วันนี้ผมจะพาทุกคนมาชมโครงการที่ไม่ค่อยได้เห็นกันนักในทำเล Prime อย่างทองหล่อ กับโครงการ Nivati Residence ที่เป็นคอนโดมิเนียมในรูปแบบ Low Rise พร้อมอยู่ที่ทำมาเจาะกลุ่ม Luxury ใจกลางเมืองที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง โดยจะเป็นคอนโดที่ออกแบบมาในสไตล์สถาปัตยกรรมคลาสสิกหรูร่วมสมัย เน้นห้องขนาดใหญ่ ใช้วัสดุอย่างดีระดับพรีเมี่ยมที่อิมพอร์ตมาจากต่างประเทศ ในราคาเริ่มต้นที่ 18.5 ล้านบาท แต่ก่อนจะเข้าไปชมด้านใน ผมรวบรวมจุดเด่นมาให้ชมกันดังนี้ครับ

  • ทำเล – โครงการตั้งอยู่ภายในซอยทองหล่อ 23 ซึ่งจุดเด่นของทำเลนี้คือนอกจากจะมีเส้นทางลัดเลาะเยอะและเชื่อมต่อกับถนนทองหล่อได้ง่ายแล้ว ภายในซอยส่วนใหญ่ยังมีลักษณะเป็นที่พักอาศัย และในส่วนถนนด้านหน้าโครงการก็เป็นซอยตัน จึงทำให้บรรยากาศจะเงียบสงบเป็นพิเศษ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ก็ยังสามารถเชื่อมมายังแหล่งความอุดมสมบูรณ์ในซอยทองหล่อและละแวกใกล้เคียงได้ง่าย ซึ่งก็เต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหารชั้นนำ, Community Mall, โรงเรียนนานาชาติ และใกล้กับโรงพยาบาลสมิติเวชอีกด้วย
  • ความเป็นส่วนตัว – NIVATI เป็นการรวมคำมาจากคำว่า นิวาส(บ้าน) + สันติ(สงบ) ซึ่งแนวคิดของโครงการต้องการให้เป็นที่อยู่อาศัยที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าของโครงการ Nivati Residence  นั้นเป็นกลุ่มคนที่มีงบในการซื้ออยู่ที่ 18.5 – 50 ล้านบาทขึ้นไป ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง เนื่องจากมีจำนวนยูนิตเพียง 52 ยูนิต จัดว่าน้อยเลยสำหรับคอนโดมิเนียมที่เปิดการขายอยู่ในทำเลทองหล่อขณะนี้
  • ที่จอดรถและ Facilities – สิ่งหนึ่งที่สำคัญในการเลือกคอนโดมิเนียมระดับ Luxury นั่นก็คือเรื่องของที่จอดรถภายในโครงการ ซึ่งโครงการ Nivati Residence นั้นเป็นโครงการที่เน้นห้องขนาดใหญ่ ดังนั้นลูกบ้านที่นี่คงไม่แปลกที่จะมีรถหลายคันนะครับ โดยจะให้ที่จอดรถมาถึง 78 คัน ถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 150% ในขณะที่โครงการ Low Rise อื่น ๆ ในย่านนี้จะมีที่จอดรถอยู่ที่ประมาณ 50-65% เท่านั้น นอกจากนั้น Facilities และบริการของที่นี่จะเปิดให้ใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีรูปแบบการบริการคล้ายโรงแรมชั้นนำ โดยจะมี Personal Assistant คอยดูแลจัดการให้ตลอด เป็นต้น
  • ฟังก์ชันภายในห้อง – ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนว่าที่นี่เขาเน้นที่ห้องขนาดใหญ่ เริ่มต้นที่ 77.81 ตร.ม. ไปจนถึง 189.94 ตร.ม. ซึ่งฟังก์ชันภายในห้องก็คิดมาสำหรับการอยู่อาศัยจริงได้สบาย ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้าน เช่น ทุกนอนของที่นี่จะมีห้องน้ำภายในตัว (ห้องน้ำจะขนาดใหญ่เป็นพิเศษ), ห้องที่มีมากกว่า 1 ห้องนอนขึ้นไปจะมีห้องน้ำแบบ Powder Room มาให้, มีส่วนของห้องเก็บของและ Laundry มาให้ทุกห้อง (อันนี้ผมชอบเป็นพิเศษ), มีห้องรูปแบบครัวเปิดและครัวปิดมาให้เลือก, ระเบียงขนาดใหญ่ใช้งานได้จริง เป็นต้น
  • วัสดุและงานระบบ – วัสดุภายในห้องจะได้เกรดสูงถึง Hi-End ทั้งหมด เช่น ชุดครัว Poggenpohl, ภายในห้องน้ำใช้เป็น Villeroy & Boch และ Gessi และที่พิเศษคือจะมี Option ในการจ่ายเพิ่ม เพื่อที่จะได้ห้องแต่งครบในสไตล์ห้องตัวอย่าง โดย Designer ชั้นนำอย่าง Olivia Living และ Quattro Design ครับ ส่วนงานระบบของที่นี่ก็ให้มาน่าสนใจ เช่น ระบบปรับอากาศแบบ VRV, เครื่องดูดควันแบบปล่อยออกที่ชั้นดาดฟ้า, Home Automation และระบบ Automatic Sprinkler มาให้ที่ครัว (ซึ่งตามกฎหมายแล้วคอนโด Low Rise ไม่จำเป็นต้องติดตั้งก็ได้ แต่ที่นี่ก็ให้มาด้วยครับ)

ข้อมูลโครงการ

Nivati Residence (เรสซิเดนซ์) ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564

 ชื่อโครงการ  Nivati Residence  (นิวาติ เรสซิเดนซ์)
 ผู้พัฒนาโครงการ  บริษัท เซวาส พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด
 SEGMENT CLASS  LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ซ.ทองหล่อ 23 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา
 ที่ดิน  1-1-34 ไร่
 ประเภทคอนโด  Low Rise 7 ชั้น
 จำนวนยูนิต  52 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด  11 ยูนิต
 ที่จอดรถ  เป็นที่จอดแบบ Automatic Parking 78 คัน คิดเป็น 150 % ของจำนวนยูนิต
 เริ่มก่อสร้าง  Q1/2561
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  Q1/2563
 ประเภทห้องพัก
  • ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 77.81 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 18.5 ล้านบาท
  • ห้อง 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ 104.17-138.73 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 24.1 ล้านบาท
  • ห้อง 3 Bedroom ขนาดพื้นที่ 178.69 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 40.5 ล้านบาท
  • ห้อง Duplex ขนาดพื้นที่ 189.94 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 48.9 ล้านบาท

 ฝ้าเพดานสูง  2.85 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  18.5 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 235,000 บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด)  n/a
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  สร้างเสร็จพร้อมอยู่
 เว็บไซต์โครงการ  https://www.nivatiresidence.com/Index?dsn=4
 Call Center 095-914-9888

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.738812, 100.580623
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ Nivati Residence ครับ

ที่ตั้งของโครงการ Nivati Residence ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 23 เข้าไปประมาณ 350 เมตร ซอยนี้ถือว่าเป็นซอยที่ตัดระหว่างถนนสุขุมวิทในช่วงต้นซอย และถนนเพชรบุรีที่ปลายซอย ถนนทั้งสองเส้นถือว่าเป็นถนนเส้นใหญ่ ปริมาณรถมากตลอดทั้งวัน มีไฟเขียวไฟแดงเรื่อยๆ และวิ่งขนานกันตรงจากใจกลางเมืองออกไปยังทิศตะวันออกของกรุงเทพทั้งคู่ ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์สามารถใช้ซอยทองหล่อเองเป็นเส้นทางผ่านไปมาสำหรับการจะขึ้นเหนือและลงใต้ของพื้นที่ภายในกรุงเทพเพราะการเชื่อมต่อของถนนต่างกัน อย่างเส้นสุขุมวิท สามารถตัดผ่านซอยไปยังพระรามสี่, คลองเตย, พระราม 3 ส่วนเส้นเพชรบุรีสามารถขึ้นเหนือไปยังรามคำแหง, รามอินทรา หรือลาดพร้าว ความสำคัญอีกอย่างของซอยทองหล่อเลขคี่ จากแผนที่ผมทำให้ดู(เส้นสีชมพูอ่อน) นั่นคือการใช้เส้นทางลัดเลาะไปเชื่อม เพื่อหลบเลี่ยงรถติดได้ เราสามารถใช้ซอยเหล่านี้ลัดไปยังพร้อมพงษ์ อโศก และเพชรบุรีได้ไม่ยากถ้าเราเรียนรู้และลองใช้ซอยเหล่านี้ จะทำให้เราประหยัดเวลาจากถนนหลักบนนสุขุมวิท อโศก เพชรบุรี ทองหล่อ ไปได้ค่อนข้างเยอะเลยครับ

ตัวโครงการออกแบบมาให้ใช้การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก โดยจะให้พื้นที่จอดรถมาถึง 150% แถมภายในโครงการก็มีชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยจำนวนหนึ่ง (ส่วนใหญ่จะไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว) ทำให้มีที่จอดรถรองรับอย่างแน่นอน โดยจะเป็นพื้นที่จอดรถแบบ Automatic Parking ทั้งหมด ช่องจอดขนาดใหญ่ รองรับ Supercar ได้สบาย ๆ นอกจากนั้นจะมี EV Charger ให้อีก 2 ช่องจอดด้วย

ส่วนการเดินทางสาธารณะ เนื่องจากพื้นที่โครงการเป็นซอยที่ลัดเลาะได้หลากหลาย ทำให้จะมีรถแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาภายในซอยให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ครับ ส่วนรถไฟฟ้าจะมีให้เลือกใช้ 2 สถานี โดยจะเป็นสถานีพร้อมพงษ์ที่มีระยะห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร และสถานีทองหล่อที่มีระยะห่างออกไปประมาณ 2.1 กิโลเมตร หรือจะเรียกรถรับส่งออนไลน์มารับก็ทำได้ไม่ยาก นอกจากนั้นทางโครงการเองก็มีบริการรถรับส่งให้ไม่จำกัดพื้นที่ โดยจะกำหนดเป็นระยะรอบโครงการไม่เกิน 3 กิโลเมตร ให้บริการในช่วงเวลา 6.00 – 22.00 น. (บริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง)

ความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการ Nivati Residence จัดว่ามีให้ตัวเลือกให้หลากหลายและครบครันเลยล่ะครับ เพราะถ้าใครที่ผ่านไปมาในซอยทองหล่อเป็นประจำ จะพอทราบดีว่า แหล่งความสมบูรณ์ที่สุดจะมากระจุกตัวอยู่บริเวณ “กลางซอยทองหล่อ” จัดว่าครบครันในทั้งเรื่องอาหารการกินไม่ว่าจะทั้งกลางวันและกลางคืน โรงพยาบาล สถานที่ออกกำลังกาย Community Mall สถานที่เที่ยวยามค่ำคืน หรือร้านให้บริการต่างๆ แต่ค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยภายในพื้นที่ก็สูงตาม และยังขึ้นชื่อว่าเป็นย่าน Hang out ชื่อดังและย่านโปรดของเหล่าบรรดาวัยรุ่นวัยทำงาน นอกจากนี้ก็มีรพ.ชื่อดัง 2 ที่อย่าง สมิติเวช และ คามิลเลียน ใกล้โครงการมากทั้งคู่ กับ สถานศึกษานานาชาติ อาทิเช่น American Int. School, Bangkok Prep, Ekamai Int. School เป็นต้น หรือถ้าเป็นทางกลับบ้านหรือจะทะลุไปใช้บริการพื้นที่ข้างเคียงก็มีแหล่งความเจริญกระจายอยู่โดยรอบแทบจะทุกทิศทางเลย ไม่ว่าจะเป็นเอกมัย, พร้อมพงษ์, พระราม 4 ครับ

เส้นทางการเดินทาง

เส้นทางในการเดินทางไปโครงการ Nivati Residence ทำได้ค่อนข้างหลากหลายครับ เพราะอย่างที่บอกไปว่ามีทำเลอยู่ภายในซอยลัดเลาะได้หลากหลาย ทำให้สามารถเข้าออกได้หลายทาง โดยวันนี้ผมเดินทางไปจากซอยทองหล่อ เข้าจากทางฝั่งหน้าปากซอยเลย (ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ) ก็จะมีระยะทางเข้าไปประมาณ 1.6 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยทองหล่อ 23 แล้วตรงไปอีกประมาณ 400 เมตร จะเจอตัวโครงการอยู่ทางฝั่งขวามือครับ หรืออีกตัวเลือกจากทางฝั่งถนนทองหล่อก็สามารถเข้าได้จากซอยทองหล่อ 13 ด้วยเช่นกัน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลัดเลาะเข้าจากถนนทองหล่อครับ หรือถ้าเข้าจากทางซอยสุขุมวิท 39 (BTS พร้อมพงษ์) ก็สามารถเข้าทางซอยพร้อมมิตร หรือซอยพร้อมศรี 1 ได้ทั้งคู่เช่นกันครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

Nivati Residence เป็นโครงการขนาดเล็กที่มีพื้นที่ประมาณไร่กว่า ๆ เท่านั้น โดยมีถนนหน้าโครงการเป็นซอยตัน และพื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยและก็มีอพาร์ทเม้นท์เพื่อนบ้านอยู่บ้าง ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้จะค่อนข้างเงียบสงบแต่ก็ไม่วังเวงนะครับ จะมีฝั่งทิศเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันออก ที่โดนบล็อควิวจากอพาร์ทเมนท์เพื่อนบ้านประชิดนิดหน่อย ที่เหลือโดยรอบจะเป็นบ้านพักอาศัยทั่วไป

  • ทิศเหนือ – ติดกับ บ้านพักอาศัยทั่วไป, อพาร์ทเมนท์ 6-7 ชั้น
  • ทิศตะวันออก – ระยะประชิดเป็นที่ดินเปล่า ถัดไปนิดหน่อยเป็น อพาร์ทเมนท์ 6 ชั้น
  • ทิศใต้ – ติดกับซอยทองหล่อ 23 และก็ บ้านพักอาศัย 2 ชั้น และอีกจุดเป็นบ้านพักอาศัย 5 ชั้น
  • ทิศตะวันตก – ติดกับ บ้านพักอาศัย 2 ชั้น แต่ในระยะกลางจะเห็นอพาร์ทเมนท์ 7, 11 ชั้นอยู่บ้าง

Image 1/7
ตรงข้ามโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัยครับ ทำให้วิวฝั่งหน้าโครงการจะได้วิวที่ค่อนข้างโล่ง

ตรงข้ามโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัยครับ ทำให้วิวฝั่งหน้าโครงการจะได้วิวที่ค่อนข้างโล่ง

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • โรงพยาบาลคามิลเลียน ~ 550 m.
  • Nihonmura Mall ~ 700 m.
  • The Commons ~ 750 m.
  • J Avenue ~ 850 m.
  • The Taste Thonglor ~ 1.1 km.
  • Tops market Thonglor ~ 1.4 km.
  • Maze Thonglor ~ 1.5 km.
  • Fifty Fifth Thonglor Plaza ~ 1.7 km.
  • Emquartier + Emporium ~ 1.7 – 2 km.
  • Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit ~ 2.1 km.
  • Rain Hill ~ 2.4 km.
  • Parklane Ekkamai ~ 2.9 km
  • K Village ~ 3.2 km.
  • W DISTRICT ~ 3.8 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลคามิลเลี่ยน ~ 650 m.
  • โรงพยาบาล สมิติเวช สุขุมวิท ~ 800 m.
  • โรงพยาบาลสัตว์บางกอกฮาร์ท ทองหล่อ ~ 950 m.
  • โรงพยาบาลเพชรเวช ~ 2.1 km.
  • โรงพยาบาลสุขุมวิท ~ 3 km.

สถานศึกษา

  • โรงเรียนรร.นานาชาติ Bangkok Prep ~ 1.5 km.
  • โรงเรียนนานาชาติเอกมัย ~ 2.3 km.
  • มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ~ 3.5 km.
  • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล้วยน้ำไท ~ 3.9 km.

สถานที่สำคัญอื่น ๆ

  • BTS พร้อมพงษ์ ~ 2 km.
  • BTS ทองหล่อ ~ 2.1 km.
  • สวนเบญจสิริ ~ 2.1 km.
  • สวนเบญจกิติ ~ 3.5 km.

รายละเอียดโครงการ

มาดูแปลนกันเริ่มจาก Ground Floor เข้ามาในส่วนตัวอาคาร เป็นส่วน Canopy & Drop Off รถวิ่งได้ 2 เลน เพื่อสามารถไปจอดรถที่ช่องจอดแบบ Automatic underground car parking ที่เตรียมไว้ให้ 2 ช่องจอด สามารถจอดได้ถึง 78 คัน (150%) และรองรับรถระดับ Supercar ได้สบาย ๆ ใช้เวลารอรถนานที่สุดประมาณ 4 นาที แต่เราสามารถบอกให้ Personal Assistant (24 ชั่วโมง) เรียกรถไว้รอให้ได้นะครับ จากนั้นค่อยลงมาจากห้องพักอาศัย นอกจากนั้นยังมีช่องจอด EV Charger ให้อีก 2 ช่องจอดนะครับ

Facility ทั้งหมดของโครงการจะจัดอยู่ที่ชั้นนี้นะครับ โดยจะมีส่วนด้านในอาคารตรงกลางคือ Main Lobby และทางขวามือเป็น Business Lounge กับ Fitness, Changing Room ส่วนทางซ้ายมือก็เป็นโถงลิฟต์ส่วนพักอาศัยมีมาให้ 2 ตัว กับห้องนิติฯ และยังมีส่วนของห้องพักอาศัยแบบพิเศษอยู่ 4 ห้อง เป็นห้องประเภท Duplex ที่จะได้ส่วนติดกับสวนด้านนอกเป็น Private Garden ด้วย ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียง 1 ยูนิตเท่านั้นนะครับ จัดเป็น Rare Item ของโครงการเลย

ส่วนของด้านหลังจะจัดพื้นที่เป็นส่วนของสระว่ายน้ำที่ยาวถึง 18 x 6 เมตร ใช้ออกกำลังกายจริงได้ มีการแยกส่วนของสระเด็กไว้ให้ด้วย พร้อมจัด Landscape รอบ ๆ พื้นที่สระว่ายน้ำ ให้มีมุมนั่งเล่นนอนเล่นพักผ่อน กระจายไว้หลายจุด รองรับการใช้งานของลูกบ้านอย่างเป็นส่วนตัวเลย

โครงการ Nivati Residence ใช้แนวคิดในการออกแบบสไตล์ Elegant Classic Contemporary ทำออกมาให้เป็นเหมือนกับ Timeless Classicism of the Architecture หรือ สถาปัตยกรรมคลาสสิกร่วมสมัย ซึ่งจะผ่านไปนานแค่ไหนก็จะดูไม่เก่า ไม่ตกยุค โดยการเลือกใช้วัสดุตกแต่งผนังอาคารด้วย Limestone โทนสีครีมแบบคลาสสิก  ภายในก็เน้นใช้วัสดุธรรมชาติจริง ที่ให้ลวดลายที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละแผ่น ในขณะเดียวกันก็ให้ความหรูหราจากการดีไซน์และการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ด้วย

ส่วนตัวอาคารเค้าทำออกมาสูงเพียง 7 ชั้น ในขณะที่โครงการทั่วไปมักจะทำ 8 ชั้นเพื่อความคุ้มค่าของพื้นที่ขาย ทำให้โครงการ Nivati Residence สามารถทำห้องฝ้าเพดานได้สูงถึง 2.85 เมตร เทียบเท่ากับคอนโดมิเนียม High Rise ระดับ Luxury โครงการอื่น ๆ ที่ติดถนนทองหล่อได้เลย

เข้ามาจะเจอกับพื้นที่ Drop Off ก็ปิดผิวด้วย Aluminium Cladding สีทองแดงและ Rose Gold เข้ากับผนังของตัวอาคาร

เลยเข้ามาหน่อยจะเป็นพื้นที่จอดรถแบบ Automatic Parking ที่นำรถลงไปจอดที่ชั้นใต้ดิน ทำให้สามารถใช้พื้นที่ด้านบนอาคารได้เต็มที่ ภายในตัวช่องลิฟต์ออกแบบมาขนาดใหญ่ชนิดที่รองรับรถขนาดใหญ่แบบ Supercar ได้ จำกัดความสูงไว้ที่ 2 เมตร ครับ โดยบัตรสำหรับจอดรถของที่นี่จะสามารถใช้งานได้สำหรับรถหลายคัน ไม่ต้องลงทะเบียนรถหรือจำกัดว่าเป็นแค่คันใดคันนึงเท่านั้น เพราะเขาออกแบบมาโดยคำนึงถึงการใช้งานจริงที่ตัวโครงการเน้นห้องขนาดใหญ่ ทำให้ลูกบ้านของที่นี่อาจจะมีรถหลายคัน ซึ่งในกรณีที่ลูกบ้านอยากเปลี่ยนรถมาใช้จอดก็สามารถทำได้สะดวกครับ

เมื่อเข้าไปยัง Lobby จะได้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้าน เนื่องจากมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ดูโปร่งสบาย และเน้นเลือกใช้โทนอบอุ่น มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง

เข้ามาด้านในจะมีมุมนั่งพักผ่อนรองรับหลายจุดเลยครับ ใช้งานพร้อม ๆ กันได้หลายคนหรือหลายกลุ่มเลย ด้านในจะได้ช่องแสงวิวสระว่ายน้ำด้านนอกและ Vertical Garden ที่ด้านหลังสุดของโครงการ บริเวณตามเสาในพื้นที่ล็อบบี้นี้จะมีการตกแต่งกรุด้วย Palissandro Bluette Marble ซึ่งมีความโดดเด่นสะดุดตาด้วยโทนสี ตัวหินนี้จะเป็นสีเทาฟ้าประกายทอง และมี Glitter ฝังอยู่ระยิบระยับ ที่สำคัญมีราคาสูงมากด้วย

ด้านข้างจะมีจอแสงผลสำหรับการรอรถที่จอด ซึ่งจะใช้เวลานานที่สุดประมาณไม่เกิน 3-4 นาที แต่ในกรณีต้องการใช้งานจริง แต่ละห้องสามารถเรียก Personal Assistant ให้เตรียมรถไว้ให้ก่อนเราจะออกจากห้องได้นะครับ เจ้าหน้าที่จะโทรไปแจ้งเมื่อรถพร้อมใช้งาน ดังนั้นเราก็สามารถลงมาแล้วขึ้นรถออกไปได้เลย ไม่ต้องมากดหรือนั่งรอ

ด้านในจะมีเคาน์เตอร์ประจำสำหรับ Personal Assistant ซึ่งทำหน้าที่เหมือน Concierge Service เหมือนในโรงแรมระดับ Hi-End ต่าง ๆ ซึ่งความพิเศษคือผู้ช่วยคนนี้จะ Stand by คอยดูแลและอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง เช่น ส่งของและพัสดุให้ถึงหน้าห้อง, บริการซักผ้า, เรียกรถ, จัดเตรียมรถที่จอดให้ จองคลาสต่าง ๆ หรือสั่งอาหาร เป็นต้น

ด้านในจะมีแนวทางเดินยาวเข้าไปยังส่วนของโถงลิฟต์ครับ มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง มีมุมที่นั่งด้านข้างไว้ให้พักผ่อนได้ตลอดทาง

จะเห็นว่าเขาใช้การออกแบบที่กลมกลืนไปด้วยกันทั้งตัวอาคารเลย โดยจะเน้นวัสดุหินจริง และใช้ Aluminium Cladding สีทองแดงและ Rose Gold มาช่วยตัด ให้ความหรูหราอย่างเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

พื้นที่ภายนอกด้านหลังจัดออกมาสไตล์รีสอร์ทเลยครับ เป็นพื้นที่ปิดล้อมที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูง จัดสวนและปลูกต้นไม้ล้อมรอบสระว่ายน้ำตรงกลาง ซึ่งจะมีแนวทางเดินใต้อาคารเพื่อใช้งานพื้นที่บริเวณนี้ได้ทั่ว

ส่วนแรกจะเป็นสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก ภายในสระปิดผิวด้วยหินอ่อน White Venus

ตัวสระว่ายน้ำขนาด 18 x 6 เมตร สำหรับว่ายออกกำลังกายได้จริง มี. Vertical Garden สูง 6 เมตรด้านข้างช่วยสร้างบรรยากาศและให้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น จะมีน้ำพุด้านล่างยาวตลอดแนวช่วยสร้างบรรยากาศและ Movement ให้กับพื้นที่นี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

ส่วนอีกฝั่งจะมีพื้นที่พักผ่อนจัดไว้ให้ตามมุมต่าง ๆ แยกนั่งพักผ่อนกันได้หลากหลายมุม

แนวทางเดินยาวเข้ามาสู่พื้นที่ส่วนกลางด้านหลังครับ จะมีห้องออกกำลังกายด้านข้าง และห้องน้ำแยกชายหญิงด้านในสุด ด้านในของสระว่ายน้ำจะมีพื้นที่พักผ่อนในสวนรับวิวสระว่ายน้ำให้อีกจุด

เป็นมุมที่สามารถนอนอ่านหนังสือชมวิวสระว่ายน้ำท่ามกลางแนวสวนด้านข้างได้ดีเลย น่าจะเป็นอีกหนึ่งมุมโปรดของใครหลาย ๆ คนเลยครับ

ด้านในจัดพื้นที่กว้างไว้ให้สำหรับการใช้งานหลายคนขึ้น เหมาะกับคนที่ชอบความโปร่งและโล่ง ต้องการมุมที่เป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ

ด้านในจะเป็นห้องน้ำแยกชายหญิงครับ

เข้ามาที่ห้องน้ำด้านในจะเรียงลำดับการใช้งานมาให้เรียบร้อย โดยจะมีส่วนของล็อคเกอร์มาให้ก่อนเลย

จากนั้นจึงเป็นแนวอ่างล้างหน้าที่มาพร้อมแนวกระจกบานใหญ่ ก๊อกน้ำและอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ คุณภาพสูงจากแบรนด์ Gessi ซึ่งนำเข้าจากประเทศอิตาลี ความพิเศษอีกอย่างคือ เคาน์เตอร์รอบอ่าง เป็นหินอ่อน ลาย Silver Dragon ที่ยาวต่อเนื่องกันทั้งหมด

ด้านในจะแยกส่วนมาให้ครบทั้งส่วนห้องน้ำและส่วนอาบน้ำท่ีมีพื้นที่นั่งภายในมาให้ด้วย โดยจะใช้สุขภัณฑ์ของ Villeroy & Boch แบรนด์ชื่อดังจากประเทศเยอรมันที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1748 ส่วนอาบน้ำใช้ของ Gessi เช่นเดิมครับ

มาต่อกันที่ห้อง Fitness ครับ ส่วนตัวผมชอบที่เขาแยกส่วน Locker มาให้อีกจุด สามารถใช้งานได้สะดวก มีพื้นที่ภายในที่ค่อนข้างกว้างนะครับ ถ้าเทียบกับจำนวนยูนิต

ส่วนแรกจะเป็นเครื่องออกกำลังกายประเภท Cardio Training ติดแนวหน้าต่างรับวิวสระว่ายน้ำด้านนอก ตัวเครื่องจะเป็นของยี่ห้อ Technogym ที่ใช้ User Interface ของทาง Nivati Residence เองเลย โดยภายในจะมี  Class เฉพาะที่พาปั่นจักรยาน และวัดค่ารายละเอียดของงร่ายกายให้พร้อมเลยครับ

ส่วนด้านในจะเน้นไปที่ส่วนของ Weight Training ที่จัดเป็นเครื่อง Kinesis มาให้ โดยจะเป็นเครื่องที่สามารถออกกำลังกายได้ทุกส่วนเลยครับ ทำงานแบบใช้ dual cable (สายเคเบิลคู่) ปรับน้ำหนักเองได้ง่าย มีกริปให้จับกระชับในทุกท่าทาง

ส่วนโถงลิฟต์ของชั้นพักอาศัยจะมีหน้าตาประมาณนี้ครับ ตกแต่งมาด้วยสไตล์เดิมเข้ากันกับชั้น 1 ให้แนวกระจกกว้างและสูง Full Height มาให้

รับวิวสวนและสระว่ายน้ำด้านล่าง สามารถเปิดรับลมระบายอากาศได้เป็นอย่างดีเลย เพราะทำมุมเป็นช่องลมของตัวอาคารพอดี

ส่วนแนวทางเดินจะมีมาให้ลักษณะนี้ครับ เป็น Double Corridor ที่มีห้องอยู่ฝั่งตรงข้ามก็จริง แต่จะออกแบบให้ประตูเยื้องกันซะเป็นส่วนใหญ่ ผนังและพื้นยังคงตกแต่งและก็ใช้หินอ่อนแท้เช่นเดิม ความกว้างและความสูงจะค่อนข้างให้มาเยอะเป็นพิเศษ ใช้งานได้ไม่อึดอัด สมราคา

ด้านในสุดของทางเดินจะมีแนวช่องแสงมาให้ ช่วยให้โถงทางเดินไม่ดูทึบตัน และให้แสงธรรมชาติในช่วงเวลากลางวันด้วยครับ

Image 1/4
Floor 2 ช่องแสงที่ส่องมายัง Corridor มีจากโถงลิฟต์โดยสาร และก็บริเวณหน้า Service Lift โดยที่ชั้นนี้จะมีห้องพักอาศัยจำนวนเยอะสุด คือ 11 ยูนิต ทางฝั่งซ้ายมือสุดแบบ Type D ยังเป็นส่วนต่อเนื่องมาจากห้องพิเศษ Duplex มาจากชั้นล่าง / ห้องสีน้ำตาลเข้ม A1 ฝั่งด้านหน้าโครงการ ที่เห็นมีห้องเดียวคือห้อง 1 Bedroom ที่เป็นขนาดเริ่มต้นของโครงการ (70 -77 ตร.ม.) เป็นห้องขนาดเล็กที่สุดในโครงการแต่พื้นที่ใช้สอยภายในห้องไม่เล็กเลยนะครับ นอกเหนือจากนั้นสีน้ำตาลอ่อนที่เราเห็นเยอะหน่อย จะเป็นห้องรูปแบบที่มีเยอะที่สุดในโครงการ คือห้อง 2 Bedroom ขนาด 104 – 139 ตร.ม. นั่นเองครับ

Floor 2 ช่องแสงที่ส่องมายัง Corridor มีจากโถงลิฟต์โดยสาร และก็บริเวณหน้า Service Lift โดยที่ชั้นนี้จะมีห้องพักอาศัยจำนวนเยอะสุด คือ 11 ยูนิต ทางฝั่งซ้ายมือสุดแบบ Type D ยังเป็นส่วนต่อเนื่องมาจากห้องพิเศษ Duplex มาจากชั้นล่าง / ห้องสีน้ำตาลเข้ม A1 ฝั่งด้านหน้าโครงการ ที่เห็นมีห้องเดียวคือห้อง 1 Bedroom ที่เป็นขนาดเริ่มต้นของโครงการ (70 -77 ตร.ม.) เป็นห้องขนาดเล็กที่สุดในโครงการแต่พื้นที่ใช้สอยภายในห้องไม่เล็กเลยนะครับ นอกเหนือจากนั้นสีน้ำตาลอ่อนที่เราเห็นเยอะหน่อย จะเป็นห้องรูปแบบที่มีเยอะที่สุดในโครงการ คือห้อง 2 Bedroom ขนาด 104 – 139 ตร.ม. นั่นเองครับ

มาดูผังชั้นห้องพักอาศัยกันต่อเลยครับ ที่นี่เขามีเพียง 52 ยูนิต แต่มีรูปแบบห้องมาให้เลือกถึง 12 แบบ ซึ่งถ้าเทียบสัดส่วนก็ถือว่าจัดแบบห้องมาให้เลือกเยอะเลยครับ เพราะเขาเลือกออกแบบแต่ละรูปแบบห้องให้เหมาะกับแต่ละตำแหน่งของตัวอาคาร ได้รูปแบบของการพักอาศัยที่เหมาะสมที่สุด

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Business Lounge
  • Laundry Service
  • GYM (Fitness)
  • Private Garden
  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 18 x 6 ม. มีความลึก 1.2 ม. มีการแยกสระเด็กภายใน
  • Personal Assistant ตลอด 24 ชั่วโมง
  • รถ Toyata Alphard รับส่งในระยะ 3 กม. รอบโครงการ
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว / Service Lift 1 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 26 : 1
  • ระบบจอดรถ Automatic Parking ลงชั้นใต้ดิน จอดได้ 78 คัน คิดเป็น 150%
  • EV Chargers 2 ช่องจอด
  • ระบบ CCTV / Access Card / Security Guard 24 hour
  • Home Automation ภายในห้องพักอาศัย

แบบห้อง

โครงการนี้จะเน้นขยายห้องขนาดใหญ่นะครับ เพราะต้องการสร้างการอยู่อาศัยที่ให้บรรยากาศเหมือน “บ้าน” ในทำเลใจกลาง “ทองหล่อ” ทำให้เราจะเห็นห้องเริ่มต้นที่ขนาด 77.81 ตร.ม. และรูปแบบห้องที่เยอะที่สุดก็เป็นห้องแบบ 2 Bedroom นั่นเอง โดยห้องที่ยังเหลือขายอยู่จะมีดังนี้ครับ

  • ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 77.81 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 18.5 ล้านบาท
  • ห้อง 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ 104.17-138.73 ตร.ม. จำนวน 23 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 24.1 ล้านบาท
  • ห้อง 3 Bedroom ขนาดพื้นที่ 178.69 ตร.ม. จำนวน 4 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 40.5 ล้านบาท
  • ห้อง Duplex ขนาดพื้นที่ 189.94 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 48.9 ล้านบาท

และอย่างที่บอกไปว่าวัสดุภายในห้องจะได้เกรดสูงถึง Hi-End ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ Digital Door Lock จาก Yale, General Door Finish เป็น Skim coated with painted มือจับ Kawajun พื้นภายในห้องนอนจะเป็น Engineering Wood หนา 8 มม. ผิวไม้โอ๊ค ส่วน Dining Area & Kitchen เป็นหินอ่อน Italian Grey, Balcony เป็น Homogeneous tile, พื้นและผนังห้องน้ำ เป็น Porcelain tile ภายในห้องน้ำใช้เป็นสุขภัณฑ์อัตโนมัติและอ่างล้างหน้าจาก Villeroy & Boch เคาน์เตอร์รอบอ่างเป็นหินอ่อนทั้งหมดลาย Silver Dragon ก็อกน้ำและฝักบัว Hand Shower และ Rain Shower ของ Gessi ในส่วนของ Master Bathroom จะได้เป็นแบบ Thermostatic และได้อ่างอาบน้ำแบบลอยตัว Full Body Size, ชุดครัวจาก Poggenpohl Top Island & Pantry จะได้วัสดุเป็นหิน Quartz ชุดอ่างล้างจานของ blanco, Hob&Hood และเตาอบ built-in จะได้ของยี่ห้อ Siemens เฟรมประตูหน้าต่างต่าง ๆ จะเป็น Aluminium Powder Coated ตัวกระจกก็เป็น Laminate Glass (Euro Grey) สวิชท์ไฟ (Lighting Switch + Air Switch) ของ Schneider ซึ่งจะไปทำงานควบคู่กับส่วนของระบบ Home Automation จาก Walian ส่วนงานระบบของที่นี่ก็ให้มาน่าสนใจเช่นกัน โดยจะได้ระบบปรับอากาศแบบ VRV, เครื่องดูดควันแบบปล่อยออกที่ชั้นดาดฟ้า, Home Automation และระบบ Automatic Sprinkler มาให้ที่ครัว (ซึ่งตามกฎหมายแล้วคอนโด Low Rise ไม่จำเป็นต้องติดตั้งก็ได้ แต่ที่นี่ก็ให้มาด้วยครับ)

และที่พิเศษคือจะมีตัวเลือกเสริมในการจ่ายเงินเพิ่ม (1 Bedroom เพิ่ม 1 ล้านบาท, 2 Bedroom เพิ่ม 2 ล้านบาท และ 3 Bedroom เพิ่ม 3 ล้านบาท) เพื่อที่จะได้ห้อง Fully Furnished แต่งครบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวในสไตล์ห้องตัวอย่าง โดย Designer ชั้นนำอย่าง Olivia Living และ Quattro Design ครับ ลองไปชมกัน

ห้องแรกที่จะพามาชมกันคือห้อง 2 Bedroom ขนาด 109.98 ตร.ม. เป็นห้องรูปทรง 4 เหลี่ยมจัตุรัส แบ่งพื้นที่ภายในออกได้อย่างชัดเจนเลยครับ โดยจะเป็นพื้นที่ Common Area ตรงกลาง ยาวจากหน้าประตูไปจนถึงระเบียงห้อง จากนั้นจึงแยกออกเป็น Living Area ที่เป็นห้องนอนทั้งสองห้องทางซ้ายและขวา โดยทั้งสองห้องจะมีห้องน้ำในตัวมาให้พร้อมเลย ที่ชอบคือด้านนอกจะได้ห้อง Powder Room มาให้ด้วย ทำให้ภายในห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัวสูง นอกจากนั้นยังจะได้ส่วนของ Storage ที่รวมพื้นที่ซักล้างไว้ภายในมาให้พร้อม ให้อารมณ์การอยู่อาศัยเหมือนบ้านเลยครับ ไปชมกัน

ประตูหน้าห้องของที่นี่จะมีลักษณะแบบนี้ครับ โดยที่นี่เขาจะไม่มีห้อง Mail Box ให้นะครับ เพราะเวลามีจดหมายหรือพัสดุมา Personal Assistant จะเอาขึ้นมาให้ถึงห้องเลย ส่วนประตูจะได้เป็นบานใหญ่พิเศษ สามารถเปิดออกได้ 2 ฝั่งเต็มที่ในกรณีที่ต้องเอาของขนาดใหญ่เข้าออก มาพร้อม Digital Door Lock จาก YALE

เปิดประตูเข้ามาก็เห็นถึงช่องแสงด้านในเลย ทำให้ห้องจะดูโปร่งและโล่งพอสมควร พื้นส่วน Common Area จะเป็นเป็นหินอ่อน Italian Grey ซึ่งจะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน โดยห้องนี้จะเป็นห้องที่ตกแต่งโดย Olivia Living นะครับ สำหรับใครที่อยากได้ Mood & Tone ประมาณนี้ ก็สามารถจ่ายเงินเพิ่มอีก 2 ล้านบาท เพื่อให้มี Designer มาตกแต่งห้องให้ ซึ่งเราสามารถมีส่วนร่วมในการออกแบบได้ด้วยเช่นกัน ทั้งการเลือก Built-in, ไฟ, ผนัง และวัสดุลอยตัว เดี๋ยวผมส่งแปะรายละเอียดวัสดุที่ตกแต่งโดย Olivia Living ของห้องนี้ไว้ที่ท้ายร้ายละเอียดภายในของห้องนี้นะครับ

พื้นที่ด้านหน้านี้ทำหน้าที่เป็น Foyer สำหรับเตรียมตัวออกหรือเข้าห้อง โดยด้านข้างจัด Built-in ตู้รองเท้าและเก็บของมาให้อย่างเต็มที่ มีระยะจากหน้าบานตู้ถึงผนังอยู่ประมาณ 2.1 เมตร ทำให้ฝั่งตรงข้ามเราสามารถ Built-in เป็นชั้นนั่งใส่รองเท้าได้สบาย ๆ เลย

หน้าตาของตู้ก็จะมีมาให้ประมาณนี้ครับ เก็บของและรองเท้าได้เยอะเลย เป็นสัดส่วนและดูเรียบร้อยดี

เข้ามาด้านในจะเจอกับพื้นที่ Living Area แบบเต็มรูปแบบ ขนาดค่อนข้างกว้างเลยครับ เพราะจะรวมพื้นที่หลาย ๆ ที่ไว้บริเวณนี้ ทั้งส่วนของครัวเปิด พื้นที่รับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่นด้านใน ที่ได้ช่องแสงหลักจากระเบียงของห้อง นอกจากนั้นยังทำหน้าที่เป็นส่วนแจกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ภายในห้องด้วย

ส่วนแรกคือพื้นที่รับประทานอาหารบริเวณนี้ ที่จะสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารได้หลากหลายขนาดเลย ผนังโดยรอบบริเวณนี้สามารถเลือกตกแต่งหรือจัดได้หลายแบบเลย

อีกฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของห้องครัว ซึ่งจะเป็นครัวเปิดครับ ข้อดีคือทำให้ห้องดูโล่งและกว้างมากยิ่งขึ้น แต่เวลาประกอบอาคารอาจจะควบคุมกลิ่นได้ยากนิดนึงนะครับ

ชุดครัวจะออกแบบโดย Poggenpohl แบรนด์ชุดครัวระดับต้น ๆ ของโลกจากประเทศเยอรมัน ที่ได้จะมี Island มาให้ตรงกลางด้วย สำหรับเป็นพื้นที่เตรียมอาหาร และจัดเก็บวัตถุดิบและอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้สะดวก และมีขนาดพื้นที่ที่ช่วยกันทำครัวได้หลายคนพร้อม ๆ กัน ส่วนชุดตู้ด้านบน ก็แบ่งเป็นชั้นหลายช่องเหมือนกัน (แบบ 4 แถว) และด้านบนของ Hood เป็นแบบ 3 แถว เรื่อง Fitting จากการเปิดปิดไม่ต้องห่วงระดับยี่ห้อนี้แล้วเป็น Soft Close ทั้งหมดแน่นอน

ส่วนของเคาน์เตอร์ครัวและ backsplash จะได้เป็นหิน Quatz อ่างล้างจานหินเป็นของ Blanco แบรนด์ดังจากประเทศเยอรมนี เป็นต้นตำรับของการผลิตอ่างล้างจานระดับต้นๆ ของโลกเช่นเดียวกันครับ จะได้เป็นก็อกน้ำแบบสามารถดึงหัวออกมาเป็นสายยาวได้ เพื่อความยืดหยุ่นในการใช้งาน ส่วนเตาจะได้เป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันแบบดูดลมออกเป็นท่อเดี่ยวขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าโดยไม่รวมกับยูนิตอื่น ๆ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นเวลาทำอาหารหรือกลิ่นที่ย้อนกลับมาจากห้องอื่น ๆ เลย

island จะมีช่องเก็บของมาให้เยอะเลยครับ ซึ่งถ้าใครที่อยู่อาศัยในคอนโดขนาดทั่วไปจะทราบดีเลยครับว่าพื้นที่เก็บของนั้นสำคัญเอามาก ๆ

ด้านในจะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นไซส์ขนาดใหญ่มาให้เลยครับ สามารถวางตู้เย็นหน้าบานคู่ได้สบาย ๆ

ด้านในหลังตู้เย็นจะแยกออกเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room และห้อง Storage ครับ ซึ่งจัดมาให้เข้ามุมใช้งานได้ง่าย และไม่รบกวนพื้นที่อื่น ๆ ภายในห้องนะ

เป็นห้องน้ำ Powder Room ก็คือจะไม่มีส่วนอาบน้ำนะครับ เพราะทุกห้องนอนจะได้ห้องน้ำภายในตัวมาอยู่แล้ว เน้นเพื่อใช้งานสำหรับส่วน Living Room เท่านั้น โดยวัสดุที่ได้จะเป็นสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าจาก Villeroy & Boch แบรนด์ดังจากประเทศเยอรมัน ที่มีมานานกว่า 200 ปี เคาน์เตอร์รอบอ่างเป็นหินอ่อนทั้งหมดลาย Silver Dragon ก็อกน้ำจะเป็นของ Gessi นำเข้าจากประเทศอิตาลีนะครับ ได้กระจกเงาบานใหญ่ซ่อนไฟมาให้ด้วย

ด้านในจะได้ห้อง Storage ขนาดใหญ่มาให้ครับ พร้อมทั้งติดตั้งงานระบบสำหรับวางเครื่องซักผ้า ที่ทำจะเป็นส่วนของ Laundry ไว้ให้เรียบร้อยเลย หรือครอบครัวไหนไม่อยากจะซักผ้าเองก็สามารถใช้บริการที่ด้านล่างได้นะครับ จะมี Personal Asistant คอยบริการรับส่งผ้าให้ แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะครับ

โดยภายในห้องนี้จะมีรูปทรงเป็นตัว L ขนาดลึกส่วนแรกประมาณ 2.45 กว้างสักเกือบเมตร ส่วนอีกส่วนจะลึกประมาณ 1.65 เมตร ครับ ส่วนตัวผมชอบเพราะอย่างใครที่อยู่คอนโดจะทราบดีกว่าไม่มีพื้นที่สำหรับเก็บของชิ้นใหญ่ ๆ เช่น กระเป๋าเดินทาง ถุงกอล์ฟ จักยาน(แบบพับ) หรือพวกอุปกรณ์กีฬาอื่น ๆ ดังนั้นห้องนี้ก็ค่อนข้างตอบโจทย์เลยครับ

ส่วนด้านในของตัวห้องจะเป็นห้องนั่งเล่นครับ ที่มีห้องนอนทั้งสองห้องประกบซ้ายและขวา ใช้งานได้ง่าย และอีกจุดเด่นคือดันส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอนทั้งสองมาติดพื้นที่แนวกระจกของห้องทั้งหมดก็จะได้รับแสงธรรมชาติในทุกส่วนอย่างเต็มที่ ได้ความเป็นส่วนตัว และแยกออกจากส่วนที่อาจจะส่งกลิ่นของตัวห้อง เช่น ครัว และพื้นที่รับประทานอาหารได้เป็นอย่างดีครับ

พื้นที่นั่งเล่นตรงนี้จะมีระยะดูทีวีประมาณ 3.15 เมตร ซึ่งจะเหมาะกับการติดตั้งทีวีขนาดใหญ่แบบ 70 นิ้วขึ้นไปได้เลย สามารถวางโซฟาและโต๊ะกลางได้หลากหลายขนาด หรือจะวางsofabed ก็ได้ ด้านข้างจะมีช่องแสงหลักของห้องที่เป็นประตูกระจกบานใหญ่กรอบบาน Aluminium Powder Coated ตัวกระจกก็เป็น Laminate Glass หนา 12 มม. (Euro Grey) เป็นความหนากว่าปกติ ทำให้ปิดแล้วจะกันเสียงและรังสีความร้อนเป็นพิเศษ

พื้นที่ระเบียงภายนอกมีขนาด 3.6 x 0.9 เมตร ซึ่งเราสามารถใช้งานได้เต็มที่เลยครับ ไม่ต้องวาง Condensing Unit เพราะที่นี่ใช้ระบบปรับอากาศเป็นระบบ VRV (Variable Refrigerant Volume) เป็นระบบที่ใช้คอมเพรสเซอร์ขนาดใหญ่ สามารถเดินท่อแอร์ในระยะไกล ๆ ได้ เชื่อมกับส่วนเป่าลมเย็นได้หลายตัว ดังนั้นจึงนิยมวางรวมกันไว้ที่พื้นที่ส่วนกลางของโครงการ เราจึงไม่เห็นมีคอมเพรสเซอร์แอร์ติดอยู่ที่ระเบียงเลย แถมยังจะประหยัดไฟมากกว่าระบบทั่วไป และควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำมากกว่าด้วยครับ

มองย้อนกลับเข้ามาภายในห้องจะเห็นว่าพื้นที่ภายในค่อนข้างโล่งและกว้าง และแสงธรรมชาติจากจุดนี้ก็สามารถส่องเข้าได้ทั่วถึงพื้นที่ภายในห้องนะครับ ลองไปชมส่วน Living Area กันบ้าง เริ่มจากห้อง Master Bedroom ทางฝั่งขวามือของเรากันก่อนเลยครับ

เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ที่ได้ช่องแสงมาเต็มที่ครับ พื้นที่ภายในห้องสามารถวางเตียง 6 ฟุตขึ้นไปได้สบาย ๆ พร้อมทั้งยังสามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้งสองข้าง แล้วยังเหลือพื้นที่เดินได้รอบสะดวก ปลายเตียงเองก็วางชั้นวางของหรือชั้นวางทีวีได้ด้วย

ด้านในจะได้แนวกระจกบานใหญ่ที่ให้บานกระทุ้งมา 2 ฝั่ง เปิดรับลมระบายอากาศได้เต็มที่ครับ

ส่วนด้านในของตัวห้องจะเป็นพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำ ซึ่งเราสามารถกั้นส่วนให้ชัดเจนได้นะครับ ในกรณีที่แยกความเป็นส่วนตัว เช่น คุณแม่จะเป่าผม คุณพ่อยังนอนอยู่ก็สามารถไม่รบกวนกันได้

พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างครับ อันนี้เป็นตัวอย่างที่ทางโครงการ Built-in ให้ชมกันนะ

ฝั่งนึงเป็นตู้เสื้อผ้า อีกฝั่งเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งถ้าทำตามนี้ก็จะเหลือพื้นที่ตรงกลางให้เดินประมาณ 1 เมตร ก็จัดว่ายังกว้างและใช้งานตู้ได้สบาย ๆ

ภายในห้องน้ำขนาดใหญ่จนแอบตกใจ ชนิดที่สามารถทำเป็นอีกหนึ่งห้องนอนได้สบาย ๆ เลย โดยให้มาจัดเต็มครบทุกส่วนเลยครับ

ส่วนแรกเป็นอ่างล้างหน้าจาก Villeroy & Boch แบบ His & Her เคาน์เตอร์รอบอ่างเป็นหินอ่อนลาย Silver Dragon ก็อกน้ำจะเป็นของ Gessi ได้กระจกเงาบานใหญ่ซ่อนไฟมาให้เช่นเดิม

ด้านในเป็นส่วนอาบน้ำและห้องน้ำของห้องแยกส่วนกันแต่ละมุมใช้งานได้สะดวก

เริ่มที่อ่างอาบน้ำของ ได้อ่างอาบน้ำแบบลอยตัว Full Body Size จาก Villeroy & Boch

โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติ เข้ามุมเป็นสัดส่วน จาก Villeroy & Boch

ในส่วนของ Master Bathroom จะได้ Hand Shower และ Rain Shower จาก Gessi เป็นแบบ Thermostatic ปรับอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ พร้อมพื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.6 x 1 เมตร ด้วย

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องนอนรองครับ ที่มีขนาดภายในสามารถเป็น Master Bedroom ในโครงการอื่น ๆ ได้เลย

พื้นที่พักผ่อนจะให้มาลักษณะใกล้เคียงกันกับห้องนอนหลักเลยครับ สามารถวางเตียงได้หลากหลายขนาด ได้ช่องแสงบานใหญ่พร้อมช่องเปิด 2 จุด

ปลายเตียงก็สามารถแขวนทีวีแล้วยังเหลือทางเดินได้สะดวกนะครับ หรือจะทำเป็นชั้นวางทีวีเลยก็ยังได้

ด้านในจะเป็นมุม Walk-in Closet ที่หลบอยู่หลังผนัง เพื่อความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น มีพื้นที่ข้างเตียงทำโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้ด้วย

ตัวอย่าง Built-in ตู้เสื้อผ้า จะมาเป็นรูปตัว L นะครับ เหลือพื้นที่เดินเข้าออกห้องน้ำได้สะดวก

ห้องน้ำมาให้เป็นแนวตอนยาว ซึ่งมาครบและใช้วัสดุที่ดูดีเช่นเดิม

อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จาก Villeroy & Boch มาพร้อมเคาน์เตอร์หินแท้เช่นเดิมครับ ได้ผนัง Low Wall สำหรับวางของให้เช่นเดิม

ด้านในส่วนอาบน้ำจะอยู่ค่อนข้างเป็นสัดส่วน ได้ฉากกั้นอาบน้ำมาครบพร้อมใช้งาน

พื้นที่อาบน้ำประมาณ 1 x 1.4 เมตร มาพร้อม Hand Shower และ Rain Shower จาก Gessi เช่นเดิมครับ

ห้องถัดมาจะเป็นห้อง 2 Bedroom Plus ที่มีขนาดพื้นที่ห้องประมาณ 130.43 ตร.ม. ลักษณะของห้องจะยังคงเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสเช่นเดิม แต่จะเป็นพื้นที่การใช้งานของห้องออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ซ้ายและขวา โดยส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ Common Area ที่จะรวมพื้นที่ ห้องน้ำ Powder Room ครัว พื้นที่รับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น และระเบียงไว้ด้วยกัน จากนั้นจึงแยกไปยังส่วน Living Area ด้านข้างอีกฝั่งครับ การจัดแบบนี้จะทำให้พื้นที่ห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัวจากส่วน Common Area มากกว่าเดิม ความพิเศษคือจะมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มมาให้ ซึ่งจะอยู่ตรงกลางระหว่างส่วน Common Area และ Living Area ทำให้สามารถจัดได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน, ห้องดูหนังฟังเพลง, ห้องออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งห้องนอน แต่หากจะอาบน้ำต้องไปใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องนอนหลักทั้ง 2 ห้องนะครับ ลองไปชมกันครับ

พื้นที่แรกของห้องนี้จะเป็น Foyer เช่นเดิม โดยจะมีส่วนของตู้รองเท้าและมุมตู้เก็บของและส่วน Laundry จัดมาให้ที่ด้านหน้านี้ ด้านข้างจะมีห้องน้ำที่เป็น Powder Room ครับ โดยตรงนี้จะกว้าง 1.5 เมตร เดินถือของเข้าออกสบาย ๆ

ตู้ต่าง ๆ ที่ Built-in มาให้จัดว่าเก็บของได้เยอะเลยครับ ถ้าหากเราไม่ทำเป็นพื้นที่ Laundry ก็สามารถเก็บของได้เยอะนะครับ ผ้าต่าง ๆ ก็สามารถส่งซักที่ด้านล่างได้เลย

ส่วนอีกฝั่งจะเป็นพื้นที่ของห้องน้ำ สามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะไว้เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากห้อง หรือเวลากลับเข้ามาก็ล้างมือล้างหน้าก่อนเข้าไปภายในห้องได้ง่าย ๆ

เป็นห้องน้ำที่ตกแต่งด้วยวัสดุและสุขภัณฑ์ต่าง ๆ จากแบรนด์เนมนำเข้าเช่นเดิม

เพราะเป็นครัวเปิดจึงทำให้ภายในพื้นที่ห้องจะค่อนข้างกว้างครับ รับแสงจากระเบียงด้านในเข้ามาเต็มที่เลย โดยส่วนแรกจะเป็นครัวที่ Built-in มาให้ตามนี้เช่นเดิม (ยกเว้นส่วนของหน้าบาน Island ที่เห็นนะครับ)

ชุดครัวเราจะได้มาหน้าตาเหมือนเดิมเลยครับ เคาน์เตอร์ครัวและ backsplash จะได้เป็นหิน Quatz อ่างล้างจานหินเป็นของ Blanco เตาไฟฟ้า เตาอบ และเครื่องดูดควันจาก Siemens

ด้านข้างจะเป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร ข้อดีคือใกล้กับครัว สามารถใช้งานและเก็บได้ง่าย ไม่ต้องถือไปไหนไกล แถมยังหันไปดูทีวีที่ส่วนห้องนั่งเล่นด้วยก็ได้

ด้านในสุดจะเป็นห้องนั่งเล่นที่ได้ช่องแสงขนาดใหญ่จากระเบียง ตรงนี้จะมีระยะดูทีวีประมาณ 3.4 เมตร ซึ่งจัดว่ากว้างเลยทีเดียว วางโซฟาขนาดใหญ่ได้เต็มที่ จะวางโต๊ะกลางยาวก็ทำได้ เหมาะกับการติดทีวีขนาด 70 นิ้วขึ้นไปครับ

ด้านในได้ช่องแสงจากระเบียงที่เป็นกระจกบานเลื่อนเช่นเดิม

เป็นระเบียงขนาดประมาณ 4.25 x 0.9 เมตร ใช้พื้นที่ได้เต็มที่เลย จัดเป็นสวน หรือตั้งชุดโต๊ะกาแฟมานั่งสูดอากาศยามเช้าก็ได้ครับ

จะเห็นว่าพื้นที่ส่วน Common Area นี้ยาวตั้งแต่ด้านในสุดไปจนถึงหน้าห้องเลย จริง ๆ เราสามารถเลือกจัดได้หลากหลายนะครับ ด้านข้างฝั่งซ้ายจะมีแนวทางเดินเชื่อมไปยังพื้นที่พักผ่อนของห้อง

อีกฝั่งของห้องนี้จะเป็นส่วนของ Living Area จะมีแนวทางเดินยาวเข้าไปกว้าง 1 เมตร เดินสบาย ๆ ครับ ห้องแรกขวามือคือห้องอเนกประสงค์ ส่วนด้านในจะเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้องของห้องนี้

ภายในห้องอเนกประสงค์นี้จะมีขนาดประมาณ  2.5 x 2.6 เมตร ซึ่งอย่างที่บอกว่าสามารถเลือกจัดได้หลากหลาย แต่ผมแนะนำให้ทำเป็นห้องทำงาน ห้องออกกำลังกาย ห้องดูหนังฟังเพลง น่าจะเหมาะกว่าห้องนอนนะครับ เพราะห้องน้ำที่มีส่วนอาบน้ำของที่นี่จะอยู่ภายในห้องนอนทั้งหมด ทำให้หากต้องใช้ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำจะต้องไปใช้ร่วมกับห้องทั้งสอง

เดินต่อเข้ามาจะเจอกับห้องนอนทั้งสองของห้องนี้ครับ โดยฝั่งซ้ายจะเป็นห้องนอนรอง ส่วนฝั่งขวาจะเป็นห้องนอนหลัก

เข้ามาชมห้องนอนหลักกันก่อนเลย จะเป็นห้องที่ถ้าหากรวมห้องน้ำแล้วก็จะมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับส่วน Common Area เลยครับ ดังนั้นภายในจึงเลือกจัดได้หลากหลายรูปแบบเลยครับ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน

ด้านในมีช่องแสงขนาดใหญ่สูงและยาวเกือบจะเต็มแนวหน้ากว้างห้อง ได้กระจกบานกระทุ้ง 2 บาน เพื่อเปิดรับลมระบายอากาศได้เต็มที่ครับ

ด้านในของห้องจะมีพื้นที่สำหรับทำโต๊ะทำงานได้เต็มที่ ดังนั้นเราจึงสามารถจัดห้องอเนกประสงค์ด้านนอกเป็นห้องอื่น ๆ ได้อีก ส่วนด้านในสุดของห้องจะเป็นพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำ Master Bathroom ครับ

พื้นที่ Walk-in Closet ปกติจะปล่อยโล่งมาให้นะครับ แต่สามารถจัดแบบนี้เพื่อเป็นไอเดียได้เลย มีประตูให้ทำเป็นพื้นที่ปิดได้พร้อม

ส่วนห้องน้ำด้านในจะมีวัสดุต่าง ๆ และขนาดใหญ่เช่นเดิมครับ

ส่วนแรกจะเป็นอ่างล้างหน้าที่มาในรูปแบบ His & Her เช่นเดิมครับ พร้อมแนวกระจกบานใหญ่ มีพื้นที่ตรงข้ามทำที่นั่งภายในห้องน้ำได้ด้วย

ส่วนเปียกจะอยู่ด้านใน แต่ก็ยังแยกสัดส่วนไว้ได้เป็อย่างดี โดยจะได้แนวกระจกฉากกั้นมาให้ในแต่ละส่วน

อ่างอาบน้ำแบบลอยตัวเข้ามุม เป็นแบบ Full Body Size จาก Villeroy & Boch พร้อมผนังที่มีช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำให้ด้านข้างด้วย

ส่วนอาบน้ำและห้องน้ำจะได้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้เป็นสัดส่วนด้านในครับ โดยจะมีส่วนอาบน้ำขนาดประมาณ 1.5 x 1.1 เมตร

มาดูกันที่ห้องนอนรองต่อ จะเป็นห้องขนาดใหญ่เหมือนกันเช่นเดิมครับ วางเตียง 6 ฟุตสบาย ๆ พร้อมมีพื้นที่ปลายเตียงวางชั้นวางทีวีได้ด้วย

ด้านในได้แนวกระจกบานใหญ่มาเหมือนกันครับ

ส่วนของห้องนี้จะมีพื้นที่ทำตู้เสื้อผ้ามาให้ด้านข้าง ซึ่งจะเป็นขนาดเหมาะกับการใช้งานคนเดียว ด้านในที่ทางเข้าออกห้องจะมีห้องน้ำครับ

เป็นห้องน้ำที่ตกแต่งและใช้วัสดุคุณภาพเช่นเดิม ส่วนอาบน้ำแยกสัดส่วนชัดเจน มีขนาดประมาณ 1.5 x 1 เมตร พอ ๆ กับของห้อง Master Bathroom เลย

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

Nivati Residence ราคา ณ วันที่ 29 พฤศิกายน 2564

  • ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 77.81 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 18.5 ล้านบาท
  • ห้อง 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ 104.17-138.73 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 24.1 ล้านบาท
  • ห้อง 3 Bedroom ขนาดพื้นที่ 178.69 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 40.5 ล้านบาท
  • ห้อง Duplex ขนาดพื้นที่ 189.94 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 48.9 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • รูปแบบการขาย Fully Furnished ออกแบบโดย Olivia Living และ Quattro Design
    (เพิ่มเงิน 2-3 ล้านบาท แล้วแต่ขนาดห้อง)
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.85 เมตร
  • Kitchen & Sink โดย Poggenpohl / ท็อปหิน Quatz
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Siemens
  • รถรับส่งในระยะโดยรอบไม่เกิน 3 กิโลเมตร
  • ส่วนกลาง และ Personal Assistant ตลอด 24 ชั่วโมง
  • จอง 1-3 แสนบาท*
  • โอน 50/50*
  • ค่ากองทุน 1,000 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 120 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : โครงการ Nivati Residence ตั้งอยู่ภายในซอยทองหล่อ 23 ตามชื่อ ซึ่งทำเลนี้จะมีเส้นทางลัดเลาะเชื่อมต่อกับถนนทองหล่อและย่านต่าง ๆ โดยรอบได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเอกมัย พร้อมพงษ์ อโศก เพชรบุรี และพระราม 4 โดยภายในซอยส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นที่พักอาศัย และในส่วนถนนด้านหน้าโครงการก็เป็นซอยตัน จึงทำให้บรรยากาศจะเงียบสงบเป็นพิเศษ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ก็ยังสามารถเชื่อมมายังแหล่งความอุดมสมบูรณ์ได้ง่าย ซึ่งก็เต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหารชั้นนำ, Community Mall, โรงเรียนนานาชาติ และใกล้กับโรงพยาบาลสมิติเวชอีกด้วย

การเดินทางโดยใช้รถ : โครงการจะเน้นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก เพราะอยู่ในทำเลที่ไม่ได้ติดถนนใหญ่ แต่มีซอยย่อยให้สามารถลัดเลาะได้ง่าย โดยจะให้พื้นที่จอดรถมาถึง 150% แถมภายในโครงการปัจจุบันก็มีชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยจำนวนหนึ่ง (ส่วนใหญ่จะไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว) ทำให้มีที่จอดรถรองรับอย่างแน่นอน โดยจะเป็นพื้นที่จอดรถแบบ Automatic Parking ทั้งหมด ช่องจอดขนาดใหญ่ รองรับ Supercar ได้สบาย ๆ นอกจากนั้นจะมี EV Charger ให้อีก 2 ช่องจอดด้วย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ก็ใช่ว่าจะไม่เวิร์คซะทีเดียวนะครับ เพราะเนื่องจากทำเลเป็นซอยที่ลัดเลาะได้หลากหลาย ทำให้จะมีรถแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาภายในซอยให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ครับ ส่วนรถไฟฟ้าจะมีให้เลือกใช้ 2 สถานี โดยจะเป็นสถานีพร้อมพงษ์ที่มีระยะห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร และสถานีทองหล่อที่มีระยะห่างออกไปประมาณ 2.1 กิโลเมตร หรือจะเรียกรถรับส่งออนไลน์มารับก็ทำได้ไม่ยาก นอกจากนั้นทางโครงการเองก็มีรถ Toyota Alphard บริการรับส่งให้ไม่จำกัดพื้นที่ โดยจะกำหนดเป็นระยะรอบโครงการไม่เกิน 3 กิโลเมตร ให้บริการในช่วงเวลา 6.00 – 22.00 น. (บริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง)

วัสดุ :  วัสดุภายในห้องจะได้เกรดสูงถึง Hi-End ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ Digital Door Lock จาก Yale, General Door Finish เป็น Skim coated with painted มือจับ Kawajun พื้นภายในห้องนอนจะเป็น Engineering Wood หนา 8 มม. ผิวไม้โอ๊ค ส่วน Dining Area & Kitchen เป็นหินอ่อน Italian Grey, Balcony เป็น Homogeneous tile, พื้นและผนังห้องน้ำ เป็น Porcelain tile ภายในห้องน้ำใช้เป็นสุขภัณฑ์อัตโนมัติและอ่างล้างหน้าจาก Villeroy & Boch เคาน์เตอร์รอบอ่างเป็นหินอ่อนทั้งหมดลาย Silver Dragon ก็อกน้ำและฝักบัว Hand Shower และ Rain Shower ของ Gessi ในส่วนของ Master Bathroom จะได้เป็นแบบ Thermostatic และได้อ่างอาบน้ำแบบลอยตัว Full Body Size, ชุดครัวจาก Poggenpohl Top Island & Pantry จะได้วัสดุเป็นหิน Quartz ชุดอ่างล้างจานของ blanco, Hob&Hood และเตาอบ built-in จะได้ของยี่ห้อ Siemens เฟรมประตูหน้าต่างต่าง ๆ จะเป็น Aluminium Powder Coated ตัวกระจกก็เป็น Laminate Glass (Euro Grey) สวิชท์ไฟ (Lighting Switch + Air Switch) ของ Schneider ซึ่งจะไปทำงานควบคู่กับส่วนของระบบ Home Automation จาก Walian ส่วนงานระบบของที่นี่ก็ให้มาน่าสนใจเช่นกัน โดยจะได้ระบบปรับอากาศแบบ VRV, เครื่องดูดควันแบบปล่อยออกที่ชั้นดาดฟ้า, Home Automation และระบบ Automatic Sprinkler มาให้ที่ครัว (ซึ่งตามกฎหมายแล้วคอนโด Low Rise ไม่จำเป็นต้องติดตั้งก็ได้ แต่ที่นี่ก็ให้มาด้วยครับ)

และที่พิเศษคือจะมีตัวเลือกเสริมในการจ่ายเงินเพิ่ม (1 Bedroom เพิ่ม 1 ล้านบาท, 2 Bedroom เพิ่ม 2 ล้านบาท และ 3 Bedroom เพิ่ม 3 ล้านบาท) เพื่อที่จะได้ห้อง Fully Furnished แต่งครบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวในสไตล์ห้องตัวอย่าง โดย Designer ชั้นนำอย่าง Olivia Living และ Quattro Design ครับ

การออกแบบ :  โครงการออกแบบสไตล์ Elegant Classic Contemporary โดยการเน้นใช้วัสดุธรรมชาติจริง ส่วนตัวอาคารเค้าทำออกมาสูงเพียง 7 ชั้น เพื่อให้สามารถทำห้องฝ้าเพดานได้สูงถึง 2.85 เมตร มีแบบห้องมาให้เลือกเยอะ เพราะออกแบบเพื่อให้เหมาะกับแต่ละตำแหน่งของตัวอาคาร แยกชั้นพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างเป็นสัดส่วน โถงลิฟต์ก็อยู่ในตำแหน่งที่เข้าใช้งานได้ง่ายจากทุกห้อง เน้นความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตที่น้อย

ส่วนตัวผมมองว่าเขาต้องการออกแบบให้เป็นเหมือนบ้านในทำเลใจกลางเมือง ดังนั้นจึงจะเน้นไปที่ความเป็นส่วนตัวและ Feeling ของการอยู่อาศัยเป็นหลัก เห็นได้จาก ทุกแบบห้องจะมี Foyer ต้อนรับ, มีส่วนห้องเก็บของและ Laundry, ระเบียงขนาดใหญ่สามารถใช้งานได้เต็มที่, เลือกวัสดุปูพื้นในส่วน Common Area เป็นหิน ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน, ทุกห้องนอนของที่นี่จะได้ห้องน้ำภายในตัว และห้องที่มากกว่า 1 ห้องนอนจะได้ห้องน้ำแบบ Powder Room ภายนอก เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของห้องนอน เป็นต้นครับ

สาธารณูปโภค : ถ้าพูดในส่วนของจำนวนและพื้นที่ใช้สอยก็จัดว่าให้มาตามมาตรฐานของคอนโด Low Rise ครับ แต่ถ้าพูดถึงคุณภาพในการใช้งาน ผมมองว่าเขาทำออกมาได้น่าสนใจ อย่างแรกเลยคือส่วนกลางที่นี่จะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ใช้งานได้ทุกเวลา แต่ละพื้นที่ก็มีความพิเศษของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น สระว่ายน้ำที่ดันไปไว้ด้านหลัง มาพร้อม Vertical Garden สูง 6 เมตร ได้ความเป็นส่วนตัวสูง ได้พื้นที่พักผ่อนโดยรอบ และช่วยเป็นวิวที่สวยงามให้กับห้องทางฝั่งนี้ ห้องออกกำลังกายจะใช้อุปกรณ์ของ Technogym และมี interface ของ Nivati เอง สำหรับเล่นคลาสต่าง ๆ ได้ตลอด ได้เครื่อง Kinesis มาให้ เหมาะกับพื้นที่จำกัด นอกจากนั้นยังมีบริการเสริมของ Personal Assistant ที่คอยช่วยเหลือและดูแลลูกบ้านตลอด 24 ชั่วโมง, มีรถ toyota alphard รอให้บริการรับส่ง และได้ที่จอดรถเยอะถึง 150% ที่ผมชอบเป็นพิเศษคือการคำนึงถึงการใช้งานจริง โดยบัตรจอดรถของที่นี่จะสามารถใช้งานได้สำหรับรถหลายคัน ไม่ต้องลงทะเบียนรถหรือจำกัดว่าเป็นแค่คันใดคันนึง ทำให้ลูกบ้านที่มีรถหลายคัน ก็สามารถเปลี่ยนรถมาใช้งานได้สะดวกครับ


Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 235,000 บาท/ตร.ม., 29 พฤศจิกายน 2564

  • ทำเล 8/10 – อยู่ช่วงกลางทองหล่อ อุดมสมบูรณ์ ลัดเลาะโดยรอบได้ง่าย
  • เดินทางด้วยรถ 8.25/10 – ลัดเลาะได้หลากหลาย มีที่จอดรถให้ 150%
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – ห่าง BTS ประมาณ 2 กิโลเมตร เรียกรถได้ไม่ยาก มีรถรับส่งของโครงการ
  • วัสดุ 8.25/10 – วัสดุระดับสูงถึง Hi-End มีตัวเลือกสำหรับ Fully Furnished
  • แบบ 8/10 – เน้นความเป็นส่วนตัวและ Feeling การอยู่อาศัยแบบบ้าน มีแบบห้องเยอะ
  • สาธารณูปโภค 8.25/10 – เปิด 24 ชม. ให้ของดี มีบริการดูแลลูกบ้านอย่างดีพร้อมรถรับส่ง

  • LUXURY CLASS
  • 8.04 / 10.00

Nivati Residence เหมาะกับใคร

Nivati Residence เหมาะกับครอบครัวขนาด 2-5 คนที่อยากได้ที่พักอาศัยใจกลางเมือง หรือเป็นหลังที่ 2 ในย่านทองหล่อ มีความอุดมสมบูรณ์ครบครัน แต่ยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับต้น ๆ มีจำนวนเพื่อนบ้านไม่เยอะ รับได้กับการอยู่ในซอยย่อยและไม่ซีเรียสเรื่องวิว ได้ที่จอดรถรองรับแน่นอน มีบริการเหมือนพ่อบ้านดูแลอย่างดีตลอด 24 ชั่วโมง ชอบดีไซน์ที่ผสมกันระหว่างความคลาสสิคและโมเดิร์น วัสดุในโครงการเหมาะสมกับราคา ในงบประมาณ 20 – 50 ล้านบาท (ไม่มีข้อจำกัดการผ่อนชำระทางการเงิน)


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะครับ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc