เตอร์ครัวให้มาเผื่อกรณีฉุกเฉินมีน้ำรั่วซึมจากเครื่องซักผ้าหรือครัวค่ะ
    ห้องน้ำ : พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิค ผนังกรุกระเบื้องแกรนิตโต้ มีพัดลมระบายอากาศติดตั้งมาให้ ส่วนสุขภัณฑ์จะเป็นของ Cotto ทั้งหมดค่ะ

    นอกจากตัวอาคารหรือห้องที่เป็นสิ่งที่จับต้องได้แล้วโครงการนี้จะมี Service เพิ่มเข้ามาให้ในรูปแบบ Application ด้วยค่ะ ชื่อว่า CPN Residence Family Application ซึ่งภายใน Application จะมีหลายๆ Feature ให้ใช้งานและอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน เช่น เรื่อง Finance แจ้งเตือนการชำระค่าส่วนกลาง ค่างวดต่างๆ , แจ้งช่างให้ซ่อมแซม , VMS (Visitor Management System) เป็นต้น แต่สิ่งที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือการให้บริการและสิทธิพิเศษจากบริษัทต่างๆภายใต้เครือเซ็นทรัลพัฒนา อย่างที่เรารู้จักกันดีว่าเซ็นทรัลเป็นห้าง เป็นโรงแรม ในอนาคตก็อาจจะมีส่วนลดต่างๆที่มอบให้กับลูกบ้าน , กิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นพิเศษ หรือบริการอย่างเช่นถ้าข้าวของเครื่องใช้ในบ้านหมด ก็อาจจะสั่งของ online ผ่าน Application นี้ได้เลย เป็นต้นนะคะ ที่เราว่าน่าสนใจคือเซ็นทรัลเป็นเครือบริษัทที่ใหญ่มาก ถ้าเกิดดันสิทธิพิเศษสำหรับลูกบ้านในเครือดีๆ เผลอๆจะเป็นจุดแข็งที่ Developer เจ้าอื่นสู้ไม่ได้ด้วยนะ แต่เราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีอะไรมาให้กับลูกบ้านบ้างในอนาคตค่ะ

    1 Bedroom Type B 28 sq.m.

    มาดูที่ห้องตัวอย่างจริงกันเลยดีกว่า ห้องนี้จะเป็น 1 Bedroom Type B ขนาด 28 ตร.ม. เป็นแบบห้องที่มีเยอะที่สุดภายในโครงการเลย โดยจะเป็นห้องหน้ากว้าง คือจะมีพื้นที่ 2 ส่วนหลักๆที่ได้ผนังชิดติดหน้าต่าง โดยจุดเด่นของห้องนี้คือเป็นห้อง 28 ตร.ม.ที่ได้ห้องนอนกั้นปิดแยกเป็นส่วนตัว และมีพื้นที่ภายในห้องนอนที่กว้างเลยค่ะ โดยห้องนี้จะนำพื้นที่ที่เป็นส่วน Service (ครัวและห้องน้ำ) ไว้ใกล้ทางเดิน และนำฟังก์ชันห้องนอนและห้องนั่งเล่นไว้ใกล้หน้าต่าง ทำให้ภายในส่วนที่เป็นพื้นที่ใช้งานได้รับแสงธรรมชาติที่เพียงพอ ห้องดูสว่างด้วยค่ะ

    ตัวห้องจะขายเป็น Fully Furnished พร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบเลย ซื้อฟูกและเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เข้าอยู่ได้เเล้วค่ะ ดีไซน์เฟอร์นิเจอร์จะเน้นโทนสีครีม เทา และลายไม้ ดูอบอุ่นสบายตา เดี๋ยวเราจะเห็นของจริงกันด้วยในห้องที่ถ่ายมานะ

    เริ่มจากทางเข้าห้องก่อนเลยค่ะ ประตูได้เป็นบานทึบสีขาว พื้นภายนอกจะลดระดับลงจากตัวห้อง ทำให้ฝุ่น ผง น้ำต่างๆบริเวณทางเดินไม่ไหลปลิวเข้าตัวห้องนะคะ ส่วนมือจับและกลอนประตูจะเป็นมือจับก้านโยก ไขกุญแจเข้าห้อง และภายในมีกลอนให้อีกชั้น ตรงนี้แอบเสียดายที่ไม่ได้ให้ Digital Door Lock มา แต่ถ้าใครต้องการก็หาซื้อมาติดตั้งเองทีหลังได้นะคะ ราคาเริ่มต้นมีตั้งแต่ 2-3 พันบาทไปจนถึงหลักหมื่นเลยค่ะ

    เข้ามาภายในห้อง ส่วนแรกที่เราจะเจอคือห้องครัวค่ะ โดยพื้นที่ส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกนะคะ ทำให้พื้นที่ในครัวยังได้แสงสว่างจากภายนอกอาคารอยู่นะ

    ส่วนครัวจะมีหน้ากว้าง 2.5 เมตรและความลึกอยู่ 1.7 เมตร ไม่ได้เป็นครัวที่เล็กอึดอัดนะคะ พอดีๆกับการใช้งาน 1-2 คน

    พื้นห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ตรงนี้ก็จะช่วยเรื่องทำความสะอาดคราบต่างๆได้ง่าย และตัวพื้นก็มีความแข็งแรงคงทนกว่าลามิเนต ไม่บวมน้ำง่ายๆค่ะ ทางเดินตรงนี้ก็กว้างที่ 1.3 เมตร เดินเข้าออกสบาย หิ้วของอะไรมาก็เดินฉิว

    ฝั่งหนึ่งของครัวจะเป็นเคาน์เตอร์ ส่วนฝั่งที่อยู่ตรงข้ามเคาน์เตอร์จะเป็นห้องน้ำ หน้าห้องน้ำจะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นอยู่ค่ะ

    ที่นี่จะให้ครัวมาครบชุด ตู้บน ตู้ล่าง ข้างบนมีช่องวางไมโครเวฟ ข้างล่างสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ค่ะ ปกติแล้วในครัวจะไม่มีท่อระบายน้ำเท่าไหร่ แต่ของโครงการนี้จะมี Wall Drain ให้มาที่ผนังด้วย (ซึ่งเรามองไม่เห็นในรูปนะเพราะอยู่หลังเครื่องซักผ้า) โดยตัว Wall Drain นี้ก็จะช่วยในกรณีที่ท่อรั่วต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้าหรืออ่างล้างจาน น้ำนองก็ไหลลงท่อระบายน้ำได้เลย ไม่นองเข้าห้อง พื้นพังเสียหายหลายหมื่นอีกค่ะ ถือว่าเป็นรายละเอียดที่น่าสนใจเลยนะ

    ส่วนอุปกรณ์ครัวต่างๆก็ให้มาครบ อ่างล้างจานแบบสเตนเลส เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันแบบดูดออกนอกอาคารของ Teka ผนังด้านหลังครัวติดกระเบื้องไว้ มีคราบเขม่าจากการทำอาหารก็เช็ดล้างทำความสะอาดง่าย มีปลั๊กไฟให้ด้วย ใช้เครื่องปั่น กาต้มน้ำไฟฟ้า หรือหม้อหุงข้าวได้สบาย มีพื้นที่สำหรับวางข้าวของและเตรียมอาหารบนเคาน์เตอร์เล็กน้อย พอใช้งานทำอาหารสำหรับ 1-2 คนได้ค่ะ

    มาดูที่ห้องน้ำฝั่งตรงข้ามกันต่อค่ะ ภายในห้องน้ำจะเน้นวัสดุพื้นและผนังโทนสีขาว-ครีม เข้ามาจะเจอกับพื้นที่ส่วนแห้งก่อน ส่วนเปียกจะอยู่ด้านในสุด มีพัดลมระบายอากาศติดตั้งไว้ให้ด้วย

    เข้าไปทางเดินส่วนที่แคบสุดจะมีระยะอยู่ที่ประมาณ 70 ซม. ยังเดินเข้า-ออก สะดวกนะคะ

    พื้นที่ส่วนนี้จะมีผนังส่วนที่เป็น Low wall และชั้นวางของติดตั้งมาให้ด้วย สามารถวางของตกแต่งสร้างบรรยากาศ เช่น ต้นไม้เล็กๆ เทียนหอมได้ ใกล้ๆอ่างล้างหน้าก็จะได้มีพื้นที่วางสบู่ล้างมือ อุปกรณ์แปรงฟันค่ะ

    อ่างล้างหน้าจะได้แบบฝังครึ่งเคาน์เตอร์ มีพื้นที่รอบๆเล็กน้อย ได้กระจกเงาทรงสูงแบบที่เห็นในรูปเลย ด้านใต้อ่างมี Built-in ชั้นเล็กๆด้วย ส่วนโถสุขภัณฑ์ก็ติดตั้งมาให้พร้อมที่ใส่กระดาษชำระ และสายฉีดชำระ สุขภัณฑ์ทั้งหมดจะได้ของ Cotto ค่ะ

    ห้องอาบน้ำมีขนาด 0.80 x 1.10 เมตร ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำแบบบานเปิดสไลด์มาให้ ไม่เกะกะพื้นที่ใช้งาน ฝักบัวเป็นแบบ Hand Shower ด้านในก็มีผนัง Low wall ไว้ให้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้เยอะอยู่นะ

    ระหว่างครัวและพื้นที่นั่งเล่นจะแยกจากกันด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้เราได้ครัวปิดค่ะ ซึ่งมีข้อดีตรงที่เวลาเราทำอาหาร กลิ่นและควันก็จะไม่ไหลลอยมารบกวนพื้นที่ส่วนนั่งเล่น พวกเบาะ โซฟา พรมต่างๆเนอะ

    พื้นที่นั่งเล่นตรงนี้จะประกอบไปด้วย 2 ฟังก์ชันคือนั่งพักผ่อน และ กินข้าวค่ะ ความสูงห้องจะอยู่ที่ 2.50 เมตร ห้องนี้มีขนาด 2.95×2.35 เมตร ในห้องของโครงการนี้จะมีติดตั้ง Sprinkle ไว้ให้ด้วยนะคะ เป็นระบบดับเพลิงที่ให้มาเพิ่มเติม ช่วยป้องกันอัคคีภัยได้ด้วย

    มุมแรกใกล้กับครัวเลยจะเป็นตำแหน่งวางโต๊ะกินข้าว ซึ่งโครงการจะให้โต๊ะแบบนี้ Top เป็นกระจก เช็ด และทำความสะอาดง่าย ให้มาพร้อมเก้าอี้ 2 ตัวเข้ามุมพอดี

    ฝั่งตรงข้ามมี Built-in ชั้นวางของที่วางรองเท้า เก็บร่ม เก็บกุญแจหรือพวกเอกสาร จดหมายต่างๆมุมนี้ได้นะคะ

    ถัดเข้าไปจะเป็นมุมพักผ่อนดูทีวีค่ะ ห้องนี้จะมีแอร์ให้ด้วยนะเป็นระบบ Inverter ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมอุณหภูมิภายในห้องให้คงที่ตลอดเวลาค่ะ

    โซฟากว้าง 1.2 เมตร มีพนักวางแขนด้านเดียว สามารถนอนยืดขาได้ ดีไซน์แบบนี้เลยค่ะ

    ส่วนชั้นวางทีวีมีลูกเล่นเก๋ๆอยู่คือ เป็นผนังที่สามารถหมุนได้ อยากดูทีวีในห้องนอนก็หมุนเข้า เรียกได้ว่าติดทีวีตัวเดียวก็เอาอยู่ค่ะ โดยผนังตรงนี้ก็จะมีการเดินสายไฟ งานระบบต่างๆให้เรียบร้อย ด้านล่างเราจะเห็นว่ามีตำแหน่งปลั๊กไฟและงานระบบพร้อม เก็บของเล็กๆพวกรีโมท กล่องสัญญาณ ชาร์จโทรศัพท์ตรงนี้ได้นะคะ แต่ไม่แนะนำให้วางของหนักๆ

    พื้นที่ตรงนี้จะเชื่อมต่อไปยังระเบียงห้องด้วยประตูบานเลื่อนกระจกค่ะ ไม่ได้กว้างเต็มความกว้างห้องนะคะ มีผนังซ้ายขวา ตรงกับตำแหน่งเก็บม่านบังแดดพอดี

    ระเบียงมีขนาด 2.35×0.60 เมตรค่ะ ราวกันตกได้เป็นกระจก มีก๊อกน้ำซักล้างติดตั้งไว้ให้ด้วย

    ส่วน Condensing Unit จะถูกยกขึ้นไปแขวนด้านบนแทน เป่าออกนอกอาคาร ลมร้อนไม่กักอยู่ที่ระเบียงนะ แล้วด้านนอกมองเข้ามาก็จะเจอกับระแนงบังตรงพื้นที่วาง CDU พอดี เรียบร้อยทั้งภายนอกภายในค่ะ

    ห้องนอนของ Type นี้จะเป็นห้องนอนปิดทึบเป็นสัดส่วน ถ้าอยู่กันสองคน คนหนึ่งอยากนอน แต่อีกคนจะทำงานดูทีวีก็แยกกันใช้งานคนละพื้นที่ได้เลย ไม่รบกวนกันค่ะ

    เข้ามาภายในห้องนอนก็จะได้พื้นที่ห้องนอนใหญ่อยู่นะคะ ขนาด 2.85 x 3.60 เมตรเลย

    ตรงนี้ก็จะมีหน้าต่างมาให้คะ แต่บานไม่ใหญ่มากแล้วนะ ซึ่งเรามองว่าดีเลย เพราะการนอนหลับเราไม่ต้องการแสงสว่างมากขนาดนั้น แสงเข้าได้ก็แปลว่าความร้อนเข้ามาได้เหมือนกันค่ะ

    เตียงที่ให้มาจะกว้าง 1.60 เมตร ที่ฐานเตียงด้านข้างจะมีช่องเก็บของให้มาด้วย

    พื้นที่ข้างเตียงอย่างริมหน้าต่างอาจจะไม่ได้ไปใช้งาน เว้นระยะไว้สำหรับรางม่านก็พอ ส่วนปลายเตียงเหลือ 75 ซม. ไปยืนใช้งานได้ (ใช้งานคือไปปรับหมุนทีวีเข้ามาดูในห้องนอนได้พอดีตัว)

    อีกมุมที่ชอบคือตู้เสื้อผ้าข้างเตียงค่ะ

    คือนอกจากตู้เสื้อผ้าขนาดยาว 1.10 เมตรที่ให้มาแล้ว ข้างๆยังมี Built-in เข้ามุมมาให้ด้วย

    จัดเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งได้ มีลิ้นชักไว้ให้เก็บของจุกจิก แล้วถ้าในตู้แขวนเสื้อผ้าไม่พอ ด้านนอกข้างโต๊ะเครื่องแป้งก็มีราวแขวนเพิ่มให้มาค่ะ ส่วนพวกกระเป๋าเดินทางหรืออะไรที่เป็นชิ้นใหญ่หน่อยก็โยนไว้บนตู้ได้เลย

    ถือว่าเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม.ที่จัดพื้นที่ได้น่าสนใจเลยนะคะ ได้ห้องหน้ากว้าง มีรายละเอียดต่างๆที่คิดมาเพื่อการอยู่อาศัยจริงด้วยค่ะ

    1 Bedroom Type C 35 Sq.m.

    มาดูที่ห้องตัวอย่างห้องต่อมากันค่ะ ห้องนี้จะเป็นห้อง 1 Bedroom Type C ขนาด 35 ตร.ม. โดยห้อง Type นี้จะอยู่ในตำแหน่งที่หันหน้าเข้าสู่ Court หรือพื้นที่กลางโครงการหมดเลย เป็นห้องที่ได้วิวดีมากเลยค่ะ และนอกจากตำแหน่งที่ดีแล้ว รูปแบบห้องเราว่าน่าสนใจมากค่ะ เป็นห้องหน้ากว้าง แบบที่กว้างมากๆ ที่เรามองว่ากว้างกว่าปกติคือ ห้องนี้สามารถแบ่งได้ 3 ฟังก์ชันที่อยู่ติดผนังภายนอกของอาคาร ซึ่งห้องหน้ากว้างดีกว่าห้องตอนลึกยังไง? ผู้อ่านต้องลองคิดดูก่อนว่าในการออกแบบอาคารนั้น ส่วนใหญ่ในห้องพัก 1 ยูนิตจะต้องมีหน้าต่างอยู่ 1 จุดใช่ไหมค่ะ ดังนั้นเราถ้าเป็น Developer ต้องการพื้นที่ขายหลายๆยูนิต ห้องที่ขายก็จะได้หน้าต่าง 1 จุด แต่ในโครงการนี้ ยอมเสียการแบ่งหน้ากว้างที่สามารถแปลงเป็นยูนิตที่เพิ่มขึ้นไป เพื่อให้ห้องขนาดใหญ่กลายเป็นห้อง 1 Bedroom หน้ากว้างที่ได้พื้นที่ 3 ส่วนชิดผนังด้านนอกแทนค่ะ ดังนั้นผังแบบนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมทำกันเพราะจะสูญเสียพื้นที่ขายนั่นเอง

    ส่วนฟังก์ชันที่แบ่งเป็น 3 ส่วนนั้นจะได้ส่วนครัว พื้นที่นั่งเล่น และห้องนอนที่อยู่ติดกับหน้าต่าง ครัวก็ระบายอากาศได้ดี จะซักผ้าตากผ้าก็เป็นสัดส่วน ห้องนั่งเล่นก็มองวิวได้เต็มที่ ไม่ใช่มองออกไปเจอระเบียงที่ตากผ้าอยู่ และห้องนอนก็ได้เป็นห้องปิด ได้ความเป็นส่วนตัว เป็นห้องที่อยู่ได้ 1-2 คนแบบสบายๆเลยค่ะ

    ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ให้จะมีตู้เสื้อผ้าที่ใหญ่ขึ้น ชุดโต๊ะกินข้าวจาก 2 ที่นั่งเป็น 3 ที่นั่ง และฐานเตียงจากเดิมที่จะได้แค่ช่องเก็บของ จะมีลิ้นชักมาให้ด้วยค่ะ

    มาดูในห้องกันนะคะ ประตูทางเข้าจะอยู่ตรงกลางเลย เข้ามาจะเป็น Common Area ห้องนั่งเล่น และ ห้องกินข้าว พื้นที่ส่วนนี้มีหน้ากว้าง 2.28 ลึก 5.25 เมตร

    หันมาทางขวาจะเป็นพื้นที่ครัวค่ะ ได้เป็นครัวปิด โซนฝั่งขวานี้ก็จะเป็นพื้นที่ส่วน Service ไปเลย มีครัว มีระเบียงเอาไว้ตากผ้า ภาพบนจะเป็นห้องตัวอย่างนะคะ ส่วนภาพล่างจะเป็นห้องจริงที่ขาย ให้วัสดุ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องปรับอากาศตามที่เห็นเลย

    มองย้อนกลับมาที่ประตูข้างๆจะทำเป็นตู้ Built-in ให้มา ลอยสูงจากพื้นอยู่ สามารถวางรองเท้าส้นแบนหรือ Slipper ใต้ตู้ได้ ไม่เกะกะทางเดินค่ะ

    ตัวตู้ให้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย ยาว 1.45 เมตร มีชั้นวางรองเท้า ที่แขวนร่ม และมีราวแขวนเสื้อผ้าด้วย เผื่อว่าตู้เสื้อผ้าที่ให้ในห้องนอนไม่พอเก็บนะคะ

    มีชั้นวางของเอาไว้วางเอกสาร แขวนกุญแจได้เหมือนกันกับห้องที่แล้วค่ะ

    อีกฝั่งจะมีพื้นที่เหลือสามารถหาชั้นวางของเล็กๆมาวางได้ หรือจะติดชั้นวางของแบบแขวนผนังก็ได้นะคะ หรือจะเป็นพวกราวแขวนเสื้อ ไว้แขวนกระเป๋าที่ใช้บ่อยๆก็ได้นะคะ

    หันมาทางขวามือไปดูห้องครัวกันค่ะ พื้นที่ครัวจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน เป็นครัวปิด เป็นประตูกระจกก็มีข้อดีทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูสว่างมากขึ้นค่ะ

    พื้นที่ครัวมีขนาดประมาณ 1.50 x 2.55 เมตร ตรงนี้จะวางเคาน์เตอร์ชิดผนังด้านใน เคาน์เตอร์ยาว 1.50 เมตร พอๆกันกับห้องที่แล้วนะ

    ทางเดินกว้างประมาณ 90 ซม. เดินเข้า-ออกสะดวก

    ดีไซน์ชุดอุปกรณ์ต่างๆให้มาครบค่ะ มีช่องวางเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ มีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควันของ Teka ครบ

    ตรงข้ามเครื่องซักผ้ามีมุมไว้วางตระกร้าผ้า หรือถังขยะได้นะคะ

    ส่วนระเบียงของห้องนี้จะอยู่ติดกับห้องครัวค่ะ เป็นระเบียงที่ใช้งาน Service ได้เต็มที่ ตากผ้าได้ ด้านบนวาง CDU และมีก๊อกน้ำซักล้างให้ด้วยค่ะ

    ระเบียงมีขนาด 2 x 0.75 เมตร มีราวกันตกเป็นกระจก

    ฝั่งตรงข้ามครัวจะเป็นห้องน้ำค่ะ เดี๋ยวเราดูพื้นที่ส่วน Common Area กันต่อนะคะ

    โต๊ะกินข้าวจะให้มาแบบที่ใหญ่ขึ้นกว่าห้องที่แล้ว นั่งได้ 3 ที่นั่ง โต๊ะขนาด 1.25×0.75 เมตร ที่จัดได้ 3 ที่นั่งเพราะว่าตำแหน่งโต๊ะจะถูกจัดเข้ามุมพอดี แต่จริงๆแล้วก็มีระยะเหลืออยู่นะคะ ถ้าขยับโต๊ะออกมาหน่อยก็จะจัดได้ 4-6 ที่นั่งเลย เผื่อวันไหนจัด Party ชวนเพื่อนมาบ้านก็มีพื้นที่พอค่ะ

    ระยะต่างๆถือว่ากว้างเลยนะคะ นั่งกินข้าวอยู่จะเดินเข้า-ออกครัวก็สะดวก

    พื้นที่ส่วนนั่งเล่นจะอยู่เข้ามุมพอดี ทำให้เมื่อใช้งานจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่มีคนเดินตัดหน้าทีวีค่ะ

    โซฟาจะให้มาแบบนี้กว้าง 2 เมตร

    ส่วนทีวีก็จะหมุนเข้าไปใช้ในห้องนอนได้เหมือนเดิมนะคะ

    เราไปดูในห้องนอนกันต่อค่ะ ห้องนอนจะเป็นห้องแยกประตูทึบแบ่งเป็นสัดส่วน

    ภายในห้องมีหน้าต่างบานกระทุ้งระบายอากาศได้ มีช่องแสงขนาดใหญ่ค่ะ ห้องนี้มีขนาดประมาณ 3.5 x 2.85 เมตร

    ถ้าเป็นห้อง Type C ฐานเตียงนอกจากช่องเก็บของแล้วจะมีลิ้นชักที่เลื่อนออกมาเก็บของได้ด้วยนะคะ

    มีแอร์ให้มาในห้องนอนค่ะ มุมห้องด้านในจะหาโคมไฟมาตั้งแบบในห้องตัวอย่างก็ได้นะคะ เอาไว้อ่านหนังสือหรือนอนเล่นมือถือก่อนนอน ต้องมีคนที่เหมือนเราแน่ๆ พอนอนลงเตียงแล้วเหมือนถูกดูดอยู่กับเตียง ขี้เกียจลุกขึ้นไปปิดไฟค่ะ 🙂

    ข้างๆหัวเตียงอีกฝั่งจะมีชุดโต๊ะเครื่องแป้งให้มา

    พื้นที่ข้างเตียงฝั่งตู้เสื้อผ้ามีเหลือทางเดินกว้าง 1 เมตร ใช้งานสบายเลยนะคะ ส่วนปลายเตียงจะมีพื้นที่อยู่ 80 ซม. ส่วนฝั่งหน้าต่างจะเหลือที่สำหรับรางม่าน 30 ซม.ค่ะ

    ชุดโต๊ะเครื่องแป้งจะได้โต๊ะขนาด 85 x 35 ซม. มีกระจกเงา และ ลิ้นชักให้เก็บของ ด้านข้างจะมีชั้นวางเปิดโล่งอยู่ สามารถเก็บเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิวได้เยอะเลยค่ะ

    ส่วนตู้เสื้อผ้าห้องนี้จะจัดเต็มมาให้เลย ยาว 2.4 เมตร แบ่งเป็นสองฝั่ง แยกได้เลยคุณผู้ชายฝั่งซ้าย คุณผู้หญิงฝั่งขวา (และตู้ด้านนอกทั้งตู้ไว้เก็บกระเป๋าและรองเท้า)

    ถือว่าเป็นห้องนอนที่มีพื้นที่สำหรับเก็บของมาให้เยอะเลยนะคะ

    มาดูที่ห้องน้ำกันค่ะ รูปแบบห้องน้ำจะเหมือนเดิมค่ะ สุขภัณฑ์ต่างๆเป็นของ Cotto ความสูงห้องน้ำอยู่ที่ 2.3 เมตร เจอกับพื้นที่ส่วนแห้งก่อน มีพื้นที่วางข้าวของตรงผนัง Low wall ข้างกำแพงเยอะ

    โถสุขภัณฑ์มาพร้อมกับที่ใส่กระดาษชำระ และสายฉีดชำระ เราชอบที่วางที่ใส่กระดาษไว้ห่างจากอ่างล้างหน้า น้ำไม่กระเด็นมาโดนกระดาษค่ะ

    พื้นที่อาบน้ำจะมีขนาด 0.80×1.00 เมตร ใช้งานหมุนตัวสะดวก มี Junction Box ให้ ต่อเครื่องทำน้ำอุ่นได้เลย และมีฉากกั้นอาบน้ำให้มา ใช้งานน้ำก็จะไม่กระเด็นเปียกไปทั่วห้องค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคา

    30 January 2020

    • 1 Bedroom Type A ขนาด 26.21 ตร.ม. ชั้น 3 ราคา 3.36 ล้านบาท หรือ 128,195 บาทต่อตร.ม.
    • 1 Bedroom Type B ขนาด 28.26 ตร.ม. ชั้น 2 ราคา 3.727 ล้านบาท หรือ 131,883 บาทต่อตร.ม.
    • 1 Bedroom Type C ขนาด 35.20 ตร.ม. ชั้น 2 ราคา 4.752 ล้านบาท หรือ 135,000 บาทต่อตร.ม.

    • รูปแบบการขาย Fully Furnished
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.50 เมตร
    • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
    • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Teka
    • จอง 20,000 บาท
    • ทำสัญญา 30,000 บาท
    • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ทำเล : โครงการ Phyll พหล 34 ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินช่วงใกล้กับสี่แยกม.เกษตร ฝั่งขาเข้าเมือง เป็นทำเลที่ถือว่าคึกคัก มีความอุดมสมบูรณ์สูง ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตของนักเรียน นักศึกษา และยังเป็นย่านที่มีแหล่งงานอยู่ เช่น คนที่ทำงานตามสถานที่ราชการ กรมที่ดิน โรงพยาบาล หรือว่าจะเป็นบุคลากรของมหาลัยเกษตรฯเอง โดยสภาพของสิ่งปลูกสร้างบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่ยังทำการค้าขายที่ชั้นล่าง ชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัย และมีที่อยู่อาศัยที่เป็นคอนโดเกิดขึ้นใหม่เยอะ ตามการพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้าบนถนนเส้นนี้ค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถเนื่องจากโครงการอยู่บนถนนพหลโยธินฝั่งขาเข้า ทำให้ได้ประโยชน์จากการใช้งานถนนพหลโยธินเอง เข้าเมืองไปทางรัชโยธิน ลาดพร้าวได้สะดวก และยังสามารถเลี้ยวเข้าซอยพหลฯ 34 ไปยังถนนประเสริฐมนูกิจได้ง่าย นอกจากนี้ทำเลฝั่งขาเข้า ยังมีซอยลัดเลาะไปยังถนนลาดปลาเค้า และถนนลาดพร้าว – วังหินได้สะดวกค่ะ ถือว่าเป็นทำเลที่มีถนนให้เลือกเดินทางได้หลากหลาย แต่ว่าต้องอย่าลืมเรื่องความหนาแน่นของรถราบนถนนเช่นกัน เพราะถนนละแวกนี้รถติดขึ้นชื่อเลยค่ะ

    มาดูที่จำนวนที่จอดรถที่ให้มาบ้าง โครงการให้ที่จอดรถมา 40% ถือว่าไม่มากนะคะ แต่ก็ถือว่าเป็นทำเลที่สามารถอิงการใช้งานรถไฟฟ้าได้สะดวกด้วย หรือผู้อยู่อาศัยอาจจะเป็นคนที่เรียนหรือทำงานแถวนี้ ซึ่งอาจจะไม่มีรถส่วนตัวค่ะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถหน้าโครงการเป็นสถานีรถไฟฟ้าเสนานิคม เรื่องนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการเลยก็ว่าได้นะคะ และการที่โครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่อย่างถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นถนนที่มีผู้คนสัญจรตลอดเวลา มีรถสาธารณะอย่างรถเมล์ รถตู้ หรือ Taxi เยอะ สามารถเรียกใช้งานได้ง่ายค่ะ

    วัสดุโครงการนี้ขายเป็นแบบ Fully Furnished และก็สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วค่ะ ส่วนตัววัสดุที่ให้ในห้องอยู่ในระดับมาตรฐานทั่วๆไป พื้นกระเบื้องและลามิเนต ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ไฟดาวน์ไลท์ อุปกรณ์ครัวของ Teka สุขภัณฑ์หลักๆได้ของ Cotto ค่ะ

    การออกแบบการออกแบบโครงการนี้จะมีแนวความคิดว่า Phyll Like Home ต้องการให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน และใกล้ชิดกับธรรมชาติ แต่ด้วยที่ดินที่จำกัดจึงเกิดอาคาร Clubhouse มาตรงกลาง ตรงนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือขนาดพื้นที่ส่วนกลางที่มีเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต ผู้อยู่อาศัยมีพื้นที่พักผ่อนหลากหลาย แต่ข้อเสียคือพื้นที่อาจจะดูแน่นไปบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับเพราะเป็นคอนโดในเมืองนะคะ ส่วนรูปแบบห้องพักเรามองว่าน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะว่าถึงแม้โครงการจะเน้นขายเฉพาะห้องแบบ 1 Bedroom แต่ก็เป็นห้องหน้ากว้างทุกแบบ และมีการออกแบบงานระบบ เฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาเพื่อรองรับการอยู่อาศัยจริงๆ แบบว่ามีที่เก็บของเยอะ อยู่ได้สบายค่ะ

    สาธารณูปโภคมีอาคาร Clubhouse อยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร ทำให้พื้นที่ส่วนกลางมีหลากหลาย และแต่ละพื้นที่ได้ขนาดที่กว้าง ใช้งานสบาย มี Lobby , Laundry , Co-working Space , Smart Locker , Mail Room , Fitness และ สระว่ายน้ำที่มีทั้งสระปกติ สระเด็ก และ Jacuzzi

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 13x-xxx บาท/ตร.ม., 30 January 2020

    • ทำเล 8/10 – อยู่ในย่าน ม.เกษตร ของกินเยอะ
    • เดินทางด้วยรถ 7.25/10 – อยู่ติดถนนใหญ่ ทางลัดเลาะเยอะ
    • ไม่ใช้รถ 9/10 – มีรถไฟฟ้าหน้าโครงการ และเรียกรถสาธารณะสะดวก
    • วัสดุ 7.75/10 – ให้มาพร้อมเฟอร์ วัสดุให้มากลางๆ
    • แบบ 7.75/10 – มีแนวคิดในการออกแบบโครงการ หน้ากว้าง
    • สาธารณูปโภค 7.5/10 – ได้ Clubhouse ส่วนกลางครบ

    • HIGH CLASS
    • 7.93 / 10.00

    BOTTOM LINE

     Phyll พหล 34 เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าพร้อมอยู่ย่าน ม.เกษตร ชอบความสะดวกสบายใกล้รถไฟฟ้า แต่ก็ยังต้องการความเป็นส่วนตัว โครงการยูนิตไม่เยอะ ชอบห้องหน้ากว้าง อยู่ 1-2 คน อาจจะเป็นคนทำงานในเมืองที่อยากใกล้รถไฟฟ้า บุคลากรที่ทำงานในมหาลัยหรือโรงพยาบาลใกล้ๆ หรือจะเป็นผู้ปกครองที่มองหาคอนโดให้ลูกหลาน ใกล้ๆมหาลัย มีงบประมาณ 3.2 – 5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนอยู่ที่ 22,000-35,000 บาทต่อเดือน


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving