รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.182 – รีวิวคอนโด The Tree Interchange
10 มกราคม 2016
รีวิวฉบับที่ 967 วันนี้จะพาไปชมโครงการตึกเสร็จขนาดใหญ่มากกับคอนโด The Tree Interchange คอนโด High rise ตึกคู่ รวมทั้งหมด 1,734 ยูนิต ใหญ่ขนาดที่เราจะต้องแบ่งเป็น 2 Parts โดย Part นี้คือส่วนแรกเป็นรายละเอียดของอาคาร B ที่เป็นอาคารส่วนหน้าและห้องตัวอย่างแบบ Studio โดยตัวโครงการอยู่ระหว่างสถานี MRT เตาปูนที่เป็นสถานี Interchange ระหว่างสายสีม่วงและสายสีน้ำเงินที่ต่อจากสถานี MRT บางโพบนถนนประชาราษฎร์
Facts @ 13 Nov 2015
- The Tree Interchange (เดอะ ทรี อินเตอร์เชนจ์)
- Pruksa Real Estate Public Company Limited
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : เขตบางซื่อ กรุงเทพ
- ประเภทโครงการ : คอนโด High rise 2 อาคาร อาคาร A สูง 40 ชั้น 1085 ยูนิต และอาคาร B สูง 39 ชั้น 639 ยูนิต
-
ที่จอดรถอาคาร A ประมาณ 50% คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) 2 Bedroom มีที่จอดประจำ 1 คันที่จอดรถอาคาร B ประมาณ 60% คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) 2 Bedroom มีที่จอดประจำ 1 คัน
- ที่ดินประมาณ : พื้นที่อาคาร A 7-1-97 ไร่ และพื้นที่อาคาร B 4-2-5 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กำลังอยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์ (เดือนพฤศจิกายน 2558)
- Cooper 22 ตารางเมตร (Sold out)
- Studio 29.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.4 ล้านบาท
- 1 Bedroom 35 ตารางเมตร (Sold out)
- 2 Bedrooms (corner) 58 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.8 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 63 ตารางเมตร (Sold out)
- ฝ้าเพดานสูง : 2.55 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น : 2.4 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ : 82,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด : 82,000-91,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call center : 1739
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.805550, 100.525436
แผนที่การเดินทาง โครงการ The Tree Interchange ตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์สาย 2 ฝั่งมุ่งหน้าไปทางแม่น้ำ อยู่ระหว่างแยกเตาปูนและแยกบางโพ ที่ทั้งสองแยกมีสถานีรถไฟฟ้า MRT ทั้งสถานีและเตาปูนและบางโพอยู่เหนือขึ้นไปด้านบน
ที่ตั้งของโครงการ The Tree Interchange ถือว่าอยู่ในพื้นที่กรุงเทพตอนเหนือ ที่อีกนิดนึงจะก้าวผ่านไปเป็นนนทบุรี สมัยที่รถไฟฟ้ายังไม่เข้ามาก่อสร้างในพื้นที่ก็จะมีแต่ชุมชนบ้านพักอาศัย ที่มีตลาด โรงเรียน โรงพยาบาลตามประสาชานเมือง แต่เมื่อเมืองเริ่มขยายตัวขอบเขตกว้างมากขึ้น ความเจริญก็ตามมา โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟฟ้าที่พาดผ่านถนนประชาราษฎร์สาย 2 ทำให้พื้นที่เร่ิมมีการเปลี่ยนแปลง อย่างมีคอนโดมิเนียม High Rise เข้ามาเปิดตัวเกาะพื้นที่สถานี
ความเจริญในบริเวณรอบๆส่วนใหญ่เกิดจากเส้นประชาชื่นเป็นหลัก ที่เป็นเส้นที่ต่อตรงกับนนทบุรี โดยมีสถานีรถไฟบางซื่อเป็นจุดหมายปลายทาง และข้างๆยังมีอาคารสำนักงานอย่าง SCG สำนักงานใหญ่ ที่มีพนักงานเข้า-ออกต่อวันจำนวนเป็นหมื่น เมื่อการใช้รถไฟลดน้อยลงก็มีมีสถานีรถไฟใต้ดิน MRT บางซื่อเป็นจุดหมายใหม่ เป็นสถานีปลายทางของรถไฟฟ้าใต้ดินในส่วนตอนเหนือของกรุงเทพ รอบข้างก็จะมี Tesco Lotus, ตลาดเตาปูน, ตลาดบางโพ ไกลออกไปหน่อยก็จะเป็นเขตทหารที่แถวโรงเรียนโยธินบูรณะที่จะเปลี่ยนเป็นอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งปัจจุบันการการก่อสร้างยังอยู่ในส่วนของการขึ้นโครงสร้าง และเมื่อมีการเปิดใช้งาน พื้นที่ถนนประชาราษฎร์สาย 1 ที่เป็นเส้นขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีความเจริญขึ้นทั้งในเรื่องของความสำคัญของพื้นที่และปริมาณการสัญจรของคนเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นก็ยังไม่ไกลจากแถวจตุจักร งามวงศ์วาน และติวานนท์ หรือจะข้ามสะพานพระราม 7 ไปยังแถวจรัญสนิทวงศ์
มองในมุมคนทำงานประจำอยู่แถวบางซื่อ-ประชาชื่น-เกียกกาย จะถือว่าอยู่ในระยะที่ไม่ไกลมาก ทั้งยังอยู่ในพื้นที่ชุมชนที่มีของซื้อของขาย มีธนาคารสาขาย่อยอยู่ตามชั้น 1 ของอาคารพาณิชย์ อยู่ใกล้สี่แยกเตาปูนที่สามารถขึ้นเหนือไปถนนกรุงเทพ-นนท์ขึ้นนนทบุรี หรือจะไปทางตะวันออกที่บางซื่อ ปัจจุบันมีสถานี MRT บางซื่อให้บริการอยู่ มีข่าวคร่าวๆมาว่ารถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเปิดให้บริการภายในปลายปี 2558 นี้ (จากข่าวอัพเดท เปลี่ยนแปลงเป็นช่วงวันแม่ของปีหน้า หรือ 12 สิงหาคม 2559 นะคะ) ช่วงหน้าโครงการสำหรับคนที่ใช้รถก็มีจุดกลับรถอยู่ไม่ไกลบนถนนประชาราษฎร์สาย 2 ในระยะไม่เกิน 500 เมตรทั้งสองทาง แต่ติดนิดนึงที่ถนนกรุงเทพ-นนท์และเส้นประชาชื่นเลียบคลองประปาในช่วงเย็นนั้นติดมาก ถึงจะเป็นทางตรงแต่ปริมาณรถเยอะ หลีกเลี่ยงรถติดยาก ซอยต่างๆก็ไม่ค่อยมีให้ลัดเท่าไร
สำหรับคนที่ซื้อคอนโด The Tree Interchange นี้ก็คงจะมองการเดินทางในอนาคตเป็นหลักที่เส้นทางรถไฟฟ้าทั้งสองสาย โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงมีแนวทางวิ่งหลักๆอยู่กลางถนน เริ่มต้นจากสถานีเตาปูนซึ่งเป็นสถานีร่วมกับรถไฟฟ้าสายสีนำ้เงินส่วนต่อขยาย ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ที่แยกเตาปูนตามแนวถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ ผ่านจุดตัดทางรถไฟที่สถานีบางซ่อนซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อนที่สถานีรถไฟบางซ่อน ผ่านแยกวงศ์สว่าง และสามารถเชื่อมต่อกับจุดเริ่มต้นของเส้นทางรถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีชมพู (แคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี) ที่สถานีศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี
ซึ่งปัจจุบันในส่วนที่เปิดใช้งานแล้วคือ MRT สถานีบางซื่อ (แถวหน้าบริษัทปูนซีเมนต์ไทยหรือ SCG นั่นเอง) ซึ่งจากตรงนี้เราสามารถนั่งต่อไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกำแพงเพชรไปเดินเล่นจตุจักรหรือจะไปขึ้นรถไฟฟ้าบนดินที่สถานีหมอชิตเข้าเมืองไปสยามกันต่อได้เลย ทำให้มันกลายเป็นเครือข่ายรถไฟฟ้าวงแหวน ซึ่งอาจจะแปลกนิดนึงเวลามุดใต้ดินมาโผล่ลอยฟ้า ซึ่งรอยต่อระหว่าง MRT บางซื่อและ MRT เตาปูน ยังมีข่าวว่าจะเลื่อนเปิดไปก่อน
เส้นทางการเดินทางวันนี้ของเราจะมาจากทางเหนือ คือเส้นประชาชื่นที่จะพาไปดูด่านทางขึ้นทางด่วนออกนอกเมืองแถวโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่น แล้ววิ่งลงมาผ่านเส้นรัชดาภิเษกที่จะมีทางขึ้นทางด่วนเข้าเมืองเลียบคลองประปามาเรื่อยๆจะถึงแยกประชาชื่นแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ผ่านสี่แยกเตาปูนที่ด้านบนจะเป็นตัวสถานีรถไฟฟ้าเตาปูน ตรงมาเรื่อยประมาณ 600 เมตร จะเจอทางเข้าโครงการอยู่ทางซ้ายมือ
เร่ิมต้นการเดินทางที่ถนนประชาชื่นเลียบคลองประปามุ่งหน้าสี่แยกประชานุกูล ช่วงก่อนถึงโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ที่อยู่ทางขวามือ สะพานด้านหน้าเป็นสะพานข้ามแยก ความสำคัญที่เรามาเริ่มที่จุดนี้กันคือเมื่อเลี้ยวขวาไปตรงนี้ จะมีด่านทางขึ้น-ลงทางด่วนขนาดใหญ่ เป็นเส้นทางออกนอกเมือง ที่สามารถไปได้ทั้งงามวงศ์วาน ติวานนท์ เมืองทองธานี หรือจะไปไกลถึงปทุมธานีแถบถนนเชียงรากค่ะ
ผ่านสามแยกที่เลี้ยวเข้าด่านทางด่วนนอกเมืองมาก็จะเจอสี่แยกประชานุกูลอยู่ด้านหน้า
โดยเลี้ยวขวาไปจะไปเส้นวงศ์สว่างที่มี BigC วงศ์สว่าง, นิตยาไก่ย่างและสะพานพระราม 7 ข้ามแม่นำ้เจ้าพระยาไปยังเส้นจรัญสนิทวงศ์, บางกรวย-ไทรน้อยและแถวบางอ้อ ส่วนทางซ้ายมือก็จะเลี้ยวเข้าถนนรัชดาภิเษก มีสะพานข้ามแยกไปยังลาดพร้าว และแถวรัชภาภิเษกแถบ SCB สำนักงานใหญ่ และ Major รัชโยธิน รวมถึงจะมีทางกลับรถใต้สะพานข้ามแยกไปยังทางขึ้น-ลงทางด่วนเพื่อเข้าไปยังตัวเมือง ไม่ว่าจะเป็นแถวจตุจักร สามเสน อนุสาวรีย์ ยาวไปถึงเส้นสุขุมวิทและพระราม 4 แต่จากตรงนี้ไปเราจะตรงไปเรื่อยๆบนถนนประชาชื่นค่ะ
ผ่านแยกประชานุกูลมาก็ยังอยู่บนถนนประชาชื่นเลียบคลองประปา เป็นถนน 5 เลนที่ไม่มีเกาะกลางกั้น บางเวลาอย่างช่วงเช้าก่อนเข้างานและหลังเลิกงานที่รถติดมากๆก็จะมีการเพิ่มเส้นทางจราจระตั้งกรวยสลับไปมาบ้าง เพื่อให้การระบายรถทำได้ดียิ่งขึ้น ทางขวามือส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวสูงประมาณ 4 ชั้น เปิดเป็นเชิงพาณิชย์ในชั้นล่าง ส่วนชั้นบนเป็นพักอาศัยบ้าง สำนักงานบ้าง ส่วนทางซ้ายจะมีสะพานข้ามคลองเป็นจุดๆข้ามไปก็จะเป็นที่พักอาศัยแนวราบซะเป็นส่วนใหญ่
ตรงมาเรื่อยๆก็จะเจอเส้นทางรถไฟวิ่งตัดผ่านกันเฉยๆ ก็จะต้องมีสัญญาณไฟหยุดเป็นช่วงๆ นอกจากนั้นที่เพิ่มเข้ามาก็จะเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่จะมีสถานีบางซ่อนอยู่ตรงซ้ายมือข้างๆทางรถไฟเลย ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกจุดนึงของย่านนี้เพราะว่าจะมี Sky Way เชื่อมระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงและรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ซึ่งจะวิ่งไปมาระหว่างบางซื่อ – ตลิ่งชัน และในอนาคตจะเชื่อมต่อไปถึงนครปฐม – ฉะเชิงเทรานู่นเลยค่ะ บรรยากาศรอบๆสถานีจะเป็นแบบชุมชนตามแนวรถไฟชานเมือง มีบ้าน มีตึกแถว มีตลาดสดบางซ่อน และตลาดสยามยิปซี มีของกินของใช้ขายทั้งตอนเช้า และตอนเย็น
เรากำลังจะข้ามทางรถไฟด้านหน้าแล้ว จะเห็นว่ารางรถไฟฟ้าสายสีแดงจะสร้างอยู่เหนือรางรถไฟพอดี
ผ่านทางรถไฟมาก็ยังอยู่บนถนนประชาชื่น มีป้ายบอกทางว่าสามารถเข้าเส้นทางลัดไปยังถนนกรุงเทพ-นนท์ที่เป็นเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงขึ้นไปยังนนทบุรี และเป็นถนนที่ขนานกันกับถนนประชาชื่น สองข้างทางมีป้ายรถเมล์อยู่เป็นระยะๆ นอกจากนั้นก็จะมีคอนโด High Rise เข้ามาเปิดยึดถนนเส้นใหญ่ไว้ และมี Shuttle Service คอยรับส่ง
บนถนนก็จะมีไฟเขียวไฟแดงสำหรับหยุดรถเพื่อคนข้ามทางม้าลายอยู่ ทางขวาเคยเป็นอู่จอดรถเมล์ขนาดใหญ่ ก็ได้เปลี่ยนเป็นพื้นที่ก่อสร้างที่กำลังจะขึ้นคอนโด High Rise อีกแล้ว ส่วนทางซ้ายเป็นสะพานคนเดินข้ามคลองไปยังโรงเรียนสามเสน 2 ได้
ตรงมาเรื่อยๆความกว้างของถนนก็จะเหลือประมาณ 4 เลน ทางซ้ายมือจะมีพื้นที่ทางเดินริมคลองประปาได้ตลอดทั้งเส้น มีบางจุดที่จะปลูกต้นไม้ใหญ่ปกคลุมหนา เพื่อสำหรับเป็นร่มเงาของจุดออกกำลังกายของเขตจตุจักร มีการวางเครื่องเล่นไว้อยู่ประมาณ 10 เครื่องบนพื้นที่กลางแจ้ง ซึ่งก็จะเห็นมีคนในชุมชนมาใช้บริการอยู่บ่อยๆและสามารถใช้ทางเดินริมคลองประปาเป็นเส้นทางวิ่งได้ตลอดเลย
นอกจากทางม้าลายแล้วบางจุดก็จะสร้างเป็นสะพานลอย
เลยมาอีกหน่อยก็จะเป็นสำนักงานเขตบางซื่อ ที่จะต้องข้ามสะพานข้ามคลองประปาทางซ้ายมือเข้าไป ทางขวามือก็จะมีคอร์ดสนามแบตใหญ่ๆอยู่หลายคอร์ดทีเดียวในซอยประชาชื่นต่างๆ แต่จะหายากและเข้าซอยลึกนิดนึง
ทางซ้ายมีป้ายบอกเส้นทางลัดไปยังถนนเทอดดำริหรือถนนรถไฟ โดยจะต้องข้ามสะพานไปยังถนนเลียบคลองอีกฝั่งหนึ่งเพื่อเข้าถนนเทอดดำริที่จะยาวไปถึงแถวถนนทหารและสามเสน
เราใกล้จะถึงสี่แยกประชาชื่นแล้วด้านหน้า มองจากไกลๆก็จะมีป้าย Tesco Lotus อยู่หัวมุมถนทางซ้ายมือ เป็นแบบที่มีร้านอาหารและ Supermarket อยู่ด้านใน ส่วนทางขวาจะออกแนวชุมชนหน่อยก็จะมีตลาดเตาปูนก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 เหมือนกัน
ใกล้ถึงแยกแล้วก็จะมีป้ายบอกทางว่าเลี้ยวซ้ายจะไปทางบางซื่อ ที่เป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟบางซื่อ, SCG สำนักงานใหญ่ และ MRT บางซื่อ ส่วนทางขวาเลี้ยวไปจะเจอสี่แยกเตาปูนและสี่แยกบางโพ
ป้ายบอกทางอีกอันบอกว่าทางซ้ายเลี้ยวไปแล้วจะไปทางถนนพระราม 5 และถนนเทอดดำริ ที่เป็นถนนเลียบเส้นทางรถไฟ สามารถเลี้ยวเข้าสะพานควาย หรืออารีย์ ที่ถนนพหลโยธิน หรือจะเลี้ยวขวาแยกไปยังถนนทหารแถววังดุสิต
สะพานข้ามคลองสุดท้ายก่อนถึงสามแยกจะเป็นสะพานที่สะดวกที่สุดในการข้ามเพื่อเข้า Tesco Lotus
ด้านหน้าเป็นสามแยกประชาชื่นที่ค่อนข้างติดทีเดียว ทางขวามือเป็นทางเข้าของตลาดเตาปูน ริมถนนก็จะเป็นในส่วนของร้านอาหาร ร้านขายทอง ร้านขายผ้า ต้องเดินลึกเข้าไปหน่อยถึงจะเป็นตัวตลาดเตาปูน
ถึงสามแยกแล้วค่ะ เลี้ยวซ้ายไปสะพานสามแยกลอยฟ้า ถ้าตรงไปจะไป SCG สำนักงานใหญ่หรือ MRT บางซื่อ ถ้าเลี้ยวซ้ายที่สะพานข้ามแยกจะเข้าที่ถนนเตชะวณิชที่มีตลาดและที่พักของทหารอยู่ ด้านบนที่เห็นสูงๆคือรางรถไฟฟ้าที่ยกขึ้นมาจากรถไฟใต้ดินบางซื่อ เพื่อลอยฟ้า สถานีใกล้ๆกันคือสถานีเตาปูนที่อยู่ข้างๆพื้นที่โครงการ
เรามุ่งหน้าเข้าพื้นที่โครงการ เลี้ยวขวาเข้าที่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ตามรางรถไฟฟ้าเลย
เลี้ยวขวามาแล้วก็จะมาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 เป็นถนนประมาณ 4 เลน ช่วงต้นนี้ยังไม่ค่อยคึกคักมาก เพราะอยู่ใกล้สามแยก จอดรถไม่ค่อยสะดวกเท่าไร
ตรงมาเรื่อยๆก็จะเจอสถานีเตาปูนอยู่ทางซ้ายมือ เป็นสถานีขนาดใหญ่แบบ Interchange อาคารที่พักอาศัยดั้งเดิมรอบๆจะเป็นอาคารแนวราบอย่างห้องแถว อาคารพาณิชย์สูง 4 – 5 ชั้นแทบทั้งหมด มีความเป็นชุมชนที่อยู่กันมานาน มีตลาด มีร้านทำผม ร้านขายของชำ ร้านขายทอง มีของกินขายให้เห็นตามข้างทางอยู่เรื่อยๆ
แยกเตาปูนที่เลี้ยวขวาเข้าไปที่ถนนกรุงเทพ-นนท์ที่มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงอยู่ด้านบน ส่วนเราจะยังตรงไปเรื่อยๆก่อน
เลยมาอีกหน่อยทางซ้ายมือก็จะเป็นบริเวณของสถานีที่มีทั้งขึ้นลงแบบบันไดเลื่อน, บันไดธรรมดา และลิฟท์
พาเข้ามาดูภายในพื้นที่สถานี MRT เตาปูนกันหน่อยนะคะ การเข้ามาพื้นที่บริเวณรับ-ส่งน่าจะเข้ามาได้จากทั้งเส้นประชาราษฏร์สาย 2 ทั้งจากบางซื่อและบางโพ ส่วนที่มาจากถนนกรุงเทพ-นนท์น่าจะมีไฟเขียวไฟแดงเพื่อความปลอดภัยค่ะ
หันหลังกลับมาก็จะเห็นทางลาดขึ้น-ลงเป็นทางเดินรถเข็นได้ด้วยสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ สถานีนี้ก็จะเป็นสถานีหนึ่งที่รองรับได้ทั้งหมด
เดินขึ้นทางลาดวนๆไปสองรอบก็จะขึ้นมาสู่ทางราบปกติที่สุดทางจะมีลิฟท์บริการให้ 1 ตัว ข้างๆจะเป็นบันไดเลื่อนที่ขึ้นได้จากฝั่งที่เราพาไปดูก่อนหน้านี้
อีกฝั่งหนึ่งจะมีบันไดเลื่อนและบันไดแบบธรรมดาอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนทางขวาจะเป็นซอยตันที่มีอาคารพาณิชย์เรียงกันอยู่ข้างๆซอย ทางขึ้น-ลงสถานีนะคะ มองผ่านรั้วที่กั้นไว้ก็จะเห็นเป็นทั้งหมด 4 ช่องทาง คือบันไดเลื่อนขึ้น-ลงอยู่สองฝั่งซ้าย-ขวา ส่วนตรงกลางเป็นบันไดธรรมดาให้ได้เดินขึ้น-ลงออกกำลังกาย
มองมาทางขวาก็จะเจอพื้นที่ซอยตันและอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น ยังดูไม่เก่ามาก ด้านล่างยังไม่มีการเปิดเป็นเชิงพาณิชย์ แต่รอดูเมื่อมีการเปิดใช้งานสถานีเตาปูน ตรงนี้น่าจะมีการพัฒนากลายเป็นร้านอาหาร ร้านบริการต่างๆ
กลับมาหันมาบนถนนประชาราษฎร์สาย 2 ด้านบนเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีนำ้เงินส่วนต่อขยายที่ลากยาวข้ามแม่นำ้เจ้าพระยาไป ทางซ้ายมือเป็นโครงการสร้างเสร็จกับคอนโด Chewathai Interchange สูง 26 ชั้น ถัดจากคอนโดไปก็จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
ข้างๆกับอาคารพาณิชย์ก็จะมีพี่วินตั้งอยู่และนี่คือราคาของพี่วิน
ข้างๆกับถนนประชาราษฎร์สาย 2 ฝั่งซ้ายที่มุ่งหน้าไปยังแม่น้ำจะเรียงไปด้วยอาคารพาณิชย์ โดยชั้นล่างจะปรับเป็นการใช้สอยเชิงพาณิชย์อย่างธนาคาร ร้านขายของ ร้านอาหาร ร้านซ่อมรถ โดยจะมีจุดกลับรถที่สามารถกลับได้ทั้งสองฝั่งอยู่ในระยะประมาณไม่เกิน 1 กิโลเมตร อย่างด้านหน้าจะเป็นทางกลับรถจากฝั่งมุ่งหน้าแยกบางโพไปยังฝั่งมุ่งหน้าแม่น้ำ
เลยมาอีกหน่อยก็จะเป็นทางเข้าของโครงการคอนโด High Rise อีกโครงการหนึ่งคือ Richpark 2 ด้านหน้าก็จะมีป้ายรถเมล์ และสะพานลอยคนข้ามอยู่ด้านหน้า
เลยคอนโด Richpark 2 มาซอยถัดไปจะเป็นซอยสะพานขวาซึ่งจะเป็นทางลัดไปออกยังถนนประชาราษฎร์สาย 1 ที่อยู่เลียบแม่น้ำได้
ซอยสะพานขวาที่เป็นซอยที่มีอพาร์ตเมนท์อยู่ด้านในหลายหลัง และมีโรงเรียนด้วย หน้าปากซอยมี 7-11 อยู่หัวมุม บรรยากาศหน้าซอยสะพานขวา มีของกินเป็นแบบรถเข็นเล็กน้อย
นอกจากนั้นติดถนนใหญ่ก็ยังมีบ้านส่วนบุคคลแนวราบให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
ลัดเลาะมาเรื่อยๆก่อนก็จะเห็นว่าแม้จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่หันหน้าออกถนนใหญ่ พื้นที่ด้านล่างชั้น 1 ก็จะไม่ได้คึกคักมาก แต่ก็จะมีร้านขายยา ขายของ ธนาคาร ร้านไฟฟ้า ร้านขายไม้ รับซ่อมของอยู่เป็นระยะๆ
นอกจากนั้นก็จะมีร้านอาหารอยู่เยอะมากๆ ทั้งก๋วยเตี๋ยว ผัดไท กับข้ามตามสั่ง ข้าวมันไก่ ส่วนการจอดรถใช้บริการนั้นก็จะต้องจอดที่เลนซ้ายสุดข้างทางเดินเท้า ซึ่งจะมีทั้งลูกค้าร้านอาหาร คนส่งของต่างๆ
เลยมาหน่อยจะเป็นโครงการคอนโด High rise อย่าง The stage ซึ่งเป็นโครงการที่กำลังอยู่ในช่วงก่อสร้าง
ถัดมาหน่อยก็จะมีร้านอาหารอยู่เรื่อยๆสลับกับแบงค์ สาขาย่อย ร้านค้า
การจอดรถก็ยังคงจอดที่เลนทางซ้ายไปเรื่อยๆ ซึ่งในช่วงกลางวันการเดินรถยังสามารถไหลได้เรื่อยๆ แต่ถ้าในช่วงเย็นจะค่อนข้างแน่นพอสมควร
ต่อมาก็จะเป็นร้านสะดวกซื้อ 7-11 ร้านกาแฟ ร้านดอกไม้ แล้วถัดไปก็จะเป็นทางเข้าโครงการ The Tree Interchange แล้วค่ะ รวมระยะทางเดินจากหน้าโครงการถึงสถานี MRT เตาปูนที่เป็นสถานี Interchange อยู่ที่ 600 เมตร และถ้าเดินต่อไปเรื่อยๆอีกประมาณ 350 เมตรก็จะเป็นสถานี MRT บางโพ
ถัดจากคูหาที่เป็นร้านดอกไม้มาก็จะเป็นทางเข้าโครงการ The Tree Interchange เลย ตัวอาคารมี Setback จากถนนใหญ่ไปอีกทำให้ความสูงอาคารเพิ่มขึ้นได้อีก โดยจะมีอาคาร B อยู่ทางซ้ายมือ และอาคาร A ทางขวามือ ซึ่งทั้งสองอาคารใช้ทางเข้า-ออกหลักเดียวกัน
ทางขวาของทางเข้า-ออกโครงการก็จะเป็นอาคารพาณิชย์อีกครั้ง
เหมือนกับที่ผ่านมาคือชั้นล่างของอาคารก็จะเปิดเป็นร้านค้าและให้บริการต่างๆ และชั้นสูงขึ้นไปจะเป็นชั้นพักอาศัย
เลยมาหน่อยจะเป็นปั้มแก๊ส ซึ่งถ้ามองขึ้นไปก็จะเป็นโครงการ The Tree Interchange ที่เป็นอาคารคู่ได้เด่นชัดมาก เรียกได้ว่าเป็นโครงการที่ใหญ่และสูง มองเห็นได้จากพื้นที่รอบๆเกือบทุกทิศทาง
เลยมาหน่อยก็จะเป็น The market ที่เป็นเหมือน Community Mall ซึ่งปิดไปแล้วและทำให้พื้นที่ค่อนข้างเงียบทีเดียว
ถัดไปหน่อยก็จะเป็นปั้มน้ำมัน
เลยมาหน่อยก็จะเป็นพื้นที่ก่อสร้างของโครงการ ชีวาทัย บางโพ
เลยไปอีกหน่อยเหนือถนนประชาราษฎร์สาย 2 ก็เห็นตัวสถานี MRT บางโพ ไม่ไกลแล้ว ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการทำบันไดจากตัวสถานีลงมายังทางเดินเท้า
ตรงไปจนสุดถนนประชาราษฎร์สาย 2 ก็จะเป็นแยกบางโพที่ตัดกับถนนประชาราษฎร์สาย 1 ถ้าเลี้ยวขวาก็จะขึ้นไปทางเหนือ ส่วนเลี้ยวซ้ายจะไปทางใต้ที่จะมุ่งหน้าไปยังรัฐสภาใหม่ตรงแยกเกียกกาย
อันนี้เราลองเลี้ยวซ้ายกันมาดูที่ถนนประชาราษฎร์สาย 1 ทางใต้ สองฝั่งส่วนใหญ่ก็ยังเป็นอาคารพาณิขย์สูง 3-4 ชั้นเหมือนเดิมเลย
กลับรถกลับมาให้เห็นภาพสถานีบางโพเต็มๆที่อยู่บนแยกบางโพเลย
ส่วนอันนี้จากคอนโด ตรงมาแยกบางโพ ตรงเข้ามาบนถนนประชาราษฎร์สาย 2 ที่เป็นทางตัน ใต้สถานียังกั้นเป็นพื้นที่ก่อสร้าง ทางขวามือเป็นอาคารพาณิชย์
ตรงมาจนสุดทางก็จะเป็นทางตัน ซ้ายมือจะเป็นทางเข้าของโรงเรียนทหารพลาธิการทหารบก
ฝั่งขวาก็จะเป็นทางเข้าพื้นที่ก่อสร้างของคอนโด 333 riverside
เขยิบไปหน่อยใกล้ๆกับพื้นที่ริมน้ำก็จะเป็นสุดถนนประชาราษฎร์สาย 2 ที่มุ่งหน้าไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ
มาดูรอบๆโครงการกันหน่อยนะคะ ทิศเหนือองโครงการ The Tree Interchange เป็นถนนประชาราษฎร์สาย 2 ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัยและอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น ฝั่งตะวันออกของโครงการติดกับถนนเป็นอาคารพาณิชย์ที่มีพื้นที่ด้านหลังเป็นที่จอดรถกลางแจ้ง ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่ก่อสร้างของโครงการ The Stage เตาปูนสูง 36 ชั้น นอกนั้นเป็นพื้นที่พักอาศัยแบบบ้านแนวราบ ทางใต้ของโครงการเป็นพื้นที่ว่างเปล่าและบ้านพักอาศัยในซอย ที่เข้าได้จากทั้งถนนประชาราษฎร์สาย 1 และ 2 ส่วนทางทิศตะวันตกของโครงการฝั่งใต้กับถนนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ ปั้มน้ำมันและ The market เข้ามาเหน่อยเป็นโรงงานเก่าและบ้านพักอาศ้ยแนวราบ
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- The Market 150 เมตร
- โรงพยาบาลบางโพ 300 เมตร
- ตลาดเตาปูน 800 เมตร
- Tesco Lotus บางซื่อ 1.1 กิโลเมตร
- สถานีตำรวจนครบาลบางโพ 1.1 กิโลเมตร
- SCG สำนักงานใหญ่ 1.4 กิโลเมตร
- สำนักงานเขตบางซื่อ 1.6 กิโลเมตร
- รัฐสภาใหม่ 1.8 กิโลเมตร
- โรงเรียนโยธินบูรณะ 1.8 กิโลเมตร
- โรงเรียนสามเสน 2 2.8 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 3.2 กิโลเมตร
- ตลาดอตก. 3.4 กิโลเมตร
- BigC วงศ์สว่าง 3.5 กิโลเมตร
- โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย 4.2 กิโลเมตร
- ตลาดนัดสวนจตุจักร, สวนจตุจักร 4.4 กิโลเมตร
- สถานีขนส่งหมอชิต 2 5.4 กิโลเมตร
- ตลาดบองมาเช่ 6.1 กิโลเมตร
- Central ลาดพร้าว 6.4 กิโลเมตร
- The Mall งามวงศ์วาน 7 กิโลเมตร
ภาพจริงจากทางเข้าของโครงการ The Tree Interchange คอนโด High Rise จำนวน 2 อาคาร จำนวน 1,724 ยูนิต แบ่งออกเป็นอาคาร A ทางขวามือ สูง 40 ชั้น 1,085 ยูนิต และอาคาร B ทางซ้ายมือสูง 39 ชั้น 639 ยูนิต ตัวอาคารทั้งสองเป็นรูปตัว I ยาวๆ ทำมุมกันประมาณ 45 องศา ตัวอาคารใช้โทนสีน้ำเงินเข้มตัดสีขาว โดยในตอนที่ 1 นี้เราจะพาไปดูอาคาร B ที่อยู่ทางซ้ายมือกันก่อน ส่วนอาคาร A ที่อยู่ทางขวามือจะอยู่ในตอน 2 นะคะ
เริ่มจากพื้นที่ชั้น 1 จะเป็นส่วนของ Drop-off ที่อยู่ด้านหน้า ก่อนจะเข้าไปยัง Lobby ด้านใน รอบๆอาคาร B ก็จะมีสวนขนาด 2 ไร่ ที่อยู่ตามจุดต่างๆ ชั้น 2-7 เป็นชั้นจอดรถ เร่ิมมีส่วนของห้องพักที่ชั้น 8 ที่มี Facility ส่วนกลางอยู่ด้วยอย่าง สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส 2 ชั้น, พื้นที่นั่งเล่นแบบ Outdoor และ Multi purpose room ตั้งแต่ชั้น 9-39 ก็จะเป็นชั้นที่มีแต่ห้องพัก ส่วนชั้น 40 ที่ลิฟท์ขึ้นถึงสูงสุดจะเป็นชั้น Facility ชมวิว มีพื้นที่นั่งเล่นที่จัดเป็นเก้าอี้สนาม รวมถึงมีบันไดขึ้นไปยัง Rooftop lounge
เร่ิมรายละเอียดกันที่ผังชั้น 1 โครงการเข้า-ออกได้ทางเดียวจากถนนประชาราษฎร์สาย 2 ฝั่งมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำ ด้วยระยะ Setback ที่ไกลออกไปจากถนนหน่อยประกอบกับพื้นที่ของโครงการที่มีขนาดมากกว่า 11 ไร่ ทำให้อาคารสามารถขึ้นได้สูง อาคาร B จะเป็นอาคารที่อยู่ใกล้กับทางเข้ามากกว่า จากซุ้มทางเข้าจะต้องเลี้ยวซ้าย ขับไปตามทางระหว่างอาคาร B และร้านค้า ทางขวามือจะเป็นที่จอดรถของผู้มาติดต่อต่อจอดรถช่วงคราว ทางซ้ายจะเป็นทางขึ้นที่จอดรถ ส่วนอาคาร A อยู่ไกลออกไปจากทางเข้าโครงการหน่อย จากซุ้มทางเข้าโครงการจะต้องเลี้ยวขวา ข้ามสะพานข้ามคลองแล้วถึงจะเข้าพื้นที่ของอาคาร A แล้วเลี้ยวขวาอีกทีเข้าที่จอดรถบนอาคาร
พื้นที่หน้าอาคาร B จะมี Waiting hall ที่มีโต๊ะ Reception อยู่ ข้างๆถึงจะเป็นประตูทางเข้า Lobby ซึ่งภายในก็จะมีชุดโซฟา และเคาท์เตอร์นิติบุคคล มีห้องจดหมาย และประตูที่ออกไปส่วน Service ด้านหลังอาคารได้ ตรงกลางอาคารจะเป็นโถงลิฟท์ที่จะต้องแตะ Keycard ก่อนเข้าไป ภายในมีลิฟท์โดยสาร 5 ตัว Service Lift 1 ตัว ทำให้อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 128:1
ชั้น 2-7 ที่เป็นชั้นจอดรถ ก็จะมีการเดินรถตามลูกศรในภาพ มีโถงลิฟท์อยู่ตรงกลาง ต้องแตะ Keycard ก่อนเข้าด้านใน และมีบันไดหนีไฟสองจุด ที่จอดรถอาคาร B ประมาณ 60% คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) 2 Bedroom มีที่จอดประจำ 1 คัน
ที่ชั้น 8 จะเเร่ิมเป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัย และเกือบอีกครึ่งหนึ่งเป็นส่วนของ Facility โดยทั้งสองส่วนจะขึ้นมาจากโถงลิฟท์ตรงกลาง แล้วส่วนที่เป็นห้องพักก็จะมีประตูกั้นเพื่อแตะ keycard ก่อนเข้าไปยังทางเดินห้องพักตรงกลาง จำนวนห้องพักที่ชั้น 8 นี้อยู่ที่ 15 ยูนิต โดยมีห้อง 3 แบบคือ studio, 1-bedroom และ 2-bedroom ข้อดีของผู้พักอาศัยภายในชั้นนี้คือจะเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางได้ง่ายกว่าเพื่อนบ้านชั้นอื่นๆ
ในส่วน Facility ก็จะออกไปจากโถงลิฟท์อีกฝั่งหนึ่ง โดยเดินออกไปจะมีทางซ้าย-ขวา ทางขวาจะมีห้องฟิตเนสแบบเป็น Duplex มีบันไดอยู่ภายในห้อง ซึ่งเครื่องออกกำลังกายมีมากกว่า 20 ชิ้น เดินมาทางซ้าย จะเจอกับบันไดทางขึ้นสระว่ายน้ำที่จะมี Deck ไม้หรือพื้นที่ข้างสระขนาดใหญ่ไว้ให้นอนพักผ่อน และมีทางลงสระว่ายน้ำ ขนาด 15 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร ไม่มีสระเด็ก ส่วนถ้าไม่ได้เดินขึ้นบันไดมาอีกทีจะมี Multi-purpose room และห้องน้ำแยกชาย-หญิงไว้ให้
ชั้น 9 จะมีจำนวนห้องพักมากขึ้น เนื่องจากบางส่วนของ Facility ส่วนกลางไม่ได้กินพื้นที่ชั้นบนชั้นต่อไป แต่อย่างห้องฟิตเนสที่เป็นแบบ 2 ชั้น ทำให้กินพื้นที่บริเวณห้องพักไปหน่อยนึง จำนวนห้องพักของชั้นนี้เลยอยู่ที่ 18 ยูนิต มีห้อง 3 แบบเหมือนเดิม
ชั้น 11-27 เป็นชั้นที่มีจำนวนห้องพักมากที่สุดของ building B คือ 21 ยูนิต โดยจะมีห้องทั้งหมด 4 types คือห้อง studio, 1-bedroom, 2-bedroom แบบห้องมุมและ 2-bedroom แบบห้องตรงกลาง โดยสัดส่วนส่วนใหญ่แล้วจะเทไปที่ห้องแบบ 1 ห้องนอนและ Studio มากที่สุด
ส่วนการจัดวางรูปทรงอาคารของ building B เป็นแบบเอียงๆนิดหน่อยคือมีห้องฝั่งที่ได้วิวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทั้งสองห้องจะได้แสงแดดคนละเวลา อย่างห้องฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือจะได้แดดช่วงเย็นๆ และห้องฝั่งหันหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้จะได้แดดเช้าและเกือบทั้งวันเพราะพระอาทิตย์อ้อมใต้ อุณหภูมิสูงจะเก็บอยู่ในห้องตลอดช่วงบ่าย แต่ทิศทางลมที่ดีกว่า
ชั้น 28-39 ชั้นนี้ก็จะเป็นชั้นห้องพักเช่นกัน แต่จำนวนห้องลดลงที่ 19 ยูนิต คือแบบ 2 ห้องนอนที่สุดทางเดินฝั่งหนึ่งหายไป ชั้น 39 เป็นชั้นสุดท้ายที่ลิฟท์ขึ้นถึง
ขึ้นมาที่ชั้น 40 จะต้องเดินบันไดจากชั้น 39 ขึ้นมา เดินออกมาจากโถงลิฟท์ก็จะมีทางเดินไปยังพื้นที่เปิดโล่ง ที่จะมีเก้าอี้สนามวางไว้ให้นั่งเล่นดูวิวรอบๆ จะมีบันไดขึ้นไปยังพื้นที่ sky lounge ที่ด้านบนอีกที ส่วนพื้นที่อีกฝั่งก็จะปิดเป็นงานระบบไปเลย
จากบันไดชั้น 40 ก็จะขึ้นมายังพื้นที่ Sky lounge ด้านบน ภายในก็จะเป็นห้องติดแอร์ มีเคาท์เตอร์พร้อมเก้าอี้ทรงสูง ที่ด้านหลังมีพื้นที่เตรียมอาหารและเครื่องดื่มได้ พื้นที่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นโซฟาและโต๊ะที่สามารถปรับเลื่อนการใช้งานได้ ผนังรอบๆก็จะเป็นกระจกสามารถมองวิวได้เกือบ 360 องศา
ผังวิวของอาคาร B แบ่งพื้นที่ใหญ่ๆออกเป็น 4 วิวตามรูปแบบอาคาร คือ
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : ติดกับถนนประชาราษฎร์สาย 2 ที่มีรางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอยู่ด้านบน ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย แมนชั่นให้เช่า และอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น
- ทิศตะวันออกเฉียงใต้ : ที่ติดกับถนนมีอาคารพาณิชย์ เข้ามาหน่อยมีคอนโด The stage เตาปูน สูง 36 ชั้น กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง นอกนั้นก็จะมีบ้านพักอาศัยแนวราบ หอพักความสูงแบบอาคาร Low rise ทั้งหมด แทบไม่มีวิวบังในระยะใกล้ ใครที่ชอบมุมในเมืองกว้างๆ มองเห็นได้ถึงถนนพระราม 6 หรือถ้าฟ้าเปิดจะมองไปได้ไกลอีกน่าจะชอบค่ะ
- ทิศตะวันตกเฉียงใต้ : จะเป็นวิวของอาคาร A ที่อยู่ด้านหลังโครงการหน่อย มุมกดก็จะเป็นวิวพื้นที่ส่วนกลางทั้งสวนและต้นไม่ใหญ่
- ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ : จะเป็นวิวแม่น้ำของอาคาร B ที่หันไปทางแยกบางโพ ก็จะเป็นวิวแม่น้ำที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าอยู่ในสายตาด้วย แต่ถ้าชั้นสูงๆ ที่เกิน 25 ขึ้นไป รถไฟฟ้าน่าจะเป็นแค่ส่วนประกอบเล็กๆของภาพวิว แต่ก็จะมีคอนโดชีวาทัย บางโพสูง 24 ชั้น รวมถึง 333 riverside สูง 42 บังวิวแม่น้ำส่วนใหญ่ไป
สรุปแล้ววิวระยะประชิดของอาคาร B ก็จะเป็นอาคาร A ที่อยู่ด้านหลังโครงการ แต่การออกแบบ ออกแบบให้ส่วนกว้างของอาคาร B หันเข้าหาอาคาร A แปลว่าห้องที่จะมีอาคาร A บังวิวนิดหน่อยก็จะเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนที่อยู่สุดทางเดินด้านนี้ นอกนั้นก็จะเป็นคอนโด The stage ที่อยู่แปลงข้างๆทางตะวันออกบัง จากนั้นก็จะเป็นวิวคอนโดชีวาทัย บางโพที่จะบังในระยะไกลหน่อยรวมถึงเส้นทางรถไฟฟ้าสำหรับห้องพักชั้นล่างหน่อยและ 333 riverside แต่ในปัจจุบันที่คอนโดทั้ง 3 ยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง วิวรอบๆถือว่าเป็นวิวที่โล่งมากทั้งหมด
ทางเข้า-ออกโครงการจากถนนประชาราษฎร์สาย 2 เข้ามาก็จะเจอกับถนนกว้างแบบรถสวนกันได้สบายๆ สองฝั่งมีทางเดินเท้าแบบยกพื้นขึ้นจากระดับถนน
เงยหน้าขึ้นไปก็จะเจอกับคอนโดภายในโครงการ 2 อาคาร คืออาคาร B ทางซ้ายมือและอาคาร A ทางขวามือ โดยวันนี้เราจะพาไปดูอาคาร B กันอย่างละเอียด และน้ำจิ้มปิดท้ายด้วยโครงการ A นิดหน่อย
เดินเข้ามาเรื่อยๆก็จะเจอพี่ยามที่นั่งตรวจสอบทั้งคนเข้า-ออกและรถเข้า-ออก เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงการโอนกรรมสิทธิ์ ทำให้มีทั้งลูกค้าเข้ามาตรวจห้อง ผู้มาติดต่อสอบถาม ช่างเข้ามาเก็บงานบ้าง
จากซุ้มหน้าโครงการที่เห็น ถ้าเลี้ยวซ้ายเราจะเข้าไปในพื้นที่อาคาร B และถ้าเลี้ยวขวาเราจะเข้าพื้นที่อาคาร A
เราเลี้ยวซ้ายเข้ามาก็จะเจอกับซุ้มพี่ยามอีกอันหนึ่ง ความจริงแล้วหลังจากมีการย้ายเข้าอยู่ของลูกบ้าน พี่ยามที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็จะต้องย้ายเข้ามาที่ในป้อมยามตรงกลางนี้ โดยอยู่ระหว่างเลนเข้าทางซ้ายมือ และเลนออกทางขวามือ
เดินผ่านซุ้มเข้ามาก็จะเจอกับ Extrance hall ที่เป็นพื้นที่รอรถด้านหน้า มีปาดมุมโค้งตรงพื้น สามารถเป็นจุด Drop-off ได้สบายๆ ใครที่ขับรถมาก็จะขับไปทางขวาของถนนตามทางนะคะ
ทางขวาของถนนที่เดินรถทางเดียวก็จะเป็นส่วนของร้านค้าภายในโครงการ ที่จากการสอบถามจะเป็นแบบขายขาดและเต็มหมดทุกยูนิตแล้ว ปัจจุบันยังไม่มีการเปิดร้านใดๆนะคะ
เลยมาหน่อยทางซ้ายมือก็จะมีทางเข้าที่จอดรถไปยังชั้น 2-7 ทางซ้ายเป็นทางเข้า และไกลออกไปหน่อยจะเป็นทางออกจากที่จอดรถ
การขึ้นที่จอดรถภายในอาคารก็จะต้องแตะ keycard เข้ากับเครื่องรับสัญญาณ แล้วไม้กระดกที่กั้นไว้ก็จะเปิดออก แล้วก็ขับขึ้นเนินกันไป
ตัวอ่าน keycard เป็นแบบระยะใกล้
มีกล้อง CCTV จับภาพก่อนขึ้นที่จอดรถภายในอาคาร
ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเข้ามาก็จะต้องเลี้ยวซ้ายขึ้นไปยังที่จอดรถ
ที่จอดรถก็จะแบบแบบครึ่งชั้น ถ้าไม่มีที่จอดก็จะวนไปเรื่อย โดยที่จอดรถอาคาร B มีประมาณ 60% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) 2 Bedroom มีที่จอดประจำ 1 คัน
ตรงกลางอาคารก็จะมี Core ลิฟท์อยู่ ต้องแตะ Keycard อีกทีเพื่อเข้าโถงลิฟท์ด้านใน ลิฟท์ตรงจุดนี้ก็จะขึ้น-ลงได้ตั้งแต่ชั้น 1-40
กลับมาต่อที่พื้นที่รอบโครงการ ฝั่งตรงข้ามกับที่ขึ้นที่จอดรถก็จะมีศาลพระภูมิตั้งอยู่ ไกลๆก็จะมีร้านค้าอีกประมาณ 3-4 ร้าน การเดินรถก็ยังเป็นแบบทางเดียว คือใครที่เป็นผู้มาติดต่อก็จะต้องขับตรงไปเหมือนกับคันที่พึ่งลงมาจากที่จอดรถก็จะต้องเลี้ยวซ้ายวนรอบอาคารแล้วค่อยขับออกไปยังซุ้มโครงการด้านหน้า
พื้นที่ร้านค้าภายในโครงการอีกจุดหนึ่ง โดยปัจจุบันห้องซ้ายสุดเป็นห้อง Sales Office ชั่วคราว
สุดพื้นที่ร้านค้าก็จะมีสวนที่เป็นพื้นที่สีเขียวอยู่ที่หัวมุมตรงทางวนรถพอดี มีการจัดพื้นที่เป็นแบบนั่งเล่นกลางแจ้ง ช่วงเย็น-ค่ำๆน่าจะเหมาะกับการมาใช้บริการพื้นที่ส่วนกลางตรงนี้ซักหน่อยนะคะ
เงยหน้าขึ้นไปหน่อยจากพื้นที่สีเขียวก็จะเห็นเป็นอาคาร A ที่อยู่ด้านหลังโครงการ จะสังเกตว่าเส้นทางรถจะแยกออกจากกันไปเลย คือถ้าจะขับจากอาคาร B ไป A ก็ต้องไปอ้อมที่ซุ้มหน้าโครงการ แต่ถ้าจะใช้แบบเดิน ก็สามารถเดินตันได้ตรงร้านค้าขวามือด้านหน้า
วนรถมาด้านหลังของพื้นที่ร้านค้าที่เป็น Sales Office สองฝั่งก็จะเป็นพื้นที่สีเขียว ที่ฝั่งหนึ่งปลูกหญ้า ฝั่งหนึ่งเป็นไม้พุ่มตามแนวรั้งโครงการ
เดินมาอีกหน่อยแล้วหันย้อนกลับไปก็จะเห็นเป็นอาคาร B อยู่ทางขวามือเป็นส่วน Service ด้านหลังอาคาร และอาคาร A อยู่ทางซ้ายมือ
หันกลับมาด้านหลังอาคารอีกทีที่เป็นส่วน Service ก็จะเป็นพื้นที่จอดรถของช่างบ้าน Supplier ที่มาส่งของบ้าง และบางส่วนก็เป็นจักรยานของช่างที่มาเก็บงานช่วงโค้งสุดท้าย
ด้านหลังพื้นที่จอดรถก็จะมีจุดที่เป็นพื้นที่สีเขียวและมีม้านั่งอีกจุดหนึ่งที่พื้นที่หัวมุมโครงการ
เดินตามทางรถมาเรื่อยๆก็จะเจอกับทางบังคับเลี้ยวซ้ายด้านหน้า เป็นทางโค้งที่อ้อมไปยังทางเข้าอาคาร B
แล้วเราก็วนครบ 1 รอบกลับมาที่ซุ้มโครงการทางเข้าพื้นที่ของอาคาร B
ต่อไปเราจะมาเข้าไปสูดอากาศแอร์กันที่พื้นที่ส่วนกลางภายในอาคาร B กันบ้าง เริ่มจากพื้นที่ Outdoor อย่าง Entrance hall ที่มีเคาน์เตอร์วางอยู่ตัวนึง ลึกเข้าไปหน่อยจะเป็นประตูเข้าไปยัง Lobby
เปิดประตูเข้ามาจะเป็นพื้นที่ทางเดินเข้า Lobby
ภายใน Lobby ตกแต่งออกแนวหรูหรา มี chandelier จากฝ้าลงมา การแบ่งพื้นที่ภายในก็จะแบ่งเป็นชุดโซฟาบ้าง ชุดเก้าอี้บ้าง
เดินมาทางซ้ายหน่อยก็จะเจอกับประตูซ้าย-ขวา ประตูทางซ้ายคือประตูเข้าห้องตู้จดหมาย ส่วนประตูทางขวาที่ติดป้ายเป็นทางเข้าห้องน้ำ ก็จะออกไปยังด้านหลังอาคารส่วน Service ก็จะมีห้องน้ำอยู่
ภายในห้องจดหมาย ด้วยจำนวนยูนิตเกินพัน ทำให้ตู้จดหมายกลางเป็นห้องตู้จดหมายได้
อีกฝั่งของ Lobby ต่อไปเราจะเข้าประตูทางซ้ายที่เป็นบานเปิดขนาดใหญ่ เพื่อเข้าไปยังโถงลิฟท์
ก่อนจะเปิดประตูได้ก็ต้องแตะ Keycard ก่อน
ส่วนวิธีเปิดจากภายในโถงลิฟท์ออกไป Lobby ก็จะใช้วิธีแตะบัตรเช่นกัน
โถงลิฟท์ภายในอาคาร B ก็จะมี 5 ลิฟท์โดยสารและ 1 Service lift อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 128:1
ลิฟท์ที่ใช้เป็นของ Schindler ตัวบอกเลขเป็นแบบดิจิตอล
ขึ้นจากลิฟท์มาอยู่ที่ชั้น 8 ออกประตูที่เป็นฝั่งพื้นที่ Facility ก็จะเจอกับพื้นที่ทางเดินด้านหน้า
ออกจากประตูหันมาทางซ้ายก็จะเจอกับพื้นที่โล่งๆเป็นแบบ Outdoor ทางขวามือที่เห็นเป็นบันไดคือทางขึ้นไปพื้นที่ข้างสระว่ายน้ำ ส่วนพื้นที่สีเขียวตรงกลางคือสนามหญ้า ข้างๆมีพื้นที่ล้างตัว ส่วนทางซ้ายเป็น Multi-purpose room ที่ปัจจุบันยังไม่ได้ถูกเปิดใช้นะคะ ถ้าเลยไปหน่อยหลังฉากกั้นก็จะเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง
ฉากกั้นเพิ่มความเป็นส่วนตัวนิดนึง เป็นทางเข้าห้องน้ำแยกชาย-หญิง
ภายในห้องน้ำหญิงก็จะมีทั้งส่วนที่เป็นอ่างล้างหน้าพร้อมกระจก ล็อกเกอร์ประมาณ 16 ช่อง ทางขวาเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำ 2 ห้องในสุด
ห้องอาบน้ำก็จะกั้นเป็นพื้นที่ มีทั้งฝักบัวมือจับและแบบ Shower เรียบร้อย สิ่งที่เพิ่มเติมมาหน่อยคือน่าจะมีเก้าอี้นั่งให้แต่งตัว ใส่รองเท้า หรือนั่งรอ
ออกมาที่พื้นที่สีเขียวด้านหน้าก็จะเห็นว่ามีพื้นที่ล้างตัวที่ปูด้วยทรายล้างอยู่ 2 จุดด้านใน
กลับมาที่บันไดตรงกลาง เราจะเดินขึ้นบันไดนี้ไปดูพื้นที่นั่งเล่นข้างสระ ดูสระว่ายน้ำของอาคาร B และวิวจากชั้น 8 ไปพื้นที่รอบข้างกัน
เดินขึ้นมาก็จะเจากับชุดเก้าอี้ ทั้งที่อยู่กลางแจ้งเลย หรือที่อยู่ใต้ร่มเก๋ๆ
พาชะโงกหน้าไปดูกันที่ที่นั่งเมื่อสักครู่ก็จะหันหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ ฝั่งที่มองหันเข้าหาเมืองหน่อย มองมุมกดก็จะเห็นพื้นที่สีเขียงของอาคาร A ที่อยู่ด้านหลังอาคาร มีสนามบาสแบบแป้นเดียวทาพื้นสีฟ้าไว้ และพื้นที่สีเขียวขนาดประมาณ 3 ไร่ นอกนั้นก็จะเป็นพื้นที่บ้านพักอาศัยแนวราบที่เข้าจากถนนประชาราษฎร์สาย 1-2
จากมุมทางซ้ายของรูปที่แล้วที่เห็นเป็นพื้นที่ก่อสร้าง หันมาเต็มๆทางซ้ายก็จะเจอพื้นที่ก่อสร้างจริงๆของคอนโด The stage สูง 36 ชั้น ซึ่งก็จะบังฝั่งตะวันออกของอาคารและเป็นอาคารสูงระยะประชิดมาก แต่ไม่บังวิวฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นวิวส่วนใหญ่ของห้องพักฝั่งนี้
หันหลังจากส่วนเก้าอี้นั่งมาก็จะเจอกับเก้าอี้แบบนอนได้สบายๆริมสระ มีทั้งแบบนอนธรรมดา และแบบนอนพร้อมที่บังแดด ด้านหน้าเป็นสระว่ายน้ำของอาคาร B
สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ ขนาด 15 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร มีบันไดเดินลงเต็มความกว้าง ไม่มีสระเด็ก แต่ขอบๆสระก็จะมีที่นั่งในน้ำอยู่ทางขวามือ เพื่อสำหรับนั่งมองวิวฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ เป็นวิวเมืองนิ่งๆ
เงยหน้าขึ้นไปก็จะเป็นอาคาร B ห้องฝั่งที่หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงได้
วิวเมืองโดยรวมของฝั่งนี้ เห็นไปได้ไกลถึงแถวพระราม 6
กลับมาที่ทางเดินออกจากโถงลิฟท์ จากที่เราเลี้ยวซ้ายกันมาแล้ว ต่อไปเราจะพาเลี้ยวขวากันหน่อย
เดินมาทางขวาก็จะเจอกับห้องที่ปิดมิดชิด เป็น Duplex gym ซึ่งด้านในก็จะมีบันไดอยู่ภายในตัวเรียบร้อย
เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับบันไดเลย จะเดินไปทางซ้าย หรือขึ้นบันไดไปก็ได้
เครื่องออกกำลังกายด้านล่างเหมือนว่าจะเป็นแบบเล่นเวทซะมากกว่า เป็นเครื่องขนาดใหญ่ไว้ออกกำลังกายกล้ามเนื้อ
พื้นที่ด้านในสุดของฟิตเนสชั้นล่าง มีทีวีติดให้ตรงผนังด้วย
ขึ้นมาบนชั้น 2 ก็จะเป็นพวกลู่วิ่งและเครื่องแบบก้าวเดินมากกว่า เครื่องออกกำลังกายทั้งหมดน่าจะประมาณ เครื่องได้
วิวจากห้องฟิตเนสชั้นบนก็จะเป็นวิวสระว่ายน้ำ ถีบจักรยานเพลินๆ
วิวจากห้องฟิตเนสออกไปยังสระว่ายน้ำ
ต่อมาเรามาที่ชั้น Facility สูงสุดของโครงการที่ลิฟท์ขึ้นถึงคือชั้น 40
เปิดประตูออกมาด้านนอกก็จะเห็นว่ามีพื้นที่ว่าง ทางซ้ายเป็นชุดเก้าอี้สนามที่กำลังจะจัดให้เป็นชุดๆเพื่อนั่งเล่น ความสูงของตัวฉากกั้นตกบนชั้นนี้น่าจะสูงประมาณ 180 นะคะ คือในระดับที่ต้องเขย็งดูวิวหน่อย
หันมาอีกฝั่งก็จะเป็นบันไดทางขึ้นไปยังชั้น Sky lounge
เปิดประตูเข้ามาภายในชั้นนี้ก็จะมีที่นั่งบทเคาท์เตอร์แและเก้าอี้ทรงสูง
เดินลึกเข้ามาหน่อยก็จะเป็นพื้นที่ที่กว้างขึ้น ด้านในมีชุดเก้าอี้แบบลอยตัว สามารถปรับเปลี่ยนการวางตำแหน่งได้
ด้านหลังเคาทเตอร์ก็จะมีอ่างล้างจาน ที่เก็บของ พื้นที่เตรียมอาหารและเครื่องดื่มได้นิดหน่อย
ที่นั่งภายในพื้นที่ Sky lounge ด้านบน ถ้าเป็นช่วงเวลากลางคืนที่ท้องฟ้ามืด มองวิวบนนี้น่าจะสวยไปอีกแบบ
ที่สุดห้องก็จะเป็นจุดที่สามารถมองวิวได้เกือบ 360 องศาเลย
พาชมวิวกันหน่อยนะคะ นี้เป็นวิวมุมกดทิศเหนือของส่วนหน้าโครงการที่เป็นถนนประชาราษฎร์สาย 2 มีเส้นทางรถไฟฟ้าอยู่เหนือขึ้นไปด้านบน ริมถนนสองฝั่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัย แมนชั่นให้เช่า เป็นพื้นที่โล่งๆสบายตาหน่อย
ต่อมาเป็นพื้นที่ข้างอาคารบ้างในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หันหน้าเข้าหาแม่น้ำเจ้าพระยา คอนโดที่เห็นเป็นตึกเสร็จทางขวาคือคอนโด The tree บางโพที่สร้างเสร็จมาซักพักนึงแล้ว ส่วนทางซ้ายเป็นคอนโด 333 riverside ที่กำลังก่อสร้าง
ต่อมาเป็นฝั่งตพะวันออกบ้างก็จะเป็นวิวหันไปทางถนนวิภาวดี เป็นวิวเมืองนิ่งๆ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- 24-Hour security guard service
- อาคาร A
- ชั้น 1 Lobby
- ชั้น 1A Infinity Edge Pool 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 10 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- ชั้น 1A Duplex gym ขนาด 5 x 15 ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง
- ชั้น 1A The lantern terrace
- ชั้น 41 Rooftop lounge
- All season garden ขนาด 3 ไร่
- ลิฟท์โดยสาร 6 ตัว Service lift 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 180:1
- ที่จอดรถอาคาร A ประมาณ 50% คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) 2 Bedroom มีที่จอดประจำ 1 คัน
- อาคาร B
- ชั้น 1 Lobby
- ชั้น 8 สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 15 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- ชั้น 8 Duplex gym ขนาด 5 x 15 ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง
- ชั้น 8 Multi-purpose room
- ชั้น 40 Rooftop lounge
- All season garden ขนาด 2 ไร่
- ลิฟท์โดยสาร 5 ตัว Service lift 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 128:1
- ที่จอดรถอาคาร B ประมาณ 60% คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) 2 Bedroom มีที่จอดประจำ 1 คัน
เริ่มวิเคราะห์แบบห้องกันตั้งแต่ห้องขนาดเล็กไล่ไปยังขนาดใหญ่กันนะคะ อย่างแบบห้องนี้เป็น type Cooper 22 ตารางเมตร มีแค่ building A ในส่วนปีกตะวันออกเท่านั้น แบบห้องนี้มี Function ครบ คล้ายกับแบบห้อง Studio ทั่วไป แต่ขนาดพื้นที่ของแต่ละการใช้งานจะมีขนาดเล็กลง
เริ่มกันตั้งแต่เปิดประตูทางเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น โดยทางขวามือจะเป็นที่วางโซฟา ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี และลึกเข้าไปหน่อยจะเป็นที่วางเตียงและฝั่งตรงข้ามคือตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้ง พื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนจะเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกัน ไม่มีฉากกั้นใดๆมาให้ ระหว่างชั้นวางทีวีและโต๊ะทำงานก็จะมีประตูเปิดออกไปยังห้องครัวได้ โดยทางซ้ายมือของห้องครัวจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ส่วนระเบียงก็จะสามารถออกได้จากห้องครัว การวางห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงไว้ในแนวเดียวกันทำให้การระบายอากาศจากการทำอาหารหรือห้องน้ำระบายด้วยระบบธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น ช่องแสงที่ห้องนี้จะได้คือจากหน้าต่างบานเลื่อนข้างเตียง และจากประตูบานเลื่อนจากห้องครัวออกไปยังระเบียง
ห้องต่อมาที่เป็นห้องตัวอย่างที่ตกแต่งอยู่ภายในอาคารสร้างเสร็จแล้วคือ type Studio ขนาด 29.5 ตารางเมตร โดย Function ภายในห้องเหมือนกับแบบ Cooper ด้านบน แต่ว่าจะมีขนาดความยาวของห้องมากขึ้น ทำให้พื้นที่ใช้งานในจุดต่างๆสะดวกกว่า เช่น สามารถวางโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่งได้ ระยะดูทีวีไกลขึ้น มีพื้นที่ข้างเตียงทั้งสองฝั่ง และห้องน้ำมีการปรับเปลี่ยนรูปร่าง
โดยตั้งแต่เปิดประตูทางเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น โดยทางขวามือจะเป็นที่วางโซฟา ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี และลึกเข้าไปหน่อยจะเป็นที่วางเตียงและฝั่งตรงข้ามคือตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้ง พื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนจะเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกัน ไม่มีฉากกั้นใดๆมาให้ ระหว่างชั้นวางทีวีและโต๊ะทำงานก็จะมีประตูเปิดออกไปยังห้องครัวได้ โดยทางซ้ายมือของห้องครัวจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ส่วนระเบียงก็จะสามารถออกได้จากห้องครัว การวางห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงไว้ในแนวเดียวกันทำให้การระบายอากาศจากการทำอาหารหรือห้องน้ำระบายด้วยระบบธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น ช่องแสงที่ห้องนี้จะได้คือจากหน้าต่างบานเลื่อนข้างเตียง และจากประตูบานเลื่อนจากห้องครัวออกไปยังระเบียง
จากประตูทางเข้า จะเป็นบานประตูสำเร็จรูป มีตาแมวและที่เปิดประตูแบบคันโยก การล็อกห้องเป็นแบบไขกุญแจ ไม่มี Digital doorlock ส่วนทางซ้ายข้างๆกับประตูจะเป็นเลขที่ห้องพัก
ที่เปิด-ปิดประตูห้องเป็นแบบคันโยก โดยสามารถไขกุญแจได้จากนอกห้อง และบิดที่ล็อก 2 ชั้นจากภายในห้อง
ภายในห้องพักส่วน Living จะปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร ต่างจากตรงทางเดินหน้าห้องของแต่ละชั้นที่เป็นกระเบื้อง และรอยต่อระหว่างสองวัสดุก็จะมีตัวปิดเพื่อความเรียบร้อย
เปิดเข้ามาในห้องก็จะเจอกับพื้นที่ Living กว้าง 3.4 เมตร ที่ส่วนหน้าจะเป็นห้องนั่งเล่น และส่วนหลังจะเป็นห้องนอน ส่วนหน้าก็จะประกอบไปด้วย 2 พื้นที่การใช้งานหลักๆคือโต๊ะทานข้าว และโซฟานั่ง ฝั่งตรงข้ามคือทีวี ทางขวาจะมีประดูเปิดออกไปยังห้องนอน ห้องน้ำ และระเบียง
โครงการนี้จะขายแบบ Partly fitted โดยพื้นที่ส่วนใหญ่จะให้เป็นห้องเปล่า คืออย่างพื้นที่ Living ที่เห็นในภาพก็จะไม่ได้เฟอร์นิเจอร์และฉากกั้นกระจกที่กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน ผนังที่ได้จะเป็นฉาบปูนเรียบ ทาสีขาว แล้วแปะ Wallpaper ส่วนที่ได้จะเป็นสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ เคาท์เตอร์ภายในห้องครัว รวมถึงแอร์ อย่างห้องนี้เป็น type 1 ห้องนอน จะได้แอร์ 1 ตัวในส่วนของพื้นที่ Living ซึ่งไม่ว่าจะใช้งานอยู่มุมไหนก็จะยังได้ความเย็นอยู่
ฝั่งผนังใกล้ๆกับประตูทางเข้าจะมีโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้สองตัววางไว้ให้ดูขนาดพื้นที่ซึ่งสามารถวางได้ในระยะประมาณ 1 เมตร
โซฟาข้างๆกันสามารถวางแบบตัว L ที่มีที่นั่งยาวประมาณ 1.8 เมตรเหมือนในห้องตัวอย่าง หรืออาจจะซื้อแบบที่มีความกว้าง 1.2 เมตรสำหรับนั่ง 2 คนพอดีๆ แล้วซื้อเก้าอี้เดี่ยวแบบ Armchair เพิ่มอีกตัว
ฝั่งตรงข้ามจัดให้ดูแบบชั้นวางทีวีแบบ built-in คือมีตู้แบบติดผนังที่ด้านล่าง มีชั้นวางของที่ด้านบน และมีตู้เก็บรองเท้าที่มุมห้องใกล้ประตูโดยผนังนี้ยาวประมาณ 2.2 เมตร
ระยะดูทีวีภายในห้องนั่งเล่นอยู่ที่ประมาณ 3 เมตร
หันมาที่ส่วนด้านในอย่างห้องนอนกันบ้าง ทางซ้ายจะมีเตียงนอน 5 ฟุตวางชิดผนัง สองฝั่งคือโต๊ะข้างเตียง และฝั่งตรงข้ามคือตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง
โดยตู้เสื้อผ้านี้ก็ควรทำเป็นแบบประตูบานเลื่อน ที่หน้าบานใดบานหนึ่งเป็นบานกระจกเต็มตัว เพื่อเวลาเปิด-ปิดจะได้ไม่ต้องกระทบกับพื้นที่ปลายเตียง
ฉากกั้นที่กั้นพื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนตรงจุดนี้ไม่ได้มาด้วยนะคะ
ส่วนพื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่ใกล้กับหน้าต่างก็สามารถวางโต๊ะข้างเตียงอีกจุดได้สบายๆ แม้ว่าจะเป็นห้อง Studio แต่ก็ยังมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือทั้งสองฝั่ง
ส่วนช่องแสงภายในพื้นที่ Living ก็จะเป็นทั้งหน้าต่างบานเปิดซ้าย-ขวาและบาน Fix รอบๆ โดยสามารถติดม่านเพื่อลดปริมาณแสงที่จะผ่านเข้ามาได้ อาจจะติดเป็นม่านแบบ 2 ชั้นที่เป็นแบบโปร่งและทึบ
วิวจากห้องตัวอย่าง จากอาคาร B อาคารด้านหน้า มองลงไปจะเป็นส่วนของร้านค้าภายในโครงการ ที่ปัจจุบันยังไม่มีการย้ายเข้า
ส่วนมองมุมตรงๆก็จะเป็นมุมที่หันเข้าหาแยกบางโพ จะเห็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่ผ่านหน้าโครงการพอดี
ระหว่างชั้นวางทีวีภายในห้องนั่งเล่น และโต๊ะเครื่องแป้งที่ห้องนอน จะมีประตูบานเปิด ที่เป็นแบบดึงออกเพื่อเข้าสู่พื้นที่ครัวได้ ประตูเป็นแบบบานสำเร็จ มี Doorstop ให้ที่ด้านหลังเรียบร้อยป้องกันการเปิดแล้วกระแทก
ลูกบิดเป็นแบบหัวกลมๆธรรมดา คือไขกุญแจได้จากภายในห้องนั่งเล่น และกดล็อกจากภายในห้องครัว
พื้นจากส่วน Living ที่เป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตรเปลี่ยนเป็นกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีตัวจบระหว่างวัสดุ
เปิดเข้ามาในห้องครัวก็จะมีพื้นที่ครัวขนาด 1.4 x 2.0 เมตร ทางขวามือเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ และทางซ้ายมือเป็นประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงได้ เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องน้ำที่อยู่ด้านในกันก่อนแล้วเดี๋ยวจะกลับมาลงรายละเอียดส่วนห้องครัวอีกครั้งนะคะ
หันมาทางขวาจะเจอกับประตูทางเข้าห้องน้ำ เป็นบานสำเร็จเช่นกัน แต่จะมีช่องระบายอากาศด้านล่างให้ด้านนิดหน่อย เป็นประตูแบบบานผลัก
ระหว่างพื้นที่ครัวและห้องน้ำก็จะมีธรณีกั้นขึ้นมา สูงประมาณ 7 เซนติเมตร พื้นภายในห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องขนาด 20 x 20 เซนติเมตรสีขาว
ภายในห้องน้ำขนาด 1.4 x 2.2 เมตร ประกอบไปด้วยพื้นที่ 3 ส่วน ไล่จากด้านนอกเข้าไปด้านในคือ คือ อ่างล้างมือทางซ้าย มาพร้อมกระจกบานใหญ่ ถัดไปเป็นโถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น และในสุดเป็นพื้นที่อาบน้ำแบบยืน ที่ในห้องตัวอย่างจะมีฉากกั้นมาให้ แต่ในรายการขายจริงจะไม่มีฉากกั้นพื้นที่อาบน้ำตรงนี้มาให้นะคะ ชุดสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทั้งหมดจาก American standard
มาดูสเปกสุขภัณฑ์กันดีกว่า เร่ิมจากอ่างล้างหน้า เป็นแบบติดเข้าผนังข้างๆ ไม่มีเคาท์เตอร์ก่อปูนหรือเป็นแบบฝั่งเข้าไป ถัดไปหน่อยจะมีพื้นที่ปูนก่อออกมาประมาณ 10 เซนติเมตรให้วางของใช้ได้ แต่ถ้าต้องการพื้นที่เพิ่ม ก่อเป็นตู้ใต้อ่างจะดีกว่า
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์ ข้างๆมีสายฉีดชำระ และที่แขวนม้วนทิชชู
ด้านในสุดเป็นพื้นที่อาบน้ำแบบยืนขนาด 0.8 x 1.2 เมตร ไม่มีฉากกั้นมาให้
ด้านในเป็นฝักบัวแบบมือจับ มีที่เปิด-ปิดน้ำอยู่ด้านล่าง และมีที่วางสบู่ให้ 1 ก้อนถ้วน ด้านบนมีการต่อระบบท่อเรียบร้อยพร้อมรองรับการติดเครื่องทำน้ำอุ่น
เนื่องจากห้องน้ำอยู่ด้านในของอาคาร การระบายอากาศเลยจะมีตัวระบบหมุนเวียนฝังอยู่บนเพดาน ประกอบกับห้องน้ำอยู่แนวเดียวกันกับห้องครัวและระเบียงก็น่าจะไม่มีปัญหา
กลับมาที่ห้องครัว มีเคาท์เตอร์ด้านล่าง ด้านขวามีอ่างล้างจาน ด้านซ้ายเป็นพื้นที่เตรียมอาหาร แต่ไม่มี Hob and hood ทำให้การทำอาหารอาจจะจริงจังน้อยลงหน่อย อาจจะเป็นแบบใช้ไมโครเวฟ หรือซื้อเตาแบบพกพาเล็กๆใช้ในบางโอกาส ส่วนด้านล่างมีทั้งแบบเป็นบานปิดและช่องเปิด ส่วนด้านบนก็จะเป็นช่องเก็บของใช้ภายในครัว
ขวามือของเคาท์เตอร์ก็จะมีช่องวางตู้เย็นอยู่เป็นแบบฝาเดียว
ระยะเวลาเปิดตู้เคาท์เตอร์ด้านล่างก็กินพื้นที่การเดินในครัวไปพอสมควร การใช้งานครัวนี้อาจจะเหมาะกับคนๆเดียวมากกว่า
ต่อมาเป็นช่องแสงของส่วนครัวกันบ้างก็จะเป็นแบบประตูบานเลื่อน 2 ตอน กรอบอลูมิเนียมทาสีดำ
ระหว่างพื้นที่ก็จะมีธรณีก่อขึ้นมากั้นประมาณ 8 เซนติเมตร แล้ววางกรอบประตูลงไป พื้นที่ระเบียงด้านนอกขนาด 1.2 x 1.4 เมตร ปูด้วบกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตรสีเทากลางๆ
พื้นที่ระเบียงนี้จะสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ ที่ใต้ที่วาง Compressor แอร์ สองฝั่งก็จะมีก๊อกน้ำและจุดท่อน้ำทิ้ง และมีไฟระเบียงติดอยู่ที่ผนังอีกฝั่ง
ต่อมาเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนขนาด 35 ตารางเมตร Function การใช้งานก็ยังคล้ายกับแบบ Cooper และ Studio อยู่ โดยมีส่วนที่เพิ่มเข้ามาหลักๆคือระเบียงจากส่วนห้องนอน ที่แยกออกจากระเบียงจากส่วนพื้นที่ครัว ซึ่งระเบียงจากห้องนอนจะเหมาะเป็นระเบียงดูวิว พักผ่อน แต่ระเบียงจากห้องครัวจะเป็นระเบียงที่ใช้งานซักล้างหรือทำความสะอาดมากกว่า อีกจุดหนึ่งคือจะมีประตูบานเลื่อนกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน ทำให้การแบ่งสัดส่วนดียิ่งขึ้น
โดยตั้งแต่เปิดประตูทางเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น โดยทางขวามือจะเป็นที่วางโซฟาและโต๊ะทานข้าว ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี จากนั้นจะเป็นบานประตูเลื่อนกั้นก่อนจะเข้าห้องนอน ภายในห้องนอนก็จะมีเตียง ฝั่งตรงข้ามคือตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้ง ระหว่างชั้นวางทีวีและโต๊ะทำงานก็จะมีประตูเปิดออกไปยังห้องครัวได้ โดยทางซ้ายมือของห้องครัวจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ส่วนระเบียงก็จะสามารถออกได้จากห้องครัว การวางห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงไว้ในแนวเดียวกันทำให้การระบายอากาศจากการทำอาหารหรือห้องน้ำระบายด้วยระบบธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น
ถัดมาเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 58 ตารางเมตร ที่เป็นห้องมุมสุดทางเดินแบบหน้ากว้าง โดยห้อง type นี้จะมีห้องตัวอย่างที่ตกแต่งเรียบร้อยอยู่ภายในอาคาร แต่จะขอยกรายละเอียดภาพในห้องไปไว้ใน part 2 นะคะ
จากประตูทางเข้า เปิดเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ Living ทั้งส่วนพื้นที่ทานอาหารเพียงพอสำหรับ 4 ที่นั่ง ด้านในจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่มีโซฟา โต๊ะกลางและชั้นวางทีวี และมีประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงด้านนอก ระหว่างชั้นวางทีวีและโต๊ะทำงานก็จะมีประตูเปิดออกไปยังห้องครัวได้ โดยทางซ้ายมือของห้องครัวจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ส่วนระเบียงก็จะสามารถออกได้จากห้องครัว ส่วนทางเดินเข้าห้องน้ำและห้องนอนอีก 2 ห้องจะอยู่ทางฝั่งขวา โดยสุดปลายทางเดินจะเป็นประตูเข้าห้องนอนใหญ่ที่ไม่มีระเบียงและห้องน้ำเป็นของตัวเอง รวมถึงห้องนอนเล็กทางซ้ายมือที่มีขนาดพอจะวางเตียงเดี่ยวได้ และทางขวาจะเป็นห้องน้ำอีกห้องหนึ่ง
แบบห้องนี้จะเหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก เพราะ Master bedroom เป็นแบบไม่มีห้องน้ำและระเบียง ทำให้ห้องน้ำที่อยู่ใกล้กับห้องนอนทั้งสองจะต้องถูกใช้ร่วมกันทั้งสมาชิกครอบครัวจากทั้งนอนใหญ่และเล็ก และห้องน้ำที่อยู่ใกล้ครัวจะเป็นห้องน้ำแขกและห้องน้ำที่เหมาะกับการซักล้างมากกว่า
แบบสุดท้ายเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 63 ตารางเมตร ที่เป็นห้องที่อยู่ตรงกลางทางเดินแบบหน้ากว้าง ต่างจากห้องแบบห้องมุมด้านบนบางจุดใหญ่ๆ เช่น ระเบียงจากห้องนั่งเล่นและห้องครัวต่อกันเป็นรูปตัว L และลดพื้นที่จากห้องนอนเล็กเพื่อมาเพิ่มพื้นที่ห้องนอนใหญ่ ทำให้ห้องนอนใหญ่มีพื้นที่ Walk-in Closet ซึ่งเป็นจุดที่ต่อกับห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่ได้
จากประตูทางเข้า เปิดเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ Living ทั้งส่วนพื้นที่ทานอาหารเพียงพอสำหรับ 4 ที่นั่ง ด้านในจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่มีโซฟา โต๊ะกลางและชั้นวางทีวี และมีประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงด้านนอกที่เชื่อมต่อกับระเบียงจากห้องครัว ระหว่างชั้นวางทีวีและโต๊ะทำงานก็จะมีประตูเปิดออกไปยังห้องครัวได้ โดยทางซ้ายมือของห้องครัวจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ระหว่างพื้นที่โต๊ะทานข้าวและโซฟาก็จะมีทางเดินไปยังห้องนอนใหญ่และเล็ก ซึ่งภายในห้องนอนใหญ่นี้จะต่างจากแบบห้องมุมที่จะมีห้องน้ำและ Walk-in Closet ส่วนตัว
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 November 2015
- Studio อาคาร A เนื้อที่ 29.50 ตารางเมตร ราคา 2.4 ล้านบาท หรือ 81,350 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom อาคาร B เนื้อที่ 58.5 ตารางเมตร ราคา 4.8 ล้านบาท หรือ 82,000 บาท/ตร.ม.
- Partly Furnished
- เพดานสูง 2.55 เมตร
- Kitchen & Sink
- Studio จองพร้อมทำสัญญา 10,000 บาท ส่วนลดในวันโอนกรรมสิทธิ์ 100,000 บาท
- 2 Bedrooms จองพร้อมทำสัญญา 20,000 บาท ส่วนลดในวันโอนกรรมสิทธิ์ 200,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 32 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ The Tree Interchange เป็นโครงการภายใต้แบรนด์ The Tree ของพฤกษา ที่เน้นโครงการใหญ่ จำนวนยูนิตเยอะ และมี Facility ส่วนกลางเป็นตัวชูโรง โดยโครงการคอนโดตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์สาย 2 เกาะเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่ต่อมาจากสถานี MRT บางซื่อแล้วเหินฟ้าขึ้นไปเป็นสถานีสายสีน้ำเงิน ทำเลเตาปูน-บางโพเดิมทีเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยย่านชานเมืองกรุงเทพที่อีกนิดจะต่อกับนนทบุรีทางเหนือ ทางตะวันตกเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบทำเลถือว่ามีร้านค้า ร้านอาหาร โรงพยาบาล โรงเรียนอยู่รอบๆในระยะไม่เกิน 5 กิโลเมตร และการมีเส้นทางรถไฟฟ้าเพิ่มเข้ามาทำให้ผลักดันความเจริญในพื้นที่มีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคอนโดตามแนวรถไฟฟ้า Community mall ต่างๆที่พยายามผลักดันตัวเองเข้ามาในพื้นที่ เพราะจำนวนผู้อยู่อาศัยจะเจอขึ้นตามจำนวนคอนโดสร้างเสร็จ ยังไม่นับรัฐสภาใหม่ที่แยกเกียกกายที่กำลังก่อสร้าง จะทำให้ทำเลยิ่งมีการความเจริญและจำนวนคนเข้า-ออกพื้นที่เพิ่มมากขึ้น
การเดินทางโดยใช้รถ โครงการตั้งอยู่ตรงกลางของถนนประชาราษฎร์สาย 2 ระหว่างแยกเตาปูนและแยกบางโพ มีจุดกลับรถอยู่ในระยะไม่เกิน 500 เมตรทั้งสองทาง โดยแยกเตาปูนจะเป็นแยกที่สามารถขึ้นเหนือไปตามเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วงขึ้นนนทบุรี หรือจะใช้เส้นที่ขนานกันอย่างเส้นประชาชื่นก็ได้ แต่รถติดมากในช่วงหลังเลิกงาน เพราะมีออฟฟิสอยู่ใกล้ๆอย่าง SCG ไกลออกไปหน่อยอย่าง PTT ที่จะกลับบ้านในช่วงเย็นเยอะ และมีทางขึ้น-ลงทางด่วนทั้งเข้าเมืองไปทางพญาไท หรือออกเมืองไปถึงปทุมธานี บนถนนประชาชื่นแถวโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ด้วย ทำให้คนนิยมใช้เส้นนี้มาก นอกจากนั้นก็ยังเลี้ยวไปข้ามสะพานสูงไปทางถนนสามเสนหรือพระราม 6 เพื่อเข้าเมืองได้
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ มีระบบขนส่งอย่าง MRT สายสีม่วงที่คาดมานานว่าจะเปิดให้บริการทดลองใช้ภายในสิ้นปีนี้ (จากข่าวอัพเดท เปลี่ยนแปลงเป็นช่วงวันแม่ของปีหน้า หรือ 12 สิงหาคม 2559 นะคะ) ซึ่ง MRT สายสีม่วงคือสถานีเตาปูนที่เป็นสถานี Interchange ระหว่างสายสีน้ำเงินข้ามแม่น้ำด้วย โดยระยะเดินระหว่างตัวสถานีถึงทางเข้าโครงการอยู่ที่ 600 เมตร แต่ก็จะมีอีกสถานีหนึ่งที่ใกล้หน่อย 350 เมตรคือสถานี MRT บางโพ นอกจากนั้นพี่วินก็จะมีอยู่ที่ใต้สถานีต่างๆ ใกล้ๆโครงการก็จะมีตามซอยที่เป็นซอยหอพักคนอยู่จำนวนเยอะหน่อย นอกจานั้นก็ยังมีรถเมล์วิ่งผ่านทั้งสองฝั่งบนถนนประชาราษฎร์ สามารถใช้สะพานลอยคนข้ามได้ หรือในอนาคตจะใช้บันไดรถไฟฟ้าเป็นที่ข้ามฝั่งก็ได้
วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นเดือนพฤศจิการยน 2558 เป็นการขายแบบ Partly furnished คือ ให้เฉพาะในห้องครัว ห้องน้ำ และ Wallpaer เท่านั้น ที่เพิ่มเข้ามาอีกหน่อยคือแอร์ ที่ห้องขนาดเล็กจะได้ 1 เครื่อง และห้องแบบ 2 ห้องนอนจะได้ 3 เครื่อง ดังนั้นเวลาเข้าไปในห้อง ส่วนที่เป็นพื้นที่ Living ก็จะดูโล่งหน่อยเพราะไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือ Built-in ใดๆ ในห้องครัวจะเป็นเครื่องครัวจาก Starmart และห้องน้ำเป็นสุขภัณฑ์จาก American standard วัสดุอื่นๆอย่างพื้นส่วน Living จะเป็นไม้ลามิเนตหนา 8มิลลิเมตร ในห้องครัวและระเบียงจะเป็นกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตร แต่ในห้องน้ำจะเป็นขนาด 20 x 20 เซนติเมตร ความสูงถึงฝ้าที่ 2.55 เมตร กรอบประตูเป็นกรอบอลูมิเนียมทาสี
การออกแบบโครงการเป็นการพัฒนาพื้นที่ผืนใหญ่มากกว่า 11 ไร่ ติดถนนใหญ่ที่มีรถไฟฟ้า ใหญ่ขนาดที่สามารถสร้างตึก High rise ได้ 2 อาคารแล้วมีพื้นที่เหลือทำสวนได้ประมาณ 5 ไร่ซึ่งน่าจะเป็นไประเบียบการยื่นขอ EIA ที่มีมีสัดส่วนพื้นที่ขายต่อพื้นที่สีเขียวกำหนดไว้ ประกอบกับยังมี Setback จากถนนใหญ่พอสมควรทำให้ความสูงอาคารทั้งสองสูงขึ้นไปได้อีก โดยอาคาร A สูง 40 ชั้น และอาคาร B สูง 39 ชั้น รวมทั้งสิ้น 1,724 ยูนิต จะขอพูดถึงอาคาร B ที่เราพากันไปดูวันนี้ คือเป็นอาคารที่ใกล้กับถนนมากกว่าอาคาร A ได้วิวสวยน้อยกว่าอาคาร A วิวที่สวยคือวิวตะวันตกเฉียงเหนือที่หันหน้าไปทางแยกบางโพ ได้วิวไม่น้ำไกลๆ แต่ในอนาคตหลังจากโครงการรอบข้างสร้างเสร็จก็น่าจะมีตึกสูงมาบังวิวบางมุมเยอะพอสมควร ส่วนวิวอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจคือวิวตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นวิวในเมือง เป็นวิวที่เสี่ยงน้อยกว่า นิ่งกว่า เพราะพื้นที่ฝั่งนั้นจะเป็นบ้านพักอาศัยชุมชนและค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่ ทำให้น่าจะมีวิวมาบังได้ยากกว่า
การออกแบบห้องของอาคาร B เป็นแบบ Double corridor ตามอาคารรูปตัว I มีจำนวนยูนิตสูงสุดที่ชั้น 11-27 ที่ 21 ยูนิต ห้องขนาดเล็กหน่อยอย่าง Cooper-Studio-1ห้องนอน จะมีแปลนห้องที่คล้ายกัน คือแบ่งส่วน Living ออกจากห้องครัว ห้องน้ำและระเบียง แตกต่างแค่บาง Function ที่เพิ่มเข้ามาตามขนาด และระยะสบายต่างๆอย่างระเบียง ระยะดูทีวี พื้นที่รอบเตียง เป็นต้น ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอนก็จะมี 2 แบบคือแบบห้องมุมและห้องตรงกลาง ก็จะเป็นแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ที่ต่างกันคือแบบ 2 ห้องนอนห้องกลาง ส่วน Master bedroom จะมีห้องน้ำในตัว แต่แบบห้องมุมจะไม่มี น่าแปลกที่แม้ว่าจะเป็นโครงการที่ค่อนข้างจะวิวเปิดโล่งมาก แต่กลับออกแบบให้ระเบียงของห้องพักมีขนาดเล็ก และมีจุดประสงค์เพื่อการซักล้างมากกว่าจะ Take วิวสวยๆจากห้องพักตัวเอง
สาธารณูปโภคส่วนกลางถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการตามแบรนด์ The tree โดยเร่ิมตั้งแต่ชั้น 1 ด้านนอกก็จะมีพื้นที่สวน สำหรับอาคาร B ก็จะมีรวมกัน 2 ไร่อยู่ตามจุดต่างๆทั้งหน้า-ข้าง-หลังอาคาร และมีพื้นที่ Entrance hall ก่อนจะเข้าถึงตัว Lobby ภายใน Lobby ก็จะมีโซฟา ห้องจดหมายขนาดใหญ่ก่อนเข้าโถงลิฟท์ที่ภายในมีลิฟท์โดยสาร 5 ตัว Service Lift 1 ตัว ทำให้อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 128:1 ที่ชั้น 2-7 ก็จะเป็นชั้นจอดรถที่อาคาร B ประมาณ 60% คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) 2 Bedroom มีที่จอดประจำ 1 คัน ชั้น 8 ก็จะเป็นชั้น Facility ครึ่งชั้น มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนสแบบ 2 ชั้น Multi-purpose room และห้องน้ำแยก จากนั้นขึ้นไปอีกที่ชั้น 40 จะมีพื้นที่เปิดโล่ง มีจัดเก้าอี้สนามไว้ให้ และยังสามารถขึ้นบันไดไปที่ชั้น Sky lounge ด้านบนที่สามารถมองวิวได้ดี
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 82,000 บาท/ตร.ม., 13 November 2015
- ทำเล 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ประชาราษฏร์สาย 2 เป็นชุมชนอยู่อาศัย ในระยะเดินมีของกิน ไกลหน่อยมีตลาด Lotus
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – จุดกลับรถไม่ไกลทั้งสองฝั่ง ข้ามแม่นำ้เจ้าพระยาง่าย ใกล้นนทบุรี แต่รถติดมาก
- ไม่ใช้รถ 8/10 – 350 เมตรจากสถานีบางโพ และ 600 เมตรถึงสถานีเตาปูนที่เป็นสถานี Interchange ได้ทั้งเข้า-ออกเมือง
- วัสดุ 7.25/10 – Partly furnished ได้แค่ห้องน้ำ ครัว แอร์ Wallpaper
- แบบ 7.5/10 – มีห้องตั้งแต่ขนาด 22 – 63 ตารางเมตร ซึ่งแบบค่อนข้างปกติ Cooper-studio-1bed คล้ายกันต่างแค่ขนาด
- สาธารณูปโภค 8.25/10 – มีสวนรวมทั้งโครงการ 5 ไร่ แต่และอาคารมีชั้น Facility เป็นของตัวอย่างอาคารละประมาณชั้น 2 ชั้นครึ่ง
- MAIN CLASS
- 7.61 / 10.00
BOTTOM LINE
The Tree Interchange เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดโครงการใหญ่ Facility เยอะ เพื่อนบ้านเยอะเช่นกัน ตำแหน่งเกาะสายรถไฟฟ้า ไม่ได้อยู่ติดสถานีแต่อยู่ในระยะเดินได้ เหมาะกับทั้งคนที่อยู่ในพื้นที่หรือทำงานในพื้นที่ หรือคนที่ชอบวิวมุมกว้างเพราะบางมุมได้วิวแม่น้ำหรือรัฐสภา มีงบประมาณระดับ 2.5 – 5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนที่ประมาณ 17,000 – 35,000 บาทต่อเดือน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )