รีวิวฉบับที่ 1958 … มาแล้วสำหรับ The Tree Victory Monument ที่คราวนี้ปรับโฉมทำห้องฝ้าเพดานสูง 4.4 เมตร และ ห้อง Duplex ฝ้าเพดานสูง 4.9 เมตร ขายในราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท บวกกับพื้นที่ส่วนกลางชั้นบนที่ต่อเนื่องกันถึง 6 ชั้น โครงการตั้งอยู่ติดถนนดินแดง บริเวณหน้าปากซอยบุญชูศรีหรือแปลงที่อยู่ติดกับ ป.ป.ส. เดินทางไป  BTS อนุสาวรีย์และขึ้นทางด่วนได้สะดวก เราไปชมกันค่ะ

Fact @ 3 October 2019

  • The Tree Victory Monument (เดอะทรี วิคทอรี่ โมนูเมนต์)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่  :  ถนนดินแดง เขตพญาไท
  • ที่ดินประมาณ 1-0-81 ไร่
  • คอนโด High Rise 1 อาคาร 31 ชั้น พร้อมดาดฟ้าและชั้นใต้ดิน 3 ชั้น จำนวน 253 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 13 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 104 คัน คิดเป็นประมาณ 41% (ไม่รวมซ้อนคัน)
  • เริ่มก่อสร้าง :  มกราคม ปี 2563
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธันวาคม ปี 2565 n/a (update 3/8/2021)
  • Heighten 1 Bedroom (ห้องฝ้าเพดานสูง 4.4 เมตร) 23 – 31 ตร.ม.
  • Heighten 1 Bedroom Plus (ห้องฝ้าเพดานสูง 4.4 เมตร + ห้องอเนกประสงค์) 30 – 34 ตร.ม.
  • Duplex 1 Bedroom 38 – 39 ตร.ม.
  • Duplex 1 Bedroom Plus 50 ตร.ม.
  • ความสูงฝ้าเพดาน : ห้องแบบ Heighten สูง 4.40 เมตร , ห้องแบบ Duplex สูง 4.90 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท (Heighten 1 Bedroom)
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 130,000 บาท/ตร.ม.
  • ช่วงราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ ผ่านแล้ว (update 3/8/2021)
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center :  1739

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.763377, 100.544550
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

ทำเลของ The Tree Victory Monument ถือว่าเป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์แบบสุดๆเพราะ “อนุสาวรีย์ชัยฯ” จัดว่าเป็นศูนย์กลางการคมนาคม มีสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบ ร้านอาหารที่อนุสาวรีย์ชัยฯนี่มีอยู่เยอะนะคะ ทั้งแบบรถเข็นและร้านติดแอร์ ร้านดังในย่านนี้จะมีก๋วยเตี๋ยวเรือที่ใครๆมาทานก็ต้องสั่งกันหลายจาน ตั้งเป็นแถวๆแข่งกัน  และบริเวณใกล้ๆกับโครงการก็มีห้างสรรพสินค้า ตลาดและร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะในระยะที่สามารถเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ไปได้ ไม่ว่าจะเป็น  Center One, Victory Mall, The Seasons Mall หรือ Century Movie Plaza ห้างใหญ่ที่มี Tops Supermarket , ร้านอาหาร, ธนาคาร, โรงหนัง รวมอยู่ด้วยกัน นอกจากนั้นถ้ามองในภาพกว้าง หากนั่งรถไฟฟ้าไปอีก 3 สถานีจะเป็นสยามแหล่ง Shopping ใจกลางเมืองที่มีร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์การค้าขนาดใหญ่อยู่เต็มไปหมด เช่น Siam Paragon Siam Discovery  Siam Center Siam Square One และ CentralWorld   สามารถเดินทางไปเดินเล่นในวันสบายๆได้ไม่ยาก

ย้อนกลับมาดูอีกโซนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกับโครงการ ซึ่งเป็นโซนที่มีของกินอยู่เยอะมากๆ นั่นก็คือซอยรางน้ำ ร้านส่วนใหญ่จะเปิดสายหน่อยประมาณ 10 โมงแต่ยาวไปจนถึงสี่ห้าทุ่ม แถมยังมี Pub&Restaurant หลากหลายร้าน และยังมีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven อยู่เป็นระยะๆ อีกสถานที่หนึ่งที่สำคัญในซอยรางน้ำ คือ King Power ที่เป็นแหล่ง Shopping ปลอดภาษีที่ทัวร์จีนชอบมาเดินกัน แถมภายในจะมีโรงละครอักษราอยู่ด้วย

นอกจากนั้นยังมีพื้นที่สีเขียวอย่างสวนสาธารณะชื่อ สวนสันติภาพ ให้มาออกกำลังกายหรือเดินเล่นเพื่อพักผ่อนหย่อนใจกันได้ทุกวัน และถ้ามองไปทางฝั่งตะวันตกของถนนพญาไทจะเห็นว่าเต็มไปด้วยโรงพยาบาล และมหาวิทยาลัยสำหรับนักศึกษาแพทย์และวิทยาลัยพยาบาลอยู่เยอะทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นกรมแพทย์ทหารบก, วิทยาลัยพยาบาล, โรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลพระมงกุฏ, คณะเภสัชมหาวิทยาลัยมหิดล, โรงยาบาลรามาธิบดี ฯลฯ ซึ่งมันก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ย่านนี้มีผู้คนหนาแน่นขึ้นไปอีกค่ะ

มาดูการเดินทางกันบ้าง โครงการ The Tree Victory Monument ตั้งอยู่ติดถนนดินแดง บริเวณหน้าปากซอยบุญชูศรีหรือซอยที่อยู่ติดกับป.ป.ส.  ฝั่งนี้เป็นฝั่งขาออกจากอนุสาวรีย์ชัยฯ มุ่งหน้าไปทางถนนวิภาวดีรังสิต ดังนั้นถ้าใครเดินทางด้วยถนนวิภาวดีฯเป็นหลักหรือใช้ถนนดินแดงวิ่งตรงไปถนนพระราม9 ถนนรัชดาภิเษกถือว่าสะดวกทีเดียวค่ะ เพราะเราไม่ต้องไปกลับรถ ออกมาจากโครงการก็ตรงยาวได้เลย ในทางกลับกันถ้าจะเดินทางไปยังโซนพญาไป ราชเทวี ราชวิถี จะต้องไปกลับรถบริเวณแยกดินแดงที่อยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 350 เมตรก่อนค่ะ  สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ ใครอยู่แถวนี้ก็มีความได้เปรียบพอตัว เนื่องจากอนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นศูนย์กลางการเดินทางจุดบรรจบของถนน 4 สายสำคัญ ทำให้มีทางให้เลือกใช้หลายทาง ได้แก่

  • ถนนพหลโยธิน (เหนือ) มุ่งหน้าสะพานควาย – จตุจักร – ห้าแยกลาดพร้าว
  • ถนนราชวิถี (ตะวันตก) ไปถนนพระราม 6, ถนนดุสิต และ ตรงไปขึ้นสะพานกรุงธนบุรี (ซังฮี้)
  • ถนนพญาไท (ใต้) มุ่งหน้าไปพญาไท – ราชเทวี – สยาม
  • ถนนราชวิถี (ทิศตะวันออก) ถ้าเข้าซอยรางน้ำ, ราชปรารภ, เข้าถนนดินแดงไปวิภาดีรังสิต หรือถนนพระราม 9

และอีกทางเลือกสำหรับคนที่อยู่ในย่านนี้คือสามารถใช้ซอยย่อยต่างๆลัดไปออกซอยรางน้ำและถนนศรีอยุธยาได้  พวกทางเชื่อมย่อยจะเป็นถนนเลนเดียววิ่งแบบ One Way ทั้งหมด ตรงนี้ในแผนที่ด้านบนเราทำลูกศรทางวิ่งรถมาให้ดูค่ะ

จากที่ตั้งของโครงการสามารถเดินทางไปขึ้นทางด่วนได้ง่ายทั้ง ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษเฉลิมมหานคร และดอนเมืองโทลเวย์ ทางขึ้นทางด่วนสามารถขึ้นได้ 2 ทาง เส้นทางแรก (เส้นสีน้ำเงิน) พอออกจากโครงการมาให้กลับรถและวิ่งมุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิวนรถแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธิน ซึ่งทางขึ้นทางด่วนจะอยู่ทางฝั่งซ้าย ในกรณีที่เส้นทางที่ 1 การจราจรติดขัดสามารถใช้เส้นทางที่ 2 (เส้นสีส้ม) พอออกจากโครงการมา สามารถเลี้ยวเข้าถนนวิภาวดีรังสิตแล้วไปเข้าซอยพหลโยธิน2 มาออกถนนพหลโยธินแล้ววนมาขึ้นทางด่วนได้ค่ะ

ส่วน ทางลงทางด่วน ใช้ได้ 2 เส้นทางเช่นเดียวกัน เส้นทางแรก (เส้นสีน้ำเงิน)พอลงทางด่วนจะออกมาที่ถนนพหลโยธิน บริเวณแถวๆห้าง The Seasons Mall และ โรงพยาบาลพญาไท2 ใครที่ลงทางนี้สามารถแวะหาอะไรทานก่อนจะกลับบ้านได้ จากนั้นให้กลับรถมาเข้าถนนดินแดง แล้วขับรถมาอีกหน่อยก็จะถึงโครงการเลยค่ะ เส้นทางที่ 2 (เส้นสีส้ม) พอลงทางด่วนมาให้กลับรถเพื่อเข้าถนนดินแดงจะตรงมายังโครงการได้เช่นกันค่ะ

อีกตัวเลือกในการเดินทางคือสามารถใช้ ดอนเมืองโทลเวย์ ได้สะดวกมากๆ พอออกจากโครงการให้เราเลี้ยวเข้าถนนวิภาวดีรังสิตและตรงไปใช้ดอนเมืองโทลเวย์เพื่อไปยังเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวหรือตรงยาวไปรังสิตได้เลย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ บอกเลยว่าคนที่อยู่แถวนี้ ถ้าไม่ขับรถก็สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ง่ายมากค่ะ เดินไปตรงไหนก็เจอวินมอเตอร์ไซค์ Taxi ป้ายรถเมล์ หรือจะเดินไปขึ้นรถตู้ก็สะดวก ถือเป็นทำเลที่มีความสะดวกสบายสูงมาก แต่ก็ต้องแลกมากับความพลุกพล่านวุ่นวายอารมณ์แบบอนุสาวรีย์ชัยฯนะ คือมันไม่ใช่ย่านหรูอย่างอารีย์ ทองหล่อ พร้อมพงษ์ คนละอารมณ์กันเลย โซนนี้จะอารมณ์สตรีทๆหน่อยแต่ค่าครองชีพถูกกว่า

สำหรับที่ตั้งโครงการจะห่างจากอนุสาวรีย์ชัยฯประมาณ 700 เมตร ซึ่งจากอนุสาวรีย์ชัยฯเราสามารถเดินขึ้นทางเชื่อมเพื่อไปยัง BTS ได้เลย โดยโครงการจะอยู่ห่างจากทางขึ้น BTS อนุสาวรีย์ชัยฯที่ใกล้ที่สุดวัดจาก google ได้ประมาณ 900 เมตร  ซึ่งระยะทางอาจจะห่างจาก BTS สักนิด แต่เนื่องจากบรรยากาศตลอดแนวทางเดินเป็นร้านค้า ค่อนข้างคึกคัก ทำให้เดินได้เพลินๆ หรือจะเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ไปโครงการเลยก็สะดวกค่ะ จาก BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ นั่งไปเพียง 1 สถานีก็จะเป็นสถานีพญาไทซึ่งเป็นจุด Interchange กับ Airport Link  นอกจากนั้นถ้านั่งต่อไปอีกเพียง 2 สถานีก็จะถึงสถานีสยาม ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนเส้นทางรถไฟฟ้าไปยังสายสีลมได้

และในอนาคตทำเลนี้จะเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย โครงการ “รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม ตะวันตก ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม” โดยเมื่อสร้างเสร็จโครงการจะอยู่ห่างจาก MRT สถานีรางน้ำ ประมาณ 600 เมตรซึ่งคาดว่าน่าจะได้ใช้บริการกันในปี 2566 ตำแหน่งของสถานีนั้นต้องรอดูตอนก่อสร้างอีกทีนะคะ

การเดินทางในวันนี้เราเริ่มจากถนนพญาไท  บริเวณหน้า Century The Movie Plaza มุ่งหน้าเข้าอนุสาวรีย์ชัยฯ จากนั้นวนมาเลี้ยวเข้าถนนดินแดงโครงการจะอยู่ทางฝั่งซ้าย หรือ ฝั่งที่มุ่งหน้าไปยังถนนวิภาวดีรังสิตค่ะ

วันนี้เราจำลองเส้นทางสมมติว่ากลับบ้านจากการไป Shopping ที่สยามมา โดยใช้ถนนพญาไทมุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ชัยฯซึ่งจะผ่านห้าง Century The Movie Plaza ที่อยู่ทางฝั่งขวา

เราวิ่งตรงมาเรื่อยๆก็จะเจออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิค่ะ

ก่อนจะไปชมที่ตั้งและรอบๆโครงการ เราขออธิบายเรื่องของ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จุดศูนย์กลางของย่านนี้กันก่อน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเป็นสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของทหาร ตำรวจและพลเรือนที่เสียชีวิตไปในกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส เรื่องการปรับปรุงพรมแดนไทยกับอินโดจีนฝรั่งเศสซึ่งในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 59 คน ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นผู้วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2484 และจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นผู้กระทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2485 สถาปนิกผู้ออกแบบอนุสาวรีย์คือ หม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล

กฎหมายอาคารกำหนดไว้ว่าสิ่งปลูกสร้างที่อยู่โดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจะต้องถูกจำกัดความสูงไม่เกิน 16 เมตร (ประมาณอาคาร 4-5 ชั้น) ในรัศมี 200 เมตร และสูงไม่เกิน 24 เมตร (ประมาณคอนโด 8 ชั้นทั่วไป) ทำให้รอบๆพื้นที่ใกล้ BTS อนุสาวรีย์ฯฝั่งถนนราชวิถีนี้จึงไม่มีคอนโด High Rise ขึ้นมาให้เห็นกัน เพราะติด Building Code หรือกฏหมายก่อสร้างอาคารนั่นเองค่ะ พวกคอนโดมิเนียมใกล้ BTS อนุสาวรีย์ฯ ส่วนใหญ่จึงไปผุดขึ้นมาทางฝั่งถนนพญาไทแทนซึ่งราคาจะค่อนข้างสูงหน่อย ส่วนอีกจุดหนึ่งที่คอนโด High Rise มาขึ้นก็คือบนถนนดินแดงซึ่งโครงการของเรานั้นตั้งอยู่ในโซนนี้ที่ราคาคอนโดจะต่ำกว่า เป็นทำเลฝั่งขาออกจากอนุสาวรีย์ชัยฯมุ่งหน้าไปยังถนนวิภาวดีรังสิต ถนนรัชดาภิเษก หรือ ถนนดินแดงค่ะ

เหตุผลหลักๆในการดึงดูดผู้คนจำนวนมากมาที่นี่คงจะเป็นเรื่องของการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์, รถตู้ หรือ แท็กซี่ โดยเฉพาะ รถตู้ ที่กลายมาเป็นพาหนะที่ได้รับความนิยมล่าสุดเมื่อประมาณสิบกว่าปีให้หลังนี้เอง เนื่องจากมีความคล่องตัวกว่ารถเมล์ สามารถเข้าถึงพื้นที่บางจุดได้ดีกว่า และเหมาะมากกว่าสำหรับการเดินทางในระยะไกล (ไม่ต้องยืน) ทุกๆวันที่อนุสาวรีย์ฯจึงมีผู้โดยสารมาใช้บริการรถตู้เหล่านี้เต็มไปหมด

และเชื่อว่าหลายคนที่ไม่ได้มาลงเดินเท้าสัมผัส จะยังไม่ทราบว่าที่รอบๆอนุสาวรีย์ที่เป็นจุดรอรถเมล์ทั้งสี่ฝั่ง เค้ามีการตั้ง “ชื่อเกาะ” ทั้งสี่เอาไว้ด้วย บางคนก็รู้ว่ามีชื่อเกาะนะ แต่จำไม่ได้ซะทีว่าอันไหนมันเกาะอะไรกันแน่  วันนี้เรามีภาพประกอบจากโดรนมาให้ดูทำความเข้าใจกันง่ายๆ

  • เกาะพญาไท (สีน้ำเงิน) – มีหลังคาโดม เดินไปหน่อยเจอ BTS ติดกับถนนพญาไท ไปสยามได้
  • เกาะดินแดง (สีแดง) – คือฝั่งก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ หัวมุมมีห้าง Fashion Mall ไปดินแดงได้
  • เกาะพหลโยธิน (สีเขียว) – ติดถนนพหลโยธิน เกาะนี้มีต้นไม้เยอะสุดเลย ไปจตุจักรเส้นนี้เลย
  • เกาะราชวิถี (สีม่วง) – ติดกับโรงพญาบาลราชวิถี ถนนราชวิถี ไปสวนสัตว์ดุสิตได้

สำหรับทางไปโครงการ The Tree Victory Monument ให้เราวนมาเข้าทางฝั่งห้าง Center One ค่ะ

โซนนี้ถือว่าใกล้กับโครงการและมีความอุดมสมบูรณ์สูงพอสมควรเลย นอกจากห้าง ร้านค้า และร้านอาหารแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมของโรงเรียนสอนพิเศษอีกด้วย

ตรงมาจะเจอกับแยกที่ถ้าเราเลี้ยวซ้ายจะเป็นซอยราชวิถี 2 ที่ใช้วิ่งไปเชื่อมกับถนนซอยพหลโยธิน 2 ได้ ส่วนถ้าเราเลี้ยวขวาจะเป็นทางไปถนนราชปรารภ โดยตำแหน่งของรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีรางน้ำน่าจะอยู่บริเวณนี้ค่ะ

จากนั้นให้เราตรงไปเรื่อยๆค่ะ พอเห็น ป.ป.ส. นั่นคือใกล้ถึงโครงการแล้วค่ะ ส่วนถนนที่เห็นรถเลี้ยวออกมาข้างๆป.ป.ส. นั้นคือเส้นทางที่เราลงทางด่วนกลับมายังโครงการค่ะ

พอเลย ป.ป.ส. มาก็จะเจอกับซอยบุญชูศรี ซึ่งที่ตั้งของโครงการ The Tree Victory Monument จะอยู่บริเวณหน้าปากซอยนี้เลยค่ะ

ซึ่งบริเวณหน้าซอยบุญชูศรีจะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์มารอให้บริการด้วย

เราเอาค่าบริการของพี่วินมอเตอร์ไซค์หน้าซอยบุญชูศรีมาฝากกันค่ะ เผื่อใครวางแผนทางเดินทาง

โครงการจะกินพื้นที่ช่วงต้นซอยยาวเข้าไปเลย โดยฝั่งตรงข้ามของโครงการในซอยนี้ก็คือพื้นที่ของ ป.ป.ส. ค่ะ

ตอนนี้ที่ตั้งโครงการมีการล้อมรั้วเคลียร์พื้นที่เตรียมก่อสร้างแล้ว แต่สำนักงานขายจะอยู่ถัดไปอีกหน่อยนะคะ ถ้าใครเอารถมาสามารถเอามาจอดที่นี่ได้แล้วค่อยเดินไปสำนักงานขายค่ะ

จากที่ตั้งโครงการถ้าจะไปสำนักงานขายให้เราเดินไปอีกประมาณ 50 เมตร ซึ่งบริเวณนี้ก็จะมีร้านค้า ร้านอาหารอยู่ตลอดทาง

เดินถัดมาอีกหน่อยจะเจอกับ 7-Eleven ด้วยนะ ดังนั้นถ้าใครหิวตอนดึกก็สามารถลงมาหาอะไรกินได้สะดวก นอกจากนั้นบริเวณหน้า 7-Eleven ก็มีรถเข็นขายของทานเล่นให้แวะซื้อกันด้วยค่ะ

เดินถัดมาอีกหน่อยเราจะเจอกับสะพานลอย สามารถใช้ข้ามไปยังตลาดศรีวนิชที่มีของกินตลอดทั้งซอยเลย

เดินต่อมาอีกหน่อยก็จะเจอกับสำนักงานขายแล้วค่ะ

บรรยากาศภายในสำนักงานขายซึ่งมีห้องตัวอย่างและโมเดลพร้อมให้เข้าชมค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถว อาคารพาณิชย์ และอพาร์ทเม้นท์ จะมีทางฝั่งทิศตะวันตกที่ติดกับป.ป.ส. ที่มีอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้น ส่วนทางทิศตะวันออกจะมีตึกสูงคือคอนโด High Rise สูงประมาณ 30 ชั้น ซึ่งพอๆกับตัวโครงการพอดี แต่ก็อยู่ห่างจากโครงการไปพอสมควร ไม่ได้อยู่ในระยะที่กระชั้นจนอึดอัดค่ะ สรุปเพื่อนบ้านข้างเคียงโครงการได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ – ติดกับบ้านพักอาศัยและซอยบุญชูศรี
  • ทิศตะวันออก – ติดกับอาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัย และ ซอยบุญอยู่
  • ทิศใต้ – ติดกับถนนดินแดง ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถวและอาคารพาณิชย์
  • ทิศตะวันตก – ติดกับซอบบุญชูศรีและป.ป.ส.

ทิศเหนือ หรือฝั่งด้านหลังโครงการจะติดกับบ้านพักอาศัยและซอยบุญชูศรี

ทิศตะวันออก  ติดกับอาคารพาณิชย์ที่ด้านล่างเปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และ ถัดไปเป็นซอยบุญอยู่ซึ่งในซอยจะมีทั้งตึกแถวและบ้านพักอาศัยค่ะ

ทิศใต้ ติดกับถนนดินแดงฝั่งขาออกจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถวและอาคารพาณิชย์

ทิศตะวันตก ติดกับซอบบุญชูศรี และป.ป.ส. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) ค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น (รวมระยะกลับรถ)

  • อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ∼ 700 เมตร (ระยะเดิน)
  • สวนสันติภาพ ∼  1 กิโลเมตร
  • Center One Shopping Plaza ∼ 1.3 กิโลเมตร
  •  Fashion Mall Shopping Center ∼  1.4 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลราชวิถี ∼ 1.7 กิโลเมตร
  • Century The Movie Plaza ∼ 1.8 กิโลเมตร
  •  King Power Complex ∼ 1.8 กิโลเมตร
  • โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ ∼  1.8 กิโลเมตร
  • The Seasons Mall ∼ 2.1 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพญาไท 2 ∼ 2.2 กิโลเมตร
  • พระราชวังพญาไท ∼ 2.3 กิโลเมตร
  • วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก ∼ 2.5 กิโลเมตร
  • สำนักงานเขตราชเทวี ∼ 2.5 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยมหิดล (บางคณะ) ∼ 2.6 กิโลเมตร
  • วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ∼ 2.7 กิโลเมตร
  • โรงเรียนศรีอยุธยา ∼ 2.8 กิโลเมตร
  • กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ∼ 2.9 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ∼ 3 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลรามาธิบดี ∼ 3.4 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Tree Victory Monument ออกแบบภายใต้ Concept “Live The Upper Height” ซึ่งทางโครงการก็จัดมาตาม Concept ด้วยการออกแบบห้องฝ้าเพดานสูงทั้ง Heighten และ Duplex และมี Facilities บนชั้น Roof Top ต่อเนื่องกันถึง 6 ชั้น

ภาพรวมของโครงการเป็นคอนโด High Rise 1 อาคาร 31 ชั้น พร้อมดาดฟ้าและชั้นใต้ดิน 3 ชั้น จำนวน 253 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต ห้องพักในโครงการนี้จะเป็นห้องแบบ Heighten และ Duplex ทั้งหมด โดยพื้นที่ส่วนกลางจะมี Elite Lobby , Serene Frontyard  , Serene Backyard อยู่ที่ชั้นล่าง และ ข้ามไปที่ชั้น 27- ชั้นดาดฟ้าเลย

โดยพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นดาดฟ้ามีชื่อว่า The Helical Monument แบ่งออกได้ดังนี้ค่ะ

  • ชั้น 27 : Helical Garden  , Helical Sky Lounge , Helical Relaxing Jacuzzi
  • ชั้น 28 : Helical Working Space  , Helical Track
  • ชั้น 29 : Helical Track
  • ชั้น 30 : Helical Track , Helical Fitness  , Helical Terrace
  • ชั้น 31A : Helical BAR
  • ชั้น 31B : Helical Scenic Pool
  • ชั้นดาดฟ้า : Helical Roof Top Garden

เรามาดูผังชั้นล่างกันค่ะ ทางเข้า-ออกของโครงการมีอยู่ทางเดียวคือฝั่งที่อยู่ติดถนนดินแดง พอเข้าโครงการมา ทางฝั่งซ้ายจะเจอกับสวนหย่อมที่มีชื่อว่า Serene Frontyard  ถ้าใครขับรถมา รถจะเดินทางเดียวไปเข้าช่องจอดที่ด้านข้างอาคาร ที่จอดรถของโครงการนี้เป็นแบบอัตโนมัติทั้งหมดโดยจะจอดได้ประมาณ 104 คัน หรือคิดเป็นประมาณ 41% ซึ่งพอจอดแล้วสามารถเดินเข้าอาคารได้จากทางเข้าด้านหลัง ซึ่งจะเข้าไปยัง Lift Lobby ได้เลย แต่ต้องใช้คีย์การ์ดนะ เวลามาเอารถก็สามารถนั่งรอที่ Lobby ซึ่งจะมีจอแสดงว่ารถเรามาหรือยัง ถ้ามาก็เดินไปเอาที่บริเวณด้านหน้าทางเข้า Lobby ได้เลยค่ะ โดยทางออกของรถจะมีอยู่ 2 ช่อง พื้นที่ Lobby มีขนาดค่อนข้างกว้างและจัดที่นั่งมาให้หลายแบบทั้งนั่งคนเดียว นั่งเป็นกลุ่ม และมีมุมส่วนตัวให้นั่งทำงาน มีร้านค้าแบบขายขาดมาให้ 1 ยูนิต ยังไม่ระบุว่าเป็นร้านอะไร ส่วนด้านหลังโครงการจะมีสวนหย่อม (Serene Backyard) มาให้อีกจุดหนึ่งค่ะ

สวน Serene Frontyard ที่อยู่ด้านหน้าโครงการพอเราเดินผ่านจะเจอกับความร่มรื่น ช่วยปรับอารมณ์ให้รู้สึกผ่อนคลายก่อนเข้าไปด้านใน อีกทั้งต้นไม้ยังช่วยดูดซับมลภาวะจากถนนใหญ่ได้บางส่วนอีกด้วย พอเข้าอาคารไปก็จะเจอกับ Lobby การเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางของอาคารนี้ต้องใช้คีย์การ์ดทั้งหมด และมีกล้อง CCTV อยู่โดยรอบ ดังนั้นปลอดภัยหายห่วงค่ะ

ใครเอารถมาวนตามนี้เลย จะเจอกับทางเข้าที่จอดรถซึ่งจะเป็นแบบอัตโนมัตินะ

ถ้าอยากเอารถออก ทางออกที่จอดรถจะอยู่อีกฝั่งหนึ่งใกล้ๆกับสวนด้านหลัง มีมาให้ 2 ช่อง เวลาเรียกรถก็ไปรอที Lobby ก่อนได้ โดยระบบของที่จอดรถอัตโนมัติจะเป็นแบบ Robot คือระบบจะเลือกช่องจอดที่ใกล้ที่สุด ซึ่งช่วยลดเวลาในการรอรถได้ดีกว่าค่ะ

ภายใน Lobby อย่างที่บอกไปว่ามีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Space บวกกับการมีช่องแสงขนาดใหญ่ทั้งผนัง เปิดให้เห็นวิวภายนอก ทำให้ Space ดูโปร่งโล่งมากๆ โดยมีการจัดชุดที่นั่งมาให้หลากหลาย เราจะมาคนเดียวหรือเป็นกลุ่มก็ใช้งานได้ค่ะ การตกแต่งมีการเลือกใช้หินทั้งพื้นและผนังทำให้บรรยากาศดูหรูหรา โดยผนังทางโครงการได้เลือกใช้หินอ่อน White Valakas ส่วนพื้นใช้หินอ่อน Black Marquina และ Silver Beige

ก่อนพาไปชมพื้นที่ส่วนกลางขอพามาดู Typical Floor Plan ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ Heighten  ฝ้าเพดานสูง โดยจะแบ่งออกเป็น Heighten 1 Bedroom  23 – 31 ตร.ม. และ Heighten 1 Bedroom Plus  30 – 34 ตร.ม. นอกนั้นอีก 2 ห้องที่เราวงสีแดงๆไว้จะเป็นห้องแบบ Duplex 1 Bedroom 38 – 39 ตร.ม.และ Duplex 1 Bedroom Plus 50 ตร.ม. โดยโถงทางเดินนั้นเป็นแบบ Single Corridor ทั้งหมด มีโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง ทำให้มีความเป็นส่วนตัว เปิดประตูห้องมาไม่ต้องชนกับใครค่ะ แต่อาจจะต้องเปิดไฟช่วยในช่วงเวลากลางวันเพราะช่องแสงบริเวณโถงบันไดมีอยู่จุดเดียวค่ะ

สำหรับโถงลิฟต์มีลิฟต์โดยสาร 1 ตัว และ Fireman Lift อีก 1 ตัว ซึ่งบริเวณนี้จะมีการกั้นผนังเป็นสัดส่วน ถ้าใครจะเข้าส่วนพักอาศัยจะต้องมีคีย์การ์ดเพื่อเข้าในชั้นนั้นๆเท่านั้น สำหรับวิวจะมีทิศตะวันออก ฝั่งมุ่งหน้าถนนดินแดง พระราม9 ที่จะมีคอนโด High Rise มาขึ้นบังวิวบางส่วน แต่ก็ไม่ได้กระชั้นมากนัก นอกนั้นตอนนี้ค่อนข้างเคลียร์ค่ะ

การออกแบบตัวอาคารในส่วนที่เป็นห้อง Duplex จะมีความสูงมากกว่าห้องแบบ Heighten อยู่หน่อย ทำให้มีการไล่ความสูง ดังนั้นถ้าดูจากภายนอกจะเห็นว่ามีการทำเอาขอบสีขาวมาตกแต่ง ทำให้ตัวอาคารดูมีมิติมากขึ้น

มาถึงส่วนที่เป็นไฮไลท์ของโครงการนั่นก็คือ  พื้นที่ส่วนกลางบนชั้นดาดฟ้าเชื่อมต่อกัน 6 ชั้นที่มีชื่อว่า The Helical Monument การดีไซน์ส่วนนี้จะมีการบิดรูปฟอร์มของตัวอาคาร ทำให้ดูโฉบเฉี่ยว และทำให้พื้นที่ส่วนกลางแต่ละจุดเปิดรับวิวได้กว้าง

สังเกตว่าพื้นที่ส่วนกลางจะกระจายอยู่ทุกฝั่งของอาคารเลย ทำให้เห็นวิวได้หลากหลาย และมีการแยกการใช้งานของเป็นส่วนๆ ไม่ไปกระจุกอยู่ชั้นเดียวกัน ทำให้มีความเป็นส่วนตัว ชั้นชั้น 27 ที่มี Helical Garden  , Helical Sky Lounge , Helical Relaxing Jacuzzi จะเป็นชั้นที่เน้นการพักผ่อน เดินเล่นในสวน แช่ Jacuzzi ชั้น 28 เป็น Helical Working Space ขึ้นมานั่งทำงานกันอย่างเป็นส่วนตัวทั้งชั้น และชั้น 28 – 30 จะเป็น Helical Track ให้เราวิ่งออกกำลังกายพร้อมชมวิวมุมสูงไปด้วย อันนี้รอดูเลยว่าเค้าจะทำออกมาเป็นแบบไหน และจะเห็นวิวมากน้อยแค่ไหน พอเดินออกกำลังกายกันเริ่มเหนื่อยก็สามารถเข้าไปฟิตเนสที่ชั้น 30 ได้เลย  ชั้น 31A เป็น Helical BAR น่าจะ Chill พอสมควรและสามารถจัดปาร์ตี้กันได้เต็มที่ เพราะชั้นนี้มีแค่ BAR จ้ะ ส่วนชั้น 31B เป็นสระว่ายน้ำแบบ Semi – Outdoor และ ชั้นดาดฟ้าเป็น Roof Top Garden

ชั้น 27 จะยังมีห้องพักอาศัยอยู่นะคะ แต่มีการกั้นประตูที่ต้องใช้คีย์การ์ดแยกตั้งแต่โถงลิฟต์ ส่วนกลางในชั้นนี้จะเน้นการพักผ่อน นั่งใน Sky Lounge เดินเล่นในสวน แช่ Jacuzzi จึงไม่น่าจะมีเสียงดังมากนัก และใครที่อยู่ในชั้นนี้ก็จะเดินออกมาใช้ส่วนกลางได้ง่ายด้วยค่ะ

Sky Lounge เราชอบตรงที่กระจกเป็นแบบ Full-Height เต็มบาน ชมวิวได้กว้าง ภาวนาว่าของจริงอย่ามีกรอบอลูมิเนียมมาบังสายตาจะฟินมากๆเลยค่ะ โดยพื้นที่ใช้ตกแต่งบริเวณนี้คือหินอ่อน Gray Emperrador ค่ะ

มุมนี้เป็นอ่าง Jacuzzi ที่แช่ตัวและชมวิวได้รอบด้าน เชื่อมต่อกับพื้นที่สวน และจะมีทางเดินขึ้นไป Helical Track ด้วย

ขึ้นมาที่ชั้น 28 จะเจอกับ  Helical Working Space ชั้นนี้จะมีส่วนกลางอยู่จุดเดียวนอกนั้นเป็น ห้องพักอาศัยที่มีเพียง 4 ยูนิตและส่วนของงานระบบค่ะ

ถ้าเบื่อการนั่งทำงานในห้องก็สามารถขึ้นมาใช้ Helical Working Space ได้ค่ะ พื้นที่ส่วนกลางที่โครงการนี้มี Wifi ให้ใช้บริการฟรี โดยหินที่ใช้ปูพื้นในห้องนี้คือหินอ่อน Hermes Gray สีออกครีมๆตัดกับเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีเข้มได้ดี

ชั้น 29 เป็น Helical Track เดินวนๆขึ้นไป ชั้นนี้ก็มีห้องพักอาศัยจำนวน 4 ยูนิตค่ะ

ชั้น 30 จะไม่มีห้องพักอาศัย โดยจะมีพื้นที่ส่วนกลางคือ Helical Track , Helical Fitness  , Helical Terrace เป็นชั้นส่วนกลางที่เน้นการออกกำลังกายค่ะ โดยวิวที่เห็นจะเป็นวิวฝั่งสนามเป้า อารีย์

ห้องออกกำลังกายที่เห็นวิวได้ทั้ง 3 ด้าน วางเครื่องออกกำลังกายได้ประมาณ 9 เครื่องค่ะ

ชั้น 31A เป็น Helical BAR ที่จัดปาร์ตี้ได้เต็มที่เลยเพราะมีส่วนกลางคือ BAR อยู่ที่อันเดียว และไม่มีห้องพักอาศัยปนด้วยค่ะ แต่ใครจะใช้งานเวลาไหน ชนหรือไม่ชนกันต้องขึ้นอยู่กับการบริหารของนิติบุคคลนะ

บรรยากาศของ Helical BAR ที่จะเห็นวิวได้ทั้งฝั่งราชปรารภ-เพชรบุรี และ อนุสาวรีย์ชัยฯ โดยพื้นของ BAR ปูด้วยหินอ่อน ARMANI GRAY

ชั้น 31B เป็น สระว่ายน้ำ Helical Scenic Pool ระบบเกลือ มีขนาด 17 x 4.2 เมตร ลึก 1.2 เมตร เป็นสระแบบ Semi-Outdoor ค่ะ โดยจะมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำอยู่ในชั้นนี้ด้วย

สระว่ายน้ำกรุด้วยหิน SILVER GRAY โดยรอบ และสระนี้มีหลังคาหลุมแบบ Semi-Outdoor ทำให้เราสามารถออกมาใช้งานได้ ไม่ต้องกังวลว่าแดดจะร้อนหรือฝนจะตก  มีพื้นที่นั่งพักผ่อนอยู่ด้านข้างสระ โดยตรงขอบปลายสุดของสระจึงจะเป็นแบบเปิดโล่งไม่มีหลังคาค่ะ

ชั้นดาดฟ้า เป็น Helical Roof Top Garden สำหรับใครที่อยากจะออกมาเดินเล่นสูดอากาศบนชั้นสูงที่สุดของโครงการ ซึ่งจะได้รับวิวไปเต็มๆค่ะ ชั้นนี้ไม่มีลิฟต์แล้วต้องเดินขึ้นบันไดมานะ

เรามาดูวิวกันบ้าง ทิศเหนือจะเป็นวิวทางฝั่งสนามเป้า อารีย์ มองไกลๆก็จะเห็นวิวเมืองเป็นกลุ่มอาคารสำนักงานด้วย ถ้าในชั้นเตี้ยๆจะเห็นกลุ่มอาคารของ ป.ป.ส. ค่ะ

ทิศตะวันออก เป็นวิวทางฝั่งถนนดินแดง พระราม9 โดยจะมีคอนโด High Rise ได้แก่ The Capital  ราชปรารภ-วิภาวดี และ ลุมพินี สวีท ดินแดง – ราชปรารภตั้งอยู่ทั้ง 2 อาคารนี้จะมีความสูงพอๆกับโครงการเราค่ะ

ทิศใต้ เป็นวิวทางฝั่งถนนราชปรารภ ถนนเพชรบุรี มุ่งหน้าไปทางประตูน้ำ ซึ่งเราจะเห็นตึกใบหยกด้วยค่ะ

ทิศตะวันตก เป็นวิวทางฝั่งอนุสาวรีย์ชัยฯ และ ถนนราชวิถีที่จะมีโรงพยาบาลอยู่เยอะค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1

  • Elite Lobby ( โถงต้อนรับ )
  • Serene Frontyard ( สวนด้านหน้าโครงการ )
  • Serene Backyard ( สวนด้านหลังโครงการ )

  • ชั้น 27
    • Helical Garden ( สวนพักผ่อน )
    • Helical Sky Lounge
    • Helical Relaxing Jacuzzi

  • ชั้น 28
    • Helical Working Space (พื้นที่นั่งทำงาน)
    • Helical Track (ทางวิ่งออกกำลังกาย)

  • ชั้น 29
    • Helical Track (ทางวิ่งออกกำลังกาย)

  • ชั้น 30
    • Helical Track (ทางวิ่งออกกำลังกาย)
    • Helical Fitness (ห้องออกกำลังกาย)
    • Helical Terrace

  • ชั้น 31A
    • Helical BAR

  • ชั้น 31B
    • Helical Scenic Pool

  • ชั้นดาดฟ้า
    • Helical Roof Top Garden

  • ลิฟต์โดยสาร 1 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 253 :  1
  • Service Lift (Fireman Lift) : 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 104 คัน คิดเป็นประมาณ  41% (ไม่รวมซ้อนคัน)
  • ระบบผ่านประตู Access Control ระบบ Key Card
  • ระบบนับจำนวนรถ เข้า – ออก โครงการ
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV
  • Wifi สำหรับ พื้นที่ส่วนกลาง

  • Product Walkthrough

    โครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted ให้ครัว สุขภัณฑ์ ตู้เสื้อผ้า และ แอร์ โดยห้องตัวอย่างทางโครงการทำมาให้ดูทั้งแบบห้องฝ้าเพดานสูง Heighten หรือห้องแบบ Loft โดยนำเอาห้องแบบ 1 Bedroom 25.55 ตร.ม.ให้ชมกัน และอีกห้องหนึ่งคือห้อง Duplex 1 Bedroom Plus 50.05 ตร.ม. ซึ่งใครที่กำลังคิดว่าห้องทั้ง 2 แบบมันแตกต่างกันอย่างไร เราควรจะซื้อห้องไหนดี สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ

    เรามาดูห้องแรกกันกับ Duplex 1 Bedroom Plus 50.05 ตร.ม. ห้องนี้จะมีพื้นที่ชั้นล่าง 29.52 ตร.ม. และพื้นที่ชั้นบน 20.53 ตร.ม. เข้ามาจะเจอกับครัวเปิดก่อน ถัดไปด้านในจะเป็นห้องนั่งเล่นที่เป็น Double Space ฝ้าเพดานสูงเชื่อมต่อไปถึงชั้นบน พื้นที่รับประทานอาหารถูกจัดให้อยู่ชิดริมหน้าต่างซึ่งเวลาทานอาหารจะเห็นวิวไปด้วย แต่จะเดินไกลครัวนิดหน่อย ห้องนี้มีระเบียงด้วยแต่ขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก การใช้งานจะเน้นซักล้างและวาง Condensing Unit ของแอร์มากกว่า ส่วนห้องอเนกประสงค์หรือห้อง Plus จะอยู่ด้านใน ใกล้ๆห้องน้ำ มีประตูบานเลื่อนกั้นเป็นสัดส่วน ดูจากขนาดพื้นที่สามารถวางเตียงเล็กแบบ 3-3.5 ฟุตได้นะ และมีพื้นที่วางโต๊ะหรือตู้อีก 1 ตัว ห้องน้ำแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้เป็นสัดส่วนดี แต่มีอยู่ห้องเดียวดังนั้นถ้าเรานอนอยู่ชั้นบนแล้วอยากเข้าห้องน้ำจะต้องเดินลงมาใช้ที่ชั้นล่างค่ะ ส่วนพื้นที่ชั้นบนจะเป็นห้องนอนอย่างเดียวเลย แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนได้แก่พื้นที่นอนพักผ่อน และ Walk-in Closet และเนื่องจากห้องนี้เป็น Duplex ตามกฎหมายจะมีทางออกไปที่โถงทางเดินชั้นบนด้วย ในแปลนเราจึงจะเห็นประตูอยู่ด้วยซึ่งเราสามารถเลือกปิดทิ้งเอาไว้เลยก็ได้ถ้าไม่ได้ใช้งานค่ะ

    บานประตูหน้าห้องในห้องตัวอย่างไม่ได้ทำมาแต่ของจริงเราจะได้บานที่ทำด้วย HDF สําเร็จรูป กรุ Laminate 2 ด้าน มาพร้อมกับ Digital Door lock เข้ามาในห้องจะเจอกับครัวเปิดซึ่งฝ้าเพดานของพื้นที่บริเวณนี้จะอยู่ที่ 2.40 เมตร โดยทางโครงการมีครัวมาให้แบบนี้เลย เวลาซื้อของมาก็เอามาวางใส่ตู้เย็นได้สะดวก

    บริเวณหน้าห้องจะเป็นครัวและห้องน้ำดูเป็นสัดส่วนดี แนะนำให้หาตำแหน่งวางชั้นวางรองเท้านิดนึงเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของห้อง โดยอาจจะวางไว้ที่ผนังข้างๆห้องเก็บของใต้บันไดค่ะ

    เคาน์เตอร์ครัวทางโครงการให้มาแบบนี้เลย หน้าบานเป็นสีพ่น UV Coated Panel Top เป็นหินสังเคราะห์สีขาว และเราจะได้ Backsplash เป็นกระเบื้องสีขาวลายหินอ่อนแบบนี้เลย

    เตาไฟฟ้าได้แบบ 2 หัวเหมาะกับการใช้งานในห้องขนาดประมาณนี้ของ Franke

    เครื่องดูดควันเป็นแบบต่อท่อออกนอกโครงการของ Franke

    อ่างล้างจานเป็นแบบหลุมเดียวของ Franke เช่นเดียวกันค่ะ

    Backsplash ที่ได้เป็นกระเบื้องสีขาวลายหินอ่อน มีประโยชน์มากๆเวลาทำอาหารไม่ต้องกังวลว่าอาหารจะกระเด็นไปโดน เพราะสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ

    พื้นครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนขนาด 60 x 60 ซม. ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานเพราะสามารถทำความสะอาดได้ง่าย

    พอเดินเข้ามาด้านในก็จะเจอกับห้องนั่งเล่นบนพื้นที่ Double Space ฝ้าเพดานสูง 4.9 เมตร บรรยากาศค่อนข้างโปร่งได้อารมณ์เสมือนอยู่บ้านเพราะได้ช่องแสงขนาดใหญ่จากหน้าต่างด้านหลังห้องด้วยค่ะ

    บริเวณนี้ฝ้าเพดานจะสูงขึ้นไปถึงชั้นบนเลย สามารถหาโคมไฟสวยๆมาตกแต่งได้

    ผนังฝั่งที่วางทีวีของจริงเราจะได้เป็นผนังโล่ง ซึ่งเราสามารถตกแต่งผนังได้ตามใจโดยอาจจะ Built-in เป็นตู้โชว์ของสะสมหรือหา Wallpaper สวยๆมาติด เดี๋ยวนี้ลายสวยๆมีเยอะนะคะ วัสดุอีกอย่างที่แนะนำคือแผ่นลามิเนตที่มีให้เลือกหลากหลาย ลายหิน ลายผ้าก็มีแล้ว

    ส่วนผนังนี้เป็นหน้าต่างและประตูทางออกไปที่ระเบียง วัสดุเป็นกรอบอลูมิเนียม Powder coat กระจก Laminated ซึ่งเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ทั้งแผงทำให้ได้รับแสงธรรมชาติเต็มๆ บรรยากาศจึงดูโปร่งโล่งดี

    พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 0.60 x 1.50 เมตร พอออกไปยืนสูดอากาศ ซึ่งไม่ต้องแบ่งพื้นที่ให้เครื่องซักผ้าเพราะถูกนำไปไว้ในครัว และCondensing Unit ของแอร์ที่แขวนอยู่ด้านบนแล้วค่ะ

    ฝ้าเพดานตรงพื้นที่ระเบียงจะสูงแบบนี้เลย สามารถแขวน Condensing Unit ได้สบายๆ

    ตำแหน่งของโต๊ะทานข้าวถูกจัดวางให้อยู่ชิดหน้าต่าง นั่งได้ 2 ที่นั่งข้างๆกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้นั่งมองหน้ากัน แต่ก็สามารถนั่งกินข้าวไปชมวิวไปด้วยได้ ยิ่งในชั้นสูงๆวิวยิ่งสวยค่ะ มุมนี้เราจะปรับเป็นโต๊ะทำงานก้ได้นะ ^^ แนะนำการเลือกซื้อโต๊ะควรหาที่มีขนาดพอดีกับพื้นที่ จะทำให้ภาพรวมห้องดูไม่อึดอัดและไม่ขวางทางเดินส่วนอื่นๆค่ะ

    ห้องนี้จะเป็น Duplex ที่มีห้องอเนกประสงค์ด้วย โดยห้องที่เพิ่มมาจะอยู่ข้างๆกับห้องน้ำ มีประตูบานเลื่อนกั้นมาให้เป็นสัดส่วน

    ประตูห้องอเนกประสงค์เป็นบานเลื่อนอลูมิเนียม Powder coat กระจกใส แบบเข้ามุม

    ห้องนี้จริงๆเราได้เป็นห้องโล่งๆ มีช่องแสงและหน้าต่างบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศ ขนาดของห้องสามารถทำได้ทั้งห้องทำงาน นั่งเล่น หรือห้องนอนเล็กโดยสามารถวางเตียงขนาด 3 – 3.5 ฟุต

    ข้างๆหน้าต่างมีพื้นที่ให้ทำ Built-in ตู้เก็บของ และ รูปทางฝั่งขวาสามารถวางโต๊ะทำงานได้พอดีๆค่ะ

    บริเวณใต้บันไดเป็นห้องเก็บของ สามารถเก็บของได้พอสมควรเพื่อให้ห้องเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น

    ห้องน้ำแบ่งพื้นที่เป็นส่วนแห้งส่วนเปียกเป็นสัดส่วน กั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย ฝ้าเพดานของห้องน้ำจะอยู่ที่ 2.25 เมตร พื้นและผนังกรุกระเบื้องมาให้โดยรอบ

    ทางเข้าห้องน้ำมีธรณีหินสังเคราะห์ยกสูงขึ้นมาเพื่อกันน้ำไหลไปโดนส่วนอื่นๆของห้อง

    เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าและกระจกเงาส่องหน้าเราได้ตามแบบนี้เลยค่ะ

    ด้านล่างอ่างล้างหน้าเป็นตู้ที่สามารถเปิดออกมาเก็บของได้ ซึ่งอ่างล้างหน้าทางโครงการให้ของ Lavenz ค่ะ

    โถสุขภัณฑ์เป็นของ American Standard ติดตั้งพร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆมาให้ครบ

    พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกนิรภัย สามารถอาบน้ำได้โดยไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะไหลไปโดนส่วนอื่นๆ

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.94 x 1.30 เมตร ซึ่งใหญ่กว่ามาตรฐาน สามารถอาบได้สบายๆค่ะ

    ซูมให้ดูฝักบัวของ Grohe ที่ทางโครงการให้มาค่ะ

    ดูชั้นล่างครบแล้ว เดี๋ยวเราจะพาไปดูชั้นบนกันโดยบันไดทางขึ้นจะอยู่บริเวณหน้าห้อง ขึ้นมาแล้วจะมีชานพักเพื่อเปลี่ยนทิศทางบันไดขึ้นไปที่ชั้น 2

    ตรงทางขึ้นบันไดมีสวิตช์และปลั๊กอยู่พอดี โครงการนี้ใช้ของ Panasonic ค่ะ

    บันไดปิดผิวด้วยไม้สำเร็จรูป โดยโถงบันไดกว้างประมาณ 0.9 เมตร ลูกนอนกว้าง 22 ซม. ลูกตั้งสูง 19.20 ซม.

    พอเดินขึ้นมาก็จะเจอกับชานพัก ซึ่งตรงนี้บันไดจะเปลี่ยนทิศทางเพื่อขึ้นไปยังชั้นบน โดยพื้นของชั้นบนจะเป็นพื้นไม้ลามิเนต

    ชั้นบนจะแบ่งเป็นพื้นที่นอนพักผ่อนและ Walk-in Closet ซึ่งในห้องตัวอย่างวางเตียงแบบ Queen Size เอาไว้ ฝ้าเพดานของชั้นนี้จะมีความสูงอยู่ที่ 2.20 เมตรค่ะ

    วางเตียง Queen Size แล้วมีพื้นที่เหลือวางโต๊ะข้างเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง

    พื้นที่ปลายเตียงมีระยะเหลือให้เดินผ่าน ซึ่งถัดไปจะเป็นราวกันตกกระจกที่มองลงไปเห็นบรรยากาศด้านล่างได้

    ข้างเตียงมีพื้นที่ให้สามารถ Built-in ทำเป็นตู้เก็บของได้ค่ะ สามารถวางของได้พอสมควรเลย

    เราสอบถามจากทางโครงการมาเผื่อว่าถ้าใครอยากต่อเติมทำเป็นผนังชั้นบนสามารถทำได้หรือไม่? ก็ได้คำตอบว่า ทำได้ค่ะ แต่อาจจะต้องปรึกษาทางโครงการก่อนสร้างอีกทีนะคะ ซึ่งเราก็จะเสียความโปร่งโล่งไปแต่แลกมากับความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มมากขึ้นแทนค่ะ

    ตรงนี้เป็นทางเดินเชื่อมไปส่วน Walk-in Closet ซึ่งรอบๆเป็นราวกันตกกระจกแบบนี้เลย

    แอร์ได้เป็นแบบ Wall Type ของ Daikin หรือเทียบเท่า จำนวน BTU ขึ้นอยู่กับขนาดห้องค่ะ

    มุม Walk-in Closet ทางโครงการจะมีตู้เสื้อผ้ามาให้ แต่ดีไซน์จะไม่ได้เป็นแบบในห้องตัวอย่างนะคะ โดยหน้าบานจะเป็นลามิเนต 1 ด้านและกระจกเงา 1 ด้าน ในห้องแบบ Duplex ชั้นบนจะมีประตูออกสู่โถงทางเดินด้วย โดยจะเป็นบาน HDF สําเร็จรูป กรุ Laminate  มือจับเป็นแบบก้านโยกค่ะ

    ต่อมาคือห้อง Heighten 1 Bedroom 25.55 ตร.ม. ซึ่งจริงๆทางโครงการจะทำชั้นลอยมาให้ด้วยแต่ไม่ได้ลงไว้ในแปลนเนื่องจากวัตถุประสงค์ในการทำ “ชั้นลอย” นั้นมีเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้อง “ถือเป็นแค่เฟอร์นิเจอร์” ไม่ได้คิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างและไม่ได้รวมในโฉนดซึ่งจะแตกต่างจากห้องแบบ Duplex ที่รวมพื้นที่ใช้สอยในโฉนดทั้งชั้นล่างและชั้นบน ห้องนี้เข้ามาจะเจอกับครัวซึ่งกั้นเป็นครัวปิดด้วยประตูกระจกบานเลื่อน สามารถกันกลิ่นและควันในการทำอาหารได้พอสมควร ถัดเข้ามาจึงเป็นพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหาร มีระเบียงและห้องน้ำอยู่ 1 ห้องด้านล่างเช่นเดียวกับห้องแบบ Duplex แต่ขนาดพื้นที่เล็กกว่า ส่วนชั้น 2 ก็จะเป็นห้องนอนค่ะ

    ห้องแบบ Heighten เข้ามาจะเจอกับครัวก่อน ดูจากขนาดแล้วสามารถใช้งานได้สบายๆเลย อีกทั้งยังเป็นครัวปิดสามารถทำอาหารได้เต็มที่ โดยผนังทางฝั่งขวาห้องของจริงจะเป็นผนังทึบนะคะ ฝ้าเพดานของส่วนนี้จะสูง 2.15 เมตร พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนเช่นเดียวกับห้องก่อนหน้า

    เคาน์เตอร์ล่างสามารถเปิดออกมาเก็บของได้ตามนี้ มีถาดเก็บช้อนส้อมและช่องวางไมโครเวฟ โดยเครื่องซักผ้าจะอยู่บริเวณครัวเช่นเดียวกันกับห้องก่อนหน้า ดังนั้นจึงไม่ไปรบกวนพื้นที่ของระเบียงค่ะ

    ตู้บนก็สามารถเก็บของได้อีก สำหรับวัสดุหน้าบานจะเป็นสีพ่น UV Coated Panel Top เป็นหินสังเคราะห์สีขาว Backsplash เป็นกระเบื้องสีขาวลายหินอ่อน เช่นเดียวกัน

    ห้องนี้ได้เป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ซึ่งทำให้เราสามารถทำอาหารได้ โดยกลิ่นจะถูกกันเอาไว้บางส่วนและยังสามารถเปิดเครื่องดูดควันที่ต่อท่อออกด้านนอกโครงการช่วยได้อีกแรง

    ถัดมาเป็นห้องนั่งเล่นที่เป็น Double Space ฝ้าเพดานของบริเวณนี้จะสูงอยู่ที่ 4.4 เมตร ซึ่งให้ความโปร่ง โล่งมากทีเดียว

    ระยะดูทีวีของห้องนี้อยู่ที่ประมาณ 2.6 เมตร สามารถวางทีวี 40″ ได้ และยังสามารถหาโต๊ะกลางสวยๆมาวางได้อีก

    ผนังนี้ของจริงจะเป้นโล่งๆ เราสามารถตกแต่งได้ตามใจชอบเลยค่ะ

    ส่วนฝั่งนี้จะได้เป็นช่องแสงทั้งแผงประกอบด้วยประตูทางออกไปที่ระเบียงและหน้าต่าง  สามารถรับวิวได้เต็มที่เลยค่ะ

    พื้นที่รับประทานอาหารห้องนี้จัดได้ 2 ที่นั่งเช่นเดียวกัน จริงๆสามารถเลื่อนโต๊ะออกมาหน่อยและวางเป็นโต๊ะกลมและเก้าอี้ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก น่าจะจัดได้สูงสุดประมาณ 4 ที่นั่งค่ะ

    ทางออกไปที่ระเบียงเป็นประตูบานเลื่อน Powder coat กระจก Laminated

    พื้นที่ระเบียงห้องนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 0.60 x 1.50 เมตร ปูด้วยกระเบื้องผิวด้านมาเหมาะกับการใช้งานซักล้างค่ะ

    เมื่อมองย้อนกลับไปฝั่งหน้าห้องเราจะเห็นห้องน้ำค่ะ พื้นที่นั่งเล่นฝ้าเพดานจะสูงเชื่อมไปถึงชั้นบนเลย

    โดยฝ้าเพดานทางโครงการจะให้มาแบบนี้แต่ไม่ได้ซ่อนไฟมาให้นะ

    ห้องน้ำอยู่ข้างห้องเก็บของใต้บันไดเลยค่ะ ห้องจริงจะมีประตูบานประตู HDF สําเร็จรูป ทําสี มือจับแบบก้านโยกมาให้ด้วยนะ

    ภายในห้องน้ำแยกเป็นพื้นที่ส่วนแห้งและส่วนเปียกกั้นด้วยฉากกั้นกระจกนิรภัย วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆจะเหมือนกับห้องก่อนหน้า ดังนั้นจึงของอนุญาตเล่าข้ามไปบ้างนะคะ

    อ่างของ Lavenz และ โถสุขภัณฑ์ของ American Standard

    เดี๋ยวเราจะพาขึ้นไปดูชั้นบนกันค่ะ

    พอขึ้นมาชั้นบนจะเจอกับห้องนอนที่ทางโครงการวางเตียงไว้แบบ Queen Size ซึ่งจะวางอยู่ชิดผนังฝั่งหนึ่งแต่อีกฝั่งสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้

    พื้นที่ข้างเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @3 October 2019

    • Heighten 1 Bedroom (ห้อง Loft ฝ้าเพดานสูง) ขนาด 25.5 ตร.ม. ราคา 3.59 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 140,784 บาท/ตร.ม. , รวมพื้นที่ชั้นลอย 12.25 ตร.ม. คิดเป็นประมาณ  95,099 บาท/ตร.ม.
    • Duplex 1 Bedroom Plus 50 ตร.ม. ขนาด 50.05 ตร.ม. (ชั้นล่าง 29.52 ตร.ม.+ชั้นบน 20.53 ตร.ม.) ราคา 7.98 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ  159,440 บาท/ตร.ม.

    • รูปแบบการขาย Fully Fitted
    • ห้อง Heighten ฝ้าเพดานสูง 4.4 เมตร และ ห้อง Duplex ฝ้าเพดานสูง 4.9 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • เฟอร์นิเจอร์ชั้นวางเตียง & ตู้เสื้อผ้า
    • Digital Door Lock
    • Air
    • จอง n/a บาท
    • ทำสัญญา n/a บาท
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 82 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล : The Tree Victory Monument เป็นแบรนด์ The Tree  ที่มีการปรับโฉมอัพเกรดมาทำห้องฝ้าเพดานสูงซึ่งหาได้ยากในทำเลนี้ ถ้ามีจะอยู่ในย่านพญาไท-ราชเทวีไปเลยและมีราคาที่สูงกว่า  โดยทำเลที่ตั้งของโครงการตั้งอยู่ติดถนนดินแดง บริเวณหน้าปากซอยบุญชูศรี  หรือแปลงที่อยู่ติดกับ ป.ป.ส.  ถือว่าเป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์มากๆ  มีสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้า Supermarket , ร้านค้า , ร้านอาหาร , ธนาคาร, โรงหนัง , สวนสาธารณะ โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย หากนั่งรถไฟฟ้าไปอีก 3 สถานีจะเป็นสยามแหล่ง Shopping ใจกลางเมือง ซึ่งถ้าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ระยะเวลาอาจจะไม่ต่างจากย่านพญาไท-ราชเทวีเท่าไหร่ แต่บรรยากาศในย่านอนุสาวรีย์ชัยฯจะมีความสตรีทมากกว่า นั่นเอง

    การเดินทางโดยใช้รถ :  ที่ตั้งโครงการเป็นฝั่งขาออกจากอนุสาวรีย์ชัยฯ มุ่งหน้าไปทางถนนวิภาวดีรังสิต ดังนั้นถ้าใครเดินทางด้วยถนนวิภาวดีฯเป็นหลักหรือใช้ถนนดินแดงวิ่งตรงไปถนนพระราม9 ถนนรัชดาภิเษกถือว่าสะดวกทีเดียวค่ะ เพราะเราไม่ต้องไปกลับรถ ออกมาจากโครงการก็ตรงยาวเลย ในทางกลับกันถ้าจะเดินทางไปยังโซนพญาไป ราชเทวี ราชวิถี จะต้องไปกลับรถบริเวณแยกดินแดงก่อน  สามารถเลือกใช้ถนนสำคัญได้ทั้ง 4 สายได้แก่  ถนนพหลโยธิน ถนนราชวิถี ถนนพญาไท และถนนราชวิถี  อีกทั้งยังสามารถเลือกใช้ซอยลัดต่างๆได้อีกด้วย

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : สามารถเรียกรถสาธารณะได้ง่ายมากๆค่ะ เนื่องจากโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่ ไปตรงไหนก็เจอวินมอเตอร์ไซค์ Taxi ป้ายรถเมล์ หรือจะเดินไปขึ้นรถตู้ก็ไม่ไกลเลย ที่ตั้งโครงการจะห่างจากอนุสาวรีย์ประมาณ 700 เมตร และห่างจาก BTS อนุสาวรีย์ประมาณ 900 เมตร  ระยะทางอาจจะห่างจาก BTS สักนิด แต่เนื่องจากบรรยากาศตลอดแนวทางเดินเป็นร้านค้า ค่อนข้างคึกคัก ทำให้เดินได้เพลินๆ จาก BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ นั่งไปเพียง 1 สถานีก็จะเป็นสถานีพญาไทซึ่งเป็นจุด Interchange กับ Airport Link  นอกจากนั้นถ้านั่งต่อไปอีกเพียง 2 สถานีก็จะถึงสถานีสยาม ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนเส้นทางรถไฟฟ้าไปยังสายสีลมได้ และในอนาคตจะมี “รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม ตะวันตก ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม” โดยเมื่อสร้างเสร็จโครงการจะอยู่ใกล้กับ MRT สถานีรางน้ำและสถานีดินแดงค่ะ

    วัสดุ : ขายแบบ Fully Fitted ให้ครัว สุขภัณฑ์ ตู้เสื้อผ้า แอร์  วัสดุอื่นๆถือว่าให้ตามมาตรฐานคอนโดในระดับราคานี้ พื้นเป็นไม้ลามิเนต พื้นส่วนเตรียมอาหารและห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. เคาน์เตอร์ครัววัสดุปิดผิวด้วย UV Coated Panel (สีพ่น) ให้ Top หินเทียม + Backsplash อุปกรณ์ครัว (Hob + Hood + Sink) เป็นของ Franke สุขภัณฑ์อ่างล้างหน้าของ Lavenz โถสุขภัณฑ์ American Standard ฝักบัว Grohe ค่ะ  หน้าต่างเป็นกรอบอลูมิเนียม Powder coat กระจก Laminated

    การออกแบบ : ทำออกมาได้ดีทั้งการออกแบบตัวอาคารที่มีความโมเดิร์นและโฉบเฉี่ยวมากกว่า The Tree ทั่วๆไป พื้นที่ส่วนกลางออกแบบมาน่าใช้งาน มีการยกเอาไว้ที่ชั้นดาดฟ้าเพื่อให้ชมวิวรอบ และมีการแยกชั้น ทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน ห้องพักอาศัยจัดฟังก์ชันได้ลงตัวดี มีให้เลือกทั้งห้อง Heighten และ Duplex แต่ผังของทั้ง 2 ห้องนี้ไม่ได้แตกต่างกันมากนักคือห้อง  Duplex จะมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางและลงตัวมากกว่าห้องแบบ Heighten  แต่เป็น Duplex ที่ขนาดไม่ใหญ่มากจึงไม่มีห้องน้ำ เพื่อทำให้ราคาหยิบจับได้ง่ายมากขึ้น

    สาธารณูปโภค : ทำออกมาได้ดี นอกจาก Lobby และสวนที่ชั้นล่าง ก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางต่อเนื่องกันถึง 6 ชั้นที่ชั้นบนสุด เรียกว่า “Helical Monument” ซึ่งจัดมาให้หลากหลายและน่าใช้งานมากๆ เช่น สระว่ายน้ำของที่นี่จะเป็นแบบ Semi-Outdoor สามารถใช้งานได้ตลอดเวลาไม่ต้องกังวลเรื่องแดดฝน และมี Jacuzzi ให้นอนแช่ตัวด้วย มี Helical Track ให้เดินหรือวิ่งออกกำลังกายพร้อมกับชมวิวไปด้วย ส่วนกลางของที่นี่มีจุดเด่นในเรื่องของวิวเพราะอยู่ชั้นบนสุด และการแยกชั้นของ Facilities ทำให้การใช้งานในแต่ละชั้นมีความเป็นส่วนตัว ติดตรงที่ลิฟต์โดยสารมีน้อยไปนิดค่ะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 120,000 – 160,000บาท/ตร.ม., 3 October 2019

    • ทำเล 8/10 – ติดถนนดินแดง ในย่านอนุสาวรีย์ชัยฯที่มีความอุดมสมบูรณ์ หาของกินง่าย
    • เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – เดินทางสะดวกเพราะติดถนนใหญ่และมีทางเลือกในการเดินทางเยอะ ใกล้ทางด่วน
    • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ห่างรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ชัยฯประมาณ 900 ม. ไม่ใช่ระยะเดิน แต่หารถสาธารณะได้ง่ายทั้งวินมอเตอร์ไซค์และแท็กซี่เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่
    • วัสดุ 7.5/10 –  ให้มาแบบ Fully Fitted วัสดุอื่นๆ มีทั้งที่ได้ตามมาตรฐานและดีกว่า
    • แบบ 8.25/10 – ออกแบบได้ดี น่าใช้งานโดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่ในห้องจัดฟังก์ชันได้ลงตัว
    • สาธารณูปโภค 8.5/10 – พื้นที่ส่วนกลางชั้นบนสุดเชื่อมต่อกัน 6 ชั้น ทำออกมาได้น่าใช้งานและเห็นวิวทุกส่วน

    • HIGH CLASS
    •  8.00 / 10.00

    BOTTOM LINE

    The Tree Victory Monument เหมาะกับคนที่อยากได้ห้องฝ้าเพดานสูง ในย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ ชอบทำเลที่เดินทางด้วยรถยนต์สะดวก ใกล้ทางด่วน ไม่จำเป็นต้องใกล้รถไฟฟ้าแต่สามารถเดินทางไปใช้งานได้สะดวก ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลาง ให้ความสำคัญกับวิว มีงบประมาณเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ  25,000 บาท/ตร.ม.


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving