รีวิวโครงการ
The Sneak EP.170 : Whizdom Inspire Sukhumvit
13 พฤศจิกายน 2022
สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีรีวิว Whizdom Inspire Sukhumvit (วิสซ์ดอม อินสปาย สุขุมวิท) มาฝากกัน โครงการนี้เป็นคอนโดตัวสุดท้ายใน 101 True Digital Park แล้วค่ะ ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือเป็นหนึ่งในโปรเจค Mixed-use ขนาดใหญ่ ที่มีสำนักงาน และ Community Mall อยู่ภายใน โดยราคาเริ่มต้นปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 ล้านบาทบนพื้นที่กว่า 5 ไร่ 1 Bedroom 31.87 – 33.82 ตร.ม. โครงการนี้มีจุดสนใจอะไรบ้างมาดูกันค่ะ
- ความสะดวกสบาย : คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการมีบ้านติดห้างนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการหาของกิน ของใช้ หาร้านกาแฟนั่งทำงาน เล่นฟิตเนส หรือจะทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ก็ถือว่าครบครันอยู่เพียงหน้าบ้านเราเท่านั้น
- ใกล้รถไฟฟ้า : จาก 101 True Digital Park จะมี Skywalk เดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าเลย เป็นเส้นทางที่เดินง่าย มีหลังคาปกคลุม
- สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ : ภายในโครงการออกแบบมาในธีม “Experiencers” พื้นที่ส่วนกลางตกแต่งบรรยากาศเหมือนให้เราได้เดินเขาไปยัง Basecamp หรือว่าได้ออกไป Camping นอกบ้าน นอกจากนี้ก็จะมีสระว่ายน้ำที่ยาวถึง 39 เมตร, ที่จอดรถที่มีถึง 69% (สูงกว่าคอนโดใกล้รถไฟฟ้าส่วนใหญ่เลย) และมีสวนขนาดใหญ่ 1.5 ไร่ ทางด้านในดูร่มรื่นค่ะ
- ห้องหน้ากว้างขนาดใหญ่ : ห้องทุกแบบของที่นี่จะเป็นห้องหน้ากว้าง และเน้นไปที่ห้อง 2 Bedroom เป็นหลัก มีทั้งแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ครอบครัวเริ่มต้นที่ตัดสินใจซื้อคอนโดอยู่แทนบ้าน งบไม่เกิน 10 ล้านบาทก็ซื้อได้ค่ะ
ต้องบอกว่าโครงการนี้ไม่ได้มีจุดเด่นเรื่องราคาที่ถูกกว่าที่อื่นนะ แต่ถือเป็นโครงการที่ได้คุณภาพของโครงการและการบริการที่พิเศษกว่าโครงการทั่วไปค่ะ เพราะนอกจากตัวห้องที่เราได้ (Product) แล้ว ยังมีการบริการอื่นๆ (Services) เช่น 30 years Warranty, สมาชิก Whizdom Club ที่เข้าไปใช้ Co-working Space ได้ หรือ แคมเปญบางอย่างที่จัดให้เป็นพิเศษ เช่น “Bright Start Breakfast” จัดชุดอาหารเช้าให้ลูกบ้านในวันทำงาน เป็นต้น
รายละเอียดอื่นๆ ของที่นี่จะเป็นอย่างไรบ้างไปอ่านรีวิวกันต่อเลยค่ะ
ติดต่อเยี่ยมชมโครงการ
โทร 1265
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ https://mqdc.link/3bCD8oQ
LINE@ Add Friends >> https://lin.ee/nAyXCyu or @whizdominspire
ข้อมูลโครงการ
Whizdom Inspire Sukhumvit (วิสซ์ดอม อินสปาย สุขุมวิท) ณ วันที่ 20 June 2022
ชื่อโครงการ | Whizdom Inspire Sukhumvit (วิสซ์ดอม อินสปาย สุขุมวิท) |
ชื่อผู้ประกอบการ | Magnolia Quality Development Corporation Limited |
SEGMENT CLASS | HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนสุขุมวิท เขตพระโขนง |
ที่ดิน | 5 – 3 – 75 ไร่ |
ประเภทคอนโด | High Rise 46 ชั้น |
จำนวนยูนิต | 554 ยูนิต + ร้านค้า 2 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 15 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 346 คัน คิดเป็น 62% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) รวมจอดซ้อนคัน สามารถจอดได้ 385 คัน หรือคิดเป็น 69% |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2017 |
สร้างเสร็จ | ปี 2019 |
1 Bedroom | พื้นที่ใช้สอยภายใน 31.87 – 33.82 ตร.ม. |
2 Bedroom | พื้นที่ใช้สอยภายใน 46.76 – 65.24 ตร.ม. |
Duplex | พื้นที่ใช้สอยภายใน 95.3 – 98.2 ตร.ม. (Sold Out) |
3 Bedroom | พื้นที่ใช้สอยภายใน 122.2, 186.9 ตร.ม. (Sold Out) |
ราคาเริ่มต้น | 4.5 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 167,000 บาท/ตร.ม. |
ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) | n/a |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | ผ่านแล้ว |
เว็บไซต์โครงการ | https://mqdc.com/whizdom/inspire/registration |
Call Center | 1265 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.685058 , 100.611804
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
101 True Digital Park เป็น Mixed-use Project ที่ตั้งอยู่ติดกับถนนสุขุมวิท อยู่ระหว่างรถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถี และ สถานีอุดมสุข ซึ่งโครงการ Whizdom Inspire Sukhumvit จะเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ใน Mixed-use Project นี้นี่เองค่ะ
การเดินทาง : ตัวถนนสุขุมวิทนั้นเป็นถนนเส้นสำคัญที่ใช้เดินทางเข้า-ออกใจกลางเมืองได้ค่ะ จากถนนสุขุมวิทเองสามารถวิ่งเข้าพระราม 4, เอกมัย, ทองหล่อได้สะดวก หรือจะไปยังโซนบางนาก็ง่าย อีกทั้งจะมีตัวเลือกเรื่องทางด่วนให้ใช้งาน จากโครงการสามารถไปขึ้นตรงบางนาก็ได้ หรือจะไปขึ้นบริเวณสุขุมวิท 62 หรือสุขุมวิท 50 ก็สะดวกค่ะ นอกจากนี้บนถนนสุขุมวิทเองก็จะเป็นเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าผ่าน เป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งถือว่าเป็นเส้นหลักที่คนวัยเรียน หรือว่าวัยทำงานใช้งานกันเป็นประจำ ซึ่งจากโครงการเองก็สามารถเดินไปใช้งานรถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถีได้ โดยมี Skywalk ให้ใช้งาน เรียบร้อย ปลอดภัยดีค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ : สำหรับทำเลโซนนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนเรามองว่าบริเวณอ่อนนุชจะมีความอุดมสมบูรณ์อย่างตลาด ห้างสูงมาก แต่ถ้าเป็นปัจจุบัน โครงการ 101 True Digital Park นี้เองถือว่าเป็นหนึ่งในความอุดมสมบูรณ์ที่สามารถดึงดูดคนในละแวกให้มาใช้งานได้ มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ธนาคาร ฟิตเนส สำนักงานและ Co-working space ครบครัน ครบจบในตัว สามารถใช้ชีวิตตรงนี้ได้สบายๆ เลยค่ะ
101 True Digital Park
101 True Digital Park จะเป็นโครงการ Mixed-Use ที่ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานและร้านค้า และมีคอนโดมิเนียมอีก 3 โครงการรวมไว้ในที่เดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็น Mixed-use project ที่แตกต่างจากที่อื่น เนื่องจากโครงการที่เราเห็นกันส่วนใหญ่อาจจะออกแบบให้ 1 อาคารมีหลายฟังก์ชันรวมกัน หรือว่าโครงการที่เป็นอาคารสำนักงานและร้านค้ารวมกัน หายากที่จะมีคอนโดมิเนียมถึง 3 โครงการอยู่ด้านใน ซึ่งการออกแบบนี้เรามองว่าค่อนข้างมีประโยชน์กับคนที่มาซื้อคอนโดที่นี่นะคะ เพราะจะได้ความสะดวกสบายของอาคาร Mixed-use ทางด้านหน้า แต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัวเนื่องจากที่ดินของคอนโดมิเนียมจะแยกตัวออกมา คนนอกไม่สามารถเข้าได้ และนี่เองก็เป็นจุดเด่นหนึ่งของ Whizdom Inspire Sukhumvit นี้ค่ะ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม >> 101 True Digital Park
ในปัจจุบันภาพรวมของ 101 True Digital Park ที่สร้างส่วนต่อขยายในเฟส 2 นั้นก็สร้างเสร็จเกือบ 100% แล้ว โดยจะมีเฟสใหม่ ที่ใกล้จะได้เปิดให้ทดลองใช้งานกันปลายปีนี้ค่ะ เมื่อเฟสนี้เสร็จน่าจะทำให้โครงการนี้สมบูรณ์และดูยิ่งใหญ่ขึ้นอีกด้วยนะคะ
วันที่เราไปรีวิว ตัวเฟส 2 ของ 101 True Digital Park นี้ก็เปิดให้เราได้เห็นหน้าตาอาคารแล้ว ซึ่งดูเก๋ไม่แพ้เฟสแรกเลยค่ะ มีทางเชื่อมจากทั้ง Skywalk ไปยังรถไฟฟ้า และมีทางเชื่อมจากเฟส 1 มาด้วย คาดว่าน่าจะได้เปิดให้ลองใช้งานกันภายในปี 2022 นี้นะคะ
101 True Digital Park
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- True Digital Park ~ 0
- The Phyll ~ 4.3 km.
- Tesco Lotus อ่อนนุช ~ 4.6 km.
- Central บางนา ~ 4.6 km.
- Century Movie Plaza ~ 6 km.
- Gateway เอกมัย ~ 6.8 km.
- Mega Bangna ~ 10.2 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 2 ~ 1.3 km.
- โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ~ 5 km.
- โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์ ~ 5.1 km.
- โรงพยาบาลสุขุมวิท ~ 7.4 km.
โรงเรียน
- Anglo-Singapore International School ~ 700 m. (ระยะเดิน)
- Berkeley International School ~ 2.4 km.
- Bangkok Pattana School ~ 5.5 km.
สถานที่อื่นๆ
- BTS สถานี ปุณณวิถี ~ มี Skywalk เชื่อมจาก 101 True Digital Park ประมาณ 350 m.
รายละเอียดโครงการ
Whizdom Inspire Sukhumvit (วิสซ์ดอม อินสปาย สุขุมวิท) คอนโดมิเนียม High Rise สูง 46 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 5-3-75 ไร่ เป็นส่วนหนึ่งของ Mixed-use Project อย่าง 101 True Digital Park โครงการนี้ถือเป็นคอนโดมิเนียมตัวสุดท้ายภายใน Mixed-use แห่งนี้ก็ว่าได้และเหลือขายไม่ถึง 30% แล้วค่ะ
แนวความคิดในการออกแบบโครงการนี้จะมาในธีม “Experiencers” ซึ่งมาจากคาแรกเตอร์ของนักเดินทาง นักสะสม สายครีเอทีฟ ส่งผลให้ในการออกแบบจะออกมาในสไตล์ “Modern Loft Contemporary” อย่างตัวอาคารก็จะมีการใช้เลือกใช้วัสดุที่ได้สัมผัสแบบธรรมชาติ หรือว่าวัสดุที่เห็นเนื้อแท้แบบไม่ได้ทำสีเพิ่ม อย่าง Facade ที่เอาแผ่น Aluminium Composite โทนสี Copper (ทองแดง) มาฉลุหรือว่าหินมาใช้ ส่วนในการออกแบบภายในก็มีคอนเซปต์การออกแบบส่วนกลางที่สื่อถึงธีม “Experiencers” นี้ด้วย โดยจะจำลองชั้นส่วนกลางต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับผู้อยู่อาศัย ได้เหมือนไปท่องเที่ยว ผจญภัยเดินเขา ตั้งแคมป์กัน
Facility
- Ground Floor : [Basecamp] Lobby area / Reception Hall / Co-working / Meeting room / Private learning centre / Multi-Purpose room / Parking / Garden
- 2nd – 5th Floor : Parking
- 6th Floor : [Bird Nest] Swimming pool / Fitness / Sauna / Kids room
- 31st Floor : [Camping] Skycamp Lounge /Pantry bar
Residential
- 6th – 42nd Floor : Typical Floor
- 43rd – 46th Floor : Duplex & Penthouse (Sold out)
รอบตัวอาคาร
ที่ดินของโครงการจะมีขนาดเกือบ 6 ไร่ แต่ตัวอาคารจะไม่ได้ก่อสร้างเต็มพื้นที่ดินค่ะ โดยจะเป็นอาคาร 1 อาคารใกล้กับทางเข้า-ออก มีการแบ่งพื้นที่จอดรถรอบๆ อาคารและภายในอาคาร รวมไปถึงมีสวนขนาดประมาณ 1.5 ไร่อยู่ท้ายโครงการ
ทางเดินรถ – หลักๆจะเป็นการวนรถทางเดียวแบบ one way รอบอาคาร โดยจะแบ่งพื้นที่จอดรถเป็นส่วนๆ มีทั้งรอบอาคารแบบกลางแจ้ง รองรับแขกหรือผู้มาติดต่อ ภายในอาคารชั้น 2-5 (มีไม้กั้นกระดก) เหมาะกับลูกบ้านผู้อยู่อาศัยในโครงการ และมีใต้อาคารชั้น 1 ซึ่งโซนนี้จะมีจุด EV charger เอาไว้ให้ ซึ่งปริมาณที่จอดรถที่ให้มานั้น เมื่อรวมจอดซ้อนคันก็จะมีถึง 69% เลย ถือเป็นอัตราส่วนที่เยอะเลยนะคะ สำหรับคอนโดที่สามารถเดินไปรถไฟฟ้าได้แบบนี้
สวน – จุดที่น่าสนใจอีกเรื่องคือส่วนที่อยู่ท้ายโครงการ พื้นที่ตรงนี้มีขนาดประมาณ 1.5 ไร่ อยู่ในตำแหน่งที่ได้ความ Private พอสมควรเลย โดยพื้นที่สวนนี้จะอยู่ติดกับสวนของโครงการ Whizdom ก่อนหน้าอีก 2 โครงการ อันที่จริงเราไม่สามารถเดินเข้าไปใช้งานสวนของโครงการข้างๆ ได้ แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ติดกันทำให้เราได้เสพย์ความร่มรื่นทางสายตา และบรรยากาศของต้นไม้ที่ต่อเนื่องหนาแน่น จนมีผีเสื้อ มีนกมาอยู่อาศัยด้วยค่ะ
ทางเข้าโครงการ จะอยู่ด้านหลัง 101 True Digital Park ค่ะ ซึ่งถนนตรงนี้สามารถวนเข้า-ออก ได้ทั้งซ้ายและขวานะคะ โดยทางเข้าจะแยกทางเดินรถกับทางเดินเท้าออกจากกัน คนที่ขับรถเข้า-ออกจะต้องใช้ Keycard ในการเข้า-ออก หรือว่าติดต่อกับรปภ.เพื่อแลกบัตร สำหรับแขกที่มาเยี่ยมเยียน
ในส่วนทางเดินเท้านั้นเราชอบที่มีการขีดเส้นทางม้าลายเล็กๆสำหรับคนเดินเอาไว้ให้ ดูปลอดภัยดีค่ะ
สองฝั่งทางเข้ามีต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่นดีนะคะ ช่วยพรางทางเข้าตัวอาคารที่อยู่ด้านในด้วย
ชั้น 2-5 เป็นส่วนของพื้นที่จอดรถค่ะ โดยการออกแบบทางฝั่งด้านหน้าจะนำเอาโทนสีทองแดง (Copper) มาใช้เป็นเอกลักษณ์ของอาคารนี้ค่ะ
ทางขึ้นที่จอดรถจะอยู่ด้านข้างอาคารค่ะ พื้นที่ชั้น 2-5 จะต้องใช้ Keycard scanเข้าที่จอดรถอีกครั้งนะคะ
PARK
สวนขนาด 1.5 ไร่ภายในโครงการค่ะ ตรงนี้มีต้นไม้หลากหลายพันธุ์ และมี Jogging track ให้มาวิ่งหรือว่าเดินออกกำลังกายภายในสวนได้ นอกจากนี้ก็จะมีพื้นที่นั่งพักผ่อน และ Playground รองรับครอบครัวที่มีลูก ให้ส่วนนี้เป็นพื้นที่ที่ลูกได้มาวิ่งเล่น เดินเล่น ใกล้ชิดกับธรรมชาติค่ะ โดยตำแหน่งนี้จะไกลจากถนนใหญ่และส่วนที่เป็นร้านค้า commercial พอสมควร อากาศดูบริสุทธิ์ ไกลจากมลภาวะ ฝุ่น ควันจากถนนค่ะ
เรื่องสวนในโครงการเราอยากจะเล่าเพิ่มนิดนึงนะคะ ในการออกแบบสวนของ Whizdom ทั้ง 3 โครงการนั้นจะมีการออกแบบให้สวนอยู่ตำแหน่งที่ต่อเนื่องกันไปค่ะ เพื่อให้ภาพรวมของสวนนี้มีขนาดใหญ่จนสามารถมีระบบนิเวศน์ย่อมๆ ภายในตัวได้ เชื้อเชิญให้สัตว์เล็กๆ อย่างนก หรือ กระรอกมาอยู่ ถึงแม้ว่าเราจะอยู่หรือเดินเล่นได้เฉพาะสวนที่อยู่ในโครงการตัวเอง แต่เราก็สามารถสัมผัสกับบรรยากาศโดยรวมและมองเห็นต้นไม้ที่ต่อเนื่องกันไปยังโครงการข้างๆได้นะคะ
บรรยากาศสวนภายในโครงการ
วิวจากสวนภายในโครงการ จะเห็น Whizdom ทั้ง 3 โครงการ
1st floor
มาดูฟังก์ชันภายในอาคารกันค่ะ ที่ชั้น 1 นี้จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด แต่ก็จะมีแบ่งโซนไว้เป็นส่วน Service และงานระบบอาคารประมาณครึ่งหนึ่ง ส่วนพื้นที่ส่วนกลางด้านในอาคารจะจัดไว้เป็นฟังก์ชันสำหรับนั่งรอและโซนสำหรับนั่งทำงาน เรียน อ่านหนังสือ และประชุมเป็นหลักค่ะ
โดย Concept ของชั้นนี้คือ “Basecamp” เหมือนกับการปีนเขา Everest มีการเล่นระดับของพื้นที่ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากส่วนแรกของอาคารที่เป็น Lobby Area ตั้งแต่เข้ามาเลย ในการเล่นระดับของพื้นที่ตรงนี้สร้างความว้าวให้กับเราพอสมควรเลยค่ะ เพราะเป็นส่วนแรกที่เห็น และสามารถมานั่งเล่นใช้งานได้จริง โดยจะมีการจัดพื้นที่นั่งเล่นที่กระจายตัวออกจากกัน และด้วยความที่ระดับแตกต่างกัน แม้จะหันหน้าออกนอกอาคาร จุดที่เรานั่งก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าคนเดินเข้า-ออก ทำให้ได้มุมส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
Lobby area
บริเวณนี้จะมี Kiosk เล็กๆ อยู่ 1 จุดค่ะ ตรงนี้เป็นสิทธิพิเศษที่ทาง Whizdom มอบให้ลูกบ้าน เป็น Campaign ที่ชื่อว่า “Bright Start Breakfast” คือจัดชุดอาหารเช้าให้กับลูกบ้านในวันทำงาน ใครที่ต้องตื่นเช้าแล้วไม่มีเวลาทำอาหาร ก็สามารถ Grab&Go to work ได้เลย เป็น privilege ที่น่ารักดีนะคะ **** เงื่อนไขเป็นตามที่บริษัทกำหนด
พื้นที่ต่อมาเป็น Reception Hall ค่ะ ดูโอ่โถงอยู่นะคะ มีพื้นที่นั่งคอย ตกแต่งพื้นและผนังด้วยลายหินอ่อน และมีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สีทองแดงมาประกอบ เข้ากับบุคลิกของตัวอาคาร ตรงนี้เหมือนเป็น Transition ไปยังหลายๆ ส่วน คือถ้าไปขวามือจะเป็นห้องน้ำและห้องนิติบุคคล, ถ้าตรงไปจะเป็นลิฟต์โดยสาร และถ้าเลี้ยวไปทางซ้ายมือจะเป็นฟังก์ชันส่วนกลางอื่นๆ ค่ะ
เราขอพามาดูส่วนกลางกันต่อนะคะ ในโซนนี้จะเป็นพื้นที่ที่กั้นแยกเป็นห้องๆ ให้ลูกบ้านได้มานั่งทำงาน ประชุม เรียนออนไลน์ อ่านหนังสือกัน โดยพื้นที่ตรงนี้ก็จะเป็นพื้นที่ใต้ Step ที่เราเห็นบริเวณ Lobby area นั่นเองค่ะ
ในการออกแบบพื้นที่ทำงานหรือเรียนนั้น ส่วนตัวเรามองว่าจุดสำคัญคือความเป็นส่วนตัว และสภาพแวดล้อมที่ช่วยสร้างสมาธิ ซึ่งการแบ่งพื้นที่เป็นห้องย่อยๆ ตรงนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์อยู่นะคะ
ส่วนทางขวามือของทางเดินจะมี Smart Locker อยู่ค่ะ โดยจะเป็นพื้นที่เก็บพัสดุที่เราสั่งของเอาไว้ ในบางครั้งที่เรากลับดึก ทางนิติบุคคลก็จะเอามาวางไว้ใน Locker ตรงนี้พร้อมส่งรหัสไปให้ลูกบ้านห้องนั้นๆ สามารถมารับของได้นอกเวลาทำงานของทางนิติค่ะ
ภายใน Co-working Space จะมีการจัดมุมนั่งทำงานพร้อมกับปลั๊กไฟไว้ให้ใช้งานหลายๆแบบค่ะ มีทั้งมุมที่เหมาะสำหรับนั่งทำงานคนเดียว และโต๊ะใหญ่สำหรับทำงานเป็นกลุ่มได้
ส่วนห้องนี้จะเรียกว่า Private Learning Center เป็นอีกพื้นที่ทำงานที่เหมาะสำหรับการมานั่งเรียนออนไลน์บนโซฟาที่นั่งสบายๆ ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
เมื่อเดินไปสุดทางเดินตรงนี้จะมีฟังก์ชันอยู่ 2 ชั้นค่ะ มี Meeting Room และ Multi-purpose room นะ
ชั้นล่างเมื่อเข้ามาจะเจอกับ Multi-purpose room ก่อน เป็นห้องนั่งเล่น รับรองอีกจุด
โซนนี้เหมาะกับการมานั่งเล่นพักผ่อนแบบสบายๆ ค่ะ ใครที่เรียนหรือประชุมแล้วเหนื่อยก็มานั่งตรงนี้ได้
ถัดเข้ามาด้านในจะมี Meeting room ขนาดใหญ่อยู่ เป็นห้องที่รองรับการประชุมได้มากถึง 20 ที่นั่งเลยค่ะ โดยการออกแบบจะเป็นห้องที่มีฝ้าเพดานสูง ด้านหนึ่งเป็นกระจกที่มองออกไปยัง water feature และต้นไม้ใหญ่ทางหน้าอาคาร ชวนให้บรรยากาศในการประชุมดูผ่อนคลาย
โดยในห้องนี้จะมี Projector เตรียมไว้ให้ด้วย ใครที่ต้องการพื้นที่สำหรับ Presentation หรืออยากซ้อมมือก่อนไป persent กับหัวหน้า, ลูกค้า หรือ อาจารย์ ก็สามารถดึงม่านลงมาปิด และเปิด Projector ใช้ได้ค่ะ
โดยห้องนี้อาจจะต้อง book กับทางนิติบุคคลก่อนใช้นะคะ จะได้ไม่ชนกับลูกบ้านคนอื่นๆ
เดินขึ้นมายังชั้นบน ตรงนี้ก็จะเป็น Meeting room อีกห้องที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อยค่ะ
ห้องนี้ตกแต่งเหมือนเป็นห้องรับรองที่ได้บรรยากาศผ่อนคลายมากขึ้น แต่ก็มีจอทีวีให้ใช้งานอยู่นะคะ
ห้องนี้ดูจะได้ความเป็นส่วนตัวมากสุดด้วยค่ะ สำหรับตรงนี้เรามองว่าถ้าใครจะจ้างช่างแต่งหน้าเวลาออกงาน ก็น่าจะขอใช้พื้นที่ตรงนี้มาแต่งหน้าได้ด้วยนะ
โดยภายในห้องก็สามารถมองออกไปเห็นโถง Lobby area แบบขั้นบันไดค่ะ โดยการเลือกใช้กระจกอาคารของที่นี่ก็มีจุดที่น่าสนใจอยู่นะ คือจากด้านนอกจะไม่ค่อยเห็นด้านใน แต่จากด้านในอาคารหรือในห้องจะมองออกไปยังภายนอกได้
จบฟังก์ชันส่วนกลางที่ชั้น 1 แล้ว เราขึ้นลิฟต์ไปดูชั้นอื่นกันต่อดีกว่าค่ะ บริเวณโถงลิฟต์นี้ก็ออกแบบให้มีฝ้าเพดานที่สูงนะ ตกแต่งดูหรูหราเช่นกัน มีลิฟต์โดยสารให้ใช้งานถึง 4 ตัวค่ะ
6th floor
พื้นที่ส่วนกลางชั้นต่อมาจะอยู่ที่ชั้น 6 ค่ะ ตัว Concept ที่ชั้นนี้มีชื่อว่า “Bird Nest“ซึ่งประกอบไปด้วยฟังก์ชันแนว Active อย่างสระว่ายน้ำและฟิตเนสให้ลูกบ้านได้มาออกกำลังกายกัน พร้อมกับการจัด Landscape ที่อยู่ในระดับสายตา สามารถออกกำลังกายไปด้วย เห็นพื้นที่สีเขียวชวนสดชื่นไปด้วยได้ค่ะ โดยพื้นที่ส่วนกลางนี้จะลดระดับลงมาจากพื้นชั้น 6 เล็กน้อย แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ มีลิฟต์เล็กๆ เตรียมเอาไว้ให้สำหรับคนที่เดินขึ้นลงบันไดไม่สะดวก
ตัวสระว่ายน้ำจะเป็นระบบน้ำเกลือขนาดยาวถึง 39 เมตร เป็นระยะที่ถ้าใครชอบออกกำลังกายก็มาว่ายน้ำทำระยะได้ ตัวสระจะวางอยู่ทางทิศใต้ ซึ่งเป็นฝั่งที่ไม่มีอาคารสูงอยู่ใกล้ๆ ทำให้ไม่มีอาคารอื่นมองมาเห็นตัวสระ อีกทั้งการที่ออกแบบ vertical garden มาเป็นแนวผนังด้านข้างยาวขนานไปกับสระ สำหรับเรามองว่าช่วยให้ตัวสระดูปิดล้อมเป็นส่วนตัวดีนะคะ
ตัวสระจะมีการออกแบบหลายระดับความลึกค่ะ มี ต้นไม้ใหญ่ปลูกอยู่ด้วย
ที่ปลายอาคารจะมีจุดล้างตัวสำหรับคนที่ใช้งานสระว่ายน้ำซ่อนอยู่ค่ะ และมีสวนเล็กๆ สร้างบรรยากาศร่มรื่นให้กับส่วนกลางที่ชั้นนี้อีกด้วย
บรรยากาศของสวนที่ชั้น 6 มีมุมนั่งเล่นเล็กๆ ท่ามกลางพื้นที่สีเขียว และสามารถชมวิวได้ด้วยค่ะ
ที่ชั้นนี้ก็จะมีห้องน้ำให้บริการอยู่ แยกชาย-หญิง มี Locker ห้องสุขา ห้องอาบน้ำ และห้องซาวน่าอยู่ภายใน
ส่วนฟังก์ชันที่อยู่ภายในอาคารก็จะมีห้องฟิตเนสอยู่ค่ะ
อีกจุดที่น่าสนใจคือ Boxing area ค่ะ เป็นมุมเล็กๆ ให้เราได้มาออกแรงกัน
เป็นพื้นที่ที่เราสามารถจ้าง Trainer ให้มาช่วยเทรนส่วนตัวกันได้ที่คอนโดเลยค่ะ
31st floor
สำหรับ Facility หลักชั้นสุดท้ายจะอยู่ที่ชั้น 31 ค่ะ ตรงนี้จะมาใน Concept “Camping” จำลองประสบการณ์การออกไปตั้ง Camp ริมลำธาร ด้วยการออกแบบที่เป็น Sunken seat บนพื้นที่แบบ Semi Outdoor นอกจากนี้ก็จะมีมุม Pantry Bar รองรับการชวนเพื่อนมาจัดปาร์ตี้กัน โดยมีพื้นที่เตรียมอาหารไว้ให้พร้อมค่ะ
มาถึงชั้นนี้จะเจอกับป้าย Whizdom ขนาดใหญ่อยู่ข้างกำแพงเลย
Sunken Seat ที่เป็นชุดโซฟาลดระดับจากทางเดิน ได้บรรยากาศเหมือนเราตั้ง camp ล้อมวงกับเพื่อนๆ
จุดเด่นของส่วนนี้คือสระน้ำที่ล้อมรอบพื้นที่นั่งเอาไว้ค่ะ เหมือนเราได้นั่งอยู่ริมลำธาร
ส่วนทางเดินด้านข้างก็จะมีมุมนั่งพักผ่อนอีกหลายจุดเลยนะคะ
ส่วนที่เป็น Sunken Seat เองก็จะมีการออกแบบพื้นที่นั่งเล่นไว้หลายรูปแบบค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะมีผังที่ล้อมวงเข้าหากัน ถ้ามีการจัดปาร์ตี้ตรงนี้ก็เหมาะกับการชวนเพื่อนสนิทมานั่งเล่น พูดคุยกันนะคะ
ฟังก์ชันต่อมาคือ Pantry และ Bar ค่ะ จุดนี้ก็จะเป็น Pantry ที่เราสามารถมาทำเครื่องดื่มหรืออุ่นอาหารง่ายๆ
เป็นชั้นที่เหมาะกับการมาจัดปาร์ตี้กับเพื่อนนะคะ โดยเราสามารถชวนเพื่อนมาดื่ม พูดคุยและชมวิวได้เลย
ตรงนี้ก็จะมีมุมนั่งเล่นเพิ่มเติมมาให้ค่ะ
นอกจากนี้ก็จะมีห้องน้ำรองรับการใช้งานที่ชั้นนี้อยู่ด้วยนะ
วิวจากชั้น 31
จากพื้นที่ส่วนกลางนี้จะมองไปยังใจกลางเมืองค่ะ เป็น City view เห็นทั้งถนน ตึกรามบ้านช่องที่อยู่ฝั่งถนนสุขุมวิท เห็นพระราม 4 และเห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
นอกจากส่วนกลางที่อยู่ภายในโครงการแล้ว ลูกบ้านของ Whizdom สามารถเข้าใช้ Whizdom Club ซึ่งเป็น Co-working space ที่อยู่ใน 101 True Digital Park ได้ด้วยค่ะ โดยภายใน Whizdom Club ก็จะมีทั้งโซนทำงาน นั่งทำงานเดี่ยวหรือทำงานกลุ่มได้ มีโซนชวนเพื่อนมาเล่นบอร์ดเกมส์ และก็ยังมีคาเฟ่อยู่ภายในด้วย
บรรยากาศภายใน Whizdom Club
ผังชั้นพักอาศัย
รูปแบบการวางห้องพักจะคล้ายคลึงกันตั้งแต่ชั้น 6 ไปจนถึงชั้น 42 ค่ะ ส่วนชั้น 43-46 จะเป็นห้องขนาดใหญ่ซึ่ง Sold Out ไปเรียบร้อยแล้ว ตัวลิฟต์โดยสารจะถูกวางไว้ตรงกลาง มีใช้งานอยู่ทั้งหมด 4 ตัวและมี Mail Box ของห้องพักอาศัยอยู่ที่ชั้นนั้นๆ เลยค่ะ ถือว่าสะดวกสำหรับลูกบ้านเลยนะคะ ส่วนตัวห้องจะถูกแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ซึ่งจุดนี้เราก็มองว่าน่าสนใจนะคะ เพราะทำให้แต่ละฝั่งมีจำนวนห้องไม่มาก ได้ความเป็นส่วนตัวดี โดยโถงทางเดินหน้าห้องพักอาศัยนั้นก็จะมีหน้าต่างที่ปลายสุดของทางเดินทุกเส้นทาง ตรงนี้ก็ช่วยระบายอากาศและเป็นแสงสว่างให้กับแนวทางเดินด้วยค่ะ
ในชั้นพักอาศัยส่วนใหญ่จะมีห้องพักทั้งหมด 15 ห้อง ถือว่าไม่เยอะมาก และห้องส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ 2 Bedroom ค่ะ สัดส่วนคือ มี 1 Bedroom อยู่ 5 ยูนิตต่อชั้น(เส้นประสีแดงในแปลน) ส่วน 2 Bedroom จะมีอยู่ 10 ยูนิตต่อชั้น นั่นแปลว่าโครงการนี้เน้นขายห้องขนาดใหญ่นั่นเอง
ผังชั้นอื่นๆ
ผังพื้นชั้น 6
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
Ground Floor
- Lobby Area
- Reception Hall
- Co-working
- Meeting Room
- Private-Learning Center
- Multi-Purpose Room
- Smart Locker
- EV Charger
- สวนขนาด 1.5 ไร่
6th Floor
- Fitness
- Swimming Pool ยาว 39 เมตร
- Sauna
- Kids Room
31st Floor
- Skycamp Lounge & Pantry Bar
43rd Floor
- Crystal Cloud
ระบบรักษาความปลอดภัย
- พนักงานรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- CCTV
- Key Card
อื่นๆ
- Warranty 30 ปี : โครงสร้างอาคาร, การรั่วซึมของหลังคา, การรั่วซึมของระบบท่อน้ำและไฟฟ้า, การใช้งานประตูหน้าต่าง
- Whizdom Club : ลูกบ้านสามารถเข้าใช้งาน Whizdom Club ได้
- Privilege อื่นๆ** เช่น สิทธิพิเศษลูกบ้าน Whizdom เมื่อช้อปในร้านค้าใน 101 True Digital Park, บริการอาหารเช้าในวันทำงาน “Bright Start Breakfast” เป็นต้น
** เงื่อนไขเป็นตามที่บริษัทกำหนด
แบบห้อง
ภายในโครงการ Whizdom Inspire Sukhumvit (วิสซ์ดอม อินสปาย สุขุมวิท) นี้จะเน้นไปที่ห้องขนาดใหญ่ จำนวนห้องพักภายในโครงการนี้มากกว่าครึ่งจะเป็นห้องแบบ 2 Bedroom ค่ะ ซึ่งจุดนี้ค่อนข้างแตกต่างไปจากโครงการเปิดใหม่สมัยนี้หรือว่าโครงการ Whizdom ตัวก่อนหน้าใน 101 True Digital Park ด้วยนะคะ ทำให้โครงการนี้เหมาะสำหรับคนที่มองหาที่อยู่อาศัย อาจจะเป็นบ้านหลังที่สอง หรือว่าครอบครัวที่ตัดสินใจเลือกอยู่คอนโดแทนบ้าน เน้นความสะดวกสบาย ใกล้ห้าง ใกล้รถไฟฟ้า ที่นี่ถือว่าตอบโจทย์เลยค่ะ โดยรูปแบบห้องพักในโครงการจะมีรายละเอียดดังนี้
- 1 Bedroom ขนาด 31.87 – 33.82 ตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 46.76 – 65.24 ตร.ม.
- Duplex ขนาด 95.3 – 98.2 ตร.ม. (Sold Out)
- 3 Bedroom ขนาด 122.2, 186.9 ตร.ม. (Sold Out)
ในห้องพักอาศัยทุกยูนิต จะมีรูปแบบการขายเป็นแบบ Fully Fitted ที่มี Built-in ชุดครัว, ชั้นวางรองเท้า, ตู้เสื้อผ้า มาให้ นอกจากนี้ก็จะมีการผสมเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยเพิ่มเข้ามา เช่น ระบบ Home Intelligent ที่เชื่อมสัญญาณเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ภายในห้อง เช่น ไฟ แอร์ ให้เราสามารถเปิด-ปิด ควบคุมผ่าน Application ทางมือถือได้ นอกจากนี้ก็จะมีระบบ Motion Sensor มาในบางจุดที่ต้องการ เช่น ภายในห้องน้ำ เมื่อมีการเคลื่อนไหว ไฟก็จะเปิด-ปิดอัตโนมัติ สะดวกสำหรับคนที่ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำเวลากลางคืนค่ะ
นอกจากนี้ก็จะมีระบบ ERV ที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพอากาศภายในห้อง ระบบนี้จะวัดค่า Co2 ภายในห้องนอน ถ้า Co2 สูงขึ้นในระดับที่ตั้งไว้ ก็จะเติมอากาศใหม่เข้ามาภายในห้องโดยอัตโนมัติ ถือเป็นการถ่ายเทอากาศภายในห้องนอนที่ดีเลยค่ะ เพราะว่าขณะที่เราอยู่คอนโดเรามักจะไม่ได้เปิดประตู/หน้าต่างมากนัก ทำให้อากาศที่เราหายใจเข้า-ออกจะเป็นอากาศเดิมๆ ที่วนเวียนอยู่ ระบบนี้ก็จะช่วยในส่วนนี้ได้
อีกจุดที่ออกแบบมาน่าสนใจคือการวางห้องน้ำค่ะ โดยตำแหน่งห้องน้ำทุกห้องของโครงการนี้จะอยู่ติดกับแนวทางเดิน โดยจะออกแบบให้สามารถซ่อมบำรุงแนวท่อต่างๆ ของห้องน้ำผ่านโถงทางเดินหน้าห้องได้ โดยทางโครงการจะมี 30 years Warranty มาให้ด้วย สิ่งที่เกี่ยวข้องกับภายในห้องพักเราก็เช่น เมื่อมีการรั่วซึมของระบบท่อน้ำและไฟฟ้า หรือการใช้งานประตูหน้าต่างนั้นมีจุดที่รั่วซึม ก็สามารถติดต่อทางโครงการให้ช่วยมาซ่อมได้ค่ะ
สำหรับรีวิวนี้เราจะมีห้องตัวอย่างให้ดูถึง 4 แบบเลยค่ะ โดยเราขอเน้นเจาะลึกไปที่ห้อง 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้น และห้อง 2 Bedroom ขนาดใหญ่สุดอีกห้องนะคะ ส่วน 2 ห้องที่เหลือจะเป็นห้อง 2 Bedroom เช่นกัน แต่เราจะขอลงเป็น Plan ห้องและ Gallery ต่อท้ายทางด้านล่างแทนค่ะ
วัสดุและเทคโนโลยีภายในห้อง
- พื้นห้อง 8 mm. Laminated Floor และ กระเบื้อง homogeneous tile & Ceramic tile
- ประตู Digital Door Lock ของ Yale
- ไฟ LED Downlight
- ห้องน้ำ ใช้สุขภัณฑ์ของ TOTO และ Grohe, ฉากกั้นอาบน้ำ กระจก Tempered หนา 10 มม.
- ชุดครัว Franke, Top เคาน์เตอร์ครัว หินควอตซ์หนา 12 มม.
- ระบบ ERV (Energy Recovery System) วัดค่า Co2 เติมอากาศดีเข้าห้อง
- Home Intelligent จาก Obotron เชื่อมต่อ Application เปิด-ปิดไฟ, แอร์ ได้ และ Motion Sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหว เช่น ไฟห้องน้ำเปิด/ปิด อัตโนมัติ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
โถงลิฟต์ชั้นพักอาศัย
บริเวณโถงลิฟต์ชั้นพักอาศัยมีการออกแบบไฟทางเดิน (lighting) และผนังลายหินอ่อน ทำให้ดูสวยงามหรูหราดีนะคะ
จุดที่น่าสนใจคือ Mail Box ของแต่ละห้องก็จะอยู่ที่โถงลิฟต์ของชั้นพักอาศัยห้องนั้นเลย ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกบ้านและได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วยค่ะ
1 Bedroom
ห้องตัวอย่างแรกที่จะพาไปดูเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้นของโครงการนี้ จะมีขนาดประมาณ 31.60 ตร.ม.ค่ะ จุดที่น่าสนใจคือเป็นห้องหน้ากว้าง ทำให้ห้องนอนเป็นห้องปิดได้ความเป็นส่วนตัว และมีครัวปิดอยู่ติดกับระเบียง ทำให้เวลาทำอาหารสามารถเปิดประตูที่ระเบียงช่วยระบายอากาศกลิ่นและควันภายในห้องครัวได้ค่ะ โดยห้องนี้จะมีชุดครัว ห้องน้ำ ให้มา พร้อมกับชั้นวางรองเท้าข้างๆ ประตูและตู้เสื้อผ้านะคะ เราลองไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่า
ส่วนแรกเมื่อเข้าห้องมาจะเป็น Living area+ Dining area ที่รวมเอาพื้นที่นั่งเล่น+กินข้าวเอาไว้ด้วยกัน ภายในห้องจะมีความสูง 2.7 เมตร วัสดุพื้นเป็นลามิเนตลายไม้ ไฟได้เป็น LED Downlight
ประตูทางเข้าจะติดตั้ง Digital Door Lock และมีโช๊คที่ประตูให้ด้วย เราไม่เจอคอนโดที่ให้โช๊คประตูมานานแล้วนะคะ
พื้นที่ส่วนนี้จะมีหน้ากว้าง 2.6 เมตร และลึกประมาณ 4 เมตรค่ะ ตำแหน่งของทีวีจะไม่อยู่ใกล้กับหน้าต่างภายนอก ซึ่งจะมีข้อดีที่ช่วยลดแสงสะท้อนที่ส่องมาตรงจอทีวีได้ เวลาดูหนังดูทีวีกลางวันก็จะได้อรรถรสดีขึ้นนะคะ
ในห้องตัวอย่างจะจัดโซฟาที่ยาว 2 เมตรเอาไว้ หรือประมาณ 3 ที่นั่งค่ะ ซึ่งเราสามารถเลือกแบบ 2 ที่นั่งแทนได้นะคะ เผื่อใครอยากได้พื้นที่เพื่อเป็นชั้นวางของข้างๆ เพิ่มขึ้น ส่วนระยะระหว่างโซฟากับชั้นวางทีวีจะมีขนาดประมาณ 1.2 เมตร ตรงนี้เป็นระยะทางเดินที่ค่อนข้างกว้างเลย เราสามารถวางโต๊ะหน้าโซฟาด้วยได้ อาจจะลองหาแบบที่เล็กหน่อยหรือว่าเลื่อนเก็บง่ายเพื่อไม่ให้เกะกะขวางทางเดินนะคะ
ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็นชั้นวางทีวีและตู้รองเท้าค่ะ แนวผนังตรงนี้จะมีความกว้าง 1.70 เมตรนะ (เราวัดขนาดเอาไว้ให้ เผื่อใครที่สนใจซื้อห้องนี้จะได้เอาขนาดไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้พอดีกับพื้นที่ค่ะ)
ชั้นวางรองเท้าจะอยู่ติดกับประตูทางเข้าเลย กว้าง 60 cm. ภายในวางรองเท้าหรือเก็บของได้นะคะ อาจจะเอาไว้เก็บพวกอุปกรณ์ช่างสำรองไว้ตรงนี้ได้
พื้นที่ส่วนต่อมาจะเป็นพื้นที่กินข้าวค่ะ อยู่ระหว่างพื้นที่นั่งเล่นกับห้องครัว
ห้องตัวอย่างนี้จะมีพื้นที่กว้างอยู่ประมาณ 1.6 เมตร จัดวางโต๊ะกินข้าวแบบ 2-3 ที่นั่งได้ค่ะ ตรงนี้เรามองว่าเลือกเป็นโต๊ะเหลี่ยมขนาดใหญ่ขึ้นได้ จะได้มีพื้นที่วางกับข้าวเยอะๆ หรือปรับใช้เป็นมุมทำงานได้ สำหรับใครที่ต้องเรียนออนไลน์หรือ Work from home นะคะ
ต่อไปส่วนครัวค่ะ อยู่ชิดติดระเบียงเลย แต่ก่อนจะเข้าไปที่ครัวจะมีพื้นที่เข้ามุมอยู่ระหว่างห้องครัวและห้องนอน มุมนี้หาชั้นวางของมาวางเพิ่มได้ หรือจะเป็นราวแขวนกระเป๋าก็ได้นะคะ มุมนี้มีพื้นที่ประมาณ 50×60 ซม.
มาที่ห้องครัวกันค่ะ ห้อง 1 Bedroom นี้จะได้ครัวปิดชิดระเบียง เป็นแบบเดียวจากห้องตัวอย่างทั้ง 4 แบบที่เราพาไปดูกันในรีวิวนี้เลย โดยห้องนี้จะแบ่งพื้นที่ใช้งานหรือว่าเคาน์เตอร์ครัวออกเป็น 2 ฝั่ง วัสดุพื้นจะเปลี่ยนจากลามิเนตไปเป็นกระเบื้องที่ทนต่อคราบเลอะเทอะ และง่ายต่อการทำความสะอาด
ทางซ้ายมือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวยาวเต็มความลึกของห้อง (ประมาณ 1.5 เมตร) เป็นมุมสำหรับจัดวางเครื่องซักผ้า ล้างจาน และมีพื้นที่เตรียมอาหารอยู่ค่ะ
ต่อจากห้องครัวจะเป็นระเบียงค่ะ เวลาทำอาหารเราเปิดประตูบานเลื่อนตรงนี้ก็จะช่วยระบายอากาศ กลิ่น ควันที่เกินจากการทำอาหารให้ออกไปที่ระเบียงได้นะคะ
พื้นที่ระเบียงจะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยจะมีการแบ่งพื้นที่สำหรับวาง CDU แอร์เอาไว้ มีประตูกั้นเรียบร้อย และมีรูปแบบเป็นระแนงสองฝั่ง ระบายอากาศได้ดีเลยค่ะ ส่วนพื้นที่ระเบียงนั้นถือว่าค่อนข้างกว้างเลยค่ะ ขนาดประมาณ 1.2 x 1.675 เมตร สามารถจัดมุมพักผ่อนที่ระเบียง หรือแบ่งพื้นที่มาปลูกไม้กระถางหรือพืชผักสวนครัวเล็กๆ ได้นะ
ห้องตัวอย่างจะอยู่ที่ชั้น 42 ค่ะ มองออกไปจะเห็นวิวเปิดโล่งทางฝั่งบางนา วิวสวยดีนะคะ
พื้นที่ต่อไปที่จะไปดูเป็นห้องนอนค่ะ โดยห้องนอนที่ได้จะเป็นห้องปิด แยกเป็นสัดส่วน ได้ความเป็นส่วนตัวนะ ในกรณีที่อยู่กันสองคน คนหนึ่งอยากนอนพักผ่อน แต่อีกคนติดซีรีส์พัวพันอยู่ก็แยกห้องกันได้เลยค่ะ ไม่รบกวนกัน
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับตู้เสื้อผ้าก่อน ส่วนพื้นที่สำหรับวางเตียงนอนจะอยู่ทางขวามือ
พื้นที่วางเตียงจะมีความกว้างประมาณ 2.4 เมตร ด้วยขนาดสามารถวางเตียง 5 – 5.5 ฟุตได้นะ แต่ในห้องตัวอย่างจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตเป็นตัวอย่างค่ะ
จุดที่น่าสนใจคือหน้าต่างภายในห้องจะได้แบบใหญ่เต็มความกว้างห้องและสูงเกือบจรดพื้นด้วย แต่จะแบ่งหน้าต่างออกเป็น 2 ฝั่ง ซ้าย-ขวา เพื่อให้ระบายอากาศได้ดีขึ้นค่ะ
พื้นที่ปลายเตียงจะมีมุมสำหรับวางชั้นวางทีวี ขนาดประมาณ 1.50×0.35 เมตร ถ้าใครไม่อยากวางทีวีก็จัดเป็นตู้เก็บของได้นะคะ เราแนะนำให้เลือกแบบบานเลื่อนเพื่อประหยัดพื้นที่ค่ะ
นอกจากนี้ถ้าสังเกตดูที่ฝ้าเพดานด้านบนจะเห็นตำแหน่ง ERV ที่เล่าไป เครื่องนี้จะช่วยแลกเปลี่ยนอากาศเสียออก นำเอาอากาศบริสุทธิ์เข้ามาภายในห้อง เพื่อลดระดับค่า Co2 ช่วยเพิ่งคุณภาพในการใช้ชีวิตหรือการนอนเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
มองกลับเข้าไปทางด้านในจะเป็นห้องน้ำค่ะ โดยจะมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ด้านหน้า โดยตัวตู้เสื้อผ้าจะมีความลึกมากกว่าปกติอยู่ที่ 70 ซม. จุดนี้ก็เป็นส่วนที่ทางโครงการออกแบบมาพิเศษเพื่อแก้ปัญหาเรื่องเวลาแขวนเสื้อผ้าแล้วแขนเสื้อพับหรือยับนะคะ คนที่มีชุดสูทเยอะๆน่าจะชอบตู้ที่ลึกแบบนี้นะ
ขนาดตู้จะกว้าง 1.50 เมตรค่ะ มีช่องทางด้านล่างเผื่อใครนำเอากล่องรองเท้าหรือกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กมาเก็บ ส่วนภายในตู้ก็จะมีราวแขวนหลายระดับ ลิ้นชัก ชั้นวางของ กระจกเงาให้มาครบครัน
มาดูที่ห้องน้ำกันต่อค่ะ ในห้องน้ำจะติด Motion Sensor เอาไว้ให้ด้วย เดินเข้ามาไฟส่องสว่างจะติดโดยอัตโนมัติ เหมาะกับเวลาที่เราตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกเลยค่ะ ส่วนภายในห้องน้ำก็จะแยกพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งเอาไว้ให้ ใช้งานสะดวก สุขภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นของ TOTO และ Fitting ของ Grohe เป็นแบรนด์ที่เกรดดีพอสมควร แต่จุดที่เราชอบคือการเลือกผนังลายหินอ่อนสีเข้ม ดูสวยหรูดีนะคะ นอกจากนี้ห้องน้ำของโครงการนี้จะใช้ระบบน้ำร้อน ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิน้ำได้ดี และมีแรงดันน้ำที่ดีค่ะ
อ่านบทความเพิ่ม > เครื่องทำน้ำร้อนและเครื่องทำน้ำอุ่นแตกต่างกันอย่างไร?
กระจกเงาที่อ่างล้างหน้านี้จะมีการซ่อนไฟไว้แบบที่เห็นเลยค่ะ อ่างล้างหน้าก็จะเป็นแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ดูสวยงาม มีชั้นวางของ Built-in อยู่ใต้เคาน์เตอร์
และทั้งหมดนี้ก็เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้นภายในโครงการ Whizdom Inspire Sukhumvit (วิสซ์ดอม อินสปาย สุขุมวิท) ค่ะ สำหรับเราห้องนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากได้คอนโดทำเลดี และคุณภาพดี เอาไว้อยู่อาศัยนะคะ เนื่องจากโครงการนี้ไม่ได้วาง Position ให้ตัวเองว่าเป็นคอนโดที่ราคาถูก แต่จะเน้นเรื่องคุณภาพและการบริการที่ได้ บนทำเลที่สะดวกสบาย หรือใครที่อยากลงทุนปล่อยเช่าก็ถือว่าน่าสนใจเหมือนกัน ถ้ามองในแง่ Expat ที่มาอยู่ก็น่าจะต้องการเช่าคอนโดที่ใกล้รถไฟฟ้า มีสิ่งอำนวยความสะดวกสูง ซึ่งที่นี่ก็จะตอบโจทย์เช่นกัน (แต่ก็ต้อง Trade off กับราคา Package ที่สูงขึ้นตามมานะคะ) โดยห้องนี้จะมีราคาเริ่มต้นที่ 4.5 ล้านบาท ส่วนห้องตัวอย่างพร้อมตกแต่งที่เราพามาชมกันนี้จะมีราคาอยู่ที่ 5.5 ล้านบาท อยู่ที่ชั้น 42 ซึ่งเป็น High zone ได้วิวสวยอย่างที่เห็นเลยค่ะ
2 Bedroom 2 Bathroom
ห้องต่อมาเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องนี้เรามองว่าทดแทนการซื้อบ้านได้เลยค่ะ โดยตัวห้องจะเป็นห้องหน้ากว้างมาก ได้ Common area ขนาดใหญ่ (Pantry+ Living+Dining) ต่อเนื่องไปกับระเบียง ตัวห้องนอนจะแยกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งห้องมีขนาดกว้าง วางเตียง 5 ฟุตได้แต่ต้องมาใช้ห้องน้ำที่ด้านนอก ส่วนอีกห้องเป็น Master Bedroom ที่ได้ขนาดใหญ่มาก มีพื้นที่ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ x2 เท่าของห้องทั่วไป และได้ห้องน้ำในตัวค่ะ โดยห้องแบบนี้ก็จะได้ครัวปิด ทำอาหารจริงจัง กลิ่น ควันไม่รบกวนพื้นที่ส่วนอื่นค่ะ โดยห้องนี้จะมีราคาราวๆ 11 ล้านบาทนะคะ
เข้ามาภายในห้องจะเป็น Common area ค่ะ เป็นมุมห้องนั่งเล่น โดยห้องนอนจะอยู่ 2 ฝั่งซ้าย-ขวา
พื้นที่ส่วนแรกของห้องจะเป็น Pantry และมุมกินข้าวค่ะ โดยจะมีห้องน้ำและห้องครัวประกบอยู่ 2 ฝั่ง พื้นที่ตรงนี้มีหน้ากว้างประมาณ 3.15 เมตร มีความลึก 1.7 เมตรตัวพื้นจะใช้เป็นกระเบื้อง เนื่องจากเป็นส่วนที่อาจจะมีความสกปรกหรือเปื้อนจากรองเท้าที่ย่ำเข้า-ออกห้อง การเลือกใช้กระเบื้องก็จะช่วยในเรื่องการทำความสะอาดที่ง่ายขึ้นค่ะ
พื้นที่ตรงนี้จะมีชั้นวางของ Built-in มาให้ตรงนี้ สามารถเก็บรองเท้าตรงนี้ได้นะคะ ส่วนพื้นที่กินข้าวตามที่ห้องตัวอย่างจัดไว้ก็น่าสนใจเลย สามารถจัดพื้นที่กินข้าวได้ 2-3 ที่นั่งค่ะ
ส่วนห้องครัวนั้นจะอยู่ด้านข้าง เป็นห้องครัวปิดมีขนาดประมาณ 2.55 x 1.6 เมตร ชุดครัวเข้ามุมเป็นรูปตัว L และมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นด้านในกว้างประมาณ 70 ซม.
ตัวเคาน์เตอร์ถือว่ากว้างเลยค่ะ มีช่องเก็บของให้มาเยอะเลย ใต้เคาน์เตอร์ก็สามารถวางเครื่องซักผ้า ถังขยะ ได้
ส่วนห้องนั่งเล่นที่อยู่ด้านใน วัสดุพื้นตรงนี้จะเปลี่ยนเป็นลามิเนตลายไม้แทน พื้นที่ส่วนนี้จะเข้ามุมเป็นสัดส่วนอยู่ติดกับระเบียงดูแล้วสามารถพักผ่อนได้สบาย
ผนังตรงนี้จะกว้างประมาณ 2.6 เมตรเลยค่ะ สามารถจัดเป็นชั้นวางของ ชั้นวางทีวี หรือว่าโต๊ะทำงานเล็กๆ ตรงนี้ได้นะ
พื้นที่หน้ากว้างของส่วนนี้จะอยู่ที่ 2.8 เมตร วางโต๊ะหน้าโซฟาได้สบาย และสามารถเลือกโซฟาขนาดใหญ่หรือโซฟารูปตัว L ได้เลยค่ะ
โดยพื้นที่ตรงนี้จะอยู่ติดกับระเบียงที่กว้างเต็มหน้ากว้างของห้องด้วย
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.2×2.8 เมตร สามารถจัดมุมนั่งเล่นที่ระเบียงได้สบายเลยนะคะ หรือจะจัดสวนตรงนี้ด้วยก็ได้ เวลานั่งเล่นมองออกมาก็จะได้เห็นพื้นที่สีเขียวด้วยค่ะ ส่วนตำแหน่ง Service อย่างจุดวาง CDU แอร์ก็จะมีประตูกั้นแยกเป็นสัดส่วน ผนังสองฝั่งเป็นระแนงช่วยให้ลมพัดไหลเวียนได้ดี
ห้องตัวอย่างนี้ก็จะอยู่ที่ชั้น 42 หันไปทางบางนาเหมือนกับห้องก่อนหน้านะ
ด้วยขนาดของห้องที่กำลังดี ดูแล้วอยู่อาศัยได้สบาย ไม่ต่างจากการอยู่บ้านเลยนะคะ
เรามาดูพื้นที่อื่นๆ กันบ้างค่ะ กลับมาที่ประตูจะมีห้องน้ำอยู่ด้านข้างทางเข้าห้องนะ โดยห้องน้ำนี้จะใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนรองและห้องนั่งเล่นค่ะ ซึ่งประตูห้องน้ำก็จะติดกับห้องนอนเลย ใช้งานง่ายค่ะ
ภายในห้องน้ำจะแยกพื้นที่ส่วนเปียก ส่วนแห้งเอาไว้ให้ โดดเด่นด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีดำ มี Motion Sensor เปิด-ปิดไฟอัตโนมัติเมื่อมีคนเดินเข้า-ออก สุขภัณฑ์ใช้ของ TOTO , Fitting ของ Grohe ระบบน้ำร้อนค่ะ
อ่างล้างหน้าแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ ผนังด้านข้างมีปลั๊กพร้อมฝาครอบมาให้นะ
มาดูภายในห้องนอนรองกันค่ะ ห้องนี้จะมีหน้ากว้าง 2.5 แต่ลึกถึง 3.9 เมตรเลยค่ะ ด้านในจะมี Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้นะ
โดยพื้นที่ข้างตู้เสื้อผ้าจะเหลืออยู่ประมาณ 2.4 เมตร เหมาะสำหรับวางเตียง 5 – 5.5 ฟุตค่ะ
ที่ปลายเตียงจะมีมุมเล็กๆ ขนาดประมาณ 35×90 ซม. จัดเป็นชั้นวางของหรือมุมโต๊ะเครื่องแป้งได้นะคะ
ด้านในจะเป็นตู้เสื้อผ้าค่ะ ได้ตู้ขนาดใหญ่กว้างถึง 1.5 เมตรเลย
ด้านในตู้จะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งสามารถแขวนชุดยาวหรือเดรสได้ อีกฝั่งก็เป็นลิ้นชักและราวแขวนที่เหมาะกับแขวนเสื้อ แขวนกางเกง มีช่องเก็บของเยอะ เอาไว้วางรองเท้า หรือกล่องใส่กระเป๋า เครื่องประดับต่างๆ ได้นะคะ
มาที่ฝั่งตรงข้ามกันต่อค่ะ ส่วนสุดท้ายที่จะพาไปดูคือห้องนอนใหญ่
เข้ามาภายในห้องจะเป็นแนวทางเดินกว้าง 1 เมตรค่ะ พื้นที่พักผ่อนจะอยู่ทางขวามือขนาด 2.55 x 2.95 เมตร สามารถวางเตียง King size ได้สบายๆ
ในขณะที่ปลายเตียงก็ยังสามารถวางชั้นวางทีวีหรือว่าชั้นวางของได้ด้วยนะคะ
ระยะข้างเตียงก็ถือว่ากว้าง เป็นห้องที่สามารถเดินลงจากเตียงได้สบายทั้งสองฝั่ง
ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องน้ำส่วนตัวและ Walk-in Closet
ตัว Walk-in Closet ของห้องนี้จะได้ 2 เท่าเมื่อเทียบกับห้องอื่นๆเลยค่ะ เฉพาะตัวตู้จะกว้างรวมกัน 3 เมตร ส่วนด้านในก็จะมีการออกแบบเหมือนกับห้องอื่นๆ นะ
อันที่จริงแล้วพื้นที่ Walk-in Closet จะมีขนาดใหญ่กว่านั้นเยอะเลยค่ะ ด้านข้างตู้มีพื้นที่ประมาณ 90 ซม. วางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ หรือระยะทางเดินหน้าตู้เสื้อผ้าที่กว้างถึง 1.4 เมตร สามารถทำชั้นเก็บของยาวได้เพิ่ม เผื่อใครที่สะสมรองเท้า/กระเป๋าก็มีพื้นที่เก็บของนะคะ
มาที่ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่กันค่ะ ห้องน้ำตรงนี้จะมีความแปลกตรงนี้ประตูทางเข้าจะออกแบบไว้เป็นประตูบานเลื่อน
ภายในห้องน้ำจะตกแต่งเหมือนกันกับห้องอื่นๆค่ะ แยกพื้นที่ส่วนเปียก-แห้ง ใช้ระบบน้ำร้อน สุขภัณฑ์ของ TOTO กับ Grohe
ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่
ห้องนี้ถือว่าเป็น 2 ห้องนอนขนาดใหญ่ที่ตอบโจทย์คนที่อยากได้บ้านเลยนะคะ จุดเด่นของห้องนี้สำหรับเราคือห้องนอนใหญ่ที่ออกแบบมาพิเศษ ได้ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ภายในตัว ซึ่งเราไม่เคยเจอดีไซน์ห้องแบบนี้ในคอนโดอื่นๆ เท่าไหร่ค่ะ
2 Bedroom 1 Bathroom (ครัวเปิด)
ห้องต่อมาเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาดเล็กลงมาที่ได้เป็นครัวเปิดค่ะ รูปแบบการวางผังจะนำเอาห้องครัว ห้องน้ำอยู่ชิดริมทางเดิน ส่วนพักผ่อนและส่วนพักอาศัยอยู่ติดกับหน้าต่าง โดยจะเข้ามากลางห้องและแยกห้องนอนออกไปสองฝั่งซ้าย-ขวา โดยขนาดทั้ง 2 ห้องจะใกล้เคียงกันเลย เพียงแต่ห้องหนึ่งจะมีห้องน้ำในตัวค่ะ
จุดเด่นของห้องนี้น่าจะเป็นครัวเปิด ซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่เน้นการทำอาหารจริงจังแนวผัด ทอด มาก ทำให้บรรยากาศภายในห้องก็จะดูโปร่งโล่งขึ้นด้วยค่ะ
ห้อง 2 Bedroom แบบครัวเปิด
2 Bedroom 1 Bathroom (ครัวปิด)
ห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายจะเป็นห้องที่นำเอาผังของแบบ 2 ห้องนอนที่ไปดูก่อนหน้ามาผสมกัน ถ้าเทียบกับห้องแบบใหญ่ ห้องน้ำและพื้นที่ Walk-in Closet ภายในห้องนอนใหญ่จะหายไปค่ะ แต่ถ้าเทียบกับแบบครัวเปิด ก็จะได้พื้นที่ห้องครัวปิดแทนห้องน้ำ 1 ห้องไป ผังนี้จึงเป็นห้องที่เหมาะกับคนที่มักจะอยู่ภายในห้อง ทำอาหารกินเอง ห้องน้ำห้องเดียวก็เพียงพอกับการใช้งานแล้วค่ะ เหมาะกับคนที่อยู่เป็นคู่ที่ต้องการ
ห้องแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ
ราคา
Whizdom Inspire Sukhumvit (วิสซ์ดอม อินสปาย สุขุมวิท) ราคา ณ วันที่ 20 June 2022
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 31.60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.5 ล้านบาท หรือ 142,405 บาท/ตร.ม.
- ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom (พร้อมตกแต่ง) ขนาด 31.60 ตร.ม. ชั้น 42 ราคา 5.5 ล้านบาท หรือ 174,xxx บาท/ตร.ม.
- ห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 46.76 – 48 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นอยู่ในช่วง 6.2 – 8.5 ล้านบาท
- ห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 49.1 – 65.24 ตร.ม.ราคาเริ่มต้นอยู่ในช่วง 6.8 – 11 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Fitted + Built-in ครัว, ตู้เสื้อผ้า, ชั้นวางรองเท้า(ดีไซน์แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ Type ห้อง)
- จอง 50,000 บาท
- ทำสัญญา 100,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
จุดสำคัญของ Whizdom Inspire Sukhumvit (วิสซ์ดอม อินสปาย สุขุมวิท) สำหรับเราไม่ใช่แค่ทำเลโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้าค่ะ แต่ที่นี่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ภายในโปรเจค Mixed-use ขนาดใหญ่อย่าง 101 True Digital Park ซึ่งเป็นโปรเจคที่ทำให้พื้นที่บริเวณปุณณวิถีนี้มีการเจริญเติบโตสูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา และจะมีการเติบโตสูงขึ้นอีกจาก Phase 2 ที่กำลังจะเปิดในไม่ช้า โดยโครงการ Whizdom Inspire Sukhumvit นี้ก็ถือว่าเป็นคอนโดมิเนียมล็อตสุดท้ายแล้วในโปรเจคนี้และก็เหลือขายเพียง 30% เท่านั้นค่ะ โดยตัวโปรเจคนี้จะตั้งอยู่ติดกับถนนสุขุมวิทมีรถไฟฟ้าผ่านและเป็นโครงการที่มีทั้งสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร ฟิตเนส Co-working space ลานกิจกรรมต่างๆ ครบครันภายในตัว ลูกบ้านที่เลือกอยู่ที่นี่ก็จะได้ Benefit ซึ่งก็คือความสะดวกสบายจากความเป็น Mixed-use ของโครงการไปเต็มๆ
การเดินทางโดยใช้รถ :
ที่ตั้งโครงการสามารถเข้า-ออกได้จากทางถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นถนนสำคัญใช้เข้า-ออกเมืองได้สะดวกค่ะ อีกทั้งยังสามารถไปใช้งานทางด่วนได้(ทางฝั่งบางนาหรือว่าฝั่งสุขุมวิท 50) โดยตัวโครงการเองก็ให้อัตราส่วนที่จอดรถมาถึง 69% (รวมจอดซ้อนคัน) ซึ่งถือว่าหาได้ค่อนข้างยากในคอนโดที่เดินไปรถไฟฟ้าได้สมัยนี้นะคะ และยังเป็นการจอดรถแบบ Conventional (ถอยเข้าจอดปกติไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ) ซึ่งส่วนตัวเราชอบค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :
โครงการนี้ถือว่าเป็นคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ระยะทางสามารถเดินได้สะดวก กล่าวคือเราสามารถเดินไปยัง 101 Trur Digital Park ที่อยู่หน้าโครงการได้เพียงไม่กี่ก้าว หลังจากนั้นก็จะเป็นเส้นทางเดินที่มีหลังคาปกคลุมตลอดทางไปจนถึงรถไฟฟ้าเลยค่ะ มี Skywalk ที่เดินสะดวก หรือว่าถ้าเราต้องการเรียกรถสาธารณะอื่นๆ เราก็มองว่าสามารถโบกเรียก Taxi ได้ หรือจะเรียกผ่าน Application ทำเลนี้ก็น่าจะเรียกได้ง่าย รอไม่นาน จะหาวินมอเตอร์ไซค์หรือรถเมล์ก็สะดวก มีตัวเลือกเยอะเลย
วัสดุ :
ในส่วนของวัสดุที่ได้ก่อนอื่นต้องคิดถึงช่วงเวลาออกแบบที่น่าจะอยู่ในช่วง 5-6 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งตัววัสดุก็ถือว่าดีสำหรับช่วงเวลานั้นนะคะ โดยตัวห้องที่ได้จะเป็นห้องที่ขายแบบ Fully Fitted พื้นเป็นลามิเนตลายไม้ ครัวได้ Top เป็นหินควอตซ์ ชุดครัวของ Franke ห้องน้ำได้ TOTO และ Grohe (ทุกแบรนด์ถือว่าดีกว่ามาตรฐานนะ) นอกจากนี้ก็จะมี Buit-in ชั้นวางรองเท้าและตู้เสื้อผ้ามาให้อีกด้วยค่ะ
การออกแบบ :
ตัวอาคารและพื้นที่ส่วนกลางออกแบบมาได้น่าสนใจค่ะ โดยรูปแบบของอาคารและวัสดุที่เลือกมาใช้ เราจะเห็นความดิบเท่ของวัสดุนั้นๆ เช่น ผนังที่เป็นหิน Texture เหมือนทรายล้างสีดำ หรือ Facade ที่เป็น Aluminium composite สีทองแดง (copper) และการออกแบบฟังก์ชันส่วนกลางและการตกแต่ง interior ที่ดูสนุกสนาน นำ Concept ของ “Experiencers” มาถ่ายทอดเป็นประสบการณ์การผจญภัยอย่างเดินเขาไป Basecamp ไป Camping ต่างๆ
ในส่วนของรูปแบบห้องก็ถือว่าออกแบบมาได้ดี อยู่สบาย คิดถึงระยะการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ และมีการนำเอาเทคโนโลยีมาผสมผสานอีกด้วย เช่น ขนาดของตู้เสื้อผ้าที่ลึก 70 ซม., ระบบ Home Intelligent เปิด-ปิด ไฟ แอร์ผ่านทาง Application ได้, ระบบ ERV เพื่อคุณภาพอากาศที่ดีภายในห้องนอนค่ะ
สาธารณูปโภค :
ที่นี่ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางมาได้น่าใช้งาน ตามธีม “Experiencers” อย่างที่บอกไป ชั้น 1 จะเน้นไปที่พื้นที่เรียน ทำงาน ประชุม โดยมีมุมใช้งานที่หลากหลายรูปแบบ ส่วนชั้น 6 จะเน้นไปที่การได้ทำกิจกรรมและการออกกำลังกาย มีฟิตเนส สระว่ายน้ำ ตั้งอยู่ในมุมที่ดูเป็นส่วนตัว ส่วนชั้น 31 จะเป็นพื้นที่ที่ให้เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนได้ โดยจะเป็นมุมนั่งพักผ่อนชมวิว และมี Pantry&Bar ให้สามารถจัดปาร์ตี้ได้อีก นอกจากนี้ก็มีอีก 2 จุดที่เราชอบคือสวนขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังโครงการ ได้บรรยากาศที่ดูร่มรื่นเงียบสงบ ไม่เหมือนว่าอยู่ติดถนนสุขุมวิท นอกจากนี้ก็จะมีที่จอดรถแบบ Conventional (ถอยจอด ไม่มี Auto-parking) ที่ให้มาถึง 69% ถือว่าเป็นรูปแบบและสัดส่วนที่หาได้ยากในคอนโดที่เกิดขึ้นใหม่ๆเลยค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 167,xxx บาท/ตร.ม., 20 June 2022
- ทำเล 7.5/10 – ติดถนนสุขุมวิท มีการเจริญเติบโตสูง
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ติดถนนสุขุมวิท เดินทางสะดวก
- ไม่ใช้รถ 7.75/10 – มี Skywalk เดินไป BTS ปุณณวิถีง่าย
- วัสดุ 7.5/10 – ให้เกรดดี ตามราคา
- แบบ 7.5/10 – ส่วนกลางและฟังก์ชันห้องออกแบบมาน่าสนใจ ดูแล้วใช้งานได้สบาย
- สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาหลากหลายทั้งฟังก์ชันส่วนกลาง และการบริการที่ได้รับ
- HIGH CLASS
- 7.6625 / 10.00
Whizdom Inspire Sukhumvit เหมาะกับใคร?
โครงการ Whizdom Inspire Sukhumvit เป็นโครงการที่เหมาะกับคนที่ให้คุณค่ากับความเป็น Mixed-use ของ 101 True Digital Park เป็นสำคัญ เนื่องจากโครงการนี้ถือว่ามีราคาเริ่มต้นที่สูง โดยที่ยังมีโครงการอื่นในโซนที่ราคาเริ่มต้นต่ำกว่านี้อยู่ค่ะ แต่ว่าโครงการอื่นก็จะไม่มี Community mall หรือว่า skywalk ที่เดินไปรถไฟฟ้าได้ง่าย อีกทั้งบรรยากาศของ Mixed-Use ก็จะมีสภาพแวดล้อมที่เรียบร้อย สะอาดตามากกว่า
ส่วนคนที่มองหาคอนโดเพื่ออยู่แทนบ้าน เรามองว่าโครงการนี้ก็ตอบโจทย์ค่ะ มีห้อง 2 Bedroom รองรับครอบครัวเริ่มต้นและครอบครัวขนาดเล็กได้ ทดแทนการซื้อบ้าน แต่ได้คอนโดทำเลดี สภาพแวดล้อมดูปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะ ตอบโจทย์ทุกสมาชิกในครอบครัว งบราวๆ 10 ล้านบาทก็เอาอยู่ค่ะ
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc