The Tree สุขุมวิท – พระราม 4

รีวิวฉบับที่ 1967… มาดูโครงการใหม่บนถนนพระราม 4 กับคอนโด The Tree สุขุมวิท – พระราม 4 จากพฤกษากันค่ะ ตัวนี้เป็นคอนโดที่เอาแนวยาวของตัวตึกตั้งอยู่ริมถนนพระราม 4 เลย ทำให้ทางด้านหน้าตัวตึกจะได้วิวเปิดโล่ง ชั้นบนๆจะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา และด้วยตำแหน่งโครงการที่ค่อนไปทางถนนสุขุมวิทใกล้กับรถไฟฟ้าพระโขนง เลยทำให้เหมาะกับคนที่ใช้รถไฟฟ้าและคนที่ต้องการเดินทางไปทำงานผ่านถนนพระราม 4 (ไปแถวสวนลุม สีลม สาทรสะดวก) โครงการนี้เริ่มต้นอยู่ที่ 2.89 ล้านบาท ขายเป็น Fully Fitted นะคะ รายละเอียดจะเป็นอย่างไรไปดูกันเลย

Fact @ 17 October 2019

  • The Tree Sukhumvit – Rama 4 (เดอะ ทรี สุขุมวิท – พระราม 4)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนนพระราม 4 เขตคลองเตย
  • ที่ดินประมาณ 1-3-20 ไร่
  • คอนโด High Rise 29 ชั้น 1 อาคาร 406 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 21 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 160 คัน คิดเป็น 39%
  • เริ่มก่อสร้าง :  มีนาคม 2020
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กรกฎาคม 2022 n/a (update 3/8/2021)
  • 1 Bedroom Leisure ขนาด 23.6 – 29.1 ตารางเมตร  ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Private ขนาด 26.7 – 34.2 ตารางเมตร  ราคาเริ่มต้น 3.56 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 36.4 – 37.95 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 6.27 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms ขนาด 41.90 – 64.2 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 6.36 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยเริ่มต้นประมาณ 12x,xxx บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 15x,xxx บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ ผ่านแล้ว (update 3/8/2021)
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1739

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

สำนักงานขาย
พิกัด Google Maps : 13.713863, 100.592010
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

ตัวโครงการ
พิกัด Google Maps : 13.713005, 100.587756
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

The Tree สุขุมวิท - พระราม 4

แผนที่จากทางโครงการ ตัวโครงการจะอยู่ริมถนนพระราม 4 ใกล้กับถนนสุขุมวิท โดยทางด้านทำเลของโครงการนี้น่าสนใจตรงที่อยู่ติดกับซอยโรงพยาบาล 2 ซึ่งเป็นซอยที่พาเราไปยังโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทได้ และซอยนี้เองจะไปเชื่อมกับซอยสุขุมวิท 42 ที่พาเราไปยังเอกมัยตรง Gateway เอกมัยพอดีค่ะ ทำให้โดยรวมเเล้วทำเลนี้น่าสนใจในแง่เป็นทำเลที่อาจจะไม่ใกล้รถไฟฟ้ามากในระยะที่เดินสบาย แต่ก็มีตัวเลือกในการเดินทางไปยังถนนสุขุมวิท ถนนพระราม 4 ไปเอกมัย ทองหล่อ หรือไปสวนลุม สีลมได้ค่อนข้างสะดวกเลยค่ะ

ถนนพระราม 4 ถือว่าเป็นทำเลที่มีผู้คนอยู่อาศัยกันมานานเเล้วเหมือนกันนะคะ สองข้างทางของถนนจะมีตึกเเถวและอาคารพาณิชย์กันอยู่ค่อนข้างหนาแน่น มีการเปิดหน้าร้านทำเป็นร้านค้าขาย อย่างบริเวณใกล้ๆที่ตั้งโครงการ The Tree สุขุมวิท – พระราม 4 ก็จะมีร้านขายอุปกรณ์ครัวกันค่อนข้างมากเลย ดังนั้นบริเวณนี้จึงมีทั้งผู้อยู่อาศัย คนทำงาน และบริการรถสาธารณะต่างๆค่อนข้างมาก ทั้งรถเมล์ Taxi หรือวินมอเตอร์ไซค์ค่ะ

โครงการ The Tree สุขุมวิท – พระราม 4 เป็นโครงการที่อยู่ริมถนนพระราม 4 เลยค่ะ ค่อนไปทางถนนสุขุมวิทเหมือนกัน ดังนั้นทำเลนี้จึงสามารถใช้งานรถไฟฟ้าได้สะดวกจากสถานีพระโขนง เดินจากรถไฟฟ้าเข้าไปถนนพระราม 4 ประมาณ 600 เมตร ก็จะเห็นโครงการแล้วค่ะ เหมาะกับการต่อรถหรือวินมอเตอร์ไซค์ไปใช้งานรถไฟฟ้ามากกว่า ส่วนในแง่การเดินทางด้วยรถยนต์ จากถนนสุขุมวิทก็เดินทางเข้าเมืองไปยังสยามได้ง่ายเลย หรือว่าจากถนนพระราม 4 เอง ก็วิ่งต่อเนื่องไปยังคลองเตย สวนลุม สีลม สาทรได้ง่ายเช่นกัน เรียกว่าใครที่ทำงานหรือว่าเรียนอยู่ในเมือง หรือว่าใช้รถไฟฟ้าบ่อยๆ ทำเลนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์การเดินทางอยู่เหมือนกันนะคะ  นอกจากนี้จากที่ตั้งโครงการจะมีทางลัดเลาะ(จากซอยโรงพยาบาล 2 ข้างโครงการ) เชื่อมต่อไปยังซอยสุขุมวิท 42 ซึ่งเป็นซอย one way ไปออกยังเอกมัยได้ เรียกได้ว่าถ้าใครจะไปดูหนังที่เมเจอร์ นั่งวินมอเตอร์ไซค์ต่อเดียวไปดูหนังได้เลยค่ะ ขอกลับมาที่ถนนสุขุมวิทกันอีกครั้ง จากโครงการยังสามารถเชื่อมต่อผ่านซอยสุขุมวิทเลขคี่ ไปยังถนนเพชรบุรี และไปยังเส้นพระราม 9 ได้ด้วยนะคะ

มาดูความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการกันบ้างค่ะ พื้นที่ตรง BTS พระโขนงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเริ่มมีการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเลยนะคะ ตอนที่ผู้เขียนยังเรียนอยู่พวกห้างสรรพสินค้าหรือ Community Mall จะมีอยู่ถึงช่วงเอกมัยเท่านั้น แล้วก็ข้ามไปที่อ่อนนุชเลย แต่ตอนนี้กลับมี Community Mall เกิดขึ้นที่สถานีนี้เเล้ว ชื่อว่า Summer Hill และ W District  ตรงนี้ก็จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ Supermarket และ ฟิตเนสค่ะ สามารถเเวะหาข้าวเช้าหรือทานข้าวเย็นก่อนไปทำงานหรือก่อนกลับบ้านได้สบายเลย หรือว่าจะเป็นช่วงต้นซอยสุขุมวิท 71 ก็จะมีร้านอาหารคึกคักมากเช่นกัน และถ้ามามองที่ถนนพระราม 4 กันบ้างก็จะมีร้านอาหารข้างทางเช่นกันค่ะ ถ้าเป็นช่วงดึกๆหน่อยจะมีร้านข้าวต้มด้วยนะคะ(แต่จะเป็นพระราม 4 ช่วงที่ใกล้กับตลาดคลองเตย) ส่วนความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้กับโครงการที่สุดแนะนำว่าให้เดินเข้าไปที่ซอย Qiss Mall จะมีโรงอาหารของโรงพยาบาล ร้านกาแฟอเมซอน ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-eleven อยู่ด้วย ตรงนี้นอกจากไม่ไกลเเล้วยังไม่เปลี่ยวด้วยค่ะ ถือว่าเป็นทำเลที่หาของกินได้สะดวกและมีตัวเลือกหลากหลายเลยทีเดียว

เส้นทางการเดินทาง

เส้นทางการเดินทางในวันนี้ เนื่องจากโครงการสามารถเดินทางด้วยเท้ามาจาก BTS พระโขนงได้เลยค่ะ เป็นระยะทางประมาณ 600 เมตร เจอกับที่ตั้งโครงการ เราเลยจะค่อยๆพาผู้อ่านลองเดินไปพร้อมๆกันนะคะ แต่ต้องขอบอกก่อนว่าแม้จะเดินได้จริง แต่ถ้าเดินในช่วงกลางวันก็อาจจะตัวเปียกได้เหมือนกัน (ดูจากหน้าหนาวในตอนนี้ที่อุณหภูมิ 37 องศาแล้ว…) ดังนั้นถ้าใครจะต้องการใช้รถไฟฟ้าไปทำงานเรียกพี่วินน่าจะสะดวกกว่า ขากลับแดดร่มแล้วค่อยเดินกลับก็ไม่เสียหายค่ะ

มาเริ่มกันที่รถไฟฟ้าสถานีพระโขนงนะคะ พอมาถึงแล้วให้เราลงฝั่งที่เป็น Community ที่มีชื่อว่า Summer Hill ค่ะ

Community Mall นี้เพิ่งเปิดมาไม่นาน มีทั้งร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, Fitness,  Supermarket สามารถเเวะซื้อของกินของใช้ได้สะดวกเลยค่ะ

จาก Summer Hill ให้เราเดินย้อนมานะคะ(เดินสวนทางกับรถที่วิ่ง) เราจะผ่าน Summer Hill ที่เป็น Community Mall และ Summer Hub ที่เป็น Office Building อยู่ติดๆกันเลย

ตรงตำแหน่งของ Summer Hub จะเป็นจุดบรรจบของถนนพระราม 4 กับถนนสุขุมวิทพอดีค่ะ

พอถึงทางแยกให้เราเลี้ยวขวาเดินเข้าไปที่ถนนพระราม 4 กันต่อเลยค่ะ

ตรงนี้จะมีทางเท้านะคะ มีร่มเงาจากต้นไม้และชายคาของตึกแถวบังแดดให้เราได้บ้างบางช่วง

เดิมทีสองข้างทางบนถนนเส้นนี้จะเป็นอาคารพาณิชย์หรือตึกแถวเก่าที่เป็นทั้งที่อยู่อาศัยและทำมาค้าขาย ตอนนี้ก็ยังมีการค้าขายอยู่ค่ะ อย่างถนนช่วงนี้จะขายพวกอุปกรณ์ครัวเยอะหน่อย

เดินตรงมาเรื่อยๆเราจะผ่าน cockpit

เดินมาอีกนิดเราจะเจอปั๊มปตท.อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ตรงนี้จะเป็นจุดกลับรถด้วย ในกรณีที่เราออกมาจากโครงการ อยากจะมุ่งหน้าไปทางสวนลุม ก็มากลับรถตรงนี้ได้เลย ไม่ต้องไปถึงถนนสุขุมวิทค่ะ

เดินมาเรื่อยๆจะเจอกับโชว์รูมรถ Honda อยู่ค่ะ

เลยมาจะเจอกับซอยโรงพยาบาล 2 เป็นซอยที่เชื่อมไปยังซอยสุขุมวิท 42 เพื่อไปยังเอกมัยได้ และภายในซอยนี้จะมีร้านอาหารค่อนข้างเยอะเพราะเป็นซอยที่สามารถใช้เข้าไปโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทได้ด้วย

ตัวโครงการ The Tree สุขุมวิท – พระราม 4  จะตั้งอยู่ตรงหัวมุมพอดีค่ะ หน้าโครงการจะตรงกับสะพานลอยด้วย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บรรยากาศโดยรอบของ  The Tree สุขุมวิท – พระราม 4 นั้น แม้ว่าจะเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ก็จริง แต่ว่าสภาพแวดล้อมรอบๆไม่ได้เป็นโซนที่มีตึกสูงขึ้นเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีอาคารมาบังวิวนะคะ แต่เรื่องของอนาคตก็ไม่แน่นอน แต่โชคดีอยู่ที่ด้านหน้าอาคารซึ่งเป็นแนวยาวและอยู่ติดถนนใหญ่ ในกรณีที่อนาคตดันมีตึกสูงขึ้นฝั่งตรงข้ามก็ยังอุ่นใจได้นะคะว่า จะไม่อยู่ในระยะประชิดแน่ๆ ในส่วนทิศอื่นๆรอบๆนั้นจะเป็นอาคารไม่สูง ซึ่งถ้าเทียบกับตัวโครงการก็ยังเป็นระดับความสูงที่ไม่เกินส่วนจอดรถของ The Tree นะ ในส่วนเรื่องอาหารการกิน เนื่องจากหลังโครงการจะเป็นตำแหน่งของโรงพยาบาลพอดี ทำให้มีบุคลากรทำงานและอาศัยอยู่แถวนี้กันมาก เลยมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารที่อยู่ในระยะเดินสบายหายห่วงเลยค่ะ

  • ทิศเหนือ – โรงพยาบาลกล้วยน้ำไทสูง 6-7 ชั้น
  • ทิศใต้ – ติดกับถนนพระราม 4 ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น
  • ทิศตะวันออก – ติดกับซอยโรงพยาบาล 2 ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์และที่อยู่อาศัยแนวราบ
  • ทิศตะวันตก – ติดกับอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น

ทิศใต้ เป็นถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นทางเข้าโครงการ ปัจจุบันยังไม่มีการรื้อและก่อสร้างนะคะ

ทิศใต้ อย่างที่บอกไปว่าโครงการนี้อยู่ริมถนนพระราม 4 ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตึกแถว อาคารพาณิชย์ สำนักงาน โชว์รูมรถที่มีความสูงประมาณ 4-5 ชั้นค่ะ ไม่บังวิวเท่าไหร่

ทิศใต้ เลยโครงการมาทางทิศตะวันตก จะเจอกับทางเข้าโรงพยาบาลกล้วยน้ำไทอีกทาง

หน้าทางเข้าโรงพยาบาลจะมีจุดกลับรถค่ะ ตรงนี้ถ้าเรามาจากสุขุมวิทเเล้วต้องการเข้าโครงการก็สามารถมากลับรถตรงนี้ได้เลย ไม่ไกล ประมาณ 100 เมตร

ทิศตะวันตก ติดกับโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้นค่ะ

ทิศตะวันออก เป็นอาคารพาณิชย์และที่อยู่อาศัยแนวราบ และซอยโรงพยาบาล 2

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ

  • รพ.กล้วยน้ำไท ~ 140 m.
  • Summer Hills / Summer hub ~ 500 m.
  • BTS พระโขนง ~ 600 m.
  • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ~ 650 m.
  • W District ~ 750 m.
  • Gateway เอกมัย ~ 1 km.
  • BTS เอกมัย ~ 1.1 km.
  • รพ.สุขุมวิท ~ 1.3 km.
  • Major สุขุมวิท ~ 1.4 km.
  • Park Lane ~ 1.6 km.
  • Big C อ่อนนุช ~ 2 km.
  • Big C เอกมัย ~ 2 km.
  • สวนเพลิน มาร์เก็ต ~ 2 km.
  • Emporium & EmQuartier ~ 3.2 km.
  • Terminal 21 ~ 4.5 km.
  • สวนลุมพินี ~ 5.2 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Tree สุขุมวิท-พระราม 4 เป็นคอนโด High Rise สูง 29 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดเกือบ 2 ไร่ ริมถนนพระราม 4 ฝั่งมุ่งหน้าไปยังถนนสุขุมวิท ทำให้สะดวกในการเดินทางด้วยรถยนต์ผ่านทางถนนพระราม 4 และถนนสุขุมวิท อีกทั้งยังใกล้กับรถไฟฟ้าสถานีพระโขนงที่อยู่ห่างไปราวๆ 600 เมตร (วัดจากขอบเขตโครงการนะคะ ยังไม่แน่ใจเรื่องประตูทางเข้าโครงการว่าอยู่ตำแหน่งไหน)

โครงการนี้ออกแบบโดยมี Concept “Connect The Cloud” เน้นการใช้ชีวิตที่สามารถเชื่อมต่อได้ง่าย อย่างเช่นทำเลที่สามารถเชื่อมต่อไปยังใจกลางเมืองได้โดยผ่านถนนพระราม 4 และถนนสุขุมวิท หรือการเชื่อมต่อชีวิตกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้มาภายในโครงการ โดยส่วนกลางของโครงการนี้นอกจากชั้น 1 ที่จะเป็นสวนและ Lobby ต้อนรับลูกบ้านแล้ว ส่วนกลางจะถูกยกให้ไปอยู่ที่ชั้นบนสุด เพื่อให้ลูกบ้านทุกคนสามารถชมวิวที่เป็นเมือง และแม่น้ำเจ้าพระยาได้ ตัวอาคารจะมีการออกแบบโดยใช้เส้นสายโค้ง ปลายมุมแหลม (เค้าเรียกว่า Diamond Curve) เพื่อสื่อถึงย่านที่ไม่หยุดนิ่ง มีการเคลื่อนไหวหรือ Movement ตลอดเวลา ด้วยรูปทรงอาคารที่ดู Modern การเลือกใช้สีและวัสดุจึงเลือกสีขาว-เทา ใช้กระจก และสเตนเลสค่ะ

ในส่วนของการแบ่งกลุ่มการใช้งานที่ ชั้น 1 จะเป็นส่วนต้อนรับ มีสวนที่อยู่รอบๆอาคาร มี Main Lobby และ Outdoor Living มี Shop 3 ยูนิต ทางโครงการแจ้งว่าจะเป็น 7-11 ไป 2 Shop (คนนอกสามารถเข้ามาใช้งาน Shop นี้ได้ ยังไม่ได้ตกลงว่าจะเป็นร้านอะไรนะ) ที่ ชั้น 2-7 จะเป็นส่วนของที่จอดรถ โดยโครงการนี้จะมีที่จอดรถแบบไม่รวมซ้อนคันอยู่ที่ 160 คัน หรือคิดเป็น 39% จากจำนวนยูนิตรวมทั้งหมด ถือว่าไม่มากนะคะ ซึ่งอาจจะเหมาะกับคนที่เน้นการเดินทางโดยรถสาธารณะแทน ที่ชั้น 8-28 จะเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด แต่ชั้น 26-28 ห้องพักที่อยู่ด้านหน้าจะเป็นห้องหน้ากว้างขนาดใหญ่ขึ้น และมีสวนหน้าห้องเพิ่มมาด้วย และชั้นที่ 28 นอกจากจะมีห้องพักอาศัยแล้ว ยังจะมี Networking Space หรือพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ให้นั่งทำงานหรืออ่านหนังสือได้ ในขณะที่ชั้น 29 จะเป็นชั้นส่วนกลางหลักค่ะ มีสระว่ายน้ำให้มา 2 จุด มี Sky Lounge, Fitness และสวน ส่วนชั้นดาดฟ้าจะเป็นพื้นที่สวนค่ะ

ลองมาดู Model และ Perspective ประกอบกันนะคะ ทางเข้าโครงการจะอยู่ติดกับถนนพระราม 4 เลย และหันแนวยาวของตัวอาคารเลียบไปกับถนน ซึ่งการที่คอนโดตั้งอยู่ริมถนนจะมีข้อดีตรงที่การเดินทางก็จะสะดวก แต่ก็อาจจะถูกรบกวนจากเสียงรถรา ฝุ่น ควันได้บ้าง ดังนั้นการออกแบบที่นำเอาห้องพักอาศัยไปเริ่มที่ชั้น 8 ก็จะช่วยลดการรบกวนจากถนนใหญ่ได้

ทางเข้าจะตกแต่งรั้วด้วยผนังลายหินอ่อน และมีประตูทางเข้าแบบเลื่อนเปิด-ปิดให้ เพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ

จากประตูทางเข้ามาจะเจอกับ Lobby โดยผนังของ Lobby ถูกออกแบบให้เป็นกระจกใสเพื่อเชื่อมต่อกับสวนที่อยู่ด้านข้าง

สวนด้านข้างนี้จะใช้ชื่อว่า Mind Garden มีการออกแบบโดยใช้พื้นหญ้า ต้นไม้ใหญ่ เช่น ต้นประดู่ป่า ยางนา นนทรี และจามจุรีเพื่อให้ร่มเงา และมีผนังที่เป็นต้นไม้สีเขียว สร้างบรรยากาศส่วนนี้ให้ดูร่มรื่น และเป็นจุดพักสายตาให้กับ Lobby  ได้ด้วย ตรงนี้ตั้งใจให้เกิดความแตกต่างจากภายนอกโครงการที่เป็นถนนใหญ่มีรถผ่านไปมาวุ่นวายค่ะ

เข้ามาภายในอาคารจะเจอกับ Lobby นะคะ ส่วนนี้จะออกแบบให้มีความสูงแบบ Double Volumn ทำให้ดูโปร่งมากขึ้น มีการนำเส้นสายโค้งๆมาตกแต่งเป็นฝ้าเพดาน และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์โค้งๆ ให้เข้ากับ Movement ของ Exterior อาคาร

อีกมุมของ Lobby ค่ะ เราจะเห็นหน้าต่างบานใหญ่ที่จาก Lobby สามารถมองออกไปเห็นสวนที่อยู่ด้านข้างอาคารได้

ตรงหน้า Mail Room ที่ชั้น 1 จะมี Lobby Lounge อยู่อีกจุดนึง ตรงนี้จะมีความสูงระดับปกติค่ะ บรรยากาศจะดูอบอุ่นและเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ขึ้นไปดูที่ Sky Facility หรือชั้นที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการกันนะคะ โดยโครงการนี้จะยกเอาส่วนกลางไปไว้ที่ชั้นบนสุดของอาคารเลย ทำให้สามารถมองวิวได้รอบอาคารเลย

ที่ชั้น 28 นอกจากห้องพักอาศัยที่บอกไป ยังจะมีส่วนที่เรียกว่า Networking Space เป็นพื้นที่นั่งทำงานหรืออ่านหนังสือค่ะ แยกออกจากชั้น Facility ที่เป็นกิจกรรม Active อย่างสระว่ายน้ำและฟิตเนส

ที่ชั้น 29 จะมีการเล่นระดับอยู่และแยกสระว่ายน้ำให้มา 2 จุดค่ะ จากภาพจะเป็น Warm Jacuzzi เป็นสระน้ำอุ่นที่ซ่อนอยู่ ต้องเดินลงมาถึงจะเจอกับสระนี้ซึ่งอยู่ใต้ Sky Lounge พอดี การเล่นระดับที่แตกต่างกันก็จะช่วยให้ทั้งคนที่ใช้งานสระและ Lounge สามารถใช้งานได้สะดวกใจ ได้รับความเป็นส่วนตัวค่ะ

สระว่ายน้ำหลักที่เรียกว่า Lap Pool จะถูกออกแบบให้เป็น infinity edge คือใช้ราวกันตกเป็นกระจก ทำให้ทั้งคนที่ว่ายน้ำ และนั่งเล่นอยู่ริมสระสามารถมองวิวรอบๆได้ด้วย โดยสระว่ายน้ำนี้จะยาว 33 เมตรค่ะ สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้เต็มที่เลย และการที่เป็นสระกึ่ง Outdoor คือมีหลังคาปกคลุมอยู่ ทำให้สามารถมาใช้งานในช่วงเวลากลางวันได้มากขึ้น ไม่ต้องกลัวร้อนค่ะ

ติดกับสระว่ายน้ำจะเป็น Fitness ค่ะ ซึ่งจะได้ทั้งวิวเมืองและวิวสระว่ายน้ำเลย

อีกด้านตรงกันข้ามกับ Fitness จะเป็น Sky Lounge เป็นมุมนั่งเล่น พักผ่อน ชม City View ได้สบาย

Image 1/10
Ground Floor จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่สำหรับงานระบบต่างๆของอาคารค่ะ โดยจะมีทางเดินรถรอบๆ และสามารถจอดรถรอบๆอาคารได้บ้าง และมีทางขึ้นไปยังที่จอดรถชั้น 2-7 ค่ะ นอกจากนี้ทางฝั่งทิศตะวันตกจะมีพื้นที่สวนที่สามารถเชื่อมต่อกับ Lobby ที่อยู่ภายในได้

Ground Floor จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่สำหรับงานระบบต่างๆของอาคารค่ะ โดยจะมีทางเดินรถรอบๆ และสามารถจอดรถรอบๆอาคารได้บ้าง และมีทางขึ้นไปยังที่จอดรถชั้น 2-7 ค่ะ นอกจากนี้ทางฝั่งทิศตะวันตกจะมีพื้นที่สวนที่สามารถเชื่อมต่อกับ Lobby ที่อยู่ภายในได้

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Ground Floor

  • Lobby
  • Private Lobby
  • Lobby Lounge
  • Garden
  • Mail box

  • ชั้น 28
    • Networking Space

  • ชั้น 29
    • Warm Jacuzzi ยาว 12 เมตร
    • Lap Pool ยาว 33 เมตร
    • Sky Lounge
    • Fitness
    • Garden

  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 135 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 160 คันคิดเป็น 39%
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card / Finger Scan

  • Product Walkthrough

    มาดูที่ห้องพักอาศัยกันนะคะ ที่โครงการนี้มีห้องพักทั้งหมด 406 ยูนิต ความหนาแน่นถือว่าอยู่ในระดับกลางๆสำหรับอาคารที่เป็นตึกสูงค่ะ แต่ว่ารูปแบบห้องที่โครงการนี้ขายจะมีค่อนข้างหลากหลายแบบเลย แบ่งได้ตามนี้

    • 1 Bedroom Leisure ขนาด 23.6 – 29.1 ตารางเมตร  ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
    • 1 Bedroom Private ขนาด 26.7 – 34.2 ตารางเมตร  ราคาเริ่มต้น 3.56 ล้านบาท
    • 1 Bedroom Plus ขนาด 36.4 – 37.95 ตารางเมตร  ราคาเริ่มต้น 6.27 ล้านบาท
    • 2 Bedrooms ขนาด 41.90 – 64.2 ตารางเมตร  ราคาเริ่มต้น 6.36 ล้านบาท

    จะเห็นได้ว่าโครงการนี้ยังเน้นขายห้องขนาดเล็กเป็นหลักนะคะ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 23-34 ตร.ม. ขายเป็นแบบ Fully Fitted ราคายังพอจับต้องได้ง่าย งบรวมตกแต่ง 4 ล้านก็สามารถหยิบจับคอนโดใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวได้แล้ว วันนี้เรามีห้องตัวอย่างมาให้ดูกัน 2 ห้องค่ะ เป็นห้องขนาดเริ่มต้น 23 ตร.ม. และห้องอีกแบบจะเป็นห้อง 2 Bedrooms ตำแหน่งมุมอาคาร ห้องนี้จะมีความแปลกอยู่ที่ผนังจะเป็นแนวเฉียงค่ะ  เราไปชมบรรยากาศห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า

    1 Bedroom 23 sq.m.

    ห้องแรกที่เราจะพาไปดู อย่างที่บอกกันไปคือเป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการนี้เลย ขนาด 23.6 ตร.ม. ตำแหน่งของห้องนี้ส่วนใหญ่จะหันไปยังด้านหน้าอาคาร ทำให้ไม่มีอาคารอะไรมาบังวิวในระยะประชิดนะคะ ในแง่การใช้งาน เนื่องจากเป็นห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยจำกัด ดังนั้นเราอาจจะต้อง Trade-off หรือแลกที่จะลดขนาดและฟังก์ชันบางส่วนออกไป อย่างในห้องนี้ที่เรามองว่าเป็นข้อดีเลยคือ ถึงแม้จะเป็นห้องขนาดกะทัดรัด แต่ก็มีการกั้นครัวแยกเอาไว้เป็นสัดส่วน ทำให้พื้นที่พักผ่อน แยกออกจากพื้นที่ส่วนครัวและห้องน้ำ แต่สิ่งที่หายไปคือพื้นที่นั่งทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี ดังนั้นเราอาจจะต้องปรับเปลี่ยนการใช้งานภายในส่วนพักผ่อนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่นพื้นที่ทำงานหรืออ่านหนังสืออาจจะต้องใช้เป็นพื้นที่นั่งทานอาหารด้วย หรือว่ามุมที่จัดเป็นโซฟา อาจจะเป็นพื้นที่นอนเล่น Notebook หรือ ipad แทน แต่ถ้าอยากดูทีวีก็อาจจะต้องนอนดูทีวีแทนค่ะ

    ก่อนที่จะเข้าไปในห้องประตูเข้าห้องจะเป็นประตูกรุลามิเนต ให้มาพร้อมกับ Digital Door Lock ของ Samsung ค่ะ สามารถใช้กุญแจ, Keycard, Password และสแกนลายนิ้วมือในการเข้าออกได้

    เมื่อเข้ามาในห้องจะเป็นส่วนครัวก่อนเลย เราว่าในแง่การออกแบบตรงนี้ได้ออกแบบห้องครัวให้มีขนาดกว้างอยู่เหมือนกันนะคะ พื้นที่ตรงนี้มีหน้ากว้าง 2.15 เมตรเลย ทำให้ทางเดินเข้าห้องดูกว้าง ไม่อึดอัด บวกกับการออกแบบความสูงของห้องที่มีความสูงไม่ต่ำจนเกินไป เลยทำให้ห้องดูโล่งมากขึ้นค่ะ (ความสูงของส่วนครัวอยู่ที่ 2.6 เมตร, ห้องน้ำสูง 2.4 เมตร และห้องนอนสูง 2.8 เมตรค่ะ)

    วัสดุที่ให้มาจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ส่วนพื้นตรงนี้จะได้เป็นพื้นกระเบื้องซึ่งเหมาะกับการใช้งานภายในครัวที่อาจเลอะง่าย กระเบื้องก็จะช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นค่ะ อย่างในรูปที่ถ่ายมาให้ดูจะเห็นว่าทางเดินตรงนี้กว้างเลยนะคะ เราลองวัดจากห้องตัวอย่างจะกว้างราวๆ 1.5 เมตรได้

    พอกว้างแบบนี้เเล้วทางซ้ายมือเลยสามารถเลือกตู้เก็บของ ตู้เก็บรองเท้า หรือใครมีงบประมาณมากขึ้นหน่อยทำ Built-in เพื่อความเรียบร้อยสวยงามได้เลยค่ะ พื้นที่ตรงนี้มีขนาดประมาณ 0.45×1.35 เมตร หรือจะ Built-in โต๊ะชิดผนังเเล้วหาเก้าอี้กลมมาวางใต้โต๊ะก็สามารถปรับตรงนี้เป็นที่นั่งทานอาคารได้เหมือนกันนะคะ

    ลองมาดูที่ครัวกันบ้างค่ะ ตรงนี้จะมีชุดครัวให้เป็นเคาน์เตอร์ครัวขนาด 1.50×0.60 เมตร และมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น 80 ซม.

    ครัวจะทำ Built-in มาให้ทั้งตู้บนและตู้ล่างเลย โดย Top ครัวจะให้มาเป็นหินสังเคราะห์ของ SCG หน้าบานตู้บนเป็นกระจก ส่วนตู้ล่างจะเป็น MDF ทำสีพ่น เตา เครื่องดูดควันและอ่างล้างจานจะเป็นของ Franke ค่ะ เป็นแบบดูดออกนอกอาคารด้วย ซึ่งจะช่วยเรื่องกลิ่น ควันได้ดีกว่าระบบหมุนเวียน

    Backsplash หรือผนังด้านหลังครัวจะเป็นกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาวนะคะ ไม่ใช่แบบในรูปนี้ ส่วนที่เราชอบคือครัวของที่นี่ให้มาค่อนข้างครบและสามารถใช้งานได้จริง มีปลั๊กไฟให้ และมีพื้นที่บนเคาน์เตอร์เป็นส่วนเตรียมอาหารหรือวางอุปกรณ์อื่นๆเช่นหม้อต้มน้ำ หรือ หม้อหุงข้าว

    บานเปิดของครัวจะทำ Soft Close มาให้ เวลาปิดจะไม่เกิดการกระแทกดังปึ้งปั้ง

    เราสามารถวางถังขยะเล็กๆใต้อ่างล้างหน้าได้นะคะ ที่ตู้ล่างจะมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟไว้ให้ด้วย

    ถัดจากครัวเราจะพาไปดูห้องน้ำกันต่อนะคะ ตำแหน่งของห้องน้ำจะอยู่ข้างๆครัวเลย แต่ก็ยังอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าห้องนอนเช่นกัน ถือว่าใช้งานสะดวก

    ภายในห้องน้ำจะแยกส่วนเปียกกับส่วนเเห้งเอาไว้ให้ (ซ้ายมือที่เป็นกระจกใสข้างฝักบัวอาบน้ำ ของจริงจะเป็นผนังทึบกรุกระเบื้องเหมือนกับผนังด้านอื่นๆของห้องนะคะ)

    ตรงทางเข้าห้องน้ำจะมีธรณีประตูก่อขึ้นมาเพื่อไม่ให้ฝุ่นหรือความเปียกภายในห้องน้ำปลิวหรือไหลออกมายังพื้นที่ส่วนอื่นๆภายในห้องค่ะ

    มาดูที่ส่วนแห้งกันก่อน โครงการนี้จะให้อ่างล้างมือของ Lavenz ที่มีชุดตู้ Built-inใต้อ่างให้มาด้วย พร้อมกับโถสุขภัณฑ์ของ Cotto เป็นแบบโถอัตโนมัติด้วยค่ะ ส่วนด้านหลังจะมีผนัง Low wall ก่อยื่นออกมาจากผนังหลัก ซึ่งตรงนี้ก็จะได้ประโยชน์ตรงที่เราสามารถวางของใช้ต่างๆหรือของตกแต่งภายในห้องน้ำได้ เช่นเทียนหอม หนังสืออ่านเล่นระหว่างทำธุระหนัก หรือว่าอุปกรณ์แปรงฟัน ล้างหน้า ล้างมือค่ะ

    กระจกกับราวแขวนผ้าเช็ดตัวก็จะเหมือนในห้องตัวอย่างเลย มีการออกแบบกระเบื้องภายในห้องน้ำสลับสีเอาไว้ ทำให้ห้องน้ำดูไม่เรียบจนเกินไป

    อ่างของ Lavenz จะเป็นชุดเดียวกับ Built-in ด้านใต้ ตรงนี้รอบๆขอบอ่างมีพื้นที่วางของนิดหน่อยค่ะ

    ตู้ใต้อ่างสามารถเป็นพื้นที่เก็บของได้ เช่นกระดาษชำระที่ซื้อมาตุน สบู่หรือแชมพู เป็นต้น

    ภายในห้องอาบน้ำจะติดตั้งฉากกั้นกระจกให้ ตัวฝักบัวจะเป็นรุ่นที่มี Rain Shower ด้วย ของ Cotto ค่ะ และมีช่องเก็บของตรงผนังเอาไว้วางอุปกรณ์อาบน้ำค่ะ (ห้องตำแหน่งไหนที่ไม่สามารถทำช่องเก็บได้ จะมีชั้นวางติดตั้งไว้ให้ที่มุมห้องแทนนะคะ)

    หน้าตาของฝักบัวจะเป็นแบบนี้ จับถนัดมืออยู่ค่ะ

    พื้นที่อาบน้ำจะมีขนาด 1×1 เมตร ถือว่ากว้างอยู่นะคะ อาบน้ำหมุนตัวสะดวก

    เราลองไปดูภายในห้องนอนกันต่อค่ะ ก่อนเข้าห้องจะมีประตูบานเลื่อนกระจกให้มาเป็นแบบ 3 ตอน กรอบบานเป็นอลูมิเนียม ส่วนตัวบานจะเป็นกระจกลามิเนตค่ะ

    รางเลื่อนจะมีทั้งข้างบนและล่างทำให้เลื่อนได้สะดวก ตัวรางล่างสูงขึ้นมาจากพื้นนิดหน่อย ตอนทำความสะอาดใช้เครื่องดูดฝุ่นช่วยก็จะเก็บความสกปรกได้ดียิ่งขึ้น

    เข้ามาภายในห้อง ตรงนี้จะมีหน้ากว้าง 3.6 เมตร มีความสูง 2.8 เมตรค่ะ เลยทำให้ห้องดูโปร่งพอสมควร ตัวพื้นห้องจะเป็นลามิเนตค่ะ

    ห้องที่ได้จะเป็นห้องเปล่านะคะ ในห้องตัวอย่างจะจัดเตียงกว้าง 1.6 เมตรมา เราสามารถวางเตียงที่กว้างขนาด 1.6-1.8 เมตรได้นะคะ แต่ถ้าใหญ่กว่านั้นไม่แนะนำค่ะ เพราะจะไม่เหลือทางเดินข้างเตียง

    ปลายเตียงจะมีพื้นที่เหลือเยอะหน่อยค่ะ ในห้องตัวอย่างจะเหลือทางเดิน 1 เมตร มีชั้นวางทีวีอีกประมาณ 30 ซม.

    ข้างเตียงฝั่งที่เป็นห้องน้ำจะมีตู้เสื้อผ้าที่ Built-in มาให้ เป็นแบบบานเลื่อนค่ะ กว้าง 1.50 เมตร ตรงนี้ยังไม่มีกระจกเงาให้มานะคะ อาจจะต้องไปส่องที่ห้องน้ำแทน

    มาดูที่ปลายเตียงกันต่อค่ะ ที่ปลายเตียงเราสามารถทำเป็นเคาน์เตอร์ยาว เอาไว้เก็บของ วางทีวี หรือว่าเป็นมุมนั่งทำงานหรือทานอาหารได้ค่ะ

    ห้องตัวอย่างลองเอาเก้าอี้มาวางไว้ให้ดู พอจัดวางเเล้วก็ยังเป็นระยะที่เก้าอี้ไม่เกะกะขวางทางเดินนะคะ

    อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจของห้องนี้คือมุมตรงหน้าต่างข้างระเบียงค่ะ ส่วนนี้จะมีพื้นที่เว้าเข้าไปขนาดประมาณ 1.50×0.90 เมตร

    มีหน้าต่างเข้ามุมให้ด้วย สามารถเปิดระบายอากาศได้ ตอนดึกๆชมวิวเมืองยามค่ำคืนได้ ใครจะจัดเป็นโซฟานั่งเล่นแบบนี้ก็ได้ หรือจะจัดเป็นมุมโต๊ะทำงานก็ได้เช่นกันค่ะ

    ข้างๆกันจะเป็นระเบียงของห้องค่ะ

    ทางออกไปยังระเบียงจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนค่ะ มีธรณีประตูยกสูงขึ้นมา กันฝุ่นผงจากระเบียงปลิวเข้าห้องนอน

    ฟังก์ชันของระเบียงนี้จะเป็นตำแหน่งสำหรับวางเครื่องซักผ้าและวาง Condensing unit ของแอร์ พื้นที่ตรงนี้มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู เลยทำให้ด้านนอกจะมีขนาดกว้างกว่าด้านในค่ะ

    ระเบียงวางเครื่องซักผ้าได้แบบพอดีๆ แนะนำให้เช็คขนาดก่อนซื้อค่ะ ส่วนตำแหน่งการวาง CDU ของแอร์ก็วางหันออกได้เลย เป่าลมร้อนออกนอกอาคาร การใช้งานระเบียงก็จะได้สบายมากขึ้น

    โดยรวมห้องนี้เหมาะกับคนที่มองหาห้องเพื่ออยู่อาศัยเป็นหลัก ไม่มีแขกหรือเพื่อนมาบ่อยๆ อยู่ได้ 1-2 คนค่ะ

    2 Bedrooms 45.45 sq.m.

    มาดูห้องตัวอย่างกันอีกห้องนะคะ ห้องนี้เป็นห้องตำแหน่งมุมอาคาร ที่มีรูปร่างของห้องเป็นสี่เหลี่ยมคางหมูค่ะ ข้อดีของห้องตำแหน่งมุมอาคารคือมีพื้นผิวผนังที่เป็นหน้าต่างมากกว่าห้องที่อยู่กลางอาคาร ทำให้ได้แสงสว่างเข้ามาภายในห้องเยอะ และระบายอากาศได้ดี ส่วนกระจกที่เฉียงนั้น ในเเง่การจัดวางฟังก์ชันอาจจะยากขึ้นนิดหน่อย อาจจะต้องเลือกเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวรูปร่างกลมเอา หรือวางเป็นกระถางต้นไม้ แต่ในแง่การได้วิวแล้ว ผนังห้องที่เฉียงก็จะทำให้วิวที่ได้กว้างมากขึ้นด้วยค่ะ

    มาดูการจัดวางฟังก์ชันการใข้งานกันบ้าง ห้องนั่งเล่นและส่วนทานอาหารจึงถูกจัดไว้รวมกัน และมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่พื้นที่ตรงนี้ของจริงจะให้มาเป็นพื้นที่โล่ง ซึ่งเราสามารถปรับและจัดตามใจชอบได้ เช่นจะสลับตำแหน่งโซฟากับชั้นวางทีวีก็ได้ หรือจะเลือกไม่มีโซฟา กลายเป็นโต๊ะใหญ่วางตรงกลาง มีพื้นที่เดินได้โดยรอบ นั่งทำงาน ทานอาหาร แทน เหมาะกับคนที่ไม่เน้นดูทีวี อาจจะเสพย์สื่อต่างๆผ่านทางคอมพิวเตอร์มากกว่าค่ะ ในส่วนที่เป็นฟังก์ชันอื่นๆก็ถือว่าจัดได้ดีอยู่นะคะ เช่นห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว หรือว่าครัวปิด มีห้องน้ำแยกที่เข้าได้จากทางห้องครัว ถือว่าใช้งานได้สะดวกค่ะ สมมุติว่าใครชอบโครงการนี้ อยู่ 1-2 คน แต่อยากได้ห้องที่มีพื้นที่มากขึ้นหน่อย ห้องนอนเล็กอาจจะเปลี่ยนเป็นห้องนั่งเล่น + ห้องทำงานแทน หรือจะเป็น Walk-in Closet ก็ได้ค่ะ

    มาดูที่ห้องตัวอย่างกันนะคะ เมื่อเข้ามาในห้องเราจะเจอกับส่วนนั่งเล่นกับส่วนทานอาหารก่อนเลย พื้นที่ตรงนี้จะปูด้วยลามิเนต ผนังและฝ้าเพดานจะฉาบเรียบทาสีขาวให้ ระดับความสูงของส่วนนี้จะอยู่ที่ 2.80 เมตร มีระเบียงอยู่ด้านข้าง ช่วยเพิ่มแสงสว่างภายในห้องและช่วยระบายอากาศค่ะ

    ในห้องตัวอย่างจะจัดแบบที่เห็นในแปลนเลยนะคะ แต่ห้องที่ขายจริงจะเป็นห้องเปล่า โดยขนาดห้องส่วนนี้จะอยู่ที่ 3.3×3.8 เมตร ฝั่งที่เป็นกระจกจะเป็นตำแหน่งของหน้าต่างและระเบียงห้องค่ะ โดยหน้าต่างจะมีความสูงมากกว่าชุดประตูที่ออกไปยังระเบียงนะคะ

    ในกรณีที่จัดแบบในห้องตัวอย่างก็จะได้นั่งทานข้าวไปพร้อมๆกับดูทีวีค่ะ แต่อาจจะไม่ได้โต๊ะหน้าโซฟาดูทีวี และระยะของโซฟากับทีวีอาจจะกระชั้นนิดนึง ไม่สามารถเลือกทีวีขนาดใหญ่ได้ แต่ถ้าบ้านไหนนั่งทานข้าวบนโซฟาเป็นปกติก็เลือกเป็นโซฟาใหญ่ขึ้น มีโต๊ะหน้าโซฟาแทนก็ได้ค่ะ

    ด้านข้างของส่วนรับแขกนี้จะมีประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอนออกไปยังระเบียงค่ะ

    มีพื้นที่ทางเดินประมาณ 85 ซม. จัดว่าเดินสบายอยู่นะคะ

    ตัวระเบียงจะมีพื้นที่เป็นสามเหลี่ยม เป็นตำแหน่งวาง CDU แอร์ อาจจะติดกริลเพื่อเบี่ยงให้ลมร้อนออกไปนอกอาคาร การใช้งานระเบียงจะได้สบายขึ้น

    ตรงข้ามกับระเบียงจะเป็นห้องครัวและห้องน้ำค่ะ

    ครัวของห้องแบบนี้จะได้เป็นครัวปิดเช่นกัน ส่วนห้องน้ำจะต้องเข้าจากทางห้องครัวเท่านั้นค่ะ ในส่วนของห้องนี้เรามองว่ายังขาดฟังก์ชันสำหรับเก็บรองเท้าอยู่นะคะ อาจจะต้องจัดพื้นที่ฝั่งที่วางทีวีส่วนหนึ่งทำเป็นตู้เก็บรองเท้าแทน

    ประตูเข้าห้องครัวจะเป็นแบบบานเลื่อน 3 ตอน มีทั้งรางบนและรางล่าง ตัวบานเป็นกระจก ทำให้ครัวนี้ยังได้แสงสว่างจากห้องนั่งเล่นด้วย เวลาใช้งานช่วงกลางวันก็ไม่ต้องเปิดไฟ

    เคาน์เตอร์ครัวของห้องนี้จะยาวขึ้น และมีตำแหน่งสำหรับวางเครื่องซักผ้าให้ค่ะ

    พื้นที่ยืนใช้งานจะกว้าง 1.25 เมตรเลย คนนึงทำอาหารอยู่อีกคนเดินเข้าออกห้องน้ำได้สะดวก

    วัสดุหน้าบานต่างๆและชุดครัวจะเหมือนกันกับห้องแบบ 1 Bedroom ค่ะ

    อุปกรณ์ครัวจะเป็นของ Franke แต่เตาจะได้ใหญ่ขึ้นเป็น 4 หัวแทน เครื่องดูดควันเป็นแบบดูดออกนอกห้อง

    ตำแหน่งที่จะวางตู้เย็นจะอยู่ที่มุมห้องมีช่องวาง 80 ซม.

    ห้องน้ำจะแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งให้ สุขภัณฑ์ต่างๆจะเหมือนเดิมค่ะ

    ก่อนเข้าห้องน้ำจะมีธรณีประตูให้มา ภายในห้องน้ำกรุพื้นและผนังด้วยกระเบื้อง โถสุขภัณฑ์ได้แบบอัตโนมัติของ Cotto ทุกห้อง

    พื้นที่อาบน้ำของห้องนี้มีขนาด 85×88 ซม.ยังถือว่าใช้งานได้สะดวกอยู่ค่ะ ตรงนี้จะไม่มีช่องใส่อุปกรณ์อาบน้ำนะคะ แต่จะมีชั้นวางสบู่ให้มาแบบในรูปแทน

    ลองไปดูห้องนอนเล็กกันต่อค่ะ ประตูทางเข้าห้องนอนจะอยู่ใกล้กับทางเข้าครัวพอดี

    ห้องนี้จะมีขนาด 2.8×3.0 เมตรค่ะ มีหน้าต่างขนาดใหญ่อยู่ฝั่งหนึ่งของห้องค่ะ ห้องนี้จะได้เป็นห้องเปล่านะคะ แต่มีตู้เสื้อผ้า Built-in ให้มา

    พอเข้ามาจะเจอกับพื้นที่โล่งๆที่เป็นตำแหน่งสวิงของบานประตูก่อน ด้านในจึงเป็นส่วนนอนพักผ่อน

    ในห้องนี้จะสามารถวางเตียงที่กว้าง 1.6 เมตรเข้ามุมได้ค่ะ เป็นขนาดเตียงใหญ่สุดที่แนะนำแล้ว อาจจะเว้นพื้นที่ริมหน้าต่างซัก 15-20 ซม.เอาไว้เป็นรางม่าน ปลายเตียงจะเหลือทางเดิน 75 ซม. ส่วนอีกฝั่งจะมีพื้นที่เหลือ 60 ซม.

    ตู้เสื้อผ้าจะได้เป็นหน้าบานแบบเลื่อน ขนาดกว้าง 1.2 เมตรค่ะ

    ภายในตู้จะมีช่องเก็บของและราวแขวนไว้ให้แบบนี้เลย

    มาดูที่ Master Bedroom กันนะคะ ห้องนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อเข้ามาจะมีตู้เสื้อผ้าให้มาด้านขวามือแบบนี้

    ตรงไปสุดทางขวามือจะเป็นห้องน้ำส่วนตัวค่ะ ในห้องตัวอย่างวางเตียงกว้าง 1.6 เมตรไว้ เราจะมีทางเดินกว้างหน่อยอยู่ที่ 1 เมตร แต่เราสามารถเลือกเตียงที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้นะคะเป็น 1.8 หรือ 2 เมตรได้เลย

    ที่น่าสนใจของห้องนี้คือผนังกระจกที่เข้ามุมเเหลมซึ่งเรามักจะไม่ค่อยเห็นในคอนโดทั่วไป โดยกระจกที่ได้ก็จะเป็นบานสูงเกือบจรดฝ้าเพดานเลยค่ะ และบริเวณหัวเตียงเราจะได้ USB Charger ด้วยค่ะ

    ห้องนี้เลยสามารถเห็นวิวได้กว้างกว่าห้องที่มีหน้าต่างด้านเดียว

    แต่พื้นที่ส่วนนี้จะเหลือเป็นรูปร่างสามเหลี่ยม ซึ่งเราอาจจะหาเก้าอี้สตูลกลม โต๊ะหัวเตียงทรงกลม หรือจะเอากระถางต้นไม้ ราวเเขวนข้าวของมาวางไว้ตรงนี้จะได้ไม่เสียพื้นที่ด้วยค่ะ

    มองย้อนกลับไปจะเจอกับห้องน้ำ โดยหน้าห้องน้ำจะเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าที่ Built-in มาให้ค่ะ

    ตู้เสื้อผ้านี้จะมีความกว้าง 1.5 เมตร เป็นบานเลื่อน มีช่องเก็บของและราวแขวนเสื้อผ้าภายในต่างๆเหมือนในห้องตัวอย่างเลย

    เดี๋ยวเราไปดูในห้องน้ำกันค่ะ

    ห้องน้ำนี้ก็จะมีรูปแบบการดีไซน์และการวางผังคล้ายกับที่เราพาไปดูมาเลย

    อ่างล้างมือจะมีพื้นที่ด้านข้างเป็นซอกเข้าไปแบบนี้และมีราวเเขวนผ้ามาให้ เราสามารถเอาตะกร้าผ้ามาวางหรือจะทำเป็นชั้นเป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้ค่ะ

    ส่วนสุขภัณฑ์อื่นๆจะเหมือนเดิมค่ะ อ่างล้างหน้าของ Lavenz และโถสุขภัณฑ์อัตโนมัติของ Cotto

    ด้านในจะเป็นส่วนอาบน้ำขนาด 95×90 ซม.

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 17 October 2019

    • 1 Bedroom Leisure ขนาด 23.6 – 29.1 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท หรือ 122,458 บาทต่อตร.ม.
    • 1 Bedroom Private ขนาด 26.7 – 34.2 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.56 ล้านบาท หรือ 142,697 บาทต่อตร.ม.
    • 1 Bedroom Plus ขนาด 36.4 – 37.95 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.27 ล้านบาท หรือ 184,066 บาทต่อตร.ม.
    • 2 Bedrooms ขนาด 41.9-64.2 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.36 ล้านบาท หรือ 151,790 บาทต่อตร.ม.

    • รูปแบบการขาย  Fully Fitted + มี Built-in ตู้เสื้อผ้า
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.80 เมตร
    • Kitchen & Sink / ท๊อปหินสังเคราะห์ SCG
    • Hob & Hood / ของยี่ห้อ FRANKE
    • แอร์ Daikin

    • ห้อง 2 Bedroom 3 เครื่อง
    • ห้อง 1 Bedroom 1-2 เครื่องแล้วแต่ layout
    • ห้อง 1 Bedroom  Plus 3 เครื่อง

  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 15,000-35,000 บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ 30 งวด
  • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล : ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ถนนพระราม 4 ใกล้กับเส้นสุขุมวิท เดิมทีเป็นย่านชุมชนที่อยู่อาศัยและเป็นอาคารพาณิชย์ ในช่วงหลังเริ่มมีการพัฒนามากขึ้นทั้งโปรเจค Mix-Used อาคารสำนักงานและ Community Mall ต่างๆ ที่พัฒนาขยายออกมาเรื่อยๆจากตัวเมืองชั้นในค่ะภาพรวมทำเลนี้ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างมาก มีโรงพยาบาล และ Qiss mall  อยู่ด้านหลังโครงการ ทำให้มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ในระยะเดินถึง หรือจะนั่งรถออกมาหน่อยก็จะไปยังห้างสรรพสินค้าและ Community Mall ที่อยู่รอบๆได้ เช่น Summer Hill ไปยังเอกมัย ทองหล่อ หรือไปทางเส้นพระราม 4 ก็จะไปยังสวนลุมได้สะดวกค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถ : ตัวโครงการที่อยู่ติดถนนใหญ่อย่างพระราม 4 จึงทำให้สามารถเดินทางไปยังสวนลุม สีลม สาทรได้ง่าย และเส้นพระราม 4 นี้ก็จะไปเชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิทค่ะ ที่เป็นเส้นทางออกเมืองไปยังสมุทรปราการ หรือเข้าเมืองไปยังสยามได้เช่นกัน นอกจากนี้ซอยที่อยู่ติดกับโครงการที่มีชื่อว่าซอยโรงพยาบาล 2 เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังซอยสุขุมวิท 42 ไปยังเอกมัยได้สะดวกค่ะ โดยรวมเราเลยมองว่าทำเลนี้มีเส้นทางให้เลือกหลากหลาย จุดกลับรถไม่ไกลจากโครงการ มีทางด่วนให้ใช้งานด้วย แต่ถ้ามองอัตราส่วนที่จอดรถที่ให้มาที่ 39% ถือว่าไม่เยอะนะคะ ถ้าโครงการนี้คนเน้นใช้รถกันมากอาจจะต้องแย่งที่จอดรถกันหน่อย

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : โชคดีที่ทำเลนี้อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีพระโขนง ดังนั้นกลุ่มลูกค้าของโครงการนี้อาจจะอิงการใช้งานรถไฟฟ้าเป็นหลักเหมือนกัน โดยจากขอบเขตโครงการไปรถไฟฟ้าเป็นระยะทาง 600 เมตร เป็นระยะที่เดินได้ แต่ก็แอบไกลเหมือนกัน เพราะเดินริมถนนใหญ่ที่มีรถขับผ่านตลอดเวลาด้วย แต่การที่อยู่ริมถนนใหญ่ก็มีข้อดีเหมือนกัน คือเราสามารถเรียกใช้บริการรถสาธารณะต่างๆได้ง่ายทั้ง TAXI รถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์ค่ะ

    วัสดุ : ตัวห้องจะขายในรูปแบบ Fully Fitted พื้นจะได้ทั้งกระเบื้องและลามิเนต (ห้องนอนและห้องนั่งเล่นเป็นลามิเนต ห้องน้ำและครัวปูกระเบื้อง) ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ครัวจะให้ชุดครัวของ Franke ท็อปครัวหินสังเคราะห์ผนังหลังเคาน์เตอร์เป็นกระเบื้อง เครื่องดูดควันเป็นแบบดูดออกภายนอก หน้าบานครัวตู้ชุดบนจะเป็นกระจก ส่วนตู้ล่างพ่นสีค่ะ ทั้งหมดจะทำ Soft Close ให้ด้วย ส่วนในห้องน้ำจะได้อ่างล้างหน้าของ Lavenz แบบมี Built-in ใต้อ่างมาให้ โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติของ Cotto ฝักบัวและ Rain Shower ของ Cotto เช่นกัน มีฉากกั้นอาบน้ำให้ด้วย นอกจากวัสดุและอุปกรณ์มาตรฐานจะมีแอร์ของ Daikin ให้มา และทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าหน้าบานกระจกใสสีชามาให้ค่ะ ถือว่าให้มาค่อนข้างสมกับราคานะคะ

    การออกแบบ : ตัวอาคารมีการออกแบบโดย ATOM มี Concept และการออกแบบสถาปัตยกรรมภายนอกที่ดูน่าสนใจค่ะ มีการใช้เส้นโค้ง เส้นเฉียงทั้งรูปด้านอาคารและผังอาคารที่สื่อให้เกิด Movement หรือสื่อให้เห็นถึงการเคลื่อนไหว ทำให้อาคารออกมาดูน่าสนใจ ในส่วนการจัดฟังก์ชันพื้นที่อาคารจะถูกแบ่งเป็นชั้นค่อนข้างง่ายไม่สับสน ส่วนกลางจะอยู่ชั้นล่างสุด และ บนสุด ชั้น 2-7 เป็นที่จอดรถ และชั้น 8-28 เป็นชั้นพักอาศัย จึงทำให้การใช้งานไม่วุ่นวาย ปะปนกัน การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 1 เน้นการสร้างบรรยากาศที่สงบและร่มรื่น ให้เกิดความแตกต่างจากภายนอกที่เป็นถนนใหญ่วุ่นวาย และมีการออกแบบที่ดูหรูหรา น่าใช้งาน ส่วน Facilities ที่อยู่ชั้นบน จะเน้นการชมวิวและการออกแบบที่ดูสวยงาม ภายในตัวห้องจากที่เห็นห้องตัวอย่างมาทั้ง 2 แบบ เห็นได้ว่าการออกแบบจะให้ความสำคัญกับ ห้องนอน ครัว และห้องน้ำเป็นหลักนะคะ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการพื้นที่ Living หรือทานอาหารสบายมาก มีเพียงพอกับการใช้งาน อาจจะมาใช้งานส่วน Living กับพื้นที่ส่วนกลางของอาคารแทนได้ค่ะ และตัวห้องแบบ 2 Bedrooms ที่มีผนังกระจกเข้ามุมแหลมดูเป็นพื้นที่แปลกตา สามารถชมวิวได้กว้างขึ้น

    สาธารณูปโภค : เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตที่มีไม่มากอยู่ที่ 406 ยูนิต พื้นที่ส่วนกลางก็ให้มาค่อนข้างดีนะคะ เพราะจะมีส่วน Lobby ที่ชั้น 1 ที่มีขนาดใหญ่ มีทั้งส่วนที่เป็น Double Volumn มีบรรยากาศที่เชื่อมต่อกับสวนข้างอาคารสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นเหมาะกับการพักผ่อนได้ และมีส่วนกลางที่อยู่ชั้นบนสุดที่ให้มายกชั้น เลยทำให้ไม่ว่าจะอยู่ยูนิตชั้นไหน ก็สามารถขึ้นมาชมวิวที่ชั้นนี้ได้ทุกยูนิตเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีการออกแบบสระว่ายน้ำให้ 2 จุด มีการเล่นระดับของพื้นที่ที่ทำให้แต่ละการใช้งานได้ความเป็นส่วนตัวด้วย และดีไซน์ที่ดูจาก Perspective แล้วดูดีนะคะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้ ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 150,000 บาท/ตร.ม., 17 October 2019

    • ทำเล 8/10 – ริมถนนใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์สูง
    • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – มีทางลัดเลาะเยอะ แต่เปอร์เซ็นต์ที่จอดรถไม่มาก
    • ไม่ใช้รถ 8.25/10 – ริมถนนใหญ่ เรียกใช้งานรถสาธารณะได้ง่าย ใกล้รถไฟฟ้า
    • วัสดุ 8/10 – ให้ตามราคา
    • แบบ 8.25/10 – ออกแบบเน้นคุ้มค่า ตัวอาคารดีไซน์แปลกตา
    • สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้มาครบครัน อยู่ชั้นบนสุด ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา

    • HIGH CLASS
    • 7.99 / 10.00

    BOTTOM LINE

    The Tree สุขุมวิท – พระราม 4 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ในกรณีที่มีงบประมาณ 3-5 ล้านบาท สามารถเลือกห้องขนาด 23-34 ตร.ม.ได้ เป็นห้องขนาดกะทัดรัด อยู่ได้ 1-2 คน แต่ถ้ามีงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกนิด ประมาณ 5-7 ล้านก็จะได้ห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นห้องหน้ากว้าง ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา คนซื้อเน้นการเดินทางเข้าเมืองสะดวกทั้งทางรถไฟฟ้าและรถยนต์ผ่านถนนพระราม 4 อยากได้คอนโดที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาและมีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้เหมาะสม มีกำลังผ่อน 20,000-50,000 บาทต่อเดือน


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving