UNio สุขุมวิท 72 เฟส 2 จาก Helix 

รีวิวฉบับที่ 1905 … วันนี้เราจะพาไปชมตึกเสร็จ UNio สุขุมวิท 72 เฟส 2 กันค่ะ ถึงแม้ว่าลาซาน-แบริ่งจะเป็นอีกย่านที่มีคอนโดขึ้นมากมายทั้ง Low Rise และ High Rise แต่การออกแบบของที่นี่จะเป็นกลุ่มอาคาร Low Rise หลายๆอาคารรวมกัน ทำให้มีพื้นที่ส่วนกลางใหญ่กว่า Low Rise อื่นๆรอบๆ สามารถสร้างบรรยากาศให้ดูเหมือนรีสอร์ทได้ ในแบบที่ High Rise ทำได้ยาก ส่วนราคาก็ถือว่ายังไม่แรงมาก มนุษย์เงินเดือนจบใหม่ยังสามารถหยิบจับได้ ราคาโปรโมชันเริ่มต้นอยู่ที่ 1.59 ล้านบาท ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ เราลองไปดูพร้อมกันค่ะ

Fact @ 18 July 2019

  • UNiO Sukhumvit 72 Phase 2 (ยูนิโอ สุขุมวิท 72 เฟส 2)
  • บริษัท เฮลิกซ์ จำกัด ในเครือ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ซอยสุขุมวิท 72 ถนนสุขุมวิท จังหวัดสมุทรปราการ
  • เนื้อที่โครงการ 10-0-33.9 ไร่
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 5 อาคาร จำนวนทั้งหมด 992 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต

  • อาคาร A 231 ยูนิต
  • อาคาร B 217 ยูนิต
  • อาคาร C 176 ยูนิต
  • อาคาร D 162 ยูนิต
  • อาคาร E 206 ยูนิต

  • รูปแบบห้องพัก
    • Studio 22 -36 ตร.ม.
    • 1 Bedroom 31.5 ตร.ม.
    • 2 Bedrooms 40.50 – 50 ตร.ม.
    • Duplex 1 Bedroom 69 ตร.ม.

  • จำนวนที่จอดรถช่องจอด ประมาณ 303 คัน คิดเป็น 30% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • จำนวนที่จอดรถจักรยานยนต์ ประมาณ 50 คัน
  • จำนวนที่จอดจักรยาน  ประมาณ 90 คัน
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 1.59 บาท (ราคาโปรโมชัน)
  • ช่วงราคาขาย 1.59 – 6.25 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ  70,000 บาท/ตร.ม.
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : พฤศจิกายน ปี 2560
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : สิงหาคม 2562
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 02-032-2222
  • สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด Google Maps : 13.658622, 100.597855
    หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

    แผนที่จากทางโครงการค่ะ โครงการ UNio สุขุมวิท 72 เฟส 2 ตั้งอยู่ภายในซอย สุขุมวิท 72 ฝั่งสุขุมวิทขาเข้า ทำให้มีข้อดีที่สามารถวิ่งเข้าเมืองได้สะดวก ซึ่งโครงการ Low Rise ที่ขึ้นใหม่ส่วนมากจะอยู่ในซอยลาซาลหรือซอยแบริ่งกันเยอะ ทำเลตรงนั้นก็จะมีข้อดีที่คึกคัก อาหารการกินเยอะ แต่ของโครงการนี้ก็จะมีความเงียบสงบ เดินทางไปยังรถไฟฟ้า หรือขับรถเข้าเมืองทางเส้นสุขุมวิท หรือไปขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครตรงแยกบางนาได้สะดวกกว่าค่ะ

    โครงการนี้เราเคยทำรีวิวห้องตัวอย่างเอาไว้แล้ว และได้อธิบายหัวข้อทำเลไว้ค่อนข้างละเอียดเลยทีเดียว สามารถเข้าไปดู ทำเลโครงการ Unio สุขุมวิท 72 เฟส 2 กันได้ < คลิกที่ชื่อโครงการเลยค่ะ

    สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    โครงการ UNio สุขุมวิท 72 เฟส 2 จะสร้างติดกันกับที่ดินของโครงการเฟส 1 เลยค่ะ โดยทั้ง 2 โครงการนี้จะมีการใช้งานส่วนกลาง ทีมงานนิติบุคคลแยกกัน แต่จะใช้ทางเข้าทางเดียวกัน สามารถเข้าได้ทั้งจากซอยสุขุมวิท 70 และสุขุมวิท 72 (ระยะทางจากสุขุมวิท 72 จะใกล้กับถนนใหญ่อย่างถนนสุขุมวิทมากกว่า) สภาพแวดล้อมของสุขุมวิทฝั่งนี้จะเป็นซอยตัน ทำให้รถเข้าออกไม่มาก ได้บรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบ เป็นบ้านพักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ ยังไม่มีอาคารสูงขึ้นในระยะใกล้มากนักค่ะ

    • ทิศเหนือ – อยู่ติดกับแนวบ้านพักอาศัยในซอย 70/1 และมีบางส่วนที่ติดกับอาคารพักอาศัยของเฟส 1
    • ทิศตะวันออก – จะติดกับอาคารเฟส 1
    • ทิศใต้ – อยู่ติดซอยศิริคาม 6 ตรงข้ามกันเป็นที่ดินเปล่าของบุคคลอื่น
    • ทิศตะวันตก – ติดกับบ้านพักอาศัยแนวราบ สูงประมาณ 2 ชั้นและโรงเรียนไทยซิกข์นานาชาติ

    จากหน้าโครงการมองไปยังปากซอยสุขุมวิท 72 ซึ่งเป็นทางเข้าหลักของโครงการ UNio สุขุมวิท 72 เฟส 2  ถนนนี้เป็นถนน 2 เลน รถวิ่งสวนกันได้ แต่ก็ไม่มีรถเข้า-ออกพลุกพล่านเท่าไหร่นะคะ เดินได้ไม่เปลี่ยวมาก แต่ถ้าเดินไปรถไฟฟ้าก็แอบไกลเหมือนกัน โชคดีที่โครงการจะมีรถ Shuttle Bus (เป็นรถตู้) รับส่งที่ BTS สถานีแบริ่งค่ะ ส่วนช่วงเวลาใช้งานและค่าบริการจะมีหรือไม่ ตอนนี้เรายังไม่ได้ข้อมูลที่แน่นอนมา เพราะจะกำหนดโดยทางนิติบุคคลของโครงการอีกครั้งค่ะ

    มายังหน้าโครงการ ทั้งเฟส 1 และ เฟส 2 จะใช้ทางเข้าร่วมกันนะคะ หน้าโครงการแอบเห็นมีรถเข็นขายอาหารมาตั้งดักรอลูกบ้านที่หิวโหยอยู่ค่ะ ไม่ต้องเดินไกลไปหน้าปากซอย (เพราะหน้าปากซอยก็ไม่มีของกินเท่าไหร่ จะให้มีกินคึกคักแน่นอนต้องไปยังตัวสถานีแบริ่งเลย) นอกจากร้านรถเข็นแล้ว เรายังเป็นพี่วินมอเตอร์ไซค์มาตั้งวินรถตรงนี้ด้วยค่ะ เพราะเฟส 1 ก็มีลูกบ้านมาอยู่อาศัยกันแล้ว คาดว่าคงมีคนใช้งานบ่อยเลยมีพี่วินมาตั้งวินตรงนี้ซะเลย!

    ทางเข้าโครงการช่วงแรกจะใช้ถนนร่วมกันระหว่างเฟส 1 และ เฟส 2 ค่ะ แต่วิธีการเข้าออกจะต่างกัน คือเฟส 1 เลี้ยวขวา เฟส 2 ต้องตรงไปเลี้ยวซ้าย

    ที่เฟสแรกใต้อาคารจะมี 7-eleven เปิดอยู่ค่ะ ถือว่าเป็นร้านฝากท้องของผู้อยู่อาศัยที่นี่ได้เลย ตำแหน่งตรงนี้เป็นพื้นที่ที่คนนอกสามารถมาใช้งานได้(ไม่จำกัดเฉพาะเฟส 1 เท่านั้น) มีที่จอดรถเป็น Visitor Parking อยู่ด้านหน้าค่ะ (ที่จอดรถสำหรับลูกบ้านก็จะมีไม้กั้นกระดกเข้าไปอีกที) เราว่าอย่างน้อยมี 7-eleven ที่เฟส 1 ก็ดีนะคะ เพราะ Shop ที่เฟส 2 ของเรายังไม่กำหนดว่าร้านค้าจะเป็นร้านอะไร แต่ก็อุ่นใจได้ว่าถ้าหิวตอนเที่ยงคืนไม่ต้องเดินไปไหนไกลแน่นอน ส่วนข้างๆ 7-11 จะมีร้านกาแฟอินทนิลมาเปิดค่ะ

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • St Andrews International School ~ 600 m.
    • อิมพีเรียลสำโรง / BigC สำโรง ~ 1.3 km.
    • โรงพยาบาลมนารมย์ ~ 1.3 km.
    • BITEC บางนา ~ 2.1 km.
    • BigC Jumbo ~ 2.8 km.
    • โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 2 ~ 2.9 km.
    • ดาดฟ้า ลาซาล ~ 3 km.
    • โรงพยาบาลจุฬาเวช ~ 3.3 km.
    • โรงเรียนบางกอกพัฒนา ~ 3.5 km.
    • โรงเรียนเซนต์โยเซฟบางนา ~ 3.7 km.
    • โรงเรียนลาซาล ~ 4.8 km.
    • Central บางนา ~ 5.9 km.
    • Mega บางนา ~ 11.6 km.


    เจาะลึกตัวโครงการ

    UNio สุขุมวิท 72 เฟส 2 เป็นกลุ่มคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 5 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 10 ไร่นิดๆ ในซอยสุขุมวิท 72 ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง จำนวนยูนิตพักอาศัยอยู่ที่ 992 ยูนิต แต่ละอาคารจะมีจำนวนยูนิตดังนี้ค่ะ อาคาร A 231 units, อาคาร B 217 units, อาคาร C 176 units, อาคาร D 162 units และอาคาร E 206 units ถือว่าเฉลี่ยแล้วจำนวนยูนิตต่ออาคารไม่มากไม่น้อยเกินไปค่ะ ในแต่ละอาคารจะมีลิฟต์ให้สองตัว อัตราส่วนการใช้ลิฟต์รวมๆอยู่ในระดับกลางๆไม่หนาแน่นมาก

    แนวความคิดในการออกแบบโครงการจะมีการออกแบบสไตล์ Beach Club ดังนั้นบรรยากาศจึงออกมาสไตล์รีสอร์ท มีพื้นที่สีเขียวรอบๆ มีส่วนกลางอยู่ตรงกลางเป็นทั้งวิวและทำกิจกรรมต่างๆ ตัวโครงการมีพื้นที่ดินขนาดค่อนข้างใหญ่ทำให้พื้นที่ส่วนกลางจัดออกมาได้ขนาดค่อนข้างใหญ่ด้วยค่ะ อาคารที่อยู่ตรงข้ามกันก็มีระยะห่างพอสมควร ไม่ใกล้จนสูญเสียความเป็นส่วนตัวไป ส่วนที่จอดรถของโครงการจะอยู่รอบนอกของอาคาร รวมแล้วมีช่องจอดอยู่ 303 คันหรือประมาณ 30% เท่านั้น มีทั้งจอดกลางแจ้งนอกอาคารและจอดใต้อาคาร ไม่ว่าใครจะอยู่อาคารไหนก็สามารถจอดได้หมดทุกส่วนค่ะ ถ้าดูจำนวนที่จอดรถแล้วอาจจะรู้สึกว่าน้อยไปหน่อย แต่ว่าโครงการนี้มีที่จอดรถจักรยานและที่จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ให้ด้วย อย่างที่จอดจักรยานอยู่ที่ 90 คันและที่จอดมอเตอร์ไซค์อยู่ที่ประมาณ 50 คัน และมี Shuttle Bus ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าแบริ่งให้อีก รวมแล้วในแง่การเดินทางเราว่าไม่ลำบากมากนักนะคะ

    เรามาดูกันที่ Master Plan ของโครงการกันบ้าง UNio สุขุมวิท 72 เฟส 2 จะอยู่ติดกับ เฟสแรกของโครงการเลย ทางเข้าออกจะใช้ทางเดียวกัน ทั้งถนนสุขุมวิท 72 และถนนสุขุมวิท 70/1 อันที่จริงแล้วซอยสุขุมวิท 70 จะเป็นซอยที่ใกล้กับรถไฟฟ้ามากกว่า แต่ระยะทางเข้ามาภายในซอยลึกกว่า และลักษณะทางกายภาพภายในซอยเปลี่ยวกว่า ดังนั้นสำหรับใครที่ไม่มีรถส่วนตัวใช้งานซอยสุขุมวิท 72 จะดีกว่านะคะ

    มาดูที่รูปแบบการวางอาคารกันต่อเลยค่ะ ตัวอาคาร A,B จะเป็นอาคารที่อยู่ใกล้กับทางเข้าซอยสุขุมวิท 72 มากกว่า แต่จะไม่ได้วิวส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำแบบที่อาคาร C,D และ E ได้ ข้อดีของอาคาร A,B เลยคือใกล้ทางเข้า-ออก และใกล้กับ Shop (ที่จะอยู่ที่ใต้อาคาร A) หรือร้าน 7-eleven ที่โครงการ Unio สุขุมวิท 72 เฟส 1 ค่ะ ส่วนอาคาร C,D และ E จะเป็นอาคารที่ตั้งโอบล้อมสระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลางไว้ ทำให้ห้องที่อยู่ด้านในจะได้วิวสระว่ายน้ำด้วย การเข้าถึงและใช้งานส่วนกลางก็จะสะดวกกว่า และ 3 อาคารนี้จะมีห้องแบบ Duplex ด้วยค่ะ แต่พอพูดอย่างนี้ก็ไม่ใช่ว่าอาคาร A กับ B จะไม่ใกล้พื้นที่ส่วนกลางนะคะ อย่างอาคาร A ฝั่งทิศตะวันออกจะมีพื้นที่ Outdoor Workout เป็นลานเล็กๆที่สามารถพาเด็กมาออกกำลังกายได้ ส่วนอาคาร B ฝั่งทางทิศเหนือจะมีสวนและห้อง Co-working Space อยู่ค่ะ เราลองไปดูแปลนแยกของแต่ละอาคารกันดีกว่าค่ะ

    อาคาร A จะเป็นรูปตัว L ที่ชั้น 1 จะมี Shop อยู่ 3 ยูนิต ตอนนี้ยังไม่กำหนดนะคะว่าจะเป็นร้านอะไรบ้าง นอกจากนี้จะมีห้องนิติบุคคลของโครงการ (แยกกันระหว่างเฟส 1 และเฟส 2 และมี Lobby แยกแต่ละอาคาร พื้นที่ Lobby นี้จะเป็นส่วนที่ใครก็สามารถเข้ามาใช้งานได้ แต่พอเข้าไปยังโถงลิฟต์จะไม่สามารถเข้าไปได้แล้วค่ะ เพราะจะต้องใช้ Keycard เพื่อเข้าไปอีกขั้นตอนนึง บริเวณหน้าโถงลิฟต์จะมี Mailbox อยู่ และแต่ละอาคารก็จะมีห้อง Laundry แยกไว้ให้ค่ะ นอกจากฟังก์ชันที่เป็นห้องต่างๆเเล้วที่ชั้น 1 จะมีที่จอดรถในอาคารอยู่ ใครที่จอดตรงนี้รถก็จะได้ร่มเงาหน่อย

    พอมาที่ชั้น 2-8 จะเป็น Typical floor มีอยู่ 33 ยูนิตต่อชั้นถือว่าเยอะใช้ได้เลยค่ะ อาจจะเพราะรูปแบบห้องที่เน้นไปที่ห้อง Studio ด้วย อย่างห้องขนาดเล็ก 22 ตร.ม.จะหันออกนอกโครงการ ห้องStudio 27 ตร.ม.จะหันเข้าโครงการ ห้อง Type อื่นๆเช่น 1 Bedroom, 2 Bedrooms จะถูกวางไว้ที่ตำแหน่งมุมอาคารค่ะ ทางเดินของแต่ละชั้นจะเป็นแบบ Double Corridor คือมีห้องพักอยู่ที่ 2 ฝั่งทางเดิน ปลายสุดของทางเดินยังมีหน้าต่างอยู่ซึ่งเป็นช่องแสงและช่วยระบายอากาศบริเวณทางเดินได้ แต่ตรงกลางอาคารด้านที่ยาวหน่อยแอบมืดเล็กน้อย ต้องเปิดไฟทางเดินช่วยอีกแรงค่ะ

    ที่อาคาร B ผังอาคารจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวไปเลย ทางทิศเหนือจะติดกับสวน , Co-working Space และ โครงการเฟส 1 ส่วนทิศใต้จะเป็นที่จอดรถ และ วิวที่มองไปจะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบค่ะ ที่อาคารนี้ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 เลย แต่ฝั่งที่อยู่ทิศใต้จะเป็นที่จอดรถใต้อาคาร ส่วนฝั่งทิศเหนือจะเป็นห้องพักยาวตลอดเเนว ห้องพักที่ชั้นนี้จะมีข้อดีที่สามารถเข้าได้ 2 ทาง ทั้งจากทางเดินหน้าห้องและจากสวนที่อยู่ข้างๆอาคารค่ะ ส่วนชั้น 2-8 ก็จะมีเเนวคิดการวางห้องเหมือนกับอาคาร A คือ Studio ห้องใหญ่หันหน้าเข้าโครงการ Studio ห้องเล็กหันออกโครงการ ส่วนห้องอื่นๆจะอยู่มุมอาคาร ที่อาคาร B นี้จะมีห้องอยู่ 29 ยูนิตต่อชั้น น้อยกว่าอาคาร A แต่ก็ถือว่าเยอะอยู่ค่ะ

    มาที่อาคาร C กันต่อ ความพิเศษของอาคารที่โอบล้อมสระว่ายน้ำเอาไว้คือจะมีห้องแบบ Duplex ค่ะ ดังนั้นที่ชั้น 1 ฝั่งที่หันเข้าโครงการจะเป็นห้องพัก ส่วนฝั่งที่หันออกโครงการจะเป็นที่จอดรถในร่ม ที่ชั้นนี้จะไม่มีทางเดินกลางเข้าห้องพัก เพราะว่าห้อง Duplex หลักๆจะเข้าจากทางชั้น 2 และจากพื้นที่สวนตรงกลางค่ะ (Duplex อาคารนี้จะเรียกว่า Garden Access) ส่วนชั้น 2 ขึ้นไปห้องอื่นๆก็จะมีแนวคิดการวางเหมือนกับอาคารอื่นค่ะ ยูนิตต่อชั้นสูงสุดที่ 25 ยูนิต

    ส่วนอาคาร D จะเป็นอาคารรูปตัว L แต่อาคารนี้ถึงแม้จะตั้งโอบล้อมสระว่ายน้ำเหมือนกันแต่ว่าจะไม่มีห้อง Duplex นะคะ แต่ Studio ที่อยู่ชั้น 1 จะมีทางเข้า 2 ทางคือจากทางเดินภายในและจากสวนข้างๆอาคาร ห้องที่อยู่ด้านในจะเป็นห้องวิวสระว่ายน้ำ ส่วนห้องด้านนอกจะเห็นรอบๆโครงการที่เป็นบ้านแนวราบและที่ดินเปล่าค่ะ ที่อาคารนี้จะมียูนิตต่อชั้นสูงสุดที่ 22 ยูนิต (น้อยลงเรื่อยๆเลย) ถือว่าเป็นอาคารที่จำนวนห้องน้อยที่สุดเลยค่ะ

    มาที่อาคารสุดท้ายของโครงการกันค่ะ อาคารนี้จะมีจุดเด่นอยู่คือมีห้อง Duplex แบบ Pool Access ค่ะ หลักการคล้ายกับ Garden Aceess คือทางเข้าห้องหลักจะเข้าจากชั้น 2 เดินลงมาชั้น 1 จะสามารถใช้งานสระว่ายน้ำได้เลยจากระเบียงห้อง นอกนั้นก็เหมือนเดิมค่ะ มี 29 ยูนิตต่อชั้น เดี๋ยวเราไปดูภาพถ่ายจากโครงการจริงที่สร้างเสร็จแล้วกันดีกว่านะคะ

    ทางเข้าโครงการจากซอยสุขุมวิท 72 ค่ะ ตรงเข้ามาเราจะเจอป้าย UNio สีดูเด่นเห็นชัดอยู่นะคะ ถนนนี้จะเป็นถนนทางเข้าหลักของทั้ง 2 เฟสเลย มีป้ายบอกทางไปแต่ละเฟสแยกชัดเจนค่ะ

    ตรงเข้ามาสุดจะเป็นทางเข้าของเฟส 2 ป้อมยามจะอยู่ทางซ้ายมือ

    ทางเข้าที่จอดรถจะไม่ได้มีการออกแบบอะไรมาก เป็นห้องของพี่รปภ.ทางซ้ายมือ เข้าออกด้วยไม้กั้นกระดก เข้าซ้าย ออกขวา ทั้งลูกบ้านและผู้มาติดต่อเข้า-ออกทางเดียวกันค่ะ

    ใช้ Key-card ในการเข้า-ออกนะคะ ด้านหน้าทางเข้าจะมี CCTV ติดตั้งไว้ และมีรอบๆโครงการอีกหลายจุดค่ะ ระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการนี้จะใช้ของ SECOM

    ที่จอดรถของโครงการนี้จะมีอยู่ประมาณ 30% เป็นการจอดรอบๆโครงการที่ชั้น 1 เท่านั้น

    รั้วโครงการจะเป็นรั้วทึบ มีการปลูกไม้พุ่มเลียบกำแพงรอบๆโครงการ มีไฟส่องสว่างและ CCTV ติดตั้งไว้เป็นระยะ

    อาคาร A จะมีที่จอดรถอยู่ใต้อาคาร สามารถวนรถเข้ามาจอดด้านในได้ แต่จำนวนที่จอดจะไม่เยอะมาก เราว่าโครงการนี้มีอยู่หลายอาคาร ใครอยู่ตึกไหนจอดใกล้ๆตึกนั้นจะดีกว่า เพราะจะได้เดินขึ้นอาคารตัวเองสะดวก

    เราเห็นกล้องวงจรปิด ติดตั้งอยู่ตามมุมอาคารรอบนอก บริเวณที่จอดรถค่ะ

    ในส่วนของอาคารอื่นๆจะมีที่จอดรถในอาคารด้านนึง ถอยจอดได้ และจะมีที่จอดอยู่รอบๆรั้วโครงการ ถนนจะเป็นถนนที่สวนกันได้ มองแล้วไม่ควรจอดซ้อนคันค่ะ ใครเริ่มจอดซ้อนคันนี่ทำให้การขับรถสวนกันลำบากขึ้นมาทันที

    ที่จอดรถใต้อาคารก็ไม่ได้เป็นแบบวนเข้าไปภายในอาคาร คือถ้าฝนตกหนักๆ ฝนก็ยังสาดมายังรถได้อยู่ค่ะ ตรงนี้ขออธิบายเพิ่มหน่อยเรื่องห้องพักนะคะ เราว่าห้องพักที่อยู่ชั้น 2 ห้องที่หันมายังที่จอดรถเนี่ยเป็นตำแหน่งที่อาจจะต้องปิดม่านบ่อยหน่อย เพราะว่าจากที่จอดรถยังมองเห็นชัดอยู่เลย แล้วก็ยังเป็นตำแหน่งที่น่าจะได้ยินเสียงรถขับไปมาบ้างเมื่ออยู่ในห้องค่ะ

    สำหรับคนที่ขับมอเตอร์ไซค์หรือใช้งานจักรยานที่นี่ก็จะมีพื้นที่จอดเตรียมไว้ให้ ระหว่างอาคารต่างๆ  มีจำนวนที่จอดมอเตอร์ไซค์ประมาณ 50 คันและที่จอดจักรยาน ประมาณ 90 คันค่ะ แต่จะต้องหาที่ล็อคกันเองนะคะ

    เดินวนมาด้านหลังจะเจอกับทางเข้าโครงการจากซอยสุขุมวิท 70/1 ค่ะ

    ทางฝั่งนี้จะเข้ามาในซอยลึกกว่า และข้างทางเป็นที่โล่งเยอะเหมือนกัน อาจจะเปลี่ยวกว่าการเข้าจากซอยสุขุมวิท 72

    หน้าตาทางเข้าจะคล้ายๆกันกับทางซอยสุขุมวิท 72 ค่ะ ทั้ง 2 เฟสใช้ทางเข้า-ออกร่วมกันแต่จะมีรั้ว ไม้กั้นกระดก และป้อมรปภ.แยกแต่ละเฟสให้

    การออกแบบหน้าตาอาคารทั้ง 2 เฟสทำออกมาจะมีหน้าตาเหมือนกันเลยค่ะ แต่จะเเยกการใช้งานเข้า-ออกและนิติบุคคลออกจากกันนะคะ แต่เราชอบตรงที่ระหว่างทั้ง 2 เฟสนี้จะไม่ได้กั้นแยกกันด้วยกำแพงทึบสูง แต่จะเเยกจากกันด้วยแนวพุ่มไม้และต้นไม้(ซ้ายมือ) กลายเป็นพื้นที่สีเขียวให้กับทั้งสองโครงการ อีกทั้งช่วยพรางตาจากห้องฝั่งตรงข้ามของอีกเฟสได้ด้วย (ระยะระหว่าง 2 อาคารไม่ประชิดเท่าไหร่ด้วยค่ะ)

    เรามาดู Facility อื่นๆนอกจากที่จอดรถกันบ้างค่ะ ในแต่ละอาคารจะมี Lobby และ Laundry room แยกไว้ให้ มี Mail Box อยู่หน้าโถงลิฟต์ชั้น 1 แต่จะมีอาคาร A ที่ชั้น 1 จะมี Shop อยู่ค่ะ โดยร้านค้าที่จะมาลงยังไม่กำหนดนะคะว่าจะเป็นร้านประเภทไหน

    บรรยากาศของ Lobby จะมีดีไซน์คล้ายๆกันทุกอาคาร จะมีมุมที่เป็นโซฟารับแขกและมีมุมนั่งเคาน์เตอร์ บริเวณนี้ความสูงจะอยู่ในระดับปกติ คนนอกเข้ามาใช้ได้ เช่นมานั่งรอเพื่อนที่อยู่อาคารนี้เป็นต้น

    จาก Lobby จะมีห้อง Laundry อยู่ข้างๆกันเลยนะคะ ตอนนี้ยังไม่มีเครื่องซักผ้ามาลงไว้ เลยยังไม่แน่ใจว่าจะมีจำนวนเครื่องเยอะหรือไม่ ใช้งานยังไงบ้าง อาจจะต้องรอดูกันอีกที ส่วนอีกประตูจะเป็นทางไปยังโถงลิฟต์ พื้นที่ส่วนนี้จะมีระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีกขั้น

    หน้าประตูทางฝั่งซ้ายจะมี Emergency Call (VDO Door Phone) ติดตั้งไว้ทุกตึก เอาไว้ให้ลูกบ้านขอความช่วยเหลือเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆกับทางนิติบุคคลได้ เหมาะกับการเเจ้งเตือนเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นชั้นล่างมากกว่านะคะ เพราะถ้าอยู่ชั้นบนคงลงมากดขอความช่วยเหลือไม่ไหวเท่าไหร่ ส่วนระบบเข้าออกโถงลิฟต์ของที่นี่จะใช้ระบบสแกนนิ้วมือ ตรงนี้เราว่าดีนะคะ ป้องกันปัญหาเรื่องการปล่อยเช่าห้องในระยะสั้นหรือปล่อยเช่ารายวันได้ด้วย และเครื่องนี้สามารถระบุตัวคนเข้า-ออก และเวลาเข้า-ออกได้ค่ะ

    เข้ามายังโถงลิฟต์ ในแต่ละอาคารจะมีลิฟต์โดยสาร 2 ตัวต่ออาคาร และจะมี Mail Box อยู่ตรงโถงลิฟต์ชั้น 1 นี้เลยค่ะ การออกแบบก็เรียบๆตามที่เห็นค่ะ

    โครงการนี้จะเน้นพื้นที่ส่วนกลางไปที่นอกอาคาร (Outdoor) เป็นส่วนใหญ่ อย่างอาคาร A และอาคาร B อาจจะไม่ใช่อาคารที่โอบล้อมส่วนกลางหลักเอาไว้ แต่ก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ขนาบกับตัวอาคารเช่นกัน อย่างอาคารA นี้จะมีพื้นที่ส่วนที่เรียกว่า Outdoor Workout อยู่ เป็นเหมือนลานกิจกรรมเล็กๆ ทั้งผู้ใหญ่เเละเด็กสามารถมาออกกำลังกายที่นี่ได้ มีบาร์โหน มีชิงช้า สมมุติว่าลูกมาเล่นชิงช้า ข้างๆก็จะมีที่นั่งให้ผู้ปกครองมานั่งรอด้วยเช่นกัน

    ส่วนพื้นที่ส่วนกลางข้างอาคาร B จะเป็น Garden retreat เป็นพื้นที่เดินเล่นนั่งเล่นที่มีต้นไม้ขนาบข้างค่ะ

    ตรงมาจะมีอาคารเล็กๆ อยู่ 1 อาคารเป็น Co-working Space

    ที่อาคาร B-E จะมียูนิตที่อยู่ชั้น 1 ด้วย และยูนิตที่อยู่ชั้นล่างนี้จะสามารถเข้าจากทางระเบียงได้ด้วยค่ะ แต่ทางเดินเข้าจะต้องเดินวนเข้าไปเล็กน้อย เพื่อความเป็นส่วนตัวของยูนิตพักอาศัยที่ชั้นนี้

    เราลองยืนตรงทางเดินส่วนกลางเเล้วถ่ายเข้าไปยังยูนิตพักอาศัย จะเห็นว่าจะมีแนวพุ่มไม้คั่นกลางระยะห่างพอสมควร ทำให้ลูกบ้านที่ชั้นนี้มาใช้งานระเบียงก็จะไม่ดูเปิดเผยจนเกินไปนะคะ แต่ถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็อาจจะต้องติดม่านเพิ่มหรือลองหาต้นไม้กระถางมาวางเพิ่มตรงระเบียงช่วยพรางตาเอานะคะ

    มาดูที่อาคาร Co-Working Space กันค่ะ อาคารนี้จะใช้ผนังกระจกล้อมรอบ แต่ก็จะมีแผงบังเเดดเป็นเหล็กฉีก เว้นเป็นระยะเพื่อให้การใช้งานภายในห้องไม่ร้อนจนเกินไป การเข้ามาใช้งานจะต้องมี Key Card สแกนเพื่อเข้าห้อง

    บรรยากาศภายในก็จะมีมุมโต๊ะทำงานต่างๆมีสวนรอบๆ มองออกไปเห็นพื้นที่สีเขียว

    และก็มีมุมโซฟานั่งบ้างสองชุด ตรงนี้จะไม่ได้มีบริการ Wifi ให้นะคะ มาใช้งานอาจจะต้อง Personal Hotspot กันเอง

    จากข้างอาคาร B เดินไปยังส่วนกลางหลักของโครงการกันต่อค่ะ เราจะเห็นได้ว่ารอบนอกอาคารจะเป็นที่จอดรถใช่ไหมค่ะ แต่อีกฟากของอาคารทางด้านในจะเป็น Landscape สีเขียวทั้งหมดเลย ทำให้บรรยากาศทางฝั่งนี้จะดูค่อนข้างร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่สองข้างทางเดิน ซึ่งถ้าต้นไม้โตกว่านี้ก็จะร่มรื่นกว่านี้ค่ะ

    พอเดินมาเราจะเจอกับพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ตรงกลาง มีอาคาร C,D และ E โอบล้อมไว้อยู่ มุมนี้จัดว่าเป็นมุมขายได้เลย บรรยากาศไม่เหมือนอยู่ในกรุงเทพเลยค่ะ ดูสไตล์รีสอร์ทมาก พื้นที่ส่วนกลางตรงนี้จะประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำ ฟิตเนส พื้นที่นั่งเล่นในร่ม ริมสระ และดาดฟ้า

    สระว่ายน้ำของโครงการนี้จะมีรูปแบบ Freeform เป็นระบบเกลือ ส่วนที่กว้างที่สุด กว้าง 15 เมตร ยาวสุด 43 เมตรค่ะ ตัวสระถึงเเม้จะเป็นกลางเเจ้งแต่ก็จะมีร่มเงาของอาคารคอยช่วยบังแดดบ้างบางเวลา ทำให้สามารถใช้งานสระได้หลากหลายช่วงเวลามากขึ้น

    ที่อาคาร E จะมียูนิตพิเศษ เป็น Duplex Pool Access ค่ะ คือได้ห้อง 2 ชั้นและสามารถลงสระจากระเบียงห้องพักได้เลย แอบดูราคามาห้องตรงนี้จะอยู่ที่ 6.XX ล้านบาท ใครชอบว่ายน้ำคงชอบห้องนี้นะคะ

    รอบๆสระก็จะมีพื้นที่นั่งเล่นเช่น Sunken Seat บรรยากาศเหมือน Beach club

    มี Daybed พักผ่อนริมสระ ได้บรรยากาศมากขึ้นอีกถ้าถือน้ำผลไม้ปั่นมาถ่ายรูปสวยๆเหมือนเราได้ไปพักผ่อนริมทะเลเลย

    มาดูตัวอาคารส่วนกลางกันนะคะ ตัวอาคารจะเน้นสีขาวเหมือนกับอาคาร Co-working Space เลย ตรงนี้จะเล่นกับ Freeform เหมือนกันกับสระว่ายน้ำ มีบันได้วนขึ้นไปยัง Rooftop ของส่วนกลางด้วย

    ตัวห้องจะอยู่ซ้ายและขวา ตรงกลางเปิดโล่ง จะเดินลงสระว่ายน้ำตรงนี้ก็ได้ค่ะ

    บรรยากาศคล้ายอยู่โรงแรมริมทะเล รอบๆสระก็จะมีมุมนั่งพักผ่อนอยู่เป็นระยะ

    มาดูในห้องกันค่ะ ห้องทางขวามือจะเป็นห้องกระจก มีที่นั่งลดระดับลงไป (Sunken Seat) ถ้าอากาศดีดี เปิดหน้าต่างรอบๆให้ลมพัดได้นะคะ ตกแต่งได้เก๋ดีเน้นสีขาวฟ้า เหมือนอยู่ชายทะเล

    ส่วนห้องทางซ้ายจะเป็นห้องฟิตเนส

    ภายในห้องฟิตเนสจะมีเครื่องเล่นให้ค่อนข้างหลากหลายนะคะ วิ่งไปได้ชมวิวรอบๆห้องเลยด้วย ทั้งวิวสระว่ายน้ำและวิวสวนสีเขียว

    ถึงแม้จะมีพื้นที่ Active zone อย่างสระว่ายน้ำกับฟิตเนสแต่พื้นที่ส่วนกลางจะไม่มีห้องอาบน้ำและล็อกเกอร์ให้บริการนะคะ ต้องไปอาบน้ำกันที่ห้องตัวเองเอา แต่ก็จะมีพื้นที่ล้างตัวสำหรับคนที่ใช้งานสระว่ายน้ำไว้ 1 จุด อยู่ข้างๆบันไดวน

    พื้นที่ล้างตัวจะเป็นส่วน Outdoor ค่ะ

    ข้างๆจะมีห้องน้ำชาย-หญิงอย่างละห้อง ข้างในจะมีเป็นห้องสุขาเท่านั้น ไม่มีห้องอาบน้ำค่ะ ตรงนี้เป็นห้องสุขาจุดเดียวที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ

    เราลองเดินขึ้นบันไดวนขึ้นมาข้างบนค่ะ บนนี้จะเป็นพื้นที่ดาดฟ้าใหญ่อยู่ มีจัดมุมนั่งเล่นไว้หลายๆมุม

    ตอนกลางวันดูจะร้อนไปหน่อย แต่ถ้ากลางคืนดูเหมาะกับการจัดปาร์ตี้มากค่ะ ตาม Concept Beach club pool party พักผ่อนสนุกสนาน

    วิวจากข้างบนมองลงมาสระว่ายน้ำก็สวยนะคะ แต่ห้ามกระโดดลงนะคะ สระไม่ใช่สระน้ำลึก อันตรายมาก

    เราว่าบรรยากาศส่วนกลางทำออกมาสวยเลยค่ะ ต้องเป็นโครงการ Low Rise ที่เป็นกลุ่มอาคารด้วยถึงจะสามารถทำพื้นที่ส่วนกลางแบบนี้ได้

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • Lobby
    • Laundry room
    • Outdoor workout
    • Co-working Space
    • สวนรอบๆอาคาร
    • สระว่ายน้ำระบบเกลือ 43×15 เมตร (ส่วนที่กว้างและยาวที่สุด)
    • Fitness
    • Pavillion
    • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร

    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 116 : 1
    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 109 : 1
    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 88 : 1
    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 81 : 1
    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก E 103 : 1

  • ที่จอดรถประมาณ 303 คันคิดเป็น 30% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • จำนวนที่จอดรถจักรยานยนต์ ประมาณ 50 คัน
  • จำนวนที่จอดจักรยาน  ประมาณ 90 คัน
  • Shuttle Service ที่สถานีแบริ่ง
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card / Finger Scan

  • Product Walkthrough

    มาดูกันต่อที่ตัวห้องพักกันค่ะ โครงการ UNio สุขุมวิท 72 เฟส 2 นี้จะมีแบบให้เลือกตั้งแต่ Studio , 1 Bedroom, 2 Bedrooms และมีแบบ Duplex ที่เป็น Garden Access และ Pool Access แต่สัดส่วนของห้องที่ขายจะเป็นห้อง Studio เป็นหลักมากสุด Type อื่นๆก็จะเป็นยูนิตหัวมุมตึก และอยู่ที่ชั้น 1 มากกว่า ดังนั้นห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูจึงจะมีอยู่แค่ 2 แบบนะคะ เป็นห้อง Studio ทั้งคู่ ส่วนรูปแบบการขายของโครงการนี้จะขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์เลย Fully Furnished นั่นเอง หน้าตาและจำนวนเฟอร์นิเจอร์จะคล้ายๆกัน แต่จะมีความแตกต่างเช่น ขนาดและบางชิ้นที่ต่างไปตามแบบห้องพักนะคะ ซึ่งเรามองว่าการให้เฟอร์นิเจอร์มาด้วยก็ค่อนข้างดีเลย ในกรณีที่ซื้อห้องเล็ก การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เองบางทีก็อาจจะเกิดการวัดขนาดผิด ซื้อมาใหญ่ไปเล็กไป ถ้าโครงการให้เฟอร์มาเลยก็จะมีข้อดีตรงนี้แหละค่ะ ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อ ไปเลือก ให้เข้าชุดกันด้วย

    Studio 27 Sq.m.

    เรามาดูห้องตัวอย่างแรกที่จะพาไปดูกัน เป็นห้อง Studio ขนาด 27 ตร.ม.ค่ะ (ห้องตัวอย่างจะเป็น Type B-M) การจัดผังของห้องดูแล้วก็เป็นสัดส่วนดี พื้นที่ทั้งส่วนนั่งเล่น ห้องนอน และพื้นที่ครัวจะเปิดต่อเนื่องกันไป แต่ก็ยังมีพื้นที่ให้ต่อเติมประตูเอาเองได้ ถ้าใครอยากได้ห้องนอนปิด หรือครัวปิดเป็นต้น ส่วนฟังก์ชันของห้องนี้ที่ไม่มีให้คือพื้นที่ทานอาหาร ดังนั้นในแง่การใช้งานก็อาจจะต้องมานั่งทานตรงโซฟาเเทน หรือหาโต๊ะทานข้าวเล็กๆสำหรับ 2 ที่นั่งมาไว้ระหว่างเตียงกับโซฟาค่ะ ข้อดีของห้องนี้คือ 1) ได้ห้องหน้ากว้าง ทำให้สามารถแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้สองฝั่ง ฟากนึงเป็นพื้นที่อยู่อาศัย (นั่งเล่นและนอน) อีกฟากเป็นเหมือนพื้นที่ Service (ห้องน้ำและห้องครัว) พื้นที่ครัวก็จะอยู่ติดกับระเบียง ระบายอากาศได้ดี และระยะหน้ากว้างห้องก็ดูกว้างดีค่ะ เดินเข้าออกใช้งานได้ไม่อึดอัด 2)หน้าต่าง Bay Window ที่ห้องนอน ทำให้เกิดพื้นที่ทำงานเพิ่มขึ้นอีกจุดนอกเหนือจากโต๊ะเครื่องแป้งด้วยค่ะ

    ก่อนเข้าห้องขอดูทางเดินหน้าห้องกันซักเล็กน้อย ทางเดินหน้าห้องพักของโครงการนี้ยังดีที่มีหน้าต่างที่สุดทางเดินทั้ง 2 ฝั่ง ช่วยระบายอากาศและเป็นแสงสว่างให้บริเวณทางเดินได้

    แต่บางอาคารที่ตัวตึกยาวหน่อย ทางเดินก็ดูลึกอยู่นะคะ แสงอาจจะเข้าไม่ถึง ต้องเปิดไฟช่วยแทน

    ทางเดินหน้าห้องจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ประตูห้องเป็นบานสำเร็จรูป มีตาแมวอยู่ตรงประตู ส่วนกลอนประตูจะเป็นแบบก้านโยก เข้า-ออกแบบไขกุญแจธรรมดาค่ะ

    เข้ามาภายในห้อง วัสดุมาตรฐานที่ได้มีดังนี้ค่ะ พื้นปูด้วยลามิเนต ผนังจะเป็นฉาบเรียบทาสีเช่นเดียวกับฝ้าเพดาน ส่วนไฟจะได้โคมกลมเป็นแบบไฟซาลาเปาค่ะ ห้องนี้มีความสูงที่ 2.6 เมตร ถือว่าสูงอยู่นะคะ

    ความลึกของห้องจะอยู่ที่ 5.4 เมตร ถือว่าไม่ลึกมาก ทำให้แสงสว่างจากหน้าต่างยังส่องเข้ามาถึงพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ด้านในสุดห้องได้

    พื้นที่ส่วนนั่งเล่นกว้างพอสมควรเลยค่ะ โต๊ะกลางที่ให้จะเอามาวางไว้หน้าโซฟาก็ได้หรือจะเลื่อนไปไว้ระหว่างเตียงกับโซฟาก็ดีค่ะ ทำให้มีพื้นที่ระหว่างโซฟากับทีวีเยอะ สามารถทำกิจกรรมอื่นๆอย่างเช่นปูเสื่อโยคะเล่นได้ หรือจะล้อมวงเล่นบอร์ดเกมส์กับเพื่อนก็ได้ค่ะ

    อ้อ เราลืมบอกไปค่ะว่า เฟอร์นิเจอร์ ที่ให้มาจะมีแนวคิดการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้ (Multi – Function) อย่างเช่นโซฟาตัวนี้ยาว 2 เมตร แต่สามารถปรับออกมาเป็นที่นอนได้

    ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะให้ชั้นวางทีวีและชั้นวางรองเท้ามาค่ะ โทนไม้

    มาดูที่ตู้รองเท้ากันก่อน มีทั้งช่องบนและช่องล่าง ด้านล่างแบ่งฝั่งไว้ให้ สามารถเก็บร่มยาวหรือไม้กวาดได้ด้วย ส่วนรองเท้าก็วางได้ 12 คู่ ใครมีรองเท้ามากกว่านี้ก็ลองหากล่องมาใส่ แล้วเก็บไว้ตรงตู้บนได้อีกเช่นกันค่ะ ถือว่าดีเลย ตำแหน่งอยู่ติดกับประตูทางเข้าห้องด้วย ใช้งานง่าย

    ส่วนชั้นวางทีวีจะยาว 1.45 เมตร มีลิ้นชักและหน้าบานเปิด เก็บของได้ค่ะ

    ส่วนโต๊ะที่ให้มาจะมีขนาด 60×60 ซม. เเต่สามารถเปิดออกมาเป็น Top โต๊ะที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ 1.20×0.60 ม. สามารถปรับเป็นโต๊ะทานอาหารได้นั่นเอง (แต่อาจจะต้องหาซื้อเก้าอี้มาเพิ่มนะคะ)

    พื้นที่ระหว่างโซฟากับเตียงจะกว้าง 1.2 เมตร พอวางโต๊ะนี้ไปก็จะเต็มพอดี ถ้าจะใช้เป็นโต๊ะทานอาหารอาจจะต้องเลื่อนออกมาใช้งานนะคะ

    ส่วนของห้องนอนจะอยู่ถัดเข้าไป ฝั่งปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง ดังนั้นห้องนี้จะไม่สามารถติดทีวีไว้ปลายเตียงได้นะคะ

    สิ่งที่ชอบของห้องนี้อีกอย่างคือการเลือกหน้าต่างทรงสูงมา และมีชุดหน้าต่างแบบเข้ามุมให้มาด้วย

    ห้องนี้จะมีฐานเตียงให้มาด้วยค่ะ เป็นเตียงขนาด 5 ฟุต

    ส่วนที่อยู่ริมกระจกเข้ามุมจะมีโต๊ะทำงานให้มาด้วยค่ะ ขาโต๊ะเป็นเหล็กพ่นสีขาว ดีไซน์โต๊ะนี้จะดูโปร่งหน่อย ทำให้ไม่บังแสงสว่างจากหน้าต่างมากนัก พื้นที่ตรงนี้อยู่ที่ประมาณ 1.5×0.60 เมตร

    ระยะระหว่างเตียงกับโต๊ะทำงานอยู่ที่ 50 ซม. แอบเล็กอยู่ค่ะ เพราะถ้าเราเอาเก้าอี้มาใช้งานกับโต๊ะทำงานก็จะถอยเก้าอี้ไม่ค่อยได้ เพราะติดเตียงนั่นเอง

    มาดูพื้นที่ปลายเตียงกันต่อนะคะ เป็นตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง

    ปลายเตียงกว้าง 60 ซม. เดินเข้าออกพอดี 1 คน

    ตู้เสื้อผ้าที่ได้จะเป็นบานเปิดสวิง เปิดมาระยะพอดีเตียงเลยค่ะ

    ชุดนี้จะมีลูกเล่นอยู่ที่ราวด้านบน สามารถดึงลงมาได้ กลายเป็นพื้นที่ตากผ้าหรือเเขวนผ้าได้ด้วย

    ส่วนโต๊ะเครื่องแป้งก็จะมีลิ้นชัก กระจกเงา และเก้าอี้สตูลให้มา พื้นที่ใช้งานพอดีตัว

    มาดูกันต่อที่อีกส่วนของห้องกัน ทางเข้าครัวและห้องน้ำจะอยู่ระหว่างชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้าค่ะ เป็นช่องเปิดสูงประมาณ 2.2 เมตร กว้างประมาณ 90 ซม. สามารถติดตั้งประตูเองทีหลังได้ค่ะ

    เดินเข้ามาจะเจอกับครัวก่อนเลย ชุดครัวที่ให้จะไม่มีเตาให้มานะคะ จะมีอ่างล้างจาน เคาน์เตอร์ ตู้บนและตู้ล่าง สามารถวางไมโครเวฟไว้ที่ด้านบนได้

    Multi-Functionของพื้นที่ในครัวจะมีชั้นวางของอันนี้ที่สามารถดึงลงมาได้ ในแง่การจัดเก็บและใช้งานก็จะสะดวกขึ้น ทั้งกับคนตัวเล็กที่มักจะมีปัญหาว่าตู้บนสูงไป เอื้อมไม่ถึง เลยไม่ใช้งานซะเลย หรือว่าของที่อยู่ลึกข้างในมองไม่เห็นและหยิบยาก ก็จะเก็บมันไปเรื่อยๆ จนหมดอายุไปก็ยังไม่ได้ใช้

    Top เคาน์เตอร์จะได้เป็นหินแกรนิต มีพื้นที่ด้านบนเหลือไว้สำหรับเตรียมอาหารหรือวางเตาเพื่อใช้งานอยู่ 70 ซม. ส่วนผนังด้านหลังติดกระเบื้อง ชอบการเลือกแพทเทิร์นกระเบื้องลายตารางสวยดีค่ะ

    อ่างล้างจานเป็นแบบ 1 หลุม ของ Hafele

    ส่วนครัวนี้จะอยู่ติดกับระเบียง ซึ่งพื้นที่ระเบียงฝั่งนึงจะเป็นตำแหน่งสำหรับวาง CDU แอร์และวางเครื่องซักผ้า

    พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค มีราวกันตกให้เรียบร้อย

    มาดูส่วนสุดท้ายของห้องกันนะคะ ห้องน้ำนั่นเอง ทางเดินระหว่างผนังและเคาน์เตอร์ครัวอยู่ที่ 90 ซม. กว้างเลยค่ะ

    ระหว่างพื้นห้องกับพื้นภายในห้องน้ำจะมีธรณีประตูสูงขึ้นมา เป็นหินค่ะ ทำให้สามารถทำความสะอาดภายในห้องน้ำได้เต็มที่

    ห้องน้ำจะมีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งจากกัน พื้นและผนังจะกรุด้วยกระเบื้องเซรามิค มีไฟดาวน์ไลท์ติดไว้ให้ และมีพัดลมระบายอากาศติดไว้ให้ด้วย เพราะตำแหน่งห้องน้ำไม่อยู่ติดกับผนังภายนอกนั่นเอง ชุดอ่างล้างหน้าจะเป็นแบบแขวนผนัง มีกระจกเงาทรงสูงให้มา

    อ่างล้างหน้าได้ของ American Standard ด้านหลังมีผนัง Low wall อยู่ สามารถวางข้าวของ อุปกรณ์แปรงฟัน ล้างมือต่างๆได้ด้วย

    ส่วนโถสุขภัณฑ์จะได้ของ Cotto ค่ะ มีสายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษชำระติดตั้งมาให้ด้วย แต่ระยะข้างๆจะไม่กว้างมาก คนตัวใหญ่ใช้งานหันไปหยิบลำบากเล็กน้อย

    เช้าไปด้านในจะเป็นพื้นที่อาบน้ำ โครงการนี้จะให้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ฝักบัวได้เป็น Hand Shower มี Junction Box เดินไว้ให้ เผื่อใครไปติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นจะได้ไม่ต้องเดินสายไฟใหม่ให้วุ่นวาย

    ฝักบัวเป็นของ American Standard มีชั้นวางสบู่ให้มา 1 จุด สำหรับเราไม่พอวางเท่าไหร่ อาจจะต้องติดตั้งชั้นวางของในห้องน้ำเพิ่มเอง

    ฉากกั้นเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน ภายในห้องอาบน้ำมีขนาด 75×95 ซม.ค่ะ พอดีตัวมากๆ

    Studio 22 sq.m.

    มาดูที่ห้องต่อมากันค่ะ เป็นห้องแบบ Studio เหมือนกัน แต่จะเป็นห้องขนาดเล็กลง ซึ่งเป็นขนาดเริ่มต้นของโครงการ 22 ตร.ม. ห้องตัวอย่างจะเป็นห้อง Type A (รูปทางซ้ายมือ) พอห้องมีขนาดเล็กลงแล้ว ก็จะมีความแตกต่างจากแบบแรกอยู่ที่ห้องจากที่เคยลึก ก็จะตื้นขึ้นเหลือ 4.6 เมตร แนวห้องน้ำก็จะเปลี่ยนเป็นเข้าแนวยาวแทน ชุดโซฟาที่ได้ก็จะมีขนาดเล็กลงค่ะ แต่ตำแหน่งของการจัดวาง Layout ของห้องยังเหมือนเดิมนะคะ คือมีครัวที่อยู่ติดกับระเบียง ตำแหน่งปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นต้น

    มาดูที่ห้องตัวอย่างกันก่อนเลยค่ะ การตกแต่งห้องนี้จะเป็นแนวผู้หญิงหวานๆหน่อยนะคะ ส่วนวัสดุต่างๆในห้องที่ให้มาก็จะเหมือนเดิม คือพื้นลามิเนต ผนังกับฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ไฟซาลาเปา ความสูงห้องอยู่ที่ 2.6 เมตร

    เข้ามาภายในห้อง ส่วนแรกที่เจอจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น ตรงนี้หน้ากว้างของห้องจะแคบลง เหลือ 2.62 เมตร คือถ้าเอาโต๊ะมาวางหน้าโซฟาก็จะแอบเดินลำบากแล้ว เพราะจะขวางทางเดินเข้า-ออกห้องทันที ทางเดินตอนที่ยังไม่วางโต๊ะหน้าโซฟามีขนาดประมาณ 1.2-1.4 เมตรค่ะ

    เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องจะได้หน้าตาคล้ายๆเดิม แต่จะมีขนาดเล็กลง ตำแหน่งวางชั้นวางทีวีก็จะมีการเดินปลั๊กไฟต่างๆให้มา ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับการใช้งานวางทีวีพอดี

    มาดูที่ชั้นวางรองเท้า จะมีขนาดเล็กลงค่ะ เหลือความกว้างอยู่ที่ 40 ซม. ไม่มีที่วางร่มเเล้ว แต่ยังพอใส่รองเท้าได้ชั้นละ 2 คู่อยู่

    ส่วนชั้นวางทีวีจะเป็นบานเปิดสวิงคู่ ยาว 1 เมตร

    ชุดโซฟา หน้าตาและวัสดุบุผ้าเหมือนเดิม แต่มีขนาดเล็กลงเหลือ 1.5 เมตร ดึงออกมาเป็นเตียงได้

    โต๊ะได้เหมือนเดิมค่ะ เป็นแบบปรับสูงขึ้นเป็นโต๊ะทานอาหารได้ แต่จะไม่มีเก้าอี้ให้มา อาจจะต้องหาซื้อเพิ่มเองนะคะ

    ถัดเข้าไปดูพื้นที่ส่วนเตียงนอนกันต่อ ตรงนี้จะอยู่ใกล้กับหน้าต่างของห้อง ซึ่งจะได้มา 2 บานทรงสูง มีผนังทึบบ้าง ตรงนี้ก็จะมีคนที่ชอบและไม่ชอบ บางคนชอบให้หน้าต่างกว้างๆแสงเข้าห้องเยอะๆ แต่บางคนจะรู้สึกว่าเเสงเข้าเยอะ ไอร้อนก็เข้ามาเยอะด้วย ยิ่งเป็นตำแหน่งเตียงนอนอีก คนนอนตื่นสายคงไม่ปลื้มกับแสงแดดและไอร้อนในเวลากลางวันเท่าไหร่

    ห้องนี้ก็ยังให้ฐานเตียงมาเช่นกันค่ะ เป็นเตียงขนาด 5 ฟุต ไปหาซื้อฟูกเพิ่มเอาเองนะคะ

    ระยะรอบๆเตียงก็ถือว่าไม่อึดอัดมาก ข้างเตียงฝั่งพื้นที่นั่งเล่นก็กว้างอยู่แล้ว ส่วนปลายเตียงจะกว้างขึ้นจากห้องเมื่อสักครู่เล็กน้อย 70 ซม. ส่วนฝั่งที่ติดกับหน้าต่างเหลือระยะที่ 40 ซม. เดินได้ค่ะ

    ส่วนปลายเตียงจะได้เป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งเหมือนเดิม ฟังก์ชันการใช้งานด้านใน มีราวที่ดึงลงมาได้เหมือนกันค่ะ ตู้เสื้อผ้าจะได้เป็นบานเปิดสวิงทึบ ด้านนึงติดกระจกเงา เเต่เวลาส่องอาจจะใกล้ไปหน่อย เพราะเรายืนก็ติดเตียงเเล้ว

    ไปดูที่ส่วนห้องน้ำและห้องครัวกันต่อนะคะ จากพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนจะมีทางเดินกว้าง 1 เมตร ไปยังส่วนนี้ ในกรณีที่ใครอยากติดประตูเพิ่มกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนมากขึ้นก็อาจจะยากขึ้นหน่อยค่ะ เพราะผนังกับช่องเปิดต่างๆไม่ค่อยตรงแนวกัน

    ส่วนห้องน้ำก็จะมีดีไซน์เหมือนเดิม พื้นและผนังกรุด้วยกระเบื้องเซรามิค ด้านในมีติดพัดลมระบายอากาศไว้ให้

    เข้าห้องน้ำไปจะเจอกับพื้นที่ส่วนแห้งขนาด 1.35 x 1.37 เมตรก่อน

    มีผนัง Low wall สามารถวางอุปกรณ์ ที่ต้องใช้ในห้องน้ำ หรือของตกแต่งได้ อ่างล้างหน้าเป็นของ American Standard โถสุขภัณฑ์ของ cotto

    ด้านในจะเป็นห้องอาบน้ำ มีฉากกั้นกระจกให้มาเป็นบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่อาบน้ำอยู่ที่ 75×85 ซม. พอดีตัวเลยค่ะ

    มาดูพื้นที่ครัวกันบ้างค่ะ ชุดครัวจะได้เหมือนเดิมค่ะ มีเคาน์เตอร์ ตู้บน ตู้ล่าง และอ่างล้างจานมาให้ แต่ไม่มีเตา ตัวเคาน์เตอร์จะยาว 1.2 เมตร

    ผนังด้านหลังกรุกระเบื้อง มีปลั๊กไฟและไฟส่องสว่างมาให้แบบนี้ ใช้งานล้างจานหรือทำอาหารบนเคาน์เตอร์ก็ไม่มืด

    ตู้บนวางไมโครเวฟได้ และมีชั้นวางของที่ดึงลงมาได้ใช้งานสะดวก

    ข้างๆเคาน์เตอร์จะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นอยู่ 80 ซม. และจะเป็นประตูไปยังระเบียงค่ะ เป็นประตูบานเลื่อนกระจก

    มีธรณีประตูยกสูงขึ้นมา ทำให้ฝุ่นผงหรือน้ำฝนบริเวณระเบียงไม่ไหลเข้ามาภายในห้องได้

    พื้นที่ระเบียงจะมีขนาด 1×1.4 เมตร พื้นเป็นกระเบื้องเซรามิค วางเครื่องซักผ้าได้

    ด้านบนเอาไว้วาง CDU แต่จะต้องหันเข้าระเบียงนะคะ อาจจะติดกริลเพื่อเบี่ยงลมร้อนให้ออกจากพื้นที่ระเบียง เวลาใช้งานระเบียงจะได้สบายขึ้นค่ะ


    อันที่จริงโครงการนี้เน้นขายห้อง Studio ทั้ง 2 แบบตามที่พาไปชมในห้องตัวอย่างนะคะ แต่ถ้าใครอยากได้ห้องแบบอื่นเราลองไปดู Plan อื่นๆที่น่าสนใจกันดูดีกว่า

    1 Bedroom 31.5 Sq.m.

    ห้อง 1 Bedroom จะเป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตไม่มากค่ะ มีแค่ชั้นละ 1 ยูนิต และไม่ได้มีทุกอาคาร แต่จุดเด่นของห้อง 1 Bedroom คือเป็นห้องหัวมุม ทำให้ภายในห้องนอนจะได้หน้าต่างอยู่ทั้ง 2 ฝั่งผนังเลย และพื้นที่ใช้สายทุกส่วนในห้องก็จะมีหน้าต่างที่เป็นช่องแสงและช่วยระบายอากาศให้ได้ด้วย ทั้งพื้นที่นั่งเล่นที่ติดกับระเบียงและห้องน้ำค่ะ

    2 Bedroom 40.5 Sq.m.

    ห้อง 2 Bedrooms ก็ถือว่ามีไม่มากเช่นกันค่ะในโครงการนี้ แต่จะเป็นห้องหัวมุมที่แบ่งเป็นสัดส่วนอยู่นะคะ เข้ามาจะเจอกับห้องน้ำฝั่งนึงห้องนอนฝั่งนึง ทำให้การใช้งานจากห้องนอนมาห้องน้ำค่อนข้างสะดวก แต่ถ้ามองในแง่การเข้าถึงก็จะเจอกับห้องนอนก่อนเลย เเปลกดีเหมือนกัน? ส่วนห้องนั่งเล่นก็จะมีมุมที่ถูกจัดเป็นสัดส่วนเช่นกัน อาจจะหาโต๊ะทานข้าวมาวางไว้ริมผนังแถวๆเคาน์เตอร์ครัวเพิ่มก็ได้ เพราะยังขาดเฟอร์นิเจอร์ฟังก์ชันนี้อยู่ ส่วนครัวจะอยู่ริมระเบียงทำให้เวลาทำอาหารกลิ่นควันระบายได้ง่าย แต่เป็นครัวเปิด ควันและกลิ่นต่างๆก็อาจจะลอยฟุ้งไปทั้งห้องได้เช่นกัน ใครที่ทำครัวบ่อยๆก็ลองติดตั้งประตูเพิ่มเพื่อแบ่งพื้นที่ออกจากกันได้นะคะ

    Duplex Pool Access 69 Sq.m.

    ไหนๆตัวโครงการก็ออกแบบมาในสไตล์รีสอร์ทกันแล้ว ที่นี้จึงมียูนิตพิเศษ แบบ Pool Access เปิดระเบียงลงสระได้เลย แต่ยูนิตแบบนี้จะมีอยู่แค่ 9 ยูนิตเท่านั้นที่อาคาร E ค่ะ และเป็นห้องแบบ Duplex ซะด้วย

    ความพิเศษของห้อง Duplex จะไม่เหมือนห้อง Loft ที่มีฝ้าเพดานสูง แต่จะเป็นห้องที่มี 2 ชั้น ใน 1 ยูนิตค่ะ แต่จะมีความแปลกอยู่ที่ทางเข้าห้องนั้นจะอยู่ที่ชั้น 2 ก่อน เข้ามาเจอกับห้องนอนและบันไดลงไปชั้นล่าง ซึ่งจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและครัวโล่งๆให้มาค่ะ ที่ชั้นล่างนี้จะมีระเบียงขนาดใหญ่จัดเป็นมุมพักผ่อน outdoor ได้ และปีนลงสระว่ายน้ำได้เลย แปลนห้องนี้จะเหมือนกันกับห้อง Duplex Garden Access นะคะ แต่ว่าจากระเบียงชั้นล่างจะเป็นพื้นที่สวนแทน ทำให้ห้องที่เป็น Garden Access จะมีทางเข้าห้อง 2 ทาง จากตัวอาคารเองก็ได้ที่ชั้น 2 หรือจากสวนรอบๆอาคารที่ชั้น 1

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 18 July 2019

    • Studio อาคาร D ชั้น 3 ห้อง D3-08 ขนาด 22.68 ตร.ม. ราคา 1.73 ล้านบาท  หรือ 76,411 บาทต่อตร.ม. >> มีโปรโมชันเหลือ 1.59 ล้านบาท 
    • Studio อาคาร D ชั้น 7 ห้อง D7-12 ขนาด 22.68 ตร.ม. ราคา 1.76 ล้านบาท  หรือ 77,557 บาทต่อตร.ม. >> มีโปรโมชันเหลือ 1.59 ล้านบาท 
    • Studio อาคาร D ชั้น 8ห้อง D8-12ขนาด 22.68 ตร.ม. ราคา 1.77 ล้านบาท  หรือ 77,910 บาทต่อตร.ม. >> มีโปรโมชันเหลือ 1.59 ล้านบาท 
    • Studio อาคาร D ชั้น 8 ห้อง D8-08 ขนาด 22.68 ตร.ม. ราคา 1.85 ล้านบาท  หรือ 81,437 บาทต่อตร.ม. >> มีโปรโมชันเหลือ 1.697 ล้านบาท 
    • Studio อาคาร B ชั้น 7 ห้อง D7-28 ขนาด 22.69 ตร.ม. ราคา 1.754 ล้านบาท  หรือ 77,302 บาทต่อตร.ม. >> มีโปรโมชันเหลือ 1.59 ล้านบาท 
    • Studio อาคาร B ชั้น 8 ห้อง D8-03 ขนาด 22.69 ตร.ม. ราคา 1.762 ล้านบาท  หรือ 77,655 บาทต่อตร.ม. >> มีโปรโมชันเหลือ 1.59 ล้านบาท 
    • Studio อาคาร B ชั้น 8 ห้อง D8-07 ขนาด 22.69 ตร.ม. ราคา 1.787ล้านบาท  หรือ 78,757 บาทต่อตร.ม. >> มีโปรโมชันเหลือ 1.637 ล้านบาท 
    • Duplex Pool Access ตึก E ห้อง E1-06 ขนาด 70.55 ตร.ม. ราคา 6.25 ล้านบาท หรือ 88,603 บาทต่อตร.ม.
    • Duplex Garden Access ตึก C ห้อง C1-06 ขนาด 70.56 ตร.ม. ราคา 6.21 ล้านบาท หรือ 88,024 บาทต่อตร.ม.

    • รูปแบบการขาย Fully Furnished
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 เมตร
    • Kitchen & Sink / ท๊อปหินแกรนิต ผนังกระเบื้อง
    • มีรถ Shuttle Bus ไปกลับ BTS แบริ่ง (รายละเอียดสอบถามทางนิติบุคคล)
    • จอง 5,000 บาท
    • ทำสัญญา 5,000 บาท
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน 400 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล : โครงการนี้จะตั้งอยู่โซนแบริ่ง แต่จะอยู่ทางฝั่งสุขุมวิทเลขคู่ ทำเลทางฝั่งนี้ก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือซอยสุขุมวิท 70 และ 72 จะเป็นซอยที่ไม่มีรถเข้า-ออกมาก ได้ความสงบ เป็นส่วนตัว ไม่มีรถราเข้า-ออกซอยมากเท่าไหร่ ทำให้ในเเง่การเดินทางไปใช้ทางด่วนตรงแยกบางนานั้นค่อนข้างสะดวก แต่ถ้ามองในแง่ความอุดมสมบูรณ์และ ทางสุขุมวิทฝั่งเลขคี่หรือซอยลาซาล แบริ่งจะมีบรรยากาศร้านค้าร้านอาหารที่คึกคักและหนาแน่นกว่า ซึ่งถ้ามองจากในโครงการเรา อาจจะต้องเดินไปยังบริเวณสถานีแบริ่งถึงจะเจอกับโซนร้านอาหารหรือของกินที่จริงจังมากขึ้น

    การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าสะดวกอยู่นะคะ ในแง่รถยนต์อาจจะมี % ที่จอดรถไม่มาก (ประมาณ 30%) แต่ก็จะมีที่จอดจักรยาน หรือมอเตอร์ไซค์ไว้ให้คนที่ถนัดใช้งานยานพาหนะแบบนี้ ในแง่การขับรถก็จะมีทางด่วนใกล้กับโครงการประมาณ 3 จุด ทางด่วนบางนาอยู่บริเวณ แยกบางนาห่างจากโครงการประมาณ 2.2 กิโลเมตร ทางด่วนบริเวณซอยสุขุมวิท 62 ห่างจากโครงการ 4.5 กิโลเมตร และทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก อยู่บริเวณพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณห่างจากโครงการประมาณ 3.5 กิโลเมตร ถือว่าเป็นระยะที่ใช้ทางด่วนโอเคสะดวกพอสมควร ส่วนการขับรถเข้าเมืองถือว่าค่อนข้างสะดวกค่ะ เพราะตรงอย่างเดียวจากหน้าโครงการไปเลย แต่ก็ต้องบอกว่าถนนสุขุมวิทช่วงนี้ ถ้าเป็นเวลาเร่งด่วนเข้า-ออกงานก็จะเป็นอีกเส้นทางที่รถติดมากๆเลยค่ะ)

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ถึงแม้ว่าตัวโครงการจะอยู่ภายในซอยแต่ก็มี Shuttle bus รับส่งสถานีแบริ่งให้ หรือจะเป็นหน้าโครงการที่มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ให้บริการอยู่ก็เรียกใช้ได้สะดวก บนถนนสุขุมวิทก็จะเป็นเส้นที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีแบริ่ง ระยะทางประมาณ 600 เมตร และยังสามารถเรียกใช้บริการรถแท๊กซี่ได้ไม่ยากอีกด้วย (ยากกว่าการเรียกอาจจะเป็นเรียกรถแล้วไม่ไปมากกว่าค่ะ)

    วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished ได้ชุดครัว ผนังกรุกระเบื้องให้ Top ครัวเป็นหินแกรนิต, โซฟาแบบ 2 ที่นั่ง, โต๊ะกลาง, ชั้นวางทีวีพร้อมตู้เก็บรองเท้า, ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นต้น ส่วนวัสดุภายในห้องก็จะมีพื้นลามิเนต ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ไฟซาลาเปา พื้นระเบียงกับห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิค สุขภัณฑ์ต่างๆจะมีของ American Standard และ Cotto ในครัวให้อ่างล้างจานของ Hafele

    การออกแบบ : การออกแบบ ดีไซน์และหน้าตาของโครงการในภาพรวมจะคล้ายกันกับโครงการเฟส 1 เน้นอาคารและพื้นที่ส่วนกลางสีขาว ตัดกับต้นไม้สีเขียวๆ การจัดวาง Layout ก็จะกระจายไปทั้งที่ดิน มีที่จอดรถอยู่รอบนอก พื้นที่ส่วนกลางอยู่ด้านใน ทำให้ด้านในมีทั้งความร่มรื่นและความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทุกอาคารจะมีพื้นที่ส่วนกลาง 1 พื้นที่ที่ใกล้ที่สุด ซึ่งถือว่าค่อนข้างดี ในส่วนของห้องพักอาศัยมีให้เลือกค่อนข้างหลายแบบ ตั้งแต่ Studio, 1 Bedroom , 2 Bedrooms และ Duplex ซึ่งโครงการนี้จะเน้นขายไปที่ห้อง Studio มากกว่า มีจำนวนเยอะที่สุด ในทุกๆห้องจะมีแต่แบบที่เป็นครัวเปิด  แต่จะได้ห้องหน้ากว้างที่ครัวติดกับส่วนที่เป็นระเบียงเเทบทั้งนั้น

    สาธารณูปโภค : พื้นที่ส่วนกลางถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างของโครงการนี้เลย เพราะว่าเป็นกลุ่มคอนโด Low Rise ที่มีหลายอาคาร ทำให้สามารถทำพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ได้ อาคาร C,D,E จะเป็นอาคารที่ได้วิวสระว่ายน้ำ ที่เป็นรูปแบบ Freeform มีฟิตเนส ,ส่วน อาคารอื่นๆก็จะมี Co-working Space , Outdoor workout และพื้นที่นั่งเล่นกระจายตัวไปค่ะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 70,000 บาท/ตร.ม., 18 July 2019

    • ทำเล 7.75/10 – อยู่ในซอยสุขุมวิท 72 ห่างจากปากซอย 290 ม. ใกล้รถไฟฟ้าสถานีแบริ่ง
    • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – อยู่ฝั่งสุขุมวิทขาเข้า ทำให้เดินทางเข้าเมืองง่ายและใกล้กับทางด่วน
    • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มีวินมอเตอร์ไซค์ หน้าโครงการ มี Shuttle bus และใกล้กับสถานี BTS แบริ่ง
    • วัสดุ 8.25/10 – Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมอยู่
    • แบบ 8/10 – สร้างบรรยากาศรอบโครงการได้ค่อนข้างดี แต่ละยูนิตไม่หนาแน่นมาก
    • สาธารณูปโภค 8.5/10 – มีขนาดใหญ่ กลางโครงการ
    • MAIN CLASS
    • 7.85 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Unio สุขุมวิท 72 เฟส 2 เป็นคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ในโซนใกล้รถไฟฟ้าแบริ่งฝั่งขาเข้า มีจุดเด่นอยู่ที่พื้นที่ส่วนกลางสไตล์รีสอร์ท กับราคาที่ยังสามารถหยิบจับได้ง่าย เหมาะกับคนในวัยเพิ่งเริ่มทำงานที่กำลังหาที่อยู่อาศัยเป็นเหมือนบ้านหลังแรก เน้นการเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าเข้าไปทำงานในเมือง ชอบคอนโดสไตล์รีสอร์ท มีงบประมาณไม่เกิน 2 ล้านสำหรับห้องขนาดเล็ก ไปจนถึง 6 ล้าน (ห้องแบบ Duplex pool Access) มีกำลังผ่อนอยู่ที่เดือนละ 12,000-42,000 บาท


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving