สวัสดีครับ รีวิวฉบับที่ 232 วันนี้เราจะพาไปดูคอนโดสร้างเสร็จก่อนขายแท่งแรกของแสนสิริ โครงการนี้ชื่อ Via 31 (เวีย 31) เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น ระดับราคาตารางเมตรละแสนกว่าๆ ที่ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 ซอยที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นเยอะๆนะครับ ตัวโครงการจะเปิดขาย และพร้อมเข้าอยู่ ในวันที่ 29 กันยายนที่จะถึงนี้รวดเดียวเลย

Fact @ 19 September 2012

  • Via 31 (เวีย 31)
  • บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 88 ยูนิต
  • ที่จอดรถชั้นใต้ดิน 66 คัน (75%) เฉพาะจอดเข้าซอง ถ้าจอดซ้อนคันจะได้อีกประมาณ 8 คัน
  • ที่ดินประมาณ 1-0-57 ไร่
  • 1, 2, 3 Bedroom(s)
  • พื้นที่ใช้สอย 46-125 ตารางเมตร
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 4.59 ล้านบาท
  • ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 110,000 บาท

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

ตำแหน่งของโครงการ Via 31 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 หรือ ซอยสวัสดี แยก 2 การเดินทางใช้ถนนสุขุมวิทเป็นหลัก จากถนนใหญ่เข้าไปถึงตัวโครงการ ระยะทางประมาณ 850 เมตร ส่วนรถไฟฟ้านั้น ที่ใกล้ที่สุดคือสถานี BTS พร้อมพงษ์ อยู่ห่างออกไปราว 1.3 กม.รวมเข้าซอย ส่วน BTS อโศกก็พอๆกัน ประมาณ 1.5 กม. ครับ ซึ่งทั้งสองสถานีก็ไม่ใช่ระยะที่จะเดินได้ คงต้องพึ่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างแหละครับ หรือไม่ก็ใช้รถยนต์ส่วนตัวซึ่งดูท่าทางจะเหมาะกว่า สำหรับทำเลแบบนี้

ซอยสุขุมวิท 31 หรือซอยสวัสดีนี้ ในซอยมันจะไปทะลุซอยประสานมิตร หรือซอยสุขุมวิท 23 ได้ครับ และสามารถวิ่งไปถึงตัว มศว. ประสานมิตรได้เลยด้วย ส่วนถ้าเราวิ่งตรงไปแล้วไปเลี้ยวขวาตามลูกศรในแผนที่ เราก็จะไปออกสุขุมวิท 39 ได้ซึ่งจากซอยนั้นสามารถวิ่งลัดเลาะไปจนถึงซอย 49, ทองหล่อ, เอกมัย จนไปสุดแถวๆ ซอย 71 หรือซอยปรีดี พนมยงค์ได้เลยนะครับ แต่ถ้าคนที่วิ่งบ่อยๆก็จะรู้ว่า ทางลัดพวกนี้ คนแถวนี้เค้าก็รู้กันหมดแหละครับ เพราะฉะนั้น คนก็จะใช้เยอะ รถก็ติดเหมือนกัน

ห้างใหญ่ๆที่อยู่ใกล้ตรงนี้มี Emporium, Terminal 21, Robinson อโศก (ตรงโรงแรม Westin) และรอบๆนี้ยังมีอาคารสำนักงานใหญ่ๆอีกหลายแห่งที่สี่แยกอโศก-สุขมวิท และตามเส้นอโศกมนตรี โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิทอยู่ในซอย 49 และมีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตรอยู่ในซอย 23

การเดินทางไปโครงการ Via 31 วันนี้ผมมาจากทางด่วนดินแดง วิ่งมาลงสุขุมวิท ตรงเพลินจิตฝั่งเหนือครับ ลงมาแล้วเลี้ยวซ้ายไปอโศก

ลงมาถึงถนนสุขุมวิทแล้ว ช่วงก่อนถึงสี่แยกนานานี้จะเป็นทูเวย์นะครับ รถวิ่งสวนไปขึ้นทางด่วนได้ 2 เลน

ผ่านแยกนานามาก็จะเจอ BTS นานา และตรงนี้การจราจรกลับมาเป็นวันเวย์เหมือนเดิม

มุ่งหน้าไปทางสี่แยกอโศก ทางขวามือฝั่งตรงข้ามจะเห็นอาคาร Times Square ซึ่งเป็นทั้งอาคารสำนักงาน และ Shopping Mall ด้านล่าง

วิ่งต่อมาก่อนจะถึงสี่แยก พอเลย Robinson ไป เราก็จะเจอกับห้างใหญ่ Terminal 21 และสถานี BTS อโศกครับ

วิ่งข้ามสี่แยกอโศก-สุขุมวิทไปเลยครับ

ต่อมาเราก็มาถึงซอยสุขุมวิท 31 หรือซอยสวัสดี เลี้ยวซ้ายเข้าไป

ในซอย 31 นี้ดูผิวเผิน เหมือนจะเงียบๆ แต่ความจริงก็เป็นซอยที่มี ร้านอาหาร ผับ บาร์ และสถานที่แนว Lifestyle มาเปิดให้บริการอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน แต่บรรยากาศอาจจะไม่คึกคักเท่าซอย 23  หรือ ซอย 39 ที่ทะลุถึงกันได้ แต่ตอนกลางคืนมีรถวิ่งไปวิ่งมาไม่น้อยเหมือนกันนะ

วิ่งมาถึงสี่แยกแรก เดี๋ยวเราจะตรงไปครับ แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปประสานมิตร, มศว.

ตรงผ่านแยกนี้ไปครับ (เลี้ยวขวาไม่ได้นะ) ไม่มีไฟแดง วัดใจอย่างเดียว ขับรถระวังกันด้วยนะครับ

จุดสังเกตก่อนที่จะถึง Via 31 คือทางด้านขวามือจะมี MaxValu ทันใจ ตั้งอยู่ในโครงการ Prime Mansion 3 ซึ่งก็เป็นประโยชน์ต่อโครงการ Via 31 เพราะมี Supermarket มาตั้งอยู่ตรงนี้

ถึงแล้ว สุขุมวิท 31 แยก 2 เลี้ยวขวาตามป้ายไปเลย

วิ่งตรงเข้ามาประมาณ 100 เกือบๆสุดซอยก็เจอแล้วครับ โครงการ Via 31 หน้าตาตึกเป็นสีน้ำตาล มี facade เป็นเส้นแนวดิ่งเยอะๆแบบนี้

มองเข้าไปสุดซอยเลยครับ ฝั่งตรงข้ามคอนโดมิเนียมเป็นบ้านเดี่ยวสองหลัง ต้นไม้ใหญ่โต ช่วยเพิ่มความร่มรื่นให้กับในซอย

มองย้อนกลับออกมา จะเห็นว่าไม่มีร้านค้าที่อยู่ในซอยแยก ซึ่งบรรยากาศตรงนี้จะค่อนข้างสงบหากเทียบกับซอยหลัก ซึ่งก็จะตามมาด้วยความเปลี่ยว ดังนั้นทำเลนี้ผู้หญิงคนเดียวเดินเข้าบ้านดึกๆคงจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไร

เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Via 31 นี้ตัวอาคารถูกออกแบบมาโดยใช้คอนเซปต์ของ “รังนก” ตามที่ผู้บริหารของแสนสิริให้สัมภาษณ์ไว้ในงานเปิดตัวแถลงข่าวนะครับ โดยเจ้าตัว Facade สีน้ำตาลที่เป็นซี่ๆที่เราเห็นนี้ก็จะให้ความรู้สึกว่าเราอยู่ในรังนกที่ถูกสร้างจากกิ่งไม้ และหน้าต่างที่ถูกดีไซน์เป็นกล่องสี่เหลี่ยมๆนั่นก็เลียนแบบมาจากการสร้าง “บ้านนก” นั่นเอง 😀

ทางเดินเข้าทำจาก Bar อลูมิเนียมเป็นดีไซน์แนวตั้ง กลืนไปกับรั้วที่ใช้วัสดุเดียวกัน

ทางรถเข้า พอขับเข้ามาก็จะลงไปลานจอดรถแบบนี้เลยครับ ลาดชันพอควร ขาเข้าก็ไม่มีอะไร แต่ขากลับรถที่ผมขับมากระแทกพื้นไป 1 ที เพราะว่ามัน “ชัน” เกินไป นี่ขนาดเป็นรถเก๋งธรรมดา ถ้าเป็นรถ SPORT ผมว่าก็คงจะหนักอยู่

รูปนี้ถ่ายจากด้านล่างลานจอดรถย้อนขึ้นมาให้ดูว่าชันได้ใจมาก

ลานจอดรถชั้นใต้ดินของที่นี่จอดรถได้ 66 คันครับ เทียบกับจำนวนยูนิต คือ 88 ยูนิตแล้วคิดเป็น 75% ในการจอดเข้าซอง แต่ถ้ารวมจอดซ้อนคันซึ่งน่าจะได้อีกประมาณ 8 คันเป็นอย่างต่ำ ก็จะมีอัตราส่วนที่จอดรถดีขึ้น อยู่ที่ 74 คัน อยู่ที่ 84% ของจำนวนรถทั้งหมด

เดินขึ้นมาที่ Lobby ครับ วันนี้เป็นวันแถลงข่าวสื่อมวลชน ก็เลยจะมี Prop ตกแต่งวางอยู่เต็มเลย เดี๋ยวเราเดินเข้าห้องกระจกทางขวามือ

หน้าตาของ Lobby โดยรวมครับ วันนี้สื่อมากันเยอะ เลยจัด Layout อีกแบบ

ส่วนที่เค้าออกแบบเป็นภาพกราฟฟิกเอาไว้จะหน้าตาประมาณนี้ ด้วยความที่ล้อบบี้เตี้ยใช้ความสูงเพียง 1 ชั้น จึงทำฝ้าเป็นกระจกให้สะท้อนพื้นขึ้นไปบนฟ้าจะได้ดูสูงขึ้นบ้าง ส่วนทางเข้าไปโถงลิฟท์จะอยู่ทางด้านขวามือ ซึ่งจะมี Grille สีขาวมาบังกั้นไว้ เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน

แต่อย่าโดนภาพ Perspective หลอกตานะครับ ด้านบนสองรูปขนาดโซฟาต่างกันเยอะ …

บริเวณผนังด้านหนึ่งของ Lobby ถูกตกแต่งด้วยหินแผ่นใหญ่นำเข้าจากอิตาลีครับ พอลวดลายของหินสะท้อนกับเพดานกระจกแล้ว ทำให้ดูสวยงามทีเดียวเชียวแหละ

เครื่องปรับอากาศในล้อบบี้ฝังผนังเข้าไปแบบนี้ครับ

ต่อจาก Lobby ก็จะเป็นโถงลิฟท์ และ Mailbox ครับ

ลิฟท์เป็นแบบ Digital แบบนี้ กดเลือกชั้นและกดซ้ำเพื่อยกเลิกเวลากดผิดได้

ขึ้นลิฟท์มาชั้นสองครับ

การดีไซน์อาคาร เป็นแบบ Single Corridor ครับ หน้าโถงลิฟท์จะมีโซฟาให้นั่งพักผ่อนด้วย

และเพดานตรงนี้จะถูกเปิดขึ้นไปจนถึงดาดฟ้า เป็นช่องแสง และช่องลม ดูสวยดี ช่วยเพิ่มความน่าอยู่ โดยช่วยระบายอากาศและระบายความร้อน ทำให้ไม่เป็นโรค Sick Building Syndrome อย่างที่คุณนายสวนหลวงเคยเขียนไว้ในตอนที่ 1 และตอนที่ 2

อีกมุมหนึ่งก็จะมีที่นั่งกลมๆแบบนี้ ตรงนี้จัดมาก็สวยดี แต่ผมว่าจัดมาน้อยเกินไป เพราะไม่มีไฟ เวลากลางคืนแล้วพื้นที่ตรงนี้จะขาดประโยชน์ใช้สอย น่าจะมีไฟไว้บ้างให้สามารถอ่านหนังสือหรือส่องสว่างได้ถึง 3 ทุ่มแล้วก็ปิดอัตโนมัติ

ต่อไปเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ระแนงทางเดินทั้งหมดนี้เป็นไม้จริง จงใจปูให้คร่อมๆกันเล็กน้อย

ห้องออกกำลังกายครับ ถูกล้อมด้วยกระจก มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำ

และนี่คือสระว่ายน้ำ กับ Day Bed ทั้งหมด 4 ชุด

สระว่ายน้ำ จะเป็นรูปตัว L นะครับ อันนี้มุมมองจากด้านหน้า สังเกตนะครับว่าโครงการนี้จะเอาต้นไม้ กับพุ่มไม้มาล้อมรอบเป็นรั้วหมดเลย เพราะวิวตรงนี้โดนตึกข้างๆบังหมด อาศัยความเขียวเป็นวิวให้ดูสบายตาขึ้นมา  และทำให้มีความเป็นส่วนตัว เล่นน้ำว่ายน้ำไม่อายใคร

ด้านข้างสระว่ายน้ำมีบันไดทางลงให้เดินลงไปข้างๆได้ พื้นบริเวณนี้เป็นหินทั้งหมด

ด้านล่างก็จะมี Deck ไม้พร้อมโซฟาให้นั่งพักผ่อน

แต่ระหว่างโซฟาชุดนี้กับห้องพักด้านหลังที่เป็น 2 Bedrooms นั้น ไม่มีอะไรกั้นจากกัน คนที่อยู่ด้านล่างสามารถปีนเข้าห้องได้จากทางระเบียง ต้องระวังนิดนึงนะครับ

ทางเดินหินกรวดด้านข้างครับ

สุดท้ายคือห้องน้ำส่วนกลางครับ ตกแต่งได้สวยดี โดยเฉพาะท๊อปอ้างล่างมือที่ทำจากหิน

โถปัสสาวะต้องเปิดประตูเข้าไป ก็ดูดีแต่ใช้งานไม่สะดวกครับ

มีตู้ล็อคเกอร์ด้วย 4 ตู้

ด้านในสุดเป็นห้องอบไอน้ำ หรือที่ชอบเรียกกันว่า Steam

ก่อนจะไปดูห้องตัวอย่างมาดู Floor Plan กันก่อน ตัวอาคารหันหน้าไปทางทิศเหนือ (ด้านบน ตามแบบเลยครับ) ชั้นสองนี่จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางนะครับ มีสระว่ายน้ำอยู่ทางด้านทิศใต้ และรอบๆเป็นพื้นที่พักผ่อน และพื้นที่สีเขียว

ส่วนแปลนข้างบนนี้จะมีแต่ห้อง 1 Bedroom กับ 2 Bedrooms นะครับ โดยจะวาง 2 Beds อยู่ที่มุมตึกทั้ง 4 มุม มีห้อง 1 Bed หน้ากว้างอยู่ชั้นละ 2 ห้องทางทิศตะวันตกสุด และตะวันออกสุด ส่วนที่เหลือเป็นห้องแบบ 1 Bed ธรรมดาครับ

ส่วนแปลนชั้นที่มี 3 Bedrooms ยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้นะครับ แต่จะ Update ให้ภายหลังครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby ชั้นล่าง
  • ที่นั่งพักผ่อนชั้น 2 รวม 3 ตำแหน่ง
  • สระว่ายน้ำ
  • ห้องออกกำลังกาย
  • ห้องอบไอน้ำแยก ชาย/หญิง
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 44:1
  • ที่จอดรถชั้นใต้ดิน 66 คัน(75%) รวมซ้อนคัน 84%
  • ระบบ CCTV / Digital Doorlock

Product Walkthrough

ห้องแบบแรกที่จะพาไปดูเป็นห้องแบบ 1 Bedroom 46 ตารางเมตรก่อนครับ

กลอนประตูเป็นแบบ Digital Doorlock

เปิดเข้ามาจะเจอกับครัวก่อนเป็นอันดับแรก

พื้นบริเวณธรณีประตูทำด้วยหินแกรนิต ในขณะที่พื้นครัวเป็นกระเบื้องยาว ขนาด 30×60 ซม. ซึ่งตรงนี้จะช่วยทำให้ป้องกันน้ำรั่วซึมได้ดีกว่าครับ

ครัวเป็นของ Starmark เป็นแบบ Soft-Close ทั้งหมด

เตาไฟฟ้า แบบ 2 หลุม ของ Hafele

ที่ดูดควัน Hafele เช่นเดียวกัน

ท้อปหินควอร์ซสีขาว และอ่างล้างมือครับ

หัวก็อกจาก Mex

อีกฝั่งนึงเป็นที่วางตู้เย็น กับตู้เก็บรองเท้า หน้าบานเป็นไม้ลามิเนต ที่นี่ใช้ลายไม้ทั้งโครงการเลย

ถัดมาเป็นมุมรับประทานอาหาร อันนี้ตกแต่งด้วยชุดโต๊ะและเก้าอี้อคริลิกใส เท่ไม่เบา ห้องตัวอย่างเท่านั้นนะครับ ห้องจริงไม่มีให้

ด้านบนตรงนี้มีการดรอปฝ้าและฝังหลอดไฟไว้ให้ด้วยครับ ได้เหมือนกันทุกห้อง เป็น Standard Room

พื้นห้องรับแขกเป็น Engineering Wood ต่อจากพื้นครัวครับ

ต่อมาเป็นห้องรับแขก ดรอปฝ้า และฝังหลอดไฟให้เช่นเดียวกันนะครับ

ห้องตัวอย่างนี้ตกแต่งด้วยโซฟาแบบโปร่งแสง ประหลาดดี นั่งแล้วมีไฟออกมาจากใต้ขา

กระจกบานใหญ่ พื้นถึงเพดานสูง 2.65 เมตร ใช้บานเลื่อน 3 ตอน เปิดออกไปที่ระเบียง

รางผ้าม่าน ถูกดีไซน์มาให้ซ่อนไว้หลังฝ้า

บานหน้าต่างระเบียงเป็นสีขาว

Compressor แอร์แขวนไว้ที่ด้านหนึ่งของระเบียง มี Grille ปิดไว้

อีกด้านของระเบียงครับ มีไฟส่องพื้นระเบียงด้วย ด้านนอกเป็น Facade สีน้ำตาลช่วยบังสายตาจากด้านนอก

ที่นี่ไม่มีโป๊ะไฟซาละเปา แต่จะใช้ไฟฝังเข้าไปในผนัง ซึ่งทำยากกว่า แต่จะดูดีกว่า

ถัดไปเป็นห้องนอนครับ ถูกตกแต่งไว้แบบนี้

แอร์แขวนผนัง Daikin

สำหรับแอร์โครงการนี้เป็นแขวนผนังทั้งหมด เกือบทุกห้อง ยกเว้นชั้น 8 ห้อง 3 Bedrooms ที่ห้องรับแขก

ริมหน้าต่างมีมุมวางโต๊ะทำงานตัวเล็กๆแบบนี้ ให้ทำงานแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างได้ ไม่อึดอัด

กลับหลังหัน มองไปนั่นคือห้องน้ำแบบ Sexy Bath มีกระจกใสกั้น และตู้เสื้อผ้าครับ

ตู้เสื้อผ้ามีมาให้แบบนี้เลยครับ เน้นลายไม้ตลอดเวลา

ประตูห้องด้านในเป็นแบบนี้

ต่อมาเป็นห้องน้ำ มีทั้ง Shower และ อ่างอาบน้ำนะครับ

อ่างล้างมือซ่อนที่แขวนกระดาษชำระเอาไว้ และมีราวผ้าเช็ดมือ Built-in ไว้แล้ว

กระจกส่องหน้าที่เป็นตู้เก็บของไปด้วย

อ่างอาบน้ำ American Standard ครับ

ฝักบัว และหัวก็อกของ hansgrohe

หัวก๊อกสวยงามสมชื่อ แต่ฝักบัวต้องปรับปรุง เรียบไปนิด เหมือนเห็นอยู่ตาม Macro

ฝั่ง Shower มีทั้ง Rain Shower และ Hand Shower ทั้งสองแบบให้เลือกใช้ จาก hansgrohe เหมือนกัน

ที่นี่ Rain Shower จะถูกฝังขึ้นไปบนฝ้าเลยครับ ท่าทางแข็งแรงดี

ผนังถูกเจาะช่องให้วางสบู่ แชมพู ต่างๆได้

ราวจับประตูห้องอาบน้ำแสตนเลส อันนี้ดูดีครับ

ต่อไปเราขึ้นมาชั้น 4 มาดูห้องเปล่าแบบมาตรฐานที่เราจะได้กันครับ

มองจาก Corridor ชั้น 4 ลงมาจะเห็นด้านล่างแบบนี้

มองขึ้นไปเห็นเพดานเหมือนเดิม

ห้องแบบมาตรฐานครับ แอร์แขวนผนัง และฝ้าดรอปฝังหลอดไฟ เหมือนกัน และห้องนี้พิเศษคือระเบียงจะกว้างกว่าห้องข้างล่างนะ เพราะเป็นห้องที่มี “กล่องบ้านนก” พอดี (ย้อนขึ้นไปดูตัวอาคาร)

ฝั่งนี้เป็นครัวแบบมาตรฐาน ก็หน้าตาเหมือนห้องเมื่อกี๊

ห้องนอน แบบเดียวกัน

ฝัาดรอปให้ทุกห้องเลยครับ

หน้าต่างห้อนอน

ห้องน้ำ และตู้เสื้อผ้าเหมือนกัน

ต่อมาเราจะไปดูห้องแบบ 2 Bedrooms กันบ้างครับ

จุดที่แตกต่างอย่างแรกคือครัวครับ ที่มีขนาดใหญ่กว่า และเป็นรูปตัว U แบบนี้ ซิงก์มีหลุมช่อง เตามีสี่หัว

ครัว มองจากอีกฝั่ง นั่นคือประตูทางเข้าครับ และด้านตรงข้ามครัวก็เป็นตู้เย็น กับตู้เก็บรองเท้าเหมือนกัน

สองหลุมของซิงก์ช่วยในการล้างจานได้เยอะ

ท้อปหินควอตซ์เหมือนเดิม พร้อมเตาไฟฟ้าแบบ 4 หัว

ห้องรับแขก และโต๊ะกินข้าว ในพื้นที่ขนาดเท่าเดิม

ห้องนี้ก็เป็นอีกห้องหนึ่งที่ระเบียงกว้างกว่าห้องปกติ สังเกตว่าตรงนี้ออกไปนั่งจิบกาแฟได้สบาย แต่อาจจะร้อนหน่อย เพราะเจอ Compressor แอร์ ทั้งจากของเราและเพื่อนบ้าน

พื้นที่ตรงนี้มันยื่นออกไป แต่ตัว Compressor แอร์ที่เป่าลมร้อนออกมาไม่ได้ยื่นออกตามไปด้วย ตามหลักวิทยาศาสตร์ลมร้อนจะลอยขึ้นสูง ก็จะมาเจอกับที่เรานั่งๆอยู่ละครับ แต่ไม่ต้องกังวลอะไรมากนะ มันไม่มีพื้นคอนกรีตเบรคลมพวกนี้ไว้อยู่แล้ว

มองจากระเบียงกลับเข้ามา

ทางเดินไปห้องนอน และห้องน้ำที่เพิ่มมาอีก อย่างละหนึ่งห้อง

ห้องนอนเล็กจะหน้าตาแบบนี้ครับ

มุมโต๊ะทำงานจะแคบกว่าห้องใหญ่

แอร์แขวนผนังเหมือนกัน

ตู้เสื้อผ้าเป็นแบบสามบานตรงๆ ไม่ใช่ตัว L แบบห้องใหญ่ และไม่มีห้องน้ำในตัว

ห้องน้ำจะแยกออกมาอยู่ด้านนอก เพื่อใช้รวมกับแขก ห้องนี้ก็อาบน้ำได้

อ่างล้างมือ และกระจกส่องหน้า หน้าตาเหมือนกัน

ห้องน้ำเล็กนี้ มีแต่ Hand Shower นะครับ

ห้องนอนใหญ่ถูกขยายใหญ่ขึ้น แล้วใส่หน้าต่างบานใหญ่เข้าไป

หน้าต่างห้องนอนใหญ่ ใส่กระจกบานเบ้อเร่อลงไป มีบานกระทุ้ง เปิดได้

ด้านนอกหน้าต่าง มีบริเวณที่เป็นเหมือนหลุมยาวๆสีขาว ไม่แน่ใจว่าปลูกต้นไม้ได้รึเปล่า

มองย้อนกลับไปทางห้องนอน

ห้องน้ำ และตู้เสื้อผ้า เหมือนกับห้อง 1 Bedroom

มีอ่างอาบน้ำเหมือนกัน

ห้องอาบน้ำ พร้อม Rain Shower เหมือนเดิม

ราคาและเงื่อนไขการขาย

  • ราคาเริ่มต้น 4.59 ล้านบาท
  • ห้องตัวอย่างขายพร้อมเฟอร์
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่เกือบๆ 110,000 บาท
  • ห้องพร้อมโอนในปีนี้
  • ค่ากองทุน 600 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 60 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

เจาะลึกรวบยอด

ประเด็นแรกเลยคือเรื่องของทำเล โครงการ Via 31 ตั้งอยู่ในโซนที่เป็นย่านใจกลางเมือง แต่เป็นทำเลที่เข้าซอยของซอยมาอีกทีหนึ่ง ดังนั้นจะมีความเป็นส่วนตัวและมีความเงียบสงบมากกว่าโซนต้นๆซอยสวัสดี (สุขุมวิท 31) ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่ทางการพาณิชย์ไปหมดแล้ว ทั้ง Pub/Bar/Restaurant ร้านอาหารญี่ปุ่นเต็มไปหมด ทำให้ซอยหลักนี้คึกครื้นไปจนถึงหลายๆทุ่มเลย

โครงการคู่แข่งที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงก็คือ Voque สุขุมวิท 31 และ Royce Private Residences ซึ่งอันหลังคงจะต้องตัดทิ้งเพราะเป็น Super Luxury Condominum ที่อยู่ในคนละ Segment กันเลย แต่อันแรก Voque ก็มีทำเลไม่ได้ต่างกันเท่าไรนัก ดีไซน์ยังสู้ Via 31 ไม่ได้ในเรื่องของ Single Corridor อาจจะได้ในเรื่องของความคุ้มค่าที่ราคาต่อตารางเมตรต่ำกว่า สมัยเปิดตัวปี 2010 น่าจะอยู่ราวๆ 90,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ปัจจุบันราคาก็วิ่งมาใกล้ๆกันแล้ว

จะบอกว่าการที่ Via 31 อยู่ในซอยสุขุมวิท 31 นั้นก็ดี แต่ว่าทำเลนี้เป็นทำเลที่เหมาะสำหรับคนใช้รถยนต์ส่วนตัว เพราะมีตรอกซอกซอยให้ทะลุเยอะ หากทางหนึ่งติดก็สามารถวิ่งลัดไปอีกทางหนึ่งได้ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยอยู่สุขุมวิทมาก่อนนั้น คงจะต้องเรียนรู้กันสักพักกว่าจะรู้ว่าทางลัดไหนไปออกไหนบ้าง หาทางไปอโศก, ซอยประสานมิตร, ซอยสวัสดี, ซอยพร้อมพงษ์, ซอยกลาง, ซอยทองหล่อ ให้ได้ ก็จะพอเอาตัวรอดได้แล้ว หากไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็คงจะลำบากหน่อย เพราะว่าจะมีช่วงโรงเรียนเลิก (โรงเรียนสวัสดีและสาธิตประสานมิตร) ช่วงออฟฟิศเลิก ทำให้รถบางซอยติดกันชุลมุนไปหมด

ที่จอดรถและอัตราส่วนลิฟท์ทำออกมาใช้ได้ 84% และ 1:44 ในซอยสุขุมวิท 31 สำหรับโครงการ Low Rise ถือว่าดีมาก ทำให้อยู่กันอย่างไม่แออัด ค่อนข้างเป็นส่วนตัว

หากไม่ใช้รถ จะใช้รถไฟฟ้า อันนี้ก็ต้องเดินเหงื่อตก เพราะไกล 1.3 – 1.5 กิโลเมตร ไม่อยู่ในระยะที่เดินไหว คงจะต้องพึ่งพาพี่วินหรือแท๊กซี่อย่างแน่นอน โชคดีที่ซอย 31 เป็นซอยหลักเดินออกจากคอนโดไปนิดเดียวก็สามารถเรียกรถ Taxi และรถมอเตอร์ไซค์ได้แล้ว แต่ถ้าเป็นผู้อยู่อาศัยที่ยึดการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก Via 31 คงจะไม่ใช่คำตอบนะครับ

วัสดุของโครงการ Via 31 จัดให้มาค่อนข้างดี มี Digital Doorlock, Engineering Wood, ครัวท๊อปหิน Quartz มีเตาไฟฟ้าแบบเซรามิค 2 หัว, อาบน้ำ Rain Shower แบบฝังบนเพดาน, พื้น Lobby หินแท้ มีตู้ Built-in แบบ Soft Close ให้

การออกแบบต้องบอกว่าทำได้ดีมาก เป็น Single Corridor อากาศถ่ายเทดีเยี่ยม โปร่งโล่งอยู่สบาย มีช่องแสงช่องลมของตัวอาคาร การประดับตกแต่งของระแนงและการเล่น Facade หน้าโครงการทำได้สวยสมชื่อ คอนโดชุด Aesthetic Collection ที่เน้นสวยเป็นหลักของแสนสิริ

สาธารณูปโภคทำได้โอเค มีให้เยอะกว่ามาตรฐานของคอนโด Low Rise สระว่ายน้ำและฟิตเนสไม่ใหญ่เหมือนคอนโด High Rise แต่สามารถใช้ได้ดี มีจุดนั่งพักผ่อนให้ใน Indoor 3 จุด และ Outdoor อีก 2 จุด ที่ชั้น 2 พร้อมกับห้อง Steam ในห้องอาบน้ำ ส่วนเรื่อง Lobby ที่ทำออกมาได้เล็กไปหน่อยนั้นก็มีดีไซน์ที่สวยงามช่วยเพิ่มความน่านั่งน่าใช้งา ถัวๆกันไปได้ครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 110,000 บาทต่อตารางเมตร, 19/09/2012

  • ทำเล 8/10 – ซอยของซอยสวัสดี
  • เดินทางด้วยรถ 8.25/10 – ที่จอดรถพอเพียง ลัดเลาะไปไหนมาไหนได้ แต่ต้องเข้าใจว่ารถจะติดเวลาไหน
  • ไม่ใช้รถ 6.5/10 – ราคานี้สามารถหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าได้
  • วัสดุ 9/10 – วัสดุใช้ของดีเป็นหลัก
  • แบบ 10/10 – ออกแบบได้อยู่สบาย ที่สำคัญกว่าความสวย
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – มีเยอะกว่ามาตรฐานคอนโด Low Rise

  • MAIN CLASS
  • 8.21 / 10.00

BOTTOM LINE

Via 31 เน้นเรื่องการออกแบบให้อยู่สบาย และเป็นโครงการสร้างเสร็จก่อนขายของแสนสิริ เหมาะกับคนใช้รถยนต์เป็นหลัก ไม่เหมาะกับคนที่ใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ