รีวิวฉบับที่ 1832 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราชมโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แถวลาซาล ฝั่งศรีนครินทร์กันนะคะ กับโครงการ Aspen Condo ลาซาล (เฟส B) โครงการนี้ตั้งอยู่บนสุขุมวิท 105 ตรงข้ามกับโรงพยาบาลศิครินทร์และมีความอุดมสมบูรณ์พอสมควรเลย อนาคตใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ตัดผ่านบนเส้นศรีนครินทร์อีกด้วย ส่วนบรรยากาศโครงการจะเป็นอย่างไร ไปชมกันค่ะ

Fact @ 26 December 2018

  • Aspen Condo Lasalle (phase B) / แอสเพน คอนโด ลาซาล (เฟส บี)​
  • บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางนา
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 398 ยูนิต
  • อาคาร 1 (A) มี 199 ยูนิต / อาคาร 2 (B) มี 199 ยูนิต
  • ที่จอดรถ 121 คัน คิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคันคิดเพิ่มเป็น 35%
  • ที่ดินประมาณ 3-1-65.5 ไร่
  • แล้วเสร็จ : ไตรมาส 4 ปี 2561
  • 1 Bedroom Type A ขนาด 23.64 – 24.09 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type B ขนาด 26.31 – 26.97 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type C1 ขนาด 34.41 – 34.98 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type C2 ขนาด 34.65 – 34.98 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.40 เมตร
  • Lobby Double Space ฝ้าเพดานสูง 3.5 – 4 เมตร
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 80,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาต่อตารางเมตรต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 79,000 – 88,000 บาท/ตร.ม.
  • Register & Offcial Website : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-136-5995 หรือ 099-224-0555

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.657761, 100.645955

ที่ตั้งโครงการ Aspen Condo ลาซาล (เฟส B) ตั้งอยู่ในซอยลาซาล (สุขุมวิท 105) ฝั่งใกล้แยกศรีลาซาล และตรงข้ามกับโรงพยาบาลศิครินทร์ค่ะ โดยจริงๆ แล้วซอยลาซาลถือเป็นซอยที่มีความสำคัญทีเดียวเพราะเชื่อมเข้ากับถนนใหญ่ 2 เส้นด้วยกันคือสุขุมวิทและศรีนครินท์ เดิมในอดีตซอยลาซาลเป็นซอยตันที่เชื่อมกันเป็นเส้นเดียว ก่อนที่จะถูกถนนศรีนครินทร์มาตัดแยก (ที่แยกศรีลาซาล) ทำให้ซอยลาซาลถูกแยกออกเป็น 2 ฝั่ง มีความแตกต่างกันคือ ซอยลาซาลฝั่งซ้ายจะเป็นซอยทะลุเชื่อมถนนสุขุมวิทกับถนนศรีนครินทร์ มี ร.ร.นานาชาติบางกอกพัฒนากับร.ร.ลาซาล ตลาดสด คอนโดมิเนียม หลายแห่งตั้งอยู่แต่ก็จะมีการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นมากกว่าซอยลาซาลฝั่งขวาที่เป็นซอยตันเชื่อมเข้าแต่ถนนศรีนครินทร์อย่างเดียว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความคึกคักหรือความอุดมสมบูรณ์นะคะ เพราะภายในซอยนี้ก็มีทั้งคอนโด หมู่บ้าน โรงพยาบาลและร้านอาหารอยู่พอสมควร 

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ การที่อิงกับถนนใหญ่อย่างศรีนครินทร์ และอยู่ในช่วงต้นๆของถนนศรีนครินทร์ที่แยกออกมาจากถนนบางนา – ตราด จะได้เปรียบในเรื่องของการเดินทางที่สามารถเข้าออกถนนบางนา – ตราด ได้ง่ายเลย ไม่ต้องใช้เวลารถติดบนเส้นศรีนครินทร์นานๆ ส่วนของการใช้ทางด่วนเข้าเมืองก็วิ่งไปทางแยกบางนาไม่ไกล และยังมีส่วนของทางด่วนกาญจนาฯก็ระยะการใช้งานใกล้พอๆกันค่ะ

สำหรับใครที่ไม่ได้เน้นขับรถส่วนตัว เรื่องการเดินทางก็ไม่ยากนะคะ เพราะในซอยนี้มีรถสาธารณะต่างๆ รองรับทั้งรถสองแถว วินมอเตอร์ไซค์ และ Mini bus รองรับไปเพื่อขึ้น BTS แบริ่งได้ หรือหน้าปากซอยแล้วเรียกรถต่อได้ค่ะ ทั้งนี้ทางโครงการเองก็เพิ่มความสะดวกในการเดินทางโดยการมี Shuttle Service ให้เป็นรถกอล์ฟรับ-ส่งลูกบ้านของโครงการด้วยเช่นกัน

ส่วนในอนาคตการเดินทางโดยไม่ใช้รถจะสะดวกมากยิ่งขึ้นเพราะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองตัดผ่านถนนศรีนครินทร์และตัวสถานีเองจะอยู่บริเวณแยกศรีลาซาลเลย ชื่อสถานีว่าศรีลาซาล คาดว่าระยะห่างมาถึงหน้าทางเข้าโครงการ (เฟส B) จะอยู่ราวๆ 700 เมตรนะคะ ซึ่งก็ถือว่าไม่ไกลมากใครชอบเดินก็เดินได้อยู่ หรือจะต่อพี่วินมอเตอร์ไซค์มาก็สะดวก

ความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินสำหรับโครงการ Aspen Condo เริ่มจากใกล้โครงการมากที่สุดเลยก่อนเลย บริเวณตรงข้ามโครงการจะเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลศิครินทร์ ที่ด้านหน้ารจะมีอเวนิวที่อยู่ติดถนนให้คนทั่วไปสามารถไปใช้งานได้ตั้งแต่ Starbucks, ร้านอาหารญี่ปุ่น S&P และ Tops Daily รวมไปถึงตามข้างถนนก็มีร้านอาหารริมทางอยู่เยอะในราคาย่อมเยา

แต่ถ้าจะหาแบบที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์บนถนนศรีนครินทร์ก็มีให้เลือกอยู่เยอะเช่นกัน เช่น Premier Place ศรีนครินทร์, Jas Urban  ถ้าจะช้อปปิ้งของใช้เข้าบ้านก็จะมี Makro ศรีนครินทร์, Big C ศรีนครินทร์, Foodland ศรีนครินทร์ ให้เลือก สำหรับศูนย์การค้าใหญ่ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ฝั่งสวนหลวง ร.9 ก็จะมี Central บางนา, Mega Bangna, Paradise Park, Seacon Square ศรีนครินทร์ เป็นต้น

การเดินทางมาโครงการสามารถเดินทางมาได้หลายเส้นทาง ถ้ามาจากเส้นทางหลักอย่างถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ก็มีเส้นทาง ดังนี้

  • เส้นทางที่ 1 ถ้ามาจากทางด่วนลงบางนา วิ่งบางนาตราดแล้ววนเกือกม้ามุ่งหน้าเทพารักษ์จะวนมาเข้าศรีนครินทร์ขับมานิดเดียวก็จะเจอแยกลาซาล มีป้ายบอกไปโรงพยบาลศิครินทร์อยู่ เราก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย โครงการอยู่ซ้ายมือ
  • เส้นทางที่ 2 วิ่งจาก Mega Bangna มายังโครงการ ก็วิ่งทางขู่ขนานถนนบางนา – ตราดมาเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีนครินทร์ จะมีป้ายบอกทางไปโครงการ Aspen Condo ลาซาลเลย
  • เส้นทางที่ 3 วิ่งมาจากถนนศรีนครินทร์ฝั่งเข้าเมืองก็มาเลี้ยวขวาเข้าถนนลาซาลที่แยกศรีลาซาล เลี้ยวเข้าซอยลาซาลประมาณ 200 ม. โครงการจะอยู่ทางซ้าย

สำหรับการเดินทางในวันนี้จะใช้เส้นทางที่ 2 วิ่งตามถนนบางนา – ตราดไปเรื่อยๆ จาก Mega Bangna ไปยังโครงการ ถ้าวันหยุดมาเดินเล่น Mega Bangna ก็เดินกลับเส้นทางนี้ได้สะดวกเลย

เริ่มเดินทางบนถนนคู่ขนานบางนา – ตราด บริเวณหน้า Mega Bangna ซึ่งจัดเป็นศูนย์การค้าใหญ่ ที่มีความครบครันมากแห่งหนึ่งในย่านนี้ ภายในมีทั้ง IKEA, โรงหนัง, Homepro, Big C, Sephora, Eve and Boy พร้อมร้านอาหารและร้านค้าชั้นนำก็มีให้เลือกมากมาย

ตรงมาเรื่อยๆ จะผ่านอาคารสำนักงาน Interlink Tower เป็นแหล่งงานอีกแห่งหนึ่งของคนทำงานในย่านนี้ ซึ่งด้านข้างอาคารก็จะมีตลาดขายอาหาร เพื่อรองรับพนักงานออฟฟิศตรงพื้นที่นี้

ตรงมาอีกไม่ไกลก็มีป้ายให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีนครินทร์

ตามทางมาเรื่อยๆ ถนนช่วงนี้เป็นทางวนใต้สะพานข้ามแยกถนนศรีนครินทร์ บรรยากาศก็จะเงียบๆหน่อย ไม่เหมือนบนถนนศรีนครินทร์ที่มีความคึกคักมากทีเดียวนะ

ตามทางมาเรื่อยๆก็ถึงทางบังคับให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีนครินทร์แล้ว บรรยากาศของถนนก็เปลี่ยนไปจะเริ่มเห็นอาคารใหญ่

เข้ามาบนถนนศรีนครินทร์ระหว่างข้างทางจะเห็นพวกเหล่าร้านอาหารเล็กใหญ่ริมทาง เลยมานิดหน่อยจะเจอทางขึ้นสะพานข้ามแยกศรีลาซาลทางขวา ให้เราชิดซ้ายเอาไว้ไม่ขึ้นสะพานนะ

ผ่านปั๊ม ปตท. แถวเชิงสะพานก็สามารถแวะเติมน้ำมันก่อนกลับบ้านที่นี่ได้เลย สะดวกดี

ผ่านปั๊มมาไม่ไกลก็จะถึงแยกศรีลาซาล เราจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาซาล (ซ.สุขุมวิท 105) ไปนะคะ ซึ่งบริเวณหัวมุมมีจุดสังเกตุคือป้ายร้านหัวปลาช่องนนทรี สาขา ศรีนครินทร์

เข้ามาในซอยลาซาลเป็นถนน 4 เลน ซึ่งขอบทางทั้ง 2 ฝั่ง มักจะมีรถจอดอยู่เสมอ ทำให้เหลือถนนวิ่งฝั่งละเลน แต่ในซอยนี้รถก็ไม่ค่อยติดเท่าไหร่ พอวิ่งกันไปได้เรื่อยๆนะ เลี้ยวมาแล้วทางขวามือจะเป็นที่ตั้งของ Premier football club สนามฟุตซอลหญ้าเทียม ซึ่งด้านหน้าจะเป็นเหล่าร้านอาหารต่างๆหลายร้าน

เลยมานิดเดียวจะเจอกับร้าน กาดมั่ว คัวเมือง ร้านอาหารเหนือร้านดังย่านนี้ ร้านตกแต่งได้บรรยากาศแบบทางเหนือจริงๆ ที่ร้านจะมีอาหารที่ปรุงสำเร็จไว้บ้างแล้ว และก็มีเมนูทำสดใหม่ไว้ด้วยเหมือนกัน

จากแยกศรีลาซาลเข้ามาประมาณ 200 ม. ขวามือคือ Collection House รวมร้านอาหาร 4 ภาค ที่ภายในเปิดเป็นร้านขายอาหาร มีหลายร้านให้เลือก ซึ่งร้าน กาดมั่ว คัวเมือง ก็ถือว่าอยู่ในนี้ด้วย

หลังจากนั้นเลยมาอีกประมาณ 100 เมตร ก่อนถึงทางเข้าโครงการ ทางขวามือจะเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้โครงการที่สุดเป็นพื้นที่อเวนิวร้านต่างๆของรพ.ศิครินทร์ (ชี้ลูกศรบอกไว้แล้วร้านอะไรบ้าง)

ทางซ้ายมือเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ZURU ส่วนติดกันจะเป็น Tops daily ถือเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบอยู่นะ

ระหว่างพื้นที่ทั้งสองมีตู้ ATM อยู่ข้างทาง และเป็นส่วนของร้าน S&P Restaurant ที่นอกจากจะมีเบเกอรี่และมีส่วนของอาหารเป็นมื้อเป็นจานด้วย

ภายใน Tops daily สาขานี้ขนาดค่อนข้างใหญ่เหมือนกัน มีโต๊ะนั่งสำหรับรับประทานอาหารที่เป็นแบบข้าวกล่องจานด่วนในนี้เลยก็ได้ อีกทั้งยังมีของสด ผักสด ผลไม้ให้เลือกระดับนึงด้วย คาดว่าที่นี่คงเป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยขนาดกะทัดรัดที่ได้มาใช้บ่อยแน่ๆ

ออกมาด้านนอกแล้ว ติดกับ Zuru จะเป็นส่วนของขวัญใจคอกาแฟอย่าง Starbucks สาขานี้ใหญ่มาก

ซึ่ง Starbucks ก็อยู่ติดกับโรงพยาบาลศิครินทร์เลยค่ะ

ส่วนของ Sale Office และทางเข้าโครงการ ก็อยู่ตรงข้ามกับป้ายของโรงพยาบาลเลย

ซึ่งระหว่างยืนมองรถวิ่งไปมาก็จะเห็น Taxi ผ่านไปมาระดับนึงด้วยเพราะซอยนี้เป็นชุมชนอยู่อาศัยและแหล่งงานค่อนข้างเยอะ ประกอบกับการมีรถแดงที่ใหญ่กว่ารถสองแถวทั่วไป เป็นรถ 6 ล้อ และ บ้างทีก็เป็นรถ mini bus สีแดง วิ่งสุดซอยลาซาล 7 บาทตลอดสาย (จาก BTS แบริ่ง ส่งถึงหน้าโครงการเลย ประหยัดดี)

โดยหน้าทางเข้าโครงการทุกเฟสนั้นเราจะเห็น Sale Office ก่อนซึ่งติดกับถนนหลัก ด้านหน้ามีการตกแต่งเป็นบ่อน้ำพุเล็ก

ก่อนจะเข้าสู่ภายใน Sale Office นั้นก็จะมีร้านคาเฟ่อยู่ภายในด้วยนะคะ ชื่อร้าน Captain M เน้นขายชากาแฟเป็นหลัก และมีขนมอาหารเบาๆ อยู่ ซึ่งในอนาคตอาจไม่แน่นอนว่าจะร้านนี้จะมีอยู่ไหม หากมีการทำโครงการเฟสสุดท้ายที่อยู่ด้านหน้าติดถนน

และถัดจากคาเฟ่มาก็จะเป็นส่วน Sale Office แล้วค่ะ ภายในมีห้องตัวอย่างจัดให้ดูครบทุก Type สามารถเข้ามาดูห้องกันได้เลยค่ะ

ถัดจาก Sale Office มาด้านข้างจะเป็นถนนของโครงการที่เชื่อมตั้งแต่ซอยลาซาลเข้ามาภายใน เฟส A และ B นะคะ

และติดกับด้านหลัง Sale Office ก็เป็นที่จอดรถของ Shuttle Service ที่เป็นรถกอล์ฟ

โดยจุดขึ้น-ลงรถกอล์ฟจะอยู่ตรงข้ามกับ Sale Office นี้เองค่ะ เป็นศาลาให้มานั่งคอยกันได้

ตารางในการให้บริการรถกอล์ฟตามในรูปเลย ถือว่าวิ่งค่อนข้างถี่ทีเดียวนะคะ โดยวิ่งออกจากโครงการทุกๆ 10 นาทีเลยค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

Aspen Condo นั้นเป็นโปรเจคที่ทาง Developer แบ่งเป็นทั้งหมดหลายเฟส ซึ่งจะมีกาทยอยทำและพัฒนาต่อเนื่องมาเรื่อยๆ นะคะ และโดยแต่ละโครงการก็แยกการจัดการ การใช้งาน ร่วมถึงการบริหารด้วย ทำให้แต่ละเฟสมีความเป็นส่วนตัวของกันและกัน แต่ทุกโครงการจะใช้ “ถนนหลัก” เป็นทางสัญจรร่วมกันเพื่อออกไปสู่ถนนหลักอย่างลาซาลด้านหน้า

  • ด้านทิศเหนือ จะติดกับ Aspen Condo (เฟส A)
  • ด้านทิศใต้ ติดกับที่ดินเปล่ารอการพัฒนาจากเจ้าของโครงการเดียวกัน
  • ด้านทิศตะวันออก ติดกับที่ดินเปล่าผืนใหญ่ของบุคคลอื่นยังไม่มีการพัฒนา
  • ด้านทิศตะวันตก ติดกับด้านหน้าเป็นถนนหลักโครงการและถัดไปเป็นทาวน์โฮม The Biz Rich 3 ชั้น

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาลศิครินทร์ ~ 250 ม.
  • อเวนิวหน้าโรงพยาบาล (Starbucks, Zuru, S&P, Tops daily) ~ 270 ม.
  • รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีลาซาล ~ 5-600 ม.
  • Premier Place ~ 1.1 กม.
  • Makro ~ 1.2 กม.
  • Big C ศรีนครินทร์ ~ 1.3 กม.
  • โรงเรียนลาซาล ~ 1.7 กม.
  • โรงเรียนบางกอกพัฒนา ~ 2.8 กม.
  • JAS Urban ศรีนครินทร์ ~ 3.1 กม.
  • ตลาดสดลาซาล ~ 3.5 กม.
  • Paradise Park ~ 3.9 กม.
  • เซ็นทรัลบางนา ~ 4.8 กม.
  • Big C บางนา ~ 4.8 กม.
  • Seacon Square ~ 4.8 กม.
  • โรงพยาบาลไทยนครินทร์ 4.9 ~ กม.
  • BTS แบริ่ง ~ 5.3 กม.
  • BITEC บางนา ~ 6.6 กม.
  • สวนหลวง ร.9 ~ 6.6 กม.
  • Mega Bangna ~ 7.5 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

เรามาดู Master Plan โครงการกันนะคะ โดยทางเข้าโครงการจะอยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร B1 และ อาคาร B2 นะคะ ทำให้เข้าถึงทั้ง 2 อาคารเท่าๆ กัน ไม่มีฝั่งไหนไกลกว่ากันนะคะ และตัวอาคารจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง อาคาร B1 อยู่ฝั่งซ้ายมือของทางเข้า และอาคาร B2 อยู่ฝั่งขวามือของทางเข้าค่ะ ตรงไปด้านหลังเป็นที่จอดรถใต้อาคาร (ชั้น 1 + ชั้นใต้ดิน) ซึ่งเป็นที่จอดรถที่ลูกบ้านทั้ง 2 อาคาร ใช้ร่วมกันได้ โดยจำนวนที่จอดจะอยู่ที่ 35% รวมซ้อนคันนะคะ อาจจะไม่ได้มากนักแต่พอหักลบกับการเดินทางด้วยรถสาธารณะไม่ยาก และมี Shuttle Service ด้วยรถกอล์ฟรับส่ง

เข้ามาส่วนตัวอาคารที่แบ่งเป็นอาคาร B1 และ B2 นั้น ในชั้นพักอาศัยจะเหมือนกันนะคะ แต่ที่แตกต่างกันจะเป็นตรง Facilities ชั้นล่างนั่นเองค่ะ โดยอาคาร B1 จะมี Fitness และสระว่ายน้ำ ส่วนอาคาร B2 จัดให้เป็น Co-Working Space และสวนหย่อมพร้อมพื้นที่นั่งเล่นริมสวนค่ะ ซึ่งไม่ว่าลูกบ้านจะอยู่อาคารไหนก็สามารถมาใช้ Facilities ได้ทั้งหมดนะคะ

เริ่มต้นจากทางเข้าโครงการกั้นด้วยไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ โดยใช้ Keycard Access ส่วนด้านข้างเป็นป้อมรปภ.คอยดูแลรักษาความปลอดภัย 24 ชม.

ช่วงบริเวณหน้าโครงการจะใช้เป็นพื้น Concrete Stamp ดูสวยงามดีค่ะ ส่วนถนนตรงนี้จะเป็นถนนตรงกลางระหว่างอาคาร ซึ่งด้านข้างก็มีจัดที่จอดรถด้านข้างแบบกลางแจ้งให้ และตรงไปในสุดจะแยกที่จอดรถซ้าย-ขวาอยู่ใต้อาคาร หากใครอยู่อาคารไหนก็เลี้ยวไปจอดใต้อาคารตัวเองจะได้ไม่ต้องเดินขึ้นห้องไกล แต่ไม่ได้ Fix ช่องจอดนะคะ หากอีกอาคารเต็มก็ไปจอดใต้อาคารอีกอาคารได้

บรรยากาศส่วนที่จอดรถใต้อาคาร จะอยู่ในร่ม

ส่วนรอบขอบเขตที่ดินจัดพื้นที่สวนหย่อม+ต้นไม้ยืนต้นให้ดูร่มรื่น บรรยากาศค่อนข้างดีนะคะ

และส่วนที่อยู่ติดกับ Facilities ก็จะยกพื้นสูงพร้อมปลูกต้นไม้พุ่มบังวิว เพื่อให้ส่วน Facilities มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ส่วนที่ติดกับเฟสอื่นๆ ก็จะใช้รั้วโปร่งกั้นให้เรียบร้อยนะคะ โดยไม่สามารถเข้า-ออกหากันได้

ระหว่างเฟสนั้นนอกจากจะกั้นด้วยรั้วแล้วก็มีการจัดสวนหย่อมพร้อมไม้ยืนต้นให้ ซึ่งก็ช่วยบังสายตาให้ห้องชั้นล่างๆ ที่หันหน้าเข้าหาอาคารตรงข้าม

หลังจากดูบรรยากาศรอบโครงการแล้ว เรามาดูส่วนอาคาร B1 กันต่อ รูปแบบการออกแบบจะเป็นสไตล์ Modern เน้นโทนสีเรียบง่าย แต่จะเน้นบริเวณโถงทางเข้าที่ยกฝ้าเพดานสูง + ให้กระจกทรงสูงด้วย เพิ่มความโอ่โถงมากขึ้น

เดี๋ยวเรามาดูแปลนอาคารเพื่อประกอบความเข้าใจกันก่อนนะคะ โดยชั้นล่างการเข้าถึงในอาคารสามารถเข้าได้ 2 ทางด้วยกัน คือทางเข้าจาก Lobby และทางเข้าจากส่วนที่จอดรถ แล้วแต่ใครสะดวกในการเข้า-ออกทางไหนเลยค่ะ

สำหรับโซน Lobby มีขนาดกำลังดีไว้สำหรับรับรองแขก หรือจะเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเล่นได้ ติดกันจะเป็นห้อง Fitness ขนาดใหญ่ และอยู่ไม่ไกลจากห้องน้ำส่วนกลาง ถัดมาภายนอกเป็นสระว่ายน้ำ พร้อม Deck ด้านข้างไว้นั่งเล่นพักผ่อนริมสระได้

บริเวณทางเข้าที่ใกล้กับที่จอดรถจะมีจุดสแกนบัตรก่อนนะคะ เพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้นสำหรับลูกบ้านในอาคารนี้

และด้านข้างทางเข้าทางโครงการจะเตรียมรถเข็นไว้ให้ด้วย เผื่อใครซื้อของต่างๆ มาก็สามารถเข็นของไปยังห้องของตัวเองได้สะดวก แต่ต้องมาวางคืนที่เดิมด้วยนะ

เข้ามาก็จะเป็นพื้นที่ Mail Box วางด้านข้างทางเดินเลย

ตรงมาหน่อยเป็นส่วนโถงลิฟต์โดยสารขึ้นไปยังชั้นพักอาศัยอีกที ซึ่งจุดนี้ก็ต้องสแกนบัตรอีกครั้งค่ะ

บรรยากาศบริเวณโถงลิฟต์จัดว่าโปร่งโล่งดีนะคะ เพราะได้ช่องแสงจากทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนตัวลิฟต์โดยสารให้มาทั้งหมด 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนจะอยู่ที่ 99 : 1 ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่นระดับปานกลาง สำหรับโครงการ Low Rise

จริงๆ แล้วก่อนจะเข้าสู่โถงลิฟต์นี้จะมีทางเชื่อมที่เชื่อมไปยังส่วน Facilities ของอาคารนี้นะคะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปดูกัน แต่จะขอเริ่มต้นจากบริเวณทางเข้าหลักของอาคารนี้อีกทีค่ะ

สำหรับทางเข้าหลักนี้จะอยู่ใกล้กับทางเข้าโครงการเลยนะคะ

เข้ามาก็จะเป็นพื้นที่รับรอง หรือ Lobby โดยมีการจัดชุดโซฟาตามจุดต่างๆ ไว้สำหรับรับรองแขกหรือลูกบ้านจะมานั่งเล่นก็ได้เช่นกัน ที่เราชอบพิเศษคือมีตู้ Vending Machine ไว้ให้หยอดเหรียญหรือสแกนจ่ายเครื่องดื่มขนมขบเคี้ยวต่างๆ ได้

มุมพื้นที่นั่งเล่นในส่วน Lobby อีกมุมนะคะ

ถัดจากส่วน Lobby เข้ามาก็จะมีประตูกั้นแล้ว ซึ่งจุดนี้จะต้องสแกนบัตรเพื่อเข้าสู่ภายในอาคาร และ Facilities อื่นๆ นะคะ ดังนั้น Visitor จะเข้าถึงได้เพียงแค่นั่งรอ Lobby เท่านั้น ทำให้ลูกบ้านได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

และเมื่อเข้ามาจะมีทางแยกเชื่อมไปยังโถงลิฟต์โดยสารที่เราพามาเมื่อสักครู่ และอีกทางคือตรงมาส่วน Facilities ค่ะ ประกอบด้วยห้อง Fitness และสระว่ายน้ำ Outdoor ซึ่งต้องบอกว่าทั้ง 2 Facilities นี้ก็จำเป็นต้องสแกนบัตรอีกรอบด้วยนะ หลายคนอาจจะไม่ชอบที่ต้องสแกนหลายรอบใช่ไหมคะ แต่เรามองว่าดีนะตรงที่จะไม่มีคนนอกมาใช้พื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ของเราได้ง่ายๆ

เข้ามาดูภายใน Fitness กันก่อน ขนาดของห้องถือว่าให้มาใหญ่พอสมควรเลยนะคะ เทียบกับจำนวนยูนิตแล้วก็น่าจะพอเพียงเลย โดยมีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 12 เครื่องด้วยกัน

อย่างโซน Cadio ก็จัดลู่วิ่งมาให้ถึง 4 ลู่เลยทีเดียว อีกมุมเป็น Weight Training

และยังมีเครื่องเล่นอื่นๆ ให้ค่อนข้างหลากหลายนะคะ ที่ชอบคือโดยรอบห้องนี้กั้นด้วยกระจกทรงสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานทั้งหมด สามารถรับวิวภายนอกได้ดีทีเดียวค่ะ

นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่น Cardio รูปแบบอื่นๆ ให้ด้วย เพิ่มความหลากหลายในการออกกำลังกาย ซึ่งเครื่องเล่นนี้เราไม่ค่อยจะเห็นในโครงการระดับ Economy ทั่วไปเท่าไหร่นะคะ โครงการนี้ถือว่าจัดห้อง Fitness มาเต็ม

ห้องน้ำแยกชาย/หญิง อยู่ใกล้ๆ กับห้อง Fitness นะคะ บรรยากาศภายในห้องน้ำสะอาดสะอ้านดีค่ะ ประกอบด้วยห้องน้ำ 2 ห้องด้วยกัน แต่ไม่ได้ให้ห้องอาบน้ำมานะคะ ซึ่งถ้าใครจะอาบน้ำหลังจากว่ายน้ำเสร็จ จะต้องขึ้นไปอาบที่ห้องเราเองนะ แต่ทางโครงการจะมีจุดล้างตัวไว้ให้ติดกับสระว่ายน้ำค่ะ

ก่อนถึงสระว่ายน้ำด้านข้างจะเป็นจุดล้างตัวทั้งหมด 2 จุด

เข้ามาบริเวณนี้เป็นสระน้ำตก (Water Feature) สร้างบรรยากาศ

สำหรับห้อง Fitness ก็จะมีประตูเชื่อมเข้าสระว่ายน้ำได้เลยนะคะ ไม่ต้องสแกนบัตรอีกรอบ

ตัวสระยกระดับขึ้นมาจากพื้นอีกหน่อย ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย บวกกับด้านล่างสระจำเป็นต้องวางงานระบบ

บริเวณด้านข้างจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นริมสระแบบ Outdoor

มีบางส่วนที่ให้หลังคาคลุมแดดมาด้วย ซึ่งตอบโจทย์มากในการใช้งานจริง

สระที่นี่ถือว่าให้มาใหญ่นะคะ ใช้ออกกำลังกายได้จริงด้วยขนาด 8 x 20 ม. ด้านในสระจะแบ่งเป็นโซนน้ำตื้นไว้นั่งแช่น้ำชิลๆ กับน้ำลึกที่ใช้ว่ายน้ำ

มาดูตำแหน่งของสระที่นี่จะวางอยู่ตรงกลางมีอาคารโอบล้อม เพื่อให้ห้องพักด้านในได้วิวสระ ซึ่งข้อดีของสระที่ถูกอาคารโอบล้อมก็คือเรื่องของแดด เนื่องจากเป็นสระ Outdoor หลายคนอาจจะกังวลว่าไม่สามารถใช้งานช่วงกลางวันได้ แต่เมื่ออาคารโอบล้อมอยู่จึงช่วยบังแดดได้ดีทีเดียวนะคะ จากวันที่เราไปโครงการคือช่วงประมาณ 11 โมงเลย จะเห็นจากรูปว่าเกินครึ่งสระอยู่ในร่มเงาอาคาร

และอีกจุดที่ชอบของสระนี้คือการที่โครงการปลูกต้นไม้ด้านข้างที่ติดกับที่จอดรถ+ ห้องพักอาศัยชั้น 2 ให้ ทำให้สระและห้องชั้น 2 ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย แต่ต้องบอกว่าใครที่อยากได้วิวสระก็ไม่ควรเลือกห้องชั้น 2 นะ ควรขยับขึ้นไปชั้น 4-5 กำลังดี

ถัดมาที่อาคาร B กันต่อนะคะ ลักษณะการออกแบบจะเหมือนกับอาคาร B2 เลยแต่แตกต่างคือ Facilities อย่างที่บอกไปก่อนหน้า

เรามาดูผังกันก่อนนะคะ เข้ามาในอาคารเจอกับ Waiting Area ก่อน ซึ่งหน้าตาจะไม่เหมือนกับ Lobby อาคาร B1 นะ จะเป็นแค่พื้นที่นั่งคอยธรรมดา จากนั้นสแกนบัตรเข้ามาภายในอาคารก็จะเป็นส่วน Co-Working Space ขนาดใหญ่ ไว้ให้ลูกบ้านลงมานั่งทำงาน คุยงานต่างๆ ได้ พร้อมวิวสวนตรงกลาง ซึ่งภายในสวนเองก็มีการทำ Pavillion หรือพื้นที่นั่งเล่นในสวนแบบร่มมีหลังคาคลุม

บรรยากาศหน้าทางเข้าอาคาร B2 จะโปร่งโล่งด้วยกระจกยกสูงเช่นเดียวกันนะคะ

เพิ่มเติมที่ด้านข้างทางเข้าภายในโครงการนั้นจะทางเข้าแยกไปยังโซนสวนด้วย ซึ่งทางเข้านี้ก็ต้องสแกนบัตรเข้าเช่นเดียวกัน

เดี๋ยวเรากลับขึ้นมาดูบรรยากาศภายในกันต่อนะคะ

หลังจากผ่านจุด Waiting Area ไปแล้ว ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายมานะเนื่องจากวันที่ไปยังมีการจัดวางของอยู่เล็กน้อย โดยหลักแล้วจะเป็นตำแหน่งของทางเจ้าหน้าที่โครงการคอยดูแลให้ค่ะ และเมื่อสแกนเข้ามายัง Co-Working Space แล้วก็จะเห็นพื้นที่เปิดโล่งแบบนี้เลย ซึ่งทางโครงการออกแบบการใช้งานไว้ทั้งหมด 3 จุดหลักๆ แต่ละจุดมีการใช้งานที่แตกต่างกันไปเล็กน้อยค่ะ

หันมาอีกด้านก็จะมีมุมไว้สำหรับกดซื้อน้ำซื้อขนมต่างๆ ได้

เริ่มต้นที่มุมทำงานแรก ตรงส่วนนี้จะเน้นเป็นโต๊ะทำงานเดี่ยว+โต๊ะงานกลุ่ม โดยแต่ละจุดทางโครงการจะทำปลั๊กไฟไว้ให้เรียบร้อย

ตรงกลางเป็นพื้นที่นั่งเล่นนะคะ เน้นเป็นชุดโซฟาและเก้าอี้ที่นั่งสบายๆ ชิลๆ จะมาเปลี่ยนบรรยากาศนั่งอ่านหนังสือในห้อง มาอ่านตรงนี้ก็ชิลดีค่ะ ได้วิวสวนด้านข้างอีกด้วยนะ

และปิดท้ายด้วยอีกมุมนึงที่ทำเป็นโต๊ะแบบ Long Table สำหรับทำงานกลุ่มหรือใช้ประชุมได้อยู่ค่ะ

ถัดออกมาที่บริเวณสวนส่วนกลางนี้ลักษณะจะปลูกต้นไม้เป็นหย่อมด้วยข้างเพิ่มความร่มรื่น

ตรงกลางเป็นสนามหญ้าไว้ให้เด็กๆ มาวิ่งเล่นกันได้

ติดกับสนามหญ้าจะเป็นมุม Pavillion นะคะ มีหลังคาคลุมสวยงามดี

บรรยากาศภายในจัดได้ดีทีเดียวนะ มีการทำสระน้ำตื้นสวยๆ และวางชุดโซฟา 3 จุดให้นั่งเล่นชมสวนได้

มุมมองจากโซฟาหันไปทางสวน ก็จะเห็นทั้งสระน้ำตื้นและสวนสีเขียวแบบในภาพเลยค่ะ

การจัดวางตำแหน่งอาคารก็จะเหมือนกับอาคาร B1 นะคะตรงที่วางอาคารล้อมสวน ซึ่งใครที่อยากได้วิวสวนจริงๆ สามารถเลือกชั้น 3-5 ได้เลยค่ะ และบรรยากาศของอาคารนี้โดยเฉพาะห้องพักที่หันมาทางสวนจะได้ความเงียบสงบมากกว่าอาคาร B1 หน่อย ตอบโจทย์คนชอบพื้นที่สีเขียวและความสงบดี

สำหรับ Typical Floor Plan ของทั้ง 2 อาคารนี้จะเหมือนกันนะคะ เพียงแค่สลับด้านกันเท่านั้น โดยชั้น 2 นี้จะมีห้องพักอาศัยน้อยลงมาหน่อยอยู่ที่ 25 ยูนิต เนื่องจากบางส่วนถูกตัดไปเพื่อให้ส่วน Lobby ชั้นล่างเป็น Double Volume นั่นเองค่ะ

มาที่ชั้น 3-8 นั้นจำนวนยูนิตต่อชั้นจะอยู่ที่ 29 ยูนิตโดยรวมค่อนข้างเยอะพอสมควร แต่ก็เป็นไปตามราคาที่จ่าย ตำแหน่งลิฟต์ค่อนมาทางปีกอาคารด้านนึงพอสมควร ทำให้ทั้ง 2 ปีกอาคารมีความแตกต่างกันอยู่บ้างคือ ฝั่งที่อยู่ใกล้โถงลิฟต์ก็จะเน้นใกล้ลิฟต์ขึ้น-ลงสะดวกดี กลับกันที่ฝั่งอยู่ใกล้ลิฟต์หน่อยก็ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่มีคนเดินผ่านหน้าห้องมากนักค่ะ

ขึ้นมาดูบรรยากาศในอาคารชั้นพักอาศัยกันต่อ การตกแต่งบริเวณโถงลิฟต์เราว่าทำค่อนข้างดีทีเดียวเมื่อเทียบกับคอนโดในระดับ Segment เดียวกัน เพราะมีการตกแต่งผนังสวยงามดีค่ะ ปกติจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาวทั่วไป มีตกแต่งเฉพาะชั้น Facilities

ส่วนบรรยากาศทางเดินสะอาดเรียบร้อย ขนาดความกว้างพอสมควรเดินได้ง่าย และไม่มืดเพราะได้แสงภายนอกเข้าผ่านทางหน้าต่างหัวมุมอาคาร

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก 

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 20 x 8 เมตร และ แบ่งสระเด็ก (อาคาร B1)
  • ห้องออกกำลังกายขนาด 70 ตร.ม. ใส่เครื่องออกกำลังกาย 12 เครื่อง (อาคาร B1)
  • Co-Working-Space 80 ตร.ม., เครื่อง Self-Service Cafe อัตโนมัติ (อาคาร B2)
  • พื้นที่สวนหย่อม GreenSpace กว่าร้อยตร.ม. พร้อมศาลาพักผ่อน (อาคาร B2)
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร ,  ไม่มี Service Lift
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B1 99 : 1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B2 99 : 1
  • ที่จอดรถ 121 คัน คิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคันคิดเพิ่มเป็น 35%
  • ระบบ CCTV / Access Card / รั้วไม้กั้นกระดก / Proxy Lift

 


Product Walkthrough

ห้องพักอาศัยที่นี่จะเป็นห้อง 1 Bedroom ทั้งหมดนะคะ แต่ทางโครงการมีการแยกออกให้มีหลาย Type ด้วยกัน โดยมีทั้งหมด 3 Type เริ่มตั้งแต่ 23.64 ตร.ม. ขนาดกะทัดรัดอยู่คนเดียว ราคาแพคเกจไม่แรงเริ่ม 1.79 ล้านบาท ส่วนใครที่อยู่กัน 2 คน มองหาห้องขนาดอยู่สบาย ทางโครงการก็มีทำห้องไซส์ขยับขึ้นมาให้นะคะ ซึ่งไซส์ใหญ่สุดจะเป็นขนาด 34.98 ตร.ม.

ส่วนรูปแบบการขายที่นี่จะเป็น Fully Furnished แต่งครบพร้อมอยู่เลยนะคะ ถือเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เช่นเดียวกัน โดยสิ่งที่ได้มีดังนี้ค่ะ

  • Fully Furnished (เฟอร์นิเจอร์ Built-In ทุกจุดตามในห้องตัวอย่าง)
  • แอร์ Samsung หรือเทียบเท่าจำนวน 2 เครื่อง
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ( TV-LED 40″, ตู้เย็น 6.5 คิว, ไมโครเวฟ, เครื่องทำน้ำอุ่น)
  • Digital Door Lock (Finger Scan) ของ Samsung
  • ฝ้าเพดานสูง 2.40 เมตร
  • Kitchen & Sink + Hob & Hood

ห้องตัวอย่างแบบแรกที่จะพาไปดูคือแบบ C เป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการนะคะ โดยมีขนาดอยู่ที่ 34.3 – 35 ตร.ม. ลักษณะห้องจะเป็นห้องหน้ากว้าง เน้นพื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะนั่งเล่นและรับประทานอาหาร จะเห็นว่าส่วนรับประทานอาหารสามารถวางโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่งได้เลย ซึ่งจัดว่าหากได้ยากสำหรับ 1 Bedroom ขนาดประมาณนี้ในโครงการอื่นๆ นะคะ แต่ชุดครัวที่ได้อาจจะไม่ได้ใหญ่มากนัก หากใครอยากได้พื้นที่เตรียมอาหารมากขึ้นสามารถวางโต๊ะด้านข้างเพิ่มเติมได้อีกนะคะ

ส่วนพื้นที่นั่งเล่นค่อนข้างกว้าง มีพื้นที่ผนังให้ Built-in ชั้นวางขนาดใหญ่ได้ รวมไปถึงระเบียงที่มีขนาดใช้งานได้จริง ส่วนห้องนอนขนาดมาตรฐานไม่ได้ใหญ่มากแต่วางเตียง 5 ฟุตได้ พร้อมพื้นที่ทางเดินด้านข้างกำลังดี มีกระจกเข้ามุมให้เพิ่มพื้นที่แสงเข้ามาในห้อง ดูโปร่งโล่งดี

วัสดุประตูทางเข้าลายไม้จริงโครงด้านในเป็น Particle Board

มาพร้อมกับ Digital Door Lock จาก Samsung ที่สามารถรองรับได้ทั้ง Password, Keycard, กุญแจ และที่สำคัญคือการรองรับการสแกนนิ้วมืออีกด้วยค่ะ

พื้นที่ห้องได้เป็นกระเบื้องไวนิลลายไม้ ซึ่งจะทนความชื้นและรอยขูดขีดได้ดีกว่ากว่าลามิเนตระดับนึงนะคะ

เข้ามาภายในห้องจะเห็นว่าส่วน Common Area ค่อนข้างกว้างเลยนะคะ ด้วยความที่เป็นห้องหน้ากว้าง + พื้นที่ใช้สอยขนาด 30 กว่าตร.ม. ส่วนฝ้าเพดานที่นี่ให้มามาตรฐานอยู่ที่ 2.4 ม.

เรามาดูในส่วนพื้นที่นั่งเล่นกันก่อนนะคะ บริเวณพื้นที่นั่งเล่นนี้จะอยู่ติดกับระเบียงภายนอกสามารถชมวิวภายนอกได้ และยังได้แสงธรรมชาติเข้าถึงพื้นที่ส่วนนี้ได้ดี

สิ่งที่เราชอบคือทางโครงการ Built-in ชั้นเก็บของ + โต๊ะวางทีวีมาให้ขนาดใหญ่มาก เรียกได้ว่าเก็บของได้เยอะทีเดียวค่ะ และอีกแง่คือความคุ้มค่าเรื่องราคา เพราะเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายก็ถือว่าทางโครงการทำให้มาพอสมควรเลยนะคะ

สำหรับส่วนชุดโซฟาและโต๊ะกลางจะได้ตามห้องตัวอย่าง ลักษณะเป็นโซฟาแบบ Love Seat หรือ 2 ที่นั่งได้สบายๆ มีโต๊ะกลางขนาดกะทัดรัดให้ ส่วนผนังด้านบนโซฟาจะเป็นตำแหน่งติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่ทางโครงการจะติดตั้งให้เลยเป็นมาตรฐานจาก Samsung

ถัดไปเป็นส่วนระเบียงภายนอกซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก

พื้นที่ระเบียงมีขนาดพอสมควรนะคะ ใช้งานได้จริง ทั้งซักล้าง ตากเสื้อผ้าต่างๆ ได้ โดยมีขนาดประมาณ 0.9 x 2.7 ม. โดยวัสดุปูพื้นส่วนนี้จะเป็นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งมาตรฐาน

ส่วนด้านข้างนั้นออกแบบให้เป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้าได้ และด้านบนแขวน CDU แอร์ ซึ่งด้านข้างเองก็มีการทำระแนงบังสายตาแบบยกสูง เพื่อให้ภาพลักษณ์อาคารดูเรียบร้อย ไม่เห็นส่วน CDU แอร์

ถัดมาเป็นส่วนพื้นที่รับประทาน ซึ่งชุดเฟอร์นิเจอร์เฉพาะโต๊ะเก้าอี้นี้จะไม่ได้ในห้องมาตรฐานนะคะ ลูกบ้านสามารถจัดสรรพื้นที่ส่วนนี้เองได้ เช่น บางคนอยู่แค่ 2 คนไม่ได้เน้นโต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ อาจจะปรับเพิ่มฟังก์ชันโต๊ะเตรียมอาหารหรือ Counter Breakfast เป็นเคาน์เตอร์ทรงสูงมาก็ได้เช่นกัน

ถัดมาจะเป็นโซนครัว ด้านหลังครัวเป็นห้องน้ำ และฝั่งซ้ายมือนั้นจะเป็นทางเข้าห้องนอนค่ะ

ลักษณะครัวของห้องนี้เป็นครัวเปิดเน้นทำอาหารง่ายๆ เป็นหลัก ส่วนชุดเคาน์เตอร์ที่เราเห็นในห้องตัวอย่างนั้นจะได้ในห้องมาตรฐานเช่นเดียวกัน พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า

เราลองหน้าบานชุดตู้ครัวด้านบนให้ดูว่ามีการแบ่งช่องพื้นที่การใช้งานจัดเก็บได้ระดับนึงนะคะ ส่วน Fitting การเปิด-ปิดทุกบานจะเป็น Soft Close ด้วยนะคะ

ท็อปครัวที่นี่ให้เป็นหินสังเคราะห์นะคะ ถือว่าดีทีเดียว เพราะมีทนน้ำ/ความชื้นต่างๆ ได้ดี ราคาสูงกว่า Particle เคลือบเมลามีนทั่วไป และด้านหลังไม่ได้ติด Back Splash มาให้เหมือนห้องตัวอย่างนะคะ แนะนำให้เราติดตั้งเอง จะช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เลอะเทอะ

ส่วน Hob & Hood จาก Franke เป็นเตา 2 หัวพร้อม Hood แบบหมุนเวียน ด้านข้างได้ Sink จาก Franke เช่นเดียวกัน

ชุดตู้ด้านล่าง มีแบ่งช่องเก็บช้อนส้อม และชุดตู้ใต้เคาน์เตอร์ รวมถึงได้อุปกรณ์ไฟฟ้าไมโครเวฟ

เข้ามาในส่วนห้องนอนกันต่อนะคะ สำหรับพื้นที่ห้องนอนนี้มีขนาดกำลังดีสำหรับวางเตียง 5 ฟุตตามห้องตัวอย่าง และมีพื้นที่ด้านข้างเตียงให้เดินได้ง่าย + วางโต๊ะข้างเตียงได้ ส่วนชุดหน้าต่างจัดมาให้ขนาดใหญ่พอสมควรพร้อมกระจกเข้ามุม เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวภายนอกได้ดี

ปลายเตียงไม่มีที่วางทีวีนะคะ แต่ทางโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดสูงถึงฝ้าเพดานมาให้ พร้อมกับด้านข้างติดตั้งแอร์ ส่วนด้านล่างของแอร์นั้นจริงๆ ไม่เหมาะกับการจัดฟังก์ชันเท่าไหร่ จะวางเป็นราวแขวนเสื้อ หรือของตกแต่งเล็กๆ ได้ค่ะ เพราะอยู่ในระยะการเปิด-ปิดประตูของห้องนี้

เข้ามาส่วนห้องน้ำภายในแยกโซนแห้งและเปียกเป็นสัดส่วนดีนะคะ โดยโซนแห้งนั้นจะประกอบด้วยอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์จาก American Standard ด้านหลังทำ Low Wall ไว้วางของต่างๆ ได้ พร้อมกับส่วนผนังนั้นตกแต่งด้วย Mosiac + ตู้กระจกขนาดใหญ่ พร้อมติดตั้งไฟด้านล่าง

บริเวณพื้นที่อาบน้ำยกธรณีขึ้นสูงเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน พร้อมกับให้ฉากกั้นกระจกแบบบานเปิด

ภายในโซนผนังทำชั้นวางของให้เป็นมาตรฐานด้วยนะคะ

ส่วนฝักบัวที่ได้จะเป็นฝักบัวสายอ่อนจาก American Standard ขนาดของฝักบัวเป็นขนาดมาตรฐานทั่วไปค่ะ

ถัดมาในห้องถัดไปเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดกะทัดรัดลงมาหน่อยนะคะ อยู่ที่ 26.2 – 27.1 ตร.ม. แต่มีจุดเด่นที่แตกต่างจากห้องที่แล้วคือได้ครัวปิดเหมาะกับการทำอาหารมากขึ้น และห้องนอนแบบ Master Bedroom คือมีห้องน้ำในตัวเลย ทำให้สะดวกในการใช้งานมากขึ้น เช่น ช่วงกลางคืน ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำได้ง่าย ส่วนที่เป็นรองจากห้องที่แล้วก็จะเป็นตรงพื้นที่นั่งเล่นที่ไม่ได้ติดริมหน้าต่างนะคะ แต่ไม่ได้ทึบนะ เพราะว่าได้ช่องแสงจากส่วนครัวเข้ามาถึงภายในห้องอยู่ค่ะ

เข้ามาดูบรรยากาศภายในกันต่อเลย จากบริเวณหน้าห้อง เข้ามาก็จะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ที่ได้แสงจากส่วนครัวที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลย

หันกลับมาส่วนพื้นที่นั่งเล่นนี้ มีขนาดพอสมควรนะคะ ระยะทีวีจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 ม.

มุมวางโซฟา แบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งด้านข้างจะเหลือพื้นที่พอสำหรับวางตู้โต๊ะข้างได้อีกหน่อยนึง

ทางขวามือของประตูจะเป็นส่วนของพื้นที่ชั้นวางทีวีและแอร์ด้านบน (ผนังของจริงจะเป็นฉาบเรียบและทาสีขาวมาตรฐานนะคะ) ส่วนเฟอร์นิเจอร์ห้องนี้จะเป็นชั้นวางของแบบลอยตัวตามห้องตัวอย่าง ไม่จัดเต็มเท่ากับห้องก่อนหน้านี้นะคะ และทีวีเราจะได้แขวนผนังแบบนี้เอาไว้เลย

วงกบด้านล่างนั้นเป็นแบบมน เดินแล้วไม่เจ็บเท้า ส่วนพื้นภายในห้องครัวได้เป็นไวนิลเช่นเดียวกัน ถ้าใครคิดจะทำครัวหนักๆ เราแนะนำให้ปรับพื้นเป็นกระเบื้องแทนนะคะ จะทำความสะอาดและเหมาะกับการใช้งานมากกว่า

พื้นที่ในห้องครัวถือว่าให้มาพอสมควร สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งได้กำลังดี โดยไม่กินพื้นที่ทางเดินด้านข้าง

ชุดโต๊ะเก้าอี้ที่ได้จะได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ

ส่วนเคาน์เตอร์ได้ขนาดและสเป็คเดียวกับห้องที่แล้วนะคะ คือท็อปเป็นหินสังเคราะห์, Hob & Hood + Sink จาก Franke

ถัดมาจะเป็นระเบียงซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก

พื้นที่ระเบียงขนาดกะทัดรัดลงมาหน่อยจากห้องที่แล้วนะคะ ตามพื้นที่ใช้สอยรวมของห้องที่น้อยลงมา แต่เรายังมองว่าเป็นขนาดโอเค ไม่เล็กมาก ถ้าวางเครื่องซักผ้าลงไปแล้วก็ยังมีพื้นที่ให้ใช้งานได้

เข้ามาภายในห้องนอนนี้ขนาดค่อนข้างกว้างขวางนะคะ โดยรวมแล้วในบรรยากาศจริงดูกว้างขวางกว่าห้องที่แล้วด้วยซ้ำ ด้านข้างเตียงวางเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ส่วนปลายเตียงจะแขวนทีวีก็ทำได้

ขนาดเตียงวาง 5 ฟุตให้ มีพื้นที่ทางเดินรอบข้างอยู่ ส่วนหน้าต่างได้ไซส์มาตรฐาน ไม่ใหญ่เท่าห้องที่แล้ว แต่ยังทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่งโล่งไม่อึดอัดค่ะ

มาดูที่ห้องน้ำกันต่อนะคะ ขนาดห้องน้ำจะค่อนข้างกะทัดรัดหน่อย ถ้าเราเทียบกับห้องที่แล้ว แต่การจัดฟังก์ชันยังลงตัวเหมือนเดิม และมีการแยกโซนเปียก+แห้งให้เช่นเดิม ด้วยการกั้นฉากกั้นกระจกมาให้ ส่วนสเป็คสุขภัณฑ์ได้เหมือนกันกับห้องที่แล้ว จากยี่ห้อ American Standard ค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 26 December 2018

  • 1 Bedroom Type A เลขที่ห้อง 1B405 ชั้น 4 วิวภายนอก ขนาด 24.05 ตร.ม. ราคา 1.803 ล้านบาท หรือ 75,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type A เลขที่ห้อง 1B324 ชั้น 3 วิวสระ ขนาด 24.06 ตร.ม. ราคา 2.045 ล้านบาท หรือ 85,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type B เลขที่ห้อง 2B208 ชั้น 2 วิวภายนอก ขนาด 26.97 ตร.ม. ราคา 1.968 ล้านบาท หรือ 73,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type B เลขที่ห้อง 1B405 ชั้น 3 วิวสระ ขนาด 26.63 ตร.ม. ราคา 2.263 ล้านบาท หรือ 85,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type C เลขที่ห้อง 1B706 ชั้น 7 วิวภายนอก ขนาด 34.56 ตร.ม. ราคา 2.782 ล้านบาท หรือ 80,500 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type C เลขที่ห้อง 2B429 ชั้น 4 วิวสวน ขนาด 34.52 ตร.ม. ราคา 2.968 ล้านบาท หรือ 86,000 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished (เฟอร์นิเจอร์ Built-In)
  • แอร์ Samsung หรือเทียบเท่าจำนวน 2 เครื่อง
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด ( TV-LED 40″, ตู้เย็น 6.5 คิว, ไมโครเวฟ, เครื่องทำน้ำอุ่น)
  • Digital Door Lock (Finger Scan) ของ Samsung
  • ฝ้าเพดานสูง 2.40 เมตร
  • Kitchen & Sink + Hob & Hood
  • Shuttle Service
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 30,000 – 50,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล

ที่ตั้งโครงการ Aspen Condo ลาซาล (เฟส B) ตั้งอยู่บนถนนลาซาล (สุขุมวิท 105) ใกล้แยกศรีลาซาลไปประมาณ 400 ม. (นับจากหน้าถนนทางเข้า-ออกหลักของโครงการทุกเฟส) โดยอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลศิครินทร์นั่นเองค่ะ ต้องบอกว่าซอยนี้แม้จะใช้ชื่อซอยลาซาลเหมือนกับซอยที่เชื่อมเข้าสุขุมวิทนะคะ แต่บรรยากาศจะมีความสงบมากกว่าหน่อยและรถไม่ติดเท่า แต่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ที่เรียกว่าคึกคักทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Tops Daily, Starbucks และร้านค้าร้านอาหารริมถนนพอสมควรเลย

การเดินทางโดยใช้รถ

ทำเลที่ตั้งซอยลาซาลฝั่งนี้จะอิงกับถนนใหญ่อย่างศรีนครินทร์ และอยู่ในช่วงต้นๆของถนนศรีนครินทร์ที่แยกออกมาจากถนนบางนา – ตราด จะได้เปรียบในเรื่องของการเดินทางที่สามารถเข้าออกถนนบางนา – ตราด ได้ง่ายเลย ไม่ต้องใช้เวลารถติดบนเส้นศรีนครินทร์นานๆ ซึ่งตอบโจทย์คนที่ทำงานแถวศรีนครินทร์และบางนา-ตราดเป็นหลัก มากกว่าอิงสุขุมวิทนะคะ

ส่วนของการใช้ทางด่วนเข้าเมืองก็วิ่งไปทางแยกบางนาไม่ไกลรวมไปถึงทางด่วนกาญจนาฯ อีกด้วยค่ะ สุดท้ายสำหรับที่จอดรถที่ได้อยู่ที่ 35% รวมซ้อนคัน ถือว่าให้มาไม่มากนักนะคะ ตามราคาที่จ่าย อาจจะไม่เพียงพอนักสำหรับทำเลที่ยังต้องเน้นใช้รถยนต์ส่วนตัวอยู่ แต่คิดว่าถ้ามีรถไฟฟ้าเปิดให้ใช้บริการแล้วก็น่าจะลดทอนความต้องการที่จะใช้รถยนต์ได้อยู่ค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ

ใครไม่ขับรถก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สะดวกในการเดินทางเลยนะคะ เพราะจริงๆ แล้วน่าปากซอยโครงการเองก็มีรถสาธารณะต่างๆ ให้เลือกใช้เพื่อไปต่อรถอีกทีได้สะดวก เช่น รถสองแถว, รถ Mini Bus หรือจะเป็นวินมอเตอร์ไซค์ก็มีวิ่งอยู่ตลอด เรียกไปขึ้น BTS แบริ่งได้ในราคาไม่แพง นอกจากนี้ทางโครงการเองก็มีบริการ Shuttle Service ด้วยรถกอล์ฟที่คอยบริการลูกบ้าน และออกจากโครงการทุกๆ 10 นาที ถือว่าค่อนข้างถี่ทีเดียวค่ะ

และในอนาคตอีกประมาณ 3 ปีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองก็จะสร้างเสร็จพร้อมให้ใช้บริการแล้ว ทำให้ลูกบ้านโครงการนี้มีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้นนะคะ ซึ่งสถานีที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดคือสถานี ศรีลาซาล บริเวณแยกศีลาซาลเลยค่ะ

วัสดุ

ของที่ทางโครงการให้มาจะเป็นรูปแบบ Fully Furnished ได้ครบชุดพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย เรียกว่าครบพร้อมเข้าอยู่เลย โดยรวมแล้วเมื่อเทียบกับราคา 80,000 บาท/ตร.ม. ก็ถือว่าจัดมาให้พอสมควรเลยนะคะ สิ่งที่ชอบคือชุด Built-in ตรงพื้นที่นั่งเล่นของห้อง 1 Bedroom Type C ที่ให้มาใหญ่ทีเดียวค่ะ ส่วนที่ถ้าได้เพิ่มสเป็คอีกหน่อยจะดีมากๆ เลยคือสเป็คส่วนเคาน์เตอร์ครัว

การออกแบบ

โครงการออกแบบมาได้น่าสนใจดีนะคะ เริ่มจากทางเข้าที่เข้าตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร ทำให้การเข้าถึงอาคารสะดวก และการวาง Facilities ไว้ 2 จุดตรงกลางของอาคารทั้ง 2 ก็ช่วยสร้างวิวให้ห้องภายในได้ รวมไปถึง Facilities ที่อยู่ด้านล่างเลย ก็ทำให้ลูกบ้านใช้งานได้สะดวกดีค่ะ

สำหรับการออกแบบห้องโดยรวมแล้วลงตัวดีนะคะ แต่ละห้องจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปอยู่ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ด้วยไม่ใช่เพียงงบประมาณอย่างเดียว อย่างห้อง Type B นั้นเด่นที่ได้ครัวปิด เหมาะกับการทำอาหารมากขึ้น และห้องนอนขนาดใหญ่ ส่วน Type C ตอบโจทย์คนที่ชอบพื้นที่รวมขนาดใหญ่กว้างขวาง

สาธารณูปโภค

สำหรับ Facilities โครงการนี้เราถือว่าให้มาเยอะเพียงพอกับจำนวนยูนิตนะคะ และมีครบครันด้วย ทั้งสระว่ายน้ำขนาด 20 x 8 ม. ห้อง Fitness ขนาดใหญ่ร่วม 70 ตร.ม., Co-Working Space ขนาด 80 ตร.ม. รองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบดี และสุดท้ายคือสวนหย่อมตรงกลางพร้อม Pavillion ไว้นั่งเล่นริมสวนได้ ส่วนบรรยากาศทั้งหมดดูดีน่าใช้งานค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคา AVG 80,000 บาท/ตร.ม. เมื่อ 26 December 2018

  • ทำเล 7.5/10 – ทำเลอยู่ในย่านชุมชนแหล่งงาน และพักอาศัย มีอาหารการกินในซอยและพื้นที่ใกล้ๆสะดวก
  • เดินทางด้วยรถ 7.25/10 – อยู่ใกล้ถนนหลักสองเส้นอย่างศรีนครินทร์และบางนาตราด แต่ที่จอดรถน้อยไปหน่อย
  • ไม่ใช้รถ

  • กรณียังไม่มีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 7.5/10 – มีวินรถแดงรับส่งถึงต้นซอยฝั่งสุขุมวิท (BTS แบริ่ง) ตลอดเวลา, Taxi ผ่านบ่อย
  • กรณีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสร้างเสร็จ 8/10

  • วัสดุ 8/10 – Fully Furnished ให้มาแบบเยอะดีจัดเต็ม หิ้วกระเป๋าพร้อมอยู่ ลดคะแนนลงมาจากรีวิวก่อนเล็กน้อยเนื่องจากราคาเฉลี่ยสูงขึ้น
  • แบบ 7.75/10 – หน้าตาอาคารออกแบบวางผังได้ดี มีตัวเลือกฟังก์ชันห้องได้ถึง 4 แบบ
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้ค่อนข้างเยอะสำหรับ Low Rise ยกพื้นที่ชั้น 1 ทั้งหมด แถมจัดออกมาได้สวยมีคอนเซ็ปท์น่าใช้งาน ลดคะแนนลงมาจากรีวิวก่อนเล็กน้อยเนื่องจากราคาเฉลี่ยสูงขึ้น
    • ECONOMY CLASS

    • กรณียังไม่มีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง : 7.62/10.00
    • กรณีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสร้างเสร็จ : 7.69/10.00

    BOTTOM LINE

    Aspen Condo ลาซาล (เฟส B) เหมาะสำหรับคนทำงานย่านลาซาล ศรีนครินทร์ บางนาตราด ที่หาบ้านใกล้แหล่งงาน เป็นคนใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก หรือจะได้รถไฟฟ้าก็พอได้ไม่ยาก อีกทั้งชอบโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางสวยๆให้ใช้งานได้จริงจังไม่ต้องออกไปข้างนอก พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่