รีวิวฉบับที่ 1613 … สวัสดีค่ะ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง Major Development ได้จัดงานที่มีชื่อว่า “MAESTRO MASTERFUL LIVING”  ซึ่งในรีวิวฉบับนี้เราจะพาไปชม 1 ใน 3 โครงการที่นำมาออกงานกันกับ Maestro 14 สยาม-ราชเทวี คอนโด Low Rise ตัวโครงการห่างจากรถไฟฟ้าราชเทวีประมาณ 300 เมตร และห่างจากสยามประมาณ 1 กม. มีส่วนกลางที่หลากหลายและอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ด้วย เรียกได้ว่าเอาใจคนรักสัตว์ที่ต้องการอยู่คอนโดใจกลางเมืองเลยค่ะ ราคาห้องเริ่มต้นที่ 4.5 ล้านบาท เรามาชมกันดีกว่าค่ะว่าเมื่อตึกเสร็จเเล้วจะเป็นอย่างไร

Fact @ 18 May 2018

  • Maestro 14 Siam-Ratchathewi (มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี)
  • Major Development
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ราชเทวี
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 179 ยูนิต ที่จอดรถใต้ดินจำนวน 1 ชั้น
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 25 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 69 คันคิดเป็น 36%
  • ที่ดินประมาณ 1-1-59 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  มกราคม 2559
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กุมภาพันธ์ 2561 (พร้อมเข้าอยู่)
  • 1 Bedroom Suite 26.5-39.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 32-35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.7 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 59.5-64.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10.7 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 170,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS ราชเทวี ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS ราชเทวี 
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02 116 1111

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.751475, 100.529380

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

โครงการ Maestro 14 สยาม-ราชเทวี อยู่ระหว่างถนนพญาไท, เพชรบุรีและถนนบรรทัดทอง ที่ตั้งสามารถเข้าได้จากซอยเพชรบุรี 12 และซอยพญานาค(ข้างโรงแรมเอเชีย) โดยจุดเด่นที่สุดสำหรับทำเลนี้คือสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการ 300 เมตร นับเป็นระยะเดินได้สบายๆ และอยู่ห่างจากสถานีสยามซึ่งเป็นสถานีใหญ่และเป็นจุดเปลี่ยนขบวนระหว่างขบวนสายหมอชิต-สำโรง ไปยังสายสนามกีฬา-บางหว้าได้ ดังนั้นการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะนับว่ามีตัวเลือกมากเลยค่ะ นอกจากมีรถไฟฟ้าแล้ว ยังมีวินมอเตอร์ไซค์ ป้ายรถเมล์ จุดเรียกรถเเท็กซี่ คอยให้บริการแทบตลอดเวลาเลย (แต่อาจต้องเดินมาตรงปากซอยพญานาค ใกล้สถานีรถไฟฟ้าก่อนนะคะ) ส่วนการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวก็มีถนนหลายเส้นรอบๆโครงการ เช่นถนนพญาไท ใช้ไปยังอนุสาวรีย์ หรือผ่านสยามไปสามย่านเพื่อไปยังเส้นพระราม 4 หรือโซนสีลมได้ หรือจะเป็นถนนเพชรบุรี ที่สามารถใช้ออกนอกเมืองไปยังประตูน้ำหรืออโศก หรือใช้เข้าเมืองไปยังหลานหลวงก็สะดวกเช่นกันค่ะ อีกทั้งใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนยมราชประมาณ 3 กม.สามารถใช้เป็นทางเลือกสำหรับช่วงเวลาที่การจราจรติดขัดค่ะ

อย่างที่บอกไปว่าโครงการ Maestro 14 สยาม-ราชเทวี อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีราชเทวีใช่ไหมค่ะ ข้อดีของสถานีนี้คือการเชื่อมต่อค่ะ เดินทาง 1 สถานีไปยังสถานีสยามเราก็สามารถเปลี่ยนขบวนเพื่อไปยังสายสีลม เพื่อไปยังวงเวียนใหญ่-บางหว้าได้ หรือ 1 สถานีไปพญาไท ก็สามารถใช้ Airport Link ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้เช่นกัน แต่สำหรับตัวผู้เขียนที่ชื่นชอบการเดินมาก ระยะ 1 สถานีสามารถเดินได้ไม่สำบากเลยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเลเเถวนี้ จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเเละหอพักนักศึกษามาก ดังนั้นถนนหนทางจึงไม่ค่อยเปลี่ยว มีคนเดินกันตลอดเวลาเลยค่ะ

ถนนรอบๆโครงการมีข้อจำกัดสำหรับคนใช้รถอยู่บางประการนะคะ คือถนนบางเส้นสามารถเดินรถได้ทางเดียว แต่บางเส้นสามารถเดินรถได้ 2 ทางค่ะ ขอเริ่มอธิบายจากการเข้าถึงโครงการก่อน เราสามารถเข้าถึงโครงการได้ 2 ทาง คือ

1.) จากถนนพญาไท เลี้ยวซ้ายเข้ามาในถนนพญานาค เจอร้านเซเว่นอยู่หัวมุมทางซ้ายมือให้เลี้ยวซ้าย จะเจอโครงการทางขวามือค่ะ โดยถนนเส้นนี้สามารถเดินรถได้ 2 ทาง(ถนนหน้าโครงการ เมื่อเลยโครงการไปจะเป็นซอยตันนะคะ ข้างในเป็นชุมชน สามารถเดินไปยังท่าเรือคลองเเสนเเสบได้)  และ

2.) จากถนนเพชรบุรี ให้เลี้ยวซ้ายที่ถนนเพชรบุรีซอย 12 ขับตรงมาอย่างเดียว เลยเเยกที่ตัดกับซอยพญานาคตรงมา โครงการจะอยู่ทางขวามือค่ะ โดยเพชรบุรีซอย 12 จะสามารถเดินรถได้ทางเดียวนะคะ คือเข้าได้อย่างเดียว ออกไม่ได้ค่ะ

ต่อมาเราจะอธิบายการออกจากโครงการไปยังถนนใหญ่บ้าง จากหน้าโครงการ เลี้ยวซ้ายออกมา เมื่อเจอซอยพญานาคเราสามารถเลี้ยวได้ทั้งซ้ายและขวาค่ะ ถ้าเลี้ยวซ้าย เราจะออกไปยังถนนพญาไทย แต่ถ้าเลี้ยวขวา เราจะไปออกบรรทัดทองได้หรือเลี้ยวขวาอีกทีก่อนถึงเส้นบรรทัดทอง ตรงเพชรบุรีซอย 10 จะออกไปยังถนนเพชรบุรีได้ค่ะ โดยถนนเพชรบุรีซอย 10 จะเป็นที่ตั้งของตลาดกิ่งเพชร จะมีบรรยากาศเป็นชุมชนที่คึกคักหน่อยๆ มีทั้งตลาดสด และร้านอาหารเรียงรายเต็มข้างทาง คือถ้าจากรถไฟฟ้ามายังซอยพญานาค ต้นๆซอยตรงโรงแรมเอเชียจะมีความทันสมัยหน่อย มีโรงแรม มีนักท่องเที่ยว แต่พอเข้ามาจะเป็นบรรยากาศตึกแถวชาวจีน มีการทำมาค้าขายชั้นล่างของตึกเเถว หน้าร้านจะมีทั้งรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์จอดแน่น ซึ่งทำให้เราไม่สามารถใช้ความเร็วในการขับรถภายในซอยได้เลยค่ะ

สยาม-ราชเทวี นับว่าเป็นใจกลางเมืองกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้ อย่างสยามที่มีห้างสรรพสินค้าเยอะมากตรงนั้น เช่นสยามฝั่งเย็นจะเป็นตัวห้างมีแอร์เย็นๆให้เดิน ไล่มาจากสี่เเยกปทุมวันจะเป็น Siam Discovery ที่เพิ่ง Renovate ใหม่ดีไซน์จัดเต็มและเป็นที่ตั้งของอาคาร Siam Piwat ที่เป็นอาคารสำนักงาน ถัดมาจะเป็น Siam Center ที่จะเน้นร้าน Thai Designer เยอะหน่อย และต่อด้วยห้างหรูอย่าง Siam Paragon ส่วนสยามฝั่งร้อนจะเป็นร้านรวงที่อยู่ตามตึกแถว มี Siam Square One ที่เป็น Community Mall เปิดใหม่ มีโรงหนังเก่าๆอย่าง Lido Scala ที่คงต้องโบกมือลาในอีกไม่นาน มีสยามกิตติ์ที่เป็นแหล่งเรียนพิเศษของน้องๆมัธยม ดังนั้นบรรยากาศของสยามฝั่งร้อนนี้จะมีเด็กๆวัยรุ่นเดินกันมากกว่าฝั่งเย็นนะคะ (ไม่แน่ใจว่าเด็กสมัยนี้ยังเรียกสยามฝั่งร้อนฝั่งเย็นกันอยู่รึเปล่า) ถ้าถัดจากสยามมาจะมีฝั่งมาบุญครองที่มีนักท่องเที่ยวเดินกันส่วนมาก มีหอศิลป์กรุงเทพที่มีนิทรรศการน่าสนใจหมุนเวียนมาให้ชมกันตลอด เเละมีสนามกีฬาแห่งชาติอยู่ค่ะ แต่ถ้าเลยไปยังเเยกราชประสงค์ก็จะมีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆอย่าง Central World อยู่ ตรงนี้จะมีทั้งส่วนที่เป็น Office Building โรงแรมตั้งอยู่ หรือถัดมาจะมีเกษรพลาซ่า อมรินทร์พลาซ่า ที่มี Office Building อยู่ภายในอาคารเช่นกันค่ะ อาคารส่วนมากโซนนี้จะเป็นแบบ Mixed-use กันเยอะ คือมีทั้งส่วนที่เป็นสำนักงานและ Plaza อยู่ค่ะ คือถ้าจะให้เดินห้างทั้งหมดเเถวนี้อาจจะต้องใช้เวลาหลายวันเลยกว่าจะเดินทั่วนะคะ

อีกหนึ่งความสำคัญของทำเลนี้คือเป็นทำเลที่มีสถานศึกษาชื่อดังตั้งอยู่ค่ะ เช่นจุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสาธิตปทุมวัน โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ เป็นต้น ซึ่งมีเด็กจากหลายพื้นที่มาเรียน จึงทำให้มีความต้องการทางด้านหอพักค่อนข้างมาก และพื้นที่ทางฝั่งจุฬา-สามย่านกำลังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยน เป็นหอพัก ร้านค้า Community Mall และมีสวนสาธารณะอย่างอุทยาน 100 ปี นับว่าทำเลบริเวณนี้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีพื้นที่ใช้งานที่หลายหลากอยู่ค่ะ

มาดูความอุดมสมบูรณ์ของทำเลนี้กันบ้าง เมื่อหลายปีก่อนช่วงที่ผู้เขียนเรียนหนังสืออยู่แถวนั้น ความเจริญทางด้านอาหารการกิน ร้านค้า โรงหนังก็คงหนีไม่พ้นย่านสยามแสควร์ใช่ไหมค่ะ ตอนนั้นเเถวๆราชเทวียังไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ มี Coco walk ที่ตอนดึกๆหน่อยจะมีเด็กวิศวะมาสังสรรค์กันบ้าง และก็มีคอนโดขึ้นอยู่ตรงถนนเพชรบุรีบ้าง เพื่อนๆส่วนมากก็จะอยู่หอพักแถวๆเพชรบุรีซอย 12 หรือฝั่งตรงข้ามตรงซอย 7 มีร้านอาหารดังๆราคาเอาใจนิสิตอย่างครัวกรุงเทพตรงพญาไท หรือส้มตำเจ๊ก้อยริมถนนเพชรบุรีประมาณนี้เองค่ะ แต่พอผู้เขียนได้ไปทำรีวิวนี้เท่านั้นเเหละ ราชเทวีมีอะไรใหม่ๆขึ้นมาเยอะมาก อย่าง Coco walk ก็มีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่ ฝั่งโรงแรมเอเชียก็มีคาเฟ่มาเปิดเยอะเลย ในอาคารก็ยังมีออฟฟิศ สถานที่ออกกำลังกายมีคลาสเต้น หรือพอเข้าซอยไปก็มีร้านชื่อดังอย่าง Sushi Masa หรือร้าน LoyShy ที่นิสิตจุฬารุ่นๆผู้เขียนคงรู้จักกันดี ย้ายจากสามย่านมาเปิดใหม่ที่นี่ ดังนั้น ในแง่การใช้ชีวิต กินอยู่ ถือว่าทำเลตรงนี้มีความอุดมสมบูรณ์มากและพัฒนาตลอดเวลาเลยค่ะ

เส้นทางที่เราจะพาชมวันนี้ เราจะเริ่มจากรถไฟฟ้าสถานีราชเทวีนะคะ จากรถไฟฟ้าสามารถออกได้ทั้งทางออกที่ 1 และทางออกที่ 3 โดยถ้าออกจากทางออกที่ 1 จะมีประตูเข้าไปในโรงแรมเอเชียเลย เราสามารถเดินข้างในโรงเเรมเพื่อออกมาทางซอยพญานาคได้ หรือจะลงที่ทางออกที่ 3 แล้วค่อยเดินเข้าทางซอยพญานาคก็ได้เช่นกัน ทั้งสองเส้นทางระยะทางไม่ต่างกันมากนัก แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลยค่ะ

มาลองเส้นทางเเรก ออกทางออก 1 ไปยังโรงเเรมเอเชียค่ะ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็น Coco Walk

Coco Walk จะตั้งอยู่ตรงทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าราชเทวีค่ะ บรรยากาศภายในโครงการจะมีร้านอาหาร ร้านกาเเฟ ร้านกินดื่มต่างๆคอยให้บริการค่ะ

จากทางออกที่ 1 เลี้ยวขวามาจะเจอทางเชื่อมเข้าโรงแรมเลย ประตูนี้จะมีเวลาเปิด-ปิดคือ 7 โมงเช้าถึง 5 ทุ่มค่ะ ข้างในโรงแรมก็จะมีแอร์ ช่วงอากาศร้อนๆอาจจะเดินผ่านโรงเเรมเพื่อเข้าซอย หรือช่วงไหนฝนตกก็มาหยุดรอฝนซาข้างในโรงเเรมได้เลย

บรรยากาศทางเดินภายในโรงเเรมก็จะประมาณนี้ ตกแต่งด้วยไม้ สไตล์ยุคเก่าๆหน่อย

ลงมาชั้นล่าง ระหว่าง Lobby กับร้าน NaRaYa จะมีประตูทางออกไปยังซอยพญานาคค่ะ

ออกมาจะเจอกับอาเขต เป็นที่จอดรถของอาคารเอเชียค่ะ

มองเข้าไปในซอยพญานาค ซอยนี้เป็นถนน 2 เลน รถสามารถขับเข้า-ออกได้ 2 ฝั่ง

ในซอยพญานาคนี้ทั้งสองข้างทางจะเป็นอาคารตึกแถว โรงแรม โรงเรียน ร้านอาหาร ร้านกาแฟอยู่รายทาง ถูกแพงมีให้เลือกหมดเลยค่ะ

พอตรงมาเรื่อยๆเราจะเจอสี่แยก แยกนี้จะเป็นแยกที่ตัดกันระหว่างซอยพญานาคกับเพชรบุรีซอย 12 ตรงหัวมุมจะมีร้าน 7-eleven อยู่ค่ะจากแยกนี้ทางขวามือและตรงไปจะเป็นถนนที่เดินรถได้ทางเดียวเท่านั้น อย่างที่บอกไปข้างต้น ส่วนโครงการเราจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ เลี้ยวเข้าไปได้เลย

พอเลี้ยวซ้ายเข้ามาซอยนี้จะเป็นซอยตันค่ะ ทางซ้ายมือจะเป็นอาคารประเภทตึกแถว ส่วนซ้ายมือจะเป็นโรงเรียน อาคารสภาคริสตจักรในประเทศไทย

โครงการ Maestro 14 สยาม-ราชเทวีจะตั้งอยู่ทางขวามือค่ะ

ทางเข้าอาคารจะเเยกเป็นสองทาง คือทางสำหรับคนเดินที่จะถึงก่อน กับทางสำหรับรถยนต์อยู่ถัดออกไป

ลองมาดูทางออก 3 กันบ้างนะคะ

ออกมาจากรถไฟฟ้า ตามป้ายทางออก 3 มาเลยค่ะ

ทางออก 3 จะเป็นทางที่ออกมาแล้ว จะเจอกับอาคารเอเชีย เป็นสำนักงานให้เช่า

ใต้อาคารจะมี 7-eleven อยู่ ถนนตรงนี้ดึกๆจะมีร้านอาหารเช่น ชายสี่หมี่เกี๊ยว ร้านผัดไท ตั้งขายค่ะ สามารถเเวะทานหรือซื้อก่อนกลับห้องได้ตอนเย็นๆ

ลงมาจากทางออก 3 จะเจอป้ายรถเมล์อยู่ค่ะ

หลังป้ายรถเมล์จะเป็นคอนโด PYNE

บริเวณปากซอยพญานาคจะมีวินมอเตอร์ไซค์ให้บริการค่ะ

เลี้ยวขวาเข้าซอยพญานาคมา คอนโด PYNE จะอยู่ขวามือ ส่วนโรงเเรมเอเชียจะอยู่ซ้ายมือ

เดินเข้ามาจะเจอกับทางเข้าด้านข้างของโรงแรมเอเชีย ซึ่งเป็นทางออกจากเส้นทางเเรกที่เราเเนะนำให้เดินผ่านข้างในโรงเเรมนั่นเองค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

เรามาดูสภาพเเวดล้อมรอบๆโครงการกันบ้าง ภาพรวมหลังจากเข้ามาในซอยจะเป็นอาคารประเภทตึกแถวเป็นส่วนมาก มีสภาพที่ค่อนข้างเก่าค่ะ

  • ทิศเหนือ ติดกับตึกเเถว 3-4 ชั้น
  • ทิศใต้ ติดกับชุนชมพักอาศัย
  • ทิศตะวันออก ติดกับถนนทางเข้าโครงการ ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นบ้านพักอาศัย 2-3 ชั้นเเละมีสภาคริสตจักรในประเทศไทยที่สูงถึง 15 ชั้นค่ะ
  • ทิศตะวันตก ติดกับตึกแถว 3-4 ชั้น

ทิศเหนือ ติดกับตึกแถวสูง 3-4 ชั้นค่ะ เนื่องจากอาคารภายในซอยนี้ส่วนมากจะเป็นตึกแถว ทำให้ผู้อยู่อาศัยส่วนมาจะจอดรถไว้หน้าบ้าน ดันนั้นทั้ง 2 ข้างถนน มักจะมีรถจอดอยู่ตลอดค่ะ

ทิศตะวันออก หันหน้าออกจากโครงการ ทางซ้ายมือเป็นอาคาร 5-6 ชั้น ระยะเยื้องกับตัวโครงการ ตรงข้ามกับโครงการเป็นที่พักอาศัย 2-3 ชั้น

ทิศตะวันออก หันหน้าออกจากโครงการ ทางขวามือเป็นอาคารสภาคริสตจักรในประเทศไทยสูง 15 ชั้น พื้นที่ชั้นล่างๆจะเป็นอาคารจอดรถ ทางเข้า-ออกใช้อีกทางหนึ่งค่ะ ดังนั้นรถที่มาใช้งานอาคารนี้จะไม่ผ่านหน้าโครงการเรา แต่ตัวอาคารนี้จะบังวิวเราเต็มๆเลยค่ะ

ทิศใต้เป็นชุมชนพักอาศัย เป็นซอยทางเดินเล็กๆที่สามารถใช้เดินไปยังทางเดินเลียบคลองแสนแสบ

ข้างคลองเเสนแสบจะมีสนามเด็กเล่นของชุมชนอยู่ค่ะ

บรรยากาศข้างๆคลองเเสนเเสบ ฝั่งตรงข้ามจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างพิพิธภัณฑ์บ้าน จิม ทอมป์สัน , YELO House โกดังเก่าที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็น Art Gallery ส่วนฝั่งโครงการจะเป็นชุมชน และมีมัสยิดอยู่ 2 จุดริมคลอง ซึ่งจะมีเสียงสวดมนต์ที่เกิดจากการละหมาดดังมาตามลำโพงค่ะ ตรงนี้ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ภายในโครงการก็จะได้ยินเสียงนี้เช่นกัน ถ้าเราอยู่นอกอาคารเช่นใช้งานสระว่ายน้ำอยู่ก็จะได้ยินเสียงละหมาดค่อนข้างชัดเลย แต่ถ้าอยู่ภายในห้องนอนที่เงียบๆแล้วไม่สังเกตุเสียงละหมาดนี้ก็ไม่รบกวนอะไรมากค่ะ(ห้องที่ผู้เขียนเข้าไปทำรีวิวจะเป็นห้องทางด้านหลังAA1-1 กับห้องด้านหน้าตำแหน่งบน Lobby ห้อง B1-1 ค่ะ)

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ห้างสรรพสินค้า

  • Siam Discovery ~ 700 m.
  • Tesco Lotus ~ 800 m.
  • MBK Center ~ 950 m.
  • Siam Center ~ 1 km.
  • Siam Square One ~ 1.2 km.
  • Siam Paragon ~ 1.2 km.
  • Platinum Fashion Mall ~ 1.4 km.
  • Central World ~ 1.7 km.
  • Big C ~ 2.2 km.

  • โรงพยาบาล
    • โรงพยาบาลพญาไท 1 ~ 1.7 km.
    • โรงพยาบาลตำรวจ ~ 3.4 km.
    • โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ~ 4.5 km.

  • สถานศึกษา
    • เตรียมอุดมศึกษา ~ 1.5 km.
    • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ~ 1.7 km.
    • สาธิตปทุมวัน ~ 2.1 km.
    • สาธิตจุฬา ~ 2.2 km.

  • โรงแรม
    • Asia Hotel Bangkok ~ 280 m.
    • Siam Kempinski Hotel ~ 1.2 km.
    • Novotel Bangkok On Siam Square Hotel ~ 1.6 km.
    • Centara Grand Hotel ~ 2 km.


    เจาะลึกตัวโครงการ

    โครงการ Maestro 14 สยาม-ราชเทวี เป็นโครงการ Low Rise สูง 8 ชั้น บวกกับที่จอดรถใต้ดิน 1 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินรูปสี่เหลื่ยมจัตุรัสประมาณ 1 ไร่นิดๆ ตัวอาคารเป็นรูปตัว U 1 อาคารวางโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางชั้นล่างเอาไว้  มีจำนวนห้องทั้งสิ้น 179 ยูนิต ตัวโครงการจะออกแบบสไตล์ Modern เน้นโทนสีขาว น้ำตาลเป็นหลัก

    Ground Floor หรือชั้น 1 จะถูกแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางเเละที่พักอาศัย โดยทางเข้าจะมี 2 ทาง คือทางเดินคนเข้า กับทางเข้าที่จอดรถ จากทางเข้าหลักจะเจอ Lobby ก่อนบริเวณนี้คนภายนอกสามารถเข้ามานั่งรอลูกบ้านได้ ถัดจาก Lobby เข้ามาจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกที่ต้องใช้ Key Card เพื่อเข้าถึง โดยพื้นที่ส่วนกลางจะถูกแบ่งเป็นส่วน Indoor และ Outdoor พื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ภายในอาคารจะมี Reading Lounge มีห้องซักรีด มีห้องน้ำ ที่แบ่งชายหญิงและมี Stream และ Sauna แยกอย่างละห้อง มี Mail Room อยู่บริเวณหน้าลิฟท์  ส่วนพื้นที่ Outdoor จะเป็นสระน้ำที่ยกระดับสูงขึ้นมาจากพื้นดินเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวขณะใช้งาน (คนที่อยู่ใน Lobby และ Reading Lounge จะไม่เห็นคนที่มาใช้งานพื้นที่ตรงนี้แบบประชันหน้า) ข้างบันไดทางขึ้นสระจะมีพื้นที่สำหรับอาบน้ำล้างตัว และจากสระว่ายน้ำขึ้นไปชั้น 2 จะเป็น​ Study Garden ไว้นั่งเล่น อ่านหนังสือค่ะ ส่วนพื้นที่จอดรถนั้นจะเเยกเข้าอีกทางหนึ่ง โดยสามารถจอดรถได้ทั้งหมด 69 คันหรือ 36% มีทางเข้าสู่ตัวอาคารโดยตรงจากที่จอดรถ เข้าอาคารได้ด้วย Key Card Access และลิฟท์ที่ชั้นใต้ดินที่จอดรถ ในส่วนของห้องพักนั้น ชั้น 1 จะมีห้องพักอยู่ 5 ยูนิต เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Suite วางอยู่ด้านในสุดของอาคาร มีประตูกั้นต้องใช้ Key Card Access สามารถเข้าได้เฉพาะคนที่พักอาศัยภายในโซนนี้เท่านั้น

    ทางเข้าของโครงการจะเเยกเป็น 2 ทาง คือทางที่ใช้สำหรับเดินเท้าเข้ามา ซึ่งจะเจอกับ Lobby เป็นอันดับแรก กับทางรถที่จะตรงไปยังที่จอดรถใต้อาคาร

    เรามาดูทางรถกันก่อนค่ะ ทางเข้าจะเเยกเป็นทางเข้า-ออกฝั่งละทาง กั้นไว้ด้วนไม้กั้นกระดก มีป้อมยามอยู่ทางขวามือ ความสูงของรถยนต์จำกัดอยู่ที่ 2.10 เมตร

    ตรงบริเวณทางเข้าจะต้องใช้ Key Card Access เพื่อเข้าถึงและจะมี Sticker ไว้ให้ติดรถที่จะนำมาจอดด้วยค่ะ ทั้งทางเข้าและออกจะมีกล้อง CCTV ติดไว้ บันทึกการเข้า-ออกของรถแต่ละคันเอาไว้

    เมื่อเข้ามาจะเจอที่จอดรถส่วนเเรก ปูด้วยหินธรรมชาติ จอดเข้าซองได้ประมาณ 9 คันโดยรอบ

    ลงทางลาดมานิดหน่อยจะเจอกับทางเลี้ยวขวาเพื่อไปยังที่จอดรถได้ดิน บริเวณนี้สามารถจอดรถได้เพิ่มอีกประมาณ 10 คันรวมจอดซ้อนคัน

    หันมาทางซ้ายมือริมแนวรั้วจะมีการปลูกต้นไม้และมีปลูกพื้นหญ้าเลียบไปตามแนวรั้วค่ะ ระดับสวนจะถูกยกขึ้นไปให้เท่ากับระดับพื้นดินของโครงการ แนวรั้วจะถูกแบ่งเป็นรั้วทึบครึ่งล่าง และรั้วระแนงไม้ที่ตีค่อนข้างถี่ทางด้านบน เนื่องจากฝั่งนี้จะติดกับชุมชน จึงออกแบบให้รั้วค่อนข้างสูง เพื่อความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย  และความสวยงามค่ะ และมีการปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อสร้างความร่มรื่นให้กับพื้นที่ตรงนี้อีกด้วย

    ตรงชั้นนี้จะมีประตูเข้าสู่ภายในอาคาร โดยจะต้องใช้ Key Card เพื่อเข้าไปในอาคารค่ะ

    ที่จอดรถชั้นใต้ดินจะใช้ทางขึ้น – ลงเดียวกันหมดค่ะ โดยที่จอดรถจะค่อยๆลดระดับลงทีละครึ่งชั้น มีเปิดไฟให้เเสงสว่างที่ค่อนข้างมากเลย ทำให้ชั้นใต้ดินไม่ดูมืดน่ากลัวค่ะ

    ที่จอดรถใต้ดินจะต้องจอดบนทางลาดบางจุด แต่ทางลาดของโครงการจะไม่ชันมาก จอดไม่ยากและไม่อันตรายค่ะ จะเห็นว่าทุกทางเลี้ยวจะมีกระจกมุมโค้งติดไว้เพื่อช่วยลดอันตรายจากการขับรถส่วนกันค่ะ

    ที่ชั้นล่างสุดจะมีลิฟท์ไว้ให้บริการด้วยค่ะ(ทางซ้ายมือภาพ)

    ลิฟท์จากชั้นนี้ สำหรับคนที่ไม่มี Key Card จะขึ้นไปได้แค่ชั้น Ground Floor เท่านั้นนะคะ

    มาดูทางเข้าหลักกันบ้าง ทางเข้าหลักจะมีรั้วเตี้ยล้อมรอบไว้ ทางขวามือจะมีศาลพระภูมิอยู่ เลยศาลไปจะเป็นที่จอดรถจักรยาน ทางซ้ายมือจะเป็นรั้วโปร่ง ทึบ และต้นไม้กั้นบังสายตาคนภายนอกมองเข้าไปยังพื้นที่ส่วนกลางค่ะ

    ทางเข้าจะเป็นทางลาด เหมาะสำหรับเข็นจักรยานขึ้นลง

    ที่จอดจักรยานจะอยู่ภายนอกอาคาร มีรั้วกั้นให้ค่อนข้างเรียบร้อย

    เข้ามาจะเป็นส่วนของ Lobby โครงการ ล้อมรอบด้วยกระจก ความสูงแบบ Double Space ทำให้ทางเข้านี้ค่อนข้างโปร่งโล่ง

    จาก Lobby สามารถมองวิวสระว่ายน้ำได้ค่ะ ส่วนทางเดินเข้าอาคารจะอยู่ระหว่างสระว่ายน้ำกับ Reception

    ต้องใช้ Key Card Access เพื่อเข้าไปข้างในค่ะ

    เมื่อเข้าประตูมา เราจะเจอกับ Reading Lounge ทางขวามือ ส่วนทางซ้ายจะออกไปยังสระว่ายน้ำ และเป็นทางขึ้น Study Garden ชั้น 2 สุดทางเดินจะเป็นห้องน้ำ เเต่ถ้าเลี้ยวขวาจะไปยังห้องLaundry

    บรรยากาศภายในห้อง Reading Lounge ค่ะ มีชุดโซฟาแบบ 4 ที่นั่ง สามารถมานั่งทำงาน นั่งคุยงานได้ตรงพื้นที่นี้

    ภายในห้องจะถูกแบ่งเป็นมุมต่างๆที่มีเฟอร์นิเจอร์หลากหลาย  โดยทั้งสองฝั่งด้านยาวของห้องจะเป็นกระจก รับแสงทำธรรมชาติได้เต็มที่ในเวลากลางวัน สามารถมองเห็นสวนรอบๆได้

    มีมุมอ่านหนังสือที่สามารถเห็นวิวสวนได้ มีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่หลากหลายเเล้วแต่ความต้องการจากการใช้งาน

    ข้างๆ Reading Lounge เมื่อเปิดประตูออกไปจะเจอกับระเบียงเล็กๆ ที่มีต้นไ้ม้ล้อมรอบ

    มายังฝั่งตรงข้ามห้อง Reading Lounge กันบ้างค่ะ ออกมากันซ้ายจะเจอกับทางเดินข้างสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำจะเป็นสระน้ำล้น

    เดินออกมาปลายสระจะเจอกับสวนเล็กๆ ปลูกหญ้าเเละต้นไม้ริมรั้ว รั้วจะมีทั้งรั้วทึบและโปร่ง รั้วทึบจะปลูกต้นไม้ใหญ่เป็นระยะ ส่วนรั้วโปร่งจะปลูกต้นสนเรียงไว้เพื่อบังสายตาจากบุคคลภายนอกค่ะ

    มองย้อนกลับมา บรรยากาศของสระว่ายน้ำจะถูกล้อมรอบด้วยตัวอาคาร โดยห้องด้านในส่วนมากจะได้รับวิวสระว่ายน้ำแทบทั้งหมดค่ะ ยกเว้นห้องB2-1 ห้อง 2 Bedroom (จากภาพซ้ายมือ) ผนังด้านที่ติดกับสระว่ายน้ำจะเป็นผนังทึบมีห้องนอนที่จะได้รับวิวสระบริเวณมุมห้องเล็กๆค่ะ

    การออกแบบหน้าตาอาคารจะมีแผนอลูมิเนียมทำลายที่เป็นเอกลักษณ์ล้อกับ Logo ของ Major Development ขึ้นมา เอาไว้บัง  Condensing unit ของแอร์ เมื่อมองเข้าไปจึงดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

    ย้อนกลับมาปลายสุดของทางเดิน จะมีสวนเล็กๆ เเละต้นไม้ใหญ่ปลูกอยู่ พื้นที่ใต้บันไดนี้จะเป็นตำแหน่งของจุดล้างตัวของคนที่มาใช้สระน้ำค่ะ

    จะมีจุดล้างตัวให้มา 2 จุด ฝักบัวเป็น Rain Shower ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งที่ดูหลบมุม แต่ด้านข้างเเละฝั่งตรงข้ามจะเป็นทางเดินภายในอาคารซึ่งเป็นผนังกระจก ดังนั้นคนที่เดินผ่านไปมาจะมองเห็นคนที่มาใช้งานจุดล้างตัวนี้ได้ชัดเจนค่ะ

    เดินขึ้นบันไดมาประมาณ 8 ขั้น จะเจอกับสระว่ายน้ำ

    สระว่ายน้ำจะเเยกออกเป็น 2 แนว ซึ่งทางซ้ายเป็นจุดที่เอาไว้สำหรับว่ายน้ำ ส่วนทางขวาจะไว้เพื่อนั่งเล่นพักผ่อน มีสระตื้นเอาไว้สำหรับเด็กเล่นได้ด้วย

    สระเป็นระบบเกลือมีขนาด 15 x 7.5 ลึก 1.2 เมตร การที่มีอาคารล้อมรอบสระนั้นทำให้ช่วงเวลาการใช้สระว่ายน้ำยาวขึ้นได้ด้วยค่ะ เนื่องจากจะได้ร่มเงาจากอาคารอยู่บ้าง

    อีกฝั่งหนึงจะเป็นที่นั่งเล่น มีStep ลดลงเป็นขั้นๆเเละเป็นสระตื้นที่เด็กสามารถมาใช้งานได้

    ข้างๆสระจะมีบันไดขึ้นไปยังส่วน Study Garden ชั้น 2

    กลับเข้ามาสู่อาคารนะคะ เดินกลับมายังทางเดิน ขวามือจะเเยกออกไปยังห้อง Laundry และตรงไปจะเป็นห้องน้ำค่ะ

    ห้อง Laundry จะมีเครื่องซักผ้าเเละเครื่องอบผ้าไว้ให้บริการอย่างละเครื่อง

    ทางเดินตรงนี้จะเป็นห้องน้ำหญิง ห้องน้ำชาย และออฟฟิศของนิติบุคคลค่ะ

    ภายในห้องน้ำหญิงจะมี Locker และ Stream Room ให้มา

    ห้องน้ำชายก็เช่นกันค่ะ จะมี Locker มาให้ แต่จาก Stream จะเปลี่ยนเป็น Sauna เเทน

    สุดทางเดินเลี้ยวขวามาจะเจอทางเข้าที่มาจากที่จอดรถ คนที่มาจากที่จอดรถสามารถใช้ Key Card เข้ามาโดยตรงได้เลย

    เดินเข้ามาทางขวามือจะเป็นประตูแยกเข้าไปยังห้องพักของคนที่อยู่ชั้นล่างนี้ค่ะ Key Card จะล็อคชั้นเอาไว้ ต้องเป็นผู้พักอาศัยชั้นนี้จริงๆถึงจะมีสิทธิ์เข้า

    ถัดมาจะเป็น Mail Room  ที่อยู่ตรงข้ามกับโถงลิฟท์เลย ทุกคนที่จะขึ้นลิฟท์ต้องเดินผ่านแน่ๆ เราก็จะไม่ลืมที่จะหยิบจดหมายที่ตู้จดหมายเราค่ะ

    ภายในอาคารจะมีลิฟท์ไว้ให้บริการทั้งหมด 2 ตัว รวมService Lift ด้วย

    ภายในลิฟท์ตกแต่งมุมด้วยกระจกบานใหญ่ พื้นลายหินอ่อน ผสมกับของสีทองแดงนิดๆ

    พื้นที่ภายในลิฟท์ค่อนข้างกว้างเลยค่ะ จุคน 10คนได้สบายๆ

    ชั้น 2 จะเป็นชั้นห้องพักอาศัย โดยทางเดินเป็น Double Corridor คือจะมีห้องขนาบทั้ง 2 ฝั่งทางเดิน โดยห้องแบบ 1 Bedroom Suite จะถูกวางไว้รอบนอกเป็นส่วนมากซึ่งจะได้วิวภายนอก ห้อง 1 Bedroom จะอยู่ด้านในและด้านหน้าตรงกับถนนหน้าทางเข้าโครงการ ได้รับวิวภายในซึ่งเป็นสระว่ายน้ำ  และห้องแบบ 2 Bedroom มีอยู่ 1 ยูนิต วางอยู่สุดทางเดินตำแหน่งหน้าโครงการ ห้องนี้จะเป็นห้องหัวมุมที่สามารถออกแบบให้มีช่องเปิดได้แทบทุกด้านได้รับทั้งวิวภายนอกและวิวภายในค่ะ เนื่องจากชั้นนี้จะเป็นชั้นที่อยู่ระดับเดียวกันกับ Study Garden คือห้องที่อยู่ด้านในจะอยู่ระดับเดียวกันกับ Study Garden เลย ดังนั้นรอบๆ Study Garden จะมีการปลูกต้นไม้ล้อมเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้ผู้อยู่อาศัยชั้นนี้ค่ะ

    พื้นที่ส่วน Study Garden จะมีทั้งที่จัดเป็นโต๊ะชิดรั้วยาวนั่งเดี่ยวๆ มองเห็นวิวสระว่ายน้ำ

    กับส่วนที่เป็นหลุมลงไปเป็นชุดโซฟา outdoor นั่งกันเป็นกลุ่มมีต้นไม้ล้อมรอบ

    ระหว่างห้องพักอาศัยชั้นนี้ที่อยู่ติดกับส่วน Study Garden จะมีต้นไม้บังสายตาและแยกพื้นที่ออกจากกันค่ะ แต่อาจจะต้องกังวลเรื่องเสียงรบกวนจากคนที่มาใช้งานพื้นที่ตรงนี้นิดนึงว่าถ้ามีคนมากับเป็นกลุ่มอาจจะมีเสียงดังรบกวนได้ อาจต้องเช็คกับทางนิติบุคคลอีกทีถึงช่วงเวลาที่อนุญาตให้ใช้งานพื้นที่บริเวณนี้ค่ะ

    ในส่วนของชั้น 3 ถึงชั้น 8 จะเป็นชั้นห้องพักอาศัย ชั้นละ 25 ยูนิต ตำแหน่งการวางห้องจะเหมือนกันกับชั้น 2 แต่จะเพิ่มห้องแบบ 2 Bedroom ขึ้นมา 1 ห้องที่อีกสุดทางเดิน เมื่อดูผังของชั้นนี้จะเห็นชัดมากขึ้นว่า ในแต่ละมุมของอาคาร จะมีการเว้นระยะเป็นที่โล่งตั้งแต่ชั้น 2 ถึงชั้น 8 เพื่อสร้างผนังที่อยู่ชิดกันทางเดินออกแบบเป็นช่องแสงหรือหน้าต่างกระจายตามริมทางเดินเป็นระยะๆ ซึ่งทำให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาในช่วงเวลากลางวัน ลดการใช้ไฟในอาคารมากขึ้นค่ะ

    บรรยากาศทางเดินเข้าห้องบริเวณชั้นพักอาศัย ทางเดินจะมีไฟให้ตลอดทาง เป็นแบบ Double corridor ประตูห้องจะอยู่เยื้องๆกัน 

    ชั้นดาดฟ้าจะเป็นชั้นของพื้นที่ส่วนกลางอีก 1 ชั้น ผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ Key Card เพื่อขึ้นมาใช้งานได้ บนชั้นนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางย่อยออกเป็นหลายส่วนหลายมุมในแต่ละมุมจะมีบรรยากาศและเฟอร์นิเจอร์ที่ต่างกัน สามารถขึ้นมาใช้งานหมุนเวียนเปลี่ยนบรรยากาศได้ และการแยกย่อยของพื้นที่ยังสร้างความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นด้วยค่ะ ความแตกต่างของแต่ละส่วนนอกจากการดีไซน์แล้วยังมีความแตกต่างทางด้านการใช้งานด้วย พื้นที่ส่วนกลางจะมีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมมากขึ้น นอกเหนือไปจากโซนนั่งเล่นกลางสวนดาดฟ้า เช่นพื้นที่สำหรับทำ BBQ มีห้องคาราโอเกะ มีห้องฟิตเนส และพื้นที่ทั้งหมดล้อมรอบตัววิวเมืองค่ะ

    ขึ้นมายังชั้นดาดฟ้า ซึ่งเป็นชั้นของพื้นที่ส่วนกลางอีกชั้นกันนะคะ โถงลิฟทฺชะเนนี้พื้นและผนังจะตกแต่งด้วยหินอ่อน ดูหรูหราดีค่ะ

    ออกมาทางขวามือจะมีทางเดินเเยกออกไป ข้างบนจะล้อมรอบด้วยกำแพงสูงทำให้ไม่สามารถมองลงไปได้

    ทางเดินไปยังพื้นที่ส่วนกลางจะมีต้นไม้พุ่มขนาบ 2 ข้างค่ะ ถ้าสังเกตุดูจะเห็นว่าโครงการนี้การปลูกต้นไม้ จะมีการก่อกะบะขึ้นมาทั้งไม้พุ่ม และต้นไม้ใหญ่ ซึ่งมีข้อดีตรงที่ดินจะไม่เลอะเทอะออกมายังพื้นข้างนอกนะคะ ทำความสะอาดง่าย

    มองมาขวามือจะเป็น Sky Lounge มีหลังคาบังเเดด มีแผงกำแพงต้นไม้อยู่ด้านหลัง การจัดที่นั่งมีทั้งโต๊ะยาวที่ชิดผนังต้นไม้ เเละชุดโต๊ะเก้าอี้ 4 ที่นั่ง สามารถมานั่งอ่านหนังสือ พูดคุยได้ตรงนี้ค่ะ

    เยื้องๆกับ Sky Lounge จะเห็น PET Zone เนื่องจากโครงการนี้อนุญาติให้สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ดังนั้น พื้นที่ส่วนกลางจึงถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงอีกค่ะ

    ภายใน Pet zone จะมีรั้วกั้นเรียบร้อย เราสามารถปล่อยให้น้องๆวิ่งเล่นได้ตามอัธยาศัยค่ะ

    พื้นปูด้วยหญ้า เพื่อกันไม่ให้เท้าของน้องร้อนเกินไปเนื่องจากเป็นชั้นดาดฟ้าด้วย เเละยังมีเก้าอี้สำหรับเจ้าของให้นั่งเล่นอยู่ภายใน Zone เลย

    ติดกับ Pet zone จะเป็น Rooftop BBQ ทางซ้ายมือ และทางขวามือจะเป็น Sky CABANA

    มาดู Rooftop BBQ กันก่อน ตรงโซนนี้จะมีชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับ 4 ที่นั่งเตรียมไว้ให้ด้วย

    เเละมีพื้นที่เเยกเป็นโซฟา 2 ฝั่ง สามารถขึ้นมาจัด Party เป็นกลุ่มกันตรงนี้ได้

    โดยมีเคาน์เตอร์สำหรับล้างจานเเละเตาสำหรับทำ BBQ เตรียมไว้ให้เรียบร้อยเเล้ว

    มองกลับมาจะเจอกับโซน Sky CABANA

    Sky CABANA จะเป็นชุดที่นั่ง 2 ชุดมีเบาะไว้ให้และผ้าใบกันเเดดด้านบน เหมาะสำหรับขึ้นมานั่งเล่น นอนเล่นได้เพลินๆ

    เดินกลับมายังลิฟท์เพื่อมาอีกฝั่งบ้างนะคะ

    ฝั่งนี้จะเป็นSky Garden ที่อยู่หน้าห้องที่เป็นกิจกรรมต่างๆเช่นคาราโอเกะ ฟิตเนส

    Sky Garden จะเป็นทางเดินรอบเกาะกลางที่จัดเป็นต้นไม้ใหญ่เเละไม้พุ่มแบบนี้

    สุดทางเดินจะมี Party Patio ซึ่งเป็นอีกมุมพักผ่อนนึง มีหลังคาและชุดโซฟานั่งเล่น ข้างๆจะมี PET Zone อีกจุดนึงไว้ให้ใช้บริการด้วยค่ะ

    กลับมาห้องเเรกจะเป็นห้องคาราโอเกะ มีผนังกระจก 3 ด้าน ได้ทั้งวิวสวน วิวสระว่ายน้ำ แต่การใช้งานช่วงกลางวันอาจจะร้อนนิดหน่อยนะคะ

    มีชุดเครื่องเสียง จอ และอุปกรณ์สำหรับคาราโอเกะเตรียมไว้ให้พร้อม

    ข้างๆกันจะเป็นห้องฟิตเนสค่ะ

    ภายในห้องมีเครื่องเล่นทั้งลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน ที่ยกน้ำหนัก ให้มาค่อนข้างเยอะเลย  มีผนังกระจกที่สามารถวิ่งไปชมวิวไปได้ด้วย

    ตกแต่งผนังด้วยลวดลายกราฟฟิกคล้ายๆกันกับตัว Facade อาคาร ลายพื้น ลายกระเบื้อง เราจะเห็นการนำเอาลวดลายกราฟฟิกนี้มาเล่นเป็นองค์ประกอบต่างๆภายในอาคารค่อนข้างมากเลยค่ะ

    ทางโครงการมีระเบียบเล็กๆน้อยๆสำหรับผู้ที่ต้องการเลี้ยงสัตว์แจ้งมา ดังนี้ค่ะ

    กฎระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุด

    1. การนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมาเลี้ยง จะต้องขออนุญาตฝ่ายบริหารอาคารฯ และลงทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยงไว้เป็นข้อมูล โดยชำระค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียน จำนวน 3,600 บาท/ต่อตัว/ต่อปี (ค่าใช้จ่ายนี้จะนำมาเป็นกองทุนในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและลงน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์)
    2. ชำระเงินประกันความเสียหายจำนวน 5,000 บาท/ต่อตัว (เรียกเก็บครั้งแรกครั้งเดียว) และจะคืนให้เมื่อเจ้าของห้องชุดเลิกเลี้ยงสัตว์/สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต และไม่พบการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดและ/หรือพบความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าของห้องชุด/เจ้าของร่วม/อาคารชุดรวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง)
    3. สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของห้องชุดจะเลี้ยง จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มที่ เจ้าของห้องชุดสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้ (จำนวนสูงสุดของสัตว์เลี้ยงจะมีได้ไม่เกิน 3 ตัวต่อ 1 ห้องชุดเท่านั้น)

    • 1 ตัว / พื้นที่น้อยกว่า 50 ตร.ม. และไม่เกิน 50 ตร.ม.
    • 2 ตัว / พื้นที่ 100 ตารางเมตร
    • 3 ตัว / พื้นที่ 150 ตารางเมตร เป็นต้นไป

    1. สัตว์เลี้ยงจะต้องมีสายผูก/จูงและมีผู้ดูแลตลอดเวลาที่อยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง

    *กฎระเบียบ ข้อห้าม ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในโครงการ รวมถึงบทลงโทษ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ประจำโครงการ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 7.5×15 เมตร ลึก 1.2 เมตร
    • Fitness 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 7 เครื่อง
    • ที่จอดจักรยาน
    • Lobby
    • Mailbox
    • Laundry
    • Steam room
    • Suana room
    • Library room
    • Study garden
    • Sky garden
    • Karaoke room
    • Sky lounge
    • Rooftop Barbeque
    • Pet zone
    • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
    • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ n/a:  1
    • ที่จอดรถประมาณ 69 คันคิดเป็น 36% 
    • ระบบ CCTV / Key Card Access 
    • Wi-fi ที่ Lobby และ Library

    สามารถเข้าไปชมบรรยากาศภายในโครงการเพิ่มเติมได้ที่วีดีโอนี้เลยค่ะ


    Product Walkthrough

    มาดูที่แบบห้องภายในโครงการกันบ้างค่ะ โครงการ Maestro 14 สยาม-ราชเทวี มีแบบห้องให้เลือกทั้งหมด 3 แบบคือ

    • 1 Bedroom Suite 26.5-39.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท
    • 1 Bedroom 32-35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.7 ล้านบาท
    • 2 Bedrooms 59.5-64.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10.7 ล้านบาท

    โดยตัวห้องจะขายแบบ Full Furnished มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ จ่ายพร้อมอยู่เลย และในรีวิวนี้เราจะมีห้องตัวอย่างมาให้ชมกัน 2 ห้อง คือห้องแบบ 1 Bedroom Suite กับ 2 Bedroom ขนาดใหญ่ที่สุด เราไปชมกันเลยค่ะว่าภายในห้องจะเป็นอย่างไรกันบ้าง

    ห้องแบบเเรกที่เราจะพาไปชมจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom Suite มีชื่อห้องว่า AA1-1 โดยตำแหน่งห้องจะหันไปทางทิศตะวันตกได้รับวิวเมือง ตัวห้องมีขนาด 29.65 ตร.ม. เป็นห้องแนวลึก ผังห้องจะจัดโดย เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่ครัวเเละโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ฝั่งตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปยังห้องนอนจะมีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนกั้นเเยกพื้นที่ทั้ง 2 ส่วนออกจากกัน ภายในห้องนอนจะมีโซฟานั่งเล่นอยู่ปลายเตียง เเละมีมุมโต๊ะทำงานอยู่มุมห้องใกล้ระเบียงค่ะ ห้องนี้จะมีระเบียงเล็กๆเอาไว้ให้ออกไปสูดอากาศ ตากผ้าเล็กๆน้อยๆได้ ในห้องนี้จะมีแอร์ให้มาพร้อมกันกับตัวห้อง 1 ตัวค่ะ

    สรุป Furniture Package ที่ได้มาพร้อมกับห้องแบบนี้นะคะ (นอกเหนือจากชุดเคาน์เตอร์ครัว, สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ และเฟอร์นิเจอร์ที่ต้อง Built-in อย่างชั้นวางรองเท้าและตู้เสื้อผ้า)

    1. Sofa
    2. Coffee table
    3. Entertainment station
    4. Dining table
    5. Dining chair
    6. Bed
    7. Night table
    8. Working Desk
    9. Working Chair

    ประตูทางเข้าจะมีขนาด 2.00 x 0.90 เมตร กรุด้วยลามิเนตลายไม้ มือจับเป็นคันโยก ใช้กุญเเจไขเข้าห้องค่ะ ชุดอุปกรณ์มือจับจะได้ของ Hafele

    เข้ามาในห้องจะเป็นส่วนครัวกับส่วนรับประทานอาหารก่อน พื้นไม้ภายในห้องจะได้เป็นพื้นลามิเนตสีน้ำตาลอมเทาหนา 8 มม. ความสูงของห้องอยู่ที่ 2.45 เมตร ไฟภายในห้องที่ได้จะเป็นไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า

    ชุดครัวสามารถวางตู้เย็น เครื่องซักผ้า เตา ไมโครเวฟและเครื่องดูดควันได้ โดยด้านหลังเคาน์เตอร์จะมีกระเบื้องเซรามิกสีขาวลายตามภาพค่ะ วัสดุเคาน์เตอร์ Top ครัวจะได้เป็นหิน Quartz วัสดุปิดผิวชั้นเก็บของเป็น Hi gloss

    ชั้นเก็บของต่างๆได้ประมาณนี้ค่ะ ความยาวทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 2.80 เมตร

    ชั้นเก็บของในครัวเป็น Soft Close ยี่ห้อ Furnamic ใต้อ่างล้างมือเมื่อเปิดมาจะมีถังขยะไว้ให้ข้างใต้ และใต้ชั้นวางไมโครเวฟเป็นลิ้นชักเอาไว้สำหรับวางช้อนส้อมค่ะ แต่ระยะการเอื้อมหยิบนี่จะต้องก้มลงไปต่ำพอสมควร ซึ่งโดยปกติเเล้วลิ้นชักวางช้อนส้อมน่าจะอยู่ชั้นบนสุดของเคาน์เตอร์นะคะ

    อ่างล้างจานได้ของ HAFELE ขนาดประมาณ 35 x 40 ซม.

    เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันจะได้ของ Electrolux

    มองย้อนกลับไปยังประตูทางเข้านะคะ หลังบานประตูจะเป็นชั้นเก็บรองเท้า และมีทางเข้าห้องน้ำ ผนังเเละฝ้าเพดานจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสี

    ระหว่างโต๊ะทานอาหารกับเคาน์เตอร์ครัวจะมีระยะประมาณ 1.00 เมตร ยังเป็นระยะที่เดินผ่านและยืนใช้งานเวลาทำอาหารได้สบายค่ะ

    ชุดโต๊ะทานอาหารจะเป็นแบบ 2 ที่นั่ง เมื่อเลื่อนเก้าอี้เข้าที่จะมีพื้นที่พอดีๆ เเต่ถ้าใช้งานตัวเก้าอี้จะถูกเลื่อนไปบังประตูทางเข้าห้องน้ำ และอาจชนกับประตูบานเลื่อนกระจกที่กั้นระหว่างพื้นที่ครัวเเละห้องนอนได้ค่ะ

    ชั้นเก็บรองเท้าข้างประตูที่ให้มาค่อนข้างสูงเลยเป็นบานกดสปริงเปิด มีช่องแบ่งเอาไว้สำหรับวางรองเท้า กระเป๋า ร่มได้

    มาถึงห้องน้ำกันบ้าง ตัวบานประตูได้ขนาด 0.80 x 2.00 เมตร กรุทับด้วยลามิเนตลายไม้สีเทา วงกบเป็นไม้เนื้อเเข็งพร้อมซับวงกบ กลอนประตูเป็นลูกบิดของ HAFELE

    ธรณีประตูเป็นลามิเนตสีเทาวงกบไม้เนื้อเเข็งพร้อมซับวงกบเช่นกัน ลดระดับลงมาจากพื้นครัวไม่มากประมาณ 1 นิ้ว

    เข้ามาในห้องน้ำจะเจอกับพื้นที่ที่เป็นส่วนแห้งก่อน มีชุดกระจกและอ่างล้างมือ พื้นและผนังมีการนำเอากระเบื้องเเกรนิตโต้กับกระเบื้องเซรามิกมาออกแบบลายให้ต่างชนิดกัน ทำให้ภายในห้องน้ำดูมีมิติมากขึ้น ตัวกระจกเงามีเฟรมสีดำ เล่นลวดลายและล้อไปกับตัวผนังเเนวตั้ง ดูสวยแปลกตาดี ไม่ใช่เเค่เลือกกระจกมาติด

    ชุดอ่างล้างมือเป็นของยี่ห้อ Lavenz ขนาดประมาณ 45 x 60 ซม. มีที่เก็บของไว้ล่างเคาน์เตอร์ แต่รอบๆตัวอ่างล้างมือรุ่นนี้จะมีพื้นที่สำหรับวางอุปกรณ์แปรงฟันต่างๆค่อนข้างจำกัดค่ะ

    ชุดโถสุขภัณฑ์ได้ของ Kohlerให้มาพร้อมกับสายฉีดชำระและที่ใส่ทิชชู่

    มาถึงพื้นที่อาบน้ำกันบ้าง จากอยู่ซ้ายมือของเราจากอ่างล้างมือค่ะ

    ขนาดห้องอาบน้ำอยู่ที่ 0.80 x 1.50 เมตร มีธรณีประตูแยกส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกัน ฉากกั้นอาบน้ำได้ของ VRH เป็นกระจกบานเปิดเข้า

    ผนังจะมีหลุมเข้าไปสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำได้

    ฝักบัวได้ของ Kohler ค่ะ

    มือจับประตูเป็นแบบนี้จะออกจากส่วนอาบน้ำต้องดึงเข้าหาตัวนะคะ

    ถัดจากส่วนครัวเข้าไปจะเป็นส่วนนั่งเล่นเเละห้องนอนค่ะ

    มีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนกั้นแยกพื้นที่ออกจากกัน

    มีรางเลื่อนบนและล่าง เลื่อนซ่อนเข้าไปไว้ในผนังค่ะ กรอบบานเป็นอลูมิเนียมสีดำ กระจกเขียวตัดและหนา 6 มม.

    รอยต่อวัสดุถูกเก็บขอบเรียบร้อย

    ห้องนอนจะมีพื้นที่นั่งเล่นดูทีวีอยู่ปลายเตียง และมีโต๊ะทำงานเล็กๆอยู่มุมห้อง ภายในห้องจะได้ฝ้าหลุมลึก 15 ซม. ไฟดาวน์ไลท์ฝังฝ้าเช่นเดิมค่ะ

    ชุดโซฟาสำหรับนั่งเล่นดูทีวีจะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 1.50 เมตร ค่อนข้างกระชั้นเหมือนกันนะคะ

    ชุดวางทีวีจะมีช่องเก็บของเป็นลิ้นชักรางเลื่อน 2 อัน

    โซฟามีขนาดประมาณ 1.50 x 0.70 เมตร นั่งได้ประมาณ 2-3 คนค่ะ

    ถัดเข้าไปจะเป็นระเบียงเเละพื้นที่ทำงาน โดยจะได้เป็นผนังกระจก สูงพื้นจรดฝ้าเพดานกันเลยทีเดียว

    บริเวณโต๊ะทำงานจะได้กระจกเข้ามุมด้วยค่ะ แต่ห้องฝั่งนี้ชั้นล่างๆ วิวจะเป็นตึกแถวข้างเคียง แอบสูญเสียความเป็นส่วนตัวเล็กน้อยนะคะ

    ขนาดโต๊ะทำงานจะอยู่ที่ 90 x 50 ซม. ซึ่งขนาดพื้นที่ตรงนี้จะค่อนข้างจำกัด ดีที่ทางโครงการให้เฟอร์นิเจอร์ที่วางเข้าล็อคได้มาพอดี ถ้าเราอยากปรับเปลี่ยนเป็นโต๊ะแบบอื่นๆ อย่าลืมคำนึกถึงขนาดความกว้างของพื้นที่ตรงนี้นะคะ

    ประตูระเบียงเป็นบานเลื่อน 2 ตอน กรอบบานอลูมิเนียมสีดำ กระจะเขียวตัดเเสงหนา 6 มม.เหมือนกับในห้องเลย มีธรณีประตูกั้น กันน้ำไหลย้อนเข้ามา เเละฝุ่นจากระเบียงไม่ให้เข้ามาภายในห้อง

    ระเบียงค่อนข้างเล็กนะคะ มีขนาดประมาณ 0.60 x 1.50 เมตร ราวกันตกสูง 1.10 เมตรค่ะ พื้นระเบียงจะได้พื้นกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 30 x 30 ซม.

    ด้านข้างระเบียงถูกกั้นให้เป็นพื้นที่ซักล้างเเละวาง Condensing unit ค่ะ โดยจะวางหันออกเป่าลมร้อนออกนอกอาคาร

    พื้นที่ตรงนี้จะเป็นกริลที่สามารถเปิด-ปิดได้โดยมีเเม่เหล็กติดไว้อยู่ด้านบนค่ะ

    มองย้อนกลับมายังเตียงนอนกันบ้าง ห้องนี้จะให้เตียงขนาด King size ค่ะ ข้างเตียงนอนจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in

    ตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบานเปิด 3 บานนะคะ ช่องเก็บข้างในจะได้แบบนี้

    ตรงนี้ต้องระวังนิดนึงเพราะภายในห้องจะมีโต๊ะหัวเตียงมาให้ด้วย เราควรเอาโต๊ะนั้นไปไว้อีกฝั่งนึงของเตียงจะดีกว่าค่ะ เพราะถ้าเอาไว้ฝั่งนี้เวลาเปิดใช้งานตู้เสื้อผ้าจะชนเอา

    หัวเตียงฝั่งชิดผนังด้านนอกจะเป็นผนังทึบ ซึ่งจะช่วยกันเเดดและความร้อนไม่ให้มาเเยงตาเราในตอนเช้าด้วยประมาณนึง เเละเป็นตำเเหน่งของเเอร์ภายในห้องค่ะ

    ภายในห้องนอนนี้จะได้แอร์มาพร้อมกับตัวห้อง 1 เครื่องนะคะ

    ภายในห้องตัวอย่างพื้นที่ข้างเตียงฝั่งนี้จะเหลือพื้นที่ทางเดินประมาณ 75 ซม. มีปลั๊กไฟให้พร้อม เหมาะกับการเอาโต๊ะหัวเตียงมาวางไว้ฝั่งนี้เเทนนะคะ ชารจ์โทรศัพท์ไว้หัวเตียงก่อนนอนได้เลย

    ปลายเตียงที่บอกจะเป็นที่วางชุดโซฟานั่งเล่นได้ โดยระยะทางเดินจะเหลือประมาณ 70 ซม. จะมีชุดโต๊ะเตี้ยที่สามารถเลื่อนเข้าไปในโซฟาได้ แต่การใช้งานจะลำบากมากหน่อยถ้าต้องเลื่อนเข้าเลื่อนออก

    ระหว่างเตียงกับตู้เสื้อผ้ามีระยะเหลือประมาณ 70 ซม.ค่ะ

    ชุดโต๊ะหัวเตียงที่ให้มาจะมีขนาดประมาณ 40 x 40 ซม.

    ข้างๆเตียงมีลิ้นชักไว้สำหรับเก็บของเพิ่มเติมค่ะ

    มาดูห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดของโครงการนี้กันบ้าง จะเป็นห้องนอนแบบ 2 Bedroom ที่มีชื่อว่า B1-1  ขนาดห้องจะอยู่ที่ 64.81 ตร.ม. ห้องนี้จะมีทั้งหมด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีส่วนครัว ส่วนรับประทานอาหาร และพื้นที่ส่วนนั่งเล่นพักผ่อนค่ะ การจัดผังในห้องนี้เข้ามาจะเจอกับครัวและตู้เก็บของก่อน โดยพื้นที่ที่ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวอย่างพื้นที่นั่งเล่น รับประทานอาหารจะอยู่ด้านใน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และพื้นที่ยังเชื่อมต่อกับระเบียงทำให้รับวิวและเปิดรับลมได้ ห้องนอนกั้นแยกเป็นสัดส่วนค่ะ โดยห้องนอนใหญ่จะมีพื้นที่กว้างกว่าหน่อย มีพื้นที่วางโต๊ะทำงาน มีมุมแต่งตัวที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น และมีห้องน้ำในตัวค่ะ โดยราคาห้องนี้จะสิบล้านบาทขึ้นไป เราไปชมกันเลยค่ะ

    เมื่อเข้ามาจะเจอส่วนครัวก่อนเช่นเดิมนะคะ แต่ทางขวามือจะเป็นชั้นวางรองเท้าค่ะ ข้อดีคือในกรณีที่เราซื้อของเข้ามาก็สามารถนำมาเก็บเข้าตู้เย็นก่อนได้เลย พื้นที่ส่วนพักผ่อนอยู่ลึกเข้าไปด้านใน จึงทำให้พื้นที่ข้างในมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

    สำหรับคุณผู้หญิงคงจะถูกใจตรงนี้มากแน่ๆ เพราะพื้นที่วางรองเท้ามีขนาดยาว 2.80 เมตรเลยทีเดียว ประตูเป็นบานสปริงกดเปิดค่ะ

    หันกลับมายังเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ตัวเคาน์เตอร์ชุดอุปกรณ์และวัสดุจะได้เหมือนกันเลย คือได้อ่างล้างจานของ HAFELE ชุดเตาและเครื่องดูดควันของ Electrolux ชั้นเก็บของเป็น Soft Close ของ FURNAMIC แผงผนังด้านหลังเป็นกระเบื้องเซรามิกลายกราฟฟิกสีขาว โดยห้องนี้เคาน์เตอร์จะยาวขึ้นถึง 3.10 เมตรไม่รวมตู้เย็นนะคะ

    ชั้นเก็บของต่างๆจะเป็นบานเปิดเเละบานเลื่อน มีช่องเก็บของให้เเบบนี้

    Top เคาน์เตอร์เป็นหิน Quartz ที่จะเเข็งเเรงหน่อยกันรอยขีดข่วนและกรดมากกว่าหินสังเคราะห์ทั่วๆไป ใต้อ่างมีถังขยะให้มาด้วย

    ชุดเตาไฟฟ้าของห้องนี้จะได้ทั้งหมด 4 หัวนะคะ

    เลี้ยวขวาเข้ามาให้ห้องจะเจอกับโต๊ะทานอาหารก่อนเลย สำหรับคนที่กังวลเรื่องกลิ่นเเละควันจากการทำอาหารจะลอยมาติดเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็สามารถติดประตูเพิ่มระหว่างพื้นที่ตรงนี้ได้เช่นกันค่ะความกว้างตรงนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1.15 เมตร

    โต๊ะทานอาหารเป็นแบบ 4 ที่นั่ง ขนาดโต๊ะประมาณ 0.85 x 1.40 เมตรค่ะ ห้องนี้จะมีพื้นที่กว้างหน่อยสามารถเลื่อนเก้าอี้เข้า-ออกใช้งานได้สบาย ไม่ชนกับอะไรค่ะ ชุดโต๊ะทานอาหารนี้ได้มาพร้อมกับห้องค่ะ

    ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นนะคะ โซฟาจะได้ชุดเข้ามุมแบบนี้เลย พร้อมโต๊ะกลมตรงกลาง เเละโต๊ะข้างเเบบห้องตัวอย่างนี้เลยค่ะโดยโซฟาจะยาวประมาณ 2.20 เมตร

    พื้นที่ทางเดินจะอยู่ที่ประมาณ 1.20 เมตร เดินสวนกันสบายๆเลย และระยะดูทีวีจะอยู่ที่ประมาณ 2.20 เมตรค่ะ

    โต๊ะข้างจะเป็นรุ่นเดียวกันกับโต๊ะข้างเตียงของห้องที่เราพาไปชมตอนต้น มีขนาดประมาณ 40 x 40 ซม.ค่ะ

    ห้องแบบ 2 Bedroom จะมีแอร์มาให้ที่ห้องนั่งเล่น 1 ตัวค่ะ ชุดวางทีวีจะกว้างประมาณ 1.65 เมตร ลึก 40 ซม. เป็นลิ้นชักเปิดเลื่อน 3 ชิ้นค่ะ

    พื้นที่ตรงนี้มีระเบียงด้วย ทางออกไปสู่ระเบียงเป็นประตูบานเลื่อน 2 ตอน

    พื้นที่ระเบียงจะมีขนาดประมาณ 1.00 x 1.75 เมตร พื้นระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิกค่ะ ออกไปทั้งซ้ายเเละขวาจะเป็นกริลบังเเอร์

    โดยทางขวาตัว Condensing unit จะเป่าเข้าระเบียง แต่จะมีกริลเฉียงเป่าออกนอกอาคารค่ะ ทำให้ไม่มีลมร้อนเป่าเข้าหาตัวเราขณะใช้งานพื้นที่ระเบียง

    อีกฝั่งก็เช่นกันจะมีพื้นที่ซักล้าง มีก๊อกซักล้างให้มีกริลเปิด-ปิด  ส่วนตัว Condensing unit ที่ตั้งฝั่งนี้จะเป่าสู่นอกอาคารเลยค่ะ

    วิวจากระเบียง จะได้วิวสระว่ายน้ำเต็มๆเลย

    มองจากระเบียงย้อนกลับมาในห้องนะคะ ภายรวมของห้อง พื้นจะเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ผนังและฝ้าเพดานจะฉาบเรียบทาสีขาว พื้นที่บางส่วนของห้องจะมีการทำเป็นฝ้าหลุม ลึก 15 ซม.

    มาดูห้องอื่นๆกันบ้างค่ะ จากภาพประตูทางซ้ายมือจะเป็นประตูห้องน้ำที่จะใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กและพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน ส่วนประตูที่อยู่สุดทางเดินจะเป็นห้องนอนเล็ก เเละทางขวามือจะเป็นประตูไปสู่ห้องนอนใหญ่ค่ะ

    มาดูห้องน้ำก่อนเป็นอันดับเเรกเลย การออกแบบห้องน้ำก็จะเหมือนกันกับห้องที่ผ่านมาค่ะทั้งผังห้องน้ำ หน้าตาวัสดุเเละชนิดของสุขภัณฑ์

    อ่างล้างมือของ Lavenz

    โถสุขภัณฑ์ของ Kohler

    ฉากกั้นอาบน้ำของ VRH ชุดฝักบัวของ Kohler

    ขนาดของห้องอาบน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 0.90 x 1.25 เมตร เป็นระยะที่ใช้งานหมุนตัวได้สะดวกค่ะ

    มาดูห้องนอนเล็กกันบ้าง ภายในห้องจะมีกระจกบานใหญ่อยู่ วิวที่ได้จะเป็นวิวภายนอก เห็นฝั่งตรงข้ามกับโครงการ

    สามารถวางเตียง King Size ได้เช่นกันค่ะ

    ปลายเตียงมีลิ้นชักเก็บของ

    ห้องจะกว้างประมาณ 2.75 เมตร

    พื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับตู้เสื้อผ้าจะกว้างประมาณ 65 ซม. ตัวโต๊ะหัวเตียงถ้ายึดตามผังจะถูกวางไว้อีกฝั่งนึงค่ะ ซึ่งจะทำให้เมื่อเปิดใช้งานตู้เสื้อผ้าจะไม่ชน

    ข้างเตียงฝั่งหน้าต่างจะเหลือทางเดินประมาณ 50 ซม. ค่อนข้างเเคบเลยค่ะ

    ส่วนปลายเตียงเหลือพื้นที่ประมาณ 50 ซม.เช่นกัน ถ้าอยากติดทีวี แนะนำให้เลือกทีวีเเบบเเขวนผนังจะเหมาะสมกว่านะคะ

    ตู้เสื้อผ้าจะเป็นชุด Built-in มาพร้อมกับห้องเลย ความกว้างของตู้จะอยู่ที่ประมาณ 1.30 เมตร

    ภายในตู้จะมีพื้นที่เก็บของเเบบนี้ค่ะ มีทั้งชั้นเก็บของ ราวเเขวนเสื้อ เเละลิ้นชักภายในตู้เลย

    มาดูห้องนอนใหญ่กันบ้าง ห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวนะคะ เมื่อเข้ามาจะเจอห้องน้ำอยู่ซ้ายมือ ตรงข้ามกับห้องน้ำจะเป็นตู้เสื้อผ้า มีโต๊ะทำงานยาวมาให้และมีพื้นที่รอบๆเตียงนอนที่ใหญ่มากขึ้นค่ะ

    มาดูห้องน้ำกันก่อนจะเห็นได้ว่าวัสดุและการตกแต่งจะเหมือนเดิมทั้งหมดเลย เเต่การวางผังจะเป็นเเนวลึกเข้าไป มีทางเดินอยู่ฝั่งเดียวกันทำให้การใช้งานสะดวกขึ้น

    กระเบื้องเซรามิกของห้องนี้จะได้ลวดลายที่แตกต่างไปเล็กน้อย จากเดิมลายอิฐ ห้องนี้จะได้ลายรังผึ้งแทนค่ะ

    ห้องอาบน้ำจะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 0.90 x 1.05 เมตร มีหน้าต่างบานกระทุ้งไว้ระบายอากาศค่ะ

    ตู้เสื้อผ้าที่ได้จะเป็นบานเปิด เก็บของได้ตามภาพเลย ถ้ามองมุมขวาล่างจะเห็นตัว Door Stopper กันประตูห้องเปิดมาชนกับตู้เสื้อผ้า

    บรรยากาศภายในห้องนอนใหญ่จะค่อนข้างกว้างเลย

    มีชุดโต๊ะทำงานที่ยาวประมาณ 2.20 เมตร

    ภายในห้องจะได้วิวภายนอก มีกระจกที่สูงรับเเสงเข้ามาในห้องได้เต็มที่ และมีกระจกเข้ามุมให้มาด้วย

    ฟังก์ชันเก็บของลิ้นชักปลายเตียงยังอยู่ครบ

    พื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งมีระยะอยู่ที่ประมาณ ฝั่งซ้าย 85 ซม. และฝั่งขวา 80 ซม.

    ปลายเตียงกว้าง 1.25 เมตรเลย มีชุดโซฟากลมนี้ให้มาพร้อมห้องเช่นกันค่ะ

    ปลายเตียงมีเดินปลั๊กสำหรับติดตั้งทีวีเอาไว้ให้เเล้วด้วย สามารถเลือกเเบบเเขวนผนังหรือจะทำ Built-in เป็นชั้นเพิ่มได้นะคะ เนื่องจากพื้นที่ตรงปลายเตียงนี้ยังเหลืออีกพอสมควร

    ห้องอีกแบบที่ทางโครงการมีคือห้องแบบ 1 Bedroom ค่ะ ห้องนี้ส่วนมากจะเป็นห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำ จะมีขนาดห้องอยู่ที่ประมาณ 32.5 ตร.ม. โดยห้องนี้จะเเตกต่างจากห้องแบบ 1 Bedroom Suite อยู่คือห้องจะถูกแบ่งเป็นสัดส่วนมากขึ้น จากทางเข้าจะเจอกับพื้นที่ส่วนครัวก่อน ตรงกันข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นชั้นวางรองเท้าและเครื่องซักผ้า ถัดเข้ามาจะเป็นโต๊ะทานอาหารเข้ามุมสำหรับ  2 ที่นั่ง และมีพื้นที่นั่งเล่นดูทีวีที่เป็นสัดส่วน สามารถออกไปยังระเบียงได้ ส่วนห้องนอนนั้นจะมีประตูเเยกออกมา การเข้าถึงห้องน้ำต้องเข้ามาภายในห้องนอนเท่านั้น เนื่องจากห้องเป็นเเนวลึก จึงทำให้มีทางเดินค่อนข้างยาว พื้นที่หน้าประตูจะค่อนข้างกว้างพอประมาณเลย ข้อดีของผังห้องแบบนี้คือทั้งห้องนอนเเละห้องนั่งเล่น สามารถได้รับวิวเดียวกันอย่างทั่วถึง

    ห้องแบบสุดท้ายของโครงการนี้นั้นจะเป็นห้อง 2 Bedroom ที่มีขนาดเล็กกว่าห้องตัวอย่างที่พาไปชม โดยตำเเหน่งการวางผังในแต่ละชั้นนั้น ตัวห้อง 2 Bedroom จะตั้งอยู่สุดทางเดินแต่ละฝั่ง สำหรับห้องนี้จะเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เข้ามาจะมีชั้นวางรองเท้าอยู่ขวามือ เมื่อเลี้ยวขวามาจะเป็นพื้นที่ส่วนเคาน์เตอร์ครัวที่เชื่อมต่อกับโต๊ะรับประทานอาหาร และชุดโซฟานั่งเล่น ที่มีระเบียง โดยห้องนี้วิวที่ได้จะเป็นวิวภายนอกอาคาร ตรงข้ามกับส่วนรับประทานอาหารจะเป็นประตูเข้าห้องนอนใหญ่ เมื่อเข้าห้องมาทางซ้ายมือจะเป็นตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำจะอยู่ตรงข้ามกับประตูทางเข้าห้องนอนเลย ส่วนทางขวามือจะเป็นเตียงนอน ห้องนอนใหญ่นี้จะได้วิวภายนอกเช่นกัน ส่วนห้องน้ำรวมกับห้องนอนเล็กนั้น ทางเข้าจะอยู่ตรงข้ามกับครัว โดยห้องนอนเล็กสามารถได้วิวสระว่ายน้ำด้วยค่ะ สำหรับห้องนี้โดยส่วนตัวค่อนข้างเสียดายที่เป็นห้องมุม สามารถรับวิวสระว่ายน้ำได้เต็มที่มากกว่านี้ เเต่ตัวห้องนอนใหญ่นั้นกลับได้วิวด้านหน้าโครงการ ซึ่งเป็นตึกสูง และมีโอกาสสูญเสียความเป็นส่วนตัวจากการที่ฝั่งตรงข้ามมองเข้ามาภายในห้องนอนเราได้

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @18 May 2018

    • 1 Bedroom-Suite ชั้น 2 ห้อง 2A1-12 พื้นที่ 26.79 ตร.ม. ราคา 4.507 ล้านบาท หรือ 168,246.74 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom-Suite ชั้น 8 ห้อง 8A1-12 พื้นที่ 26.79 ตร.ม. ราคา 4.702 ล้านบาท หรือ 175,523.67 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedrooms ชั้น 4 ห้อง 4B1-1 พื้นที่ 64.81 ตร.ม. ราคา 10.916 ล้านบาท หรือ 168,443.78 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedrooms ชั้น 8 ห้อง 8B1-1 พื้นที่ 64.81 ตร.ม. ราคา 11.160 ล้านบาท หรือ 172,203.79 บาท/ตร.ม.

    • Fully Furnished 
    • ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • จอง 50,000 บาท
    • ทำสัญญา 5% บาท
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน 650 บาท/ตร.ม. (จ่ายครั้งเดียว)
    • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน (จ่ายล่วงหน้า 1 ปี)

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

     Maestro 14 สยาม-ราชเทวี  สำหรับทำเลนั้น “สยาม-ราชเทวี” อยู่ระหว่างถนนพญาไท, เพชรบุรีและถนนบรรทัดทอง ที่ตั้งสามารถเข้าได้จากซอยเพชรบุรี 12 และซอยพญานาค(ข้างโรงแรมเอเชีย) นับว่าเป็นทำเลใจกลางเมืองที่มีความสำคัญทั้งทางด้านการศึกษาและเศรษฐกิจ มีความต้องการทางด้านที่อยู่อาศัยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเพื่อรองรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องเดินทางมาเรียนจากต่างจังหวัดในละเเวกนี้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งด้านการเดินทาง อาหารการกิน อาหารก็มีทั้งระดับราคาถูกเหมาะกับรายรับนักศึกษา ไปจนถึงราคาเเพงตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศ มีห้างสรรพสินค้าเยอะมากตรงนั้น เช่น Siam Discovery , Siam Center,  Siam Paragon ส่วนสยามฝั่งร้อนจะเป็นร้านรวงที่อยู่ตามตึกแถว มี Siam Square One ค่ะ อีกหนึ่งความสำคัญของทำเลนี้คือเป็นทำเลที่มีสถานศึกษาชื่อดังตั้งอยู่ค่ะ เช่นจุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสาธิตปทุมวัน โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์ เป็นต้น

    การเดินทางโดยใช้รถ ถือว่าเป็นทำเลมีเส้นทางให้เลือกใช้หลายสาย เชื่อมต่อไปยังส่วนต่างๆของเมืองได้ดี แต่มีปัญหาทางด้านการจราจรที่ติดขัดไม่เว้นวันเสาร์อาทิตย์ การเดินทางอาจจะต้องหลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วนหรือเส้นทางที่รถติดนิดนึง แต่สำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย ก็จะมีจุดขึ้นลงทางด่วนยมราชที่ห่างออกไปไม่มากที่สามารถใช้เพื่อเดินทางไปยังดินเเดง-แจ้งวัฒนะได้ค่ะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เรียกได้ว่าทำเลนี้คือดีมากเลย มีทั้งรถไฟฟ้าในระยะเดินถึง มีจุดขึ้นลงรถเมล์และวินมอเตอร์ไซค์ให้เลือกใช้บริการ และสามารถเรียกรถแท็กซี่ได้เเทบจะตลอดเวลา 24 ชม.เลยทีเดียว โดยโครงการจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสถานีราชเทวี สามารถเดินทาง 1 สถานีไปยังสถานีสยามเราก็สามารถเปลี่ยนขบวนเพื่อไปยังสายสีลม เพื่อไปยังวงเวียนใหญ่-บางหว้าได้ หรือเดินทางไปอีก 1 สถานีไปพญาไท ก็สามารถใช้ Airport Link ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้เช่นกัน

    ทางด้านการออกแบบเเละวัสดุของโครงการภาพรวมค่อนข้างดีเลย ห้องให้เเบบ Full Furnished ดีไซน์อาคารดูเรียบร้อยสวยงาม มีการนำเอาแรงบันดาลใจแบบ Classic style มาผสมกับเส้นสายลายกราฟฟิก ที่ทำให้ภายรวมอาคารดูไม่ได้มีองค์ประกอบเยอะ แต่มีลูกเล่นที่เกิดจากลวดลายวัสดุและพื้นผิวที่มีสีสันแตกต่าง ทำให้ตัวอาคารดูสนุกมากขึ้น การออกแบบพื้นที่ใช้งานและพื้นที่ส่วนกลางก็อยู่ในสัดส่วนที่ค่อนข้างดี ไม่ถึงกับต้องแยกกันใช้งาน มีพื้นที่หลายแบบให้เลือกใช้ตามความต้องการที่แตกต่างกัน การจัดวางพื้นที่ภายในห้องพักถือว่าจัดได้ดีเลยเมื่อเทียบกับห้องขนาดเดียวกันทั่วๆไป เช่นห้อง 1 Bedroom Suite ที่มีฟังก์ชันให้ครบ เเละสามารถใช้งานได้ค่อนข้างสบาย ภายในพื้นที่ไม่ถึง 27 ตร.ม. เป็นต้น วัสดุภายในห้องให้ตามมาตรฐานของราคาระดับนี้ค่ะ

    โครงการนี้สิ่งที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ พื้นที่ส่วนกลาง ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ มีมุมให้สัตว์ได้ออกมาเดินเล่นพร้อมมีกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อให้อยู่อาศัยร่วมกันอย่างมีระเบียบ และมีพื้นที่ส่วนกลางในรูปแบบต่างๆไว้ให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย ถือว่าทำออกมาได้ดีและน่าจะพอเพียงต่อการใช้งาน โดยโครงการนี้มีทำเลที่อยู่ใกล้กับสถานศึกษาค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงมีพื้นที่ส่วนกลางที่เน้นไปกับการอ่านหนังสือมาให้ด้วยเช่น Reading Lounge เป็นต้น

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 170,000 บาท/ตร.ม., 18 MAY 2018

    • ทำเล 8.5/10 – ทำเลถึงแม้จะต้องเข้าไปในซอยเล็กน้อย แต่ระยะเดินไม่ไกล อยู่ใจกลางเมือง
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – มีถนนหลักหลายเส้น ใกล้ทางด่วน
    • ไม่ใช้รถ 8.25/10 – ใกล้รถไฟฟ้า มีระบบขนส่งสาธารณะแทบทุกประเภทรอบๆ
    • วัสดุ 7.5/10 – วัสดุให้คุณภาพดี ตามมาตรฐานของราคาระดับนี้ 
    • แบบ 7.5/10 – มีให้เลือกไม่มาก ภายในห้องจัดได้ค่อนข้างลงตัว
    • สาธารณูปโภค 8/10 – มีส่วนกลางขนาดเล็กหลายๆส่วน ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตแล้ว ถือว่าเพียงพอ สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ พื้นที่ส่วนกลางเน้นไปที่พื้นที่สำหรับอ่านหนังสือ

    • LUXURY CLASS
    • 8.09/ 10.00

    BOTTOM LINE

     Maestro 14 สยาม-ราชเทวี เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดพร้อมเข้าอยู่ใจกลางเมือง ใกล้สยาม มีความเป็นส่วนตัวและมีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งานหลากหลาย เน้นการใช้รถไฟฟ้า ต้องการพื้นที่เลี้ยงสัตว์  มีงบประมาณระดับ 4-10 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 31,500 – 77,000 บาท/เดือน