รีวิวฉบับที่ 1941.. พาชมตึกเสร็จโครงการ Aspire งามวงศ์วาน จาก AP เป็นโครงการ High Rise สูง 28 ชั้น 2 อาคาร ลักษณะการวางเป็นรูปตัว Z ที่ทำให้ห้องพักอาศัยไม่บังวิวกันเอง + บรรยากาศภายในร่มรื่นดี ส่วนห้องมีเฉพาะ 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. แต่มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ โดยขายแบบ Fully Furnished ที่พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท เราไปชมของจริงกันค่ะ

Fact @ 10 September 2019

  • Aspire Ngamwongwan (แอสปาย งามวงศ์วาน)
  • บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด ( มหาชน )
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนนงามวงศ์วาน ติดซอยชินเขต 1 เขตหลักสี่
  • ที่ดินประมาณ 9-3-40 ไร่
  • คอนโด High Rise 28 ชั้น 2 อาคาร 1,458 ยูนิต และร้านค้า 6 ยูนิต
  • อาคารจอดรถสูง 8 ชั้น

  • ที่จอดรถคิดเป็น 38 % ไม่รวมซ้อนคัน

  • เริ่มก่อสร้าง : ปี 2557
  • สร้างเสร็จแล้ว : ปี 2559
    • 1 Bedroom Type A พื้นที่ใช้สอย 28 ตารางเมตร
    • 1 Bedroom Type B พื้นที่ใช้สอย 28 ตารางเมตร
    • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
    • ราคาเริ่มต้น

    • Fully Fitted : 1.89 ล้านบาท
    • Fully Furnished : 1.99 ล้านบาท

  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 70,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • โทร  : 02-261-2518
  • Call Center : 1623
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วนะคะ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด Google Maps : 13.85497,100.54832

    หรือสามารถ : คลิกที่นี่

    แผนที่จากทางโครงการค่ะ

    โครงการ Aspire งามวงศ์วาน ตั้งอยู่บนถนนงามวงศ์วานใกล้กับแยกพงษ์เพชร ติดกับซอยชินเขต 1 ที่ถือว่าเป็นทำเลที่ยังได้ทะเบียนบ้านกรุงเทพอยู่นะ เพราะถ้าข้ามคลองประชาชื่นไปทางซ้ายจะถูกเปลี่ยนเป็นจังหวัดนนทบุรีแล้วค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าย่านนี้มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในแง่จำนวนผู้เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ เพราะเป็นทั้ง แหล่งงาน + แหล่งสถานศึกษา รวมไปถึงเรื่องความอุดมสมบูรณ์ก็จัดว่าครบเพราะมีห้างและร้านค้าต่างๆ

    การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ต้องบอกก่อนว่าถนนงามวงศ์วาน เป็นถนนที่เชื่อมต่อกับถนนหลักอย่างถนนวิภาวดี-รังสิต ที่วิ่งเข้าเมืองไปทางดินแดง หรือออกเมืองไปดอนเมือง-รังสิตก็สะดวก ส่วนอีกเส้นที่สำคัญคือถนนประชาชื่น เนื่องจากเป็นเส้นที่วิ่งไปสุดแถวบางซื่อ ซึ่งมีแหล่งงานขนาดใหญ่อย่าง SCG และในอนาคตจะมี Hub Transportation สถานีกลางบางซื่อ ขนาดใหญ่ของกรุงเทพตั้งอยู่ที่นี่ด้วยนะ อีกประเด็นที่สำคัญคงหนีไม่พ้นเรื่องของ “ทางด่วน” โดยถ้ามองจากในแผนที่แล้ว จะเห็นว่าเราถูกขนาบข้างด้วยทางด่วน 2 เส้น เริ่มจากที่ใกล้โครงการสุดจะเป็นทางด่วนโทลล์เวย์  ที่ใช้เชื่อมกับทางด่วนเฉลิมมหานครในเมือง ที่ไปแถวพระราม 9 – สุขุมวิทได้ ส่วนฝั่งซ้ายมือก็มีทางด่วนศรีรัช ที่ใช้เข้าเมืองไปทางสีลม-ดาวคะนอง ทำให้เรามีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้นค่ะ

    ส่วนการเดินทางสาธารณะ เนื่องจากโครงการเราติดถนนใหญ่ และมีป้ายรถเมล์อยู่ใกล้ๆ ทำให้เดินไปใช้งานได้สะดวก รวมถึงข้างๆโครงการก็จะมีพี่วินให้บริการอยู่ด้วยนะคะ หรือถ้าใครอยากข้ามไปอีกฝั่งก็ไม่ลำบาก เพราะหน้าโครงการมีสะพานลอยให้ใช้บริการ รวมถึงรถ แท็กซี่ก็เรียกง่าย มีขับผ่านไปมาตลอดเวลา หรือในอนาคตบริเวณแยกบางเขน จะมีรถไฟฟ้าสายสีแดง “บางซื่อ-รังสิต” ที่พาคนเข้า-ออกเมืองได้ง่าย โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการคือ สถานีบางเขน ที่คาดว่าจะเปิดให้ใช้งานกันประมาณปี 2564 นะคะ

    ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการมีความคึกคักในตัวพอสมควร ในระยะเดิน ปากซอยชินเขต 1 มี 7-11 ภายในซอยมีร้านค้า ร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านขายของชำ หาของกินได้ง่าย หรือถ้าขยับไปแถวแยกพงษ์เพชร ก็จะมีทั้งตลาดพงษ์เพชร, Tesco Lotus, Home Pro ให้บริการกันอีกด้วย แต่ถ้าข้ามแยกไปแล้วบนถนนงามวงศ์วานก็จะมีห้างเก่าแก่ของคนในย่านนี้ อย่าง The Mall งามวงศ์วาน และถัดไปหน่อยก็จะมี Grand Plaza, พัทธ์ทิพย์ พลาซ่า เรียกได้ว่าโครงการเราใกล้แหล่งความเจริญของย่านนี้เลยแหละ

    นอกจากนี้ยังใกล้สถานศึกษาที่สำคัญ อย่างมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่สามารถเข้าจากซอยชินเขต 1 ได้เลย ไม่ต้องไปเสียเวลากลับรถบนถนนหลัก รวมถึงยังข้ามสะพานไปหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้อีกด้วยนะ ซึ่งวันที่เราเข้าไปเก็บรีวิว ก็มีนักศึกษาอยู่ที่นี่เยอะพอสมควรเลยแหละ ส่วนโรงพยาบาลใกล้ๆก็จะมี รพ.นนทเวช และรพ.วิภาวดี นอกจากนั้นยังรายล้อมด้วย สถานราชการและอาคารสำนักงาน อยู่เยอะพอสมควรเลย

    สำหรับการเดินทางไปโครงการวันนี้ จะขอเริ่มต้นบนถนนวิภาวดี-รังสิต ตรงมาเรื่อยๆ เลี้ยวซ้ายที่แยกบางเขน 2 (ป้ายแคราย) แล้วขับตรงต่อไปอีกประมาณ 1.5 กม. จากนั้นให้กลับรถบริเวณใต้สะพาน แล้วขับตรงมาอีก 180 ม. ก็จะพบโครงการอยู่ทางขวามือค่ะ

    เริ่มต้นบนถนนวิภาวดี-รังสิตน มุ่งหน้าออกเมืองไปทางรังสิต มองหาป้ายแครายไว้ หลังจากนั้นให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายไปได้เลย

    จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนงามวงศ์วานค่ะ ฝั่งมุ่งหน้าไป The Mall งามวงศ์วาน

    เมื่อเข้าถนนงามวงศ์วาน ก็ให้ขับตามทางไป แต่ให้ชิด 2 เลนทางซ้ายไว้ดีกว่า เพราะฝั่งขวามือจะมีสะพานข้ามแยกค่ะ

    ตรงมาสักพักจะพบเรือนจำคลองเปรมอยู่ทางซ้ายมือ ให้เราตรงต่อไปเลยค่ะ

    ขับตรงมาจะเห็นโครงการเราอยู่ทางขวามือแล้วนะคะ แต่ให้เราขับตรงไปก่อนเพื่อกลับรถบริเวณใต้สะพานค่ะ

    ขับตรงมาก่อนถึงสี่แยกจะมีจุดกลับรถอยู่ฝั่งขวามือค่ะ

    หลังจากกลับรถแล้ว ขับตรงมาประมาณ 180 เมตร จะพบโครงการ Aspire งามวงศ์วาน อยู่ทางซ้ายมือค่ะ

    รอบๆโครงการส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ ไม่เกิน 8 ชั้น ส่วนอาคารที่ติดถนนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นยาวตลอดแนวเลยค่ะ ทำให้วิวโดยรอบค่อนข้างโล่งทีเดียว แต่เนื่องจากโครงการเริ่มที่ชั้น 2 ทำให้ชั้น 2-8 อาจจะโดนบังวิวได้ รวมถึงทางทิศตะวันออกยังติดกับโรงเรียนอนุบาล ที่ส่งเสียงดังพอสมควรในเวลาพัก ซึ่งถ้าซื้อห้องชั้นล่างๆ ก็จะได้ยินเสียงเด็กๆบ้างในช่วงเวลาเปิดเรียน แต่ถ้าสูงขึ้นมาหน่อยก็ไม่ได้ยินเสียงแล้วค่ะ

    • ทิศเหนือ : ติดกับบ้านพักอาศัยสูง 1-3 ชั้น แต่จะไม่มีห้องพักหันออกฝั่งนี้โดยตรงค่ะ
    • ทิศตะวันออก

    • South Tower : ติดกับตึกสูง 8 ชั้น + โรงเรียนอนุบาลสูง 4 ชั้น ที่ห้องชั้นล่างๆจะโดยบังวิวได้
    • North Tower : ติดกับบ้านพักอาศัยสูง 1-3 ชั้น ซึ่งจะไม่มีผลกระทบมากนัก

  • ทิศใต้ : ติดถนนงามวงศ์วาน และไม่มีห้องพักหันออกฝั่งนี้โดยตรงค่ะ
  • ทิศตะวันตก : ติดกับที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบสูง 1-4 ชั้น ซึ่งจะมีผลกระทบกับห้องพักอาศัยชั้นล่างๆหน่อยนะคะ
  • เริ่มจากฝั่งซ้ายมือของโครงการ ที่มุ่งหน้าไปทางม.เกษตร ซึ่งหน้าโครงการจะมีสะพานลอยข้ามไปฝั่งนู้นเพื่อความปลอดภัยค่ะ เราจะขอพาชมบรรยากาศบนสะพานกันสักเล็กน้อย

    สำหรับสะพานนี้จะไม่มีหลังคาคลุมมาให้ แต่จะมีไฟให้เป็นระยะๆ ซึ่งถ้าใครต้องใช้บริการบ่อยๆ ก็อย่าลืมพกร่มกันด้วยนะ เขาเป็นห่วง > <

    วิวบนสะพานลอยฝั่งมองไปทางแยกพงษ์เพชร มุ่งหน้าไปฝั่ง The Mall งามวงศ์วาน ซึ่งถ้าเราขึ้นสะพานจะเลยทางเข้า-ออกนะ ต้องชิดซ้ายผ่านสี่แยกไฟแดงไปค่ะ ส่วนโครงการเราจะอยู่ทางขวามือค่ะ

    ฝั่งนี้เป็นมุมมองที่มองไปทางถนนวิภาวดี-รังสิต สังเกตถนนที่นี่ค่อนข้างใหญ่ และมีเกาะกลางถนน ซึ่งทำให้ต้องใช้สะพานลอยในการข้ามค่ะ

    กลับมาฝั่งโครงการ เดินลอยสะพานลอยไปจะเป็นปากซอย ชินเขต 1 นั่นเอง ซึ่งปากซอยจะมี ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่เราเดินมาใช้บริการได้เลยค่ะ

    ภายในซอยชินเขต 1 ช่วงต้นค่อนข้างคึกคักทีเดียว มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายยา รวมถึงมีพี่วินมอเตอร์ไซต์ให้บริการอีกด้วย

    ติดกับโครงการทางทิศตะวันออก บริเวณ South Tower จะเป็นอาคารสูง 8 ชั้น ซึ่งถ้าเราอยู่ชั้นล่างๆ ก็อาจจะโดนบังวิวได้ค่ะ

    ภายในซอยชินเขต 1 ยังมีรถสองแถวให้บริการอีกด้วยนะคะ

    แต่ถ้าเดินเลยซอยชินเขต 1 มาจะมี Show Room ของ Mercedes Benz ที่บริเวณด้านหน้ามีป้ายรถเมล์ให้บริการ ซึ่งจะมีที่นั่งพร้อมหลังคาคลุม นั่งก็แบบไม่ต้องกลัวร้อนเลย ส่วนรถเมล์ที่ผ่านประจำก็ตามป้ายเลยนะคะ

    นอกจากนี้ถ้าขยับมาอีกนิดจะมีปั๊มน้ำมัน Caltex ขนาดใหญ่ ที่เราสามารถขับรถมาเติมก่อนไปทำงานได้ ซึ่งภายในมีร้านค้าให้บริการอีกด้วย

    ภายในมีทั้งร้านสะดวก ร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงร้านซ่อมรถ ไว้บริการอีกด้วยนะ

    เดินกลับมาอีกฝั่งที่มุ่งหน้าไปทางแยก เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นตลอดแนว ที่ชั้นล่างบางส่วนทำเป็นร้านค้า ร้านอาหาร แต่บางช่วงก็เป็นอาคารร้างนะคะ

    สถานที่สำคัญใกล้เคียง

    • ตลาดพงษ์เพชร ~ 350 เมตร
    • Tesco Lotus พงษ์เพชร ~ 550 เมตร
    • รพ. นนทเวช ~ 600 เมตร
    • Home Pro ประชาชื่น ~ 650 เมตร
    • เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ~ 700 เมตร
    • เรือนจำคลองเปรม ~ 1.4 กิโลเมตร
    • ถนนวิภาวดี-รังสิต ~ 1.6 กิโลเมตร
    • ทางขึ้นลงทางด่วน ~ 1.8 กิโลเมตร
    • สถานีรถไฟฟ้าบางเขน (สายสีแดง) ~ 2.0 กิโลเมตร
    • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 2.3 กิโลเมตร
    • Esplanade งามวงศ์วาน ~ 3.2 กิโลเมตร
    • Tesco Lotus รัตนาธิเบศร์ ~ 3.5 กิโลเมตร


    เจาะลึกตัวโครงการ

    มาดู Master Plan ของโครงการกันก่อนค่ะ โครงการตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 9-3-40 ไร่ ที่แบ่งออกเป็น 3 โซน สวนหย่อมด้านหน้า ตัวอาคาร และพื้นที่สวนด้านหลัง ตามลำดับ เริ่มจากทางเข้า-ออกอยู่ติดถนนงามวงศ์วาน มีป้อมยามช่วยดูแลความปลอดภัย ระหว่างทางเดินไปอาคารมีสวนหย่อม 2 ข้างทาง ภายในมีทั้งที่นั่งเล่นแบบ Outdoor สนามบาส และลานกีฬา Extreme เดินเข้ามาจะเจอกับร้านค้าใต้อาคาร ตรงกลางจะเป็น Lobby รวม ที่ไว้แจกจ่ายไปยังตึก South Tower และ North Tower ที่แยกโถงลิฟต์กันชัดเจน โดยจะมีลิฟต์ 3 ตัว/อาคาร อัตราส่วนประมาณ 243 : 1 ถือว่าค่อนข้างหนาแน่นทีเดียว ส่วนลิฟต์ Service จะมีแยกใช้งานมาให้อีก 1 ตัวค่ะ

    ส่วนที่จอดรถแยกออกมาที่อาคารด้านหลังสูง 8 ชั้น ซึ่งชั้นดาดฟ้าเป็น Main Facilities ของโครงการ สำหรับการเดินรถภายในโครงการเป็นแบบขับสวนกัน ในช่วงแรกของทางเข้าโครงการ แต่เมื่อเลยจากจุด Drop off ไปแล้วนั้น จะเป็นแบบเดินรถทางเดียว ที่วนรอบโครงการ ลองสังเกตลูกศรในแผนที่ดูนะคะ

    เริ่มต้นที่หน้าโครงการ ติดกับถนนงามวงศ์วาน ที่จัดเป็นสวนสวยงาม + น้ำพุ และมีป้ายโครงการขนาดใหญ่เห็นชัดเจนค่ะ

    บริเวณทางเข้า-ออก พื้นเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายเพื่อความสวยงาม ด้านข้างมีทางเดินเท้าแยกใช้งานเพื่อความปลอดภัย

    ระหว่างทางเข้า-ออก มีป้อมรปภ.กั้นแยก พร้อมรปภ.ดูแลความปลอดภัย 24 ชม.

    ทางเข้า-ออกเป็นไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ + Key Card Access ระยะใกล้ พร้อม CCTV ไว้จดบันทึกทะเบียนรถค่ะ

    เข้ามาภายในโครงการจะเป็นพื้นคอนกรีต พร้อมตีพื้นสีฟ้าสำหรับทางวิ่งรอบโครงการ ซึ่งขนาบข้างด้วยสวนหย่อมทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งขวามือเป็นสวนหย่อมไว้เดินเล่น ส่วนฝั่งซ้ายมือเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมค่ะ

    มาดูฝั่งซ้ายมือก่อน มีซุ้มที่นั่งแบบ Outdoor มาให้ ซึ่งถ้าใช้บริการในช่วงเที่ยงๆ บ่ายๆ จะค่อนข้างร้อนทีเดียว ส่วนพื้นทางเดินปูบล็อกหญ้าไว้ให้ด้วย สวยงามกลมกลืนกับพื้นที่สีเขียวด้านหลังเลยนะคะ

    ด้านหลังมีพื้นที่ Landscape ที่ใช้เส้นโค้งให้ดูสบายตาและลื่นไหลเป็นธรมมชาติ มาพร้อมต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น + ไฟสนามไว้ใช้ในยามค่ำคืน

    เดินไปดูฝั่งตรงข้ามกัน บรรยากาศร่มรื่นดี ทางเดินเท้าปูด้วยบล็อกหญ้าที่นำไปสู่พื้นที่กิจกรรมค่ะ

    บริเวณนี้จะมีซุ้มที่นั่งเหมือนฝั่งที่แล้ว ไว้นั่งพักเหนื่อยหรือพบปะกับเพื่อนๆก็ได้

    ถัดเข้ามามีสนามบาสเกตบอล 1 แป้น ตีวงที่พื้นไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นพื้นแบบขัดมัน สามารถใส่รองเท้าดีๆ มาเล่นได้เลย ไม่ต้องกลัวรองเท้าจะพัง + รั้วเหล็กสูงประมาณ 3 เมตร ล้อมไม่ให้ลูกบาสกระเด็นออกไปด้านนอก + ไฟ Spotlight ติดตั้งไว้ให้ใช้งานตอนกลางคืน

    ข้างๆมีลานสำหรับกีฬา Extreme ซึ่งจะเป็นพื้นคอนกรีตเรียบ พร้อมออกแบบ Slope ไว้ให้แล้วเรียบร้อย ใช้งานระวังๆกันด้วย ถ้าหกล้มน่าจะเจ็บอยู่นะ

    เราเดินต่อไปที่ตัวอาคารกัน แต่เวลาเดินต้องระวังรถกันด้วยนะ เพราะเราต้องข้ามถนนก่อนถึงจะเดินเข้าภายในอาคารได้ค่ะ

    ก่อนเข้าอาคาร ด้านหน้าจัดพื้นที่จอดรถมาให้สำหรับ Visitor ไว้จอดรถชั่วคราว ซึ่งเป็นแบบจอดกลางแจ้งนะ

    ถ้าเราใช้เดินเท้าเข้ามา ต้องผ่านตึก South Tower ก่อน ซึ่งชั้นที่ 1 เป็นร้านค้า ปัจจุบันมีทั้ง Family Mart ที่เปิด 24 ชม. พื้นที่สำหรับซักผ้าหยอดเหรียญ และร้านอาหารไว้บริการค่ะ

    ข้อดีของการเดินใต้ตึก คือจะมีหลังคาคลุมตลอดทาง ไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝนเลย ซึ่งตรงนี้ทำเป็นทางลาดมาให้สำหรับรถเข็นใช้งานได้ด้วยนะ

    เราจะบรรยากาศภายในสำหรับซักผ้าหยอดเหรียญกันหน่อย ซึ่งภายในมีตู้แลกเหรียญไว้บริการตัวเอง + โต๊ะเก้าอี้มาให้นั่งรอรับได้เลย ซึ่งบริเวณนี้จะเปิดให้ใช้งานตลอด 24 ชม. ค่ะ

    เดินเข้ามาอีกนิดจะมีพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ พร้อมจัดชุดโซฟา + ที่นั่งมาให้บริการด้วย

    เราขอแวะออกมาด้านนอก เพื่อดูพื้นที่ Drop Off กันก่อน ซึ่งตรงกลางเป็นวงเวียนต้นไม้ ที่สามารถรับ-ส่งคนเสร็จ แล้ววนออกด้านนอกได้เลย ไม่ต้องขับเข้าไปด้านในค่ะ

    ทางเข้าตัวอาคารจะยก Step ขึ้นไปเล็กน้อย ซึ่งโครงการทำทางลาดสำหรับรถเข็นมาให้เรียบร้อย พร้อมหลังคาคลุมเรียบร้อย เวลา Drop คน ก็ไม่ต้องกลัวเปียกค่ะ

    แต่ก่อนเข้าภายใน Lobby เราจะขอพาไปดูอาคารจอดรถ + Main Facilities กันก่อนค่ะ ซึ่งระหว่างทางไปโครงการจัดพื้นที่สวนมาให้ มีน้ำพุเพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่นมากขึ้น รวมถึงจัดที่นั่งแบบ Outdoor มาให้นั่งชมวิวสวนได้ด้วยนะ

    ระหว่างทางเดินไปมีหลังคาคลุมตลอด ป้องกันแดดฝนได้ + มีไฟตลอดแนวทางเดิน ที่ดูแล้วสว่างปลอดภัยดีค่ะ

    สำหรับห้อง Mail Box จะมี 2 ห้องโดยแยกออกเป็น 2 อาคาร ไว้รับจดหมาย บิลต่างๆ ส่วนพัสดุจะอยู่ที่ห้องนิติ สามารถเอาใบแจ้งไปรับได้

    ระหว่างทางเดินไปจะมีห้องน้ำไว้ให้บริการอีกด้วย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใช้งานสะดวกดี เพราะทุกคนต้องเดินผ่านก่อนขึ้นห้อง

    เดินเลยมาอีกนิด มีโซน Open Living Space  ซึ่งตรงนี้ผนังจะเป็นช่องแบบเปิดโล่ง ทำให้ลมพัดผ่านได้ดีทีเดียว ตอนเราไปถ่ายลมก็พัดผมปลิวเสียทรงเลย

    ต่อมาจะมีห้องสำหรับซักผ้าหยอดเหรียญอีกจุด 1 ที่ฝั่ง North Tower จะได้กระจายใช้งานได้ เนื่องจากโครงการนี้มีจำนวนยูนิตค่อนข้างเยอะค่ะ

    ภายในมีตู้หยอดเหรียญ + ตู้กดน้ำหยอดเหรียญไว้ให้บริการค่ะ

    ระหว่างทางเดินไปลานจอดรถ ก็จัดที่นั่งมาให้อีก 1 จุด แม้ระยะทางเดินจะไกลจาก Lobby แต่โครงการก็จัดที่นั่งมาให้ตลอดทาง

    อาคารจอดรถมีลิฟต์โดยสาร 1 ตัว ซึ่งเวลาเร่งด่วนก็ต้องรอกันหน่อยนะ

    ทางเดินรถเป็นแบบ One Way ที่จอดรถซ้อนคันได้ โดยอาคารนี้จำกัดความสูงอยู่ที่ 2.10 ม. ถ้าเป็นรถหลังคาสูงให้จอดด้านหลังที่เป็นพื้นที่กลางแจ้งค่ะ

    ด้านข้างโครงการจัดพื้นที่จอดแบบกลางแจ้งมาให้ด้วย สำหรับรถหลังคาสูง และ Visitor ที่ไว้จอดรถชั่วคราวค่ะ

    มาดูสวนด้านหลังโครงการกันดูบ้าง โดยจะเป็นสวนหย่อมขนาดใหญ่เลย

    เข้ามาภายในจะมีซุ้มประตูที่นั่งเหมือนด้านหน้า + เครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง บรรยากาศโดยรวมดูร่มรื่นดีนะ แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ยังมีพื้นที่ร่มให้ใช้งานได้อยู่ > <

    ต้องบอกก่อนเลยว่า โครงการนี้จัดเต็มเรื่องพื้นที่สีเขียวดีเลยแหละ จะไปทางไหนก็มีพื้นที่สีเขียวให้เห็นตลอดทาง

    ด้านข้างของอาคารจอดรถ ถูกตกแต่งด้วยไม้เรื้อย ทำให้อาคารดูไม่ทึบตัน มีสีสัน ไกลมกลืนกับบริบทโดยรอบของโครงการ

    ส่วนจุดจอดจักรยานยนต์อยู่ด้านหลังตึก South เป็นพื้นที่กลางแจ้งทั้งหมด ซึ่งโครงการตีเส้นแบ่งช่องจอดมาให้เรียบร้อยดีค่ะ

    กลับมาที่ส่วน Lobby กันต่อ ประตูทางเข้า-ออกเปิดใช้งานได้เลย ไม่ต้องใช้ Key Card ค่ะ โดยจะเป็นผนังกระจกที่มองเห็นพื้นที่ Drop Off ได้

    ภายใน Lobby ได้ฝ้าเพดานสูง ทำให้บรรยากาศดูโปล่งโล่ง มี Reception อยู่ตรงกลางให้บริการตลอด 24 ชม. นอกจากนี้ยังจัดชุดเก้าอี้มาให้หลากหลายรูปแบบทีเดียว

    ซึ่งจะแยกโถงลิฟต์กันระหว่าง 2 Tower ซึ่งฝั่งซ้ายจะเป็น North Tower ส่วนฝั่งขวาจะเป็น South Tower ค่ะ โดยจะกั้นด้วยกระจกใส ช่วยให้พื้นที่ดูเชื่อมต่อกันดี

    เวลาใช้งานต้องมีบัตร Key Card ในการเข้า-ออกด้วยค่ะ

    ส่วนของโถงลิฟต์ตกแต่งสวยงามดี ภายในลิฟต์ไม่ได้เป็นแบบล็อคชั้น ทำให้สามารถไปชั้นไหนก็ได้ ซึ่งความเป็นส่วนตัวอาจจะลดลงนะคะ

    กลับมาดูกันต่อที่ชั้น Main Facilities ของโครงการ ซึ่งจะอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถ ซึ่งเวลาใช้งานต้องเข้าจากอาคารจอดรถเท่านั้น รวมไปถึงต้องใช้ Key Card ถึงจะเข้าใช้งานได้ค่ะ ภายในประกอบด้วย

    • Swimming Pool : สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด …. ม. แยกสระเด็กมาให้เรียบร้อยค่ะ
    • Fitness : มีทั้ง Cardio และ Weight Training ครบ
    • Co-Working Space : ล้อมรอบด้วยกระจก 3 ด้าน ที่สามารถมองเห็นวิวสวนได้
    • พื้นที่สวนหย่อมบริเวณดาดฟ้า รอบๆสระว่ายน้ำ

    เดินเข้ามาจะมีทางเดินยาวจะถึงส่วนด้านหลัง ซึ่งจะเป็นกึ่ง Semi Outdoor ที่ช่วยบังแดดยามบ่ายทางทิศตะวันตกได้ดี แต่เนื่องจากเป็นระแนงโปร่ง ทำให้เวลาฝนตกอาจจะตัวเปียกได้นะ

    สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 29 x 7 ม. ลึก 1.20 ม. ที่สามารถว่ายน้ำจริงจังได้เลยนะ ลักษณะเป็นสระแบบ Outdoor ที่เวลาฝนตกจะไม่สามารถใช้งานได้นะ / ภายในมีสระเด็ก แยกใช้งานมาให้ด้วย โดยลึกประมาณ 60 ซม. ค่ะ

    ด้านข้างสระมีพื้นที่ล้างตัวก่อนลงสระมาให้ ภายในมีฝักบัว 2 จุด โดยมีทั้งแบบ Rain Shower และ Hand Shower เลยนะ

    รอบๆสระมีแนวทางเดินแบบบล็อกหญ้ามาให้ เพื่อให้กลมกลืนเข้ากับพื้นที่สวนหย่อม โดยจะมีซุ้มประตูที่นั่งเหมือนด้านล่างเลยนะคะ

    รวมถึงยังมี Sunbed มาให้นอนอาบแดดอีกด้วยนะ แต่ในช่วงเวลาบ่ายต้นๆ ก็จะได้ร่มเงาจากแนวอาคารด้านหลัง ช่วยบังแดดอีกแรงนะ

    ห้องน้ำแยกชายหญิงมาให้ด้วย โดยมีอ่างล้างหน้า + Locker มาให้เก็บของ เวลาไปว่ายน้ำหรือออกกำลังกาย ก็ไม่ต้องกลัวของหายนะคะ นอกจากนี้ยังมี Stream & Sauna มาให้ด้วย

    มีโถสุขภัณฑ์ + พื้นที่อาบน้ำมาให้ ซึ่งจะมีทั้งฝักบัวแบบ Rain Shower + Hand Shower เลย ทำให้ใช้งานได้สะดวก

    ห้อง Fitness ขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่ได้กว้างมาก แต่ก็มีของมาให้ครบครันทั้งเครื่องแบบ Cardio และ Weight Training รวมถึงได้พื้นเป็นพรมซึ่งเหมาะแก่การใช้งาน ป้องกันการบาดเจ็บได้ดีค่ะ

    ส่วนห้อง Co-Working Space มีขนาดพอๆกับห้องออกกำลังกาย มีพื้นที่สำหรับทำงาน และมุมนั่งเล่น ที่จะมาดูหนัง ดูละคร ดูบอลกันก็ยังได้เลย

    เมื่อออกมาภายนอกพื้นที่วางแบบ Semi-Outdoor ที่ออกมานั่งเล่น หรือใครจะปูเสื่อเล่นโยคะก็ได้นะ

    นอกจากนี้ด้านหลังยังมีพื้นที่สวน + ที่นั่งเล่นมาให้ด้วย ซึ่งบรรยากาศดูร่มรื่น น่าใช้งานดี

     

    ในส่วนของ Typical Floor Plan อาคารถูกแบ่งเป็น 2 Tower ที่ไม่ได้มีทางเชื่อมต่อกัน ทางเดินเป็นแบบ Double Corridor Loaded ซึ่งเวลาใช้งานอาจจะเปิดมาจะเอ๋กับเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามได้ รวมถึงเป็นทางเดินยาวมีช่องแสงที่ปลายทางเดิน ทำให้ช่วงกลางๆอาจจะมืดหน่อย ทำให้ต้องเปิดไฟช่วยในตอนกลางวัน ที่อาจส่งผลให้เราเสียค่าส่วนกลางเพิ่มได้ ส่วนห้องพักส่วนใหญ่จะหันออกทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออก โดยทางทิศตะวันตกเป็นฝั่งที่โดนแดดแรงในช่วงบ่ายนะคะ

    • สำหรับห้องที่น่าสนใจคือ ห้องเบอร์ 04 และ 05 ในตึก South Tower ที่หันต้องห้องพักอาศัยไปทางทิศเหนือ ซึ่งเราจะไม่ได้รับแดดแรงในช่วงบ่าย รวมถึงยังมีตึก North Tower บังแดดให้อีกด้วย
    • ส่วนห้องที่โดนบังวิวคือ ห้องเบอร์ 01 , 02 และ 03 ซึ่งตัวอาคารจะบังวิวกันเอง ทำให้การมองเห็นวิวภายนอกแคบลงนะคะ รวมถึงบางมุมอาจจะมองเห็นกันเอง ซึ่งจะทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลงค่ะ แต่ภาพรวมห้องส่วนใหญ่ได้รับวิวเต็มที่นะคะ

    ขึ้นมาที่ชั้น Typical Floor บริเวณโถงลิฟต์จะมีหน้าต่าง ไว้รับแสงและระบายอากาศได้

    โถงทางเดินหน้าห้องเป็นแบบ Double Corridor Loaded ที่ประตูตรงกันระหว่าง 2 ฝั่ง ทำให้เวลาเปิดมาอาจจะจะเอ๋เพื่อนบ้านได้ ทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลงค่ะ

    ทิศตะวันตก : วิวฝั่งที่ได้ความคึกคักของถนนงามวงศ์วาน มองเห็นแยกพงษ์เพชร The Mall งามวงศ์วาน ยาวไปจนถึงแยกแคราย ซึ่งในช่วงกลางคืน ทั้งไฟอาคารและไฟรถก็คงจะสวยน่าดู แต่ห้องอาจจะร้อนสักหน่อยในช่วงเวลากลางวัน

    ทิศตะวันออก : ฝั่งนี้ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ วิวจากชั้นบนจะค่อนข้างโล่งทีเดียว สำหรับใครที่ชอบความสงบ มองอะไรนิ่งๆ แสงไฟไม่มากนัก และใช้ชีวิตอยู่ห้องในเวลากลางวันเป็นหลัก ก็แนะนำฝั่งนี้ดีกว่านะคะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • ชั้นที่ 1

    • Lobby
    • Mail box
    • Open Living Area
    • ห้องซักผ้าแบบยอดเหรียญ 2 จุด
    • Street Basketball Court
    • Extreme Court / Street Playground
    • สวนหย่อมด้านหน้า + ด้านหลังโครงการ

  • ชั้นดาดฟ้าตึกจอดรถ
    • สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ
    • สระเด็ก
    • ห้องออกกำลังกาย
    • Co-Working Space + Study Room
    • Rooftop Garden
    • Stream & Sauna

    • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
    • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 243 : 1
    • Service Lift 1 ตัว/อาคาร
    • ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 38 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน
    • รปภ. 24 ชั่วโมง พร้อมระบบ CCTV / Access Card Control


    Product Walkthrough

    สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการมีขนาดเดียวคือ 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. โดยจะมีทั้งหมด 2 แบบ โดยโครงการมีขายทั้งแบบ Fully Fitted และ Fully Furnished เลย โดยจุดเด่นคือ แบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนชัดเจนดี ซึ่งวันนี้เราจะพาไปดูห้อง Fully Furnished ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท

     

    แปลนห้องตัวอย่าง Type A : 1 Bedroom ขนาด 28.00 ตร.ม. ภายในแบ่งออก Private และ Public ออกจากกันชัดเจน โดยเปิดเข้ามาเป็นพื้นที่ยาวจนถึงระเบียง ส่วนแรกจะเจอกับพื้นที่ครัวเปิดก่อน เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยได้ทำอาหารจริงจังมากนัก แต่ถ้าใครชอบทำอาหารแนะนำให้ติดบานเลื่อนเพิ่มเติมด้วยนะ เพื่อไม่ให้กลิ่นกระจายตัวไปติดเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ส่วนถัดไปเป็น Living Area ที่วางโซฟา 2 ที่นั่งกำลังดี ซึ่งติดกับระเบียงที่ใช้ได้จริง + วางเครื่องซักผ้าได้ เนื่องจากแขวน Condensing Unit  ไว้ด้านบนเรียบร้อย

    ส่วนอีกฝั่งจะเป็นโซนห้องนอน ที่ติดกับภายนอกอาคาร ที่เปิดกระจกรับลม และนอนดูวิวได้จากบนเตียงเลย ซึ่งขนาดห้องสามารถวางเตียง 5 ฟุตกำลังดี บริเวณหน้าห้องน้ำมีพื้นที่เหลือวางตู้เสื้อผ้าได้ + โต๊ะเครื่องสำอางได้นิดหน่อย ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียก-แห้งออกจากกันชัดเจน แต่เนื่องจากห้องน้ำอยู่ภายในห้องนอน ทำให้เวลาแขกมาต้องเดินผ่านห้องนอนก่อนเสมอ ซึ่งจะเสียความเป็นส่วนตัวเล็กน้อย เหมาะกับคนที่อยู่อาศัยเองเป็นหลัก มีแขกมาห้องไม่เยอะค่ะ

    ประตูห้องบานสีขาวขนาด 2.00 x 0.90 ม. พร้อมมือจับประตูแบบคันโยก + มีตัวล็อคกุญแจมาให้ ด้านหน้าห้องมีป้ายหมายเลขขนาดใหญ่ชัดเจนค่ะ

    ธรณีประตูหน้าปิดขอบด้วยลามิเนต  โดยสูงเสมอกับพื้นภายนอกต้องระวังฝุ่นเข้าห้องด้วยนะ

    เปิดประตูเข้ามาเจอกับพื้นยาวจนถึงระเบียงเลย ซึ่งจะทำให้แสงส่องเข้ามาภายในได้เต็มที่ พื้นภายในห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนต หนา 8 มม. ยกเว้นห้องน้ำและพื้นระเบียง ผนังของจริงเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมไฟ Downlight มาให้ ความสูงของห้อง 2.5 ม. เป็นมาตรฐาน

    เข้ามาจะเป็นพื้นที่ห้องครัวก่อน ซึ่งเราจะได้ชุดครัวหน้าตาแบบนี้เลยนะ โดยฝั่งซ้ายมือจะมีช่องให้วางตู้เย็นขนาด 9.1 คิวบิก ตามห้องตัวอย่างได้เลย

    ชั้นบนทำชั้นวางของโชว์มาให้ ที่สามารถวางไมโครเวฟได้ แต่เวลาใช้งานต้องแอบเอื้อมมือหน่อยนะ ส่วนฝั่งขวามือเป็นตู้เก็บ Hood ที่มีพื้นที่เหลือนิดหน่อย สำหรับวางเครื่องปรุงได้

    Top ครัวเป็นไม้ปาติเกิลปิดผิวลามิเนต + Backsplash เป็นกระเบื้อง เวลาทำอาหารก็ไม่ต้องกลัวเลอะผนัง เพราะเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

    อ่างล้างจานสแตนเลสหลุมเดี่ยว ขนาด 40 x 35 ซม. ก๊อกน้ำล้างจานโครเมียมทรงสูง ปรับโยกซ้าย-ขวาได้ ส่วนพื้นที่ประกอบอาหาร ให้เตาไฟฟ้าแบบสแตนเลส 2 หัว + เครื่องดูดควัน ยี่ห้อ Teka ซึ่งลักษณะเตาแบบนี้ต้องระวังในการใช้งาน ควรเช็คคราบน้ำและคราบต่างๆจากการทำอาหารทุกครั้ง เพราะอาจจะเป็นสนิมได้ง่ายนะคะ

    ชั้นล่างแบ่งช่องมาให้ใส่ของได้หลากหลาย ซึ่งบริเวณใต้อ่างจะเป็นช่องใหญ่ ไว้วางของชิ้นใหญ่ๆ ส่วนอีกฝั่งมีลิ้นชักสำหรับใส่ช้อนส้อม + ชั้นวางของมาให้ด้วยข้างล่าง

    ส่วนพื้นครัวเป็นพื้นไม้ลามิเนต ซึ่งไม่เหมาะแก่การใช้งานครัว เพราะพื้นไม้ลักษณะนี้จะไม่ทนต่อความชื้นอาจจะบวมได้ง่าย แนะนำว่าให้คอยเช็คทำความสะอาดอยู่เสมอ อย่าให้พื้นเปียกเป็นเวลานาน

    บริเวณฝั่งตรงข้ามชุดครัว มีพื้นที่เหลือ วางตู้เก็บรองเท้า + โต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้ ซึ่งเราจะได้ตามห้องตัวอย่างแบบนี้เลยนะ

    ข้อดีสำหรับห้องนี้ คือ มีตู้วางรองเท้าที่หน้าห้อง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของคนอยู่คอนโด ที่ไม่ต้องเดินผ่านฟังก์ชันอื่นๆก่อน ทำให้พื้นภายในห้องไม่เลอะค่ะ

    ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่ติดกับพื้นที่ระเบียง มุมนี้วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งหรือ Love Seat กำลังดี มีความกว้างที่พอจะวางโต๊ะกลางขนาดกะทัดรัดได้ ส่วนระยะทีวีจะอยู่ที่ประมาณ 1.72 ม. เหมาะกับการติดตั้งทีวีขนาดประมาณ 32″ ซึ่งเป็นขนาดที่พอดีกับระยะสายตาค่ะ

    ชั้นวางทีวี มีพื้นที่สำหรับเก็บของมาให้ด้วยนะ

    บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ และยังมีเครื่อง Smoke Detector ตรวจจับควันไฟมาให้ในกรณีไฟไหม้อีกด้วย

    ถัดจากส่วนครัวไปมีประตูบานเลื่อนออกไประเบียงได้ โดยได้กรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat สีเงิน + กระจกสีเขียวตัดแสง ทำให้ช่วยลดความร้อนภายในห้องได้อีกด้วย

    พื้นที่ระเบียงจะมีขนาด 2.26 x 1.00 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม. ส่วนราวกันตกระเบียงเป็นเหล็กสีดำ หลังจากที่วางเครื่องซักผ้าแล้ว ก็ยังมีพื้นที่เหลือใช้งานได้กำลังดี

    ไฟระเบียงจะติดอยู่ด้านข้าง + ด้านบนแขวน Condensing Unit ที่หันออกไปด้านนอกมาให้เรียบร้อย

    ถัดไปเป็นส่วน Private คือห้องนอน ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ขอบอลูมิเนียมสีเงิน+ กระจกสีเขียวตัดแสง ที่เลื่อนเปิดสลับได้ ทำให้ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ ซึ่งถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัว จะติดม่านเพิ่มก็ได้นะ

    บริเวณมือจับเซาะร่องพร้อมปุ่มล็อค เพื่อความเป็นส่วนตัว + สักหลาดไว้สำหรับกั้นฝุ่นได้อีกด้วย ส่วนขอบอลูมิเนียมฝังไว้กับพื้น ทำให้เดินได้สะดวกไม่ต้องกลัวสะดุดค่ะ

    ห้องนอนเหมาะกับวางเตียงขนาด 5 ฟุต กำลังดี ซึ่งพอวางกลางห้อง ก็ทำให้มีพื้นที่เดินรอบเตียงได้สะดวก

    หันกลับมาอีกฝั่ง มีผนังทึบที่โครงการต่อจุดเชื่อมสัญญาณทีวีมาให้ เราสามารถนำทีวีมาติดตั้งเพิ่มเติมเองได้ แนะนำเป็นทีวีแบบแขวน เพื่อประหยัดพื้นที่ทางเดินค่ะ

    เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตไป จะเหลือพื้นที่ทางเดินปลายเตียงประมาณ 55 ซม. เป็นระยะที่เดินได้พอดี ส่วนฝั่งริมหน้าต่างมีพื้นที่เหลือประมาณ 1 ม. ที่ค่อนข้างกว้าง เราจะวางที่นั่งแบบ Window Seat เพิ่มเติมก็ได้นะ

    หน้าต่างห้องกว้างเต็มผนัง + มีหน้าต่างบานกระทุ้งมาให้ 1 จุด ไว้ระบายอากาศภายในห้อง

    หันมาอีกฝั่งบริเวณหน้าห้องน้ำมีพื้นที่ว่าง สามารถวางตู้เสื้อผ้า + โต๊ะเครื่องแป้งได้ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ชุดนี้โครงการให้หน้าตาแบบนี้เลยนะ

    ตู้เสื้อผ้าเป็นบานเปิด + กระจกทึบสีดำ ภายในมีชั้นวางของมาให้ด้วยนะ

    หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์มีพื้นที่เหลือ 1.12 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่ยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าคนเดียวได้สบายๆค่ะ

    ห้องน้ำเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่แยกส่วนเปียก-แห้งเป็นสัดส่วนชัดเจน เข้าไปจะเป็นส่วนแห้งก่อน ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนเปียกค่ะ

    พื้นที่ใช้งานขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นสัดส่วนที่ใช้งานได้กำลังดี ส่วนพื้นและผนังเป็นกระเบื้องเซรามิค เช็ดทำความสะอาดง่าย

    ชุดอ่างล้างหน้าของ Cotto ขนาดประมาณ 44 x 27.5 ซม. ซึ่งเป็นแบบยกลอย ทำให้ล้างพื้นห้องน้ำได้สะดวก + โถสุขภัณฑ์ ยี่ห้อ Cotto พร้อมติดตั้งสายฉีดชำระที่ผนังด้านหลัง ส่วนที่วางทิชชู่จะอยู่ด้านข้างเป็นตำแหน่งที่ใช้งานได้สะดวก

    สายชำระขนาดจับพอดีมือเลยนะ

    โดยบริเวณพื้นที่อาบน้ำจะมีฉากกั้นมาให้เป็นมาตรฐาน ป้องกันน้ำไหลออกมาส่วนแห้ง โดยจะได้เป็นประตูกระจกขุ่นบานเลื่อน 3 ตอน

    ฝักบัวของที่นี่เป็นแบบ Hand Shower ดีไซน์เป็นแท่งยาวๆ ขนาดพอดีมือ นอกจากนี้ยังติดตั้งชั้นวางของมาให้อีกด้วย โดยโครงการมีจุด Junction มาให้เรียบร้อย เราสามารถติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มเติมเองได้

    บริเวณเพดานฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight + พัดลมดูดอากาศมาให้ค่ะ

    มาดูกันอีกแบบค่ะ เป็นแบบ Type B : 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. เป็นลักษณะแปลนห้องที่ Living Area ไม่ได้วิว แต่ก็ไม่ได้มืดทึบ เพราะยังได้แสงสว่างที่มาจากห้องนอนอยู่ โดยห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตกำลังดี บริเวณปลายเตียงมีกระจกที่ทำให้ภายในห้องดูไม่อึดอัด ส่วนครัวเป็นครัวเปิดที่ติดกับพื้นที่ระเบียง ทำให้ระบายอากาศได้ดี แต่ถ้าไม่อยากให้กลิ่นกระจายตัวไปห้องอื่นๆเลย แนะนำให้ติดตั้งประตูเพิ่มเติมค่ะ ห้องน้ำตั้งอยู่ใกล้พื้นที่ครัว ทำให้ใช้งานได้สะดวก รวมทั้งหากมีเพื่อนมาห้องก็ไม่ต้องเข้าห้องน้ำผ่านห้องนอน ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเราด้วยค่ะ

    เข้ามาภายในห้องจะเป็นส่วนนั่งเล่นก่อน โดยพื้นที่นั่งเล่นนี้ถึงอยู่ด้านในของห้อง ไม่ได้ติดหน้าต่าง แต่ก็ได้แสงสว่างจากห้องนอนระดับนึง แต่ก็ยังไม่ได้สว่างเท่ากับห้องเมื่อกี้นะ ความสูงพื้นถึงฝ้า 2.5 ม. เป็นมาตรฐานค่ะ

    ส่วนความกว้างสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง หรือ Love Seat + โต๊ะขนาดประมาณ 90 x 60 ซม. โดยห้องนี้ได้โต๊ะทำงานแทนตู้เก็บรองเท้านะคะ

    โดยโต๊ะทำงานขนาดกำลังดี + ลื้นชักใต้โต๊ะ ไว้เก็บของเพิ่มเติมได้ค่ะ

    ชั้นวางทีวีจะได้แบบนี้เลย ซึ่งจะไม่มีตู้เก็บรองเท้ามาให้ ยังไงเราต้องหาพื้นที่วางรองเท้าเพิ่มเติมเองด้วยนะคะ

    พื้นห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. เช่นเดียวกัน ส่วนระยะทีวีประมาณ 1.83 ม. ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ประมาณ 36″-40″เป็นขนาดกำลังดีค่ะ

    บริเวณเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ และยังมีเครื่อง Smoke Detector มาให้อีกด้วย

    สำหรับห้องนอนบริเวณปลายเตียง จะมีหน้าต่างเข้ามุมมาให้แบบนี้เลย ซึ่งจะทำให้ภายในห้องดูโล่งมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัว จะติดตั้งผ้าม่านเพิ่มเติมก็ได้นะ

    ห้องนอนเหมาะกับวางเตียงขนาด 5 ฟุต กำลังดี หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้ว มีพื้นที่เดินรอบเตียงได้ ซึ่งพอห้องนอนชิดริมอาคาร ก็ทำให้เรานอนดูวิวได้จากบนเตียงเลยนะ

    หน้าต่างกว้างเต็มผนังห้อง +หน้าต่างบานกระทุ้ง 1 จุด ไว้ระบายอากาศภายในห้องได้ โดยได้เป็นขอบอลูมิเนียม Powder Coat สีเงิน + กระจกสีเขียวตัดแสง ที่ป้องกัน UV ได้ระดับนึง

    พื้นที่ข้างเตียงฝั่งติดประตูบานเลื่อนกว้างประมาณ 50 ซม. ที่พอวางโต๊ะหัวเตียงได้ ส่วนอีกฝั่งที่ชิดริมหน้าต่างกว้าง 77 ซม. เป็นขนาดที่ใช้งานได้กำลังดีค่ะ

    บริเวณปลายเตียงมีพื้นที่เหลือ วางตู้เสื้อผ้า + ชั้นวางทีวีได้ ซึ่งโครงการจะให้มาเป็นแบบนี้เลยนะคะ

    ตู้เสื้อผ้าเหมือนห้องเมื่อกี้เลย แต่อันนี้จะได้เป็นบานเลื่อน ซึ่งใช้งานได้ที่ละฝั่ง เนื่องจากพื้นที่หน้าตู้เหลือประมาณ 47 ซม.เองค่ะ

    ชั้นวางทีวีปิดผิวด้วยลามิเนต ภายในมีแบ่งเป็นชั้นๆมาให้ด้วย ทำให้เราเก็บของได้เยอะมากขึ้นนะคะ

    ไปดูที่ส่วนครัวก็ต่อ ซึ่งบริเวณเราจะทำเป็นครัวปิดก็ได้นะ

    สำหรับห้องครัวเปิดอยู่ติดกับพื้นที่ระเบียง ที่สามารถระบายกลิ่นออกภายนอกได้เลย ซึ่งชุดครัวห้องนี้จะมีขนาดยาวกว่าห้องที่แล้วนะ ส่วนพื้นยังเป็นลามิเนตเหมือนเดิม เวลาใช้งานก็ต้องระวังพื้นเปียกกันด้วยนะ ไม่งั้นพื้นบวมแน่ๆเลย

    ชั้นบนได้ชั้นวางของยาว เหมาะวางเครื่องปรุงที่ใช้บ่อยๆบริเวณนี้ค่ะ

    บริเวณเคาน์เตอร์ ได้พื้นที่เตรียมของเพิ่มขึ้นระหว่างอ่างและเตา ที่ทำให้สะดวกในการจัดเตรียมอาหารก่อนลงมือทำ Top ครัวเป็นไม้ปาติเกิลปิดผิวลามิเนต + Backsplash เป็นกระเบื้อง ที่เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

    ส่วนอ่างล้างจาน + เตาไฟฟ้าได้เหมือนห้องที่แล้วเลยนะ

    ชุดครัวด้านล่างถูกแบ่งออกเป็น 3 ตอน เริ่มจากซ้ายมือจะเป็นตู้ใต้อ่าง ที่ไว้เก็บของชิ้นใหญ่ได้ ตรงกลางมีลิ้นชักสำหรับเก็บช้อนส้อม + ชั้นวางของแบบโชว์มาให้ ส่วนฝั่งขวามือเป็นตู้ปิดที่เก็บของเพิ่มเติมได้ค่ะ

    โดยมีพื้นที่เหลือวางโต๊ะทานข้าว 60 x 60 ซม.ได้ ตามห้องตัวอย่าง ซึ่งหลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้ว มีพื้นที่เหลือประมาณ 61 ซม. เหมาะเดินใช้งานประมาณ 1 คนกำลังดี

    ถัดจากส่วนครัวไปเป็นส่วนระเบียง ที่ได้กระจกเป็นสีเขียวตัดแสง ช่วยลดความร้อนจากแสง UV ที่จะเข้ามาภายในห้องได้ระดับนึง

    พื้นที่ระเบียงจะมีขนาด 1.66 x 0.90 ม. ที่พอวางเครื่องซักผ้าแล้ว จะมีพื้นที่เหลือพอใช้งานได้กำลังดี พร้อมราวกันตกระเบียงเป็นเหล็กสีดำสูง 1 ม.

    หันกลับมาจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งข้อดีคือเวลามีแขกมาห้อง ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวค่ะ

    เรามาดูห้องน้ำรวมกันก่อน ซึ่งต้องนี้ต้องใช้รวมกันแขกที่มาเยี่ยมบ้านนะคะ ภายในห้องแบ่งโซนเปียกและแห้งไว้เป็นสัดส่วน

    ชุดสุขภัณฑ์จะเหมือนกับห้องที่แล้ว มีตำแหน่งสายชำระที่ผนังด้านหลัง เวลาใช้งานจริงคงต้องเอี้ยวตัวใช้งานเล็กน้อยค่ะ

    ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นมาให้เรียบร้อย ภายในมีฝักบัวแบบ Hand Shower + ชั้นวางของเหมือนห้องที่แล้วเลยค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 10 September 2019

    • 1 Bedroom Type A,B เนื้อที่ 28.21 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted ราคา 1.89 ล้านบาท
    • 1 Bedroom Type A,B เนื้อที่ 28.21 ตร.ม. ขายแบบ Fully Furnished ราคา 1.99 ล้านบาท

    Promotion ภายในวันที่ 27 September 2019

    • ลงทะเบียนก่อนตอง รับทันที่ Central Gift Voucher มูลค่า 20,000 บาท คลิกที่นี่
    • แลกรับส่วนลดรวมกว่า 2 ล้านบาท

    • แถม Digital Door Lock Yale 1 ชุด
    • ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน
    • ฟรีค่าส่วนกลางล่วงหน้า 1 ปี
    • ฟรีค่ากองทุนแรกเข้า
    • ฟรีค่ามิเตอร์ไฟฟ้า
    • ฟรีค่าอากรแสตมป์

  • จอง 555 บาท* ผ่อนเพียง 1,999 บาท
  • ฟรีค่าทำสัญญา
  •  

    • Fully Fitted / Fully Furnished
    • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood ยี่ห้อ Teka
    • ค่ากองทุน 350 บาท/ตร.ม. (ชำระวันเดียว ณ วันโอน)
    • ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล – ตั้งอยู่บนถนนงามวงศ์วาน ใกล้กับแยกพงษ์เพชร ที่ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่สำคัญในย่านนี้ อย่างตลาดพงษ์เพชร , The Mall งามวงศ์วาน, Lotus ประชาชื่น และ Homepro เหมาะใช้รถยนต์เป็นหลัก เดินทางเข้าเมือง ไปเส้นวิภาวดี-รังสิตได้ง่าย แต่เป็นฝั่งขาออก ยังไงก็ต้องตรงไปกลับรถเข้าเมืองนะ แต่ถ้าจะไปทางม.เกษตรศาสตร์ ออกจากโครงการวิ่งตรงไปข้ามสะพานไปมหาลัยได้เลย นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ทางด่วนที่เชื่อมเข้าเมืองได้ง่าย ส่วนวิวโดยรอบไม่มีตึกสูงในระยะประชิดเลยนะ ส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบเกือบทั้งหมด

    การเดินทางโดยใช้รถ – อยู่ติดถนนงามวงศ์วาน ที่ใกล้ฝั่งถนนวิภาวดี-รังสิตฝั่งขาออก ซึ่งจุดกลับเราเข้าเมืองอยู่ไม่ไกลมากนัก อีกทั้งยังอยู่ระหว่างทางด่วน 2 เส้น ทั้งทางด่วโทลล์เวย์ และทางด่วนศรีรัช ที่เชื่อมเข้าในเมืองได้ สำหรับที่จอดให้มาทั้งหมด 38% ไม่รวมซ้อนคัน ซึ่งถือว่าให้มาน้อยไปหน่อยเพราะโครงการนี้หลักๆยังเป็นทำเลใช้รถ ไม่ได้อยู่ในเส้นทางแนวรถไฟฟ้าผ่าน

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – โครงการไม่ได้อยู่ในแนวรถไฟฟ้า แต่โครงการเดินทางไปบริเวณแยกบางเขนได้ ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดง “บางซื่อ-รังสิต” ที่พาคนเข้า-ออกเมืองได้ง่าย โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการคือ สถานีบางเขน ที่คาดว่าจะเปิดให้ใช้งานกันประมาณปี 2564 ด้วยทำเลที่ติดถนนใหญ่ ทำให้มีรถประจำทางวิ่งผ่านตลอดทาง รวมถึงมีสะพานลอยที่ข้ามไปใช้งานฝั่งตรงข้ามได้ง่ายอีกด้วย นอกจากนี้เรียกรถ Taxi ก็ง่าย หรือจะเรียกพี่วินมอเตอร์ไซต์ ก็มีพี่วินอยู่หน้าปากซอยชินเขต 1 เลยค่ะ

    การออกแบบโครงการ – ด้วยลักษณะที่ดินที่เป็นแนวยาว โครงการจึงเลือกวางอาคารเป็นรูปตัว Z ที่ทำให้อาคารไม่บังวิวกันเอง แต่จะมีที่จอดรถแยก ทำให้เวลาใช้งานต้องเดินไกลหน่อยนะ แต่ก็มีการออกแบบทางเดิน ให้สามารถเดินได้รอบโดยไม่ต้องตากแดดหรือเปียกฝน ส่วน Lobby อยู่ตรงกลางใช้ร่วมกัน ทำให้ไม่รู้สึกต่างกันในแง่การใช้งาน เพราะต้องออกไปจุดต่างๆจากทางเดียวกัน ส่วนชั้นพักอาศัย เป็นทางเดินแบบ Double Corridor ที่ประตูห้องทั้งสองฝั่งอยู่ตรงกัน ทำให้อาจจะเปิดมาเจอกับห้องตรงข้ามได้ รวมถึงห้องส่วนใหญ่จะหันไปทางตะวันออก-ทิศตะวันตก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะรับแดดโดยตรงเลย ส่วนอัตราลิฟต์ 243: 1 เป็นปริมาณที่ค่อนข้างหนาแน่น ถ้าใช้งานพร้อมกัน ก็ต้องยื่นรอกันหน่อยนะ

    การออกแบบห้องพัก – โครงการมีห้องขนาดเดียวคือ  28 ตร.ม. แต่จัดพื้นที่ภายในห้องออกเป็น 2 แบบ เพื่อให้ผู้พักอาศัยเลือกรูปแบบและพื้นที่การใช้งานได้ตาม Lifestyle ตัวเอง โดยเราจะขอแยกอธิบายเป็นห้องๆนะ

    Type A มีการแบ่งส่วน Private และ Public ชัดเจน โดยจะเน้นพื้นที่ขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันยาวจนถึงริมอาคาร ทำให้ภายในดูโล่ง + แสงส่องเข้ามาถึง ห้องครัวเป็นแบบเปิด ที่ไม่เหมาะทำอารการจริงจัง แต่ก็สามารถติดตั้งกระจกบานเลื่อนเพิ่มเองได้ แต่ความโล่งภายในห้องก็จะลดลงด้วยนะ ส่วนห้องนอนจะมีห้องน้ำในตัว ทำให้ใช้งานได้สะดวก เหมาะกับคนที่อยู่อาศัยเอง ไม่ค่อยพาเพื่อนมาบ้านค่ะ

    Type B ห้องจัดฟังก์ชันเป็นสัดส่วนดี แต่จะดูโล่งน้อยกว่าห้องที่แล้ว โดยห้องนั่งเล่นจะไม่ได้วิวข้างนอก แต่ยังได้แสงจากห้องนอนเข้ามาช่วยได้บ้าง ส่วนห้องครัวจะอยู่ติดระเบียงเลย ทำให้ระบายอากาศได้ดีทีเดียว ห้องน้ำจะถูกย้ายออกมาอยู่ภายนอกแล้ว กรณีมีแขกจะใช้ห้องน้ำ ก็ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนของเราซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว

    วัสดุ – ให้ของเหมาะสมตามมาตราฐานการใช้งาน มีขายทั้งแบบ Fully Fitted และ Fully Furnished พื้นภายในห้องเป็นลามิเนตหนา 8 มม., ห้องน้ำและระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิค, ชุดครัวหน้าบานลามิเนต + Hob & Hood ยี่ห้อ Teka + Backsplash เป็นกระเบื้อง เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย, สุขภัณฑ์ของ Cotto + ฉากกั้นอาบน้ำ + ฝักบังแบบ Hand Shower เป็นมาตรฐาน ส่วนห้อง Fully Furnished จะได้ชุดวางทีวี, โซฟา, ตู้เสื้อผ้า, ฐานเตียง, โต๊ะทำงาน/ตู้เก็บรองเท้า, โต๊ะเครื่องแป้ง เพิ่มเติมค่ะ

    สาธารณูปโภค – ให้มาหลากหลายดี ซึ่งที่นี่ออกแบบพื้นที่สีเขียวที่ชั้นล่าง มาร่มรื่นน่าใช้งานดี มองไปทางไหนก็สบายตาดี มีพื้นที่กิจกรรมแบบ Outdoor ตอบโจทย์เด็กรุ่นใหม่ เช่น ลาน Extreme และสนามบาส รวมถึงยังมีที่นั่งเล่นกระจายตัวอยู่รอบๆโครงการเลย ส่วนด้านหลังมีพื้นที่สวนหย่อมขนาดใหญ่ เหมาะมาเดินเล่นสูดอากาศได้ รวมถึงยังมีเลนสำหรับวิ่งรอบโครงการด้วยนะ เพื่อคนที่ชอบวิ่งแบบ Outdoor ส่วน Main Facilities ก็ให้มาครบตามมาตรฐาน มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องทำงาน Suana&Stream พร้อมพื้นที่ Roof Garden ที่จัดมาให้ดูดีเลยทีเดียว

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ 70,000 บาท/ตร.ม.,  10 September 2019

    • ทำเล 7.75/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์
    • เดินทางด้วยรถ 7.25/10 –  ติดถนนใหญ่ ทางด่วน 2 ฝั่งให้เลือกใช้งาน ที่จอดรถ 38% ไม่รวมซ้อนคัน
    • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ไม่ได้อยู่ในแนวรถไฟฟ้า เรียกใช้งานรถสาธารณะได้ง่าย
    • วัสดุ

    • Fully Fitted 7/10 – ตามมาตรฐานของทาง AP ในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
    • Fully Furnished 7.5/10 – ให้เฟอร์นิเจอร์ครบชุด  ใส่เครื่องใช้ไฟฟ้า + เตียง ก็พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท

  • แบบ 7/10 – แยกอาคารพักอาศัย กับส่วน Service แต่ต้องเดินไกลหน่อย ห้องพักมีขนาดเดียว แต่จัดภายในเป็นสัดส่วนดี
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีให้ใช้พอสมควรทั้งภายในอาคาร-ภายนอกอาคาร พื้นที่สีเขียวเยอะ แต่ก็ต้องระวังเรื่องจำนวนผู้ใช้งานที่น่าจะเยอะหน่อย
  • MAIN CLASS
  • 7.42 / 10.00 (ห้องแบบ Fully Fitted / 10.00)
  • 7.5 / 10.00 (ห้องแบบ Fully Furnished / 10.00)
  • BOTTOM LINE

    Aspire งามวงศ์วาน เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดพร้อมอยู่ในย่านงามวงศ์วาน ใกล้ทางด่วนเข้า-ออกเมืองได้สะดวก ภายในบรรยากาศร่มรื่น พร้อมพื้นที่ส่วนกลางครบ เน้นห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. เหมาะกับอยู่อาศัย 1-2 คน มีงบประมาณ 2 – 2.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 – 20,000 บาท/เดือน


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving