รีวิวฉบับที่ 1052 สวัสดีค่า วันนี้จะพาไปเดินเล่นชมทำเลโครงการ 98 wireless คอนโดระดับ Ultimate Class สูง 25 ชั้น มูลค่าโครงการ 8,500 ล้านบาท ถือเป็น Flagship Project ของแสนสิริบนถนนวิทยุ ซึ่งโครงการนี้เป็นคอนโดในจำนวนน้อยมากๆที่สร้างเสร็จก่อนมีการเปิดขายอย่างเป็นทางการ แบบห้องตั้งแต่ 2 ห้องนอนขนาด 120 ตารางเมตร ไปจนถึง Super Penthouse (the one) ขนาด 1,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าทั้งโครงการจะแล้วเสร็จเดือนตุลาคมของปีนี้
เวปไซต์โครงการ 98 wireless คลิกที่นี่
ข้อมูลเปิดตัวโครงการ 98 wireless คลิกที่นี่
พิกัดโครงการ : 13.741764, 100.546860
ที่ตั้งของโครงการ 98 wireless ที่อยู่บนถนนวิทยุ ซึ่งในกรุงเทพถือว่าเป็นพื้นที่ CBD (Central Business District) โดยดูจากพื้นที่โครงการในระยะ 1 กิโลเมตรมีสถานฑูต, โรงแรม 5 ดาว, อาคารออฟฟิส grade A, ศูนย์การค้า , สวนสาธารณะขนาดใหญ่และขนส่งมวลชนอย่าง BTS โดยแปลงที่ดินจะอยู่ช่วงต้นของถนนวิทยุเป็นแปลงที่ 3 จากต้นถนนวิทยุ โดยแปลงหัวมุมที่เป็นพื้นที่ก่อสร้างของธนาคารกรุงศรี ถัดมาคือโรงแรม Grande Centre Point ส่วนอีกฝั่งของที่ดินคือสถานฑูตอเมริกาเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่มาก
ถนนวิทยุที่เป็นที่ตั้งของโครงการเป็นถนนที่ตัดระหว่างถนนเพลินจิตและถนนพระรามสี่ กว้าง 6 เลน โดยแบ่งช่องการเดินรถออกเป็น 2-2-2 ซึ่งระหว่าง 2 เลนจะมีเกาะกลางถนนต้นไม้ใหญ่ปลูกเป็นทางยาว เป็นเลนมุ่งหน้าไปทางเพชรบุรี 4 ช่องทาง และมุ่งหน้าไปทางสาทรอีก 2 ช่องทาง โดยเกาะกลางบนถนนวิทยุทำให้ไม่สามารถกลับรถหรือเลี้ยวเข้าอาคารได้ทั้งหมด แต่จะมีช่วงที่กลับได้บ้าง แต่ถนนวิทยุตอนต้นที่จะมีท้ายแถวสะสมจากการรอไฟเขียวไฟแดง
การเดินทางด้วยรถยนต์จากถนนสุขุมวิทตอนต้น-ถนนเพชรบุรี-สยามเข้าถนนวิทยุก็จะต้องกลับรถที่จุดกลับรถที่มีอยู่น้อยมากบนถนนวิทยุ ถ้าได้จังหวะก็กลับรถแล้วเบี่ยงซ้ายเข้าหน้าโครงการ ส่วนถ้ามาจากสาทร-พระรามสี่-สีลม ก็จะเลี้ยวเข้าถนนสาทรฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนเพชรบุรีได้ปกติ
การเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ มีสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิตอยู่บนถนนเพลินจิต โดยระยะจากตัวสถานีถึงโครงการประมาณ 250 เมตร แต่จะมี Skywalk ที่เชื่อมระหว่างสถานี, Central Embassy และสะพานลอยช่วงต้นถนนวิทยุ ทำให้ระยะทางที่เดินบนทางเท้าจริงๆอยู่ที่ 120 เมตร ส่วนพี่วิน แท๊กซี่บนถนนวิทยุเรียกง่ายมากๆอยู่แล้วขึ้นกับว่าจะไปรึเปล่าเท่านั้น รถเมล์ก็จะมีป้ายอยู่ที่หน้าโรงแรม Grande Centre Point ข้างๆโครงการ
ส่วนจุดทางขึ้น-ลงทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคืออยู่ตรงถนนเพลินจิต ใกล้ BTS เพลินจิต ซึ่งมีทั้งทางลงและทางขึ้น ถ้าเราใช้ทางขึ้น ออกจากโครงการเลี้ยวซ้ายมาอยู่บนถนนวิทยุแล้วเลี้ยวขวาที่ไฟเขียวไฟแดงเข้าถนนเพลินจิตก็จะถึงทางขึ้นทางด่วนเลย แต่ทางลงทางด่วนจะลงที่เพลินจิตใต้ ข้ามทางรถไฟเลี้ยวซ้ายมาถนนที่ขนานกันแล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าถนนเพลินจิต เลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าถนนวิทยุ
ความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการบนถนนวิทยุก็จะมีโรงแรมที่มีร้านอาหาร คาเฟ่ สปา ให้บริการในตัวโรงแรมอยู่แล้ว หรือตามอาคารออฟฟิสต่างๆ ก็จะมีร้านค้าให้บริการอย่างตึก Park venture ที่มีโรงแรม Okura prestige ด้านบน จะมี 7-11, Dean and deluca และร้านอาหารญี่ปุ่น ogu ogu ส่วน All season place จะมีทั้ง Mansion ตึกออฟฟิส และโรงแรม Conrad ก็จะมี Starbuck, Tops supermarket มี lounge ภายในของสมาชิก ส่วนศูนย์การค้าอย่าง Central Embassy เดินไปจะใช้เวลาน้อยกว่านั่งรถ จะมีส่วนร้านอาหาร โรงหนัง สปา ซึ่งพึ่งมีข่าวออกมาว่าจะมีการปรับผู้เช่าและเปิดส่วนที่เป็นโรงแรมภายในปีนี้ นอกจากนั้นก็จะเดินไป Central ชิดลมหรือแยกราชประสงค์ได้ ย่านใกล้เคียงอย่างถนนเพลินจิต ซอยหลังสวน สาทรก็อุดมสมบูรณ์มากเช่นกัน ส่วนสิ่งปลูกสร้างในชีวิตประจำวัน เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในซอยสุขุมวิท1 โรงเรียนมาแตร์เดอีหน้าซอยหลังสวน สวนลุมพินี จุฬาฯ RBSC ก็อยู่ไม่ไกล
เส้นทางแรกนี้เป็นเส้นทางรถยนต์นะคะ จากทางลงทางด่วนเพลินจิตใต้ที่จะเห็นรถต่อแถวยาวๆกันเสมอ ข้ามทางรถไฟแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนที่ขนานกับโรงงานยาสูบ แล้วเลี้ยวซ้ายออกถนนเพลินจิตอีกที ลอดผ่านสถานี BTS เพลินจิตแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิทยุฝั่งมุ่งหน้าไปทางถนนพระรามสี่ แล้วชิดขวาเพื่อกลับรถที่หน้า All season place กลับรถแล้วก็ต้องชิดซ้าย แล้วเบี่ยงซ้ายอีกทีเข้าเลนในสุดเพื่อให้ทันเข้าโครงการ
เริ่มกันที่บนทางด่วน เราจะชิดขวาไปลงทางลงเพลินจิตใต้ทางออกที่ 5 นะคะ
ตรงมาเรื่อยๆ ลอดผ่านใต้เส้นทางรถไฟฟ้ามาก็จะเจอกับทางเรียบๆยาวๆ ให้ชิดซ้ายไว้เลยนะคะ โดยเฉพาะช่วงเช้าก่อนเข้าทำงานและช่วงเย็นนี่ติดมโหฬารมากนะคะ แถวจะยาวมาก
ชิดซ้ายมาแล้วเราก็จะมาเจอกับช่องทางเปิดเลี้ยวซ้ายข้ามทางรถไฟ u-turn ซ้ายอีกทีเลียบผนังของโรงงานยาสูบไปนะคะ
วน u-turn ทางซ้ายมาอยู่บนถนนคู่ขนานแล้วนะคะ ทางซ้ายมือคือทางด่วนเมื่อกี้ที่เราขับกันมา ส่วนทางขวาคือกำแพงรั้วของโรงงานยาสูบ
ตรงมาเรื่อยๆ ทางขวามือจะเป็นอพาร์ตเมนท์ให้เช่า และคอนโด low-rise ในซอย ซึ่งจะอยู่ในระยะเดินหากผู้เช่าทำงานอยู่แถว BTS เพลินจิตนะคะ
ตรงมาอีกหน่อยทางซ้ายมือก็จะเป็นร้านอาหารจำพวกรถเข็นต่างๆ จะเปิดในช่วงกลางวันและเย็นเพื่อรองรับพนักงานในอาคารออฟฟิสต่างๆ
ตรงมาอีกหน่อยตัวถนนคู่ขนานจะมาบรรจบกับถนนสุขุมวิทตอนต้น ซึ่งเราจะเลี้ยวซ้ายลอดทางด่วนไปจะเข้าถนนเพลินจิตแล้วนะคะ ฝั่งตรงข้ามกับเราคือซอยสุขุมวิท 1 ที่เป็นทางเข้าของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพลินจิตมา จะเจอกับ BTS เพลินจิตซึ่งเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดจากโครงการ
ข้างๆกับสถานีก็จะมีทั้งโรงแรม Novotel เพลินจิต, มหาทุน พลาซ่าและมีอาคารพาณิชย์เรียงกันข้างๆมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้าน board game และร้านบริการต่างๆ หน้ามหาทุน พลาซ่าจะมีป้ายรถเมล์ที่วิ่งยาวๆจากถนนพระราม1 มาเพลินจิตแล้วเลยไปถนนสุขุมวิทยาวๆ
เงยหน้าขึ้นไปหน่อยก็จะเห็นอาคาร Park venture ซึ่งภายในจะจัดพื้นที่เป็นทั้งออฟฟิส โรงแรม Okura Prestige รวมถึงพื้นที่ร้านค้าอย่าง 7-11 ร้านอาหารต่างๆ ที่เห็นการออกแบบยื่นออกมาภายนอกอาคารจะเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำของโรงแรมที่อยู่ส่วน High zone
ผ่านหน้าอาคาร Park venture มาก็จะถึงแยกวิทยุ มีป้ายบอกทางว่าถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปที่ถนนวิทยุมุ่งหน้าพระรามสี่ ตรงไปจะไปแยกราชประสงค์และสยาม ส่วนเลี้ยวขวาเข้าถนนวิทยุมุ่งหน้าถนนเพชรบุรี
อยู่ตรงกลางแยกถ่ายให้ดูโครงการ 98 wireless ที่กำลังก่อสร้าง ขึ้นส่วนที่เป็นโครงสร้างใกล้จะถึงชั้น 25 แล้ว แต่ยังไม่เปิดผ้าคลุมอาคารออก โดยที่ดินจะอยู่แปลงที่ 3 เริ่มนับแปลงหัวมุมที่กำลังก่อสร้างเป็นธนาคารกรุงศรี แปลงนี้สวยมาก แปลงถัดไปเป็นโรงแรม Grande centre point แล้วแปลงที่ 3 จะเป็นแปลงโครงการ
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิทยุมาก็จะเห็นว่าช่วงต้นถนนวิทยุจะมีการวางที่กั้นเลนรถห้ามกลับรถและห้ามเลี้ยวขวา ดังนั้นการเลี้ยวเข้าโครงการตรงๆทำไม่ได้แน่ๆ และหลังจากที่กั้นก็จะเป็นเกาะกลาง
ตรงมาบนถนนวิทยุจนถึงหน้า All season place ให้ชิดเลนขวาไว้พร้อมกลับรถ
ถึงโอกาสของเราแล้วค่ะ กลับรถเมื่อมีช่องเปิด แต่อย่างที่บอกไปว่าบนถนนวิทยุกว้าง 6 เลนแบ่งออกเป็น 2-2-2 จะมีเกาะกลาง 2 แนว เรากลับเพื่อให้พ้นแนวแรกก่อนนะคะ ยังไม่ต้องกลับรวดเดียว จุดตรงนี้ดีหน่อยที่มีพี่ยามคอยโบกให้ด้วย
กลับรถมาแล้วอยู่บนถนนวิทยุอีกฝั่ง เราจะตรงไปเรื่อยๆกันก่อน แต่ต้องชิดซ้ายฝั่งนี้ไว้เพื่อเบี่ยงซ้ายอีกทีนะคะ
เจอจุดที่เกาะกลางหน้าสถานฑูตอเมริกาที่ไม่ต่อกันแล้ว ก็ได้โอกาสเบี่ยงซ้ายเข้าเลนฝั่งในกัน ตามความสามารถนะคะ ต้องใช้ความรวดเร็ว
เบี่ยงมาเลนซ้ายจะเจอกับรั้วโครงการพอดีทางซ้ายมือ
เลยมาหน่อยก็จะเป็นด้านหน้าโครงการ แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะมีการเปิดทางเข้า-ออกตรงไหนนะคะ
เส้นทางที่สองคือเส้นทางรถเช่นกันเป็นตัวเลือกในเวลาช่วงเช้า-เย็นที่รถติดมากๆ และมีความเสี่ยงว่าจะกลับรถไม่ได้ที่ถนนวิทยุ คือถ้ามาจากถนนสุขุมวิทตอนต้นก็ตรงเลยถนนวิทยุไปเข้าที่ถนนหลังสวน แล้ววิ่งตรงยาวมาเลี้ยวซ้ายที่ซอยสารสิน แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีที่ถนนวิทยุ ตรงมาเรื่อยๆ โครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ
ตรงมาเรากำลังเข้าแยกวิทยุ โดยจากป้ายถ้าตรงไปจะไปแยกราชประสงค์ เลี้ยวซ้ายจะไปถนนวิทยุมุ่งหน้าถนนพระรามสี่ เลี้ยวขวาไปถนนวิทยุมุ่งหน้าถนนเพชรบุรี
ช่องซ้ายสุดของแยกวิทยุจะเป็นช่องเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดนะคะ แต่จากตรงนี้เราจะตรงไปเข้าซอยหลังสวนที่อยู่เลยไปอีกหน่อย เป็นเส้นทางเผื่อเลือกสำหรับเวลาเร่งด่วนที่คาดว่ากลับรถไม่ได้จริงๆ
ผ่านแยกตรงมาเรื่อยๆบนถนนเพลินจิต ทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของร้านค้าที่มีทั้ง 7-11 ร้านเครื่องดื่มและพื้นที่สำนักงานเล็กๆก่อนจะเจอกับซอยต้นสน
ซอยต้นสนทางซ้ายมือก่อนถึง Ploenchit tower จะเป็นซอยตันสำหรับรถ แต่ถ้าเป็นการเดินจะมีบางจุดที่สามารถเดินเข้าถนนวิทยุได้อย่างอาคารสินธรเป็นต้น
หันมาทางซ้ายให้ดูสภาพของซอยต้นสนนะคะ ต้นซอยจะมีพี่วินคอยให้บริการอยู่ ด้านในจะเป็นซอยที่ขนานกับคลองไปเรื่อยๆจนถึงท้ายซอย โดยจะมีสะพานข้ามคลองเชื่อมกับที่ดินทางซ้ายมือ สิ่งปลูกสร้างภายในซอยก็จะมีทั้งโรงเรียนนานาชาติ อพาร์ตเมนท์ รวมถึงพื้นที่ของหลังสวน วิลเลจ นอกจากนั้นจะเหมือนเป็นหลังบ้านของบางแปลงที่มีพื้นที่ติดทั้งฝั่งวิทยุและฝั่งซอยต้นสน ก็จะใช้เหมือนเป็นประตูเล็กเวลาเข้า-ออกงานเลี่ยงรถติด
ตรงมาบนถนนเพลินจิตมุ่งหน้าสยามกันต่อ ทางซ้ายมือก็จะเป็น Ploenchit tower และอาคารสีแดงคือ Mercury Ville ที่เป็นศูนย์การค้าสูง 4 ชั้น ภายในก็จะมีร้านอาหารต่างๆเหมือนห้างปกติเชื่อมกับ BTS ชิดลมที่ทางขวาจะต่อกับ Central ชิดลมเจ้าถิ่น มีทางเชื่อมเดินต่อกับ Central Embassyได้
ลอดผ่าน BTS ชิดลมมาเพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าถนนหลังสวน ซึ่งตรงนี้ต้องรอสัญญาณไฟนะคะ ไม่ได้ซ้ายผ่านตลอด
เข้ามาในซอยหลังสวนแล้ว ซึ่งในซอยหลังสวนนี้เป็นทาง one-way จากฝั่งถนนเพลินจิตไปทางซอยสารสินเท่านั้น ทางขวามือคือโรงเรียนมาแตร์เดอี ทางซ้ายมือยังเป็นศูนย์การค้า Mercury ที่เป็นทางเข้าของที่จอดรถ ถัดไปเป็นร้านค้าที่มี 7-11, ร้านปิ้งย่าง Kingkong และร้านขายผ้าต่างๆ
ยังอยู่ในช่วงต้นซอยเลยจะมี Community mall หรือ Neighborhood mall เยอะหน่อยอย่างทางขวามือก็จะเป็น portico ที่มีร้านอาหารแบบ hang-out คืนวันศุกร์เสาร์อยู่เยอะ รวมถึงมีร้านขายของน่ารักๆ เลยไปหน่อยจะมีซอยย่อยทางซ้ายก็จะมีคอนโด Low-rise อยู่ด้านใน
ส่วนสิ่งปลูกสร้างที่อยู่สองฝั่งของซอยหลังสวนส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรม, คอนโดและ Service apartment ทั้งหมดซึ่งแน่นอนว่าเป็นแบบ highrise ทั้งสิ้น โดยอัตรา Occupacy rate ของถนนหลังสวนในส่วนของคอนโดและ Service apartment ถือว่าสูงมากถ้าเปรียบเทียบกับย่านอื่นๆ โดยในพื้นที่ซอยหลังสวนก็จะมีบางแปลงที่กำลังอยู้ในช่วงรื้อถอนบ้าง เกลี่ยหน้าดินกำลังจะขึ้นอาคารในไม่นานนี้อีก
ช่วงลึกๆของซอยหลังสวนทางซ้ายมือก็จะเป็นพื้นที่ผืนใหญ่ของโครงการหลังสวน วิลเลจที่เป็นโครงการ Mixed use มีทั้งคอนโด, Service apartment และ Community mall ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการก่อสร้าง ส่วนทางขวาจะเป็นส่วนของคอนโดรุ่นเก๋า ร้านอาหารดังๆอย่าง Gaggan และ Le bourf ร้านสปาต่างๆ เนื่องจากโรงแรมภายในซอยหลังสวนเป็นที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง
ช่วงปลายของถนนหลังสวนก็จะมีคอนโดที่กำลังก่อสร้างอยู่ทางขวามืออย่างนิมิต หลังสวน รวมถึงคอนโด Lowrise หลายโครงการที่เข้าได้จากซอยสารสิน เนื่องจากเป็นทำเลที่ไม่ไกลจาก BTS ราชดำริที่อยู่บนถนนราชดำริที่ขนานกับซอยหลังสวนอยู่ทางขวามือ
แยกที่ซอยหลังสวนตัดกับถนนสารสินเราจะเลี้ยวซ้ายกันนะคะ โดยฝั่งตรงข้ามจากมุมที่เราอยู่ตรงนี้คือด้านหลังของสวนลุมพินีที่จะมีขายโจ๊กขายอาหารกันตลอดทั้งวันตามทางเดินเท้า
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสารสินมา ทางซ้ายมือก็ยังเป็นพื้นที่ของโครงการหลังสวน วิลเลจอยู่ ขวามือเป็นเกาะกลางถนนของซอยสารสินโดยซอยสารสินจะเป็น two-way เข้าออกได้ทั้งจากถนนวิทยุและถนนราชดำริ
ฝั่งซ้ายมือคืออาคารเคียงหงวนที่เป็นออฟฟิส ก่อนจะถึงแยกสารสินเราก็จะต้องชิดซ้ายมาต่อแถวเพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิทยุ โดยเลนซ้ายจะเป็นเลนเดียวที่เลี้ยวซ้ายได้ ส่วนสองเลนขวาจะเลี้ยวขวาเข้าถนนวิทยุมุ่งหน้าพระรามสี่
เลี้ยวซ้ายมาเข้าถนนวิทยุ ก็ชิดเลนซ้ายต่ออีกทีเพื่อจะตรงเข้าพื้นที่โครงการ ทางซ้ายมือก็ยังเป็นอาคารเคียงหงวนอยู่แต่ส่วนนี้อยู่ในช่วงปรับปรุง
เลยมาหน่อยจะเป็นส่วนอาคารสำนักงานของสินธร ซึ่งพื้นที่ด้านหน้าได้มีการปรับปรุงทำเป็น Glasshouse @sindhorn เป็นร้านอาหารและคาเฟ่ต่างๆ เช่น Starbucks ร้านอาหารญี่ปุ่น ฝรั่ง และ Cigarone ซึ่งเก๋มาก
ทางซ้ายมือจะเป็นทางเข้าที่จอดรถของอาคารสินธร และแปลงถัดไปจะเป็นพื้นที่ของสถานฑูตอเมริกาที่เป็นออฟฟิสภายใน ส่วนทางขวาก็จะเป็นของสถานฑูตอเมริกาเช่นกันแต่จะเป็นส่วนที่ติดต่อกับบุคคลภายนอกอย่างการนัดทำวีซ่าก็จะต้องมารอเข้าแถวที่สะพานลอย
ตลอดแนวของถนนวิทยุก็จะมีป้ายรถเมล์อยู่เป็นระยะๆ รวมถึงการข้ามถนนก็จะมีสะพานลอยอยู่เป็นจุดๆ หรืออย่างพื้นที่ที่มีคนข้ามกันเยอะๆที่หน้า All season place ก็จะมีพี่ยามคอยพาข้าม
ตรงมาหน่อยก็จะเป็นอพาร์ตเมนท์ ด้านหน้าเป็นร้านอาหารขนาดเล็ก ร้านแปลเอกสารที่ได้อานิสงค์จากบรรดาสถานฑูตต่างๆภายในพื้นที่
ต่อมาก็จะเป็นส่วนของ Oriental residence
และตรงมาอีกหน่อยก็จะมาเป็นพื้นที่ของสถานฑูตอเมริกาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นส่วนของที่พักอาศัย
ตรงมาอีกหน่อยแปลงถัดไปจากสถานฑูตเลยก็จะเป็นพื้นที่ของโครงการแล้วที่ล้อมรั้วสังกะสีอยู่ทางซ้ายมือ
โดยพื้นที่ด้านหน้าที่ต่อกับถนนวิทยุก็จะมีป้ายโครงการติดเป็นทางยาว ซึ่งโครงการนี้ไม่มี Sales office หรือห้องตัวอย่างนะคะ แต่จะมีการขายแบบสร้างเสร็จพร้อมดูของกันจริงๆแล้วถึงมีการขายอย่างเป็นทางการ โดยมีกำหนดการจะแล้วเสร็จเดือนตุลาคมปีนี้
โดยจากโครงการอีกประมาณ 120 เมตรก็จะถึงแยกวิทยุ หรืออีก 250 เมตรจะถึง BTS เพลินจิตที่อยู่บนถนนเพลินจิตด้านหน้า
เส้นทางที่สอง เป็นเส้นทางสำหรับคนที่ใช้บริการรถไฟฟ้า BTS จาก BTS เพลินจิตจะมี Skywalk ที่เชื่อมกับ Central Embassy แล้วก็เชื่อมกับสะพานลอยบนต้นถนนวิทยุอีกที มาลงตรงหัวมุมถนนวิทยุที่เป็นพื้นที่ก่อสร้างของธนาคารกรุงศรี เดินผ่านโรงแรม Grande Centre Point ที่ดินของโครงการ 98 wireless จะเป็นแปลงถัดไป แต่เราจะเดินกันไปเรื่อยๆจนถนนวิทยุไปตัดกับซอยสารสินหลังสวนลุมพอดี
เริ่มต้นที่ BTS เพลินจิต เดินไปที่ทางออก 5 นะคะ แม้ว่าจะเห็นแค่ทางออก 1 และ 2 ก็อย่าตกใจเพราะทางออก 5 จะอยู่หลังที่กดตั๋วตรงกลางเลย
นี่ทางออกที่ 5 จะเป็น Skywalk ที่ต่อกับ Homepro plus, Central Embassy และสะพานลอยที่ต้นถนนวิทยุ ส่วนทางซ้ายที่เป็นทางออกที่ 2 จะต่อกับ Park venture ภายในมีโรงแรม Okura Prestige เชนโรงแรมสัญชาติญี่ปุ่น มีชั้นที่เป็นพื้นที่ออฟฟิสรวมถึงร้านอาหารและคาเฟ่
หรือจะเลือกเดินลงไปดูสวนหน้า Park venture ด้านหน้าที่มี open space รวมถึงที่นั่ง outdoor ของร้าน Dean and deluca
อาคาร Park venture ซึ่งออกแบบโดย Palmer and Turner ซึ่งได้รับการการันตี LEED ระดับ Gold ที่ถือว่าเป็นอาคารที่มีการออกแบบทั้งภายนอกและงานระบบต่างๆได้รักษ์โลกในระดับหนึ่ง
ฝั่งขวาของสถานีกันบ้างเป็นพื้นที่ก่อสร้างของโรงแรม Rosewood ที่ถือว่าเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว แบบที่เห็นผ่านตาสวยมากๆ โดยมีกำหนดเปิดให้บริการกลางปี 2019
ข้างๆกับคือโครงการในตำนาน Noble เพลินจิตค่า ที่มีกำหนดใกล้จะเสร็จแล้วนะคะ น่าจะภายในปีนี้ ส่วนที่เห็นเป็นอาคาร 3 ชั้นด้านหน้าคือส่วนของ Community mall ที่จะมีร้านมาลงในพื้นที่
ถัดจาก Noble ไปก็จะเป็น Homepro plus จะมีทางเชื่อมจาก Skywalk เช่นกัน
เงยหน้าไปให้ดูอาคารทางขวามือสถานีกันหน่อย ที่เห็นยังปิดพลาสติกหุ้มกระจกสีฟ้าคือส่วนของคอนโด Noble เพลินจิต จำนวน 3 อาคาร โดยเป็นอาคาร lowrise 1 อาคารและอีกสองอาคารเป็น highrise ส่วนทางซ้ายมือคืออาคาร Waveplace ที่ด้านบนเป็นสำนักงานให้เช่า ด้านหน้าเป็น Homepro plus
เดินตรงมาที่ทางออก 5 ผ่านอาคาร Waveplace ทางขวามือก็จะเจอป้ายบอกทางอีกว่าถ้าตรงไปจะสามารถไป Central Embassy ที่ชั้นบนจะมีการเปิดตัว Park hyatt bangkok เร็วๆนี้ นอกจากนั้นก็ยังมีทางเชื่อมต่อไปยัง Central ชิดลม และต่อไปอีกที่ BTS ชิดลม
ทางขวามือระหว่างอาคาร Waveplace และ Central Embassy ก็จะเป็นถนนวิทยุฝั่งเหนือมุ่งหน้าถนนเพชรบุรีแบบ one-way ขนาด 4 เลน ที่มีสถานฑูตอังกฤษ โรงแรมปาร์คนายเลิศ และเลี้ยวขวาเข้าซอยนายเลิศได้ นอกจากนั้นก็จะมีท่าเรืออยู่ที่คลองแสนแสบ
เงยหน้าไปทางซ้ายจะเจอกับ Central Embassy ศูนย์การค้าระดับ high-end
ซึ่งจาก Skywalk ที่เชื่อมมาจากตัวสถานี BTS เพลินจิต จะมีทางเดินเข้าสู่ตัวห้างเลย
ฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าห้างก็จะมีทางเชื่อมสะพานลอยที่ต้นถนนวิทยุ ที่สามารถลงได้ทั้งฝั่งซ้ายหน้า Park Venture และฝั่งขวาหน้าพื้นที่ก่อสร้างของธนาคารกรุงศรี
ถนนวิทยุจะเป็นนถนน 6 เลนช่วงกลาง แต่พอไม่มีเกาะกลางก็จะขยายเป็น 7 ช่องได้ แบ่งออกเป็น 2 เลนมุ่งหน้าไปทางพระรามสี่ และอีก 5 เลนมุ่งหน้าไปทางถนนเพชรบุรี ซึ่งจากสะพานลอยจะเห็นโครงการ 98 wireless ทางขวามือ ซึ่งจะมีท้ายแถวของรถที่ติดไฟเขียวไฟแดงสะสมไปเกินหน้าโครงการยาวไปอีก
ช่วงเย็นๆหน่อยแถมกันอีกรูป
เดินลงมาบนทางเท้าสภาพดีมากฝั่งหน้าพื้นที่ก่อสร้างของธนาคารกรุงศรี เราจะเดินตามทางเท้านี้กันไปเรื่อยๆยาวจนถึงส่วนที่ตัดกับถนนสารสินเลยนะคะ
แปลงถัดมาคือโรงแรม Grande centre point ระดับ 5 ดาว ถ้าเดินผ่าน Facade บ้านทรงไทยเข้าไปก็จะเจอกับบ่อน้ำตรงกลาง ล้อมรอบไปด้วยร้านอาหารของโรงแรม แล้วถึงจะเป็น lobby
ด้านหน้าโรงแรมจะมีป้ายรถเมล์ที่มีอยู่เป็นระยะๆบนถนนวิทยุทั้งสองฝั่ง
ผ่านมาจะเป็นทางเข้า-ออกรถของโรงแรมก็จะอยู่ติดกับพื้นที่โครงการ 98 wireless ฝั่งเหนือ
เงยหน้าขึ้นไปก็จะเห็นโครงการคอนโด 98 wireless แบบเต็มๆ จาก factsheet สูง 25 ชั้น ซึ่งอีกนิดเดียวส่วนโครงสร้างก็จะเสร็จแล้วค่ะ
ด้านหน้าโครงการก็จะเป็นทางเข้าออกของรถในส่วนของการก่อสร้าง แต่ก็ยังไม่แน่ว่าทางเข้า-ออกจริงๆเวลาโครงการสร้างแล้วเสร็จจะอยู่ฝั่งนี้ที่ติดกับโรงแรมรึเปล่า
แปลงที่ดินทางฝั่งใต้กับโครงการก็คือสถานฑูตอเมริกาที่เป็นส่วนที่พัก
เดินมาเรื่อยๆก็จะเจอกับทางเข้า-ออก จะมีป้อมพี่ยามคุ้มกันแน่นหนามากกกก
ตรงข้ามกับแปลงที่ดินโครงการก็จะเป็น Plaza athenee ที่มีด้วยกัน 3 ส่วนคือส่วนโรงแรม, Athenee tower และ Athenee residence โดยที่ดินจะต่อไปถึงซอยร่วมฤดีด้านหลังเลย
ใกล้ๆกันก็จะมีทางม้าลายข้ามไปอีกฝั่ง ที่เห็นเป็นอาคารสองชั้นด้านหน้าคือสถานฑูตเวียดนาม
เขยิบมาทางขวาคืออาคารวีรสุ ซึ่งชั้นล่างก็จะมีขายอุปกรณ์เครื่องครัวและคาเฟ่ Vista cafe ที่มีชอกโกแลตเย็นที่อร่อยมาก
ถัดไปเป็นโรงแรม indigo ในเครือโรงแรม Intercontinental hotel group ที่จะมีการตกแต่งแบบชิคๆหน่อยไม่ใช่เรียบหรู
ข้างๆกันก็จะมีทางเดินเท้าอีกจุดหนึ่ง คราวนี้จะเป็นส่วนที่ข้ามไป All season place ที่ด้านในจะมีทั้ง Capital tower, Mthai tower, CRC tower, โรงแรม Conrad และ All season mansion เรียกได้ว่าเป็นหมู่ตึกที่มีทุกอย่างตั้งแต่ร้านอาหารในส่วน Lower floor ร้าน Starbuck ไปจนถึง Tops supermarket
หลบต้นไม้มาถ่ายกันให้ดูเต็มๆ โดยที่ดินของ All season place ก็จะกินไปถึงซอยร่วมฤดีด้านหลังเช่นกัน
กลับมาที่ถนนวิทยุฝั่งโครงการกันต่อก็จะมีอาคารออฟฟิส 208 ปล่อยให้เช่าพื้นที่ แต่ภายในก็ยังโล่งๆอยู่นะคะ
ถัดไปก็จะมี Oriental residence ที่เป็นเหมือน service apartment
ถัดมาก็จะเป็นร้านค้านิดหน่อย
ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์ชั้นล่างเป็นร้านค้าและแปลเอกสาร
ถัดไปคือ GPF witthayu tower
ถัดมาทั้งฝั่งโครงการและฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นพื้นที่ของสถานฑูตอเมริกาทั้งคู่ โดยฝั่งโครงการจะเป็นส่วนของงานภายใน ฝั่งตรงข้ามที่มีสีทาๆผนังอยู่ก็จะเป็นส่วนของการทำวีซ่าและงานติดต่อภายนอก
ซึ่งใครที่เคยทำวีซ่าอเมริกาจะต้องคุ้นภาพนี้แน่นอน โดยปัจจุบันมีการติดพัดลมให้กับคนที่มาต่อแถวทำวีซ่ายาวไปเป็น 50 คิวตอนเช้าๆเจ็ดโมงด้วย
กลับมาที่ฝั่งโครงการจะเจอกับ glasshouse @sindhorn ที่ส่วนหน้าติดถนนวิทยุ ด้านในจะเป็นอาคารออฟฟิสที่มีคาเฟ่ด้านใน มีสวนอาหารอยู่ชั้นใต้ดิน มี 7-11 มีร้านขายแว่นตา ร้านมือถือ และตอนนี้ปรับปรุงส่วนน้ำตกสวยมากๆ
ภาพด้านหน้าของอาคารนะคะ เราจะตรงผ่านประตูนี้ไป แล้วจะเจอกับส่วนที่เป็นน้ำตกทางขวามือ ให้เดินไปทาง 10 นาฬิกาจะเจอกับร้าน Au bon pain ทางซ้าย ทางขวาจะเป็นบันไดเลื่อนลงไปยังสวนอาหาร ให้เดินตามทางเดินไปเรื่อยๆ
เดินจนมาเจอกับทางออกที่มี 7-11 อยู่ทางซ้ายมือ ประตูอัตโนมัติตรงนี้จะสามารถออกเชื่อมไปยังซอยต้นสนที่ขนานกับถนนวิทยุได้
มีทางเดินออกไปซอยต้นสน โดยช่วงกลางวันจะมีรถเข็นขายอาหารเรียงกันเป็นแถบ ส่วนช่วงเย็นจะมีพนักงานในตึกสินธรมาต่อคิวรอพี่วินเพื่อออกไปส่งยังต้นซอยหรือสถานี BTS
มองไปทางขวาจะเจอกับประตูที่เปิดไปเป็นบันไดเลื่อนลงเข้าสวนอาหารชั้นล่างอีกทางหนึ่ง
บนซอยต้นสนมองไปทางต้นซอย จะขนานกับคลองทางขวา ส่วนทางซ้ายจะเป็นโครงการ mixed use ของหลังสวน วิลเลจ
มองไปฝั่งท้ายซอยก็จะเป็นทางตันนะคะ
กลับมาที่ถนนวิทยุกันต่อ ข้างๆกับอาคารสินธรก็จะจะเป็นอาคารเคียงหงวนที่ส่วนหนึ่งอยู่ในช่วงการปรับปรุง
มองเยื้องๆไปฝั่งตรงข้ามก็จะเจอกับทางเข้าซอยร่วมฤดีที่เป็นส่วนของท้ายซอยพอดี โดยซอยร่วมฤดีจะเป็นซอยที่สามารถไปออกที่ถนนเพลินจิตได้และมีการเดินรถแบบ two-way ด้วย
ด้านหน้าก็จะเป็นส่วนที่ถนนวิทยุเชื่อมกับถนนสารสิน โดยสามารถเลี้ยวขวาเข้าได้ หรือจะตรงไปยังถนนพระรามสี่ได้เช่นกัน
เส้นทางที่สามเป็นเส้นทางที่ชวนมาเดินเล่นกัน จากถนนวิทยุหน้าอาคารเคียงหงวนที่กำลังปรับปรุง ข้ามทางม้าลายมาที่ท้ายซอยร่วมฤดี เดินตามความยาวซอยไปเรื่อยๆจนถึงต้นซอยที่เป็นทางขึ้น BTS เพลินจิต
จากถนนวิทยุ เราจะข้ามทางม้าลายไปเข้าซอยร่วมฤดีกันนะคะ ท้ายซอยของซอยร่วมฤดีทางขวามือ คือ Royal residence park
เดินเข้ามาในซอย ทางเดินเท้าช่วงนี้ยังพอเดินได้ แม้จะไม่ดีเท่าของถนนวิทยุแต่ก็มีความกว้างเดินคนเดียวได้สบายๆ แต่พอมีคนสวนก็ต้องหยุดเดินทีละคน ทางขวามือเป็นทางเข้าของ Royal residence park
อาคาร Royal residence park สูง 12 ชั้นเป็นอพาร์ตเมนท์ที่มีห้องขนาด 200+ ตารางเมตรขึ้นไป
เยื้องๆกันคือคอนโด prive คอนโด lowrise ในซอยร่วมฤดี
ต่อมาเป็นร้านอาหารและเบเกอรี่ Neil’s tavern มีที่จอดรถในร้านได้นิดหน่อย
ทางขวาเป็นสมาคมประกันวินาศภัย
ตรงมาเรื่อยๆก็จะเป็นพื้นที่ว่างเปล่าบ้าง สังเกตได้ว่ารถค่อนข้างติด เนื่องจากช่วงเย็นจะจาก Plaza athenee บ้าง จาก All season place ที่มีทางออกส่วนถนนร่วมฤดีก็จะสามารถเลี่ยงการวนรถไปที่ถนนเพลินจิตได้ ก็จะตัดช่วงมาออกซอยร่วมฤดีแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิทยุมุ่งหน้าพระรามสี่
ตรงไปอีกหน่อยก็จะมีอพาร์ตเมนท์เรียงกันไปเรื่อยๆ โดยสำหรับทางรถจะบังคับเลี้ยวซ้ายไปออกที่ถนนเพลินจิต
ที่จริงแล้วทางขวามือก็จะมีซอยนะคะ แต่ไม่เห็นว่ามีรถผ่านเข้า-ออก แต่มีการปักป้ายเป็นชุมชนร่วมฤดีอยู่ด้านหน้ามีคนเดินเข้า-ออกอยู่เรื่อยๆ ที่หัวมุมก็จะมีพี่วินนั่งรอเรียกคิวอยู่
แปลงหัวมุมคือวัดพระมหาไถ่
เลี้ยวซ้ายมาแล้วก็จะมี 7-11 ชายสี่ และร้านค้าอีกนิดหน่อย ที่เลยส่วนนี้ไปก็จะเป็นทั้งทาวน์โฮมพักอาศัย บางส่วนเป็นเชิงพาณิชย์และบางส่วนเป็นคอนโด lowrise
ทางขวามือจะเป็นซอยร่วมฤดี5 ด้านหลังคืออพาร์ตเมนท์ monet house ให้เช่า สูง 4 ชั้นเอง
ส่วนทางซ้ายมือก็จะเป็นซอยตัน มีทาวน์โฮมสูง 3-4 ชั้นด้านใน
สังเกตที่ทางเท้าค่ะ เล็กมาๆ เดินคนเดียวยังยาก มีเสาไฟด้วย ทำให้บางช่วงที่มีคนเดินสวนกันก็จะต้องลงมาเดินที่ถนนบ้าง เลนรถที่เป็นแบบ two-way ก็เบียดมากเช่นกัน แนะนำให้ไม่เดินแต่นั่งพี่วินแทนนะคะ
ต่อมาก็จะเป็นส่วนด้านหลังของสถานฑูตอเมริกา ที่จะมีพนักงานออกมาเรียกพี่วินอยู่ช่วงเย็นๆ
ต่อมาทางขวามือจะเป็นซอยร่วมฤดี4 โดยซอยร่วมฤดีที่แยกย่อยไปแต่ละซอยก็จะเป็นซอยตันนะคะ ภายในก็จะมีบ้านพักอาศัย อพาร์ตเมนท์และคอนโดบ้าง
ซอยร่วมฤดี3 ค่อนข้างแคบทีเดียว
ถัดไปจะมีเหมือนเป็นพื้นที่ที่รวมร้านอาหารและออฟฟิสเล็กๆ มีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหารฝรั่งและฟิวชั่น
ตรงมาเรื่อยฝั่งซ้ายมือจะเป็นทาวน์โฮมที่ชั้นล่างเป็นเปิดเชิงพาณิชย์อย่างสปา ออฟฟิสของร้านต่างๆ แล้วก็ออฟฟิสส่วนตัว โดยจะเป็นดีไซน์ Facade เดียวกันประมาณ 10 คูหาตกแต่งด้วยอิฐสีส้ม ส่วนทางขวามือจะเป็นโรงแรม Aetas และ Aetas residence
ตรงข้ามกับโรงแรมเอทัสคือ Sukhothai residence ร่วมฤดีที่มีอีกที่คือแถวสาทร
ซอยร่วมฤดี2 ที่จะเป็นซอยย่อยที่ค่อนข้างยาวในบรรดาซอยย่อยทั้งหมด หน้าปากซอยคือร้านอาหารฝรั่งเศส Lyon ที่เป็นชื่อเมืองหนึ่งของฝรั่งเศส
ตรงข้ามกันคือโรงแรม Conrad ที่เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ All season place แต่เป็นส่วนของโรงแรมที่มี Drop-off อยู่ด้านใน
เงยหน้าขึ้นไปก็จะเจอกับหมู่ตึก 5 อาคารของ All season place รวมกัน สามารถเดินทะลุไปยังถนนวิทยุได้
ต่อมาเป็นแหล่งรวมร้านอาหารเช่นกัน มีทั้งร้านอาหารกุ้งบ้านแพ ร้านกินดื่มวันศุกร์เสาร์ และสปาด้านใน มีที่จอดรถให้พร้อมแต่อาจจะไม่เยอะมาก
ด้านหลังคือ Plaza athenee ที่มีทั้งโรงแรม อพาร์ตเมนท์และส่วนออฟฟิส ที่ดินยาวตั้งแต่ถนนวิทยุจนถึงซอยร่วมฤดี
แน่นอนว่าเดินทะลุไปถนนวิทยุได้เช่นกัน
ถัดมาเป็นโรงแรม Novotel เพลินจิตที่เป็นแปลงหัวมุม มีพี่วินคอยให้บริการแถวยาวมากเช่นกัน
และแล้วเราก็มาออกที่ต้นซอยร่วมฤดีที่ตัดกับถนนเพลินจิตแล้วค่ะ ตรงหน้าคือสถานี BTS เพลินจิต
สุดท้ายมาดูพื้นที่รอบข้างของโครงการ 98 wireless กันบ้างนะคะ บนถนนวิทยุจะมีรถวิ่งผ่านตลอดวันทำให้อาจจะมีเสียงดังบ้าง แต่จะไม่วิ่งเร็วเพราะมีเกาะกลางต้นไม้ใหญ่ทำให้ถนนแคบลง ในช่วงเวลาก่อนเข้าทำงานและหลังเลิกงานรถติดมากๆ คนเดินบนทางเท้าแค่พนักงานออฟฟิสในช่วงกลางวัน นอกนั้นก็จะอาศัยพี่วินที่มีอยู่เป็นจุดๆ แต่ฝั่งที่ดินของโครงการจะมีคนเดินผ่านค่อนข้างน้อยเพราะเป็นส่วนของพื้นที่ก่อสร้าง โรงแรม และสถานฑูต สิ่งปลูกสร้างริมถนนใหญ่จะเป็นอาคาร highrise เกือบจะทั้งหมด
ทิศเหนือ : แปลงที่ดินโครงการจะอยู่แปลงที่ 3 โดยแปลงหัวมุมถนนวิทยุที่กำลังก่อสร้างคือธนาคารกรุงศรี แปลงถัดมาคือโรงแรม Grande Centre Point และแปลงที่สามคือที่ดินของโครงการ โดยฝั่งนี้จะเป็นฝั่งที่มีตึกโรงแรมบังวิวเต็มๆเพราะคอนโดสูง 25 ชั้น และโรงแรมก็มีความสูงที่ใกล้เคียงกัน
ทิศตะวันออก : ถนนวิทยุกว้าง 6 เลน แบ่งออกเป็น 2-2-2 แล้วมีเกาะกลางที่เป็นต้นไม้ใหญ่กั้น ฝั่งโครงการเป็นฝั่งที่มุ่งหน้าไปทางถนนเพชรบุรี ฝั่งตรงข้ามถนนคือ Park Venture และ Plaza Athenee
ทิศใต้ : สถานฑูตอเมริกาส่วนที่เป็นบ้านพักอาศัยและงานภายใน ไม่ใช่ส่วนที่มีการติดต่อกับภายนอกหรืองานวีซ่า ทำให้พื้นที่เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ยูนิตที่มีช่องเปิดฝั่งใต้ก็จะได้วิวนี้ไปเต็มๆ และได้ข่าวว่าราคาจะต่างกับฝั่งเหนือมากเช่นกัน
ทิศตะวันตก : โรงแรม Bliston และโรงเรียนนานาชาติ Mulburry house ที่อยู่ในซอยต้นสนซึ่งเป็นซอยตัน
นี่คือรีวิวทำเลของโครงการ 98 wireless ค่ะ เมื่อทางโครงการมีความคืบหน้าของการก่อสร้างหรือมีข้อมูลโครงการส่วนอื่นๆเพิ่มเติม ทางทีมงานจะเข้าไปเก็บข้อมูลทำเป็นรีวิวฉบับเต็มให้อ่านกันนะคะ ต้องติดตามชม แล้วเจอกับเดือนตุลาคม 2559 เมื่อโครงการแล้วเสร็จนะคะ