รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.129 – รีวิวคอนโด Reflection จอมเทียนบีช พัทยา
12 เมษายน 2015
สวัสดีครับ กลับมาพบกับคอลัมน์ Point of View อีกครั้งนะครับผม หลังจากห่างหายไปหนึ่งเดือน ก่อนหน้านี้เราพาไปดูวิวในย่านใจกลางเมืองกันมาเยอะพอสมควรแล้ว มาวันนี้ทีมตากล้องของพวกเราจะขอพาไปดูวิวจากคอนโดตึกสูงริมทะเลกันบ้าง ซึ่งสถานที่ที่เราจะไปกันวันนี้อยู่ที่ Reflection พัทยาครับ คอนโด High Rise ติดทะเลตึกคู่ สูง 55 ชั้น และ 42 ชั้น ของเครือ Major Development ซึ่งที่นี่นอกจากจะเป็นคอนโดที่มองเห็นวิวทะเลที่กว้างและสวยงามแล้ว ที่นี่ยังเป็นโครงการที่มีแนวทางการจัดพื้นที่ส่วนกลาง และการตกแต่งห้องที่น่าสนใจและน่านำเสนอให้ชมกัน โดยในครั้งนี้นอกจากทีมตากล้องของ ThinkofLiving เราได้พาช่างภาพรับเชิญไปด้วยอีกหนึ่งคน นั่นคือ คุณอุ้ย จาก Gallery ETC ที่มาร่วมแจมกับเราในทริปนี้ Point of View ของที่นี่จะเป็นอย่างไร เราไปชมภาพสวยๆกันเลยครับ
ก่อนที่ทีมจะเข้าไปถ่ายข้างในตึก เราก็แอบไปส่องตัวตึกจากไกลๆกันมาก่อนครับ ตัวตึกของ Reflection จะเป็นตึกคู่ 2 ตึก ทางขวาคือตึก A สูง 55 ชั้น ส่วนทางซ้ายคือตึก B สูง 42 ชั้นครับ ตัวตึก A จะอยู่ใกล้หาดมากกว่า มองเห็นวิวทะเลชัดเจนกว่า งานนี้เราก็เลยเน้นไปถ่ายตึก A เป็นหลัก
บริเวณยอดตึกของทั้งสองตึกจะมีการตกแต่งให้มีความเป็นเอกลักษณ์ โดยใช้โครงเหล็กสามเหลี่ยม ที่บิดเป็นยอดโค้งๆ ให้ดูลื่นไหลไปกับความที่เป็นคอนโดติดทะเล
ตัวตึกมีการ Set-Back จากหน้าหาดลึกเข้าไปในที่ดินร่วมหลายสิบเมตรเลย เพราะด้านหน้าสุดโซนด้านหน้าตึก A คือสระว่ายน้ำติดหาด ยาว 50 เมตร ที่ยื่นออกไปยังฝั่งที่เป็นชายหาด
รูปแบบ Facade ของตัวตึก จะทำเป็นระเบียงโค้งเหมือนเกลียวคลื่น ทำให้ตึกมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ แต่งต่างจากตึกที่อยู่รายรอบ และให้แต่ละห้องมีรูปแบบระเบียงที่มองเห็นวิวทะเลได้ชัดเจน ทั้งมุมก้ม และมุมเงย
ตัวสระว่ายน้ำจะแบ่งเป็นสองสระ ด้านซ้ายจะเป็นสระยาว 35 เมตร แต่จะกว้าง สำหรับมาว่ายน้ำเล่นกันเป็นกลุ่ม มีพื้นที่สำหรับนอนอาบแดดส่วนหนึ่ง แต่จะมีอีกสระหนึ่งที่อยู่ทางขวา ยาว 50 เมตร แต่จะแคบกว่า เอาไว้สำหรับว่ายน้ำออกกำลังกายจริงจังได้เลย ทั้งสองสระจะมีการปลูกต้นไม้เพื่อบังสายตาตรงกลาง ให้เกิดความ Privacy ระหว่างกันและกัน
เมื่อเราอยู่บนห้องที่ตึก A มองลงมาที่สระว่ายน้ำ ก็จะเห็นเป็นลักษณะนี้ ความกว้าง-ยาว-ตื้น-ลึก ที่ไม่เท่ากันของสระทั้งสอง ทำให้เกิดจังหวะและสัดส่วนที่ดูแล้วสวยงาม
ที่ปลายสุดของสระน้ำ วางเก้าอี้ Day Bed เอาไว้ สำหรับคนที่อยากจะนั่งชมวิวทะเล หรือ ดูพระอาทิตย์ตกในน้ำ แบบไม่มีอะไรมาบังสายตาเลย
ด้านข้างของสระ จะมีพื้นที่สำหรับนั่งเล่นริมสระน้ำ และที่ปลายสุด จะมี Cigar Lounge ที่เป็นอาคารชั้นเดียวเล็กๆตั้งอยู่
พื้นที่นั่งเล่นริมสระ วางชุดโซฟาเอาไว้ 2-3 ชุด สำหรับการใช้งานพร้อมกันหลายกลุ่ม เป็นพื้นที่แบบ Outdoor แต่ก็ยังอยู่ใต้ชายคาที่ออกแบบให้บังแสงแดดได้ส่วนหนึ่ง และปล่อยแสงให้ลอดผ่านมาได้อีกส่วนหนึ่ง เมื่อแสงแดดกระทบกับหลังคาก็จะเกิดเป็นเงาตกกระทบที่มีรูปแบบแปลกตา สร้างความสวยงามได้อีกแบบหนึ่ง
แต่ถ้าหากแดดร้อนมากๆ อยากจะนั่งในพื้นที่ Indoor เย็นๆ ก็จะมี Cigar Lounge อยู่ที่ปลายสุดของสระ ที่สามารถมาใช้งานได้ตลอด ตัว Lounge จะหุ้มด้วยกระจกบานเฟี้ยมรอบห้อง ซึ่งสามารถเปิดออกจนสุดได้ รับวิว รับลมทะเลได้เต็มที่ แบบไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝน ใครอยากจะพาเพื่อนมาจัด Pool Party ที่นี่ก็ทำได้เลย
ตัว Cigar Lounge จะมีบันไดสำหรับเดินขึ้นไปชมวิวทะเลบนชั้นสองด้วย ลักษณะของขั้นบันไดยื่นออกมาจากด้านข้างของผนังอาคาร ไม่มีเสา ติดราวกันตกแบบที่เป็นกระจก เพื่อโชว์ดีเทลของบันได
ถัดมาจากส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำ เราเดินลงบันไดมายังส่วน Courtyard ที่อยู่ด้านหน้าตึก A
ดีเทลการใช้เส้นในแนวนอน และการเล่นระดับสูงต่ำ เพื่อสร้างจังหวะ และความน่าสนใจให้กับพื้นที่สวน
แนวของหลังคาที่ยาวมาจากพื้นที่นั่งเล่นข้างสระน้ำเชื่อมมาจนถึงบริเวณสวนตรงนี้ สังเกตการใช้เส้นแนวตั้งที่สัมพันธ์กับการเว้นช่องของแผ่นหินทางเดินที่อยู่ด้านล่าง ปลูกไม้พุ่มเตี้ยๆเอาไว้ด้วยเพื่อเพิ่มสีเขียวให้กับพื้นที่ไม่ให้ดูแข็งกระด้างเกินไป มองแบบนี้คงไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วด้านหลังพุ่มไม้นี้เป็นบันไดที่ถูกซ่อนอยู่ สำหรับเดินลงไปยังลานจอดรถที่อยู่ใต้ดิน
ทางเดินตรงนี้ถูกล้อมรอบด้วย Water Feature ตื้นๆ ที่มีการเปิดให้น้ำไหล Flow ตลอดเวลา เพิ่มเสียงของกระแสน้ำให้กับบริเวณนี้ วางเก้าอี้หวายสีดำเอาไว้กลางน้ำเพื่อเป็นมุมนั่งเล่นริมสวน
ลักษณะการเชื่อมต่อของทางเดิน ที่มีลูกเล่น บิดทำมุมให้เกิดความแปลกตามากขึ้น ทั้งที่จะทำเป็นทางเดินตรงๆธรรมดาก็ทำได้
เมื่อเราเดินผ่านตึก A ที่อยู่ด้านหน้า ผ่านสระว่ายน้ำมาแล้ว จะเจอโถงทางเดินที่ยาวเชื่อมต่อไปจนถึงอาคาร Lobby ที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองตึก มีการใช้สีแบบ Two-Tone ขาวสลับดำ เพื่อให้เกิดเส้นสายและลวดลายเป็นจังหวะ
ระหว่างทางที่เดินไป มีการจัดพื้นที่แบบเล่นระดับ ใช้วัสดุประเภทหินที่เป็นวัสดุธรรมชาติ บวกกับการปูหญ้าตามขั้นบันได เพื่อให้ทางเดินไม่ดูแข็งเกินไป
ตรงกลางที่เชื่อมระหว่างตึกด้านหน้าและด้านหลังของโครงการ คือ อาคาร Lobby ขนาดใหญ่ ที่ใช้เป็นส่วนต้อนรับลูกบ้าน และพื้นที่ตรงนี้ใช้เป็นจุด Drop-off สำหรับรับ-ส่ง, ขนกระเป๋า หรือ Check-in ด้วย
กำแพงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของ Lobby มีการเจาะช่องแนวตั้งห่างๆกันเป็นจังหวะ เพื่อฝั่งหลอดไฟไว้ด้านใต้และส่องสว่างในเวลากลางคืน
เมื่อเข้ามาใน Lobby จะเห็นว่าตัวอาคารเป็นอาคารชั้นเดียวแต่ยกเพดานสูงแบบ Double Volume ให้เกิดความโอ่อ่า ผนังโดยรอบของตัว Lobby ใส่เป็นประตูกระจกทั้งหมด เพื่อให้สามารถเปิดออก รับลมทะเลและแสงธรรมชาติได้รอบด้าน
ภายในมีการวางชุดโต๊ะเก้าอี้ ให้กระจายกันอยู่ สามารถใช้พร้อมกันได้หลายจุด ตัวล็อบบี้ตกแต่งสไตล์ร่วมสมัย แต่มีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบเตี้ยๆ ไม่ให้บังวิวที่อยู่รอบๆ และเน้นใช้วัสดุธรรมชาติ
ติดกับด้านหลังของ Lobby จะเป็นสระบัวที่วางเป็นแนวยาวตลอดความยาวของตัวอาคาร และถูกยกระดับให้สูงเท่ากับระดับของพื้นอาคาร สร้างความรู้สึกให้คนที่นั่งอยู่ภายในได้อยู่ใกล้กับน้ำที่เปิด Flow ให้ไหลเวียนตลอดเวลา
การตกแต่งภายใน เลือกใช้วัสดุธรรมชาติพวกไม้, หิน และผ้า เป็นหลัก ตามคอนเซปท์ที่เน้นความใกล้ชิดธรรมชาติและตัดความเป็น Urban ออกไป เพื่อสร้างบรรยากาศแบบ Retreat ให้กับผู้อยู่อาศัย
ดีเทลการเลือกใช้วัสดุปูพื้น, หุ้มเสา, ประตู รวมถึงลวดลายที่ตั้งใจให้เกิดขึ้น
ในยามเย็น เมื่อแสงอาทิตย์ส่องลอดเข้ามาในตัวโถงล็อบบี้ จะเกิดเงากระทบกันไปมา สร้างบรรยากาศในอีกแบบหนึ่ง
ส่วนสระบัวที่วางอยู่ติดกับ Lobby นั้น นอกจากช่วยสร้างบรรยากาศภายใน Lobby แล้ว เมื่อมองจากภายนอก ก็สามารถสร้างความสวยงามให้กับตัวอาคารได้เหมือนกัน
เมื่อถอยออกมาหน่อย เราจะเห็นการเชื่อมต่อของอาคาร Lobby ทางซ้าย, กำแพงสีดำทางขวา, และต้นลีลาวดีในสระบัวที่อยู่ตรงกลางเป็นจุดสนใจ โดยมีอาคาร B วางเป็นฉากหลัง
และเมื่อแหงนมองดูตึกจากมุมนี้ ก็จะได้มุมมองที่แปลกตาดีเหมือนกัน
จากบริเวณสระบัว เดินต่อออกมาจะเจอกับส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำด้านใน ที่ไม่ได้อยู่ติดหาดแต่จัดออกมาเป็นพื้นที่แบบ Private นั่งชิลริมสระน้ำ หรือมาเล่นน้ำกับเพื่อนฝูง
การตกแต่งบริเวณสระนี้จะออกแนวโมเดิร์นกว่าส่วนอื่นๆ สังเกตได้จากลักษณะของสิ่งก่อสร้างในสระน้ำ ที่เน้นเหลี่ยม เน้นมุมมากขึ้น มีการใช้วัสดุที่มีความเงา อย่างอลูมิเนียม, สเตนเลส หรือหินแกรนิต
ลักษณะการออกแบบของสายน้ำ และน้ำตก ยิ่งทำให้ดูโมเดิร์นยิ่งขึ้น
ขั้นบันไดและสไลเดอร์ที่หุ้มด้วยหิน ใช้ราวจับเป็นเหล็ก กับกำแพงหินสีดำด้านหลัง ทำออกมาได้กลมกลืน เนียนตาไปกับการตกแต่งในส่วนอื่นๆ
พื้นที่นั่งเล่นริมสระน้ำ วาง Daybed สีขาวเอาไว้ เล่นสีตัดกับกำแพงสีเทาเข้มด้านหลัง ซึ่งมีเงาของต้นลีลาวดีตกกระทบลงไป เกิดเป็น Pattern ที่สวยงามและแปลกตา
Top View ของสระว่ายน้ำส่วนด้านหลังนี้ เมื่อมองลงมาจากบนตึกจะเห็นการเชื่อมต่อกันของพื้นที่ต่างๆที่น่าสนใจดี รวมถึงการเล่นสี Two-Tone มืด-สว่าง ที่ยังไม่หลุดคอนเซปท์
ห้องกระจกที่เห็นในภาพ เป็นส่วนของห้องฟิตเนสบนตึก B ที่ใช้กระจกรอบด้าน เพื่อให้มองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้ขณะออกกำลังกายไปด้วย
จากมุมสระว่ายน้ำ มองขึ้นไปบนฟ้าเราจะเห็นตึก A และตึก B อยู่คู่กันในลักษณะนี้ได้ เดี๋ยวเราจะค่อยๆไปดูกันครับว่า ในตึกจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
ต่อมายังส่วนใต้ตึก ห้อง Library วางอยู่ชั้นล่างของตึก B จัดออกมาเป็นมุมอ่านหนังสือ ออกแนว Cozy สบายๆ
ด้วยผนังกระจกรอบๆ ทำให้ห้องนี้มีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้เต็มที่ พร้อมกับคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างใน ก็ไม่อึดอัด นั่งชมวิวภายนอกได้ด้วย
ขึ้นมาที่ชั้น 26 ของตึก A จะมีส่วนที่เป็นลาน BBQ สำหรับนั่งเล่น หรือ นั่งทานอาหารด้วยกัน ชมวิวทะเลไปพร้อมๆกันได้
บนชั้นเดียวกันนี้ ยังมี Sky Private Lounge ที่จัดออกมาเป็นพื้นที่ Indoor สำหรับนั่งชมวิวทะเลพัทยาด้วย
ตัวห้อง Sky Lounge จะมีบานกระจก Bay Window แบบ 180 องศา ทำให้เราสามารถรับวิวชายหาดฝั่งบางสะเหร่ได้ยาวตลอดแนว มานั่งชิลตรงนี้ได้ตลอดเวลาเลย
ขึ้นมาที่บนห้องกันบ้าง ภายในห้องที่เราไปดูนี้ จะตกแต่งออกแนววินเทจหน่อยๆ มีการใช้ผนังสีขาวตลอดทั้งห้อง และตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และ Props สไตล์วินเทจ แต่ไม่จ๋ามากเพื่อให้ Element หลักๆ ยังคงความร่วมสมัยอยู่
ในตอนเย็น แสงแดดจะส่องเข้ามาในห้อง ให้เกิดโทนสีส้มที่ดูอบอุ่นมากขึ้น และเพิ่มความโรแมนติกให้กับห้องมากขึ้น
แจกันวินเทจประดับด้วยดอกไม้แห้ง มีสีสันและลวดลาย สอดคล้องกับปลอกหมอนที่วางอยู่บนโซฟาด้านหลัง ที่ตั้งใจวางให้เข้ากัน
ห้องนอนเล็ก แต่งให้ดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เพิ่มดีกรีความเป็นวินเทจมากขึ้น และดู Antique ยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนห้องนอนใหญ่เป็นห้องที่เป็นไฮไลท์เลย เนื่องจากเป็นห้องที่มีกระจก Bay Window แบบ 180 องศา นอนรับวิวทะเลพัทยาได้จากบนเตียงเลย
ตัวผนังกระจกนี้จะอยู่ในตำแหน่งที่เป็นมุมของตึกพอดี ทำให้สามารถรับวิวทะลได้กว้างมาก สามารถรับวิวได้ต่อเนื่องไปจนถึงระเบียงที่อยู่ด้านข้างของห้องนอน ในยามที่พระอาทิตย์ตก เราก็สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกจากตรงนี้ได้เลย
เราสามารถมองผ่านกระจกในห้องนอนออกมา เพื่อมองเห็นวิวฝั่งหาดบางสะเหร่ตรงนี้ได้
ในห้องอีกห้องหนึ่ง จะแต่งออกมาแนว Contemporary กว่าห้องแรก พวกเฟอร์นิเจอร์ และ Props ต่างๆ จะไม่ได้ออกแนววินเทจแบบห้องที่แล้ว เน้นสีขาวและฟ้าเป็นหลัก
ที่ผนังตรงกลางห้องติด Wallpaper ลายอิฐ เพื่อ Break อารมณ์ และลดความฟรุ้งฟริ้งของห้องลงบ้าง ให้ดูขรึมขึ้นนิดหน่อย ไม่หวานแหววจนเกินไป
ผนังสีฟ้าด้านนี้ วางตู้เก็บของทีมีหน้าบานสีอ่อน แต่ประดับด้วย Props ต่างๆที่ใช้สีเข้มทั้งหมด ดูแล้วเป็นคู่สีที่ตัดกัน เข้ากันดี
ห้องนอน Master Bed ของยูนิตนี้ก็จะได้ผนังกระจก Baywindow อีกเช่นเดียวกัน แต่วิวที่ได้จะเป็นฝั่งหาดจอมเทียนทางทิศเหนือ
ตัวผนังกระจกนั้นจะไม่ได้ตั้งฉากกับพื้น แต่จะเอียงนิดๆ เพื่อให้คนที่อยู่ในห้อง สามารถมองวิวมุมก้ม และมุมเงย ไปยังวิวด้านล่างและบนฟ้าได้อย่างเต็มที่ แบบไม่มีอะไรเกะกะ
เมื่อมองออกไปด้านนอก จะเห็นวิวทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตาเลย เพราะนี่คือชั้น 45 ของตึก A
ในยามที่พระอาทิตย์ตก วิวของห้องนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งวิวที่หาได้ยากของพัทยา เนื่องจากการดีไซน์ผนังกระจกแบบให้รับวิวได้เต็มๆแบบนี้
และเมื่อแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้อง ก็จะเกิดแสงเงาเป็นลวดลายขึ้นมาด้วย ตามลักษณะของกรอบกระจก และการวางเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ปลายเตียง
แม้แต่ห้องน้ำ Master ยังมีส่วนที่เป็นหน้าต่างขนาดใหญ่ เปิดรับวิวทะเลพอดี นอนแช่น้ำดูวิวจากบนห้องได้เลย
เวลายืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ เราจะเห็นวิวทะลที่ต่อเนื่องมาจากห้องนอนแบบนี้ได้เลย
เมื่อมองลงไปจะสามารถมองเห็นโค้งของชายหาดจอมเทียนได้จากตรงนี้เลย
วิวฝั่งจอมเทียนนี้ ด้วยความที่ตึกนี้อยู่สูงกว่าตึกรายล้อมอยู่พอสมควร ในชั้นสูงๆเราแทบจะสามารถมองข้ามตึกข้างเคียงไปเห็น City Veiw แบบที่มีเส้นขอบฟ้าได้เต็มๆ ไม่มีอะไรบังเลย
ห้องนอนเล็ก ก็มีหน้าต่างสำหรับรับวิวทะเลเช่นเดียวกัน ถึงแม้จะบานไม่ใหญ่มาก
นอกเหนือจากวิวของห้องนอนแล้ว จุดที่เป็นไฮไลท์หลักสำคัญอีกอย่างหนึ่งของห้องคือระเบียง ที่ยาวเกือบจะตลอดแนวของตัวห้อง และเป็นระเบียงทรงโค้ง ที่เปิดรับวิวทะเลและพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า
ความโค้งของระเบียงที่ยื่นออกมาและเว้าเข้าไปสลับกันไปมาในแต่ละชั้น ทำให้เราสามารถมองวิวทะเล ที่เห็นท้องฟ้าในมุมเงย และเห็นชายหาดในมุมกดแบบนี้พร้อมๆกันได้ ราวกันตกที่เป็นกระจก ก็จะไม่มาบดบังทัศนีย์ภาพเบื้องล่างของเราด้วย
วิวอีกฟากหนึ่ง เราจะมองเห็นโค้งของหาดบางสะเหร่และเนินเขา ที่โค้งไปตามแนวเส้นขอบฟ้า
เมื่อพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า เรากลับลงมาที่สระว่ายน้ำด้านหน้าหาดอีกครั้ง เพื่อเก็บบรรยากาศยามเย็น
วิวจากห้องฟิตเนสที่อยู่บนชั้น 2 ของตึก A สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำด้านหน้าทั้งหมด พร้อมๆกับพระอาทิตย์ตกด้วย
แสงอาทิตย์กระทบกับห้อง Cigar Lounge ที่อยู่ปลายสุดของสระน้ำ
บรรยากาศยามเย็นภายใน Cigar Lounge เหมาะกับการมานั่งผ่อนคลาย จิบเครื่องดื่มตรงนี้จริงๆ
หรือเราจะขึ้นมานอนชิลบนชั้นสองของอาคารเล็กๆตรงนี้ก็ได้
ปิดท้ายด้วยแสงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าตกลงไปในผืนทะเลแห่งนี้ และเป็นการปิดฉาก Point of View ของ Reflection พัทยา …
ขอขอบคุณช่างภาพทุกคนค่ะ
คุณจักริน ฉันทนารุ่งภักดิ์ (อุ้ย) : Gallery ETC
คุณบูม ธริศร : Tharis
คุณแนน : Fotografier Nan