Ciela Charan 13 Station (เซียล่า จรัญฯ13 สเตชั่น) เป็นคอนโดที่เรามองว่าเหมาะสำหรับคนที่เคยชินกับสภาพความเป็นอยู่ของชาวฝั่งธนฯ ที่ให้ความสำคัญกับการเดินทางและความอุดมสมบูรณ์รอบๆ โครงการเป็นหลัก ซึ่งเราสรุป Highlights ของโครงการมาได้ 3 ข้อดังนี้

  • ทำเล : เดินทางง่ายติดรถไฟฟ้า ใกล้ซอยลัดจรัญฯ 13 ความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการหายห่วงกันได้เลย เพราะถือว่าเป็นทำเลที่หาของทานง่ายมากๆ
  • ความเป็นส่วนตัว : จำนวนยูนิตของโครงการไม่เยอะนัก เมื่อเทียบกับคอนโดติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ในละแวกนี้
  • การออกแบบและวัสดุ : เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศที่ดูโปร่ง โล่ง เพราะที่นี่เลือกใช้ผนังกระจกซะเป็นส่วนมาก และในห้องพักเองก็ให้กระจกบานใหญ่ด้วยค่ะ วัสดุได้มาตามมาตรฐาน หลายอย่างค่อนไปทางดี

ข้อมูลโครงการ

Ciela Charan 13 Station (เซียล่า จรัญฯ13 สเตชั่น) ณ วันที่ 8 เมษายน 2564

 ชื่อโครงการ Ciela Charan 13 Station (เซียล่า จรัญฯ 13 สเตชั่น)
 ชื่อผู้ประกอบการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด
 SEGMENT CLASS LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่ ถนนจรัญสนิทวงศ์ เขต บางกอกใหญ่
 ที่ดิน 1-3-93.60 ไร่
 ประเภทคอนโด คอนโด High Rise 20 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต 360 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด สูงสุด 20 ยูนิต
 ที่จอดรถ ประมาณ 40% (Auto-Parking 140 คัน, จอดทั่วไป 6 คัน)
 เริ่มก่อสร้าง ปี 2562
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ ปี 2564
 ประเภทห้องพัก
    • Studio 21.00 – 21.50 ตร.ม.
    • 1 Bedroom 25.00 – 27.50 ตร.ม.
    • 1 Bedroom Corner 30.50 ตร.ม.
    • 1 Bedroom Plus 30.50 – 33.00 ตร.ม.
    • 1 Bedroom Plus Corner 34.50 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
 ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ n/a บาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ ประมาณ 110,000 บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) n/a
 เว็บไซต์โครงการ https://grandunity.co.th/th/ciela-charan-13-station
 โทร 02-652-4000

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.740755, 100.470249
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ Ciela Charan 13 Station (เซียล่า จรัญฯ13 สเตชั่น)

Ciela Charan 13 Station (เซียล่า จรัญฯ13 สเตชั่น) นับเป็นโครงการติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์โดยแท้จริง ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวกทั้งการเข้า-ออกเมืองผ่านถนนหลัก แต่การออกเมืองจะสะดวกกว่าเพราะทำเลนี้มีทีเด็ดอย่างนึงก็คือ อยู่ใกล้ซอยจรัญฯ 13 ซึ่งเป็นซอยลัดวิ่งไปเชื่อมถนนราชพฤกษ์, ถนนบางแวก, ถนนพุทธมณฑลสาย รวมถึงจะออกไปเส้นวงแหวนกาญจนาภิเษกก็ได้

ส่วนการวิ่งเข้าเมืองไปทางสาทร จะต้องกลับรถก่อน โดยจุดกลับรถแรกที่อยู่ใกล้ๆ โครงการนั้น ทางสน. บางกอกใหญ่เค้าติดป้ายห้ามกลับรถไว้ ทำให้ที่กลับรถใกล้โครงการที่สุดจะมีระยะประมาณ 600 m. จากนั้นก็สามารถใช้ถนนจรัญสนิทวงศ์ไปเชื่อมกับถนนเพชรเกษม, ถนนราชพฤกษ์, ถนนกรุงธนบุรี ยาวไปจนถึงถนนพระราม 3 เลยค่ะ

ส่วนใครที่ต้องการไปยังย่านเมืองเก่าเขตวังหลังก็สามารถใช้ถนนจรัญสนิทวงศ์โดยไม่ต้องกลับรถเลยวิ่งตรงอย่างเดียวก็จะไปเชื่อมกับถนนพรานนกได้แล้ว

จุดเด่นอย่างหนึ่งของโครงการ Ciela Charan 13 Station (เซียล่า จรัญฯ13 สเตชั่น) คือ ตำแหน่งที่อยู่ใกล้ทางขึ้นรถไฟฟ้าสถานีจรัญฯ 13 ประมาณ 10 m. หรือเรียกว่าติดเลยก็ได้นะคะ เพราะออกมาจากโครงการก็ถึงบันไดเลื่อนทางขึ้นเลย

โดยสถานีรถไฟฟ้าจรัญสนิทวงศ์ 13 นี้เป็นส่วนนึ่งของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงเตาปูน – ท่าพระ ที่เปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งวิ่งเป็นวงจากท่าพระผ่านเข้าเมืองไปทางหัวลำโพง สีลม-อโศก-รัชดาฯ วนไปบางซื่อแล้วกลับมาเลาะเส้นจรัญฯ เข้าสู่ท่าพระเหมือนเดิม และมีส่วนต่อขยายไปทางเดอะมอลล์บางแคที่เปิดให้ใช้งานกันได้แล้วเช่นเดียวกัน

นอกจากรถไฟฟ้าแล้ว แถวนี้ยังมี รถสองแถว รถกระป๊อ วินมอเตอร์ไซต์ และรถประจำทางที่วิ่งให้บริการอยู่ตลอดทั้งวัน คนไหนกลับดึกหรือใครจะออกไปปาร์ตี้กลางคืนข้างนอกก็ไม่ต้องกลัวเปลี่ยวเพราะตัวโครงการที่อยู่ติดหน้าถนนใหญ่ ไม่ได้อยู่ในซอย ซึ่งเป็นข้อดีอย่างนึงของโครงการที่ติดถนนใหญ่เลยค่ะ

นอกจากตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้าแล้ว เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของพื้นที่ในทำเลนี้คืออยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีตัวช่วยในการเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาเพิ่มเข้ามา ช่วยทุ่นเวลาให้เราไม่ต้องอยู่บนท้องถนนนานนักค่ะ

ซึ่งท่าเรือด่วนเจ้าพระยาที่ใกล้โครงการที่สุดคือ ท่าวังหลัง ที่ห่างจากโครงการประมาณ 3 km. สามารถข้ามเรือไปหาร้านอาหารเด็ดๆ เจ้าดังๆ ทานที่ท่าพระอาทิตย์ หรือไปเรียนที่ ม.ธรรมศาสตร์ก็สะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้เส้นทางเดินเรือยังสามารถนั่งไปได้ไกลถึงสาทร หรือขึ้นเหนือไปถึงนนทบุรีเลยค่ะ คลิกดูรายละเอียดเส้นทางการเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ ที่นี่ เลย

Ciela Charan 13 Station (เซียล่า จรัญฯ13 สเตชั่น) นั้นอยู่บนทำเลของชุมชนเดิม ที่เป็นแหล่งพักอาศัยฝั่งธนฯ ที่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก จึงไม่ไกลจากสถานที่สำคัญๆ หลายอย่าง เช่น ย่านพรานนก ย่านวังหลัง และไม่ไกลจากสะพานที่ใช้ข้ามมายังฝั่งพระนคร ซึ่งฝั่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยแหล่งงานอย่างเช่น ย่านสาทร ย่านสีลม เป็นต้น

ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์ก็หายห่วงเนื่องจากโครงการตั้งอยู่บนทำเลที่ถือว่าเป็นแหล่งหาของกินง่าย และมีร้านเด็ดร้านดังเจ้าเก่าค่อนข้างเยอะ ใครที่ต้องการช้อปปิ้งก็มีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นศูนย์การค้า และ Hypermarket แต่ส่วนตัวคิดว่าจุดเด่นสุดน่าจะเป็นเรื่องของตลาด ที่มีตลาดชื่อดังอยู่ในรัศมี 2-3 km. ให้เลือกเดินกันอย่างคับคั่ง นอกจากนี้ยังใกล้โรงพยาบาลชื่อดังอย่างศิริราช ใกล้มหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของประเทศอย่างธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) หรือจะเข้าไปทำงานในเมืองทั้งย่านสาทร ก็สามารถไปทางเรือได้

เส้นทางการเดินทาง

Image 1/10
ย้อนไปเมื่อสมัยเปิดตัวโครงการใหม่ๆ รถไฟฟ้ายังไม่เสร็จเราจึงได้แค่ด้อมๆ มองๆ รอบสถานีเท่านั้น วันนี้เราจึงอยากพาเพื่อนๆ มาทางรถไฟฟ้ากันบ้าง จะได้เห็นว่าจากทางลงสถานีที่ใกล้โครงการประมาณ 80 m. นั้น จะมีบรรยากาศทางเดินไปโครงการอย่างไรค่ะ

ย้อนไปเมื่อสมัยเปิดตัวโครงการใหม่ๆ รถไฟฟ้ายังไม่เสร็จเราจึงได้แค่ด้อมๆ มองๆ รอบสถานีเท่านั้น วันนี้เราจึงอยากพาเพื่อนๆ มาทางรถไฟฟ้ากันบ้าง จะได้เห็นว่าจากทางลงสถานีที่ใกล้โครงการประมาณ 80 m. นั้น จะมีบรรยากาศทางเดินไปโครงการอย่างไรค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่รอบๆโครงการ Ciela Charan 13 Station (เซียล่า จรัญฯ13 สเตชั่น) เป็นที่อยู่อาศัย ชุมชนค่อนข้างหนาแน่น มีการสัญจรอยู่ตลอดทั้งวัน ส่วนใหญ่เป็นอาคารแถวพักอาศัย สูงไม่เกิน 5 ชั้น ไม่มีอาคารสูงมาขึ้นเท่าไหร่ค่ะ ทำให้มุมมองจากห้องพักอาศัยภายในโครงการส่วนใหญ่จะเห็นวิวเมืองแนวราบ ที่ดินของโครงการติดกับเพื่อนบ้าน ดังนี้

ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนจรัญสนิทวงศ์, สถานีรถไฟฟ้าจรัญสนิทวงศ์ 13 ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารแถวฝั่งตรงข้ามสูง 2-3 ชั้น
ทิศใต้ ติดกับ อาคารแถว(ด้านข้าง) สูงประมาณ 5 ชั้น
ทิศตะวันตก ติดกับ อาคารแถว สูงประมาณ 5 ชั้น (ด้านหลังอาคาร)
ทิศเหนือ ติดกับ อาคารแถว สูงประมาณ 3 ชั้น (ด้านหลังอาคาร)

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ (รวมระยะกลับรถ) เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • 7-11 ~ 80 m. (ระยะเดิน)
  • Tesco Lotus จรัญสนิทวงศ์ ~ 160 m.
  • Home Pro จรัญสนิทวงศ์ ~ 850 m.
  • ตลาดนัดวัดหนัง ~ 1.1 km.
  • ตลาดบางขุนศรี ~ 2 km.
  • Makro จรัญฯ ~ 2.2 km.
  • The Mall ท่าพระ ~ 4.4 km.
  • Central Plaza ปิ่นเกล้า ~ 4.9 km.
  • The Circle ราชพฤกษ์ ~ 5.9 km.
  • Major ปิ่นเกล้า ~ 8 km.

โรงพยาบาล

  • รพ. ธนบุรี ~ 2.9 km.
  • รพ. ศิริราช ~ 4 km.

โรงเรียน

  • วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี ~ 550 m.
  • วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี ~ 1.5 km.
  • คณะแพทยศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล ~ 4.3 km.
  • โรงเรียนเซนต์ปีเตอร์ ธนบุรี ~ 5 km.
  • ม. ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ~ 7.2 km.
  • ม.ศิลปากร ~ 7.7 km.

รายละเอียดโครงการ

โครงการCiela Charan 13 Station (เซียล่า จรัญฯ13 สเตชั่น) เป็นคอนโดสูงแห่งหนึ่งบนเส้นจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเป็นโครงการที่ติดถนนโดยแท้จริงและติดรถไฟฟ้า MRT สถานีจรัญสนิทวงศ์ 13 ด้วย จึงนับว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่เดินทางสะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะเลยนะคะ

สำหรับชื่อโครงการ Ciela (เซียล่า) ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “ท้องฟ้า” เป็นคอนเซปต์ในการออกแบบที่ต้องการให้พื้นที่ทุกส่วนในโครงการดูโปร่ง โล่ง ซึ่งเราจะเห็นว่าโครงการสะท้อนออกมาในรูปแบบของฝ้าเพดานสูง มีการใช้ผนังกระจกในหลายๆ ตำแหน่ง รวมถึงหน้าต่างแบบ Bay Window ที่ช่วยเปิดมุมมองให้เห็นวิวได้มากขึ้น

ตัวอาคารมีความสูง 20 ชั้นมีจำนวน 360 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณเกือบ 2 ไร่ Facilities ของโครงการจะที่อยู่ชั้น 1 และชั้นบนสุดของอาคาร (ชั้น 20) แยกส่วนกับชั้นพักอาศัย (ชั้น 2 – 19) ทำให้ชั้นพักอาศัยได้ความเป็นส่วนตัว ซึ่งการวาง Facilities หลักไว้บนชั้นสูงสุดแบบนี้ทำให้มองเห็นวิวมุมสูงด้วยค่ะ

มาดูผังของตัวอาคารชั้น 1 กันก่อนนะคะ ทางเดินรอบอาคารเป็นการเดินรถแบบ One-Way มีอาคารจอดรถ Auto-Parking อยู่ด้านหลังแล้วยังมีที่จอดแบบ Conventional อีก 6 คัน ส่วนใครที่วนรถมาส่งลูกบ้านจะมี Drop-Off ให้วนมาจอดส่งได้สะดวก อยู่บริเวณหน้า Lobby ได้เลย ทำให้การเดินรถภายในโครงการค่อนข้างสะดวกและเข้าใจง่ายดี

เมื่อเข้าสู่ Lobby จะมีทางเดินเข้าสู่โถงลิฟต์ที่ฝั่งซ้ายของอาคาร สำหรับลูกบ้านที่จอดรถ Auto-Parking ก็สามารถเข้าประตูด้านหลัง เดินผ่าน Waiting Area เข้าสู่โถงลิฟต์ได้โดยไม่ต้องผ่าน Lobby บรรยากาศจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันค่ะ

ป้ายชื่อโครงการบริเวณทางเข้าตกแต่งด้วยหินอ่อนโทนขาวดำ ทำให้ดู Modern – Luxury ซึ่งเป็นธีมเดียวกับการตกแต่งภายในของโครงการ ส่วนพื้นรอบนอกอาคารปูด้วยแสตมป์คอนกรีตจึงดูเรียบร้อยสวยงาม

ซุ้มรปภ. จะอยู่ติดกับรั้วทางเข้าออกของโครงการคอยสแกนทั้งลูกบ้านและ Visitors โครงการแยกทางเข้า-ออกของรถยนต์และมีทางสำหรับเดินเข้า-ออกของลูกบ้าน ทำให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งาน

เมื่อเข้ามาในโครงการจะเจอทางแยก สำหรับลูกบ้านที่ต้องการจอดรถให้เลี้ยวซ้ายไปที่ Auto Parking ได้เลย ส่วน Visitors ที่อยากวนส่งลูกบ้านบริเวณ Drop-Off ก็ให้เลี้ยวขวาไปตามเส้นทางวนรถ หรืออยากจอดชั่วคราวก็มีช่องจอดหน้าอาคารรองรับได้ 6 คันค่ะ

จุด Drop-Off ของโครงการเป็นพื้นที่ Semi-Outdoor ใช้บังแดดกันฝนได้ จึงขึ้น-ลงรถสะดวกดี

ติดกับจุด Drop-Off มีพื้นที่จอดรถได้อีก 6 คัน เหมาะสำหรับลูกบ้านที่ใช้รถสูงๆ เกินกว่าที่จะขึ้น Auto Parking ได้ และเตรียมไว้ให้ Visitors จอดรถเวลามาเยี่ยมเยือนลูกบ้าน

แถมมีช่องจอดมอเตอร์ไซค์แบบเป็นกิจจะลักษณะไว้ให้ด้วยนะคะ ซึ่งมอเตอร์ไซค์ก็เป็นที่นิยมในย่านนี้พอสมควรเลย เพราะหาที่จอดง่าย ขี่ไปตลาดใกล้ๆ ได้สะดวก

ฃส่วนทางไปจอดรถก็ตามป้าย Auto Parking ไปเลยค่ะ

ด้านหลังอาคารจะเป็นตำแหน่งของ Auto Parking มีช่องรับรถ 2 ช่อง เราชอบวิธีจัดการของที่นี่นะคะ มีจุด Stop และหน้าจอขนาดใหญ่บอกไว้ชัดเจน จึงทราบได้ทันทีว่าต้องจอดรอหรือขับรถเข้าจอดได้

สำหรับ Automatic Parking จะรองรับรถสูงไม่เกิน 2 m. นะคะ

การจัดการเส้นทางเดินรถของระบบ Auto Parking ของที่นี่ลงตัวดีนะคะ คือเค้ามีประตู 2 ด้าน ตอนนำรถมาจอด เราเข้าจากประตูด้านหลัง ส่วนขาออก เราสามารถขับรถออกประตูด้านหน้าได้โดยไม่ต้องกลับรถให้เสียเวลา

ต่อไปเราจะพาเข้าไปชมด้านในอาคารกันนะคะ โดยประตูอาคารเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่ทั้งลูกบ้านและ Visitors สามารถผ่านเข้าไปนั่งรอภายใน Lobby ได้

เข้ามาด้านใน Lobby ดูกว้างด้วยเพดานสูงโปร่งถึง 5 m. ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนโทนสีขาว และเพิ่มลูกเล่นด้วยแถบสีทอง Rose Gold ซึ่งพื้นที่ Lobby จะกั้นออกเป็นมุมนั่งเล่นหลายๆ ส่วน เพื่อให้เป็นสัดส่วน ได้ความเป็นส่วนตัว จะใช้เป็นพื้นที่พักคอย หรือนัด Brief งานก็ได้ ถ้าเทียบขนาด Lobby กับจำนวนยูนิตในคอนโดเราว่าใช้สอยแบบสบายๆ นะคะ

บริเวณ Lobby ให้บรรยากาศที่โปร่งโล่งจากการออกแบบเป็นผนังกระจกสูงจนถึงฝ้าเพดาน มองเห็นวิวสวนได้กว้าง ส่วนที่เราว่าเค้าออกแบบมาได้เก๋เลยคือ น้ำตกที่อยู่ติดกับมุมนั่งเล่นพอดี ทำให้ดูผ่อนคลายเพิ่มขึ้นไปอีกค่ะ

อย่างที่เกริ่นไปว่าภายใน Lobby นี้ แบ่งโซนนั่งเล่นไว้หลายโซนมาก แต่ละโซนก็ใช้โซฟาชุดใหญ่ 6-7 ที่นั่งทั้งนั้นเลย

เข้ามาด้านในอาคารทางซ้ายมือเป็นนิติบุคคล พอวางตำแหน่งไว้ที่ชั้น 1 แบบนี้ก็ทำให้ลูกบ้านสามารถติดต่อง่าย ส่วนขวามือจะเป็น Mail Box ด้านในมีห้องน้ำส่วนกลาง และตรงเข้าไปจนสุดทางจะเห็น Lift Lobby ทางขวามือค่ะ

ภายในโซน Mail Box ดูโปร่งๆ ดี สังเกตว่าโครงการนี้เค้าชอบใช้โทนสีขาว ดำและ Rosegold ดูสวยงามหรูหราดี

สำหรับโซนพักอาศัยจะใช้ระบบ Face Scan เพื่อผ่านประตู Lift Lobby เข้าไป ส่วนนี้จึงเข้าได้เฉพาะลูกบ้าน และด้านในสุดคือ Waiting Area ที่เตรียมไว้ให้นั่งรอรถจากระบบ Auto Parking ค่ะ

สำหรับที่นี่เค้าเลือกติดตั้งเครื่อง Face Scan เพื่อให้เข้ากับยุค Covid-19 จึงไม่ต้องสัมผัสหน้าจอหรือหยิบ Keycard เลย และอีกอย่างนึงคือ เจ้าเครื่องนี้จะวัดอุณหภูมิด้วย ประตูจึงจะเปิดให้กับลูกบ้านที่อุณหภูมิปกติเท่านั้น

Waiting Area เป็นพื้นที่ให้นั่งพักคอยรถยนต์ในห้องแอร์เย็นๆ ซึ่งกลายเป็นพื้นที่ที่ต้องมีสำหรับคอนโดในยุคนี้ไปแล้ว

สำหรับการเรียกรถยนต์จากระบบ Auto Parking ก็ต้องใช้ Keycard มาสแกน และระบบก็จะบอกสถานะของรถว่าอยู่คิวที่เท่าไหร่ และรถจอดอยู่ช่องไหน

เข้ามาใน Lift Lobby มีลิฟต์ทั้งหมด 2 ตัว สำหรับลิฟต์มีอัตราส่วน 180 : 1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่หนาแน่น ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็นก็คงต้องเผื่อเวลารอลิฟต์กันสักหน่อย ซึ่งคอนโดที่มีลิฟต์หลัก 2 ตัวแบบนี้ก็ต้องระวังเรื่อง Maintenance ให้ดีๆ นะคะ เพราะหากมีลิฟต์ตัวหนึ่งเสียก็จะเหลือลิฟต์ให้ใช้แค่เพียงตัวเดียว สำหรับการขนของขึ้นห้องพักจะมี Service Lift แยก ไว้ให้ต่างหาก ตรงนี้เป็นข้อดีที่ช่วยป้องกันไม่ให้ลิฟต์หลักเสียหาย ก็จะมาเปลืองงบค่าส่วนกลางกันได้

ตัวลิฟต์ออกแบบให้ดูเรียบหรู มีการใช้ผนังกระจกเพื่อให้พื้นที่ในลิฟต์ดูกว้างขึ้น

ลิฟต์จะเป็นแบบล็อกชั้น จึงต้องใช้ Keycard สแกนทุกครั้ง และมีปุ่มกดลิฟต์ให้ 2 แบบ คือแบบปกติและแบบที่ปุ่มกดอยู่ต่ำหน่อย ให้คนนั่งวีลแชร์สามารถกดได้สะดวก

ถัดมาที่ชั้น 2 – 19 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งชั้น โดยอาคารเป็นรูปตัว L มีจำนวน 20 ยูนิตต่อชั้น ทางเดินเป็น Double Corridor ทำให้มีห้องพักทั้ง 2 ฝั่งของทางเดิน แต่โครงการก็ออกแบบให้ประตูหน้าห้องของแต่ละยูนิตไม่ชนกัน ไม่มีตำแหน่งของห้องที่ตรงทางแยก ซึ่งถือว่าดีค่ะ

ตัว Lift จะค่อนมาทางซ้ายมือของอาคาร ทำให้โซนห้องโซนตะวันตก (วงกลมสีแดง) มีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะมีเพียง 4 ยูนิต แต่ก็ทำให้ห้องโซนทิศเหนือที่อยู่ปลายทางเดิน จะมีระยะห่างจากลิฟต์มากหน่อย แต่เนื่องจากอาคารนี้ไม่ได้ใหญ่นัก ทำให้ห้องพักทั้งหมดยังเดินถึงลิฟต์ได้สบายๆ

การวางห้องพักของโครงการเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องทิศตะวันตก มองออกไปทางด้านหลังโครงการ ส่วนห้องที่ใหญ่ขึ้นอย่าง 1 Bedroom Plus จะถูกวางไว้ทางทิศตะวันออกซะส่วนใหญ่ สำหรับห้อง Studio จะมีเพียง 2 ยูนิตเท่านั้นเป็นห้องทิศเหนือและห้องทิศใต้

ส่วนห้องมุมจะเป็นห้อง Corner ที่มีทั้ง 1 Bedroom Corner และ 1 Bedroom Plus Corner ให้เลือก ซึ่งเป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัว เนื่องจากติดกับห้องอื่นแค่ฝั่งเดียว และได้วิวจาก 2 ทิศทาง ในเรื่องของวิวจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละชั้นโดยรวมจะแบ่งเป็นส่วน Low Rise และ High Rise ดังนี้ค่ะ

ชั้น 2 – 6 อยู่ในระยะที่ยังสามารถเห็นอาคารข้างเคียงรอบโครงการอยู่

  • ทิศตะวันออก : วิวถนนจรัญสนิทวงศ์, สถานีรถไฟฟ้าจรัญสนิทวงศ์ 13, อาคารแถวฝั่งตรงข้ามสูง 2-3 ชั้น
  • ทิศใต้ : วิวอาคารแถว สูงประมาณ 5 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : วิวอาคารแถว สูงประมาณ 5 ชั้น
  • ทิศเหนือ : วิวอาคารแถว สูงประมาณ 3 ชั้น

ชั้น 7 -19 อยู่ในระยะที่พ้นสถานีรถไฟฟ้า และเห็นวิวเมืองรอบด้าน

  • ทิศตะวันออก : วิวชุมชนพักอาศัยแนวราบ ฝั่งถนนอิสรภาพ
  • ทิศใต้ : วิวชุมชนพักอาศัยฝั่งซอยจรัญสนิทวงศ์ 11
  • ทิศตะวันตก : วิวชุมชนพักอาศัยแนวราบ ฝั่งคลองบางกอกใหญ่
  • ทิศเหนือ : วิวชุมชนพักอาศัยแนวราบ ฝั่งคลองมอญ

บรรยากาศของโถงทางเดินบนชั้นพักอาศัย จะได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากหน้าต่าง

บริเวณนี้คือทางเดินของโซนห้อง 4 ยูนิต ที่เรามองว่าได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องพักโซนอื่นๆ

โครงการเก็บดีเทลของหน้าต่างบริเวณทางเดินไว้ดีนะคะ เพราะเค้าทำไว้เป็นบานยาว ติดระแนงกันตกไว้ที่ขอบอาคาร ทำให้สามารถเปิดรับลมได้ดีทีเดียว

ขึ้นมาที่ชั้น 20 เมื่อออกจากโถงลิฟต์มาแล้วจะเจอกับ Co-Working Space เป็นลำดับแรก เป็นห้องแอร์สำหรับนั่งทำงาน, อ่านหนังสือ พร้อมชมวิวเมืองมุมสูงได้ สำหรับพื้นที่ส่วนใหญ่บนชั้นนี้จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ และห้อง Fitness ซึ่งโครงการออกแบบมาให้ชมวิวกันคนละฝั่ง สระว่ายน้ำจะเปิดให้เห็นวิวที่มองเข้าเมือง เราจะเห็นแนวตึกสูงเป็น Skyline ของเมืองในระยะไกล ส่วนทาง Fitness มองวิวทางทิศตะวันตกได้กว้าง สามารถเห็นพระอาทิตย์ตกยามเย็นได้ และครบครันด้วยห้อง Sauna แยกหญิง-ชายค่ะ

เริ่มต้นพาชม Facilities บนชั้นนี้จาก Lift Lobby บนชั้น 20

ทางเดินหลักบนชั้นนี้จะเป็นทางเดินยาวๆ ที่เชื่อมทุก Facilities เข้าด้วยกัน ลำดับแรกที่ใกล้ลิฟต์ที่สุดคือ Co-Working Space ถัดไปจึงเป็น Swimming Pool และ Fitness

ภายในห้อง Co-Working Space มีที่นั่งหลายชุดให้เลือกใช้งานแบบเป็นส่วนตัว หรือแบบมาเป็นกลุ่มก็ใช้ได้ บรรยากาศการตกแต่งคล้ายกับส่วน Lobby ใช้โทนสีขาวสบายตา

ภายในห้องนี้เค้าใช้ผนังกระจกสูงถึงฝ้าเพดาน วิวที่ได้จะเป็นวิวที่มองเข้าเมืองฝั่งพระนครนะคะ

บรรยากาศภายในนี้ถือเป็นมุมพักผ่อนที่ดี สามารถมาใช้นั่งชมวิวได้อีกด้วย อย่างนึงที่เราสังเกตคือโครงการนี้เค้าจัดชุดโซฟามาเยอะมาก เมื่อเทียบกับจำนวนลูกบ้านของที่นี่

ก่อนลงว่ายน้ำก็อย่าลืมมาล้างตัวกันก่อน ซึ่งโครงการก็วางตำแหน่งไว้ให้อยู่ด้านหน้าสระว่ายน้ำเลย จึงใช้งานได้สะดวก

Kid’s Pool ก็อยู่โซนด้านหน้าเช่นกัน ความเก๋ของสระนี้อยู่ตรงแผงน้ำตก ซึ่งเราคิดว่าเด็กๆ น่าจะชอบ และยังช่วยให้เกิดเสียงน้ำไหลในบริเวณนี้ด้วย

พื้นที่ระหว่างสระเด็กและสระผู้ใหญ่จะถูกกั้นไว้ด้วย Day Bed เอาไว้ให้นอนเล่น ชมวิวริมสระกันแบบชิลๆ

สระว่ายน้ำของโครงการเป็นสระระบบเกลือ ความยาว 28.7 x 5 m. ลึก 1.2 m. โดยโครงการวางตำแหน่งสระไว้ทางทิศตะวันออก ทำให้ช่วยบ่ายๆ ที่พระอาทิตย์อ้อมไปทางตะวันตก เราก็สามารถมาใช้สระว่ายน้ำกันได้ โดยไม่โดนแสงส่องเต็มๆ สอดคล้องกับการออกแบบพื้นที่แบบ Semi-Outdoor จึงมานั่งเล่นริมสระได้ตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ ไม่ได้ใช้หลังคาคลุมทึบทั้งหมด ทำให้ดูโปร่ง เปิดให้เห็นท้องฟ้าได้อยู่ค่ะ

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของโครงการนี้คือ การจัดวาง Facilities ไว้ที่ชั้นสูง เพื่อให้เราได้ชมวิวเมืองมุมสูงได้ในระยะไกล ไม่มีอะไรบังสายตา นับเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของคอนโดในยุคนี้

ส่วนที่เป็น Outdoor จริงๆ คือโซน Jacuzzi เพื่อให้ดูโปร่งโล่งที่สุด เปิดให้เห็นท้องฟ้าแบบไม่มีแะไรกั้น มีพื้นที่ให้ลงแช่พร้อมกันได้ 3 คนกำลังดีค่ะ

สระว่ายน้ำเป็น Infinity Edge Pool ขอบกันตกเป็นกระจกบานเปลือย มองเห็นวิวด้านหน้าโครงการได้แบบเต็มๆ เลยค่ะ

ถัดมาที่ห้อง Fitness เป็นห้องที่ได้ผนังกระจกทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งสามารถมองเห็นวิวเมืองทางทิศตะวันตกได้กว้างผ่านผนังกระจกบานใหญ่ตลอดแนว และอีกฝั่งหนึ่งมองเห็นสระว่ายน้ำได้ ภายในมีเครื่องออกกำลังกายให้ใช้ครบครัน วางแยกเป็นโซนๆตามประเภทการออกกำลังกาย

เนื่องจากระดับของห้อง Fitness ถูกลดให้ต่ำกว่าบริเวณสระว่ายน้ำ ทำให้วิวสระว่ายน้ำที่ได้จากห้องนี้ เป็นวิวอีกมุมหนึ่งที่ดูแปลกตาดีนะคะ

เครื่องออกกำลังกายภายในห้องมีความหลากหลายทั้งแบบที่เหมาะกับการเล่นเวท สร้างกล้ามและคนที่ต้องการออกกำลังแบบคาร์ดิโอ

เวลาออกกำลังกายก็ชมวิวนอกอาคารไปได้ แถมได้เป็นวิวมุมสูงเลยด้วย

ส่วนห้องน้ำมีการจัดฟังก์ชันไว้ครบทั้งห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ และ Sauna

ชุดสุขภัณฑ์ใช้ของ American Standard ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติ

สำหรับสุขภัณฑ์ของที่นี่ใช้เป็นระบบอัตโนมัติด้วยนะ ถือว่าดีสำหรับโครงการ Segment นี้ค่ะ

บรรยากาศภายใน Sauna Room มีขนาดกะทัดรัด รองรับการใช้งานได้ประมาณ 3-4 คน

สำหรับ Locker จะเตรียมไว้ให้ริมทางเดินนะคะ ไว้สำหรับเก็บของใช้ เสื้อผ้า ของมีค่าก่อนไปออกกำลังกายกันได้

สุดปลายทางเดินของชั้นนี้จะมีบันไดขึ้นไป Rooftop ด้วย

Rooftop ของโครงการจะปูหญ้าและปลูกไม้พุ่มล้อมรั้วเอาไว้ดูเขียวๆ สบายตาดี เป็นพื้นที่ให้ขึ้นมาชมวิวได้อีกจุดหนึ่งค่ะ ซึ่งการปูหญ้าคลุมพื้นเอาไว้ก็ช่วยลดความร้อนเข้าสู่อาคารได้ด้วยค่ะ

เรามาดูวิวรอบๆ โครงการกันบ้างนะคะ รูปนี้เราถ่ายจากชั้น 14 โดยห้องพักส่วนใหญ่ของโครงการที่เป็นรูปแบบ 1 Bedroom จะหันออกทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอาคารข้างเคียงเลย เพราะมองออกไปทางนอกเมือง ดูโล่งๆ แบบนี้ค่ะ

รูปนี้เราถ่ายจากชั้น 20 นะคะ เป็นวิวทางทิศใต้มองตามเส้นทางรถไฟฟ้าไป เป็นวิวที่เห็นอาคารสูงขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าบ้าง

และส่วนใหญ่ของห้องแบบ 1 Bedroom Plus ก็จะเป็นห้องทิศตะวันออก ซึ่งจะมองวิวเข้าไปในเมือง ไม่ได้มีอาคารสูงบังวิวเช่นกัน แต่จะมี Gimmick ที่เราจะเห็นอาคารสูงเรียงกันเป็น Skyline เลย ซึ่งรูปนี้เราถ่ายจากชั้น 14 ค่ะ

รูปจากชั้น 20 ค่ะ เป็นฝั่งทิศเหนือของโครงการที่มองเข้าไปทางวังหลัง เห็นหลังคาอุโบสถของวัดอยู่บ้างตามบรรยากาศของชุมชนเดิม โดยรวมไม่ถูกบล็อกวิวค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • สระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 28.70 x 5.00 m. ลึก 1.20 m.
  • สระเด็ก ขนาดประมาณ 2.65 x 3.50 m.
  • Co-Working Space
  • Sauna แยกหญิง-ชาย
  • Fitness
  • สวนหย่อมบน Rooftop
  • Laundry Room
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 180: 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 146 คัน คิดเป็น 40% (Auto-Parking 140 คัน, จอดทั่วไป 6 คัน)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card

แบบห้อง

โครงการ Ciela จรัญฯ13 สเตชั่น มีห้องให้เลือกหลักๆ อยู่ 5 แบบ โดยจะเน้นไปที่ห้อง 1-Bedroom และ 1-Bedroom Plus โดยขนาดห้องต่างๆ จะมี ดังนี้

  • Studio ขนาดตั้งแต่ 21.00 – 21.50 ตร.ม.
  • 1-Bedroom ขนาดตั้งแต่ 25.00 – 27.50 ตร.ม.
  • 1-Bedroom Corner ขนาดตั้งแต่ 30.50 ตร.ม.
  • 1-Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 30.50 – 33.00 ตร.ม.
  • 1-Bedroom Plus Corner ขนาดตั้งแต่ 34.50 ตร.ม.

โครงการขายแบบ Fully Fitted พร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in เช่น เคาน์เตอร์ครัว ตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้าและเครื่องปรับอากาศ

วัสดุที่ได้ ดังนี้

  • พื้นลามิเนตหนา 8 mm.
  • ประตู Digital Door Lock ของ Unicor
  • Built-in ตู้รองเท้าและตู้เสื้อผ้า
  • ผ้าม่านในห้องนอน

โซนครัว

  • Top เคาน์เตอร์ครัวหินเทียม
  • Backsplash ติดกระเบื้อง
  • Hob&hood จาก Hafele
  • Sink จาก Hafele

ห้องน้ำ

  • ห้องน้ำสำเร็จรูปจาก Siam Steel
  • สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Hefele
  • ก๊อกและฝักบัวของ Hafele

เริ่มดูจากห้อง 1 Bedroom plus ขนาด 31.00 ตร.ม. ฟังก์ชัน 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องอเนกประสงค์ ซึ่งเค้าวางแปลนแต่ละห้องไว้เป็นสัดส่วน โดยจะมีห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนอนเหมือนอย่างห้อง 1 Bedroom กั้นด้วยบานเลื่อนกระจกแสงจึงส่องผ่านมายังห้องนั่งเล่นได้และทำให้มองเห็นวิวได้จากห้องนั่งเล่นค่ะ

อีกฝั่งของห้องเป็นส่วนครัว ห้องน้ำ ห้องอเนกประสงค์และระเบียง สำหรับห้องนี้จะได้เป็นครัวเปิด จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ทำอาหารบ่อยๆ หรือชอบทำอาหารที่มีกลิ่นฉุนจัดๆ นัก (แต่ถ้าชอบแปลนนี้ก็พอจะมีช่องให้สามารถกั้นประตูปิดเพิ่มได้) ตำแหน่งห้องน้ำไม่ได้อยู่ในห้องนอน จะอยู่ติดกับครัวเลย ทำให้เวลาที่มีแขกมาก็สามารถเข้าห้องน้ำได้โดยไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน

สำหรับห้องอเนกประสงค์จะอยู่ติดระหว่างระเบียงและห้องครัว จึงสามารถใช้ทำได้ทั้งห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องเก็บของ ไปจนถึงถ้าใครชอบทำครัวมากๆ อาจจะทำเคาน์เตอร์เตรียมอาหารเพิ่มและเอาโต๊ะทานข้าวมาวางได้เลย ภายในห้องจะเป็นอย่างไรเราไปดูบรรยากาศภายในกันเลย

ประตูหน้าห้องติดระบบ Digital Door Lock ของ Unicor ไว้ให้ รุ่นนี้ใช้ได้ 3 ระบบคือ Password, Keycard และกุญแจ

ส่วนแรกของห้องจะเเป็น Living Area ที่เชื่อมต่อกับ Bedroom กั้นพื้นที่ด้วยกระจกบานใหญ่ทำให้ได้แสงธรรมชาติผ่านหน้าต่างเข้ามาได้ ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวได้ด้วย โดยมีฝ้าเพดานสูง 2.6 m. ช่วยให้ห้องดูโปร่งขึ้น

พื้นที่นั่งเล่นค่อนข้างกะทัดรัด สามารถใช้วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งสบายๆ แต่หากใครอยากนั่งทานข้าวหน้าทีวีก็แนะนำให้เลือกโต๊ะกลางเป็นทรงสูง จะช่วยประหยัดพื้นที่ให้สามารถนั่งทานข้าวบนโซฟาได้เลย

ขอปรบมือให้กับพื้นที่นั่งเล่นออกแบบมาให้มีระยะสำหรับวางโต๊ะกลางได้ โดยไม่ขวางทางเดินหน้าประตู และมีระยะดู TV อยู่ที่ 2.70 m. เหมาะกับการวาง TV ขนาดไม่เกิน 40 นิ้วกำลังดีค่ะ

ห้องจริงที่ได้จะมีตู้รองเท้า Built-in ไว้ติดกับประตูห้องไว้ให้ ซึ่งเค้าจะบิ้วให้สูงถึงฝ้าเพดาน จึงใช้งานได้เต็มพื้นที่ เราว่าการมีตู้วางรองเท้าอยู่หน้าห้องเลยนี่ดีนะ เพราะเวลาเข้าห้องมาก็ถอดเก็บได้เลย ห้องก็จะได้ดูเป็นระเบียบค่ะ

วัสดุหน้าบานเป็นไม้ลามิเนต ภายในตู้แบ่งเป็นชั้นย่อยๆ ให้วางของได้เยอะ

มือจับดีไซน์ออกมาให้ดูเก๋ๆ และใช้งานได้ง่าย ส่วนที่เราว่าดีคือ เค้าเลือกใช้ Fitting ตู้ของ Hafele ซึ่งเป็นยี่ห้อที่มีคุณภาพดี

ถัดมาที่ห้องนอนจะได้ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนจึงเปิดใช้งานได้กว้าง รับลมที่เข้ามาจากหน้าต่างได้เต็มที่ ตัวบานมีความสูงถึงผนังทำให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น

รายละเอียดของประตูมีการติดเส้นกำมะหยี่ ช่วยกันเสียงให้แต่ละโซนได้ความเป็นส่วนตัว

ภายในห้องนอนมีขนาดประมาณ 3.2 x 3 m. วางเตียงได้ถึง 6 ฟุต และมีพื้นที่วางเฟอร์ฯ อื่นๆ ทั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะหัวเตียง โต๊ะเครื่องแป้งได้อีกนะคะ

​Highlight ของห้องนอนโครงการนี้คือ บานหน้าต่างขนาดใหญ่ ทำให้มองเห็นวิวได้กว้าง และรับแสงธรรมชาติได้เยอะทีเดียว

แถมที่นี่ยังติดตั้งม่านทึบมาให้ตามแบบในห้องตัวอย่าง เราลองปิดม่านให้ดู ก็กันแสงได้ดีเลย

ในห้องตัวอย่างเค้าวางเตียงขนาดประมาณ 5 ฟุตไว้ให้ดู ซึ่งยังเหลือพื้นที่ให้เดินรอบเตียงได้

ถ้าอยากวางโต๊ะข้างเตียงที่มีขนาดใหญ่หน่อย ก็ขยับเตียงไปใกล้ฝั่งหน้าต่างให้มากขึ้น จะสามารถวางโต๊ะกว้างเกือบ 1 m. ได้แบบในห้องตัวอย่างเลยนะคะ

บริเวณปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ และด้านข้างมีพื้นที่สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งหรือทำเป็นชั้นวาง TV ได้อีกนะ

ตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการ Built-in มาให้ เป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน หน้าบานเป็นกระจกชาดำ ซึ่งการเลือกใช้กระจกก็ช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นได้

ภายในตู้มีพื้นที่เก็บเสื้อผ้าและของใช้เยอะอยู่นะคะ

ถัดมาที่พื้นที่ครัวจะมีการเปลี่ยนวัดสุปูพื้นจากไม้ลามิเนตไปเป็นกระเบื้องให้เหมาะกับประโยชน์ใช้สอย จะได้ทำความสะอาดง่ายๆ

ครัวของห้องนี้จะเป็นครัวเปิด มีตำแหน่งอยู่ระหว่างห้องน้ำและห้องอเนกประสงค์ ซึ่งเค้าให้เคาน์เตอร์ครัวมาแบบกะทัดรัด พอให้ทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ ได้

ตู้เก็บของด้านล่างมีช่องสำหรับวางเตาไมโครเวฟและลิ้นชักเก็บของมาให้ 2 ชั้น ส่วนพื้นที่ใต้อ่างล้างจานเหมาะกับการเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด และถังขยะสำหรับทิ้งเศษอาหาร เพื่อความเรียบร้อยเมื่อมองจากภายนอกค่ะ

บานตู้ถูกดีไซน์ให้มือจับเปิด-ปิดเป็นชิ้นเดียวกันเลย ช่วยแก้ปัญหาเรื่องมือจับหลุดและทำให้ตัวตู้ดูเรียบร้อยดี

Top ครัวเป็นหินเทียมสีขาว มี Backsplash เป็นกระเบื้องมาด้วย ช่วยให้ทำความสะอาดง่ายไม่เลอะผนัง

อ่างล้างจานได้ของ Hafele ขนาดพอให้ใส่หม้อลงไปล้างได้สะดวกอยู่นะ

Hob&Hood ก็จะได้ของ Hafele อีกเช่นกัน ได้เป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวและเครื่องดูดควันแบบปล่อยควันออกด้านนอก

ชั้นเก็บของด้านบนหน้าบานเป็นลามิเนตลายไม้แบบ Soft Close ให้ช่วยลดการกระแทก

อีกฝั่งหนึ่งในพื้นที่ครัวจะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น ขนาดตู้เย็นที่วางในห้องตัวอย่างคือ 7.4 คิว ซึ่งพอเหมาะสำหรับการใช้งาน 1-2 คน

สำหรับห้องครัวนั้นเชื่อมต่อกับห้องอเนกประสงค์ด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ทำให้ทั้ง 2 ห้องได้แสงธรรมชาติที่ผ่านเข้ามา ช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นได้

ห้องอเนกประสงค์มีขนาดประมาณ 2.45 x 1.5 m. ซึ่งมีประตูกระจกกั้นทั้ง 2 ด้านทำให้ห้องดูไม่แคบมากนัก แต่ก็ทำให้มีฝั่งที่เป็นผนังน้อยลง เป็นข้อจำกัดในการวางเฟอร์นิเจอร์นะคะ

พื้นที่การใช้งานเหมาะกับเป็นพื้นที่นั่งทำงาน หรือห้องออกกำลังกาย ถ้าใครจะทำเป็นห้องนอนก็สามารถวางเตียงเดี่ยวได้อยู่นะคะ

ประตูระเบียงเป็นบานเลื่อนกระจก 3 ตอน ทำให้เปิดใช้งานได้กว้าง

ตัวระเบียงได้มาเป็นแบบ Private Balcony มีระแนงที่กั้นมาให้จนถึงฝ้าเพดานทำให้มีความเป็นส่วนตัว และช่วยกันไม่ใช้ของตกเวลาตากผ้า แต่ก็จะต้องแลกกับการที่มีแสงเข้าได้น้อย และไม่สามารถมองเห็นวิวได้ชัดเจนจากห้องอเนกประสงค์ จึงเป็นระเบียงที่เน้นการใช้งานมากกว่าชมวิว

ตัวระเบียงมีขนาดประมาณ 2.45 x 0.8 m. ได้มาเป็นแบบ Private Balcony มีระแนงที่กั้นมาให้จนถึงฝ้าเพดานทำให้มีความเป็นส่วนตัว และช่วยกันไม่ใช้ของตกเวลาตากผ้า แต่ก็จะต้องแลกกับการที่มีแสงเข้าได้น้อย และไม่สามารถมองเห็นวิวได้ชัดเจนจากห้องอเนกประสงค์ จึงเป็นระเบียงที่เน้นการใช้งานมากกว่าชมวิว

โครงการเดินงานระบบสำหรับวางเครื่องซักผ้าไว้ให้เรียบร้อย และแขวน Condensing Unit ไว้เหนือเครื่องซักผ้า ทำให้ใช้งานพื้นที่ระเบียงได้เต็มที่

ในส่วนของห้องน้ำที่ได้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูปจาก Siam Steel ใครอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถคลิกอ่านได้จากบทความนี้เลยค่ะ ห้องน้ำสำเร็จรูปแตกต่างจากห้องน้ำทั่วไปอย่างไร

วิธีสังเกตห้องน้ำสำเร็จรูปง่ายๆ ก็คือ ตัวพื้นจะยกระดับขึ้นประมาณ 10 – 15 cm. เพื่อจัดการวางงานระบบไว้ด้านใต้นี้ ทำให้เมื่อเกิดความชำรุดเสียหายของตัวห้องน้ำเช่น ท่อแตก ก็สามารถทำการซ่อมแซมภายในห้องได้เลยไม่ต้องรบกวนลูกบ้านห้องชั้นล่างของเราค่ะ

ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียก-ส่วนแห้งมาให้ชัดเจน ผนังและพื้นกรุกระเบื้องแกรนิตโต้มาให้ทั้งหมด จะต่างกันที่ส่วนผนังให้เป็นกระเบื้องผิวเงา ลายหินอ่อน ส่วนพื้นจะเป็นผิวด้าน ช่วยกันลื่นเมื่อเปียกน้ำค่ะ

อ่างล้างหน้าติดตั้งลอยตัวมาให้ จาก Hafele มีขนาดพอเหมาะให้ใช้งานได้

สำหรับห้องน้ำสำเร็จรูปจะมีลักษณะพิเศษอีกอย่างคือเค้าจะมีงานระบบอยู่ด้านหลังอ่างล้างมือและสุขภัณฑ์ต่างๆ ทำให้เกิดเป็น Low Wall ที่เราสามารถใช้วางของได้ด้วยนะคะ

สุขภัณฑ์ที่ได้ของ Hafele อีกเช่นกัน ติดตั้งมาให้พร้อมกับสายชำระและที่แขวนกระดาษชำระ

ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นกระจกบานเปลือยมาให้ เป็นกระจกเทมเปอร์ที่ช่วยในเรื่องความปลอดภัย เพราะเมื่อกระจกแตกจะกระจายเป็นเม็ดข้าวโพดไม่แหลมคมเหมือนกระจกทั่วไป

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.9 x 0.85 m. พอให้ยืนอาบและหมุนตัวได้

ส่วนที่เราชอบคือมือจับ Shower Box ที่ให้มาแบบสามารถแขวนผ้าเช็ดตัวได้ และติดขอบยางด้านหลังมือจับมาให้ เพื่อเป็นตัวกันกระแทกให้กับประตูได้ด้วย

ภายใน Shower Box มีช่องเก็บของซ่อนในผนังมาให้ สำหรับวางสบู่ แชมพู

พร้อมติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจาก Hafele และเดินงานระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นรอไว้ให้แล้ว

เนื่องจากตำแหน่งห้องน้ำที่อยู่ด้านในทำให้ต้องพึ่งพิงพัดลมดูดอากาศที่โครงการติดตั้งไว้ให้นะ แนะนำว่าถ้าห้องน้ำชื้นๆ ให้เปิดพัดลมดูดอากาศเอาไว้ก่อนนะ จะช่วยลดการเกิดเชื้อราได้ค่ะ

ถัดมาที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. ซึ่งแปลนจะคล้ายๆ กับห้องแรกเลย แต่ฟังก์ชันของห้องนี้จะเป็น 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และได้ครัวปิด ใครที่ชอบทำอาหารก็สามารถเลือกแปลนนี้ได้นะ เพราะหากทำอาหารแล้วมีกลิ่นฟุ้งกระจายก็ยังสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศได้อีกทาง ถือว่าลงตัวทีเดียวสำหรับห้องที่อยู่ 1 – 2 คน แบบไม่ได้ต้องการพื้นที่ภายในห้องใหญ่มากนัก แต่ชอบพื้นที่การใช้งานที่เป็นสัดส่วน บรรยากาศภายในจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันต่อเลยค่ะ

เข้ามาภายในห้องจะเจอกับ Living Area ที่เชื่อมต่อกับ Bedroom ทำให้มองเห็นวิวภายนอกได้ ห้องจึงดูโปร่งมากขึ้น

สำหรับ Living Area ของห้องนี้มีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 2 m. เหมาะกับการวาง TV ขนาด ประมาณ 32 นิ้ว จะเป็นระยะที่สบายตา

พื้นที่ของห้องนี้เหมาะกับการวางโซฟาขนาดประมาณ 2 ที่นั่ง เพื่อให้เหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างได้อีกตัวนึง เพราะดูจากขนาดพื้นที่ทางเดินแล้ว เราคิดว่าห้องแปลนนี้เหมาะจะวางโต๊ะสตูลข้างๆ มากกว่าโต๊ะกลางนะคะ

สำหรับห้องนี้ก็จะได้ตู้รองเท้า Built-in มาให้ด้วยเช่นกัน เป็นตู้สูงจากพื้นจรดฝ้า ทำให้ใช้งานพื้นที่ได้คุ้มค่า ส่วนด้านหลังทีวีเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ ติดกันเป็นห้องครัวและระเบียง

ห้องน้ำที่ได้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูปเช่นเดียวกับห้องแบบแรก มีขนาดพื้นที่ใช้สอยเท่ากัน เป็นมาตรฐานที่ประกอบสำเร็จมาจากโรงงานเลยนะ

ภายในห้องน้ำมีการแบ่งฟังก์ชันส่วนเปียก-แห้งไว้ชัดเจน มาพร้อมโถสุขภัณฑ์และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จาก Hafele

ห้องครัวของ Type นี้จะเป็นครัวปิด มีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นเป็นสัดส่วน ดีเทลที่เราชอบก็คือ ประตูบานเลื่อนตรงนี้จะยึดด้วยรางบนอย่างเดียว ทำให้ไม่มีรางที่พื้น เวลายกหม้อร้อนๆ ยกจานชามเข้าออกก็สะดวก ไม่ต้องกลัวสะดุด

ภายในห้องครัวจะติดตั้งเคาน์เตอร์ พร้อมเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควันและซิงค์น้ำ แบบพร้อมใช้งาน สเปกเดียวกับห้องแบบแรกที่ได้เป็นของ Hafele ทั้งหมด ส่วนพื้นครัวปูกระเบื้องเซรามิคจึงง่ายต่อการทำความสะอาด

ข้อดีอีกอย่างของห้องครัวแปลนนี้ก็คือ ติดกับระเบียง เราจึงระบายกลิ่นควันออกทางระเบียงได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนจึงสามารถเปิดประตูได้กว้าง

พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 1.6 x 1 m. พอให้วางเครื่องซักผ้า และราวตากผ้าเล็กๆ ได้ เราแนะนำว่าใช้แบบราวแขวนติดผนังก็จะช่วยประหยัดพื้นที่เพิ่มขึ้นได้

ส่วนที่ไม่เหมือนใครก็คือ ระแนงบังสายตาที่โครงการจะติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานของทุกห้องนะคะ

ปิดท้ายกันด้วยห้องนอน ที่สามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวเวลาพักผ่อนได้ด้วยการเลื่อนประตูปิด ซึ่งประตูของห้องนี้ก็ได้มาเป็นประตูกระจก 3 ตอนเช่นเดียวกัน บานประตูสูงจากพื้นถึงฝ้า จึงรับแสงเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นได้เยอะ

ห้องนอนมีขนาดประมาณ 3.4 x 2.5 m. จะวางเตียงได้ 5-6 ฟุตก็ได้ทั้ง 2 ขนาดเลยนะ และ Highlight ของห้องนี้ก็คือ หน้าต่างบานใหญ่เกือบเต็มผนัง ไม่มีกรอบบานมากั้นบังวิวตรงกลาง ทำให้มองวิวได้แบบฟินๆ

เมื่อเค้าออกแบบห้องนอนให้เป็นกระจกทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้ห้องนอนดูโปร่งดีทีเดียว ฝั่งนึงมองออกไปเห็นวิวเมือง และอีกฝั่งนึงก็มองเห็นบรรยากาศในห้องนั่งเล่นได้

ปลายเตียงเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้า Built-in ที่ทางโครงการติดตั้งมาให้ มีพื้นที่ข้างตู้ให้ทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งด้วยนะคะ หรือถ้าจะติดทีวี คงต้องชั่งใจดูว่าอยากได้เป็นทีวีหรือกระจกบานใหญ่ๆ มากกว่ากัน

สวิตช์ภายในห้องจะได้ของ Schneider ยี่ห้อมาตรฐานที่นิยมใช้กันทั่วไปค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคา

เซียล่า จรัญฯ13 สเตชั่น ราคา ณ วันที่ 8 เมษายน 2564

  • 1 Bedroom / เนื้อที่ 25.00 ตารางเมตร / ราคา 2.59 ล้านบาท / หรือ 103,600 บาทต่อตารางเมตร
  • 1 Bedroom Plus / เนื้อที่ 30.50 ตารางเมตร / ราคา 3.10 ล้านบาท / หรือ 101,639 บาทต่อตารางเมตร
  • 1 Bedroom Corner / เนื้อที่ 30.50 ตารางเมตร / ราคา 3.10 ล้านบาท / หรือ 101,639 บาทต่อตารางเมตร

 

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 เมตร ( ครัว 2.45 เมตร/ห้องน้ำ 2.30 เมตร /ระเบียง 2.70 เมตร )
  • Kitchen & Sink / ท๊อปหินเทียม
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Hafele
  • จองและทำสัญญา 5,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล : โครงการ Ciela จรัญฯ13 สเตชั่น ตั้งอยู่บนถนนหลักจรัญสนิทวงศ์ ระหว่างแยกไฟฉายกับแยกท่าพระ สำหรับเรื่องความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการหายห่วงกันได้เลย เพราะถือว่าเป็นทำเลที่หาของทานง่ายมากๆ หรือต้องการที่ช้อปปิ้งก็มีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นร้านค้าราคาย่อมเยา, ตลาดสด, ศูนย์การค้าและHypermarket

ส่วนตัวคิดว่าจุดเด่นสุดน่าจะเป็นเรื่องของตลาด ที่มีตลาดชื่อดังอยู่ในรัศมี 2-3 km. ให้เลือกเดินกันอย่างคับคั่ง นอกจากนี้ยังใกล้โรงพยาบาลดังอย่างศิริราช ใกล้มหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) หรือจะเข้าไปทำงานในเมืองทั้งย่านสาทร ก็สามารถไปทางเรือได้

การเดินทางโดยใช้รถ : นับเป็นโครงการติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์โดยแท้จริง ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวกทั้งการเข้า-ออกเมืองผ่านถนนหลัก แต่การออกเมืองจะสะดวกกว่าเพราะทำเลนี้มีทีเด็ดอย่างนึงก็คือ อยู่ใกล้ซอยจรัญฯ 13 ซึ่งเป็นซอยลัดวิ่งไปเชื่อมถนนราชพฤกษ์, ถนนบางแวก, ถนนพุทธมณฑลสาย รวมถึงจะออกไปเส้นวงแหวนกาญจนาภิเษกก็ได้ จะติดก็อย่างเดียวคือ จำนวนที่จอดรถให้มาน้อยไปนิดนึง ชดเชยมาด้วยความสะดวกจากการเดินทางโดยรถสาธารณะค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ถือว่าสะดวกมากทีเดียว เนื่องจากโครงการอยู่ติด “ถนนใหญ่” ทำให้เรียกรถสาธารณะด้านหน้าได้ง่าย ทั้งรถสองแถว พี่วินมอเตอร์ไซค์ ป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการนิดเดียวและเรียก Taxi ที่ด้านหน้าโครงการได้เลย เป็นข้อดีของโครงการติดถนน สำหรับตัวช่วยในการเดินทางเด่นๆ ก็คือ รถไฟฟ้าสถานีจรัญฯ13 ที่อยู่ติดกับโครงการเลย แถมมีตัวเลือกเสริมเป็นเรือด่วนเจ้าพระยาแถววังหลังด้วยค่ะ

วัสดุ : โครงการขายแบบ Fully Fitted พร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in เช่น เคาน์เตอร์ครัว, ตู้เสื้อผ้า, ตู้รองเท้าและเครื่องปรับอากาศ วัสดุที่ให้มาหลายอย่างเราคิดว่าได้ตามมาตรฐาน เหมาะสมกับราคา และหลายอย่างก็ค่อนไปทางดี เช่น ได้หน้าต่างบานใหญ่พร้อมติดม่านทึบมาให้ด้วย, ตู้เสื้อผ้าและตู้รองเท้าที่ Buit-in มาให้แบบ Full Height เลยค่ะ

การออกแบบ : การออกแบบโครงการมีคอนเซปต์ตามชื่อ “Ciela” ที่แปลว่าท้องฟ้า จึงเน้นบรรยากาศที่ดูโปร่งโล่ง จัด Facility หลักๆ ไว้ที่ชั้นบนสุด (ชั้น 20) จึงมองเห็นวิวเมืองได้กว้างแยกส่วนกับพื้นที่พักอาศัยชัดเจนเป็นสัดส่วน โครงการออกแบบไว้เป็นตัว L วางตำแหน่งลิฟต์ไว้ค่อนมาทางซ้าย ทำให้ห้องพักอีกฝั่งหนึ่งอาจจะต้องเดินไกลสักหน่อย ส่วนที่ชอบคือมีโซนที่ห้องพักหันหน้าเข้าหากันเพียง 4 ยูนิต ทำให้เป็นโซนที่ได้ Value เพิ่มขึ้น และอีกเรื่องคือเค้าจัดวางตำแหน่งประตูห้องให้ไม่ชนกัน และไม่มีห้องตรงทางแยกเลยค่ะ

ส่วนการออกแบบภายในห้องเน้นพื้นที่เป็นสัดส่วนจัดออกมาได้ค่อนข้างลงตัว แม้ว่าห้องส่วนใหญ่จะไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก แต่โครงการก็ออกแบบให้มีกระจกบานใหญ่ ทำให้ห้องดูโปร่ง  มองเห็นวิวได้แบบเต็มที่ และใช้วัสดุปูพื้นครัวแยกกับพื้นห้องทำให้ทำความสะอาดง่าย โดยรวมเหมาะกับคนที่อยู่อาศัยไม่เกิน 2-3 คนค่ะ

สาธารณูปโภค : พื้นที่ส่วนกลางที่ได้ค่อนข้างครบตามมาตรฐาน แม้ไม่มี Extra แต่ก็ออกแบบดูน่าใช้งาน โดย Facilities หลักๆ จะอยู่ที่ชั้น 1 และชั้น 20 ส่วนที่ชอบเลยคือ Lobby ที่นี่กว้างดีและมีชุดโซฟาไว้รองรับการใช้งานเยอะมาก มี Waiting Area สำหรับที่จอดรถ Auto Parking ส่วนสระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้นบนสุดแบบ infinity Edge Pool, Fitnessและห้อง Co-Working Space ซึ่งทั้งหมดได้วิวดีทีเดียว ยังไม่มีตึกสูงบังเลยค่ะ โครงการมี Lift 2 ตัว ทำให้มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการประมาณ 180 : 1 ถือว่าหนาแน่น อาจจะต้องเผื่อเวลาสักหน่อยในชั่วโมงเร่งด่วน

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 110,000 บาท/ตร.ม., 8 เมษายน 2564

  • ทำเล 7.75/10 – ติดถนนใหญ่ หาของกินง่าย มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – มีซอยลัดจรัญฯ 13 อยู่ใกล้ๆ ที่จอดรถ 40%
  • ไม่ใช้รถ 8.75/10 – ติดรถไฟฟ้าสถานีจรัญฯ13 มีรถประจำทาง วินมอเตอร์ไซค์ รอกระป๊อ และเรือด่วนเจ้าพระยา
  • วัสดุ 7.5/10 – ได้ Fully Fitted ตามมาตรฐาน และเฟอร์ฯบางอย่างค่อนไปทางดี
  • แบบ 8.25/10 – ออกแบบโครงการและห้องพักได้เป็นสัดส่วน โปร่งโล่ง น่าอยู่อาศัย
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ฟังก์ชันครบ ขนาดใหญ่ เน้นวิวสวย

  • UPPER CLASS
  • 7.9 / 10.00

Ciela จรัญฯ13 สเตชั่น เหมาะกับใคร

เซียล่า จรัญฯ13 สเตชั่น เหมาะสำหรับคนที่เคยชินกับสภาพความเป็นอยู่ของชาวฝั่งธนฯครอบครัวเดิม มองหาโครงการที่ติดสถานีรถไฟฟ้าโดยแท้จริง มีความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการในราคาย่อมเยา ชอบโครงการที่มีจำนวนยูนิตไม่เยอะนัก และชอบการออกแบบที่โปร่งโล่ง ใช้กระจกบานใหญ่ๆ มี Facilities หลากหลาย และเน้นให้ชมวิว มีงบประมาณเริ่มต้นที่ 2.59 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนเริ่มต้นประมาณ 18,000 บาท/เดือน


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc