รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.341 – รีวิวคอนโด Chewathai Residence บางโพ
21 กันยายน 2017
สวัสดีค่ะ.. วันนี้จะพาไปชมทำเลโครงการใหม่ของชีวาทัย ที่มีชื่อว่า ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ เป็นคอนโดมิเนียม 1 อาคาร ความสูง 24 ชั้น จำนวน 172 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,040 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม ปี 2559 ค่ะ งั้นก่อนที่โครงการจะเริ่มก่อสร้าง เราจะพาไปเดินเล่นทำความรู้จักรอบๆโครงการกันก่อนดีกว่า โดยวันที่เราไปถ่ายคือวันที่ 13 May,2015 สภาพแวดล้อมอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างนะคะ
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ (คลิก)
พิกัด :13.806348, 100.522506
ที่ตั้งโครงการชีวาทัย บางโพ สเตชั่น อยู่บนถนนประชาราษฎร์สาย 2 ห่างจาก รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีบางโพ ประมาณ 100 เมตรค่ะ
มาทำความรู้จักบางโพก่อนก่อนน 🙂
บางโพ ถ้าพูดชื่อแล้วหลายคนก็คงร้องอ๋ออออ.. เพราะคงคุ้นหูกับชื่อย่านนี้ อย่างน้อยก็คงได้ยินทำนองเพลง “อะ สาวบางโพนั้นโก้จริงๆ.. “ เพลง สาวบางโพ ของคุณตู้ ดิเรก ที่เป็นบทเพลงอารมณ์ดีที่ติดหูคนไทยมายาวนานแล้ว เพราะย่านบางโพเป็นชุมชนเก่าแก่ที่คนกรุงเทพฯรู้จักกันดีพอสมควรเลยในเรื่องของเป็นแหล่งค้าไม้สารพัดชนิด มีถนนสายไม้ที่ชื่อว่า ซอยประชานฤมิตร(ถนนประชาราษฎร์ 1 ซอย 24) ที่เป็นสถานที่รวบรวมงานไม้ตั้งแต่งานตกแต่ง งานเฟอร์นิเจอร์ งานฝีมือ แม้แต่อุปกรณ์เกี่ยวกับงานไม้ เช่นสีทาไม้ เลกเกอร์ มีมารวมไว้ที่นี่ ซึ่งไม่ไกลกันจากถนนสายไม้และตัวโครงการ จะมีคลองเล็กๆที่พาดผ่านถนนประชาราษฏร์สาย 1 ที่ชื่อว่าตลองต้นซุง ในอดีตคงใช้เป็นคลองสำหรับลำเลียงและพักไม้ที่ขนส่งมาทางน้ำนั่นเองค่ะ
นอกจากนี้บางโพยังเป็นชุมชนที่มีคนไทยเชื้อสายจีนไหหลำอาศัยอยู่มายาวนานเป็นจำนวนพอสมควรอาหารที่เป็นแนวไหหลำจึงหากินได้ไม่ยากนักในบริเวณนี้ ไม่ว่าจะเป็นจำพวกข้าวมันไก่ ผัดวุ้นเส้น สุกี้ และขนมจีนไหหลำ ขนมจีนไหหลำนี่ ศัพท์แท้ๆเขาเรียกว่า “ว้น” ค่ะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปกินเจ้าอร่อย Import จากคนจีนไหหลำแท้ๆในช่วงท้าย 😀
หากโฟกัสตัวทำเลของโครงการแล้ว สมัยก่อนทำเลย่านบางโพจะเป็นแหล่งชุมชนที่เป็นตึกแถวเก่าค่ะ จริงๆในสมัยนี้ก็ยังเห็นกันอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นชุมชนเก่าแก่ แต่พอมีการสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเข้ามาก็เลยกลายเป็นทำเลเนื้อหอม ที่บริษัทอสังหาเข้ามากว้านซื้อตึกเก่าๆเพื่อเตรียมสร้างคอนโดกันอย่างคึกคัก
อีกทั้งในอนาคตอันใกล้ ตามรอยเส้นแนวประสีแดงๆในแผนที่ กำลังมีโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ ที่มีชื่อว่า”สะพานเกียกกาย” ที่มีทั้งหมด6 ช่องจราจรไป-กลับรวมระยะทาง ประมาณ 5.9 กิโลเมตร ซึ่งสาเหตุที่สร้างสะพานแน่นอนว่าก็เพื่อแก้ปัญหาการจราจร ในเส้นทางข้ามฝั่งระหว่างฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี ประกอบกับในบริเวณดังกล่าวจะมีการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ทำให้ความต้องการเดินทางในบริเวณนี้เพิ่มสูงขึ้นอีกมากกว่า 10,000 คันต่อวันในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
ดังนั้นเมื่อความเจริญเข้ามา มีทั้งรถไฟฟ้าสะพานเกียกกาย ปัจจุบันที่ดินฝั่งบางโพจึงขยับสูงจาก 3-4 ปีก่อนที่ดินติดถนนราคาตารางวาละกว่า 1-2 แสนบาท ปัจจุบันขยับขึ้นตารางวาละตั้งแต่ 3 แสนบาทขึ้นไปแล้วค่ะ จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนี้เค้าก็บอกว่ามีตึกเก่าแถวนี้ประกาศขายกันเยอะ พอๆกับคนที่มาขอซื้อก็เยอะเช่นกัน
จึงไม่น่าแปลกใจที่ถ้าเดินรอบๆโครงการโดยเฉพาะบนถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตั้งแต่โครงการไปจนถึงสถานีเตาปูน จะเห็นคอนโด ขึ้นแข่งกันค่อนข้างมาก ตั้งแต่ The Tree Interchange, The Stage, Richpark เตาปูน และโครงการคู่คี่พี่น้องกันก็คือ ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ ไล่ไปบนถนนประชาราษฎร์สาย 1 เลยตลาดบางโพไปนิดนึงก็มีโครงการ The Tree บางโพ ที่สร้างเสร็จลูกบ้านเข้าอยู่เรียบร้อยแล้ว และอีกโครงการใกล้ๆท่าเรือบางโพคือ 333 Reverside by Land and House
นอกจากคอนโดที่เยอะ อาหารการกินละแวกนี้ก็หาได้ไม่ยาก ที่ใกล้ที่สุดที่คนแถวนี้รู้จักกันดี คือ ตลาดบางโพ ที่มักจะคึกคักในช่วงเช้า กลับมาบนถนนประชาราษฎร์สาย 2 เลยรถไฟฟ้าสถานีเตาปูนไปหน่อยจะมีตลาดเตาปูน, Tesco Lotus ประชาชื่น ส่วนถ้าใครใช้ชีวิตอยู่แถวนี้มักจะเห็นทหารขับรถโฉบไป โฉบมาให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ เพราะถนนคู่ขนานกับโครงการอย่างถนนทหาร, ถนนประดิพัทธิ์ ไปจนถึงถนนเตชะวณิช จะเป็นที่ตั้งของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, กองพันทหารปืนใหญ่, กรมสรรพวุธ, โรงเรียนเตรียมทหารต่างๆ เป็นผลให้ถนนละแวกที่อยู่ใกล้ๆถนนทหาร อย่างเช่นถนนประชาราษฎร์สาย 1 ใกล้ๆแยกเกียกกาย จะมีโรงเรียนกวดวิชาอยู่เยอะตามไปด้วยค่ะ
ส่วนความพิเศษอีกอย่างคือ ต้องยอมรับว่าโซนบางโพ-เตาปูน ไปจนถึงบางซื่อนี้ มีสถานีรถไฟฟ้าที่เป็นจุดเชื่อมถึง 3 สาย คือรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ที่ตอนนี้โครงการก่อสร้างเป็นรูปเป็นร่างแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2560, รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ที่คืบหน้ากว่า 80% แล้ว(อัพเดท วันที่ 13 สิงหาคม 2558 คืบหน้าไป 99% แล้วค่ะ) และมีข่าวแว่วๆมาว่าพร้อมทดสอบระบบเดินรถให้บริการในเดือนกันยายนนี้ให้ผู้โดยสารใช้ฟรี 6 เดือน ก่อนเปิดใช้เต็มรูปแบบ ปลายปี 2559 และสุดท้ายรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-รังสิต ความคืบหน้าขณะนี้อยู่ในระหว่างเร่งเซ็นสัญญาพัฒนาระบบต่างๆภายในเดือนพฤษภาคม 2558 และคาดว่าจะสร้างให้เสร็จในอีก 4 ปีข้างหน้า หรือประมาณปี 2562
โดยรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด คือรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีบางโพ ที่ห่างจากโครงการเพียง 100 เมตร เป็นระยะที่เดินสบายๆค่ะ
ซึ่งหากอยากเปลี่ยนเส้นทางไปรถไฟฟ้าสายสีม่วง ก็นั่งรถไฟฟ้ามาที่ สถานีเตาปูน ซึ่งเป็นสถานี Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสีม่วง (ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตร)
และหากอยากเปลี่ยนเส้นทางไปแถวๆชานเมืองอย่างรังสิต ก็นั่งรถไฟฟ้าจากสถานีบางโพถัดไปอีก 2 สถานี ลงที่สถานีบางซื่อ ซึ่งจะเป็นสถานี Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสีแดงค่ะ (ห่างจากโครงการ ประมาณ 2 กิโลเมตร)
ซึ่งจะเห็นโครงการอยู่ใกล้รถไฟฟ้า สถานี Interchange ถึง 2 สาย(สถานีเตาปูนและสถานีบางซื่อ) ซึ่งรถไฟฟ้าแต่ละสาย ล้วนเป็นรถไฟฟ้าเส้นทางในอนาคตที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและเซ็นสัญญานะคะ ซึ่งกำหนดการต่างๆอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แต่ค่อนข้างแน่นอนว่าจะได้ใช้กันนะ 😀
ส่วนการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะอื่นๆ การเดินทางโดยรถเมล์มีรถเมล์ให้เลือกขึ้นได้หลายสายโดยด้านถนนประชาราษฎร์สาย 2 ผ่านหน้าโครงการมีรถเมล์ สาย5, 16, 30, 66, ปอ.505 และยูโรสาย 16 ส่วนด้านถนนประชาราษฎร์ สาย 1 มีรถเมล์ สาย 117,5,64,33,90,49,ปอ.23 และ ปอ.6 ส่วนการเดินทางอื่นๆเช่นแท๊กซี่หรือพี่วินมอร์เตอร์ไซค์นี่มีวิ่งผ่านตลอดสะดวกดีค่ะ หรือจะใช้บริการนั่งเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าเรือบางโพ แล้วนั่งพี่วินมานิดเดียวก็ถึงโครงการ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ถือว่ามีทางเข้า- ออกได้หลายทางเลย โดยถนนประชาราษฎร์สาย 2 ซึ่งเป็นถนนหลักของโครงการ สามารถเชื่อมต่อกับถนนหลายสายเลยค่ะ เช่น ถ้าใครมาจากประชาชื่น พอถึงแยกประชาชื่นก็ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตรงไปเรื่อยๆประมาณ 1.2 กิโลเมตร ก็จะเจอโครงการค่ะ เส้นทางนี้จะสะดวกดีตรงอย่างเดียว แต่รถจะติดหน่อยเนื่องจากกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้า
เริ่มจากใกล้ๆ หากมาจากแยกสะพานควาย สามารถวิ่งตรงมาบนถนนประดิพัทธิ์ ผ่านแยกประดิพัทธิ์ ตรงมาเรื่องๆจะเจอแยกสะพานแดง สามารถเลือกใช้ได้ 2 ทางทั้งไปทางถนนเตชะวณิชผ่านแยกวัดสะพานสูงแล้วจะเลี้ยวเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตรงมาเรื่อยๆก็จะเจอโครงการ หรืออีกเส้นทางสามารถมาทางถนนทหารก็ได้ พอถึงแยกเกียกกายให้เลี้ยวขวาวิ่งบนถนนประชาราษฎร์สาย 1 ตรงมาเรื่อยๆ เจอสี่แยกบางโพให้เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ซึ่งจะยังเข้าโครงการไม่ไ้ด้นะคะ ต้องไปยูเทิร์นที่หน้า The Tree Interchange ซึ่งขับไปอีกประมาณ 400 เมตรแล้วยูเทิร์นกลับมา ขับมาอีก 300 เมตร จะเจอโครงการอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
หรือหากใครมาจากอีกฟากของแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างมา จากถนนจรัญสนิทวงศ์ ข้ามสะพานพระราม 7 มา เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฏร์สาย 1 จากนั้นตรงมาเรื่อยๆจนถึงแยกบางโพ ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ไปยูเทิร์นที่หน้า The Tree Interchange ก็มาถึงโครงการได้ค่ะ
หากมาจากสะพานซังฮี๊(สะพานกรุงธนบุรี) จะลงสะพานที่ถนนราชวิถี แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสามเสน ตรงมาเรื่อยๆผ่านแยกบางกระบือ ผ่านแยกเกียกกาย แล้วตรงไปขับไปบนถนนประชาราษฎร์สาย 1 จนถึงแยกบางโพ ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ไปยูเทิร์นที่หน้า The Tree Interchange ก็มาถึงโครงการได้ค่ะ
เส้นทางแรก เราจะพาเดินจากสถานีรถไฟฟ้าบางโพ ไปดูทำเลถนนประชาราษฎร์สาย 2 ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับโครงการ จุดเด่นของถนนเส้นนี้คือมีคอนโดขึ้นเยอะมากเพราะเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เดินดูทำเลรอบๆ และไปสิ้นสุดที่สถานีรถไฟฟ้าเตาปูน ซึ่งเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์
เริ่มจากแยกบางโพกันก่อนค่ะ ซึ่งตรงนี้จะเป็นที่ตั้งของรถไฟฟ้าสถานีบางโพ ซึ่งตอนนี้โครงการเป็นรูปเป็นร่างแล้ว อีกไม่นานคงได้ใช้กันนะ
อาคารด้านนี้ยังเป็นตึกแถวเก่าแก่ที่ส่วนใหญ่คนในย่านนี้จะใช้ประกอบอาชีพต่างๆค่ะ เช่นตรงรถมอเตอร์ไซค์คันสีน้ำเงินข้างหน้าเป็นอู่ซ่อมมอเตอร์ไซค์ค่ะ จะเห็นว่าทางเท้าค่อนข้างกว้าง
มีร้านมายโฮม เป็นร้านกาแฟสด ขนมปัง เบเกอรี่ ด้วย ส่วนข้างหน้าตรงป้ายตั้งพื้นสีเขียวๆเป็นร้านสเต็คที่ตอนเย็นๆทางร้านจะนำโต๊ะออกมาตั้งริมฟุตบาทด้วย คนที่มากินส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กนักเรียน หรือวัยรุ่นในย่านนี้ค่ะ
มองไปฝั่งตรงข้าม ก็จะเจอโครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ แล้วค่ะ ซึ่งวันที่ไปเก็บข้อมูล โครงการมีการล้อมรั้วแล้วด้วยป้ายโครงการชีวาทัย เอนเตอร์เชนจ์ อย่าพึ่งสับสนนะคะ โดยโครงการอยู่ข้างๆไปรษณีย์บางโพ สามารถมาใช้บริการได้ วันจันทร์-ศุกร์เวลา 8.30 – 17.30น. และ วันเสาร์เวลา 9.00 – 12.00 น ส่วนวันอาทิตย์ปิดทำการ ส่วนด้านหลังโครงการจะเห็นตึก The Tree Interchange 2 เฟส ชัดมากเพราะตึกค่อนข้างสูง
ตัวที่ดินของโครงการเป็นบ้านพักอาศัย และอาคารพาณิชย์เก่า ซึ่งส่วนหนึ่งได้ทำการทุบทิ้งและเคลียร์พื้นที่ไปแล้ว อีกส่วนหนึ่ง คืออาคารพาณิชย์ 3 ชั้นทางด้านซ้ายมือกำลังทำการทุบเพื่อเคลียร์พื้นที่อยู่ค่ะ เดวเราจะพาข้ามฝั่งไปดูพื้นที่โครงการกันนะ^^
พอเข้ามาในโครงการปุ๊บ จะเห็นว่าทางทิศใต้ ซึ่งเป็นด้านหลังโครงการ จะติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น อพาร์ทเม้นต์ 4 ชั้นที่อยู่ไกลๆแต่ก็มองเห็นกันได้ในระดับสายตา ส่วนตรงที่เป็นต้นไม้เขียวๆจะเป็นที่ดินเก่าของโรงเรียนนวพัฒน์วิทยา ซึ่งตอนนี้ทุบทิ้งแล้วจึงกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าค่ะ อนาคตอาจจะมีสิ่งปลูกสร้างขึ้นตรงนี้ได้ แต่ต้องรอลุ้นกันนะคะว่าจะเป็นอะไร ส่วนขวามือสุดเป็นอาคารพาณิชย์ที่ถูกทำเป็นร้านขายของและหอพัก สูง 8 ชั้นค่ะ
ทางทิศตะวันตกจะติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้นค่ะ แต่วิวที่มองเห็นได้ก็จะเป็นอาคารสูงกว่าที่อยู่รอบๆคือ อาคารพาณิขย์ 4 ชั้น, Napha Place ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นต์สูง 8 ชั้น อาจจะกวนสายตาคนที่อยู่ในชั้น 1-8 แต่คนที่อยู่ชั้น 9 ขึ้นไปก็มองวิวได้โล่งๆค่ะ ซึ่งจากตรงนี้จะมองเห็นตัวสถานี MRT บางโพด้วย เพราะอยู่ไม่ไกลกัน
ทางทิศตะวันออก ติดกับตึกแถว 2 ชั้นและบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ซึ่งมองไปก็จะเห็นตึกของ The tree Interchange ทั้ง 2 ตึก
ค่ะ
ส่วนทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นด้านหน้าโครงการ จะมองเห็นเส้นรางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และอาคารของ The Tree Bangpho Station ส่วนอาคารพาณิชย์ด้านขวามืออีกประมาณ 4 คูหา ก็กำลังทุบและเป็นส่วนหนึ่งของโครงการชีวาทัย บางโพ สเตชั่นด้วยค่ะ
เดินออกมายืนหน้าโครงการ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น และ 3 ชั้นค่ะ
เราไปดูทำเลรอบๆโครงการกันต่อนะคะ ถัดจากโครงการมาจะเจอร้าน อิ่มบุญ จำหน่ายเครื่องสังฆภัณฑ์
มีร้านขายของเล็กๆที่มีแผงขายหนังสือด้านหน้า ส่วนร้านที่ติดกันเป็นร้านส้มตำเมโทร รสเด็ด สาขา 2 ค่ะ
ส่วนฝั่งตรงข้ามมี 7 Eleven ที่ไม่ไกลจากโครงการมากนักค่ะ สามารถข้ามฝั่งไปซื้อของกินของใช้ได้
ถัดมาเป็นร้านวัฒนชัย ร้านขายปุ๋ยค่ะ
เลยมาอีกนิดจะเจอปั๊ม Esso ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นโรงพยาบาลบางโพ เจ็บไข้ได้ป่วยก็อยู่ไม่ไกลค่ะ ในระยะเดิน แต่ถ้าป่วยหนักอย่าเดินนะคะ ขึ้นแท๊กซี่หรือให้คนพามาส่งดีกว่านะแป๊บเดียว ^^
ถัดมาจะเจอโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ “เดอะมาร์เก็ต” บางโพ ของ TCC Land ที่มี เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ถือหุ้นใหญ่ โดยแต่เดิมที่นี่ก็คือตลาดบางลำภูนั่นเองค่ะ พอนำมาปรับปรุงใหม่ถึงได้ชื่อว่า The Market ตามนั้นเลย ซึ่งตอนนี้กำลังปิดทำการอยู่ จากการสอบถามคนแถวนั้นก็ยังไม่ได้คำตอบว่า จะปิดปรับปรุงหรือปิดถาวรนะคะ
แต่พื้นที่ด้านข้างระหว่างปั๊ม Esso กับ The Market นี้กลับคึกคัก เพราะช่วงเย็นๆตรงนี้จะมีร้านขายอาหารตั้งขายเป็นทิวยาว
มีปั๊มเติมแก๊ส LPG เปิด 24 ชั่วโมงนะคะ
ใกล้ๆกันก็มีทั้งคลีนิคโรคทั่วไปรักษาคน และคลีนิคสัตว์เลี้ยงบางโพรักษาสัตว์ค่ะ
ที่ติดกันเป็นทางเข้าโครงการ The tree Interchange คอนโด High Rise 2 อาคาร (39-40 ชั้น) ของพฤกษา กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ค่ะ
ถัดมาเป็นร้านสยามรุ่งเรืองขายอุปกรณ์งานช่าง สายไฟ และของใช้ในบ้าน เยอะมากบอกเลย จัดประเภทไม่ถูก ที่ติดกันเป็นร้านขายดอกไม้ค่ะ
เยื้องๆกันอีกฝั่งของถนน มีธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย นำเงินไปฝาก-ถอนกันได้
ถัดมาเป็นหน้าซอยย่อยเล็กๆ ชื่อซอยพัฒนาตรงนี้มีร้านขายของชำ รวมทั้งแผงหนังสือทั้งขายและให้เช่า
ติดกันเป็นร้านผัดไทยประทุมทิพย์ ที่เป็นร้านขึ้นชื่อในย่านนี้เลยทีเดียวว่าเป็นร้านผัดไทยโบราณเก่าแก่ ร้านเป็นบรรยากาศ Open Air เจ้าของร้านชอบเปิดทีวีไว้ตรงกลางร้านให้คนนั่งดูทีวีพร้อมกินผัดไทยไปด้วยแก้เบื่อ
เมนูเด็ดคือ หอยทอด สนนราคา 40 บาทและผัดไทยกุ้งเล็ก ราคา 50 บาท ดูจากภาพชื่อผัดไทยกุ้งเล็ก แต่ตัวไม่เล็กเลยนะคะ ถ้าต่อไปใครมีโอกาสแวะเข้าไปแถวนั้นก็ลองไปฝากท้องกันดูนะคะ^^
ถัดไปเป็นสำนักงานทนายความและร้านรับทำเบาะรถยนต์
ต่อกันมากับอีกหนึ่งร้านอร่อยกับชื่อเท่ๆ ร้าน นายงี้(ตู้ไม้) จะสังเกตว่าตู้ที่ใช้เป็นตู้ไม้จริงๆนะไม่ได้โม้
ซึ่งจริงๆมีชื่อเรียกเต็มๆว่า นายงี้ (บะหมี่ตู้ไม้) ค่ะ เพราะเค้าขายบะหมี่ หน้าตาก็ประมาณนี้ค่ะเมนูก็มีตั้งแต่บะหมี่หมูแดง บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง, หมูกรอบ บะหมี่เกี๊ยวกุ้งหมูแดง ตามสั่งเลยค่ะสนนราคาก็ตั้งแต่ 35-45 บาท ของกินเล่นอย่างพวกหมูสะเต๊ะก็มีด้วยหละ
ถัดมาเป็นวิชิต บาร์เบอร์ ร้านตัดผมท่านชายออกแนวสมัยโบราณ คือสารภาพว่าไม่กล้าเข้าไปถ่ายเพราะเป็นร้านตัดผมผู้ชาย แต่คืออยากจะบอกว่าชอบคอนเซปต์(จากการที่แอบมองอยู่ข้างนอก555) เพราะตรงเคาท์เตอร์หน้ากระจกหน้าที่นั่ง เค้าจะติดตั้งอ่างล้างหน้าไว้ให้ด้วย คาดว่าจะเผื่อว่าใครมาโกนหนวดที่ร้านก็สามารถล้างหน้าได้เลย เราไม่เคยโกนหนวดเหมือนกันค่ะแต่ชอบๆ คอนเซปต์ดี
ต่อมาเป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ค่ะ
ถัดมาเป็นร้าน ตี๋ ข้าวมันไก่ตอน ธรรมดา 30 บาท พิเศษ 35 บาทค่ะ
ถัดมาก็เจอร้านขายเฟอร์นิเจอร์อีกเช่นกัน
ต่อไปเป็นร้าน สมบูรณ์การไฟฟ้า เตาปูน ขายอุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟทุกชนิด ตามชื่อค่ะ
ถัดมาเป็น 7 Eleven ซึ่งมีพี่วินมอร์เตอร์ไซค์อยู่ข้างๆกันด้วยค่ะ
ชื่อวินปากซอยสะพานขวา ถ้านั่งไปโครงการย้อนขึ้นไปทางบางโพนี่ก็น่าจะประมาณ 15-20 บาท พี่วินใจดีให้ความร่วมมือแชะกับกล้องเราด้วย 🙂
ถัดมาเป็นสะพานลอย ซึ่งจะเห็นตึกที่กำลังก่อสร้างของโครงการริชพาร์ค 2 @เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ คอนโด High Rise 26 ชั้น ของ ริชี่เพลซ 2002
ตรงทางเข้าโครงการริชพาร์ค 2 @เตาปูน อินเตอร์เขนจ์ค่ะ โครงการเป็นรูปเป็นร่างอีกไม่นานคงเสร็จแล้ว
ถัดมามีคลีนิคฝังเข็มและจิตเวช ข้างๆกันเป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ในบ้าน
ฝั่งตรงข้ามเป็นทางเข้าลานจอดรถที่ด้านในเป็นอาคารพาณิชย์ มีซุ้มเขียนว่า 5 ดาวคอนโด ตรงทางเข้ามีนวลวรรณคลีนิผิวหนัง และข้างๆกันเป็นร้านขายยา เสรีชัยโอสถค่ะ
ถัดมาก็เป็นตึกแถวที่เห็นป้ายชมพูๆข้างหน้านั้นคือ ตึกของธนาคารออมสิน
ถัดมาเป็นที่ตั้งของโครงการชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ คอนโด High Rise 26 ชั้น โครงการรุ่นพี่จากชีวาทัยเช่นกันค่ะ ตอนนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างเลย
ที่ติดกันก็เป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีเตาปูน ซึ่เป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์กับสายสีม่วงค่ะ สถานีเสร็จเรียบร้อยเกือบพร้อมใช้งานแล้วหละ^^
เส้นทางที่ 2 เราจะเริ่มจากสถานีบางโพเดินไปเดินเล่นบนถนนใกล้เคียงอย่างถนนประชาราษฎร์สาย 1 เพื่อดูทำเลรอบๆ จนถึงสะพานก่อนเข้าแยกเกียกกายค่ะ
เริ่มจากรถไฟฟ้าสถานีบางโพ ด้านถนนประชาราษฎร์สาย 2 ค่ะ
เราเดินเลียบริมฟุตบาทมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 1 กันนะคะ
เข้ามาก็จะเจอร้านสมบัติอิเล็กทรอนิกส์ ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า
ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านวิเศษไก่ย่าง ภัตตาคารรุ่นเก๋าที่เค้าบอกกันว่า เข้าไปในร้านจะเจอบรรยากาศดั่งหนังย้อนยุครุ่นสุนทราภรณ์ที่จะมีคุณลุง คุณป้า มานั่งทานอาหารกัน บางทีก็มีรุ่นคุณพ่อคุณแม่มาเลี้ยงรุ่นกันด้วย เหตุเพราะร้านนี้เป็นภัตตาคารอาหารจีนโบราณที่มีไก่ย่าง ส้มตำ รวมทั้งอาหารอีสานเก่าแก่ที่อยู่มานานค่ะ ทีเด็ดเค้าบอกว่าหอยจ๊อปูคือ เนื้อ ปู แน่น มาก! ถ้ามาอยู่แถวนี้คงได้ไปลองนะคะ เพราะอยู่ใกล้โครงการนิดเดียวเอง สนนราคาอาหารร้านนี้ก็อยู่ในช่วงราคา 101 – 250 บาท ค่ะ
ถัดมาก็จะเป็นร้านขายตู้ ราวแขวนผ้า เป็นพวกเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ในบ้านค่ะ
ถัดไปเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ซึ่งเราจะเห็นป้ายร้านล้าง อัด รูป สี ด่วนนะคะ ซึ่งเราเห็นป้ายแบบนี้ แต่จริงๆไม่มีคนอยู่เนื่องจากเจ้าของตึกได้ขายตึกนี้ไปแล้วละคะ จากการสอบถามคนแถวนี้เค้าบอกว่ามีการประกาศขายตึกเก่ากันเยอะและมีนายทุนมาขอซื้อเยอะเช่นกัน ตึกนี้จึงโดนขายไปแล้วประมาณ 5 คูหาได้
มองไปฝั่งตรงข้าม ตึกแถวเก่านี้ก็ร้างทั้งแผงเช่นกัน ซึ่งเป็นตึกที่กำลังประกาศขายแล้วละคะ
ถัดไปเป็นที่ดินว่างเปล่า ซึ่งแต่เดิมเป็นของโรงเรียนนวพัฒน์วิทยา ที่ขายให้แก่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปแล้ว (เจ้าเดียวกับตึกแถวข้างๆ) มีการทุบโรงเรียนไปตั้งแต่เมื่อ 1 ปีที่แล้ว เพื่อเตรียมที่ดินสร้างอะไรสักอย่าง อีกไม่นานอาจจะเห็นโครงการเพื่อนบ้านขึ้นตรงนี้อีกที่ก็ได้นะคะ
ถัดไปเป็นอาคารพาณิชย์ 8 ชั้น ด้านล่างเป็นร้านขายของเช่น ร้านเครื่องเขียน ร้านทำป้าย ร้านอาหาร ส่วนด้านบนเป็นหอพักค่ะ ฟุตบาทตรงนี้ค่อนข้างกว้างจึงเดินสบายๆ
ซึ่งตึกนี้มีร้านเด็ด ชื่อ ร้าน Peppercorn Steak เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนราคาเบาๆ บรรยากาศร้านดูสะอาดค่ะ และร้านเป็นห้องแอร์จึงนั่งได้สบายๆ
ส่วนอาหารแนะนำก็อย่างเช่น สเต็กพริกไทยดำเนื้อ สามารถเลือกได้ว่าจะทานส่วนไหน หรือย่างสุกเท่าไหร่ เสิร์ฟคู่กับมันบดเนื้อละเอียด ราคาตามน้ำหนักค่ะ, สปาเกตตี้พอร์คบอล เส้นสปาเกตตี้โปะหน้าด้วยพอร์คบอลราดด้วยชีสขูดฝอย (Mozzarella) ราดด้วยซอสมะเขือเทศ และเครื่องเทศออริกาโน่หอมๆ (เอิ่ม..คือเริ่มหัวเอง) ราคาจานนี้ 95 บาทค่ะ อีกเมนูคือ พระจันทร์กระดาษ ชื่อแปลกดีค่ะ เป็นเกี๊ยวทอดกรอบด้านในเป็นกุ้งและหมู เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มไก่ ในราคา 60 บาท ราคาอาหารรวมๆก็จะอยู่ที่ 101-250 บาท ราคาเบาๆสบายกระเป๋าค่ะ
ถัดมาเราก็จะเห็นร้านอาหารริมฟุตบาทอีกแน่ะ เยอะจริงๆ
ด้านในก็จะมีโรงเลื่อยไม้ขนาดใหญ่
ถัดไปเป็นโรงรับจำนำทวีแสงไทย ที่ไม่จำเป็นคงไม่อยากเข้า ตรงนี้มีป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วย
ถัดไปเป็น 7 Eleven ที่ข้างหน้ามีร้านค้าแผงลอย ทั้งร้านขายน้ำ ขายหวย ขายขนม
ที่ติดกันมีร้านขายรองเท้า ตู้กดน้ำดื่ม ตู้เอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ รวมทั้งมีร้านขายของชำด้วย
ร้านขายของชำรุ่นเก๋า เอส พี สโตร์
ฝั่งตรงข้ามกันของสะพานลอยเป็นธนาคารกรุงไทย สามารถมาใช้บริการได้ไม่ไกลจากโครงการนัก
เดินต่อไปตรงนี้มีร้านไก่ทอดหาดใหญ่ด้วย ข้างๆร้านขายไก่ทอดมีพี่วินแก๊งค์ไม่ใหญ่มากนัก
ชื่อวินจันทร์ลอย ค่ะ ราคาค่าบริการก็ราคาประมาณนี้ ไปถึงสี่แยกบางโพ 20 บาท ราคาไปโครงการก็คงไม่หนีจากนี้สักเท่าไหร่นัก
ถัดมาเป็นสถานีดับเพลิงบางโพค่ะ
ถัดมามีปั๊มเชลล์ด้วย ดีสำหรับคนใช้รถ
ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถว 5 ชั้น ที่เป็นหอพักสตรีบางโพ และด้านล่างเป็นโรงไม้ทั้งอาคารเลยค่ะ
พอมาถึงโซนๆนี้เราจะเริ่มเห็นโรงเรียนสอนพิเศษหนาตาขึ้น ตรงนี้เป็นโรงเรียนสอนพิเศษบ้านครูมด ข้างๆกันขาบขนมจีบ-ซาลาเปา น่าจะเพื่อรองรับเด็กทีมาเรียนพิเศษ
ถัดมาเป็นโรงเรียนสอนพิเศษ EN-MATHS (บ้านครูเนียร์)
ถัดมาก็เป็นโรงเรียนสอนพิเศษ CAMPUS CENTER
ถัดไปเป็นคลีนิคหมอสังคม รักษาโรคเด็กและโรคทั่วไป ข้างๆกันเป็นศูนย์ภาษา PPM
มีคลีนิคการแพทย์แผนไทยประยุกต์ โดยใช้ยาสมุนไพร นวดฝ่าเท้า นวดประคบ
ใกล้ๆกันเป็น Money Gram เป็นการให้บริการโอนเงินด่วนระหว่างประเทศ คล้ายๆ Western Union ค่ะ
ฝั่งตรงข้ามมีคลีนิคทิพทันตแพทย์ เผื่อใครต้องการใช้บริการทำฟันค่ะ ข้างๆกันตรงพี่เสื้อเทาเป็นโรงเรียนสอนพิเศษ
ถัดมาเป็นร้านขายข้าวสารค่ะ มีทั้งแบบกระสอบและแบ่งขาย
ร้านขายผลไม้ก็มี เป็นแผงชาวบ้านราคาเบาๆ อย่างเช่น มะละกอกิโลกรัมละ 35 บาท มะม่วงกิโลกรัมละ 35 บาท ข้าวเหนียวมูลเอาไปกินกับมะม่วงห่อละ 20 บาท ข้างๆแผงผลไม้ของคุณป้าเป็นร้านขายของชำ
ถัดมาเป็นต้นซอยวัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ ข้างในก็จะเป็นชุมชนบ้านพักอาศัยค่ะ ข้างหน้าซอยมีร้าน 7 Eleven พี่วินมอเตอร์ไซค์ ค่อนข้างคึกคัก มีรถจอดเยอะและมีคนมาเข้า 7 Eleven อยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นหน้าชุมชน ถ้าสังเกตดีๆตรงหน้า 7 Eleven ก็มีพี่ทหารก็มาเดินเล่นแถวนี้ด้วย
ค่าบริการพี่วินหน้าวัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ค่ะ
ใกล้ๆกันมีน้านหลิมกิมเส่ ซึ่งน่าจะเป็นร้านเก่าแก่ มองเข้าไปทางขวามือจะเห็นตู้มีป้ายติดว่าเนื้อเค็ม หมูเค็ม ซึ่งไม่มีขายนะคะ จะมีก็แต่ขายงานไม้รูปร่างแปลกๆเยอะเลย รวมทั้งเขาสัตว์ที่เยอะพอๆกัน
เดินมาอีกหน่อยมีร้าน จื้อ เนื้อตุ๋น-หมูตุ๋น และถัดไปก็มีร้านอาหารตามสั่งเล็กๆอีกค่ะ มองไปไกลๆตรงข้างสะพานเราจะเห็นพี่ทหารเดินมาอีก 1 คู่ สงสัยกันไหมคะว่าทำไมถึงเจอคนใส่ชุดทหารบ่อยจัง เดี๋ยวจะพาไปหาคำตอบข้างหน้า^^
เราจะพาวาร์ปปปป ขึ้นสะพานข้ามคลองตามพี่รถบรรทุกไปเลยย
ลงสะพานมาปุ๊บ เราก็จะเจอกับแยกข้างหน้าเรียกว่า แยกเกียกกายค่ะ จะเห็นว่ามีลูกศรบอกทางเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาเลี้ยวซ้ายกันค่ะ
พอถึงแยกเกียกกาย จะเป็น 4 แยก ตรงไปจะสามารถไปถนนสามเสนซึ่งสามารถไปข้ามสะพานซังฮี๊หรือสะพานกรุงธนได้ ส่วนแยกขวาจะสามารถไปท่าเรือด่วนเกียกกาย ส่วนถ้าแยกซ้ายจะไปถนนทหารซึ่งเราจะตามพี่ทหาร ไปถนนทหารกันต่อเลยค่ะ โก โก
พอเข้ามาที่ถนนทหาร ก็จะเจอกับกองพันปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานและวัดใหม่ทองเสน ซึ่งบนถนนเส้นนี้จะเป็นที่ตั้งของหน่วยงานต่างๆของกรมทหาร ซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ซึ่งเหล่านายทหารที่ไปโฉบเล่นๆแถวซอยประชาราษฎร์สาย 1 ที่เราเห็นกันนั้น จะมาจากถนนเส้นนี้นี่เอง
กรมสรรพาวุธทหารบก เริ่มมาจากความจำเป็นที่กองทัพจะต้องจัดหาอาวุธปืนมาไว้ประจำการ โดยการทหารสมัยใหม่นั้นรัฐบาลจะต้องเป็นผู้จัดหาอาวุธให้แก่ทหาร จะต้องมีซ่อมบำรุง ผลิตกระสุน ผลิตดินปืนให้มากพอ ขนาดของกองทัพเมื่อมีพระราชบัญญัติเกณฑ์ทหารก็ใหญ่ขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งกรมสรรพาวุธมาเป็นหน่วยดูแลอาวุธ วางแผน จัดซื้อ จัดสร้างอาวุธปืน เพื่อให้ทันต่อการพัฒนากองทัพให้ทันสมัยค่ะ
ถัดมาเป็นโรงเรียนกองทัพบกอุปถัมป์สื่อสารสงเคราะห์
ที่ติดกันเป็นสโมสรนายทหารสื่อสาร เป็นสถานที่บริการห้องจัดเลี้ยง งานแต่งงาน,งานหมั้น และบริการจัดเลี้ยงและตกแต่งสถานที่ครบวงจรค่ะ
ถัดมาเป็นพิพิธภัณฑ์ทหารสรรพาวุธ
ต่อมาก็เป็นแยกสะพานแดงค่ะ
เส้นทางที่ 4 เส้นทางนี้ถือเป็นเส้นทางของกิน และเส้นทางสายไม้ค่ะ เราจะพาเดินจากสถานีรถไฟฟ้าบางโพไปถนนประชาราษฎร์สาย 1 ฝั่งขาออกเมือง ไปดูของริมทาง เข้าไปยังตลาดบางโพ และพาไปชิมขนมจีนไหหลำต้นตำหรับชาวจีนแท้และปิดท้ายที่ถนนสายไม้ ในซอยประชาราษฎร์ 24 ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งอุปกรณ์เกี่ยวกับไม้ และงานไม้ครบวงจร
เรามาเริ่มที่แยกบางโพกันอีกครั้ง
เริ่มจากต้นซอยจะมีร้านเช่าพระ และขายตั๋วจำนำ ถัดไปเป็นร้านถ่ายเอกสารค่ะ
พอดีตอนเดินกลับย้อนขึ้นมาช่วงประมาณเกือบๆ 6 โมงเย็น ตรงริมฟุตบาทนี้จะมีร้านขายรังนกมาตั้งด้วยค่ะ รังนก 30-50 บาท แปะก๊วย 20-30 บาท ราคาน่ารักมั่กๆ^^ คุณลุงจะเริ่มขายช่วงเย็นนะคะเผื่อใครสนใจ
ถัดไปเป็นร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ซึ่งมีอุปกรณ์และเสื้อผ้าทหารด้วย ตรงข้ามกันเป็นวินมอเตอร์ไซค์เล็กๆ
เผื่ออยากไปไหน ก็สามารถเดินมาขึ้นได้ค่ะ จากโครงการมาร้อยเมตรนิดๆ
ติดกันเป็นร้านซ่อมนาฬิกา ซึ่งมีนาฬิกาโบราณเยอะมาก เป็นร้านค่อนข้างเก่าแก่ค่ะ และที่ติดกันคือร้าน “เฮียแบะ บางโพ ” ร้านข้าวต้ม เจ้าเก่าแก่ เปิดขายกันมาตั้งแต่ ปี 2504 ร้านเป็นห้องแถว 2 คูหา เย็นๆมืดๆลูกค้าเยอะค่ะ สามารถจอดรถริมถนนได้
เดินมาอีกนิดจะเจอร้านชวาลิน ไอศกรีม & เค้ก มีเค้กและเบเกอรี่ให้เลือกเยอะมากๆค่ะ
เยอะมากๆเลยค่ะ……
ถัดมาเราจะเจอร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งซอยข้างๆร้าน จะเป็นทางเข้าตลาดบางโพค่ะ
จุดสังเกตทางเข้าตลาดบางโพอีกอย่างคือ ข้างหน้าทางเข้าจะมีป้าย “สมาคมฌาปณกิจสังเคราะห์ ศาลเจ้าตลาดชาวบางโพ” หน้าตลาดขวามือเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวและด้านซ้ายมือเป็นร้านขายของชำที่มีของจีน ของไหว้ เครื่องเทศ และของใช้จิปาถะเยอะมาก
พอเดินเข้ามาก็จะเห็นทั้งร้านขายผักสด ของแห้ง เครื่องเทศ ไข่ไก่ ไม้กวาด ขนมปิ๊บ มีทุกสิ่ง มองตรงไปเราจะเห็นป้ายสีแดงๆเขียนว่า “ศาลเจ้าพ่อปู่” เห็นป้ายพื้นสีแดงตัวหนังสือสีทองนี้คงคาดเดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นศาลเจ้าจีนแน่ๆ
เลยพามาสักการะสักหน่อย ซึ่งศาลเจ้าพ่อปู่จะซ่อนตัวอยู่ในตลาดแห่งนี้เป็นที่เคารพบูชาของชาวตลาดบางโพมายาวนานค่ะ
ขอพูดถึงตลาดบางโพสักหน่อยค่ะ โดยปกติเรามักจะเห็นตลาดส่วนใหญ่คึกคักกันมากในช่วงเย็นใช่ไหมคะ แต่ตลาดบางโพจะแตกต่างกับตลาดอื่นนิดหน่อยตรงที่จะคึกคักในช่วงเช้าค่ะ ประมาณตี 5 – 8 โมงเช้านี้คือช่วงคนมาเยอะ เหตุผลที่คนมาเช้าๆก็เพราะว่าเค้ามาซื้อของสดเข้าครัวกัน ซึ่งตลาดบางโพนี้จะ มีทั้งเขียงหมู, ผักสด, เครื่องเทศ, วัตถุดิบทำครัว, ข้าวแกงก็มี ก่วยเตี๋ยวก็มา รวมทั้งอาหารเช้า ที่หลายคนมักจะไปฝากท้องก่อนออกไปทำงาน ดังนั้นคนที่มาจึงมี 2 กลุ่มหลักๆ คือแม่ค้าที่มาซื้อของไปทำอาหาร และคนทั่วไปที่มาฝากท้องในตอนเช้า ดังนั้นเช้าๆจะคึกคักเป็นพิเศษ ส่วนช่วงเที่ยงๆก็มีบ้าง แต่เย็นๆจะเงียบไม่ค่อยมีใครมาเดินมากเท่าไหร่ อย่างตอนที่เราไปเก็บภาพนี่ก็เวลาประมาณบ่าย 3 คนเงียบเชียว
เดินออกมาจากตลาดจะเจอร้านเจ็กใหม่ เป็นร้านกาแฟและขายอาหารค่ะ
ใกล้ๆกันก็มีร้านแป๊ะ โจ๊กหม้อทองเหลือง ที่เป็นสูตรจีนแต้จิ่วโบราณ เจ้านี้เค้าขายมาเกือบ 40 ปีแล้ว เมนูก็มีตั้งแต่โจ๊กหมูเครื่องใน, โจ๊กหมูกระดูกอ่อน, โจ๊กปลากระพง, กระเพาะปลาเห็ดหอม, ทะเลลวกจิ้ม ราคาก็มีตั้งแต่ 30-70 บาทค่ะ ซึ่งข้างๆร้านแป๊ะ โจ๊กหม้อทองเหลือง ก็มี 7Eleven ด้วย สะดวกดี
จากหน้าร้านแป๊ะ โจ๊กหม้อทองเหลือง เราจะพาข้ามทางม้าลาย ไปซอยประชาราษฎร์สาย 1 ซอย 17 เพื่อไปลองชิม “ขนมจีนไหหลำ” กันค่ะ
เข้ามาในซอยปุ๊บเราก็จะเจอร้านเล็กๆอยู่กลางๆซอยทางซ้ายมือ นั่นละค่ะ
เข้ามาก็จะเจอกับ เจ๊กเพี่ยง เจ้าของร้าน เป็นคนจีนไหหลำแท้ๆนำสูตรมาจากจีน ขายมาได้ 36 ปีแล้ว เปิดร้านคนเดียว ทำคนเดียว ซึ่งขนมจีนไหหลำจะมี 2 สูตร คือสูตรแห้งจะเป็นเส้นคล้ายๆเส้นอุด้ง ราดกับน้ำขาหมู แต่วันที่เราไปลองชิมเป็นเวลาบ่ายแล้ว เลยเหลือแต่แบบน้ำจึงสั่งมาลองชิมค่ะ
ส่วนแบบน้ำก็จะหน้าตาแบบนี้เลย เป็นน้ำซุปใสๆใส่เส้นอุด้ง หมูหมัก กระเพาะหมู ต้นหอม ผักชี เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มเปรี้ยวๆใส่กะปิมาด้วย ส่วนถ้าใครไม่ชอบกะปิก็บอกป้าได้นะคะ ส่วนรสชาติบอกตามตรงว่าอาจจะเพราะเราเพิ่งเคยทานครั้งแรก และสารภาพว่าปกติไม่ชอบกะปิอยู่แล้วเลยอาจจะไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่นัก ซึ่งป้าบอกว่าให้ลองแบบแห้ง ซึ่งจะเป็นที่นิยมกว่า ถ้าอยู่ที่โครงการก็แวะมาฝากท้องกับเจ๊กเพี่ยงได้นะคะ สนนราคาจานนี้ 40 บาท
ร้านเปิดตั้งแต่ 7 โมง เวลาเปิด-ปิดไม่แน่นอน เพราะส่วนใหญ่บ่ายโมงก็หมดแล้ว เพราะขายดี
เราจะเดินข้ามกลับไปที่ฝั่งถนนประชาราษฎร์สาย 1 เลยคู่กันต่อนะคะ จากฝั่งนี้มองไปเห็นตึกสูงๆของ The Tree Bangpho Station ด้วย
เขามาเดินที่ฟุตบาทเราก็จะเจอ ธาตรีการแพทย์ คลีนิคเวชกรรม และพี่วินมอร์เตอร์ไซค์อีกแก๊งค์เล็กๆ
ตรงนี้เป็นวินตลาดบางโพค่ะ ราคาตามนี้
เดินต่อไปจะเจอกับโครงการ The Tree Bangpho Station คอนโด High Rise 32 ชั้น จากพฤกษา อาคารสร้างเสร็จลูกบ้านเข้าอยู่แล้วค่ะสำหรับที่นี่
ฝั่งตรงข้ามมีธนาคารกสิกรไทยให้ใช้บริการ
ถัดมาเราจะเริ่มเห็นร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับไม้แล้ว ซึ่งร้านนี้ขายราวบันได และหัวบันไดค่ะ ข้างหน้าริมฟุตบาทมีการตั้งร้านขายกับข้าวด้วยเพราะเริ่มเย็นแล้ว
ฝั่งตรงข้ามเป็นวัดบางโพโอมาวาส ข้างๆเป็นธนาคารไทยพาณิชย์
และเราก็มาถึงแล้วกับถนนสายไม้ ถนนประชานฤมิตรค่ะ
ถนนเส้นนี้มีจุดเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2540 โดยในสมัยผู้อำนวยการเขตบางซื่อได้ลงพื้นที่แล้วเห็นว่าซอยนี้มีผลิตภัณฑ์งานไม้ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ควรอนุรักษ์เอาไว้จึงได้ปรึกษากันกับผู้ประกอบการและจัดทำซุ้มประตูไม้ขึ้น 2 ฝั่งทั้งทางเข้าและทางออกของซอยเลยค่ะ เพื่อจะให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซอยประชานฤมิตร
โดยซุ้มนี้ที่เราเห็นนี้ได้รับการออกแบบจากอาจารย์สุดสาคร ชายเสม ศิลปินอิสระผู้ทรงคุณวุฒิด้านจิตรกรรม ประติมากรรม ซึ่งซุ้มนี้ทำมาจากไม้ตะเคียนทอง จากโรงเลื่อยจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นไม้ที่คัดเลือกมาแล้วว่าทนแดดทนฝนเป็นอย่างดี ลงรักของแท้ ตัวหนังสือทำจากทองคำเปลวแท้เช่นกันสูงประมาณ 8 เมตร กว้างประมาณ 10 เมตร
ซึ่งพอเราเข้ามาปุ๊บจะเห็นว่าทั้งสองฟากฝั่งของซอยประชานฤมิตร (ถนนประชาราษฎ์สาย 1 ซอย 24) ซึ่งมีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร มีร้านจำหน่ายเครื่องเรือนเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักตั้งแต่ขนาดใหญ่ไปจนถึงของตกแต่งบ้านชิ้นเล็กๆ กว่า 200 ร้านเข้าไปแล้วค่ะ
เนื่องจากถนนสายนี้ค่อนข้างยาวมากก เราคงพาไปดูไม่ได้ครบทุกร้าน แต่จะขอยกตัวอย่างเป็นหมวดหมู่นะคะ อย่างเช่น งานไม้ช่างฝีมือ นี้เยอะมากทุกๆสิ่งรอบด้านเกี่ยวกับไม้มีหมด ทั้งงานเฟอร์นิเจอร์ งานไม้ฉลุ ตัวหนังสือ ตัวอักษร โคมไฟ หัวเสา โต๊ะหมู่บูชา คิ้ว บัวตกแต่ง รวมไปถึงสีทาเคลือบ สีทาไม้ต่างๆ
ถัดมาเป็นงานไม้ด้านอื่นๆ เช่น บริการรับรีดไม้ งานกรอบรูปไม้ งานบานประตู หน้าต่าง เป็นต้น
ส่วนของอย่างอื่นที่ไม่ใช่ไม้ก็มี อย่างเช่นสีเคลือบไฮกรอส มีไทยฟิตติ้งโฮม ที่เป็นแหล่งรวมจำหน่ายอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ทุกชนิด เช่น มือจับ,ปุ่มจับ,เครื่องมือช่าง,สว่าน,เลื้อย,ปั๊มลม,ไฟฟ้า,tool,ลูกบิด,กุญแจ เป็นต้น หรือจะเป็นงานสแตนเลสต่างๆ ทั้งเฟอร์นิเจอร์และราวบันได หรือแม้แต่มะม่วงยังมีขายเลยค่ะ..ที่นี่ 3 โล 100
สภาพการจราจร ติดขัดเป็นช่วงๆ เรื่อยๆ ติดตลอดๆ ใครเอารถมาก็อาจจะต้องใช้เวลานิดนึงค่ะกว่าจะเข้า-ออก
เดินผ่านมาตรงนี้กำลังประกอบเก้าอี้อยู่เลย
ใกล้ๆกันด้านฝั่งตรงข้าม จะมีซอยเล็กๆ มีซุ้มทางเข้าเขียนว่า “ศาลเจ้าแม่ทับทิมซอยประชานฤมิตร”
เข้ามาก็จะเป็นร้านขายไม้อีกเช่นกัน ศาลจะอยู่ด้านในอาคารสีแดงๆนั้นค่ะ
ขอปิดท้ายด้วยการพามานมัสการ หน้าศาลเจ้าแม่ทับทิม ขอให้อิ่มบุญยิ้มแก้มอิ่มกันถ้วนหน้านะคะ ^^
บริบทโดยรอบโครงการ : ทางทิศเหนือ จะติดกับ ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ซึ่งเป็นถนนทางเข้าออกหลักของโครงการ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ส่วนทิศตะวันออก ติดกับอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ทางทิศใต้ ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้นและที่ดินว่างเปล่า และทิศตะวันตก ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น แต่จะติดวิวของ Napha Place อยูบ้างค่ะ
สรุป : ทำเลโดยรอบของชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ตึกแถวและบ้านพักอาศัยที่ค่อนข้างเก่าแก่ค่ะ มีการทำการพาณิชย์เล็กๆในตึกของตนเองเช่น ร้านขายของชำ ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ ร้านขายไม้ คลีนิค ร้านขายยา และร้านขายอาหารที่ขึ้นชื่อหลายร้าน เพราะเปิดมานานจึงมีชื่อเสียงจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นแถวนี้จึงเป็นชุมชนหนึ่งที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบดี เพราะนอกจากการพาณิชย์ในตึกแล้ว ยังมีตลาดบางโพที่อยู่ไม่ไกลมากให้ไปจับจ่ายซื้อของสดของแห้งมาทำครัวกันได้ และด้วยความที่ทำเลนี้เริ่มบูมขึ้นมามากในช่วงนี้ จึงทำให้นอกจากตึกเก่าแล้ว ยังมีโครงการคอนโดที่พักอาศัยขึ้นมามากด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเลียบเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่มีคอนโดแข่งกันขึ้นมาเยอะค่ะ ซึ่งโครงการชีวาทัย บางโพ สเตชั่นก็เป็นหนึ่งในนั้น
อีกอย่างคือการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกทั้งคนใช้รถที่สามารถมาได้จากหลายทาง หากมาจากอีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาก็ข้ามสะพานพระราม 7 มาได้ใกล้สุด เส้นทางหลักๆที่ติดต่อคือมาจากถนนประชาราษฎร์สาย 1 สามารถผ่านแยกบางโพแล้วเลี้ยวเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ได้แต่ต้องยูเทิร์นนิดหน่อย ส่วนคนมาจากสะพานควายหรือประชาชื่นก็เข้าทางถนนประชาราษฏร์สาย 2 ได้เลย รถอาจจะติดหน่อยเพราะทำทาง แต่ในอนาคตถนนคงโล่งขึ้นค่ะ และสำหรับคนไม่ใช่รถก็ถือว่าสะดวกดีเพราะรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย พี่วิน แท๊กซี่มีหมด และที่สำคัญอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีบางโพ เพียง 100 เมตรที่เชื่อมต่อกับสถานี Interchange ถึงสองสถานี คือสถานีเตาปูน และสถานีบางซื่อ
ข้อเสียก็อาจจะมีอยู่บ้าง ตรงที่ละแวกใกล้ๆโครงการ ตอนเย็นๆมักจะมีร้านค้าตึกแถวข้างๆโครงการ ด้านตรงข้ามก็ด้วยมักจะมาตั้งขายของริมฟุตบาท ทำให้เย็นๆอาจจะวุ่นวายอยู่บ้าง ค่อนข้างจะเป็นชุมชนแบบมากๆ จึงไม่ได้เงียบสงบมากนัก แต่โดยรวมแล้วเป็นทำเลที่หาของกินง่าย มีเครื่องอุปโภคบริโภคครบครัน เป็นย่านเก่าแก่ อาหารอร่อยรายล้อม เป็นทำเลที่เหมาะกับคนไม่ได้ต้องการความสงบมากนัก ใกล้แหล่งชุมชน ต้องการการเดินทางที่สะดวก พักอาศัยหรือทำงานอยู่ในย่านบางโพค่ะ
ปิดท้ายด้วยภาพจำลองโครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ หากมีรายละเอียดของโครงการเพิ่มเติม เราจะพาไปรีวิวเจาะลึกให้ดูกันนะคะ 🙂