รีวิวฉบับที่ 1020 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปเดินเล่นชมทำเลโครงการ Na Vara Residence จาก Navarang Asset ในถนนหลังสวน ทำเลใจกลางเมืองบนที่ดิน Freehold เนื้อที่ไร่กว่าๆ ทำเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise ห่างจาก BTS ชิดลม เพียง 300 เมตร ทำเลของโครงการนี้จะเป็นอย่างไร เดี่ยวเราไปชมพร้อมๆกันเลยค่ะ
เวปไซต์ลงทะเบียน : Click Here
ทำเลที่ตั้ง
พิกัดโครงการ : 13.741968, 100.544509
ที่ตั้งของโครงการ Na Vara Residence ตั้งอยู่ในถนนหลังสวน เรียกได้ว่าอยู่ต้นๆซอย ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ชิดลม 300 ม. จัดเป็นทำเลใจกลางเมืองใกล้แหล่งงานธุรกิจ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ที่สามารถเดินทางได้ง่ายอีกทำเลหนึ่งโดยสามารถเข้าถึงได้จากถนนเพลินจิต หรือจะใช้เส้นทางอื่นที่เชื่อมต่อกับถนนหลังสวนเพื่อไปยังย่านอื่นๆในตัวเมือง หรือจะไปใช้ทางด่วนตรงด่านสุขุมวิทเพื่อไปยังที่ต่างๆ
ถนนหลังสวน เป็นถนน one way เดินรถทางเดียว คือ รถจะวิ่งจากถนนเพลินจิตไปจนถึงถนนสารสิน ด้วยความที่เป็นถนนเดินรถทางเดียว ทำให้ถนนหลังสวนเข้าออกยากนิดนึงเพราะต้องเข้าจากทางเพลินจิตเท่านั้น แต่ถ้ามาจากถนนราชดำริ ก็สามารถทะลุผ่านซอยมหาดเล็กหลวง 3 มายังถนนหลังสวนได้เหมือนกัน แต่ก่อนช่วงที่ยังไม่มีการล้อมแปลงที่ดินก่อสร้างผืนใหญ่ในซอยหลังสวน ซอยย่อยๆไม่ว่าจะเป็นซอยหลังสวน 1-7 ก็ล้วนแล้วแต่เป็นซอยที่เดินรถทางเดียว โดยซอยเลขคี่จะเดินรถจากถนนหลังสวนไปยังซอยต้นสน และซอยเลขคู่จะเดินรถจากซอยต้นสนไปยังถนนหลังสวน แต่ปัจจุบันได้มีการล้อมรั้วเขตก่อสร้างเป็นทางยาว ทำให้หลายๆซอยเข้าถึงไม่ได้ และซอยต้นสนที่เป็นซอยตันที่เข้าได้จากถนนเพลินจิตทางเดียวอยู่แล้ว
ในส่วนของที่ตั้งและทำเล นอกจากความสะดวกเพราะใกล้ BTS แล้ว ในเรื่องกรรมสิทธิการถือครอง พื้นที่โครงการ Na Vara Residence จะเป็นที่ดิน Freehold คือ ผู้ซื้อจะได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ของอสังหาริมทรัพย์ที่ตนซื้อไป ซึ่งก็เหมือนกับคอนโดอื่นที่พบได้ทั่วไป ซึ่งจะพูดไปแล้วเริ่มจะหายากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะในถนนราชดำริไล่มาถึงถนนหลังสวน เพราะส่วนมากที่เห็นพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่มีอยู่ในปัจจุบันหลายแห่งจะเป็นที่ดิน Leasehold คือ สิทธิในการเช่า ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้จะไม่ได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ตนซื้อ และเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่า ผู้ซื้อก็จะต้องคืนอสังหาริมทรัพย์นั้นให้กับเจ้าของที่ดินนั้นๆ
การเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ มีสถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT ล้อมรอบอยู่ ถ้า BTS ชิดลม ห่างจากโครงการ 300 เมตร แต่มีสองสถานีที่อยู่ในระยะเดินให้ได้เลือกใช้ ถ้าใครมาจากเส้นสุขุมวิทก็ลง BTS สถานีชิดลม ส่วนใครมาจากเส้นสีลมก็ลง BTS สถานีราชดำริ แทนก็ได้
ส่วนจุดทางขึ้น-ลงทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคืออยู่ตรงถนนเพลินจิต ใกล้ BTS เพลินจิต หรือด่านสุขุมวิท ในระยะ 1 กิโลเมตร มีทั้งทางลงและทางขึ้น ถ้าเราใช้ทางขึ้น สามารถเลี้ยวซ้ายจากถนนเพลินจิตเข้าด่านเก็บเงินได้เลย แต่ถ้าเรามาจากทางลง จะบังคับเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าอโศก ทำให้ต้องไปกลับรถไกลหน่อย
ในด้านความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ จัดว่ามีให้เลือกหลากหลาย ทั้งห้าง Central ชิดลม , Mercury Ville , Central Embassy หรือเอาที่ใกล้สุดก็ The Portico เดินออกมาหน้าปากซอยโครงการแค่ 80 ม. ในย่านนี้ก็มีทั้งร้านอาหารหลากหลายให้เลือก ทั้งร้านชื่อดังไปจนถึงร้านอาหารราคาย่อมเยาว์ เช่น Gaggan ร้านอาหารอินเดียว All six to Twelve, Eat meat sweets, King kong buffet , ร้านอาหารญี่ปุ่น และ Starbuck มีร้านสะดวกซื้อ จุดแลกเงิน ให้เลือกใช้บริการได้ มีสปาเปิดรองรับลูกค้าฝรั่งที่มาพักอาศัยโรงแรมในซอยเป็นระยะๆ ส่วนฝั่งซ้ายของถนนหลังสวนก็ คือโรงเรียนมาแตร์เดอี เลยไปไม่กี่สถานีก็เป็นจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างสวนลุมพินี เป็นพื้นที่สีเขียวในย่านนี้สามารถไปออกกำลังกาย หรือไปพักผ่อนได้
หากมองทางด้านศักยภาพในด้านที่อยู่อาศัย ก็เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่ใครๆก็มองหา นอกจากจะอยู่ใจกลางเมืองแล้ว ยังมีความสะดวกเรื่องการเดินทาง ความอุมสมบูรณ์ของพื้นที่อยู่พอสมควร จะเห็นว่าตลอดแนวถนนหลังสวน แทบจะไม่มีที่ว่าง พื้นที่ส่วนใหญ่จะถูกพัฒนาไปเป็นโครงการที่อยู่อาศัย สลับกับโรงแรม รวมไปถึงอาคารสำนักงาน เกือบหมด ที่อยู่อ่ศัยในถนนหลังสวนจึงเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยสูงขึ้นตามไปด้วย
แผนที่แสดงสภาพแวดล้อมรอบๆข้างโครงการ Na Vara Residence ที่ดิน Freehold ขนาดเนื้อที่ประมาณไร่กว่าๆ สำหรับสร้างเป็นคอนโดมิเนียม low rise จำนวน 8 ชั้น สามารถเข้าถึงจากถนนหลังสวน จุดสังเกตจะมี Community ชื่อ The Portico อยู่ด้านหน้าปากซอยทางเข้าโครงการ จากปากซอยเข้ามาที่หน้าโครงการระยะทางประมาณ 80 ม.
ทิศเหนือของโครงการจะติดกับโครงการ Piya Place เป็นโครงการที่อยู่อาศัย สูง 5 ชั้น ทิศตะวันออกบ้านพักอาศัยส่วนบุคคล สูงประมาณ 2 ชั้น ถัดมาทางทิศใต้ซึ่งเป็นทางเข้าด้านหน้าของโครงการ จะติดกับถนนซอยความกว้างถนน 2 เลน สวนทางกัน ฝั่งตรงข้ามจะเป็นพักอาศัยส่วนบุคคล สูงประมาณ 2-3 ชั้น ทางด้านทิศตะวันตกของโครงการจะติดกับคอนโดมิเนียม Klass Langsuan สูง 8 ชั้น
เส้นทางที่เราจะไปเดินดูทำเลในย่านชิดลม-หลังสวน วันนี้จะแบ่งเป็น 3 เส้นทางหลักๆ ดังนี้
- เส้นทางที่ 1 จาก BTS ชิดลม เดินไปตามถนนเพลินจิต มุ่งหน้าไปทางสี่แยกเพลินจิต จนถึงจุดขึ้น-ลงทางด่วนสุขุมวิท เป็นระยะทาง 7oo ม.
- เส้นทางที่ 2 จาก BTS ชิดลม เลี้ยวเข้าถนนหลังสวน มุ่งหน้าไปที่ตั้งโครงการ Na Vara Residence ระยะทางประมาณ 300 ม. แล้วเดินต่อไปในถนนหลังสวนจนสุดถนนหลังสวนที่ซอยสารสิน ระยะทางประมาณ 85o ม. รวมระยะทางทั้งหมด 1.15 กม.
- เส้นทางที่ 3 จากบริเวณปากซอยถนนหลังสวน เดินไปตามถนนเพลินจิต มุ่งหน้าไปทางสี่แยกราชประสงค์ เป็นระยะทาง 4oo ม.
มาเริ่มกันที่ เส้นทางที่ 1 จาก BTS ชิดลม ลงทางออกหมายเลข 4 แล้วเดินไปตามถนนเพลินจิต มุ่งหน้าไปทางสี่แยกเพลินจิต จนถึงจุดขึ้น-ลงทางด่วนสุขุมวิท เป็นระยะทาง 7oo ม. เดี่ยวเราไปดูกันค่ะว่าตลอดเส้นทางในย่านนี้จะมีอะไรบ้าง
เริ่มจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีชิดลม เป็นสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดจากสถานที่ตั้งโครงการ ระยะห่างจากโครงการมาถึงสถานีประมาณ 300 เมตร ถือว่าใกล้มากค่ะ เดินมาใช้ BTS กันได้สบายๆ
เมื่อเดินออมาจากตัวสถานีให้เลือกทางออกหมายเลข 4 เพื่อไปลงถนนฝั่งถนนหลังสวน
ภาพบรรยากาศถนนเพลินจิต บริเวณสี่แยกชิดลมค่ะ ปริมาณรถมากโดยเฉพาะถ้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน ทั้งเช้าและเย็น แถวนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องรถติดพอสมควรค่ะ
มุมสองจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ชิดลม มองลงมาจะเห็นบริเวณสี่แยกชิดลม และซอยหลังสวนพอดีค่ะ
ทางออกหมายเลข 4 เลี้ยวขวามาจะเป็นทางเชื่อมเข้าไปในห้าง Mercury Ville ได้ เดี่ยวเราจะเดินไปตามเส้นทางถนนเพลินจิตขึ้นไปทางสี่แยกเพลินจิตกันก่อน จะได้ไปดูบรรยากาศรอบของพื้นที่ในย่านนี้กันค่ะ
ภายในห้าง Mercury Ville ก็ตามปกติห้างทั่วไปที่จะมีร้านอาหาร ร้านน้ำต่างๆ รวมไปถึงแบงค์สาขาย่อยและร้านให้บริการ โดยตัวห้างเองพึ่งจะเปิดหลังปิดปรับปรุงไประยะหนึ่ง ทำให้ห้างยังดูสดใหม่อยู่
ลงมาจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ชิดลม ทางออกที่ 4 ก็จะเจอกับอาคาร Ayudhya Allianz เป็นอาคารสูง Office building บริเวณนี้จัดเป็นย่านอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งที่สำคัญ เพราะตลอดเส้นทางก็จะมีอาคารสำนักงานและห้างร้านต่างๆ ขึ้นเรียงรายไปตลอดถนนเพลินจิตค่ะ
บริเวณทางเท้าด้านหน้าริมถนนเพลินจิต จะมีคนเดินสวนกันไปมามากมายเกือบตลอดทั้งวันค่ะ ทั้งนักท่องเที่ยว ไปจนถึงคนทำงาน ยิ่งช่วงกลางวันนี้คนจะมากมายกว่านี้ เพราะพนักงานออฟฟิสก็จะลงมาทานข้าวกัน
ฝั่งตรงข้ามกับ อาคาร Ayudhya Allianz จะเป็นห้าง Central ชิดลม
ลองเดินขึ้นมาบนสะพานลอย เพื่อดูภาพบรรยากาศของแถวนี้กัน ถนนเพลิตจิตจัดเป็นถนนที่มีความร่มรื่นเกือบตลอดแนวเส้นทาง มีต้นไม้ปลูกริมสองข้างทางให้พอได้ร่มเงา บริเวณเกาะกลางถนนก็มีการปลูกต้นไม้ไว้สวยงาม
ถัดจากอาคาร Ayudhya Allianz จะเป็นซอยต้นสน ส่วนอาคารใหญ่ที่เห็นถัดไปจากซอยต้นสนคือ อาคาร Thanachart Bank Tonson Tower เป็นอาคาร Office building สูง 19 ชั้น
ตรงข้ามกับ อาคาร Thanachart Bank Tonson Tower จะเป็นห้าง Central Embassy
มองย้อนกลับมาทางสี่แยกชิดลมจะเป็นห้าง Central ชิดลม
เดินต่อไปมุ่งหน้าไปทางสี่แยกเพลินจิต ผ่านปากซอยต้นสน ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้าง Central Embassy
มองเข้าไปทางเข้าซอยต้นสน ซอยนี้สามารถไปทะลุเชื่อมต่อกับซอยหลังสวนได้ค่ะ
เดินต่อมาเรื่อยบรรยากาศแถวนี้ก็จัดเป็นย่านธุรกิจ มองไปทางไหนก็เจอแต่อาคารสูง อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ตลอดเส้นทาง
ตามแนวถนนเพลินจิต จะมีตรอกซอบซอยเล็กๆแบบนี้อยู่ ส่วนมากจะเป็นซอยที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร ช่วงกลางวันคนจะเน้นไปหมดทั้งซอย พนักงานออฟฟิสส่วนมากก็จะมาฝากท้องกับร้านค้าแถวนี้กัน
เดินต่อมาเรื่องๆ ตรงข้ามกับห้าง Central Embassy จะเป็น Embassy Park Plaza ด้านในก็จะมีร้านค้าและร้านอาหารต่างๆ
ตลอดแนวเส้นทางริมถนนเพลินจิตก็จะมีร้านอาหารและร้านขนมเจ้าอร่อยให้น่ามาลองนั้งแวะชิมกัน อย่างร้าน PEAR’S เป็นร้าน bakery ที่ขึ้นชื่อเรื่องเค้กสไตส์ Classic และขนมปัง ขนมอบต่างๆ
ร้าน Captain squid เป็นร้านที่เปิดมานานหลายปีแล้วขึ้นชื่อเรื่องขนมปังและขนมอบสดใหม่ ตัวร้านตั้งอยู่ริมถนนเพลินจิต ตรงข้ามกับห้าง Central Embassy ค่ะ
เดินตรงมาเรื่อยใกล้จะถึงสี่แยกเพลินจิต ทางขวามือตรงข้ามกับห้าง Central Embassy จะมีการล้อมรั่วโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างไว้ ซึ่งเดิมเคยเป็นอาคารสำนักงานของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
มาถึงบริเวณสี่แยกเพลินจิต สี่แยกนี้จะเป็นสี่แยกตัดระหว่างถนนเพลินจิตกับถนนวิทยุ โดยรอบก็จะมีอาคารสำนักงานและห้างขนาดใหญ่ รวมไปถึงคอนโดมิเนียม high rise ทั้งเก่าใหม่กระจายอยู่เต็มพื้นที่ เดี่ยวเราลองเดินตามเส้นทางถนนเพลินจิตกันต่อค่ะว่าจะมีอะไรบ้าง
อาคารแรกที่เจอจะอยู่จรงบริเวณสี่แยกเพลินจิตพอดี โครงการ Park Venture เป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ และยังเป็นตึกอาคารเขียวที่ได้รับรางวัล Leed Platinum ข้างบนเป็นโรงแรม Okura Hotel เชนจากญี่ปุ่น
ติดกับสี่แยกเพลินจิตอีกฝั่งจะเป็น ห้าง Central Embassy
ฝั่งตรงข้ามกับอาคาร Park Venture จะเป็น Wave Place ซึ่งก็เป็น อาคารสูง 21 ชั้น เป็นอาคารสำนักงานให้เช่า และมี HomePro Plus อยู่ด้านใน
จากฝั่งถนนเพลินจิตไปจนถึง Siam Paragon นั้น มีทางเดิน Skywalk เชื่อมต่อกันตลอด ทางเชื่อมนี้จึงนำมาซึ่งความสะดวกสบายให้กับคนในย่านนี้ ที่จะเดินจากออฟฟิศหนึ่งๆไปสถานีรถไฟฟ้าหรือจะไปห้างสรรพสินค้าก็ได้เช่นกัน เช่นทางเข้าห้างสรรพสินค้า Central Embassy ที่เปิดตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม และสามารถเดินลัดเข้าไปยัง Central ชิดลมได้ด้วย
มุมมองจากสี่แยกเพลินจิต ไปทางถนนวิทยุมุ่งหน้าไปทางแยกสารสิน
ถนนเพลินจิตโดนเกาะกลางผ่านถนนออกเป็นสองซีกแบบนี้ คล้ายๆกับแบ่งเป็นสองถนนที่ไม่เชื่อมต่อกัน ไม่มีจุดกลับรถ จึงทำให้การจราจรโดยรวมไม่สะดวกเท่าที่ควร
ส่วนฝั่งตรงข้ามกับอาคาร Park Venture ที่เห็นกำลังมีการก่อสร้างกันอยู่นั้นเป็น โครงการ Noble เพลินจิต คอนโดมิเนียม High Rise สูง 14, 51, 46 ชั้น 3 อาคาร
ถัดมาจาก อาคาร Park Venture จะเป็นตึกสีส้มๆที่ดูเก่าหน่อยก็ คือ ตึกมหาทุนพลาซ่า
ถัดมาก็จะเป็นโรงแรม Novotel สาขาเพลินจิต ตรงปากซอยร่วมฤดีพอดีค่ะ
เดินมาจะเจอกับซอยร่วมฤดี ภายในซอยนี้ก็จะมีโครงการคอนโดมิเนียมอยู่หลายแห่งค่ะ ที่เห็นอาคารสีส้มๆอยู่ตรงหน้าปากซอยนั้น เป็น อาคารสำนักงาน Q.House เพลินจิต
มองเข้าไปทางเข้าซอยร่วมฤดี ซอยนี้สามารถไปทะลุเชื่อมต่อกับถนนวิทยุ ใกล้กับแยกสารสินได้ค่ะ
ตรงจุดนี้จะมีทางขึ้น-ลง ทางด่วนเพลินจิต กั้นระหว่างถนนเพลินจิต และถนนสุขุมวิท ซึ่งรถที่วิ่งมาจากเพลินจิต ตรงต่อไปสุขุมวิทไม่ได้นะคะ แต่จากสุขุมวิทมา ไม่มีปัญหาค่ะ
บางคนอาจจะงง ลองดูจากภาพนี้ค่ะ เราวิ่งตรงมาจากถนนเพลินจิตกำลังจะมุ่งหน้าไปทางถนนสุขุมวิท แต่พอมาถึงตรงจุดขึ้นลงทางด่วน จะเจอกับป้ายบังคับให้เลี้ยวซ้ายและห้ามตรงไป ด้านหน้าจะเป็นทางแบบ One way แบบนี้ค่ะ ใครที่จะพยายามฝ่า One way ไป ก็จะเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยยืนเรียกอยู่ โดนปรับไม่พอ ยังเป็นเหตุให้รถติดอีก พยายามอย่าลักไก่กันนะคะ
มาที่เส้นทางที่ 2 กันค่ะ จะเริ่มต้นกันที่ทางลงจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ชิดลม ทางลงหมายเลข 4 เพื่อเดินมุ่งหน้าไปที่โครงการ Na Vara Residence กันค่ะ จากตรงปากซอยหลังสวนไปจนถึงที่ตั้งโครงการมีระยะทางประมาณ 300 ม. เสร็จแล้วเราจะเดินต่อไปจนสุดถนนหลังสวนกันค่ะ เพื่อไปดูบรรยากาศในซอยหลังสวนว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อเดินลงมาจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ชิดลม ทางลงหมายเลข 4 จะมาลงทางฝั่ง ห้าง Mercury Ville ต้องเดินย้อนกลับไปประมาณ 50 ม. เพื่อไปเข้าถนนหลังสวนค่ะ
มากันที่บริเวณสี่แยกชิดลม ซึ่งหากวิ่งมาจากสี่แยกเพลินจิตเพื่อมุ่งหน้าไปทางสี่แยกราชประสงค์ ถนนหลังสวนจะอยู่ทางซ้ายมือตรงสี่แยกชิดลมชิมลมพอดีค่ะ ซึ่งก็จะอยู่ตรงกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ชิดลม
เมื่อเลี้ยวเข้ามาในถนนหลังสวน ซ้ายมือจะเป็นห้าง Mercury Ville ส่วนทางขวามือจะเป็นโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย เส้นทางจราจรในถนนหลังสวนจะเป็นแบบ One way คือ รถวิ่งทางเดียวไม่มีรถวิ่งสวนเลนไปกลับ ถ้าต้องการจะขับกลับมายังสี่แยกชิดลม จะต้องไปใช้เส้นทางลัดตามซอยหลังสวน 1 และ 2 หรือไปผ่านซอยสารสิน ไปวนกลับมาทางถนนวิทยุ เพื่อย้อนกลับมาค่ะ
ฝั่งตรงข้างโรงเรียนก็เป็นทางเข้า-ออกประตูข้างของห้าง Mecury Ville เช่นกัน เป็นที่จอดรถใต้ดิน ด้านข้างก็จะมีแท๊กซี่จอดเป็นแนวยาวรอบรับผู้โดยสาร
ริมถนนปากซอยถนนหลังสวน ฝั่งห้าง Mercury Ville จะมีวินมอร์เตอไซ์รับจ้างอยู่ แต่ถ้าจะเดินไปที่ตั้งโครงการซึ่งมีระยะห่างจากปากซอยประมาณ 300 ม. ก็อาจจะไม่ต้องพึ่งพี่วิน เพราะเป็นระยะที่เดินได้สบายๆ
อัตราค่าบริการของวินมอร์เตอร์ไซค์ถนนหลังสวนที่จะนั้งไปยังที่ต่างๆค่ะ
บริเวณทางเท้าตรงปากซอยถนนหลังสวนจะมีร้านค้า ร้านขายอาหารมาตั้งขายของกัน กินพื้นที่ทางเดินเท้าไปเกือบครึ่ง
ถัดมาก็เป็นอาคาร Unico House ที่ด้านในเป็นตึกสูงสิบกว่าชั้น และด้านหน้าเป็นตึกสูง 5 ชั้น เหมือนตึกแถวทั่วไป แต่ด้วยดีไซน์ทำให้ออกมาดูเรียบและทันสมัยกว่า โดยชั้น 1-2 เป็นเป็นร้านอาหารและให้บริการ มีที่จอดรถด้านใน
เดินตรงเข้าซอยมาเรื่อยๆจะเจอกับ อาคาร Piya Plaza Langsuan ชั้นล่างของอาคารจะเป็นร้านเสื้อผ้า Embassy suit gallery ร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ
ร้านอาหารด้านหน้าจะเป็นร้านปิ้งย่าง KingKong และที่อยู่ถัดไปติดกันเป็นร้าน Chang foot massage & spa
ทางเดินเท้าจะเต็มไปด้วยเหล่าบรรดาร้านอาหาร ที่มาตั้งขายกันเกือบทั้งวัน ยิ่งช่วงตอนพักกลางวันจะมีพนักงานออฟฟิสในบริเวณนี้ ลงมากินข้าวกันแถวนี้กันค่ะ
เหลือทางเดินแค่พอเดินได้ค่ะ ถ้ามีคนเดินสวนมาก็ต้องมีหลบทางให้ ต้องใช้ความระวัดระวังพอสมควรค่ะ
ตรงต่อมาเรื่อยๆจะเจอกับ The Portico เป็น Community Mallในย่านหลังสวน
ภายใน The Portico ก็จะมีร้านค้า ร้านขนมและร้านอาหารต่างๆ มากมายค่ะ
ถัดมาจาก The Portico จะมีซอยอยู่ค่ะ ซึ่งจะเป็นซอยที่จะไปที่ตั้งโครงการ Na Vara Residence ค่ะ
ซอยที่จะมุ่งหน้าไปโครงการ Na Vara Residence จะเป็นซอยมีเส้นทางรถ 2 เลน วิ่งไปกลับสวนกัน
ด้านหน้าปากซอยจะมีร้านขายเสื้อผ้า ชื่อร้าน Belli Belly เป็นร้านเสื้อผ้าเล็กๆเน้นขายเสื้อผ้าแม่และเด็ก
เดินเข้ามาในซอยจะเห็นว่าริมฝั่งซ้ายของซอย ช่วงต้นซอยจะติดกับพื้นที่สำหรับรถส่งสินค้าของ The Portico ซึ่งจะมีรถหกล้อ รถส่งของ มาจอดเพื่อรับส่งสินค้าเป็นช่วงเวลา
เดินเข้ามาเรื่อยๆจะเจอกับอาคารที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คือ โครงการ Klass Langsuan เป็นคอนโดมิเนียม low rise 8 ชั้น
ฝั่งตรงข้ามกับ โครงการ Klass Langsuan จะเป็นบ้านส่วนบุคคล เป็นทาวโฮมส์ สูงประมาณ 3 ชั้น มีซอยแยกไปทางขวามือ 2 ซอย
ซอยขวามือแรก ด้านในก็จะเป็นบ้านพักอาศัย เป็นทาวโฮมส์ สูงประมาณ 2- 3 ชั้น ที่เห็นด้านในสุดเป็นอาคาร Vanichapark เป็นคอนโดมิเนียมยุคแรกๆในซอยหลังสวน
ตรงเข้ามาถัดจากโครงการ Klass Langsuan จะเป็นพื้นที่ของโครงการ Na Vara Residence ซึ่งปัจจุบันยังเป็นอาคารสีส้ม ซึ่งเดี่ยวจะทำการรื้อถอดออกทั้งหมด พื้นที่ตรงนี้ เป็นที่ดิน Freehold เนื้อที่ไร่กว่าๆ
ลองเดินเข้ามาด้านใน ขนาดพื้นที่ตั้งโครงการ Na Vara Residence จะมีเนื้อที่ประมาณไร่กว่าๆ ซึ่งพื้นที่ด้านในปัจจุบันทำเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถอยู่ค่ะ
ความลึกของพื้นที่โครงการจะเลยเข้าไปอีกจากพื้นที่จอดรถนะคะ บริเวณด้านหลังจากที่รถกะบะจอดอยู่ก็เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่โครงการด้วยค่ะ
จะเห็นว่าที่ตั้งโครงการ Na Vara Residence จะอยู่ติดกับโครงการ Klass Langsuan เลยค่ะ จัดเป็นเพื่อนบ้านกันเพราะในซอยนี้จะมีโครงการคอนโดมิเนียมแค่ 2 โครงการเท่านั้นค่ะ
ถัดจากที่ตั้งโครงการ Na Vara Residence จะเป็นซอยส่วนบุคคล เป็นซอยตัน ด้านในก็จะเป็นบ้านพักอาศัยสูง 2-3 ชั้น
เดินออกมาจากซอยโครงการ เดี่ยวเราเดินเข้าไปทางถนนหลังสวนกันต่อค่ะ จะได้ไปลองดูว่าสภาพแวดล้อมภายในถนนหลังสวนจะมีอะไรบ้าง ออกมาจากซอยโครงการก็จะเจอกับร้าน Starbucks
ฝั่งตรงข้ามกับร้าน Starbucks จะเป็นอาคารสำนักงานของไทยประกันชีวิต ภายในมีที่จอดรถและแบงค์ TMB สาขาย่อยเปิดให้บริการ
บรรยากาศในถนนหลังสวนตลอดแนวถนนวองฝั่งจะมีต้นไม้ปลูกไว้ให้ร่มเงาตลอดทางค่ะ
เดินต่อมาเรื่อยๆ จะเจอกับ โครงการ บ้าน ณ วรางค์ คอนโดมิเนียม สังเกตทางเท้าบริเวณนี้จะเดินได้สะดวกไม่เหมือนตรงบริเวณช่วงต้นซอยค่ะ
โครงการ บ้าน ณ วรางค์ คอนโดมิเนียม เป็นคอนโดมิเนียม high rise สูง 24 ชั้น สร้างเสร็จในปี 1998 ถึงจะสร้างเสร็จมามากกว่า 18 ปีแล้ว แต่ก็ยังได้รับความนิยมในการเข้าพักและมีราคา Resale ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ถัดมาจะเป็นอาคาร Cape House สูง 2o ชั้น เป็น Hotel and Serviced Apartment มี service ต่างๆก็เพียบพร้อมเหมือนกับโรงแรม 5 ดาว และยังมีร้านอาหารเจ้าอร่อย ชื่อร้าน NO.43 เป็นร้านอาหารอิตาเลียน
ฝั่งตรงข้ามที่เห็นมีการก่อสร้างอยู่ เป็นโครงการ สินธรมิดทาว์น เป็นคอนโดมิเนียม high rise สูง 29 ชั้น
ถัดมาฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น Diora , ร้านสะดวกซื้อ และ SuperRich สีส้ม เป็นจุดแลกเงินสำหรับชาวต่างชาติที่พักอาศัยแถบนี้
เดินต่อมาเรื่อยจะเจอกับร้าน Spirit of spa ซึ่งในถนนหลังสวนจะมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เยอะพอสมควรค่ะ ในซอยนี้จึงมีทั้งร้านอาหารต่างชาติ จุดแลกเงิน และร้านนวดสปา ไว้รองรับลูกค้ากลุ่มนี้ค่ะ
ถัดมาที่เห็นล้อมรั่วโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง จะเป็นโครงการ Sirijit Residence ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็นโครงการ high rise หรือ loe rise ใครพอมีข้อมูลช่วยแนะนำหน่อยนะคะ
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นอาคาร CIMB Thai สำนักงานใหญ่ ธนาคาร TMB เป็นอาคาร Office Building
เลยถัดมาจะเป็น Hotel Muse สูงประมาณ 17 ชั้น มีทั้งส่วนที่เปิดเป็นโรงแรมและ Serviced Apartment ภายในตกแต่งหรูหรา เป็น Chain ของโรงแรมเครือ Accor
ฝั้งตรงข้ามกับ Hotel Muse จะเป็นโครงการ Garden View Mansion เป็นแมนชั่นสไตล์มีพื้นที่หน้าตึก สร้างเหมือนบ้านที่คนไทยสมัยก่อนชอบ แบบมีระเบียงและห้องภายในกว้างๆ สูงประมาณสิบกว่าชั้น
เดินมาอีกนิดก็จะเป็นคอนโด Langsuan Ville เป็นคอนโดมิเนียม High rise สูง 39 ชั้น แล้วเสร็จในปี 2554
เดินต่อมาจะเริ่มเจอร้านอาหารริมถนนมาตั้งร้านกันช่วงกลางๆถนนหลังสวน เรียกได้ว่าแทบไม่มีที่เดิน ยิ่งช่วงเวลากลางวันจะหนาแน่นไปด้วยพนักงานออฟฟิสที่ลงมากินข้าวเที่ยงกัน
โรงแรม Urbana Langsuan ที่อยู่ลึกเข้าไปในซอยหน่อย เป็นอาคารที่สูงมากๆ อาคารหนึ่งในถนนนี้เลยก็ว่าได้
โรงแรม Urbana Langsuan โรงแรมระดับ 4-ดาว สูง 36 ชั้น ภายในเป็นทั้งโรงแรม และ เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์
ฝั่งตรงข้ามเป็นโครงการ Grand Langsuan Condominium เป็นคอนโดมิเนียม high rise สูง 36 ชั้น
เดินมาถึงตรงช่วงนี้ทางเดินเท้า จะไม่มีร้านค้ามาตั้งให้เสียพื้นที่ในการเดิน แต่จะกลายเป็นที่ปลูกต้นไม้ริมทางแทน
ถัดมาเป็น Community Mall ที่จำนวนคนเข้าไปใช้ไม่เยอะมาก แต่ก็มีร้านดังๆอยู่ด้านในอย่าง Crepes & Co และ The ninth ที่เป็นร้านคาเฟ่ทันสมัยที่นั่งเล่นได้ ภายในมีที่จอดรถ มีร้านนวด ร้านล้างรถ และบริการต่างๆ
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโครงการ Q Langsuan สูง 37 ชั้น เป็นหนึ่งในโครงการ
โรงแรม Centre Point ชิดลม อยู่ในเครือเดียวกับ Centre Point ที่อยู่ในซอยมหาดเล็ก 1
บริเวณด้านหน้าทางเข้าโรงแรม Centre Point ชิดลม
โครงการ Marriott Executive Apartments Mayfair Bangkok ให้บริการทั้งเป็นโรงแรม และ Serviced Apartment ที่ด้านหน้ามีร้านอาหารจัดเป็นพื้นที่คล้ายๆกับ Lounge
ถัดมาเป็นโรงแรม Natural Ville Executive Residences สูงยี่สิบกว่าชั้น ที่นี้จะมีร้านเบเกอรี่ต้นตำรับจากฝรั่งเศส ชื่อ CAFE LENôTRE
ฝั้งตรงข้ามจะเป็น The Millennia Tower ความสูง 25 ชั้น เป็นอาคาร office building ให้เช่าพื้นที่ทำเป็นสำนักงาน
ตอนนี้เราก็เดินมาถึงซอยหลังสวน 2 กันแล้วค่ะ จากตรงนี้ไปทางซ้ายมือทั้งหมด จะเป็นพื้นที่ของโครงการ Sindhorn Residence ซึ่งจะกินพื้นที่ยาวไปจนถึงซอยสารสิน
ฝั้งตรงข้ามกับซอยหลังสวน 2 จะเป็นโครงการ Rongratana Executive Residenceให้บริการทั้งเป็นโรงแรม และ Serviced Apartment
ชั้นล่างด้านหน้าของโครงการ Rongratana Executive Residence จะมีร้านอาหาร ชื่อ The Hen and The Egg เป็นร้านอาหารฝรั่งที่มีขายตั้งแต่อาหารเช้า อาหารกหลางวัน และเบอเกอรี่ต่างๆ
ถัดไปอีกหน่อยก็จะเป็นพวกบ้านเดี่ยวพักอาศัยธรรมดา แต่ตั้งอยู่บนแปลงที่ดินผืนใหญ่ ในอนาคตก็อาจจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ในบริเวณนี้กันมากขึ้น
บริเวณทางเท้าฝั่งโครงการ Sindhorn Residence ช่วงเวลากลางวันก็จะมีร้านอาหารริมทางมาเปิดขายกัน ส่วนมาลูกค้าก็จะเป็นกลุ่มคนงานก่อสร้าง
ฝั้งตรงข้ามเลยมาหน่อยก็เป็นร้านอาหารอินเดียชื่อดังอย่าง Gaggan ที่ได้รับการจัดอันดับจากหลายๆที่ว่าเป็นร้านอาหารที่ชั้นนำของเมืองไทย นอกจากนั้นด้านในซอยยังเป็นร้านสปา และร้านอาหารอื่นๆ
ถัดมาจะเป็นคอนโดหรือเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ High rise ก็จะมี Peng Seng Mansion เป็นตึกเดียวตั้งแต่กลางถนนหลังสวนไปจนถึงท้ายซอย
ภาพบรรยากาศภายในถนนหลังสวน บริเวณช่วงที่มีการก่อสร้างโครงการ Sindhorn Residence ทางฝั่งซ้ายมือจะมีรั่วโครงการยาวไปตลอดเส้นทาง
อีกฝั้งก็จะมีร้านอาหารญี่ปุ่น และร่านนวดสปา ด้านบนของตัวอาคารก็จะเป็นที่พักอาศัย
ถัดมาเป็น โรงแรม Ambassador Court เปิดให้บริการเป็นทั้งโรงแรม และ Serviced Apartment ซึ่งน่าจะเปิดมานานพอสมควรแล้วค่ะ
ที่ติดกันเป็นศูนย์โรคปวดสหแพทย์โฮลิสติก
ถัดมาเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อ ร้าน MOE และ โรงแรม LUXX Boutique Hotel
เดินตรงมาอีกหน่อยฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านปิ้งย่าง ชื่อร้าน KOBE
ถัดมาจะเป็นโครงการ Nimit Langsuan เป็นคอนโดมิเนียม High rise สูง 53 ชั้น จัดเป็นคอนโดที่สูงที่สุดในถนนหลังสวนเลยค่ะ
ที่ติดกันจะเป็นโครงการ Tropical Langsuan เป็น Serviced Apartment สูง 7 ชั้น
เขยิบมาทางซ้ายก็จะเป็นพื้นที่เปล่า ที่ปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่จอดรถทั่วไป มีซอยส่วนบุคคลที่สามารถเดินเข้าไปด้านในเข้าถึงตึกสีฟ้าที่เหมือนจะเป็นหอพัก และมีประตูบ้านพักอาศัยอยู่ด้านหน้า ฝั่งซ้ายที่ล้อมรั้วก็เป็นพื้นที่ของโครงการหลังสวนวิลเลจเช่นกัน
สุดถนนหลังสวนจะมาเจอกับสามแยกหลังสวน ที่เห็นด้านหน้าจะเป็นสวนลุมพินี หากเลี้ยวซ้ายก็จะเข้าสู่ถนนสารสิน สามรถวิ่งไปทะลุออกถนนวิทยุได้ ถ้าเลี้ยวขวาก็จะไปออกถนนราชดำริค่ะ
มากันที่เส้นทางที่ 3 ค่ะ จะเดินเลยจากปากซอยถนนหลังสวน บริเวณสี่แยกชิดลม มุ่งหน้าไปทางแยกราชประสงค์ ระยะทางจากปากซอยถนนหลังสวนก็ประมาณ 400 ม. เดี่ยวไปดูกันค่ะว่าตลอดเส้นทางจะมีอะไรบ้าง
จากปากซอยถนนหลังสวนเดินข้ามทางม้าลาย มุ่งหน้าไปทางแยกราชประสงค์
แนวทางเดินตรงช่วงนี้ค่อยข้างกว้างและเดินได้สะดวก มีการปลูกต้นไม้ไว้ตลอดเส้นทาง
เดินต่อมาเรื่อยๆจะมาเจอกับทางเข้าด้านหน้าของโรงเรียน มาแตร์เดอีวิทยาลัย
ริมทางเดินเท้ามีรถจักรยานของทางกรุงเทพฯสามารถยืมไปขับได้ มีที่สำหรับหยอดเหรียญให้เติมลมพร้อมเลยค่ะ
ถัดมาจะเป็นทางเข้าโรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong
โรงแรม Renaissance Bangkok Ratchaprasong
ตรงมาเรื่อยๆจะเจอกับห้าง Amarin จัดเป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยวมาแวะเวียนเยอะมากค่ะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะมีทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ หลักๆ คือ มาพักอยู่โรงแรมในย่านนี้และก็จะมาไหว้พระพรหมที่สี่แยกราชประสงค์กันค่ะ
ฝั้งตรงข้ามกับห้าง Amarin จะเป็นโรงแรม Holiday Inn Bangkok
ที่ติดกันจะเป็นโรงแรม InterContinental Bangkok
บริเวณนี้จะมีทาง Sky walk สามารถเดินไปถึงห้างพารากอน กันได้เลยค่ะ
บนทาง Sky walk ก็จะมีทางเชื่อมไปตามห้างและโรงแรมต่างๆ ตลอดเส้นทาง
เดินมาจนถึงสี่แยกราชประสงค์ บริเวณข้างของโรงแรม Grand Hyatt Erawan Bangkok ก็จะเป็นศาลท้าวมหาพรหม
ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรม Grand Hyatt Erawan Bangkok จะเป็นห้าง เกษรพลาซ่า
เดินตรงมาทางสี่แยกราชประสงค์ซึ่งจะตัดกับถนนราชดำริ ก็จะมีห้าง Central World และ Isetan
มองมาทางอีกด้านของถนนราชดำริ ฝั่งที่จะมุ่งหน้าไปสวนลุมพินี ทางซ้ายมือเป็น โรงแรม Grand Hyatt Erawan Bangkok ส่วนทางขวามือจะเป็นโรงพยาบาลตำรวจค่ะ วันนี้คงต้องขอจบการพามาชมรีวิวทำเลเท่านี้ก่อนค่ะ หากมีความก้าวหน้าของโครงการยังไงจะเอาเพิ่มเติมให้นะคะ
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )