รีวิวฉบับที่ 2011 … สวัสดีค่ะ สร้างเสร็จแล้วนะคะ กับโครงการ KnightsBridge Prime สาทร จาก Origin ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านสีลม-สาทร บนถนนนราธิวาสฯ เป็นคอนโด High Rise 43 ชั้น จุดเด่นคือการวางตัวอาคารเป็นรูปตัว Z ที่ไม่ให้โดนบังวิว พร้อมที่จอดรถแบบ Automatic ถึง 70% ส่วนตัวห้องมีแบบฝ้าเพดานสูง 4.4 ม. ที่แตกต่างจากคอนโดในทำเลเดียวกัน รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางจัดเต็มที่ชั้นดาดฟ้า ไปดูบรรยากาศของจริงกันค่ะ
Fact @ 4 December 2019
- KnightsBridge Prime Sathorn (ไนท์ บริดจ์ ไพร์ม สาทร)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เขตสาทร
- ที่ดินประมาณ 2-3-75.7 ไร่
- คอนโด High Rise 43 ชั้น 1 อาคาร 726 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 26 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 500 คัน คิดเป็น 70% (แบบ Automatic Parking)
- เริ่มก่อสร้าง : Q3 / 2560
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4 / 2562
- แบบห้องของโครงการมีทั้งหมด 4 แบบ
- Monoplex 24 ตร.ม. ราคา 3.8 – 4.3 ล้านบาท หรือประมาณ 158,000 – 179,000 บาท/ตร.ม.
- Monoplex 30 ตร.ม. ราคา 4.8 – 5.3 ล้านบาท หรือประมาณ 160,000 – 176,000 บาท/ตร.ม.
- Duo Space 25.5 ตร.ม. ราคา 5.4 – 6.3 ล้านบาท หรือประมาณ 146,000 – 170,000 บาท/ตร.ม. (ชั้นลอย-เฟอร์นิเจอร์ 11.5 ตร.ม. พื้นที่รวม 37 ตร.ม.)
- Duo Space 30.5 ตร.ม. ราคา 6.3 – 7.2 ล้านบาท หรือประมาณ 143,000 – 163,000 บาท/ตร.ม. (ชั้นลอย-เฟอร์นิเจอร์ 13.5 ตร.ม. พื้นที่รวม 44 ตร.ม.)
- *หมายเหตุ เงื่อนไขฯเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดย ไม่ได้เเจ้งให้ทราบล่วงหน้า
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด Google Maps : 13.716860, 100.533172
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
ที่ตั้งของโครงการ KnightsBridge Prime สาทร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใกล้ย่านธุรกิจสีลม – สาทร ซึ่งเป็นแหล่งรวมอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่เรารู้จักกันดี ด้วยความที่ทำเลเป็น CBD ราคาที่ดินจึงค่อนข้างสูง และหาที่แปลงดีๆมาพัฒนาได้ยาก ทำให้มีโครงการใหม่ๆเกิดขึ้นบนทำเลนี้ค่อนข้างน้อย โครงการนี้ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีเลย โดยตั้งอยู่บนถนนนราธิวาสฯ ที่ห่างจากแยกสาทร-นราธิวาส (ที่เชื่อม BTS ช่องนนทรี) ประมาณ 600 ม. แม้ไม่ได้เป็นระยะที่เดินสบาย แต่ก็เดินได้อยู่นะ หรือจะนั่ง BRT อาคารสงเคราะห์ไปเพียง 1 สถานีเอง ส่วนถ้าใครขี้เกียจเดินจะโบกพี่วินไปเลย ก็ประมาณ 30 บาทเองนะ
สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ ตัวโครงการอยู่ฝั่งขาออกที่ลัดไปออก ซอยสวนพลู-เย็นอากาศ-พระราม 4 ได้ ซึ่งเอาไว้หลีกเลี่ยงรถติดในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ ส่วนถ้าจะขับรถไปทางช่องนนทรี ใกล้ๆก็มีจุดกลับรถไปฝั่งตรงข้ามได้ง่าย รวมถึงโครงการให้ที่จอดรถแบบ Automatic Parking มาถึง 70% ที่ค่อนข้างเยอะถ้าเทียบกับโครงการอื่นในละแวกเดียวกัน แต่เนื่องจากเป็น Auto เกือบทั้งหมด เวลาใช้งานในช่วงเวลาเร่งด่วน ลูกบ้านอาจจะต้องรอคิวกันนานกว่าที่จอดรถแบบปกตินะ
หรือถ้าใครอยากอ่านทำเลแบบเจาะลึก เราเคยทำ พาชมทำเล ไปแล้วเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ก็สามารถคลิกเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ ส่วนรีวิวฉบับนี้เราจะพาไปอัพเดตบรรยากาศรอบๆโครงการกัน ว่าบรรยากาศจะเปลี่ยนไปจากเดิมรึเปล่า ไปดูกันค่ะ
อัพเดตสภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริเวณแยกสาทร – นราธิวาส มีตึกอาคารสำนักงานต่างๆ ซึ่งอาคารเหล่านี้ล้วนเป็นแหล่งทำงานของบริษัทใหญ่ๆทั้งนั้น รวมถึงมีตึกสูงที่มีลักษณะการออกแบบที่โดดเด่น อย่าง ตึก MahaNakhon ที่สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย
พอลงมาจะเจอกับทางเข้าตึก Bangkok City Tower ที่ภายในแบ่งเป็นออฟฟิศย่อยๆ หลายๆบริษัท ซึ่งทางเดินบริเวณนี้กว้างเดินได้สบายๆ
เดินตรงมา มีร้านขายของกินเรียงรายกันอยู่ มีทั้งร้านอาหารแบบไทยๆ และญี่ปุ่น หรือร้านขนมหวานต่างๆ รวมถึงมีร้านกาแฟ กับร้านชานมไข่มุกด้วยนะ
เดินเลยมาอีกนิดจะเจอ 7-eleven ที่ใกล้โครงการที่สุด
ที่พักอาศัยตึกแรกไม่ใช่คอนโดแต่เป็นอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าค่ะ
เดินจากร้านเมื่อกี้มาไม่ไกลก็จะเจอกับเพื่อนบ้านเจ้าแรกคือ Rhythm สาทร – นราธิวาสฯ ที่วางอาคารหันไปทางถนนนราธิวาสกับซอยสวนพลู
เดินมาอีกนิดมีร้านคาราโอเกะ Yes R&B ถ้าใครเบื่อๆ จะเปลี่ยนบรรยากาศมาร้องเพลงกับเพื่อนๆก็ได้ เสร็จแล้วก็เดินกลับห้องนิดเดียวเอง
ใกล้ๆโครงการมีคอนโด Nara 9 แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะ เพราะทาง Origin ได้วางแนวตึกเฉียง แก้ปัญหาการมองเห็นกันโดยตรงค่ะ
ถัดมาจะเจอศูนย์ Isuzu ที่ติดกับ BRT สถานีอาคารสงเคราะห์ เดี๋ยวเราขึ้นไปดูบรรยากาศบนสถานีกันค่ะ
ขึ้นมาบนสถานี มีตู้ให้กดบัตรเองได้โดยรับทั้งแบงค์ และเหรียญ หรือใครจะใช้บัตร Rabbit Card ก็ได้นะ ซึ่งเสียค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย ราคาถูกดี แถมเร็วกว่ารถเมล์อีก
เดินลงมาเจอพื้นที่โครงการติดศูนย์ Isuzu เลยนะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่โรงแรม Anantara Sathorn Bangkok Hotel ที่ปัจจุบันมีการ Renovate อาคารอยู่
ใกล้ๆโครงการมีสะพานลอย ไว้ใช้ข้ามไปอีกฝั่งนึง เนื่องจากมีคลองกั้นตรงกลาง เราไม่สามารถเดินข้ามถนนด้านล่างได้นะ
สำหรับถนนบริเวณนี้ เป็นถนนขนาดใหญ่ฝั่งละ 4 เลน พร้อมคลองคั้นตรงกลางขนาดใหญ่ บรรยากาศจริงๆก็ดูดีเหมือนกันนะ เพราะน้ำในคลองไม่เน่าเลย
เดินข้างโครงการมีพี่วินรอให้บริการอยู่ ซึ่งถ้าใครรีบๆก็โบกไป BTS ช่องนนทรี ได้ โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 30 บาทค่ะ
เดินต่อไปมีร้านอาหารต่างๆ ให้บริการอยู่นะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่มีชื่อเสียงของคนในย่านนี้ ทั้งร้านเบอเกอร์ ARNO, ร้านครัวผกามาส, ร้านชาบูแต้จิ๋ว และร้านนั่งชิลล์ Sortel เป็นต้น
สำหรับใครที่กังวลเรื่องวิวก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะคะ เพราะผังที่เค้าวางมาให้นั้น วางมุมเฉียงกับตึกสูงรอบๆโครงการเลย เริ่มจากด้านหน้าโครงการที่หันไปทางทิศตะวันตก ฝั่งตรงข้ามมีตึก Anantara Sathorn Bangkok Hotel ซึ่งสังเกตโครงการวางผังเฉียงเผื่อไม่ให้วางประชันหน้ากัน ส่วนฝั่งทางทิศเหนือจะมีโครงการ Nara 9 ซึ่งโครงการก็วางผังเฉียงเช่นกัน ไม่ต้องกลัวลูกบ้านมองเห็นกันเองโดยตรงนะ
- ทิศเหนือ : ติดกับ ศูนย์ Isuzu สูง 2 ชั้น ถัดไปเป็นโครงการ Nara 9 สูง 40 ชั้น
- ทิศตะวันออก : ติดกับ ที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ
- ทิศใต้ : ติดกับ ที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ
- ทิศตะวันตก : ติดกับ ถนนนราธิวาสฯ ฝั่งตรงข้ามมี Anantara Sathorn Bangkok Hotel
ทิศเหนือ – เรามาดูวิวจากของจริงกันมั่งดีกว่าความสูงที่ถ่ายมาให้ดู คือ ชั้นที่ 43 นะคะ รูปนี้เป็นทิศเหนือค่อนไปทางตะวันตกที่หันไปทางสาทร-สะพานตากสิน
ทิศตะวันออก – วิวนี้หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นวิวบ้านพักอาศัยในซอยสวนพลูซึ่งไม่มีตึกสูงมาบังวิวเท่าไหร่ (ถ่ายจากวิวชั้นที่ 43 หรือชั้นบนสุดของโครงการ)
ทิศใต้ – วิวนี้เป็นฝั่งที่หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือวิวพระราม 3 – บางกระเจ้านั่นเอง วิวนี้มีโอกาสน้อยที่จะมีตึกสูงมาบังวิวในระยะประชิด เพราะที่ดินติดๆกันมีซอยย่อยคั่นแปลงที่ดินอยู่ถ้าจะขึ้นตึกคงได้ไม่สูงมากนัก และถัดไปเป็น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพอีกด้วย (ถ่ายจากวิวชั้นที่ 43 หรือชั้นบนสุดของโครงการ)
ทิศตะวันตกเฉียง – เป็นวิวฝั่งถนนจันทน์ เจริญกรุง ที่ยังได้วิวโล่งๆอยู่นะคะ (ถ่ายจากวิวชั้นที่ 43 หรือชั้นบนสุดของโครงการ)
สำหรับห้องพักที่หันเฉียงๆกับ NARA 9 เราก็มีระยะห่างพอสมควรนะ ดูไม่อึดอัด และได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ (ถ่ายจากวิวชั้นที่ 43 หรือชั้นบนสุดของโครงการ)
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- BRT อาคารสงเคราะห์ – 30 ม.
- เอ็มไพร์ ทาวเวอร์ – 650 ม.
- อาคารสาทรธานี – 750 ม.
- สาทร ซิตี้ ทาวเวอร์ – 800 ม.
- ริทซ์ คาร์สตัน มหานคร – 900 ม.
- โรงแรม Ascott สาทร – 900 ม.
- อาคาร AIA สาทร – 2.4 กม.
- รพ.เซ็นต์หลุยส์ – 2.5 กม.
- โรงเรียนเซนโยเซฟคอนแวนต์ – 2.7 กม.
- โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน – 2.9 กม.
- ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ – 3.2 กม.
Knightsbridge Prime สาทร เป็นโครงการที่มีการออกแบบได้น่าสนใจ มีจุดที่พิเศษ แตกต่างจากโครงการอื่นๆในย่านนี้ คือมีห้องฝ้าเพดานสูงที่มีชั้นลอย(Loft) ที่ทางโครงการเรียกว่า Duo space ทำให้เราได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ตัวอาคารเป็นคอนโด High Rise สูง 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 726 ยูนิต และร้านค้าอีก 2 ยูนิต ภายนอกอาคารออกแบบเรียบๆ สไตล์โมเดิร์น โทนสีขาวดำ ที่ดูทันสมัยมากขึ้น ซึ่งพอเรามองไปเราจะเห็นส่วนที่เป็นชั้น Automatic Parking (2-14th) ตัดกับโซนห้องธรรมดา (15-23th ) และห้องฝ้าเพดานสูง (24-42th) ที่แยกชั้นออกจากกันชัดเจนดี ส่วน Main Facilities ยกขึ้นไปไว้ที่ชั้นดาดฟ้านะ
สำหรับผังโครงการ ทางเข้าออกมีทางเดียวอยู่ติดกับถนนนราธิวาสฯ เข้ามาจะเจอสวนหย่อมอยู่บริเวณด้านหน้า ตัวอาคารเป็นรูปตัว Z โดยการวางแบบนี้เผื่อบิดมุมเพื่อไม่ให้โดนอาคารข้างเคียงบดบังวิว ภายในอาคารฝั่งด้านหน้าที่ชั้นล่างจะมี Lobby และร้านค้า ถัดเข้าไปด้านหลังอาคารจะเป็นที่จอดรถที่มีทั้งแบบช่องจอดแบบปกติเพื่อสำรองไว้สำหรับคนที่มาจอดชั่วคราว และ Automatic parking โดยตัวลิฟต์จะยกรถขึ้นมาแล้วหาที่จอดให้เอง จอดรวมกันได้ 70% ลิฟต์โดยสารมีอยู่ 4 ตัว อัตราส่วนลิฟต์เท่ากับ 182: 1 ถือว่าหนาแน่นพอสมควร ลิฟต์ Service มี 1 ตัวค่ะ
พอขึ้นมาชั้น 2 – 14 ก็จะเป็นที่จอดรถแบบ Automatic Parking ทั้งหมด โดยที่นี่จะใช้ระบบเดียวกับ EmQuartier เลยนะ
ทางเข้า-ออกติดถนนนราธิวาสฯ มีป้อมยามและไม้กั้นกระดก ระบบ RFID เหมือน Easy Pass บนทางด่วน จะได้ไม่ต้องเปิดกระจกรถออกมาแตะบัตรให้แดดร้อนหรือเปียกฝน
ด้านข้างมีสวนหย่อม ที่โครงการเอาต้นไม้ใหญ่มาลง ซึ่งพอโตเต็มทีบรรยากาศ น่าจะร่มรื่นดีทีเดียวนะ > <
สังเกตบริเวณรั้วโครงการเป็นรั้วต้นไม้สูง ที่คนภายนอกมองไม่เห็นด้านในโครงการ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น รวมถึงบริเวณนี้โครงการจัดชุดที่นั่งในสวนมาให้ นั่งเล่นอีกด้วย
เดินมาอีกนิด เป็นที่วางศาลพระภูมิของโครงการ รวมถึงมีประตูบานเลื่อน สำหรับทางคนเดินด้วยนะ
เดินกลับมาอีกฝั่งเป็นพื้นที่ Drop off ไว้รับ-ส่งคน ที่สามารถวนออกตามลูกศรได้เลย
สำหรับใครที่จะจอดรถให้ขับวนตามลูกศรไปด้านหลังโครงการได้เลย
สำหรับทางเข้าที่จอดรถ Automatic Parking จะเข้าจากทางด้านหลัง ซึ่งกำหนดความสูงให้ไม่เกิน 2.10 เมตร ซึ่งถ้าเป็นรถ SUV อย่างยี่ห้อ Fortuner, Trailblazer เป็นต้น ก็สามารถเข้าได้สบายๆ แต่ถ้าเป็นรถที่ต่อเติมขึ้นมา แนะนำให้จอดรถรอบๆด้านล่างแทนนะคะ
สำหรับโครงการมีลิฟต์สำหรับ Automatic Parking มาให้ 4 ตัว (ฝั่งละ 2 ตัว) จะได้ไม่ต้องแย่งกันใช้งาน ช่วยประหยัดเวลาได้ระดับนึง
ระบบ Smart Park Robot ที่มีตัว Robot เอารถไปจอดให้เรียบร้อยนะ
ส่วนเวลาเราออกประตูอีกฝั่งจะเปิดค่ะ
สำหรับทางเดินรถโครงการจะเป็นแบบ One Way นะ
กลับมาที่ทางเข้า Lobby กันอีกครั้ง คราวนี้เราลองเข้าไปดูด้านในกันว่าจะเป็นยังไง
เข้ามาในอาคารที่ชั้นล่างจะมี Lobby ที่ตกแต่งด้วยพื้นลายหินอ่อน ผสมผสานสี Rose Gold ที่ทำให้บรรยากาศดู Luxury มากขึ้น
ภายใน Lobby ได้ความสูงแบบ Double Volume + ที่เปิดรับวิวสวนภายนอกได้ พร้อมเลือกชุดโซฟาที่เป็นเอกลักษณ์ สวยงามดี
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับนั่งรอรถแยกมาให้ด้วย ซึ่งบริเวณนี้จะมีหน้าจอบอกลำดับคิวที่รถจะลงมาจอด ซึ่งโครงการบอกว่า 1 คันใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที ถ้าใครได้ลองใช้แล้ว มาเล่าให้ฟังได้นะ > <
สำหรับโถงลิฟต์ขึ้นไปห้องพักอาศัย เราสามารถเลือกใช้ Key Card Access และ Finger Scan ก็ได้นะ
สำหรับโครงการนี้เริ่มที่ชั้น 15 ขึ้นไป ซึ่งทำให้ตัวห้องพักไม่โดนบังวิวในระยะประชิดเลยนะ โดยชั้นที่ 15 – 23 เป็นห้องแบบปกติ ฝ้าเพดานสูง 2.6 ม. หรือโครงการเรียกว่าห้องแบบ Monoplex โดยมีจำนวนยูนิตสูงสูด 26 ยูนิต ที่ค่อนข้างเยอะทีเดียว ซึ่งโถงลิฟต์จะอยู่แกนกลาง ทำให้ห้องริมอาคารอาจจะเดินไกลสักหน่อย แต่ไม่ใช้ตำแหน่งที่แย่นะ เพราะห้องริมอาคารจะได้ Single Corridor ที่ได้ความเป็นส่วนตัวดีทีเดียว แถมมองเห็นวิวอีกฝั่งได้ด้วยนะ / สำหรับชั้นที่ 15 จะมีสวนหย่อมเพิ่มขึ้นมา พร้อมที่นั่งแบบ Outdoor ไว้นั่งเล่นได้อีกด้วย ไปดูบรรยากาศกันค่ะ
ภายในโถงลิฟต์มีสี Rose Gold ตัด พร้อมเล่นไฟสวยงามดี โดยโครงการจัดลิฟต์มาให้ 4 ตัว อัตราส่วนประมาณ 182 : 1 ที่ค่อนข้างเยอะทีเดียว
สำหรับชั้นที่ 15 มีประตูกั้นแยกระหว่างห้องพักอาศัย กับ Facilities มาให้
สำหรับสวนหย่อมชั้นนี้ บรรยากาศร่มรื่น เนื่องจากมีอาคารช่วงบังแดดให้บางส่วน ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งวันเลยค่ะ
มองขึ้นไปเห็นห้องพักอาศัยของโครงการ ดูเป็นระเบียบ เรียบร้อยดีนะคะ
ส่วน Main Facilities ยกไปไว้ที่ชั้น 43 หรือชั้นบนสุด ซึ่งให้ Facilities มาจัดเต็มทีเดียว มีฟังก์ชันหลากหลาย เหมาะกับคนที่ lifestyle แตกต่างกัน โดยมีทั้งสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Sauna & Steam, Game Room, Sky Lounge และ Sky Garden ข้อดีของ Facilities ที่อยู่ชั้นบนสุด คือ เราสามารถเห็นวิวมุมสูงของโครงการได้ แม้จะไม่ได้อยู่ชั้นสูงๆมากนัก รวมถึงชั้นดาดฟ้าของโครงการจะอยู่สูงกว่าอาคารอื่นในละแวกด้วยนะ ทำให้ได้วิวโล่งทีเดียวค่ะ > <
ออกจากโถงลิฟต์มาเจอห้อง Sky Lounge แบบ Indoor กันค่ะ
เข้ามาภายในจะได้ความสูงแบบ Double Volume พร้อมทางเดินขึ้นชั้นลอย ซึ่งเป็นพื้นที่ฟิตเนสค่ะ
สำหรับห้องนี้จะได้หน้าต่างสูง ทำให้ได้รับแสงและวิวได้เต็มที่ พร้อมที่นั่งโซฟาหลากหลายชุด ให้ได้เลือกใช้กันได้สบายๆ
นอกจากนี้ยังมีทางเดินเชื่อมไปอีกห้อง Game Room ด้วยนะ ซึ่งระหว่างทางไปมีพื้นที่ห้องน้ำ แยกชาย-หญิงมาให้ พร้อมทั้งวางตู้ Locker มาให้เก็บของได้ด้วยนะ
กลับมาที่ด้านหน้า เราจะขึ้นบันไดไปดูบรรยากาศห้องฟิตเนสที่ชั้นลอยกันค่ะ
ภายในห้องฟิตเนสมีทั้งเครื่องคาดิโอ (Cardio) ที่จะเน้นการเบิร์นเพื่อเผาผลาญไขมัน และเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) สำหรับคนที่อยากจะเพิ่มกล้ามเนื้อ
โดยตรงนี้จะล้อมรอบด้วยกระจก ที่มองเห็นสระว่ายน้ำของโครงการ และวิวภายนอกรอบๆได้
ด้านข้างมีประตูเดินออกไปสวนหย่อม หรือ Sky Garden ด้วยนะ
บริเวณ Sky Garden มีต้นไม้เหลืองปรีดียาธร ซึ่งถ้าโตเต็มทีน่าจะร่มรื่นดีทีเดียว ซึ่งตรงนี้ยังจะที่นั่งเล่นแบบ Outdoor มาให้ด้วยนะ
เดินออกมาด้านนอก มีห้อง Club Zone ไปดูบรรยากาศภายในกันค่ะ
ภายในมีโซฟาขนาดใหญ่ ไว้จัดปาร์ตี้เล็กๆ + มีโต๊ะสนุ๊กเกอร์มาไว้ให้บริการด้วยนะ
ซึ่งตรงนี้จะได้กระจกใหญ่เต็มพื้นที่เช่นกัน ถัดเข้าไปมีห้อง Multi-purpose อีก 1 จุด พร้อมทางเดินเชื่อมไป Sky Lounge ได้ด้วยนะ
ความพิเศษของห้องนี้ คือ ไฟ Downlight ทำเป็นจุดๆ ให้ Feel เหมือนดวงดาวระยิบระยับ แปลกตาดีนะ
เดินกลับมาที่ทางเดิน มีทางเดินรอบๆสระด้วย ที่พื้นปูหญ้าเทียมมาให้เรียบร้อย เวลาเดินด้วยเท้าเปล่า จะได้สัมผัสที่นุ่มเท้าดีนะ
ซึ่งพื้นที่หันออกด้านหน้าโครงการ (ฝั่งทิศตะวันตก) โดยพื้นบริเวณนี้จะยื่นออกไปเล็กน้อย ทำให้ได้กระจกเข้ามุม 2 ฝั่ง เวลาเรามองวิวจะเห็นแบบ 180 องศา เลยนะ
ทางเดินบริเวณนี้จะอยู่ต่ำกว่าสระว่ายน้ำ ซึ่งคนที่ว่ายน้ำจะมองไม่เห็นคนใช้งาน ทำให้มองวิวได้เต็มที่ ไม่ต้องบังวิวกันเอง แต่ก็มีบันไดบางส่วนที่ขึ้นมามองเห็นคนว่ายน้ำได้นะ
กลับมาที่โถงทางเดิน เราจะพาไปดูพื้นที่สระว่ายน้ำกันค่ะ
Heading ของอาคาร ทำเป็นกระจกสะท้อน ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ดูกว้างมากยิ่งขึ้น / สระว่ายน้ำระบบเกลือ Infinity Edge ยาว 35 เมตร กว้าง 8 เมตร ที่เราสามารถว่ายน้ำจริงจังได้สบายๆเลย
บริเวณสระว่ายน้ำมี Jacuzzi มาให้ด้วยนะ
โครงการจัดที่นั่งแบบ Day Bed มาให้นอนอาบแดดได้
ซึ่งวิวของสระว่ายน้ำ เราจะมองเห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา + บางกระเจ้าด้วยนะ
เราพาเดินลงไปดูบรรยากาศจุดอื่นกันต่อค่ะ
บริเวณใต้บันไดมีพื้นที่ล้างตัวก่อนลงสระน้ำ โดยมีฝักบัว 2 ฝั่งเลย แบ่งการใช้งานได้ โดยได้ฝักบัวแบบ Rain Shower & Hand Shower ที่ใช้งานง่ายค่ะ
เดินขึ้นบันไดมามีพื้นที่สวนหย่อมเล็กๆนั่งเล่น และลานโล่งๆ ที่สามารถมาจัดกิจกรรมแบบ Outdoor ได้
โครงการแยกห้องน้ำชาย-หญิงเรียบร้อย ซึ่งภายในห้องน้ำชายจะมี Sauna และห้องน้ำหญิงจะมี Steam (อบไอน้ำ) มาให้ค่ะ
ภายในห้องน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก มีอ่างล้างหน้า + โถสุขภัณฑ์ + พื้นที่อาบน้ำ มาให้เป็นมาตรฐาน ส่วนห้อง Steam เหมาะใช้งาน 3-4 คนกำลังดีนะ
ส่วนห้องน้ำชายมีห้อง Sauna มาให้ ใช้งานประมาณ 3-4 คนกำลังดีค่ะ
สำหรับห้องพักอาศัยแบบ Duo Space หรือห้องแบบ Loft อยู่ที่ชั้น 24-42 ซึ่งได้ฝ้าเพดานสูง 4.4 ม. โดยมีแบบห้องให้เลือก 3 แบบ ซึ่งตำแหน่งๆจะเหมือนกับชั้นปกติค่ะ ที่น่าสนใจคือห้องตำแหน่งปีกด้านล่าง(ใกล้กับลิฟต์โดยสาร) ตรงนี้จะมีจำนวนยูนิตไม่เยอะมาก ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนการวางผังรวมๆ ต้องบอกว่าทำออกมาได้ดีเลย เพราะมีการบิดหลบมุมตึกข้างเคียงทำให้วิว ที่เป็นวิวเปิดโล่งไม่มีอะไรมาบดบังค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้นที่ 1
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ร้านค้า 2 ยูนิต
- Lobby
- Mailbox
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- Therapy Pool
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ 1 สระ ขนาด 35 x 8 เมตร ลึก 1.1 เมตร
- Game room
- Fitness Mezzanine
- Sky Terrace
- Yoga Room
- Steam & Sauna room
- Metropolitan Club
โครงการ KnightsBridge Prime สาทร มีให้เลือกทั้งแบบ Monoplex และ Duo Space (Loft) ซึ่งเหมาะกับอยู่อาศัย 1-2 คน หรือครอบครัวขนาดเล็ก สำหรับห้องตัวอย่างเรามีมาให้ดูทั้ง 2 แบบเลยนะคะ ซึ่งโครงการขายแบบ Fully Fitted คือให้เฟอร์นิเจอร์มาบางส่วน เช่น เคาน์เตอร์ครัว Hob&Hood, วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำ, เครื่องปรับอากาศ และ Digital Door Lock เป็นมาตรฐานค่ะ
ก่อนเข้าไปชมตัวห้องขอแทรกความรู้นิดนึงนะคะ การออกแบบห้องที่เป็น Double Space ในคอนโดที่นิยมกันส่วนใหญ่จะมีอยู่ 2 แบบคือห้อง Loft และห้อง Duplex ดูผิวเผินอาจจะเหมือนๆกันแต่มันมีความแตกต่างกันตรงที่
ห้อง Loft – เป็นห้องฝ้าเพดานสูง ที่มีชั้นลอยด้านบน ซึ่งชั้นลอยนี้นับเป็นเฟอร์นิเจอร์ และไม่มีเขียนอยู่ในโฉนดนะ ส่วนประตูทางเข้า-ออกมีทางเดียว ซึ่งก็คือแบบห้อง Duo Space ของโครงการนั้นเอง
ห้อง Duplex – ส่วนห้อง Duplex ที่แท้จริงนั้นคือห้องที่ชั้นล่างและชั้นบนอยู่คนละชั้นกัน และมีประตูทางออกทั้งสองชั้น (ตามกฎหมาย) และคิดพื้นที่ขายทั้งสองชั้นค่ะ
**ถึงแม้ว่าห้อง Loft นั้นจะระบุพื้นที่แค่ชั้นล่าง แต่ส่วนใหญ่มักจะมีการบวกราคาเพิ่มเข้าไป ซึ่งเวลาเลือกห้องลักษณะนี้เราจะต้องพิจารณาทั้ง “ราคา/ตร.ม.ตามโฉนด” และ “ราคา/ตร.ม.พื้นที่ใช้สอย” ด้วยนะคะ
แปลน Duo Space ขนาด 30.5 ตร.ม.(พื้นที่ตามโฉนด) + ชั้นลอย 13.5 ตร.ม. (เฟอร์นิเจอร์) พื้นที่รวม 44 ตร.ม. ลักษณะห้องหน้ากว้าง 5 ม. พร้อมฝ้าเพดานสูง 4.4 ม. ที่ทำให้ภายในดูโล่ง และแสงส่องถึงทุกฟังก์ชันได้เต็มที่
เริ่มจากเปิดประตูเข้ามาเจอพื้นที่ห้องครัวเปิด ที่ไม่เหมาะทำอาหารจริงจังมากนัก เพราะตรงนี้เราไม่สามารถกั้นพื้นที่ในอนาคตได้ด้วย ซึ่งกลิ่นอาจจะลอยไปติดเฟอร์นิเจอร์ต่างๆได้ง่าย ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่อยู่ริมอาคาร ที่สามารถมองวิวไปด้วยได้ แถมพื้นที่เป็น Double Space ที่ดูไม่อึดอัด นอกจากนี้ยังมีห้องอเนกประสงค์ขนาด 2.35 x 2 ม. มาให้ด้วย ซึ่งสามารถว่างเตียง 3.5 ฟุตได้พอดีๆนะ
ถัดขึ้นไปชั้น 2 เป็นพื้นที่ห้องนอน ได้พื้นที่ค่อนข้างใหญ่ วางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายๆ แถมมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า + โต๊ะเครื่องแป้งได้อีกด้วย โดยราวกันตกของที่นี่จะเป็นระเบียง ที่เวลาเปิดใช้แอร์ อาจจะทำให้เปลืองค่าไฟขึ้นนะ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ที่ชั้นล่าง ทำให้เดินไกลหน่อย และใช้งานไม่ค่อยสะดวกมากนัก แต่ก็แลกกับความเป็นส่วนตัว ที่แขกไม่ต้องขึ้นไปที่ชั้นลอยค่ะ
ประตูทางเข้าห้องพักได้ประตูเป็นบานทึบลายไม้ + ตาแมว ไว้ส่องคนที่มาหาได้
ทางโครงการติดตั้ง Digital Door lock ของ Samsung มาให้ เป็นลักษณะมือจับเป็นแบบก้านโยก หน้าตาแบบนี้เลยนะ ที่สามารถใช้ได้ทั้ง Key Card, Password และ กุญแจ
เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวเปิดก่อน ถัดเข้าไปเป็นส่วน Common Area อยู่ติดริมอาคาร พร้อมหน้าต่างขนาดใหญ่ ทำให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในครัวได้เต็มที
หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์ มีพื้นที่ใช้งาน 1.42 ม. เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 30 x 60 cm. ที่เช็คทำความสะอาดได้ ถัดเข้าไปส่วนอื่นๆจะเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 12 มม. ที่เก็บงานรอบต่อด้วยคิ้วไม้ตามภาพ
เคาน์เตอร์ครัวยาวประมาณ 1.6 เมตรเหมาะกับการใช้งาน 1 -2 คน หน้าบานปิดผิวด้วยเมลามีนสีขาว Top เป็นหินสังเคราะห์สีขาว มีช่องเอาไว้ใส่ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้าได้
ด้านบนเคาน์เตอร์ แบ่งเป็นช่องๆมาให้เรียบร้อย ภายในติดตั้งชั้นวางของมาให้วางของได้ด้วย พร้อมติดตั้ง Soft Close มาให้เรียบร้อย ป้องกันการกระแทกได้ดี
Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ + Backsplash เป็นกระจกเงา ที่ทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น
อ่างล้างจานยี่ห้อ MEX ขนาด 35 x 38 ซม. เป็นแบบฝั่งลงไปในเคาน์เตอร์ เวลาใช้งานจริงเราสามารถกวาดเศษอาหารต่างๆลงอ่างได้เลย ไม่ต้องสะดุดกับขอบอ่าง + ก๊อกน้ำทรงสูง ใช้งานง่าย ส่วนชุดเตาไฟฟ้าได้เป็นแบบ 2 หัว พร้อม Hob & Hood ยี่ห้อ MEX แบบหมุนเวียนออกนอกอาคาร
ด้านล่างเคาน์เตอร์ มีช่องวางเครื่องซักผ้ามาให้ วางเครื่องขนาด 8 Kg. กำลังดี พร้อมช่องเก็บของใต้อ่างล้างจาน ไว้เก็บของชิ้นใหญ่ๆได้นะคะ
ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ มีช่องสำหรับใส่ตู้เย็น และบันไดขึ้นชั้น 2 ซึ่งของจริงเราจะได้เป็นช่องเปล่าๆ ที่เราสามารถ Built-in ชั้นวางของด้านบนเพิ่มได้นะ
บริเวณบันไดมีช่องว่างให้เก็บรองเท้าได้ด้วย แต่แนะนำให้ใส่ไว้ในกล่องอีกชั้นนึงนะ เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นรองเท้าฟุ้งภายในห้องค่ะ / บันไดกว้าง 75 ซม. เดินสวนกัน 2 คนจะเบียดๆหน่อยๆ พร้อมลูกตั้ง 18 ซม. ที่เดินได้สบายๆ และลูกนอน 24 ซม. ที่วางได้เต็มเท้านะ
มุมมองย้อนกลับไปบริเวณห้องครัวจะไม่สามารถทำเป็นครัวปิดได้นะ ลักษณะครัวแบบนี้เหมาะกับคนที่ไม่เน้นทำอาหารจริงจัง ชอบซื้อกับข้าวมาทานมากกว่า หรือทำอาหารที่ไม่มีกลิ่นแรงมากนัก
ข้างๆเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งภายในห้องตกแต่งด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้โทนสีอ่อน ซึ่งช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น ด้านบนโถติดตั้งพัดลมดูดอากาศ แยกพื้นที่ส่วนเปียก-แห้ง แต่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ซึ่งเราก็สามารถหามาติดตั้งเองได้
อ่างล้างหน้ายี่ห้อ Mogen เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ขนาด 43 x 32 ม. ส่วนด้านล่างมีตู้สามารถเก็บของเล็กๆน้อยๆได้
โถสุขภัณฑ์ของ Mogen เช่นกัน เป็นแบบฝั่งผนัง ซึ่งข้อดีคือเราสามารถทำความสะอาดด้านใต้อ่างได้ ด้านหลังก่อผนังเพื่อเดินงานระบบต่างๆ จึงทำให้พื้นที่ด้านบนสามารถใช้วางของได้ตลอดทั้งแนว
พื้นที่อาบน้ำขนาด 1.17 x 0.70 ม. ที่ยกขอบธรณีขึ้นมาประมาณ 7 ซม. เพื่อกันน้ำกระเด็นมาโดนส่วนแห้งเวลาเราอาบน้ำ แต่ก็กั้นได้ไม่มาก แนะนำติดตั้งฉากกั้นเพิ่มด้วยนะ
พื้นที่อาบน้ำมีการก่อผนังยื่นออกมาทำให้กลายเป็นที่วางของได้ ส่วนฝักบัวแบบ Hand Shower ยี่ห้อ Mogen ขนาดกำลังพอดี หยิบจับใช้งานได้สะดวก
ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นติดริมอาคาร โซนนี้ก็เป็นฝ้าเพดานสูง 4.4 ม. และได้หน้าต่างบานใหญ่ ทำให้บรรยากาศจะโปร่ง โล่ง ดูใหญ่กว่าคอนโดห้อง 30 ตร.ม. ทั่วไป
นอกจากนี้ด้านข้างโซฟามีพื้นที่เหลือ วางโต๊ะทานข้าวสำหรับ 2 ที่นั่งได้กำลังดี
ของจริงจะได้เป็นห้องเปล่านะ โดยหลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้ว มีระยะดูทีวีประมาณ 2.30 ม. ที่เหมาะวางทีวีขนาด 40″-42″ กำลังดีกับสายตา ส่วนโซฟาวางขนาด 3-4 ที่นั่งได้
หน้าต่างสูง ที่ด้านล่างทำเป็นผนังทึบ ทำให้เราสามารถ Built-in ตู้เพิ่ม หรือวาง Window Seat ในอนาคตก็ได้นะ ซึ่งบริเวณนี้ตีเป็นขอบอะลูมิเนียมสีดำตัดกันเป็น 9 ช่อง + กระจกแบบ Euro Grey ที่ป้องกัน UV ได้ระดับนึง ดูแล้วทันสมัยดีนะ
แหงนหน้าขึ้นไป เป็นพื้นที่ชั้นลอย ซึ่งจะมองไม่เห็นภายในห้องมากนัก ซึ่งเวลามีแขกมาบ้าน เราก็ยังได้ความเป็นส่วนตัวอยู่นะ / ฝ้าเพดานของจริงเป็นฉาบเรียบทาสีขาว + ติดไฟ Downlight ให้มาเป็นมาตราฐานนะ
ด้านข้างชุดวางทีวี มีพื้นที่เข้าไปพื้นที่อเนกประสงค์
พื้นที่ห้องอเนกประสงค์ขนาดประมาณ 2.35 x 2.00 ม. โดยเป็นพื้นที่ใต้ชั้นลอย ฝ้าเพดานจึงมีความสูงประมาณ 2.15 ม. สามารถใช้เป็นห้องทำงาน หรือวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตก็ได้ แบบพอดีๆเลย
บริเวณนี้จะติดกับพื้นที่ระเบียง ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อน 2 ตอน + กระจก Euro Grey ที่ช่วยป้องกันแสง UV ได้ระดับ
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 2.00 x 1.00 ม. พอที่จะออกมาใช้สอยและสูดอากาศได้ โดยไม่ต้องเสียพื้นที่ให้เครื่องซักผ้าเพราะไปอยู่บริเวณครัวแล้ว ซึ่งตรงนี้จะปูพื้นกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม. มาให้ พร้อมราวกันตกสูงประมาณ 1.20 ม.
Condensing Unit ของแอร์จะแขวนอยู่ด้านบนบริเวณส่วนของชั้นลอยเรียงกันลงมาแบบนี้ เนื่องจากตำแหน่งที่แขวนอยู่สูงกว่าระดับที่เราเดินผ่านจึงไม่ได้ผลกระทบจากไอร้อนของแอร์เท่าไหร่นัก
ติดตั้งไฟที่ผนังด้านข้าง + มีช่องระบายกลิ่น ที่ดูดมาจากห้องครัวด้วยนะ
สำหรับบันไดทางขึ้นชั้น 2 มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด จึงต้องวางบันได้เป็นรูปตัว U ทำให้มีขั้นบันไดแบบ 3 เหลี่ยมแบบนี้ เวลาเดินก็ต้องระวังกันด้วยนะ
พื้นที่ชั้นลอยมีขนาดประมาณ 5.05 x 2.55 ม. สามารถวางตู้เสื้อผ้า + โต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้ง + วางเตียง King Size ได้สบายๆเลย คิดอยู่กับการจัดพื้นที่ ซึ่งของจริงตรงนี้จะได้เป็นห้องเปล่าๆ พร้อมผนังฉาบเรียบสีขาวนะ / บริเวณฝ้าเพดานสูง 2.10 ม.
โดยมีระยะหน้าตู้กว้างยืนใช้งานได้สบายๆ
ในห้องตัวอย่างเป็นเตียง ขนาด 5 ฟุต แต่ถ้าใครชอบเตียงใหญ่ๆ จะวางเป็นเตียง King Size ก็ได้นะ โดยหลังจากวางเตียงแล้วมีพื้นที่เหลือเดินได้พอดี อย่างพื้นที่ปลายเตียงเหลือ 40 ซม. ที่เดินใช้งานได้กำลังดีนะ
ผนังข้างเตียงเป็นหน้าต่างบานเลื่อน ที่เราสามารถระบายอากาศภายในได้ดี เวลาใช้งานจริงเราอาจจะได้รับไอร้อนจาก Condensing Unit นะ
ชั้นลอยตรงนี้จะมีราวกันตกมาให้ แต่ถ้าใครต้องการเป็นส่วนตัวแนะนำ ให้ติดผ้าม่านเพิ่ม เพื่อช่วยจำกัดพื้นที่ในการเปิดแอร์ได้
จากชั้นลอยเราจะมองลงเป็นเห็นพื้นที่ Common Area ชั้นล่างได้
สวิตช์ไฟยี่ห้อ SIEMENS สีเงิน ได้หน้าตาแบบนี้เลยนะคะ
อีกห้องที่จะพาไปชมคือห้อง Monoplex 24 ตร.ม. ที่ขนาดห้องเล็กสุดของโครงการ ที่ทาง Origin จัดออกมาได้ดีนะ เปิดเข้ามาเป็นพื้นที่ครัวเปิด ที่เคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว I ยาวพร้อมวางโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่งได้กำลังดี ส่วนฝั่งตรงข้าม Built-in ตู้รองเท้ามาให้เรียบร้อย ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นอยู่ริมอาคาร + ติดระเบียง ที่ใช้งานค่อนข้างง่าย ส่วนอีกฝั่งเป็นห้องนอน ที่วางเตียงขนาด 5 ฟุต ได้กำลังดี + มีห้องน้ำในตัว เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยพาเพื่อนมาบ้านนะ
เมื่อเข้าห้องมาจะพบกับครัวและพื้นที่นั่งทานข้าวก่อน ถัดเข้าไปเป็นห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับพื้นที่ระเบียง ฝ้าเพดานของห้องนี้สูง 2.6 ม.
พื้นห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 12 มม. ที่ทนทานต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วนได้ดี แต่จะไม่ทนความชื้น เวลาใช้งานต้องระวังน้ำหกลงไป แล้วอาจจะทำให้พื้นบวมได้ โดยหลังจากวางเฟอร์ฯ แล้วมีระยะใช้งานกว้างถึง 1.76 ม. ที่ใช้ 1-2 คนพร้อมกันได้
ชุดครัว Built-in ได้ความสูงเต็มผนังแบบนี้เลยนะ ซึ่งจะได้ความสูงมากกว่าห้องที่แล้วนะ
ตู้เก็บของด้านบนมีหลากหลายช่อง ให้เลือกวางอุปกรณ์ครัวได้ตามใจชอบ โดยตู้นี้จะมีความสูงถึงฝ้าเพดาน เวลาใช้งานจริงสาวๆอาจจะต้องใช้เก้าอี้ช่วยหน่อยนะ
Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ + Backsplash กระจกสีชา ที่เช็ดทำความสะอาดง่าย พร้อมติดตั้งราวแขวนยาวมาให้ สำหรับวางของเพิ่มเติมได้นะ
ชุดครัวด้านล่างมีช่องวางเครื่องซักผ้ามาให้ ส่วนใต้อ่างล้างจานก็เก็บของชิ้นใหญ่ได้
ฝั่งตรงข้าม Built-in ตู้เก็บของเพิ่มเติมมาให้
โดยชั้นล่างเป็นชั้นวางรองเท้า ตรงกลางมีช่องว่างสำหรับวางไมโครเวฟ ส่วนตู้บนแบ่งออกเป็นช่องๆเอาไว้เก็บของใช้เล็กๆน้อยๆได้
ซึ่งถ้าใครชอบทำอาหารจริงจัง แนะนำให้ติดตั้งประตูบานเลื่อนเพิ่มเองได้ แต่จะต้องเอาโต๊ะทานข้าวออก แล้วย้ายไปกินข้าวที่หน้าทีวีแทนค่ะ
ถัดเข้าไปเป็นห้องนั่งเล่นอยู่ติดกับระเบียง ที่เราสามารถเปิดรับลมได้ โดยพื้นที่ตรงนี้ขนาดไม่ใหญ่มาก เหมาะวางโซฟาแบบ Love Seat กำลังดีนะคะ
หลังวางเฟอร์นิเจอร์ มีระยะทีวีกว้างประมาณ 1.90 ม. ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ประมาณ 46″- 50″ กำลังดี แถมเหลือพอวางโต๊ะกลางเล็กๆได้อีกด้วย
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว + ติดตั้งไฟ Downlight มาให้เรียบร้อย
ระเบียงกั้นด้วยประตูบานเลื่อน 2 ตอน + กระจก Euro Grey ที่ช่วยป้องกันแสง UV ได้ระดับ ซึ่งจะได้สูงไม่เต็มผนัง โดยจะเว้นระยะด้านบนไว้วาง Condensing Unit เพื่อไม่ให้บดบังสายตาในการมองวิวค่ะ
ระเบียงมีขนาดประมาณ 2.50 x 0.70 ม. ที่เอาผ้าออกมาตากได้สบายๆเลย
สังเกตเวลามองวิวออกไปด้านนอก เราจะไม่เห็นห้องพักภายในโครงการกันเอง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
มาดูส่วน Private กันต่อ บริเวณห้องนอนวางเตียง 5 ฟุต ได้กำลังดี จะได้มีพื้นที่เหลือวางตู้เสื้อผ้าได้ด้วย ซึ่งของจริงห้องนี้จะได้เป็นห้องเปล่าๆ เราสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามใจชอบนะ
หลังจากวางเฟอร์ฯแล้ว มีพื้นที่ปลายเตียงประมาณ 30 ซม. ที่เดินปกติก็ค่อนข้างแคบอยู่แล้ว ไม่แนะนำให้ติดตั้งทีวีเพิ่มนะคะ
ส่วนฝั่งริมหน้าต่างเหลือพื้นที่ประมาณ 65 ซม. ที่วางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้
หน้าต่างมีบานกระทุ้งมาให้ ช่วยระบายอากาศภายในห้องได้ดียิ่งขึ้น
อีกฝั่งหนึ่งเป็นทางเข้าห้องน้ำค่ะ ซึ่งบริเวณหน้าห้องน้ำเหมาะวางตู้เสื้อผ้า ที่เวลาอาบน้ำเสร็จ เราก็เดินออกมาแต่งตัวได้เลย
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว + ติดตั้งไฟ Downlight มาให้เรียบร้อย
ห้องน้ำแยกส่วนแห้ง-เปียกมาให้ชัดเจน แต่โครงการไม่มีฉากกั้นมาให้นะ
อ่างล้างหน้าและสุขภัณฑ์เป็นของ Mogen เหมือนกับห้องที่แล้วเลยค่ะ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 87 x 80 ซม. ที่ยืนใช้งานได้พอดี พร้อมขอบสูง 7 ซม. ป้องกันน้ำไหลออก ภายในมีจุดระบายน้ำอยู่ที่มุม
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว + ติดตั้งเครื่องดูดอากาศมาให้เรียบร้อย
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 4 December 2019
- Monoplex 24 ตร.ม. ราคา 3.8 – 4.3 ล้านบาท หรือประมาณ 158,000 – 179,000 บาท/ตร.ม.
- Monoplex 30 ตร.ม. ราคา 4.8 – 5.3 ล้านบาท หรือประมาณ 160,000 – 176,000 บาท/ตร.ม.
- Duo Space 25.5 ตร.ม. ราคา 5.4 – 6.3 ล้านบาท หรือประมาณ **146,000 – 170,000 บาท/ตร.ม. (ชั้นลอย-เฟอร์นิเจอร์ 11.5 ตร.ม. พื้นที่รวม 37 ตร.ม.)
- Duo Space 30.5 ตร.ม. ราคา 6.3 – 7.2 ล้านบาท หรือประมาณ **143,000 – 163,000 บาท/ตร.ม. (ชั้นลอย-เฟอร์นิเจอร์ 13.5 ตร.ม. พื้นที่รวม 44 ตร.ม.)
**ราคาเฉลี่ยคิดตามพื้นที่ใช้สอยรวมทั้งหมด
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง (Monoplex) 2.6 เมตร
- ฝ้าเพดานสูง (Duo Space) 4.4 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
- จอง 30,000 บาท
- ทำสัญญา 30,000 บาท
- ค่ากองทุน 800 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล : โครงการ KnightsBridge Prime สาทร เป็นโครงการที่มีจุดเด่นอยู่หลายจุด เริ่มจากทำเลตั้งอยู่บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ทำเลนี้เรียกได้ว่าเป็นย่านธุรกิจอย่างเต็มตัว เป็นแหล่งรวมของอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ชื่อดังเช่น Empire Tower , Sathorn square และมีอาคารที่เป็น Landmark ของกรุงเทพฯอย่าง MahanaNaKhon รวมถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบครันทั้ง ห้างสรรพสินค้า วิลล่า ธนาคารใหญ่ๆ และร้านอาหารอร่อยๆมากมาย สิ่งอุปโภคบริโภค ความอุดมสมบูรณ์ วันธรรมดาหาของกินไม่ยาก เพราะแถวนี้มีออฟฟิศ มีสำนักงานเยอะ แถวๆสี่แยก, ซอย 5, ซอย 7 มีหมด ถัดไปแถวๆรถไฟฟ้าช่องนนทรี หรือเข้าไปซอยละลายทรัพย์ก็มีอีก ในซอยสวนพลูก็มี ตามใต้ตึกออฟฟิศพวกนี้ก็ยังมีพวกร้านกาแฟ มี Starbucks ฯลฯ แต่ถ้าเสาร์-อาทิตย์จะหายากหน่อยแต่ความจริงด้วยทำเลที่อยู่ในเมือง จะขับรถไปสยามพารากอน หรือเซ็นทรัลเวิร์ล ก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร แล้วก็มีสวนลุมพินีอยู่ไม่ไกลด้วยนะ
การเดินทางโดยใช้รถ : โครงการตั้งอยู่บนนราธิวาสฯฝั่งขาออก ซึ่งมีข้อดีคือรถจะไม่ติดเท่าฝั่งขาเข้า และฝั่งนี้จะมีซอยลัดไปทะลุซอยสวนพลูไปออกเย็นอากาศ-พระราม4ได้ ทำให้สามารถหลีกหนีรถติดในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ หรือออกไปหาอะไรทานตามซอยย่อยต่างๆได้ โดยทางโครงการก็จัดที่จอดรถแบบ Auto parking เอาไว้รองรับคนใช้รถ 70% ถือว่าสะดวกพอสมควรค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : โครงการใกล้ BRT อาคารสงเคราะห์เพียง 30 ม. ที่นั่งไป 1 สถานีก็ถึงแยกสาทร-นราธิวาสแล้ว โดยเสียค่าโดยสารประมาณ 12 บาท หรือถ้าใครชอบออกกำลังกายหน่อยก็สามารถเดินไปแยกแยกสาทร – นราธิวาส (ที่เชื่อมไป BTS ช่องนนทรี) ประมาณ 600 ม. เป็นระยะที่เดินพอเหงื่อออกนิดหน่อย แต่ถ้าใครขี้เกียจเดิน จะโบกพี่วินไปก็เพียง 30 บาทเอง รวมถึงโครงการติดถนนนราธิวาสฯ ที่เรียกรถสาธารณะต่างๆได้ง่าย ทั้ง Taxi และรถประจำค่ะ
การออกแบบอาคาร : การออกแบบ โครงการนี้มีการออกแบบที่น่าสนใจตั้งแต่การออกแบบบิดมุมตัวอาคารเป็นรูปตัว Z เพื่อไม่ให้โดนบังวิวโดยอาคารสูงข้างเคียง ซึ่งถือว่าวิวเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเลือกที่อยู่อาศัยมากๆ อีกอย่างคือห้องพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 15 จะพ้นระยะที่อยู่อาศัยแนวราบโดยรอบไปแล้ว ซึ่งทำให้ห้องพักทุกห้องได้วิวโล่ง ไม่มีอะไรบังในระยะประชิด แถมห้องไม่หันหน้าชนกันเอง และมีวิวให้เลือกถึง 4 ทิศทาง ที่ได้บรรยากาศแตกต่างกัน ส่วนตัวอาคารออกแบบมาในสไตล์ Modern เรียบๆ เน้นโทนสีขาว-ดำ ที่ดูวัยรุ่นมากขึ้นแถมมีการแบ่งโซนออกจากกันชัดเจน ทำให้ใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งมีพื้นที่สีเขียวกระจายรอบโครงการ ทำให้บรรยากาศภายในดูร่มรื่นมากขึ้น
การออกแบบห้อง : โครงการทำ Product มาให้คนระดับปานกลางหยิบจับได้ อย่างห้องเริ่มต้น 24 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.8 ลบ. ที่แม้จะขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็จัดพื้นที่ออกมาได้เป็นสัดส่วนดี ห้องครัวเปิดเราก็สามารถกั้นเป็นครัวปิด ที่สามารถทำอาหารจริงจังได้ ส่วนห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตได้ แต่เหลือระยะปลายเตียงไม่มาก ไม่แนะนำให้ติดทีวีที่ปลายเตียง เพราะเวลาเดินจะต้องเอียงตัว เดินไม่สะดวกค่ะ
ส่วนห้อง Duo Space หรือที่เราเรียกกว่าห้อง Loft ที่โครงการในละแวกไม่มีนะ ซึ่งข้อดีคือได้ฝ้าเพดานสูง 4.4 ม. ทำให้ภายในห้องดูโปร่งโล่งกว่าห้องธรรมดา การวางผังภายในห้องค่อนข้างลงตัว ติดตรงที่ได้พื้นที่ครัวเปิด ที่ไม่เหมาะทำอาหารจริงจัง แถมกั้นเพิ่มในอนาคตไม่ได้ + ชั้นลอยที่เป็นแบบเปิดเช่นกัน ซึ่งเอาเข้าจริงๆเราอาจจะเสียความเป็นส่วนตัวเล็กน้อย + เปลืองแอร์อีกด้วยนะ
วัสดุ : โครงการขายแบบ Fully Fitted ทุกอย่างจัดดป็นมาตรฐาน Built-in ชุดครัวมาให้ พร้อมอ่างล่างจ้าน และ Hob & Hood ยี่ห้อ MEX ประตูติดตั้ง Digital Door Lock ยี่ห้อ Samsung พื้นห้องครัวของห้อง Duo Space ปูกระเบื้องมาให้ เหมาะกับการใช้งาน ส่วนอื่นๆปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตลายหนา 12 มม. ส่วนห้องปกติพื้นครัวปูด้วยลามิเนต ที่ต้องระวังเรื่องการใช้งานในเรื่องความชื้น เพราะพื้นอาจจะบวมได้ ส่วนห้องจัดชุดสุขภัณฑ์มาให้ครบ ยกเว้นฉากกั้นอาบน้ำ ส่วนผนังเป็นฉาบเรียบทาสีขาว + ฝ้าเพดานติดไฟ Downlight มาให้เรียบร้อย
สาธารณูปโภค : ส่วนตัวมองว่าจัด Facilities มาให้เยอะดี เริ่มจากชั้นล่างมี สวนหย่อม + Lobby ให้บริการ ส่วนถัดขึ้นไปชั้นที่ 15 เป็นพื้นที่สวนหย่อมเล็กๆให้ได้นั่งพักผ่อน ซึ่งมีแนวอาคารของตัวเองช่วยบังแดด ทำให้ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ส่วน Main Facilities ยกขึ้นไปชั้นดาดฟ้า ที่ให้มาค่อนข้างเยอะ ได้เป็นระเบียงกระจกที่ชมวิวได้เต็มที่ รวมถึงได้สระขนาดใหญ่ ที่สามารถออกกำลังกายจริงจังได้ แถมวิวฝั่งที่หันไปทางโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่มีตึกสูงบัง ทำให้เห้นวิวได้ชัดเจนเลย นอกจากนี้ยังมีพื้นที่อื่นๆทั้ง Sky Lounge, Game Room, Fitness, Sauna&Steam และ Sky Garden ส่วนลิฟต์โดยสารมีทั้งหมด 4 ตัวต่อ อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 182: 1 ถือว่าค่อนข้างหนาแน่นไปหน่อย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 172,000 บาท/ตร.ม., 4 December 2019
คะแนนนี้คิดจากราคาเฉลี่ยทั้งโครงการตามพื้นที่ในโฉนด ณ.วันที่เข้าไปเก็บข้อมูล เนื่องจากโครงการนี้สามารถคิดราคาได้ทั้งพื้นที่ตามโฉนดและพื้นที่จริงรวมชั้นลอย หากใครคิดแบบไหนหรือซื้อในช่วงที่ปรับราคาไปแล้วก็สามารถบวกลบเอาเองได้นะคะ
- ทำเล 8/10 – ทำเลใจกลางเมือง ย่านธุรกิจสีลม-สาทร
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ฝั่งที่มีซอยลัด พร้อมที่จอดรถ Auto Parking 70%
- ไม่ใช้รถ 8/10 – ติดถนนใหญ่เรียกรถง่าย ห่าง BTS ช่องนนทรี 600 ม.
- วัสดุ 7/10 – ให้แบบมาตรฐาน Fully Fitted ต้องเตรียมเงินไว้แต่งห้องเพิ่ม
- แบบ 8.5/10 – วางผังออกมาได้ดี พร้อมแบบห้องฝ้าเพดานสูง ไม่มีในละแวกนี้
- สาธารณูปโภค 8/10 – จัดเต็มมาให้ที่ชั้นดาดฟ้า สวยงามดี
- LUXURY CLASS
- 7.86 / 10.00
BOTTOM LINE
KnightsBridge Prime สาทร เหมาะกับคนทำงานในย่านสีลม-สาทร ที่อยากได้คอนโดพร้อมอยู่ ใกล้ที่ทำงาน ทำเลใจกลางเมืองเดินทางสะดวก ไม่เน้นห้องขนาดใหญ่ เหมาะอยู่อาศัย 1-2 คน หรือครอบครัวเล็ก พ่อ แม่ ลูก ชอบห้องฝ้าเพดานสูง ที่คอนโดในละแวกนี้ไม่มี ได้ส่วนกลางจัดเต็ม น่าใช้งาน พร้อมที่จอดรถ Automatic Parking ถึง 70% มีงบประมาณ 3.8 -7.2 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อน 25,000 – 53,000 บาทต่อเดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving