รีวิวฉบับที่ 653 … หลังจากที่คุณโอ๋ได้พาไปดูโครงการ Wish Signature Midtown Siam ไปในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา วันนี้ผมบีมจะพามาดูโปรเจคที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ล่าสุดของสยามนุวัตรกันบ้างนะครับ กับคอนโด Vertiq พระราม 4 – สยาม ใกล้ MRT สามย่าน ที่เน้นคอนเซปท์เรื่อง Vertical Garden ตั้งแต่ช่วงเปิดตัวโครงการเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันสร้างเสร็จแล้วและมีเหลือห้องขายอยู่ไม่มาก เราก็จะมาดูกันว่าโครงการที่สร้างเสร็จแล้วเป็นอย่างไร
Fact @ 20 August 2014
- Vertiq Rama 4 – Siam (เวอร์ทีค พระราม 4 – สยาม)
- บจก. สยามนุวัตร
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
- คอนโด High Rise 23 ชั้น + 4 ชั้นใต้ดิน รวม 196 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 14 ยูนิตที่อาคาร A
- ที่จอดรถ 156 คันคิดเป็น 79.5% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 1-2-17 ไร่
- สร้างเสร็จพร้อมอยู่ปี 2557
- 1 Bedroom 34 – 51 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 55 – 96 ตารางเมตร
- ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 5.4 ล้านบาทหรือประมาณ 130,000 บาทต่อตารางเมตร (เฉพาะราคายูนิตที่เหลือขายในวันเก็บข้อมูล)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 130,000 บาท (2014)
- Official Website
- สำนักงานขาย : 02-267-8688
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.732017, 100.525483
แผนที่จากทางโครงการครับ จะเห็นว่า Vertiq พระราม 4 – สยาม อยู่ต้นๆถนนสี่พระยา ค่อนไปทางสามย่าน ใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT สามย่านดังภาพ
ระยะทางจริงๆจาก Vertiq ไปยังสถานีรถไฟฟ้านั้นอยู่ที่ 450 เมตร บวกลบนิดหน่อย โดยจะไกลกว่าโครงการ Wish at Samyan ประมาณ 120 เมตร ซึ่งในละแวกเดียวกันนั้นมีโครงการ IDEO Q จุฬาฯ – สามย่าน ที่เปิดขายไปในปี 2013 ที่ผ่านมา ปัจจุบันสิงหาคม 2014 โครงการกำลังสร้างอยู่แต่ยังไม่เสร็จนะครับ
ถ้าเราวัดระยะทางจาก Vertiq ไปขึ้นทางด่วนที่จุดขึ้นลงทางด่วนพระราม 4 ก็จะอยู่ที่ 1 กิโลเมตรเศษๆ
ส่วนถ้าใครจะไปใช้ทางด่วนที่ด่านสุรวงศ์ก็จะต้องวิ่งเข้าถนนนเรศดังภาพ คิดเป็นระยะทางคร่าวๆ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งการจราจรบางส่วนบนถนนสี่พระยาและถนนสุรวงศ์จะเป็นการเดินรถทางเดียว (One-way) ตามลูกศรสีฟ้า ดังภาพ
วันนี้เราขับรถมาจากทางจุฬาฯ ตรงเข้าถนนสี่พระยามานะครับ
ถนนเส้นนี้เป็นถนนที่แปลก เพราะมีช่องทางเดินรถ 3 เลน ซึ่งเป็นเลขคี่ … เราจะไม่ค่อยเห็นถนนแบบนี้กันมากนักในประเทศไทย ยกตัวอย่างอีกถนนก็คือถนนสุทธิสาร ซึ่งจะเดินรถ 3 ช่องทางเหมือนกัน
สองฟากของถนนสี่พระยานั้นเป็นตึกแถวล้วนๆ มีอาคารสำนักงานหรืออาคารเก่าๆบ้างแต่ไม่มาก จัดเป็นเขตที่อยู่อาศัยหรือชุมชนเก่า ไม่มีย่านเที่ยวกลางคืนเหมือนถนนสุรวงศ์-สีลม หรือย่านธุรกิจเหมือนถนนสีลม-สาทร
บนถนนเส้นนี้จะไม่มีห้างสรรพสินค้า ร้านรวงต่างๆก็จะเปิดเป็นร้านเล็กๆ หรือ Stand Alone อย่างธนาคารกรุงเทพฯที่เห็นในภาพ
แต่ด้วยความที่โครงการ Vertiq อยู่ใกล้ถนนพระรามที่ 4 ก็จะทำให้ไปกลับจามจุรี สแควร์ได้สะดวก เดินไม่ถึงครึ่งกิโลหรือขับรถไม่เกิน 5 นาที (ถ้ารถไม่ติด) ซึ่งในนั้นก็มี Lotus และร้านอาหารต่างๆให้พึ่งพิงได้ รวมถึงสถานีรถไฟฟ้า MRT ที่เชื่อมเข้าตัวอาคาร
ดังนั้นก่อนที่จะเข้าไปดูโครงการ ผมจะพาเดินไปจามจุรี สแควร์ สักรอบกันนะครับ
ข้างๆโครงการจะมีซอยเล็กๆที่เป็นซอยตัน ไม่สามารถทะลุไปออกถนนพระรามที่ 4 ได้นะครับ
แต่จะมีรถเข้าออกอยู่บ่อยๆเพราะว่ามีอาคารจอดรถและบ้านเรือนอยู่ด้านใน
ถนนสี่พระยานี้เดินค่อนข้างง่าย ฟุตบาทใหญ่ สภาพถนนดูแล้วโอเค แต่ร้านสองข้างทางอาจจะดูเก่าๆไปหน่อย … ก็แน่ละสิครับตึกแถวรอบๆนี้โบราณกันหมดแล้ว บางเวิ้งก็ถึงเวลาที่จะต้องเข้าไปปรับปรุงพื้นที่กันบ้างล่ะ
เดินข้ามซอยเล็กๆมาเราก็จะเจอโครงการ Wish at Samyan ซึ่งทางสยามนุวัตรเป็น Developer เช่นกัน
ข้อดีของโครงการนี้ก็คือมี Lawson 108 Shop ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Vertiq … สามารถเข้าไปใช้บริการได้ ล่าสุดมีแซนด์วิชหมูทงคัตสึ ดูแล้วน่าทานดีนะ 😀
เดินต่อไปอีกหน่อยก็จะเจอสามแยกถนนทรัพย์ ที่เป็น 1 ใน 2 ทางเชื่อมหลักที่จะทะลุไปยังถนนสุรวงศ์ … อีกเส้นหนึ่งคือถนนนเรศที่อยู่ถัดไปจากโครงการครับ
อีกไม่กี่อึดใจถัดมาเราก็มาถึงสี่แยก สามย่านกันแล้ว เป็นสี่แยกใหญ่ที่มีรถเยอะ และมักจะรถติดในช่วงเวลาเข้า-เลิกเรียน ของโรงเรียนสาธิตจุฬา, สาธิตปทุมวัน, เตรียมอุดมศึกษาและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ถนนใหญ่แบบนี้ข้ามถนนยากครับ ผมลองมาแล้วต้องรอให้ไฟแดง รถหยุดนิ่งอย่างเดียวเลย เพราะแต่ละคันวิ่งเร็วๆกันทั้งนั้น
เวิ้งที่เห็นนี้ก็คือวัดหัวลำโพงและมูลนิธิร่วมกตัญญูซึ่งอยู่ตรงข้ามจามจุรีสแควร์ … เป็นเส้นทางที่จะเดินไปสถานีรถไฟฟ้า MRT สามย่าน ได้ใกล้ที่สุดครับ
แต่เมื่อเราผ่านเข้ามาที่มูลนิธิร่วมกตัญญู สาขาวัดหัวลำโพง ผมก็อดไม่ได้ที่จะหยุดแวะเข้าไปหน่อย
จัดไปครับ ทำทานวันนี้ 🙂
บริเวณใกล้ๆกับทางลง MRT สามย่าน ก็จะมีร้านรวงขายของกินกันคึกคัก ยิ่งเป็นช่วงเย็นๆเลิกเรียนแบบนี้ด้วย ยิ่งเยอะล่ะ
ถึงแล้วครับ MRT สามย่าน
ถ้าใครจะไปจามจุรีสแควร์ ก็ต้องเดินข้ามถนนพระรามที่ 4 ไปหน่อย หรือจะเลือกเดินลง MRT ไปใช้อุโมงค์ใต้ดินก็ได้เหมือนกันครับ
หลังจากที่เราไปดูทำเลกันมาแล้ว เราไปดูตัวเนื้อโครงการกันต่อนะครับ
ที่ดินของ Vertiq เป็นรูปใกล้เคียงสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่จะวางตัวเฉียงๆกับถนนสี่พระยา โดยชั้น Ground นั้นจะแบ่งพื้นที่เป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือส่วนของ Lobby ด้านหน้า และส่วนของอาคารจอดรถด้านหลัง
ด้านหน้าของโครงการข้างซุ้มรักษาความปลอดภัยจะประกอบด้วยแผงน้ำตกพร้อมกับสวนแนวดิ่ง ซึ่งเป็นไม้จริงทั้งหมด ถ้าดูแลให้ดีก็จะสวยนานๆแบบนี้ละครับ
พื้นอาคารด้านหน้า Lobby เป็น Stamp Concrete ลายสี่เหลี่ยม มีจุด Drop Off และที่จอดรถชั่วคราว กับแผงสวนแนวดิ่งอีกแผงหนึ่ง ดูเป็นหน้าเป็นตาของอาคาร Vertiq เลยละครับ
ก่อนที่เราจะเข้า Lobby ด้านในตัวตึก เดี๋ยวขอวนไปรอบๆอาคารก่อนนะครับ
การเข้าที่จอดรถนั้นจะไม่มี รปภ. ยืนอยู่ (เนื่องจาก รปภ. เฝ้าอยู่หน้าโครงการแล้ว) ลูกบ้านที่เลี้ยวเข้ามาก็สามารถใช้ Keycard Access แตะตรงจุดนี้เพื่อเปิดไม้กระดกเข้าสู่ลานจอดรถได้ด้วยตนเอง
ลานจอดรถมีทั้งสิ้น 7 ชั้น เป็น 4 ชั้นใต้ดินและ 3 ชั้นในตัวอาคาร รวมที่จอดรถทั้งสิ้น 156 คันไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 79.5% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด ซึ่งถ้าเราเอาพื้นที่รอบอาคาร ด้านหลังอาคาร และจอดซ้อนคันบางส่วนมารวมกันทั้งหมดแล้ว ผมว่าตัวเลขน่าจะขึ้นไปแตะ 90% กว่าๆได้ไม่ยากนะครับ
ทางลงที่จอดรถด้านล่างเป็นแบบนี้
ด้านหลังโครงการทำเป็นสนาม Street บาสเก็ตบอล (ซึ่งไม่มีมาก่อนใน Master Plan) แต่ดูเหมือนงานก่อสร้างจะยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี เพราะส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือตัวห่วงแป้นบาสนั้นเอง ยังไม่ได้ถูกติดตั้งนะครับ
ด้านหลังของโครงการติดกับซอยเฉียงๆด้านข้างที่เป็นอาคารจอดรถดังภาพ
โครงผนังอาคารในส่วนที่จอดรถใช้วัสดุ Perforated Aluminium ดูสวยงามคงทน ดูแลรักษาง่ายครับ
ต่อมาเรามาดูในส่วนของ Lobby กันบ้าง มีพื้นที่พอสมควร ลูกบ้านหรือผู้มาติดต่อสามารถนั่งได้ประมาณ 5-6 กลุ่มโดยไม่ทำความรำคาญซึ่งกันและกัน ส่วนทางขวาที่เห็นในภาพจะเป็น Counter ต้อนรับแขกและที่นั่งของนิติบุคคลบางส่วนนะครับ
มองมุมกลับนะครับ
Lobby มีการตกแต่งทั้งพื้นและฝ้าที่สวยงามแบบเพดานสูง มีชั้นลอยเป็นห้องของนิติบุคคลด้วยครับ
รอบนอกอาคารจัดพื้นที่ให้เป็นบ่อน้ำตื้นล้อมรอบที่นั่ง Lobby ไว้ กั้นด้วยกระจกนิรภัยบานใหญ่ มองเห็นแผงน้ำตกด้านนอกสวยดีครับ
ด้านซ้ายมือที่เห็นคือทางเดินเข้าโถงลิฟท์ ซึ่งจะต้องใช้ Keycard แตะเข้าไป
ส่วนด้านหลัง Counter ก็จะเป็น Mailbox ของลูกบ้านทั้ง 196 ห้องครับ
โถงลิฟท์ด้านล่างตกแต่งด้วยสีทึบ ซึ่งผมคิดว่ามันทึบไปหน่อย ดูมืด ไม่โปร่งและไม่แกรนด์เหมือน Lobby ด้านนอก ซึ่ง Vertiq มีลิฟท์ด้วยกันทั้งสิ้น 3 ตัว เป็น 2 ลิฟท์โดยสาร และ 1 ลิฟท์บริการ มีอัตราส่วนลิฟท์โดยสารต่อห้องอยู่ที่ 98:1 ครับ
ชั้นที่อยู่อาศัยจะเริ่มจากชั้น 3 แต่จะไม่เต็มชั้น โดยส่วนด้านหลังของอาคารถูกตัดพื้นที่ส่วนหนึ่งเอาไปทำที่จอดรถ ซึ่งบริเวณชั้น 3 นี้จะมีสวนหญ้าเทียมภายใน เรียกว่า Green Court อยู่ตรงกลางครับ
หน้าตาของ Green Court เป็นแบบนี้ ออกมืดๆนิดนึงเพราะแสงที่ส่องลงมาจากช่องเปิดด้านบนลงมาไม่ค่อยถึงแล้ว
ตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไปจะเป็นพื้นที่พักอาศัย โดยตัวตึกบริเวณชั้น 4-10 นั้นจะค่อนข้างทึบ เพราะจะไม่มีช่องให้แสงเข้าเลยนอกจากบริเวณช่องวงรีตรงกลางเท่านั้น ด้านอื่นๆถูกจัดให้เป็นห้องทั้งหมด ซึ่งจะมีวิวต่างๆกันไป ดังนี้
ทิศตะวันออกเฉียงใต้หันเข้าหาถนนสี่พระยา มองผ่านถนนทรัพย์ไปยังถนนสุรวงศ์ … ไกลๆจะได้วิวสีลม-สาทรครับ
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ มองย้อนไปทางเจริญกรุง เห็นภาพ Background เป็น สีลม-สาทร เช่นกัน
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มองไปทางถนนบรรทัดทอง
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือต่อไปจะมี IDEO Q จุฬาฯ-สามย่าน ขึ้นมาบังเต็มๆ
ส่วนอาคารใกล้ๆกันที่พอจะบล็อควิวในระยะใกล้ก็คือ Wish at Samyan และอาคารสีขาวๆทางซ้าย แต่ตัวตึกก็บิดหันหลบกัน เลยไม่ได้บังวิวอะไรมากมายครับ
ชั้น 12F เป็นชั้นส่วนกลาง ซึ่งเป็นส่วนของฟิตเนส ซึ่งผมว่าเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลย
ฟิตเนสหรือห้องออกกำลังกายนั้นคอนโดส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญกันเท่าไร ขอแค่เพียงกั้นพื้นที่ไว้นิดหน่อย ใส่เครื่องเล่นไปไม่กี่ชั้นพอให้เคลมว่าคอนโดตึกนี้มีฟิตเนสได้ก็พอแล้ว แต่ฟิตเนสของ Vertiq นั้นจัดว่าเป็นฟิตเนสที่ใหญ่ เมื่อเทียบกับจำนวนลูกบ้าน 196 ห้อง ถือว่าใหญ่กว่าที่คิดไว้มากละครับ
เครื่องวิ่งมีทั้งแบบสายพานและแบบ Elliptical Workout … ซึ่งจะเห็นว่าในแทบทุกมุมมีการติดแอร์ทั้งสิ้น ให้ใช้งานได้พร้อมๆกันได้จริงๆ
อีกมุมเป็นเครื่องปั่นจักรยานอีกสองเครื่อง และพวกเครื่องสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ตลอดจน Dumbell ชุดใหญ่
ตรงนี้อีกประมาณ 5-6 เครื่อง โฟกัสในส่วนที่แตกต่างกัน
ซึ่งระหว่างฟิตเนสกับสระว่ายน้ำสามารถเดินขึ้นลงไปหากันได้ด้วยบันไดที่เชื่อมกันภายนอกตึกครับ
เดินขึ้นไปสระว่ายน้ำชั้น 14F ตามนี้ครับ
มาถึงชั้น 14F กันแล้ว ผมจะพามาดูสระว่ายน้ำแล้วล่ะ … แต่ก่อนที่จะไปดูสระ ลองดูช่องแสงตรงนี้ก่อนดีกว่านะ
ช่องเปิดตรงกลางตึกรูปวงรีนี้จะทำหน้าที่ดึงแสงจากชั้นบนลงไปสู่ชั้นล่าง ให้โถงกลางดูโปร่ง โล่ง สบายตา ซึ่งจะได้ผลมากๆในช่วงชั้นที่ห่างจากบนสุดไม่เกินสัก 10 ชั้น แต่หลังจากนั้นก็จะได้ผลน้อยลงๆไปเรื่อยๆ จนแทบไม่เห็นผลเลยอย่างชั้น 3F ที่เป็นพื้นหญ้าเทียมสีเขียวครับ
มองย้อนขึ้นไปจะเห็นหลังคาของ Void รูปวงรีที่ชั้น 19F
เราเดินออกมาที่สระว่ายน้ำกันบ้าง ตัวสระเป็นระบบน้ำเกลือ มีความกว้างพอที่จะว่ายออกกำลังกายได้สะดวก
โดยในส่วนของสระว่ายน้ำก็จะมีการทำสวนแนวดิ่ง หรือ Vertical Garden เอาไว้ให้ชมอีก 1 จุด
มองย้อนกลับไปจะเห็นเป็นสวนและสระว่ายน้ำ สวยงามครับ ถ้าดูแลได้แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆก็จะดูดีมากเลย
อีกฝั่งหนึ่งของสระว่ายน้ำเป็นเปลนอนแช่น้ำแบบนี้ … ได้อารมณ์นอนจุ่มเท้าลงไปในสระว่ายน้ำได้เลย
แหม่ แต่กว่าจะได้รูปนี้มา ผมก็ต้องเดินท่านี้ละครับ 555 เสียววาบๆเหมือนกันนะ ขอบอก
จบด้วยบรรยากาศสบายๆรอบสระที่ดูร่มรื่นเย็นสบาย แต่น่าเสียดายที่พื้นที่ Deck แคบไปหน่อย ตั้งโต๊ะนั่งเล่นข้างขอบสระได้แค่ตัวเดียวเท่านั้นเอง
ตั้งแต่ชั้น 14F ขึ้นไป พื้นที่ของตึกก็จะถูกตัดไปเรื่อยๆ และตัวตึกก็จะมีสวนเล็กๆ เป็น Pocket Garden ให้ตามชั้น ตามแต่ละมุม เป็นจุดๆไปนะครับ
หน้าตาของตึกด้านบนชั้น 14F-17F ก็มีการปลูกไม้ให้ย้อยๆลงมาปกคลุมตึก ลดความกระด้างลงไปได้เยอะล่ะครับ
มาถึงชั้น 19F ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของ Sky Light และเป็นชั้นที่มีสวนส่วนกลางที่ใหญ่ที่สุด
แต่พอเปิดประตูออกไปก็พบว่าน่าเสียดายอยู่นะครับ ที่ตัวอาคารใช้การทาสีและปลูกหญ้าเทียม แทนที่จะทำเป็นสวนแนวดิ่งเหมือนกับชั้นบริเวณสระว่ายน้ำ
นอกจากต้นไม้ทางซ้ายที่เห็นแล้ว พื้นหญ้าทั้งหมดนี้เป็นหญ้าเทียมนะครับ
ที่น่าสนใจคือยูนิตนี้ เหมือนกับมีสวนส่วนตัวอยู่ด้านนอกเลย
ชั้น 21F ก็มีพื้นที่สวนอีกนิดหน่อย ห้องพักอาศัยแทบไม่เหลือแล้ว
ชั้น 22F มีเพียง 2 ห้องเท่านั้นเอง
บนสุดเป็น Penthouse 130.5 ตารางเมตร ซึ่งมีแค่ห้องเดียวครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ลึก 1.2 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาดใหญ่ เครื่องออกกำลังกายประมาณ 12 เครื่อง
- สวนหย่อมด้านบนชั้น 19F และสวนเล็กๆตามจุดต่างๆของโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 98 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 156 คันคิดเป็น 79.5% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 90% (โดยประมาณ)
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องแรกที่จะพาไปดูเป็นห้อง B4-A ที่ชั้น 17F นะครับ โดยจะเป็นห้อง 2 Bedrooms ขนาด 64.5 ตารางเมตร ห้องตัวอย่างจะแสดงแบบ Fully Fitted แต่ทางโครงการแจ้งว่าเวลาขายจะมีเฟอร์นิเจอร์ให้ด้วยครับ
ส่วนแรกเลยเป็นส่วนของประตูซึ่งใช้มือจับเป็นรุ่นเขาควายทั่วไป ไม่ได้ใช้ Digital Doorlock ซึ่งสำหรับคอนโดในปัจจุบันที่ราคาตารางเมตรละ 130,000 บาทขึ้นไป ก็จะเป็นรุ่น Digital Doorlock กันหมดแล้ว แต่โครงการ Vertiq นี้ถูกล็อคสเปคมาก่อนนานพอควรกว่าจะสร้างเสร็จในปัจจุบันก็ถือว่าหยวนๆไปได้บ้าง ทางที่ดีเจ้าของห้องก็ควรหามาติดเพิ่ม เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งานแบบไม่ต้องพกกุญแจบ้านครับ
ข้างประตูเป็นตู้รองเท้าและที่วางตู้เย็น
พื้นในส่วนของครัวเป็นกระเบื้องกันลื่น ในส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะเป็น Engineering Wood ดังภาพ
ชุดครัวที่ให้มาด้วยก็จะเปิดได้ประมาณนี้ ช่องที่เว้นเอาไว้สำหรับใส่เครื่องซักผ้า ซึ่งมีท่อน้ำเตรียมไว้ให้แล้วทางซ้ายมือครับ
เตาเป็นเตาไฟฟ้า 4 หัว และเครื่องดูดควันของ Teka
ซิงก์น้ำขนาดพอประมาณมีที่พักจานเรียบร้อย ด้านหลังปูกระเบื้องโมเสก
ห้องนั่งเล่นขนาดประมาณเท่านี้ จัดว่าใหญ่พอที่จะวางโซฟาดูทีวีได้สบายๆ แต่ถ้าจะแบ่งพื้นที่บางส่วนวางโต๊ะกินข้าวด้วยก็ต้องจัดสรรปันส่วนกันให้ดีนะครับ
ระยะจากฝั่งหนึ่งไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง
ระเบียงเป็นระเบียงแนวยาว ติดราวกันตกแบบกระจกนิรภัย สามารถมองวิวทะลุลงไปได้
ด้านบนของส่วนระเบียงติดตั้งคอมเพรสเซอร์เอาไว้ เวลาเป่าลมร้อนก็จะได้ออกนอกอาคารไป ทำให้เราใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่
อีกด้านหนึ่งจะมีก๊อกน้ำ ไว้สำหรับรดน้ำต้นไม้ หรือซักล้างอะไรนิดหน่อยได้ครับ
วิวของยูนิตนี้ มองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ แทบไม่เห็นอาคารสูงเลย โล่งดีจัง
ฝ้าเพดานที่นี่สูงประมาณ 2.55 เมตร ในส่วนของห้องนั่งเล่น และ 2.4 เมตรในส่วนของครัว โดยจะมีแอร์ซ่อนอยู่ดังภาพ
ห้องน้ำห้องแรกจะใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนที่ 2 และห้องนั่งเล่น
โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดใช้แบรนด์ KOHLER
มีการติดตั้งตู้เก็บของ ทั้งด้านบนและด้านล่าง พร้อมทั้งปลั๊กกันน้ำมาให้ไว้ด้วย
โถสุขภัณฑ์ก็เช่นกันเป็นของ KOHLER ดูใช้ได้ยกเว้นที่วางทิชชู่ซึ่งดูไม่ค่อยสมราคาไปนิดนึงนะครับ
ห้องอาบน้ำนี้ไม่ใหญ่เท่าไรนะครับ เวลาหมุนตัวอาจจะอึดอัดนิดนึง
ฝักบัวเป็นแบบ Hand Shower ก๊อกผสมตามภาพ
ถัดจากห้องน้ำก็จะมาถึงโถงเล็กๆที่แจกเข้าห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ทางซ้ายเป็นห้องนอนเล็กและทางขวาเป็น Master Bedroom
ห้องนอนเล็กมีขนาดประมาณนี้ ไม่เล็กมาก แต่ก็ไม่ใหญ่ ถ้าจะให้ดีควรวางเตียง 3.5 ฟุต ไม่มีห้องน้ำในตัว
ข้อดีคงจะเป็นเรื่องช่องแสง ที่ให้มาค่อนข้างสมบูรณ์
แอร์เป็นตัวเล็ก และไม่ได้ซ่อนไว้เหมือนห้องนั่งเล่นด้านนอก
มาดู Master Bedroom กันบ้าง
เปิดเข้าไปจะเจอส่วน Walk-in Closet ก่อนเลย ที่มีช่องแสงในตัวด้วย
กับบานเลื่อน เปิดเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดกัน
สุขภัณฑ์ต่างๆจะเหมือนเดิมขอไม่กล่าวถึงนะครับ ส่วนที่แตกต่างก็คือพื้นที่ที่กว้างขึ้นมาก
ห้องน้ำมีช่องแสงขนาดใหญ่ ถ้าใครไม่มั่นใจหรือไม่ชอบโชว์ก็ต้องหาม่านอาบน้ำมาปิดนิดนึงนะฮะ
ห้องนอนใหญ่นี้ใหญ่กว่าห้องนอนเล็กพอตัว ประกอบด้วยกระจกสองด้าน เวลามองออกไปโล่งๆก็จะดูดีนะครับ
แอร์ของห้องนี้ได้เป็นแบบซ่อนใต้ฝ้าเช่นกัน
เราไปดูห้องต่อไปกันนะครับ
เป็นห้องแบบ B2 แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 55 ตารางเมตร
คล้ายๆกับห้องที่แล้วเลยครับ เปิดประตูเข้าไปก็จะเจอส่วนของครัว เชื่อมกับห้องนั่งเล่น
ชุดครัวแผงเดียวกันเด๊ะๆ
จุดที่แตกต่างคงจะหนีไม่พ้น Layout จุดนี้ ที่มีห้องนอนเข้ามุมอยู่ตรงกลางห้อง
ห้องน้ำเหมือนเดิม ใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอน 2 และห้องนั่งเล่น
ห้องนอน 2 นี้ดีไม่เท่าห้องที่แล้ว คือเป็นห้องเล็กที่ซ้อนอยู่ในห้องใหญ่ ไม่มีช่องแสงเป็นของตัวเอง
ทางโครงการเลยต้องทำกระจกเข้ามุมมาแบบนี้ อยู่แล้วจะอึดอัดนิดนึง เมื่อเทียบกับห้องที่พาไปดูเมื่อครู่
ส่วนห้องนอนใหญ่นั้นก็จะไม่ได้เป็นห้องมุมแล้ว แต่ก็ยังจัดช่องแสงเต็มสตรีมเหมือนเดิม
มีห้องน้ำในตัวเช่นเดิม
แต่แอร์เป็นแบบติดผนัง ไม่ได้ฝังฝ้าครับ
ต่อมาเราจะมาดูห้องที่ตกแต่งแล้วกันบ้าง เป็นห้องที่ Layout เดียวกันกับห้องที่ดูไปเมื่อครู่ละครับ แต่เราจะมาดูกันว่าเมื่อตกแต่งแล้วจะออกมาอย่างไร
โต๊ะกินข้าววางคาบเกี่ยวอยู่กับห้องนั่งเล่นและพื้นที่ครัวแบบนี้
ถัดจากโต๊ะกินข้าวสามารถทำเป็นชั้นวางหนังสือ โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และโต๊ะกลางดูทีวี
ระยะดูทีวีโอเคเลย
ห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับระเบียง ขนาดไม่ยาวมากแต่ก็กว้างพอจะปลูกต้นไม้ได้สบายๆ
ทีนี้เรามาถึงห้องนอนเจ้าปัญหากันบ้าง ที่เป็นห้องซ้อนห้อง
ทางออกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ … ไม่ต้องทำเป็นห้องนอน จัดเป็นห้องอเนกประสงค์ไปเสีย แล้วจะลงตัวมาก เช่นห้องทำงาน ห้องเล่นเกม ห้อง Home Theatre ห้องเด็กอ่อน หรือห้องแต่งตัวก็ยังได้
ในที่นี้ห้องตัวอย่างจัดมาเป็นห้องทำงาน เห็นอย่างนี้แล้วผมว่าเป็นมุมๆหนึ่งที่น่านั่งมากที่สุดในบ้านเลยละครับ ได้ทั้งความเป็นส่วนตัว เวลาที่จะใช้ความคิด แต่ยังคงไว้ซึ่งการเชื่อมต่อจากภายนอก ไม่อึดอัด
มีการตกแต่งนิดหน่อยให้ดูเป็นห้องทำงานจริงๆจังๆ
ส่วนห้องนอนใหญ่ก็แต่งเป็นห้องนอนเต็มที่ … ปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นโดยรวมเป็นห้องแบบ 1+1 เสีย แทนที่จะเป็น 2 Bedrooms
ระยะห้องนอนใหญ่วางเตียงสบายๆ
เปิดประตูเข้ามา ไม่ติดปลายเตียง แต่ก็ไม่มีพื้นที่ให้วางชั้นวางทีวี ต้องใช้แขวนผนังเอาแบบนี้
แหม่ ยังพอเหลือที่ทำ Mini Walk-in Closet ด้วยนะ
เป็นทางเดินซึ่งนำไปสู่ห้องน้ำภายในห้องนอนละครับ
ห้องสุดท้ายเป็นห้องใหญ่หน่อย แบบ B5 ซึ่งเป็น 2 Bedrooms ขนาด 69.27 ตารางเมตร
ห้องนี้เป็นห้องตัวอย่าง ตกแต่งเฟอร์เรียบร้อย มีพื้นที่ให้โต๊ะทานข้าวและห้องนั่งเล่นวางแยกจากกันชัดเจน
วางโต๊ะทานข้าวคู่กับตู้หนังสือ สวยดีครับ ในความเห็นของผมควรจะทำตู้วางรองเท้าบริเวณใต้รูปภาพนั่นด้วย จะได้มีที่เก็บของเยอะๆนะ
อีกฝั่งหนึ่งเป็นครัวรูปตัว U พร้อมกับ Pantry วางของ ใช้งานได้ดีขึ้นมาก
เชื่อมต่อกับโต๊ะกินข้าว ใช้งานได้สะดวก
ครัวรูปตัว U นี้มีพื้นที่วางของมากกว่าห้องที่ผ่านมา
ช่องเก็บของเยอะ แต่เสียตรงที่เปิดพร้อมๆกันไม่ได้ หน้าบานจะชนกัน และถ้าเข้าไปทำครัวพร้อมๆกันสองคน อาจจะอึดอัดนิดนึงนะครับ
ที่ดีสุดคงจะเป็นฟังก์ชั่น Pantry ตรงนี้แหละ ที่เชื่อมพื้นที่ ครัว-ห้องนั่งเล่น-โต๊ะทานข้าว เข้าด้วยกัน เป็น Open Space ใหญ่ๆ
ห้องนั่งเล่นวางโซฟาตัวใหญ่ รูปตัว L เชื่อมกับระเบียงขนาดใหญ่ด้านนอก
พื้นที่สบาย นั่งได้ 3-4 คน ไม่แออัดครับ
ระยะดูทีวีค่อนข้างดีเลย เสียตรงทีวีเล็กเกินไปนี่แหละ ผมว่าระยะนี้ต้องมี 50 นิ้ว
ระเบียงกว้างใหญ่ วางเตียงเลยก็ได้ แต่ติดตรงที่อยู่ชั้น 4F … เปลี่ยนเป็นปลูกต้นไม้น่าจะงามกว่า
ข้างๆเป็นช่อง Service ของคอมเพรสเซอร์แอร์
เรามาดูห้องนอนกันบ้าง นี่เป็นห้องนอนเล็ก วางเตียงเล็กกับตู้เสื้อผ้าทางซ้าย
ปลายเตียงวางทีวี แต่ถ้าหาตำแหน่งวางโต๊ะการบ้านอีกสักตัวได้จะดีมากเลย
ห้องนอนใหญ่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง เป็นห้องนอนเข้ามุมที่ได้วิวสองด้านเช่นกัน
ขนาดห้องนอนไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่เล็กไป
ปลายเตียงวางชั้นวางทีวีพอดีๆ มีที่เดิน ไม่เกะกะ … แต่ถ้าจะเอาโต๊ะเครื่องแป้งด้วยก็ต้องไปวางตรงโคมไฟสีแดงๆตรงนั้นนะครับ
ทางเดินไปห้องน้ำมี Closet เข้ามุมอยู่ … แต่แบบนี้ไม่มีหน้าบาน ใช้นานๆจะไม่ดี ความชื้นเข้าเพราะอยู่ติดกับห้องน้ำ ผมแนะนำให้ไปทำหน้าบานให้เรียบร้อยนะครับ
ห้องน้ำเปิดให้เห็นวิวเช่นกัน ซึ่งห้องนี้ได้หน้าต่างบ้านเหลืองๆของเพื่อนบ้าน … ผมแนะนำให้ติดฟิลม์ฝ้า ยังคงได้แสงอยู่แต่จะช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวได้มากครับ
อื่นๆโอเค แต่ว่าห้องอาบน้ำเล็กไปนิดหนึ่งนะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 August 2014
- B2B ชั้น 4F พื้นที่ 56.41 ตารางเมตร ราคา 7.147 ล้านบาท หรือ 126,700 บาท/ตารางเมตร
- B2D ชั้น 8F พื้นที่ 55.86 ตารางเมตร ราคา 7.336 ล้านบาท หรือ 131,300 บาท/ตารางเมตร
- B2D ชั้น 9F พื้นที่ 55.86 ตารางเมตร ราคา 7.394 ล้านบาท หรือ 132,400 บาท/ตารางเมตร
- B2C ชั้น 10F พื้นที่ 55.31 ตารางเมตร ราคา 7.435 ล้านบาท หรือ 134,400 บาท/ตารางเมตร
- Fully Furnished / Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 50,000 บาท
- ทำสัญญา 10%
- ค่ากองทุน 600 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
โครงการ Vertiq พระราม 4 – สยาม ตั้งอยู่บนถนนใหญ่สี่พระยาช่วงที่ใกล้กับถนนใหญ่พระราม 4 รอบข้างโครงการนอกจากตึก Wish at Samyan ล้วนเป็นย่านชุมชนเก่า เป็นตึกแถวแทบทั้งสิ้น ร้านค้าและสองฟากของถนนไม่ค่อยคึกคัก ต่างจากถนนสุรวงศ์ที่ยังมีย่านสถานบันเทิงตลอดจนร้านอาหารอยู่บ้าง และเทียบไม่ได้กับถนนสีลม-สาทร ที่เป็นย่านธุรกิจชั้นนำของประเทศ แต่เนื่องจากตำแหน่งของโครงการ Vertiq นั้นตั้งอยู่ใกล้กับสี่แยกสามย่าน ซึ่งสามารถใช้ถนนพญาไทไปยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและโรงเรียนรอบข้างได้สะดวก หรือแม้แต่สยามสแควร์ที่อยู่ห่างออกไปอีกเพียงเล็กน้อย ทำให้ทำเลของ Vertiq จัดเป็นทำเลที่มีศักยภาพที่สามารถเข้าถึงใจกลางกรุงเทพมหานครได้ง่าย กลบข้อเสียหลายๆส่วนของสภาพแวดล้อมรอบข้างไปได้ครับ
ถนนสี่พระยาเป็นถนนที่ไม่ใหญ่มาก มีความกว้าง 3 เลน โดย 2 เลนจะมุ่งหน้าไปทางเจริญกรุงและอีกเลนหนึ่งมุ่งหน้าไปทางพระราม 4 ซึ่งช่วงปลายของถนนสี่พระยาที่เลยถนนนเรศไปแล้วจะเป็นการเดินรถทางเดียว อนุญาตให้รถจากถนนเจริญกรุงวิ่งไปยังถนนพระราม 4 เท่านั้น แต่ถ้าอยากจะวิ่งย้อนไปยังเจริญกรุงก็ต้องใช้ถนนสุรวงศ์แทน ซึ่งจะเป็นการเดินรถทางเดียวเช่นกัน หากมองเผินๆแล้วอาจจะคิดว่าเดินทางไม่สะดวก แต่จริงๆแล้วถนนสี่พระยาและสุรวงศ์นั้นมีปัญหาการจราจรน้อยกว่าสีลม-สาทร-นราธิวาสฯ มากๆ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องรถติดมากเกินไป ส่วนจุดขึ้นลงทางด่วนที่ใกล้เคียงนั้นมีด้วยกันทั้งสิ้นสองจุด คือด่านพระราม 4 (หัวลำโพง) และด่านสุรวงศ์ ที่ต่างห่างจากโครงการไม่เกิน 1.5 กิโลเมตร
ส่วนถ้าใครไม่ใช้รถยนต์ก็สามารถเดินทางด้วย MRT หรือรถสาธารณะอื่นๆได้ จากหน้าโครงการเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสามย่านข้างมูลนิธิร่วมกตัญญูคิดเป็นระยะทางราว 450 เมตร สองฟากสามารถเดินได้โดยสะดวก มีฟุตบาทใหญ่ตลอดถนน ยิ่งพอใกล้ๆมูลนิธิร่วมกตัญญูแล้วก็จะมีร้านขายของตามข้างทาง ทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่จากระยะทางที่ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกลมากนี้ ก็ต้องเป็นคนที่ชอบเดินหน่อย ถ้าเป็นสาวๆที่ต้องใส่ส้นสูงไปทำงานก็คงจะไม่แนะนำครับ
วัสดุอุปกรณ์ส่วนใหญ่ใช้ของดีที่อยู่ในระดับ High Class เช่นพื้น Engineering Floor, สุขภัณฑ์ KOHLER, ราวกันตกที่ทำด้วยกระจกนิรภัยบริเวณระเบียง แต่วัสดุบางอย่างก็ควรที่จะปรับปรุงหรือติดตั้งเพิ่ม เช่นหน้าบานครัวที่น่าจะเป็น Hi Gloss, ระบบ Soft Close ตามตู้ต่างๆ และระบบ Digital Doorlock เป็นต้น หรืออุปกรณ์บางอย่างที่ไม่เหมือนกันทุกห้องก็ควรจะทำให้เป็นมาตรฐาน เช่นแอร์ที่บางห้องเป็นแบบซ่อนใต้ฝ้าและบางห้องเป็นแบบแขวนผนัง
การออกแบบอาคารทำได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะชั้น 12F ขึ้นไปที่จะได้แสงจากทั้งส่วนด้านหลังและช่อง Skylight ตรงกลาง แต่ในขณะที่ชั้น 3F-11F นั้นค่อนข้างทึบไปหน่อยเพราะจะได้แสงธรรมชาติจาก Skylight เพียงอย่างเดียว สิ่งที่อยากจะคอมเมนท์คือเรื่องของสวนแนวดิ่ง ที่ชั้น G หน้า Lobby และชั้น 14F บริเวณสระว่ายน้ำนั้นทำสวนได้สวยมาก แต่พอเป็นสวนใหญ่ชั้น 19F ซึ่งควรจะเป็นสวนที่สวยที่สุดของโครงการกลับใช้เป็นหญ้าเทียมและบางส่วนก็ทาสีเขียวเอา ทำให้รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
สุดท้ายคือเรื่องสาธารณูปโภค เริ่มจากที่จอดรถที่มีเพียงพอ 79.5% ในช่องจอด ถ้ารวมซ้อนคันและจอดรถรอบอาคารก็น่าจะเกิน 90% สบายๆ ห้องที่ชอบที่สุดคงจะหนีไม่พ้นฟิตเนสที่ทำมาให้ใช้งานได้จริง ดูแล้วใหญ่ เครื่องเล่นครบครัน ส่วนสระว่ายน้ำนั้นขนาดใช้ออกกำลังกายได้ พื้นที่รอบสระอาจจะเล็กไปหน่อย นั่งรับลมชิวๆรอบสระไม่ค่อยสะดวก แต่ก็มีพื้นที่ Daybed แช่น้ำให้ลงไปนอนเล่นซึ่งพอทดแทนได้บ้างในวันสบายๆ
ทั้งนี้ราคาของ Vertiq ที่ขยับไปอยู่ราวๆ 130,000 บาทต่อตารางเมตร จัดว่าไม่สูงเลยเมื่อเทียบกับราคาของโครงการ IDEO Q จุฬาฯ-สามย่าน ที่อยู่ใกล้กันและเปิดตัวไปในปี 2013 แต่เราจะเทียบเพียงราคาต่อตารางเมตรก็ไม่ได้ เพราะปัจจุบันห้องที่เหลือขายของ Vertiq มีแต่ห้องขนาด 55 ตารางเมตรขึ้นไปทั้งสิ้น คิดเป็นจำนวนเงินออกมาแล้วก็ต้องมี 7 ล้านขึ้นไป ทำให้แพคเกจโดยรวมไม่ได้ถูกขนาดนั้น ยังต้องผ่อนต่อเดือนขั้นต่ำ 40,000 – 50,000 บาท ซึ่งอาจจะเกินกำลังของผู้ซื้อหลายๆกลุ่มครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 130,000 บาทต่อตารางเมตร, 20 August 2014
- ทำเล 8.5/10 – ติดถนนสี่พระยา ใกล้ถนนทรัพย์และจุฬาฯ
- เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – มีทางด่วนในระยะไม่ไกล ที่จอดรถเพียงพอ
- ไม่ใช้รถ 8/10 – เดินไป MRT สามย่านได้ในระยะ 450 เมตร
- วัสดุ 7.5/10 – วัสดุหลายชิ้นดี แต่บางชิ้นก็ต้องติดตั้งเพิ่มเติม
- แบบ 7/10 – แบบห้องส่วนใหญ่ได้มาตรฐาน แต่มีบางห้องยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร
- สาธารณูปโภค 8/10 – ฟิตเนสใหญ่ สระว่ายน้ำใช้ได้ สวนดูดีที่ Lobby และชั้น 14F
- HIGH CLASS
- 8.08 / 10.00
BOTTOM LINE
Vertiq เหมาะสำหรับครอบครัวที่อยากได้คอนโดใกล้จุฬาฯ หรือทำงานบนเส้นพระราม 4, สี่พระยา, สุรวงศ์ โดยมีงบประมาณสูงระดับหนึ่ง
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ