รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.56 (2/2) – Tree Condo ประสานมิตร by Big Tree Asset
15 ธันวาคม 2013
รีวิวฉบับที่ 480 … สวัสดีครับวันนี้ผมจะพาไปชมคอนโดที่อยู่ในย่าน CBD สำคัญอีกแห่งโครงการนี้ชื่อว่า Tree Condo Prasarnmit (ทรี คอนโด ประสานมิตร) เป็นคอนโด High Rise สูง 33 ชั้น ตำแหน่งที่ตั้งจะอยู่ติดกับประตู 2 ที่เป็นทางเข้า-ออกมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (มศว) หรือเข้ามาสุดซอย ประสานมิตร เลยครับ การที่โครงการอยู่ติดกับ มศว นั้นทำให้มีเส้นทางลัดที่สามารถเดินทะลุตัวมหาลัยไปยังถนนต่างๆได้หลายเส้นทางแต่ต้องเดินไกลหน่อยนะครับ โครงการจะเป็นอย่างไรเราไปดูกันเลยครับ ヾ(^-^)ノ~♪
Fact @ 21 November 2013
- Tree Condo Prasarnmit (ทรี คอนโด ประสานมิตร)
- บริษัท บิ๊ก ทรี แอสเสท จำกัด
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด High Rise 33 ชั้น 1 อาคาร 131 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 8 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 94 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 72% (Mechanical)
- ที่ดินประมาณ 0-3-98 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ ธ.ค. 2559
- 1 Bedroom 32 – 60 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 65 – 90 ตารางเมตร
- 3 Bedrooms & Penthouse 101 – 188 ตารางเมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 3.5 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 110,000 บาท
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS อโศก ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS อโศก
- http://www.treecondo.com/project_detail.php?m=1&id=7
- โทร : 02-258-9111
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
พิกัด : 13.743246,100.564964
แผนที่จากทางโครงการ
ทำเลนี้ถือว่าเป็นทำเลที่อยู่ย่านใจกลาง CBD ที่สำคัญแห่งนึงของกรุงเทพก็ว่าได้ เพราะรอบล้อมด้วยคอนโด, ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานขนาดใหญ่บนถนน อโศกมนตรี ไม่ว่าจะเป็นอาคาร GMM Gramy, ชิโนไทย ทาวน์เวอร์, Grand Park View Asoke, Cemic Tower และอื่นๆอีกมากลองดูจากแผนที่จริงได้เลยครับ
การเข้า-ออกโครงการได้หลายทางเส้นทั้งการเดินทางโดยใช้รถยนต์และไม่ใช้รถยนต์ ซึ่งผมจะขอพูดถึงการเดินทางโดยรถยนต์ด้วยเส้นทางหลัก 4 เส้นทางและการเดินทางโดยไม่ใช้รถ 4 เส้นทางนะครับ
เส้นทางที่ 1 : ถนน อโศกมนตรี > ซอย ประสานมิตร เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ถือว่าสั้นที่สุดถ้าเข้าจากถนนใหญ่
เส้นทางที่ 2 : ถนน สุขุมวิท > ซอย สุขุมวิท 23 > ซอย ประสานมิตร
เส้นทางที่ 3 : ซอย ทองหล่อ > ซอย ทองหล่อ 13 > ซอย สุขุมวิท 49 > ซอย สุขุมวิท 39 > ซอย สุขุมวิท 31 > ซอย ประสามิตร
เส้นทางที่ 4 : ถนน เพชรบุรี > ซอย พร้อมพงษ์ > ซอยสุขุมวิท 39 > ซอย สุขุมวิท 31 > ซอย ประสามิตร
เส้นทางที่ 5 : เป็นการวิ่งออกจากโครงการไปยัง ถนนเพชรบุรีครับ เส้นทางจะคล้ายๆเส้นทางที่ 4 แต่มีบางช่วงที่ไม่เหมือนกันเพราะเป็น One Way
เส้นทางที่ 6 – 9 จะเป็นการเดินนะครับ
เส้นทางที่ 6 : จะเดินจากโครงการไปยังอโศก ช่วงอาคาร Q HOUSE โดยผ่าน มศว
เส้นทางที่ 7 : จะเดินจากโครงการไปยังอโศก ช่วงโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน โดยผ่าน มศว
เส้นทางที่ 8 : เป็นการเดินไปถนน เพชรบุรี
เส้นทางที่ 9 : เป็นส้นทางเดินไปรถไฟฟ้า BTS
บางเส้นทางเห็นลำดับชื่อถนนแล้วอย่าเพิ่งตกใจนะครับว่าทำไมเส้นทางนี้มันดูผ่านหลายซอยจัง ที่มันดูเยอะเพราะว่าเส้นทางในเขตที่ดิน Block นี้มีซอยที่เชื่อมถึงกันอยู่เยอะมากครับ ถ้าได้เห็นแผนที่ของเส้นทางการวิ่งจะเข้าใจง่ายขึ้นครับ
เส้นทางที่ 1 : ถนน อโศกมนตรี > ซอย ประสานมิตร เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ถือว่าสั้นที่สุดถ้าเข้าจากถนนใหญ่
การเดินทางโดยรถยนต์จะเริ่มจากถนน อโศก-ดินแดงครับจะได้เห็นว่ผ่านรถไฟฟ้าและอาคารอะไรบ้าง Airport Link มักกะสัน อยู๋ตรงแยกอโศก-กำแพงเพชร 7 ตัวสถานีอยู่ด้านขวามือ
พอข้ามแยก อโศก-กำแพงเพชร 7 มาแล้วเจอกับกับสถานีรถไฟฟ้า MTR เพชรบุรี ด้านซ้ายมือเป็นทางออก 1
ตรงแยกอโศก-เพชรบุรีจะมีสถานีรถไฟฟ้า MRT เพชรบุรี ทางออก 2 อยู่ด้านขวามือ
ลงจากสะพานข้ามคลอง แสนแสบ มาแล้วจะเจอ โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน
ถ้านั่งรถไฟฟ้า MRT มาออกสถานีเพชรบุรี ประตู 2 ทางเข้าโครงการสามารถเดินเข้าทะลุ มศว ประตู 5 ได้ครับ
ถัดมาเป็นประตูใหญ่ของ มศว ซึ่งจะมีตลาดนัดนานาชาติทุกวันอังคารและพฤหัสบดี มีของขายเยอะมากทั้งของกินและของใช้
ใกล้ๆกันจะมีตลาด รวมทรัพย์ อยู่ในซอยข้างๆ 7Eleven มีร้านอาหารประเภทจานเดียวให้นั่งกินได้และมีขายของอื่นๆให้ Shopping ด้วย
ถัดมาก็มีตลาดอีกครับเป็นตลาดเล็กๆชื่อว่า ตลาด Pocket ขายของคล้ายๆกัน
สภาพแวดล้อมของถนนอโศกนอกจากจะมีอาคารสำนักงานทั้งถนน แล้วยังมีร้านค้าแผงลอยตั้งอยู่ริมทางเกือบตลอดแนวเลย ข้างๆตึก Grand Park View Asoke จะมีทางเข้าไปตลาดรวมทรัพย์อีกทาง
ถัดจากประตูใหญ่จะเจออาคาร GMM Grammy
ถัดมาเป็นอาคาร รัชต์ภาคย์ และ Serm-Mit Tower
ก่อนถึงแยกทางเข้าโครงการจะมีทางม้าลาย ซึ่งถ้าลูกบ้านจะเดินไปยัง BTS อโศก จะต้องข้ามถนนตรงนี้ครับ
ถึงทางแยกที่หัวมุมเป็นอาคาร ชิโน-ไทย ทาวเวอร์แล้วให้เลี้ยวซ้าย
พอเข้ามาแล้วจะเจอกับ Community Mall ชื่อว่า ประสานมิตร พลาซ่า อยู่ด้านซ้ายมือ
เข้ามาเจอทางแยกแรกให้ตรงไป
เจอทางแยกที่ 2 ให้เลี้ยวซ้าย
ในซอยนี้จะเป็นถนน 2 เลนแต่ว่าส่วนใหญ่จะมีรถจอดกินไปครึ่งเลนตลอดแนวเลยครับ
ตึกที่อยู่ติดกับโครงการคืออาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น
สุดทางเป็นประตูเข้า มศว ประตู 2 ตัวโครงการอยู่ด้านซ้ายมือครับตอนนี้ทำเป็นสำนักงานขายอยู่
เส้นทางที่ 2 : ถนน สุขุมวิท > ซอย สุขุมวิท 23 > ซอย ประสานมิตร
เส้นทางที่ 3 : ซอย ทองหล่อ > ซอย ทองหล่อ 13 > ซอย สุขุมวิท 49 > ซอย สุขุมวิท 39 > ซอย สุขุมวิท 31 > ซอย ประสามิตร
เส้นทางที่ 4 : ถนน เพชรบุรี > ซอย พร้อมพงษ์ > ซอยสุขุมวิท 39 > ซอย สุขุมวิท 31 > ซอย ประสามิตร
เส้นทางที่ 5 : เป็นการวิ่งออกจากโครงการไปยัง ถนนเพชรบุรีครับ เส้นทางจะคล้ายๆเส้นทางที่ 4 แต่มีบางช่วงที่ไม่เหมือนกันเพราะเป็น One Way
เส้นทางที่ 6 : จะเดินจากโครงการไปยังอโศก ช่วงอาคาร Q HOUSE โดยผ่าน มศว เส้นทางนี้จะผ่านโซนที่มีตลาดนัดนานาชาติทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี
ระหว่างเส้นทางการเดินไปออกถนน อโศกจะมีร้านค้าขายอาหารอยู่รอบๆอาคารเรียน
ตลาดนัดนานาชาติ หรือ คนทำงานแถวนี้เรียกว่าตลาดนัด มศว มีทุกวันอังคารและพฤหัสพื้นที่ตลาดที่ค่อนข้างใหญ่มีร้านค้ามาเปิดประมาณ 250 ร้าน อาคารที่เห็นตรงทางออกประตูใหญ่ มศวคืออาคาร เคทาวน์เวอร์ ซึ่งในซอยข้างๆอาคารจะมีทางเข้าไปยัง
พื้นที่บริเวณที่จัดตลาดนัดแห่งนี้เรียกว่า ลานSWUNIPLEX ครับ
เส้นทางที่ 7 : เส้นทางจากโครงการไปยังอโศก ช่วงโรงพยาบาลจักษุ รัตนิน โดยผ่าน มศว
ประตูที่ออกจาก มศว ออกทางประตู 5 ครับ
บริเวณประตูทางออกจะมีร้านค้าแผงลอยขายขนมอยู่นิดหน่อย แถวนี้นี่เดินไปทางไหนก็เจอของกินเล่นเต็มไปหมดเลยครับ
ระหว่างซอยจะมีร้านอาหารและ Community Mall เล็กๆอยู่ด้านซ้ายมือ
ซึ่งร้านอาหารบริเวณนี้มีเรทราคาที่หลากหลายให้เลือกครับ มีทั้งร้านก๋วยเตี๋ยว, ขนมปัง, กาแฟ, ส้มตำ และอื่นๆอีกมาก
ออกจากซอยมาจะเจอกับอาคาร Sukhumvit Living Town
เส้นทางที่ 8 : เป็นการเดินไปถนน เพชรบุรีได้ครับแต่ถ้าจะเดินไป MRT เพชรบุรีให้ใช้เส้นทางเดินที่ 7 จะใกล้กว่าครับเส้นทางนี้ไว้เดินไปท่าเรือ มศว ประสานมิตร ครับ
เส้นทางนี้ให้เดินผ่านคณะศึกษาศาสตร์ไปทางอาคารเรียนรวมอเนกประสงค์
ถ้าแดดแรงมากก็เดินทะลุใต้อาคารเรียนอาคารเรียนรวมอเนกประสงค์ได้ ภายในอาคารมีร้านขายของกินและ 7Eleven ด้วย
เดินลัดเลาะอาคารเรียนมาสุดทางจะเป็นท่าเรือ มศว ประสานมิตร ครับ
ถ้าจะเดินออกถนนเพชรบุรีต้องขึ้นสะพานข้ามคลองแสนแสบ ซึ่งถ้าเป็นช่วงกลางวันที่มีตลาดนัดจะมีหนุ่มสาวออฟฟิตใช้เส้นทางนี้กันเยอะ
ระหว่างทางจะมีร้านข้างแกงริมทางและ Food Court อยู่ตลอดทาง
สุดทางออกมาจะเป็นซอย เพชรบุรี 38 และเจอโรงแรม La belle อยู่ฝั่งตรงข้ามครับ
หัวมุมปากซอยจะมี CP Fresh Mart และ 7Eleven อีกสาขาครับ มาโครงการนี้เจอ 7Eleven เกือบ 10 สาขามีเยอะจริงๆ
เส้นทางที่ 9 : เป็นส้นทางเดินไปรถไฟฟ้า BTS
เริ่มต้นที่หน้าโครงการ
บริเวณหน้าโครงการจะมีร้านขายอาหารและขนมอยู่บ้างไว้รองรับนักศึกษาแต่ก็มีไม่เยอะ และมี 7Eleven อยู่ที่ใต้อพาร์ทเม้นท์ 5 ชั้นเดินจากโครงการไม่กี่ก้าวก็ถึงครับ
วิวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ระยะไกลจะที่ได้จะเห็นอาคารเหล่านี้และครับ
การเดินในซอยนี้ถือว่าร่มรื่นดีครับ ช่วงเวลาที่เห็นในรูปประมาณ 10 โมง
อาคารสีแดงสูงๆที่เห็นคือ คอนโด PRESTIGE TOWERS ครับ
และฝั่งตรงข้ามจะเป็น คอนโด Hawaii Tower
เดินมาถึงทางแยกเลี้ยวขวาไปอโศก ถ้าตรงไปจะเป็นเส้นทางลัดไปออกสุขุมวิทได้
ที่แยกนี้ก็มี 7Eleven อีกสาขา
เมื่อเลี้ยวขวามาแล้วร่มเงายังพอดีให้เดินอยู่บ้างครับ ถ้าตอนเช้าๆให้เดินด้านซ้ายจะร่มกว่าครับ
ถนนในซอยนี้จะมีทางเท้าให้ตลอดเส้นทาง เดินได้สบายๆครับไม่ต้องคอยหลบรถระหว่างทางก่อนเจอทางแยกที่ 2 ด้านซ้ายมือจะมีอาคารพาณิชย์ที่เป็นร้านอาหารประเภทจานเดียวอยู่ครับ
เมื่อข้ามแยกที่ 2 มาแล้วด้านซ้ายมือแหล่งเสริมความงามพวกร้านทำผมครับ ใครจะไปงานอะไรไม่อยากทำผมตามห้างก็มาใช้บริการแถวนี้ได้
ด้านตรงข้ามเป็น ประสานมิตร พลาซ่า แหล่งรวมร้านอาหารมากมาย โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นครับ
รูปนี้ถ่ายจากสะพานลอยที่เชื่อมอาคารชิโน-ไทยทาวเวอร์ กับอาคารจอดรถ หันไปทางออกถนนอโศก จะเห็นว่าปริมาณการจราจรหนาแน่นเกือบตลอดเวลา
รถที่ออกจากซอยนี้ไม่สามารถเลี้ยวขวาได้นะครับต้องเลี้ยวซ้ายเท่านั้น
ออกมาเจอกับอาคาร Venture Group และโรงแรม FuramaXclusive
ถัดมาเป็นอาคาร สภาวิชาชีพบัญชี
เดินต่อมาจะเจออาคาร Fico
และฝั่งตรงข้ามเป็นสยามสมาคม
เดินมาถึงตรงนี้จะเห็น Termianl 21 อยู่ไม่ไกลแล้วครับ
ประตูทางออก MRT ที่ติดกับ Terminal 21 เป็นทางออกที่ 1 ครับ
ก่อนถึงแยกอโศกจะเจอคอนโดเก่าที่ชื่อว่า Las Colinas
เดินต่อมาไม่ไกลจะเจอทางเข้ารถไฟฟ้า MRT สุขุมวิท ประตู 2 ถ้าใครจะข้ามถนนไปยัง Terminal ลงใต้ดินทะลุไปก็ได้ครับ
ผมจะพาเดินข้ามไป BTS อโศกฝั่ง Terminal 21 ต่อนะครับ
เมื่อข้ามทางใต้ดินมาแล้วสามารถเข้าอาคาร Terminal 21 ได้โดยใช้บันไดเลื่อนเชื่อมต่อไปสถานี BTS อโศก เลยครับ เดินมาไกลเหงื่อเริ่มแตกแล้วครับ ;p
บันไดเลื่อนของสถานีนี้มีเวลาที่เปิดให้ขึ้นเท่านั้นด้วยนะครับ ใครจะลงก็เดินตามปรกติ
บนสถานี BTS จะมีทางเชื่อมเข้าสู่ตัวอาคารได้เลยสะดวกดีครับ สถานีนี้ค่อนข้างพลุกพล่านมากเพราะมี Sky walk เชื่อมต่อหลายอาคาร ถือว่าเป็นสถานีที่ใหญ่สถานีนึงเลยครับ
ผมจะเดินย้อนกลับไปโครงการโดยเดินจากฝั่ง Terminal 21 เพื่อให้เห็นว่าจะใช้บริการพี่วินได้ตรงไหน เมื่อเดินลงมาแล้วข้างทางจะมีของขายเกือบตลอดเส้นทาง
พี่วินจุดแรกที่เจอจะอยู่ห่างจากทางลง BTS อโศก ประมาณ 260 เมตรครับ
ส่วนค่าบริการก็ตามนี้เลย
แต่ถ้าจะเดินกลับโครงการ ต้องเดินไปข้ามทางม้าลายช่วงหน้าปากซอย และต้องข้าม 2 ช่วงเพราะถ้าจะข้ามไปอาคาร ชิโน-ไทย เลยตรงนั้นจะไม่มีทางม้าลายทำให้ข้ามไม่ได้ครับ บนถนนเส้นนี้ถ้าจะข้ามควรข้ามที่ทางม้าลายและรอสัญญาณไฟจะปลอดภัยกว่าครับ
จะข้ามถนนช่วงที่ 2 ก็รอสัญญาณไฟจราจรนิดนึงครับ
บริเวณทางม้าลายมีแม้ค้าแผงลอยขายอาหาร, ขนม และผลไม้มากมายครับ
เจาะลึกตัวโครงการ
ตัวโครงการจะเป็นอาคารสูง 33 ชั้นโดยชั้นอาศัยจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไป โดยชั้น 1 – 3 จะเป็น Lobby, Facility และที่จอดรถ รูปร่างของที่ดินมีลักษณะเป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้าตัวอาคารอยู่ตรงกลาง และมีถนนวิ่งรอบโครงการขนาด 6 เมตร มีสวนสาธารณะอยู่ด้านหน้าแต่ต้องรอดูของจริงว่าจะจัดมาให้สามารถใช้งานในพื้นที่นี้ได้รึเปล่าหรือจะจัดเป็นแค่สวนแนวตกแต่งเท่านั้น
ภาพจำลองของตัวอาคาร
ภาพทางเข้าโครงการ ของจริงจะมีอาคารอยู่ติดกับโครงการทั้งซ้ายและขวา
ภาพจำลอง Lobby ของโครงการดูเน้นไปทาง Modern และใช้สีโทนเดียวกันภายนอกอาคาร
สระว่ายน้ำของที่นี่จะมีบางส่วนที่ฝ้าเพดานไม่สูงมาก จะมีอธิบายเพิ่มเติมในรูป Model ครับ
การตกแต่งภายในของ Fitness ต้องบอกก่อนว่าวิวที่ได้จะเป็นวิวธรรมดาในส่วนที่เป็น Double Volume ของสระว่ายน้ำนะครับ เพราะตำแหน่งของห้องนี้อยู่บนชั้น 3 ไม่ได้เป็น Sky Pool
ภาพจำลองบรรยากาศ Study Lounge
ที่จอดรถของโครงการนี้จะเป็นระบบจอดรถอัตโนมัติ ลูกบ้านขับรถเข้าลิฟท์แล้วลงจากรถ ไม่ต้องขับรถวนหาที่จอดเองครับมีระบบช่วยหาที่จอดให้
แผนที่จริงแสดงพื้นที่รอบๆโครงการ ที่คงหนีไม่พ้นอาคารอาคารเรียน, อาคารพักอาศัย, และอาคารสำนักงานต่างๆ
แนวที่ดินจะถูกขนาบข้างด้วยอาคารเรียนและอาคารพักอาศัย ทางเข้าโครงการจะอยู่ใกล้กับประตูทางเข้า มศว ประตู 2
เขตที่ดินเป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้าตามแนวยาวลึกเข้าไปด้านในจดสุดที่บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้นนะครับ
ส่วนสภาพแวดล้อมแต่ละด้านจะเป็นอย่างไรผมได้เข้าไปยืนตรงกลางของที่ดินแล้วถ่ายรูปรอบๆด้านมาให้ดูครับ ด้านแรกเป็นทิศตะวันตก
ด้านทิศตะวันตกเฉียงหนือ
ด้านทิศเหนือ เป็นอาคารเรียนสูง 6 ชั้น
ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ด้านทิศตะวันออกเป็นอาคารเรียนสูง 12 ชั้น
ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้
ด้านทิศใต้ เป็นอาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น ซึ่งมีบางยูนิตที่ต้องหันหน้าเข้าอาคารนี้เต็มๆครับ
ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ยูนิตที่อยู่ตั้งแต่ชั้น 13 ขึ้นไปจะไม่มีปัญหาเรื่องโดนบังวิวจากอาคารที่อยู่ติดกันครับ
มาดูการออกแบบโครงการจากตัว Model กันครับ ตัวอาคารเป็นดูเรียบๆเน้นการใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าและตัวอาคารจะเริ่มร่นระยะตามกฎหมายบริเวณด้านหน้าโครงการ หรือทางทิศตะวันออก ตั้งแต่ชั้น 18 ขึ้นไป
พื้นที่ส่วนที่เป็นระยะร่นตามกฎหมายจะกลายเป็น Sky Garden ไป
พื้นที่ Sky Garden จะอยู่ตามชั้นต่างๆดังนี้ ชั้น 18, 22, 27 และ 30
Facility ต่างๆจะอยู่ที่ชั้น 2 จาก Model มีพื้นของชั้น 3 บางส่วนอยู่เหนือสระว่ายน้ำทำให้พื้นที่บริเวณนั้นดูแคบกว่าพื้นที่สระว่ายน้ำด้านหน้าโครงการซึ่งเปิดเป็น Double Volume
มุมมองด้านหน้าโครงการ พื้นที่สวนด้านหน้าโครงการจะอยู่บริเวณขวามือ ถ้าจะทำสวนให้ดูน่าใช้งานคงต้องมีการทำรั้วหรือปลูกต้นไม้เป็นแนวกำแพงเพื่อทำให้พื้นที่สวนมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ต้องอย่าลืมนะครับว่าตัวโครงการอยู่ติดกับมหาลัยเลยดังนั้นจะมีการเข้าออกของนักศึกษาอยู่ตลอด และด้านซ้ายมือก็จะมีอาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้นที่มีหน้าต่างหันมาด้านสระว่ายน้ำพอดีครับ
การจราจรภายในโครงการเป็นแบบ One Way รอบโครงการครับ
จากผังชั้น G การเดินรถจะแปลกสักหน่อยเพราะเป็นการวนทวนเข็มนาฬิกา ซึ่งรถในบ้านเราใช้พวงมาลัยขวาจะถนัดขับวนตามเข็มนาฬิกามากกว่าแต่เรื่องนี้ก็แก้ได้ไม่ยากครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร สวนที่ชั้น G จะมีขนาดใหญ่ที่สุดคือ 285 ตารางเมตร
จะเห็นว่าการจอดรถที่นี่จะใช้เป็นระบบจอดรถอัตโนมัติ ดังนั้นลูกบ้านก็แค่ขับเข้ามาจอดในลิฟท์สำหรับรถแล้วระบบจะหาที่จอดรถที่ใกล้ที่สุดให้ การใช้ระบบนี้ช่วยเพิ่มพื้นที่จอดให้กับโครงการได้มากขึ้นและประหยัดน้ำมันสำหรับลูกบ้านไม่ต้องวนหาที่จอด แต่จะมีค่าบำรุงรักษาลิฟท์ตามมาด้วยนะครับ จำนวนลิฟท์มีทั้งหมด 5 ตัว รองรับการจอดรถ 94 คัน หรือ 18.8 คันต่อลิฟท์ 1 ตัว ส่วนการนำรถออกจะมีระยะเวลาในการรอลิฟท์อยู่บ้าง อันนี้ต้องรอดูของจริงครับว่าจะใช้เวลาประมาณเท่าไหร่และจำเป็นต้องมีที่นั่งรอหรือไม่
Facility ต่างๆจะอยู่ที่ชั้น 2 และ 3 โดยชั้น 2 จะเป็นสระว่ายน้ำและ Deck สำหรับนั่งพักผ่อน
ชั้น 3 จะมี Study Lounge และ Fitness Steam แยกชายและหญิง มีขนาด 7.80 x 6.45 เมตร
ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้นนี้ขึ้นไป สำหรับห้องที่ติดกับที่จอดรถยังไม่แน่ใจว่าจะมีเสียงดังมาจากการใช้งานระบบจอดรถอัตโนมัติมากน้อยแค่ไหนอันนี้ต้องรอดูของจริงครับ ถึงแม้ห้องนี้จะโดนอาคารข้างเคียงบังวิวแต่ก็มีข้อดีสุดๆมาให้เหมือนกันครับ คือมีจำนวนยูนิตต่อชั้นแค่ 4 ยูนิตเท่านั้น ทำให้มีความสงบส่วนตัวสูงมากโดยไม่ต้องจ่ายแพงเท่าชั้น 18 ซึ่งมีจำนวนยูนิตเท่ากัน
ชั้นนี้ยังมีพื้นที่บางส่วนถูกใช้สำหรับการจอดรถอยู่ แต่เริ่มมียูนิตทางทิศเหนือเพิ่มขึ้นมาแต่วิวก็ยังโดนบังอยู่นะครับ
ชั้นนี้มีห้องควบคุมงานระบบต่างๆภายในอาคารอยู่ด้านทิศตะวันตกครับ
การวางผังห้องของโครงการนี้จะเน้นวิวทางด้าานทิศเหนือ และ ทิศใต้เป็นหลัก ห้องมุมทั้งหมดจะห้องแบบ 1+1 Bedroom (ไม่ใช่แบบ 2 ห้องนอนนะครับ) ส่วนช่วงกลางตึกจะเป็นแบบ 1 ห้องนอน
มาถึงชั้น 18 จำนวนยูนิตจะลดลงเหลือแค่ 4 ยูนิตและเป็น 2 ห้องนอนทั้งหมด โดยชั้นนี้จะมีสวนสาธารณะอยู่ด้านทิศตะวันออกและระดับพื้นสวนจะลดลงประมาณ 10 ซม. ยูนิตที่อยู่ติดสวนก็จะได้วิวสวนไปในตัวด้วยแต่ถ้ามีลูกบ้านมาใช้งานความเป็นส่วนตัวก็จะลดลงไปพอสมควรเพราะระดับพื้นไม่ต่างกันมาก
แบบ Plan ตั้งแต่ชั้น 19 ไปจนถึงชั้น 33 นั้นยังมีการปรับรายละเอียดอยู่เล็กน้อยเลยไม่สามารถให้ดูได้ครับ แต่ผมจะอธิบายให้ฟังคร่าวๆนะครับ
ชั้น 19 – 21 จำนวนยูนิตต่อชั้นจะเหลือแค่ 2 ยูนิตแบ่งครึ่งซ้ายและขวา ยูนิตทั้ง 2 ยูนิตจะเป็นแบบ 3 ห้องนอนมีขนาดตั้งแต่ 101-118 ตารางเมตร
ชั้น 22 จำนวนยูนิตยังคงเป็น 2 ยูนิตแต่เป็นแบบ 2 ห้องนอนและ 3 ห้องนอน ชั้นนี้จะมีสวนสาธารณะอยู่ด้วยซึ่งมีขนาดใหญ่พอสมควรสำหรับสวนบนอาคารสูงมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 105.87 ตารางเมตร
ชั้น 23 – 26 มี 2 ยูนิตต่อชั้นและแบบห้องคล้ายๆกับชั้น 22 แต่พื้นที่ของแบบ 2 ห้องนอนจะใหญ่กว่า
ชั้น 27 – 33 จะเป็นแบบ Penthouse 1 ยูนิตต่อชั้นโดยชั้น 27, 29, 30 และ 32 จะมีสวนมาให้ด้วยและเป็นสวนสำหรับยูนิตในชั้นนั้นโดยเฉพาะเลยเรียกได้ว่า Exclusive มากๆสำหรับห้องแบบ Penthouse
มาดูเรื่องของวิวกันดีกว่าครับรูปที่ถ่ายมาให้ดูมาจากอาคารข้างเคียงสูง 6 ชั้นเพราะฉะนั้นวิวที่ได้จะไม่ตรงกับสถานที่จริงแบบ 100% นะครับเอามาให้ดูเป็นแนวทางว่าจะเห็นอะไรบ้างในแต่ละด้าน วิวที่ได้จากทางทิศเหนือน่าจะเป็นวิวที่เห็นพื้นที่สีเขียวเยอะหน่อยเพราะหันไปทางด้านสนามกีฬากลางแจ้ง มศว และตัวอาคารเรียนทางทิศนี้ก็ไม่ได้มีอาคารสูงมาบังวิวในระยะใกล้เลย (ระยะประมาณ400เมตร) จะมีอาคารสูงจะมีก็เป็นฝั่งตรงข้ามของคลองแสนแสบไปแล้ว
วิวด้านทิศตะวันตกเฉียงหนือครับ
วิวด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
วิวด้านทิศใต้จะโดนอาคารพักอาศัยด้านข้างบังวิวถึงประมาณชั้น 8 เลยชั้น 8 ขึ้นไปจะเป็นวิวอาคารพักอาศัยและอาคารสำนักงานในบริเวณนั้นครับ
วิวด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะเห็นแต่อาคารสูงต่างๆตามแนวถนนอโศก ถ้าใครชอบ City view ตอนกลางคืนน่าจะถูกใจครับ
วิวด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีอาคารพักอาศัยที่เป็น High Rise บ้างแต่ไม่หนาแน่นเท่าทิศตะวันตก
วิวด้านทิศตะวันออกจะมีอาคารเรียนของแผนกมัธยมต้น มศว สูงประมาณ 12 ชั้นบังวิวอยู่ครึ่งนึงและระยะไกลเกิน 400 เมตรขึ้นไปจะมีอาคารพักอาศัยและบ้านพักการะจายๆกันครับ
วิวด้านทิศตะวันตก จะเป็นวิวอาคารสำนักงานและอาคารพักอาศัยขนาดใหญ่บนถนนอโศก
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระเป็นระบบเกลือพร้อม Jacuzzi ขนาด 6.3 x 20 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ขนาด 7.8 x 6.45 เมตร
- Steam Rooms
- Study Lounge
- Free Wi-Fi Internet ครอบคลุมทุกพื้นที่ส่วนกลาง
- สวนหย่อมทั้งโครงการ ขนาด 576 ตารางเมตร
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ 65.5 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ระบบจอดรถอัตโนมัติ
- ระบบ CCTV / Access Card
Product Walkthrough
ห้องตัวอย่างมีให้ดู 2 แบบคือแบบ 1 ห้องนอน และ 1+1 ห้องนอนซึ่งการขายของโครงการนี้เป็นแบบ Fully Furnished เฉพาะชั้น 4-17 เท่านั้น ตั้งแต่ชั้น 18 ขึ้นไปจะเป็นแบบ Fully Fitted ครับของที่เห็นในห้องตัวอย่างจะเป็นของที่มาพร้อมกับห้องเลยครับยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้า
มาดูแบบแรกกันก่อนนะครับ แบบแรกเป็นแบบ 1 ห้องนอน
ทางเข้าห้องจะเป็นประตูไม้เนื้อแข็งและกลอนประตูจะเป็นระบบ Digital Door Lock 3 ระบบ (กุญแจ, Key Card และ กดรหัส) ซึ่งทางโครงการไม่ได้นำมาแสดงไว้ที่ห้องตัวอย่าง
เมื่อเข้ามาในห้องโซนแรกที่เจอจะเป็นโซน Pantry ครัวและโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง
ด้านซ้ายเป็น Pantry ครัววัสดุปิดผิวลายไม้ให้ความรู้สึกดีครับ Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์สีดำ
ด้านหลังปูกระเบื้องแกรนิตให้ทั้งแนวกำแพงของโซน Pantry ครัวเลยครับไม่ได้ปูเฉพาะตรงเคาน์เตอร์ครัวเท่านั้น
เคาน์เตอร์ครัวจะมีขอบหินสังเคราะห์สีดำสูงประมาณ5 ซม.
เคาน์เตอร์ครัวชุดบนมีบานเปิด 4 บานและไม่ได้ทำเต็มความสูงถึงฝ้าเพดาน ทำให้ด้านบนสุดยังมีช่องเหลืออยู่อีกประมาณ 15 ซม.สามารถใช้เก็บของได้อีกนิดหน่อย (อย่างที่รู้ๆกันอยู่นะครับว่าการอยู่คอนโดนั้นไม่มีห้องเก็บของ เพราะฉะนั้นขอแค่มีช่องให้เก็บของเพิ่มเติมนิดนึงก็ยังดี เอาไว้เก็บของที่นานๆจะใช้สักครั้งได้)
ถ้าจะวางไมโครเวฟต้องวางบนตู้เย็นหรือเคาน์เตอร์เท่านั้นนะครับเพราะชุด Bult-in ไม่มีช่องให้ใส่ไมโครเวฟ
การแบ่งช่องเก็บของเคาน์เตอร์ครัวชุดบนจะเป็นตามนี้ ช่องที่มี Hood ติดตั้งอยู่ด้านล่างจะมีความลึกน้อยกว่าช่องอื่นๆเพราะต้องเว้นระยะให้งานระบบท่อดูดควันครับ
เตาที่ให้มาเป็นเตาไฟฟ้าเซรามิค 2 หัวพร้อมที่ดูดควันเป็นของ MEX ทั้งคู่ครับ
ก๊อกน้ำและอ่างล้างจานหลุมทรง 4 เหลี่ยมใช้ของ Mex แต่ไม่มีที่พักจานมาให้
การแบ่งช่องเก็บของเคาน์เตอร์ชุดล่างจะเป็นตามนี้ มีบานเปิดให้ 2 บานและลิ้นชัก 3 ช่อง ช่้องบนสุดจะมีถาดวางช้อน-ส้อมมาให้
ในลิ้นชักจะมีแผ่นกันลื่นมาให้ด้วยครับ
ด้านขวาเป็นโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาจะเป็นตามรูปเลยครับ เป็นโทนสีขาวและมีลิ้นชักใต้โต๊ะให้ทั้ง 2 ฝั่งๆละ 3 ลิ้นชัก
กำแพงทางเข้าห้องจะมี Built-in ตู้เก็บของมาให้ แบ่งเป็นชุดบนกับชุดล่าง ด้านข้างจะติดเป็นกระจกเงาไว้สำรวจความเรียบร้อยของเสื้อ ผ้า หน้า ผม ก่อนออกจากบ้านครับ ^__^
ชุดล่างเป็นลิ้นชักไว้เก็บรองเท้า วางรองเท้าผู้หญิงได้ประมาณ 12 คู่ ถ้าเป็นรองเท้าผู้ชายจะเหลือแค่ประมาณ 9 คู่ครับ
มือจับของบานตู้ลิ้นชักมีการปาดมุมมาให้จับถนัดมือขึ้น
ช่วงกลางถูกออกแบบมาไว้สำหรับวางสิ่งของเล็กๆน้อยๆต่างๆ เช่น กุญแจบ้าน, กุญแจรถ หรือจะเป็นกระเป๋าใบเล็กๆก็ได้ครับ ตรงนี้ออกแบบมาดีครับ แต่น่าจะทำเป็นช่องใหญ่กว่านี้จะได้พื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้นอีก
บานประตูตู้ Bulit-in ด้านบนจะเป็นแบบบานเฟี้ยมมือจับด้านล่างของบานตู้ปาดมุมมาให้ ขนาดของช่องเก็บของตามในรูปเลยครับใส่กระเป๋าถือผู้หญิงได้หลายใบเหมือนกัน ด้านข้างของตู้จะมีตะขอเอาไว้แขวนกระเป๋าหรือเสื้อก็ได้ แต่ถ้ายาวมากจะเปิดลิ้นชักใส่รองเท้าลำบากหน่อยครับ
บริเวณมือจับของบานประตูตู้ชุดบนมีการปาดมุม ช่วยให้เปิดตู้ได้ง่ายขึ้นมาก ถึงแม้เป็นบานเฟี้ยมแต่ก็เปิดได้ไม่ยากไม่ต้องออกแรงเยอะ
โต๊ะทานอาหารสามารถกางอีกด้านให้ออกมาเป็นแบบ 4 ที่นั่งได้ครับ ซึ่งถ้ากางออกามาแล้วจะวางของได้เยอะขึ้นมากแต่ก็แลกกับพื้นที่ทางเดินที่หายไป รูปแบบการพับสามารถดูได้ที่ IKEA ครับแบบเดียวกันเลย
ต่อไปเป็นโซนห้องนั่งเล่นที่ติดกัน ชุด Built-in ที่เห็นในห้องนี้เป็นของจริงที่ให้มาห้องชุดครับ
ชิ้นแรกเป็นชั้นวางหนังสือ ซึ่งตำแหน่งของชิ้นนี้จะยาวมาถึงโต๊ะอาหารส่วนนึงเลย
ชั้นวางทีวีจะมีมาให้ 2 ชิ้นคือชั้นวางทีวีและตู้เก็บของ
ตู้เก็บของทีให้มาถือว่าสวยนะครับมีรายละเอียดที่ดี อย่างมือจับจะเป็นหนังเทียมเย็บเป็นห่วงไว้ดึงเปิดตู้ และหน้าบานก็ไม่ได้มาแบบเรียบๆมีการเซาะร่องเพิ่มรายละเอียดให้ดูสวยขึ้น
ด้านในมีช่องให้ใส่ของ 2 ชั้น
น่าเสียดายอยู่นิดนึงตรงที่เฟอร์นิเจอร์ตัวนี้ไม่ติด Soft Close มาให้
ชั้นวางทีวีจะมีลิ้นชักมาให้ 3 ช่องและช่องวางของอีก 1 ช่อง
ลิ้นชักของชั้นวางทีวีมีติดรางเลื่อนมาให้ดีครับ สามารถดึงได้จนสุดโดยที่ไม่รู้สึกโคลงเคลงเท่าไหร่นัก
ปลั๊กไฟสำหรับทีวีมีมาให้ครบและเยอะดีครับ
ห้องนั่งเล่นจะอยู่ติดกับห้องนอนและระเบียง ซึ่งตำแหน่งการวางโซฟาที่ถูกกำหนดด้วยแนวของประตูเลื่อนทำให้ระยะดูทีวีเหลือน้อยครับ ถ้าจะวางทีวีจอใหญ่มากๆคงไม่สามารถนั่งดูที่โซฟาได้เพราะระยะใกล้เกินไป
รอยต่อระหว่างภายในห้องกับทางออกไปไประเบียงจะมี Curb กั้นสูงประมาณ 10 ซม. วัสดุพื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็น Engineering Wood พื้นระเบียงเป็น กระเบื้องสีดำ
กลอนประตูเป็นแบบมาตรฐานทั่วๆไป บานประตู้เป็นบานกระจกเลื่อนสลับกรอบอลูมิเนียมสีดำ
ช่องด้านซ้ายของระเบียงสามารถวางคอมเพรสเซอร์แอร์ได้ 2 ตัวและวางเครื่องซักผ้ามาได้ 1 เครื่อง ราวตากผ้าที่เห็นในรูปจะมีมาให้ด้วยนะครับ แต่ถ้าวางเครื่องซักผ้าคงใช้งานไม่ได้ การวางคอมเพรสเซอร์แอร์แบบนี้จะดูเรียบร้อยและไม่บดบังวิวแต่พื้นที่ระเบียงจะมีความร้อนค่อนข้างสูงจากคอมเพรสเซอร์แอร์ เพราะเป่าเข้าด้านข้างของระเบียงไม่ได้เป่าออก ของจริงทางโครงการจะมีติดกริลช่วยลดความร้อนมาให้นะครับ
พื้นที่สำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้ามีปลั๊กไฟกันน้ำมาให้พร้อม
ระเบียงของโครงการนี้มีความพิเศษกว่าโครงการอื่นๆตรงที่มีเคาน์เตอร์ครัวไทยไว้ให้ครับ วัสดุเคาน์เตอร์จะเป็น Stainless ทำให้ง่ายต่อการซักล้างครับ ส่วนราวระเบียงจะเป็นกระจกสีดำกับราวจับเหล็กทำสีดำ
ผนังกั้นห้องระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนจะเป็นประตูเลื่อน 3 ตอนเอาไว้เชื่อมให้เป็นห้องเดียวกัน ตอนปิดจะเป็นแบบนี้ครับ
พอเปิดแล้วแล้วห้องจะโล่งขึ้นเยอะครับ
มือจับบานประตูแบบเซาะร่องเข้าไปในตัวประตูทำให้ดูเรียบร้อยดีแต่การจับตอนดึงประตูปิดจะต้องใช้แรงเยอะหน่อย
รางเลื่อนจะติดตั้งเฉพาะด้านบนเท่านั้น ทำให้พื้นด้านล่างไม่มีรางให้เห็นเลยซึ่งถือว่าดีมากๆเพราะเวลาเดินจะไม่มีการสะดุดและทำให้ภาพรวมของห้องดูต่อเนื่องกันอีกด้วย
ตัวรางจะอยู่ด้านบนเท่านั้น เท่าที่ได้ลองดึงเข้า-ออกอยู่หลายทียังไม่พบอาการแกว่งของบานประตูน่าจะเป็นเพราะตัวบานประตูมีน้ำหนักพอสมควร แต่ก็ไม่ได้หนักถึงขั้นต้องออกแรงดึงแบบสุดตัวนะครับ
เมื่อเปิดประตูเต็มที่ตัวบานประตูจะเก็บอยู่ด้านในของกำแพงห้องนอน ถ้าจะวางโต๊ะไม่ควรวางติดผนังเลยนะครับ อาจจะชนกับประตูได้เวลาเปิดเต็มที่
มาดูในห้องนอนกันบ้าง ผนังห้องนอนของโครงการนี้ด้านนึงจะเป็นหน้าต่างไว้รับแสงและวิวแบบเต็มพื้นที่และมีบานกระทุ้งให้ 2 บานอยู่ชิดกำแพงด้านซ้ายและขวา
โต๊ะตัวนี้ก็มีให้นะครับสามารถเอาไว้นั่งทำงานไปชมวิวไป เพลินดีนะครับ บริเวณขาโต๊ะสามารถวางของได้ด้วย
ตู้หัวเตียงที่โครงการจัดให้จะมีตู้ 1 ชิ้นและชั้นวางของอีก 3 ชั้นเข้าชุดกัน ตู้หัวเตียงมีลิ้นชักให้ 1 ช่องกว้างเต็มแนวความยาวของตัวตู้
ด้านหลังของตู้มีปลั๊กสวิทช์ไฟมาให้พร้อมไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมเลย
ลิ้นชักของตู้นี้สามารถดึงออกมาได้สุดเช่นกันครับ ทำให้เวลาใส่ของที่มีขนาดพอดีๆกับช่องนี้ทำได้สะดวกมากๆ สามารถวางลงไปตรงๆได้เลย
สิ่งที่ผมชอบสำหรับเฟอร์นิเจอร์ชุดนี้คือมีรายละเอียดที่ดี เช่นในรูปจะเห็นว่ามุมของโต๊ะนั้นมีการปาดมุมเอียง 45 องศาทำให้เวลาปิดประตูตู้แล้วจะไม่เห็นขอบของตู้เลยครับ หน้าบานก็มีการเซาะร่องทำให้ดูกลมกลืนกับชุดวางทีวีในห้องนั่งเล่น ดูสวยและลงตัวดี
มุมมองย้อนไปยังห้องนั่งเล่น
ด้านข้างของเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in แบบเข้ามุมเต็มความสูงของฝ้าเพดานมาให้
ด้านข้างของเตียงมีระยะเหลือไม่เยอะมากครับ แต่พอเดินได้ถึงแม้จะเปิดประตูตู้เสื้อผ้าไว้
ช่วงหัวเตียงจะเป็นบานเปิดคู่ และชุดล่างมีลิ้นชักมาให้พร้อมช่องวางของ
ตู้เสื้อผ้ามีขนาดค่อนข้างเล็กสำหรับอยู่กัน 2 คน บานประตูตู้เป็นแบบบานเฟี้ยมด้านเดียว ด้านซ้ายของตู้จะเปิดไม่ได้เพราะเป็นสำหรับช่องวางของที่อยู่ด้านข้างก่อนเข้าห้องน้ำครับ
การเปิดประตูตู้เสื้อผ้าค่อนข้างลำบากอยู่เหมือนกันครับเพราะมือจับเป็นแบบฝังเข้าไปในบานประตูและมีแง่งให้ดึงแต่นิดเดียว วิธีเปิดคือต้องเอามือขวาดึงมือจับตรงกลางบานประตูเข้าหาตัวแล้วใช้มือซ้ายดึงมือจับที่อยู่ริมมาด้านขวา ซึ่งต้องใช้แรงพอสมควร แต่เรื่องนี้ก็แก้ได้ไม่ยากครับแค่เปลี่ยนตัวมือจับตรงกลางให้เป็นแบบมีห่วงไว้ดึงออกมาได้และมือจับริมสุดให้มีความกลมมนง่ายต่อการดึงมากกว่านี้ปัญหานี้จะหมดไป
ช่องเก็บของด้านข้างตู้เสื้อผ้าจะมีกระจกเงาเต็มบานมาให้
อีกด้านของช่องเก็บของจะมีกระจกเต็มบานมาให้พร้อมตะขอแขวน
หน้าตาของสวิทช์ไฟในห้องทุกแบบจะเป็นลักษณะนี้ทั้งหมดครับ
รอยต่อพื้นห้องน้ำกับห้องนอน วัสดุพื้นของห้องน้ำเป็นกระเบื้องลายไม้สีเข้มดูกลมกลืนกับพื้นห้องนอนดีครับ
ส่วนผนังห้องน้ำก็ปูกระเบื้องเต็มพื้นที่เลยครับ
ชุดเคาน์เตอร์ของห้องน้ำมีมาให้ 2 ชิ้นเป็นของ Mogen ทั้งหมด ชิ้นบนจะติดกระจกเงาพร้อมชั้นวางของมาให้ ส่วนชิ้นล่างออกแบบอ่างให้มีขนาดพอดีกับตัวตู้ใต้อ่างดูเรียบร้อยดีครับ
Built-in ชิ้นบนเป็นตู้เก็บของด้วย
วัสดุอ่างล้างมือเป็นหินสังเคราะห์
ตัวก๊อกใช้ของ Mogen
กำแพงด้านซ้ายของอ่างล้างมือจะมีปลั๊กไฟกันน้ำมาให้
ช่องเก็บของใต้อ่างเป็นบานเปิดคู่
บานเปิดด้านซ้ายที่เปิดไปชนกับกำแพงจะติดตัวกันกระแทกมาให้ด้วย
ด้านในของตู้ใต้อ่างล้างมือมีการเดินท่อสำหรับเครื่องทำน้ำร้อนไว้ให้ และเชื่อมต่อไปยังฝักบัวอาบน้ำด้วย
ชุดโถสุขภัณฑ์ใช้ของ Mogen ทั้งหมด
ผนังที่ติดโถสุขภัณฑ์เป็น Low Wall สามารถวางของเพิ่มได้อีกนิดหน่อยครับ
ห้องอาบน้ำติดตั้งกระจกแบ่งโซนเปียก-แห้งมาให้ ราวแขวนผ้าเช็ดตัวจะอยู่ด้านโซนแห้งนะครับไม่ได้อยู่ในโซน Shower
ที่พื้นจะก่อ Curb สูงประมาณ 4 ซม. กรุด้วยกระเบื้องลายเดียวกับกำแพง
ชุดอาบน้ำเป็นแบบ Rain & Hand Shower
ด้านข้างของฝักบัวจะมีช่องวางของมาให้ เป็นชั้นกระจกและผนังกรุด้วยกระเบื้องลายไม้สีเข้มตัดกับสีกำแพงส่วนอื่น
ต่อไปเป็นห้องแบบ 1 + 1 Bedroom (1 ห้องนอน + 1 ห้องอเนกประสงค์) ที่โครงการตั้งชื่อแบบนี้ก็เพราะว่าห้องนี้ยังคงเป็น 1 ห้องนอน แต่จะมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มมาให้อีก 1 ห้อง ตัวห้องอเนกประสงค์นั้นจะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นด้วยบานกระจกเลื่อน 2 ตอนขนาดใหญ่
แบบ 1+1 Bedroom ห้องนั่งเล่นจะกว้างกว่าแบบ 1 Bedroom อยู่หน่อยและเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาจะมีบางส่วนที่ไม่เหมือนห้อง 1 Bedroom ครับ
วัสดุพื้นเป็น Engineering Wood เหมือนกัน
ชั้นวางทีวีมีขนาดยาวกว่าพอสมควร และชั้นวางของไม่ได้เป็นตู้ แต่มีลักษณะคล้ายๆราวบันได
บริเวณประตูทางเข้าจะเป็นตู้ Built-in เต็มความสูงฝ้าเพดานมาให้
บานประตูตู้ข้างนึงจะติดกระจกเงามาให้ด้วย ระบบการเปิดตู้เป็นบานเฟี้ยมและเปิดยากเหมือนเดิมครับ
ช่องเก็บของภายในแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่อยู่ด้านล่างจะทำมุมเฉียงไว้วางรองเท้าครับ
Detail ของรางเลื่อนตู้เก็บรองเท้าครับ
บานเปิดไปยังระเบียงเป็นบานกระจกเลื่อนสลับ
ด้านบนของบานประตูจะมีการทำช่องไว้ซ่อนรางม่านเรียบร้อย
ช่องวางคอมเพรสเซอร์แอร์มีลักษณะแบบเดียวกัน
ชุดเคาน์เตอร์ครัวไทยก็มีขนาดเท่ากันครับ
ริมระเบียงมีการทำรางน้ำที่พื้นช่วยให้ระบายน้ำได้ดีขึ้น
มุมมองไปยังประตูหน้าห้อง จะเห็นว่าห้องครัวและโต๊ะทานอาหารอยู่ด้านซ้ายมือ ไม่ได้เจอเป็นโซนแรกตอนเข้าห้องเหมือนกับห้องแบบ 1 Bedroom
โต๊ะทานอาหารกับห้องครัวจะถูกกั้นด้วยผนังกระจกเต็มบาน โถงทางเข้านี้จะเชื่อมต่อไปยังห้องน้ำและห้องนอนด้านในสุด
โต๊ะทานอาหารจะมีลิ้นชักมาให้ฝั่งละ 3 ช่อง
รอยต่อระหว่างโถงกลางกับห้องครัว พื้นห้องครัวจะเป็นพื้นกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.
เคาน์เตอร์ครัวจะมีขนาดใหญ่กว่าแบบ 1 Bedroom แต่จะไม่มีช่องให้ใส่ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า และไมโครเวฟ นะครับ
การแบ่งช่องชั้นล่างจะมีบานเปิด 3 บานและลิ้นชัก 3 ช่อง
บานประตูตู้ทุกบานที่เป็น Built-in ไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวจะติดตั้ง Soft Close มาให้หมดครับ
หน้าตาถาดใส่ช้อน-ส้อมครับ
Detail ของมือจับจะเป็นสแตนเลสพับโค้ง 90 องศาจับแล้วรู้สึกมั่นคงดีครับและใช้งานง่าย เมื่อปิดประตูแล้วมือจับจะอยู่ในระดับเดียวกับ Top ของเคาน์เตอร์ไม่ยื่นมาเกะกะเลย จุดนี้ถือว่าใส่ใจในรายละเอียดดีครับ
ช่องใส่ของชุดบนด้านขวา
ช่องใส่ของชุดบนด้านซ้าย ในรูปนี้จะเห็นว่าช่วงสันของบานประตูตู้มีการปิดด้วยสแตนเลสดูเรียบร้อยและช่วยเพิ่มความทนทานในการใช้งานด้วยครับ
ด้านในสุดจะมีปลั๊กไฟมาให้ 2 ช่อง
เตาไฟฟ้าและที่ดูดควันให้มาเหมือนกับแบบ 1 Bedroom ครับ
ช่องวางตู้เย็นจะอยู่ด้านในสุดและประตูตู้ด้านในสุดจะเป็นแบบเปิดไม่ได้นะครับ แต่สามารถเก็บของได้
ถ้ามองจากประตูทางเข้าไปยังห้องทำงาน ซึ่งห้องนี้จะมีผนังเป็นกระจกกั้นทั้ง 2 ด้านโดยจะเป็นบานเลื่อนแบบ 1 ตอนกับ 2 ตอน บานเลื่อนของห้องทำงานช่วยลดเสียงจากรอบด้านได้ในกรณีที่คนนึงนั่งดูทีวีและอีกคนอยากทำงานผนังส่วนนี้จะช่วยได้ครับ คือยังสามารถเห็นกันได้อยู่แต่เสียงจะเบาลง
ถ้าเปิดบานประตูหมดก็จะดูโล่งขึ้นครับ
บริเวณบานประตูเลื่อนจะมีรางอยู่ที่พื้นแต่ก็ไม่ได้สูงมาก
กลอนประตูอลูมิเนียมตามมาตรฐานทั่วไปครับ
ตรงหัวมุมที่เป็นกระจกช่วยให้ห้องทำงานดูกลมกลืนไปกับห้องนั่งเล่นไม่ดูแบ่งแยกพื้นที่จนเกินไป
ภายในห้องทำงานมีโซฟาเข้ามุมมาให้ด้วยเอาไว้นั่งเล่น นอนเล่นชิวๆได้
ใต้ที่นั่งมีช่องเก็บของให้ด้วย มีขนาดใหญ่ใช้ได้เลย
ผนังของห้องนี้ก็เป็นกระจกเต็มพื้นที่เหมือนกันและมีบานกระทุ้งให้ 1 บาน
มองจากโซฟาย้อนไปยังโต๊ะอาหาร ด้านในของห้องทำงานมีตู้ Built-in มาได้ 1 ตู้
มีชั้นวางของเล็กๆให้ 3 ชั้น
รูปนี้ผมลองนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วถ่ายมาให้ดูครับว่าดูทีวีได้แต่ควรดูเรื่องความสูงของโซฟาด้วย
มุมมองจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องทำงานครับ
ต่อไปมาดูห้องน้ำบ้าง รูปแบบการวางฝังห้องน้ำจะไม่เหมือนกันเลยครับลองไปดูกันว่าแตกต่างตรงไหนบ้าง และห้องนี้สามารถเข้าได้ 2 ทาง คือจากโถงกลางและห้องนอน
รอยต่อพื้นโถงกลางกับห้องน้ำของจริงจะมีการ Drop พื้นลงไป 5 ซม.ครับ
หน้าตาและขนาดของชุดอ่างล้างหน้ามีขนาดเดียวกันเลยครับ
ช่องเก็บของก็เหมือนกัน และผนังห้องน้ำกรุกระเบื้องแบบเดียวกันทั้งห้องครับ
โซน Shower จะอยู่ด้านในสุด ส่วนช่องตรงกลางจะเป็นช่องที่ทำไว้เก็บเสื้อผ้าได้ มีการกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกฝ้าเผื่อให้ใช้ห้องน้ำแยกกับโซน Shower พร้อมกันได้
ชุดโถสุขภัณฑ์ที่เห็นยังไม่มีการติดตั้ง สายชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู่ให้ดูนะครับ
ราวแขวนผ้าจะดูในโซนแรกครับ
รางเลื่อนจะเป็นแบบแขวนไม่มีรางที่พื้น ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาด
ทางเข้าจากประตูนี้ค่อนข้างแคบมากครับประมาณ 60 ซม.เท่านั้นเอง
ช่องกลางจะมีราวแขวนผ้าไว้ให้ส่วนด้านล่างเตรียมไว้สำหรับตะกร้าผ้า มุมที่เห็นนี้เป็นมุมมองจากห้องนอน
โซนอาบน้ำจะมีประตูกระจกกั้นให้เช่นกัน แต่ไม่มีการก่อ Curb กั้นน้ำมาให้ แต่จะมีการ Drop พื้นลงไป 5 ซม.
หน้าตาของ Door stop ในห้องน้ำครับ
ชุดอาบน้ำเป็นแบบ Rain & Hand Shower เหมือนกัน
ช่องเก็บของจะมีขนาดใหญ่กว่าแบบ 1 Bedroom นิดหน่อย
มาดูห้องนอนกันต่อครับ รูปนี้ถ่ายจากในห้องน้ำไปยังห้องนอน ด้านซ้ายมือจะมีตู้ Built-in สำหรับวางของได้นิดหน่อยครับ
ถ้าเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วหันไปด้านซ้ายจะเป็นประตูหลักสำหรับเข้าห้องนอน ในห้องตัวอย่างไม่มีการติดตั้งประตูห้องให้ดูนะครับ ยังไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังคงต้องรอดูของจริงครับ
ส่วนด้านขวามือจะเป็นหน้าต่างบานใหญ่และชั้นวางทีวีพร้อมโต๊ะวางของบริเวณปลายเตียงครับ
โต๊ะปลายเตียงจะมีลิ้นชักให้ 2 ช่องแต่ค่อนข้างตื้นพอสมควร
ด้านในสุดของห้องจะมีทางออกไปยังระเบียงอยู่ด้านข้างโต๊ะทำงาน
ฐานเตียงที่แถมมาให้มีลิ้นชักให้เก็บของได้นิดหน่อยครับ
โต๊ะทำงานจะไม่มีลิ้นชักมาให้นะครับ
พื้นที่ว่างรอบๆเตียงมีระยะเดินได้สบายๆครับ
ถ้ามองจากอีกด้านของเตียงจะเห็นเป็นตู้เสื้อผ้า 2 ตู้และทางเข้าห้องน้ำ
ภายในตู้เสื้อผ้าด้านขวามือจะเหมือนกับแบบ 1 Bedroom
ตัวลิ้นชักมีมาให้ 4 ช่องแต่ 2 ช่องบนเวลาจะเปิดต้องเอามือไปจับกับกระจกตรงๆเลย ทำให้เวลาจับจะไม่ค่อยถนัดมือและรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย
ตู้อีกด้านก็เหมือนกันครับ แต่หน้าบานตู้ข้างนึงจะติดกระจกเงามาให้เต็มบาน
ประตูที่ออกไปยังระเบียงจะเป็นบานกระจกเปิดเดี่ยว
มือจับเป็นแบบก้านโยก จับถนัดมือดีครับ
พื้นที่ระเบียงส่วนนี้มีขนาดเล็กกว่าระเบียงที่ติดกับห้องนั่งเล่น ติดคอมเพรสเซอร์แอร์เป่าออกด้านนอกอาคาร
ที่พื้นมี Curb กั้นน้ำสูงประมาณ 10 ซม.
บริเวณนี้มีการซ่อนรางม่านให้เรียบร้อยทั้ง 2 จุดครับ
ปิดท้ายด้วยมุมมองจากห้องนอนไปยังห้องโถงกลาง สรุปแล้วแบบของห้องนี้ทำออกมาน่าใช้งานมากแต่มีบางจุดที่ยังดูแปลกๆไม่ค่อยลงตัวแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ โดยรวมแล้วดูน่าอยู่ครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 21/11/2013
- 1 Bedroom 32 – 60 ตร.ม. ราคา 3.5 – 7.1 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 115,218 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedrooms 65 – 90 ตร.ม. ราคา 8.8 – 12.9 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 140,000 บาท/ตร.ม.
- 3 Bedrooms & Penthouse 101 – 188 ตร.ม. ราคา 15.3 – 25.9 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 142,560 บาท/ตร.ม.
- ขายแบบ Fully Furnished ชั้น 4 – 17
- ขายแบบ Fully Fitted ชั้น 18 ขึ้นไป
- เพดานสูง 2.6 เมตร ห้องน้ำ 2.4 เมตร
- จอง 30,000 บาท
- ทำสัญญา 150,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
มาดูเรื่องทำเลของโครงการนี้กันก่อนครับ ทำเลนี้ถือว่าเป็นทำเล CBD โดยแท้ เพราะล้อมรอบไปด้วยอาคารสำนักงานใหญ่มากมายแต่ภายในซอยจะเป็นอาคารพักอาศัยซะเป็นส่วนมาก แถมเขตที่ดินของโครงการอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒด้วย ดังนั้นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ในบริเวณมีเยอะและมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารระดับราคาสำหรับนักศึกษาไปจนถึงร้านอาหารระดับโรงแรม ถ้าเดินออกมายังถนนอโสกจะมีร้านแนวรถเข็นขายขนม, ผลไม้และอื่นๆวางขายกันเกือบตลอดแนวถนนอโศกเลยทีเดียวแต่จะไม่มีขายในตอนเย็นนะครับเพราะร้านแถวนี้เน้นขายสำหรับคนที่ทำงานในย่านนี้ตอนกลางวัน สำหรับวันอังคารและพฤหัสบดีจะมีกิจกรรมพิเศษคือมีตลาดนัดขายของกิน-ของใช้ในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒตั้งแต่ประตูใหญ่ติดถนนอโศกไปจนถึงสนามกีฬากลางแจ้ง หรือถ้าอยากเดินห้างสรรพสินค้าก็มี Terminal 21 อยู่ไม่ไกลติดกับ BTS อโศกเลย นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ต่างๆตามอาคารสำนักงานอีกนะครับ
สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ถือว่าสะดวกมากถ้ายังไม่พูดถึงเรื่องรถติดนะครับ สามารถใช้ได้หลายเส้นทางทั้ง อโศก, สุขุมวิท, ทองหล่อ, เอกมัย และ เพชรบุรี จากโครงการจะมีเส้นทางลัดที่ช่วยให้เลี่ยงรถติดได้หลายเส้นทางเพราะซอยหลายซอยเชื่อมถึงกันเกือบหมดแต่ต้องระวังเรื่อง One Way ในบางช่วง เช่นถ้าจะไปถนนเพชรบุรีช่วงแยกพร้อมพงษ์ขาไปและขากลับเข้าโครงการก็จะมีเส้นทางที่แตกต่างกันกันเล็กน้อยไม่สามารถใช้เส้นทางเดิมได้ เรื่องที่จอดรถมีมาให้ค่อนข้างเยอะสำหรับทำเลแบบนี้ประมาณ 70% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ถ้ารวมจอดซ้อนคันรอบๆตัวอาคารก็จะเพิ่มเป็น 87% ระบบการจอดรถจะเป็นระบบจอดรถอัตโนมัติซึ่งต้องรอดูการใช้งานจริงว่าเป็นอย่างไร
ทำเลนี้ถือว่าไม่ได้ใกล้กับรถไฟฟ้าต่างๆในระยะที่เดินได้สบายๆ แต่ด้วยสภาพแวดล้อมของทำเลทำให้การเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าในช่วงที่อากาศไม่ร้อนนั้นพอทำได้ไม่ลำบากแต่ใช้บริการพี่วินจะสะดวกกว่ามาก ระยะห่างที่สั้นที่สุดสำหรับการใช้บริการรถไฟฟ้าคือ MRT เพชรบุรี มีระยะทางประมาณ 800 เมตรถึงทางเข้าสถานีใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีและต้องเดินผ่าน มศว นะครับ ถ้าจะไป BTS อโศกระยะทางประมาณ 1.1 กม.ครับ ถ้าคุณเป็นคนขยันเดินก็พอเดินได้ครับแต่ตอนกลางวันร้อนๆนี่เหงื่อแตกแน่นอนครับ
ทิศทางและวิวรอบๆโครงการ ในระยะใกล้แบบติดที่ดินของโครงการทางทิศเหนือจะโดนอาคารเรียนของ มศว บังวิวถึงชั้น 6 ด้านทิศใต้จะโดนอาคารพักอาศัยบังวิวถึงชั้น 8 ทางทิศตะวันออกโดนอาคารเรียนบังวิวถึงชั้น 12 ส่วนทิศใต้ไม่โดนบังวิวในระยะใกล้เพราะที่ดินติดกันเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ส่วนระยะไกลก็จะเห็นอาคารสำนักงานและอาคารพักอาศัยเป็นส่วนมากเพราะทำเลเป็นลักษณะ CBD และไม่ได้มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ใกล้ๆ ด้านที่สวยที่สุดคงเป็นด้านทิศเหนือที่หันไปทาง มศว เพราะจะเห็นพื้นที่สีเขียวของมหาลัยและไม่มีอาคารสูงบังในระยะ 400 เมตร
การออกแบบโครงการมาในลักษณะเรียบง่ายเน้นการใช้พื้นที่ให้คุ้มค่า มีการทำสวนลอยฟ้าหลายจุดทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ส่วนที่ดูน่าจะอึดอัดคงเป็นสระว่ายน้ำที่ชั้น 2 เพราะจากรูป Perspective จะเห็นว่าฝ้าเพดานค่อนข้างเตี้ยและความสูงของสระว่ายน้ำไม่ได้อยู่ระดับพื้นที่เป็นลักษณะเดินลงแต่มีขอบกำแพงสูงขั้นมา ทำให้พื้นที่ส่วนกลางตรงนี้ดูไม่ค่อยน่าใช้งานและพื้นที่ดูเล็กขึ้นมาทันที ลองนึกภาพเปรียบเทียบกับสระว่ายน้ำที่มีขนาดเท่าๆกันแต่อยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคาร บรรยากาศจะไม่เหมือนกันเลยครับและความรู้สึกที่ได้รับจะบอกได้เลยว่าต่างกันมากจริงๆ
ส่วนการออกแบบห้องนั้นทำได้ดีทั้ง 2 แบบเลย พื้นที่จริงดูกว้างและโปร่งสบายมาก เทคนิคที่โครงการใช้เพื่อช่วยให้ห้องดูกว้างคือการใช้ประตูบานเลื่อน 2 ตอนขนาดใหญ่มาแทนกำแพงที่กั้นระหว่างห้องนอน หรือ ห้องทำงาน กับ ห้องนั่งเล่น ส่วนที่เป็นระเบียงจะมีพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่มีเคาน์เตอร์ครัวไทยมาให้ เหมาะสำหรับคนที่อยากทำกับข้าวไทยๆแต่ไม่อยากให้กลิ่นติดในห้องตรงนี้จะช่วยได้มาก การแบ่งสัดส่วนการใช้งานในห้องทั้ง 2 แบบค่อนข้างลงตัวดีเกือบทุกส่วนมีบางมุมที่แปลกๆไปบ้างเช่น ตำแหน่งการวางตู้เย็นในห้องครัวแบบ 1+1 ที่ดูไม่ค่อยลงตัวแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก
วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ของห้องตัวอย่างที่ได้ไปดูมานั้นถือว่าจัดมาให้ค่อนข้างคุ้มถ้าเทียบกับราคา เพราะขายแบบ Fully Furnished (ชั้น 4-17) แถมม่านด้วยขายแบบตามในห้องตัวอย่างเลย ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น พื้นห้องจะเป็น Engineering Wood Floor, ม่านแบบ 2 ชั้น, ท๊อปเคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์สีดำ และ จัดเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวให้ครบชุด เฟอร์นิเจอร์ที่ให้มามีการออกแบบและคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดี เช่นการเก็บมุมตู้แบบ 45 องศาทำให้งานดูเรียบร้อยและดูหรูหรามากขึ้น ส่วน Soft Close จะมีมาให้เกือบทุกบานยกเว้นเฟอร์นิเจอร์บางตัวจะไม่ติดมาให้อันนี้ก็น่าเสียดายน่าจะติดมาให้ครบๆไปเลยจะได้ไม่รู้สึกแปลกๆว่าบางตัวมีบางตัวไม่มี
Facility ที่ให้มาถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานมี สระว่ายน้ำพร้อม Jacuzzi, Fitness Room, Steam Rooms, Study Lounge, Sky Garden และ Free Wi-Fi Internet ครอบคลุมทุกพื้นที่ส่วนกลาง แต่ก็ต้องรอดูของจริงว่าจะออกมามีลักษณะเป็นอย่างไร แต่ความหนาแน่นจะมีไม่มากและการใช้พื้นที่ส่วนกลางจะไม่วุ่นวายมากนักเพราะมียูนิตแค่ 131 ยูนิตเท่านั้น
*แบบของโครงการยังไม่นิ่ง 100% นะครับอาจมีการปรับในบางส่วนเล็กน้อย ถ้าได้รับการยืนยันแบบที่นิ่งแล้วจะนำข้อมูลมาลงเพิ่มเติมให้ครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 125,000 บาทต่อตารางเมตร, 21/11/2013
- ทำเล 8.25/10 – ทำเลดีอยู่ใจกลาง CBD ไม่ไกลจากแหล่ง Shopping ขนาดใหญ่และถ้าใครทำงานแถวนั้นก็จะเดินทางสบายเลยครับ
- เดินทางด้วยรถ 8.0/10 – มีเส้นทางให้เลือกเยอะแต่จะมีปัญหาเรื่องรถติดพอสมควร มีพื้นที่จอดรถให้เหมาะสม (Mechanical)
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ไม่ใกล้รถไฟฟ้า แต่ในซอยอุดมสมบูรณ์ และสามารถใช้บริการพี่วินบริเวณหน้าโครงการได้
- วัสดุ 9/10 – ให้มาเยอะและคุณภาพค่อนข้างดี
- แบบ 9/10 – ความหนาแน่นต่ำ จำนวนยูนิตน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนชั้น แบบห้องจัดมาดีน่าใช้งาน
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีมาให้ครบตามมาตรฐานแต่ขนาดก็ไม่ได้ใหญ่มาก
- HIGH CLASS
- 8.21 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการนี้เหมาะสำหรับคนที่ทำงานในย่านอโศก หรือทำงานอยู่บนถนนที่สามารถใช้เส้นทางลัดจากโครงการไปถึงที่ทำงานได้ มีการใช้รถบ้างและอยากจะซื้อไว้อยู่เองหรือเป็นทรัพย์สินในอนาคตก็ได้เพราะที่ดินแถวนี้ก็หาซื้อยากขึ้นทุกที มีงบประมาณระดับ 4 – 26 ล้านบาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ
(ノ´ヮ´)ノ*:・゚✧